ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dating Idol อยากจะรัก...เดี๋ยวจัดให้ [INFINITE&MBLAQ]

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 17 : ภาวะจำยอม

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 57


     


    Chapter 17 : ภาวะจำยอม

     

    ทีมงานถ่ายแบบทั้งทีมกลับสู่ที่พักไม่ดึกมากนัก โดยมีลิซติดรถมาด้วยก่อนจะขอแยกกลับไปที่พักตัวเองแทนที่จะให้รถไปส่ง ร่างบางเดินผ่านประตูด้านหน้าออกมาเพื่อเตรียมเรียกแท็กซี่เพราะโรงแรมก็อยู่ไม่ไกลมาแต่เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงอยากรีบกลับไปพักผ่อนเตรียมตัวเพื่อเก็บงานของพรุ่งนี้อีกเซตให้เสร็จ

    ขณะที่สายตากำลังสอดส่ายหารถที่ว่าง มือปริศนาก็ตบหนักๆ ลงบนบ่าทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงพร้อมหันกลับไปมองอย่างระวังตัว

    “ไง...?”

    “โธ่เอ๊ย.. ตกใจแทบแย่นึกว่าใคร”   ลิซเป่าปากฟู่เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนของเธอเอง

    “แล้วคิดว่าใคร?”   เขาถามด้วยรอยยิ้มล้อ แต่โดนลิซมองกลับด้วยสายตาดุๆ

    “ไม่คิดว่าใครทั้งนั้นแหละ! 

    “ฉันมีอะไรจะบอกแก แต่เมื่อกี๊ฉันลืม... พอดีนึกได้ก็เลยตามออกมา” 

    ลิซมองเพื่อนตัวสูงที่พูดยืดยาวด้วยสีหน้าแปลกใจ เธอนึกสงสัยว่ามันจะมีเรื่องอะไรสำหลักสำคัญถึงขนาดต้องออกมาจากโรงแรมเพื่อบอกกันขนาดนั้น ทั้งที่ปกติไมค์ไม่ได้เป็นแบบนี้สักนิดหรือหากเร่งด่วนหน่อยก็แค่โทร.เอา

    “กลับเข้าไปข้างในก่อนไป”   พูดจบเขาก็ใช้สองนิ้วหนีบแขนเสื้อเธอให้เดินตาม โดยที่เธอขืนเอาตัวไว้

    “มีอะไร?”  เขาหันมาถาม

    “คุยตรงนี้ไม่ได้เหรอ?”

    “ฉันเมื่อย! ถ่ายแบบคู่กับหลักกิโลอย่างแกมันเมื่อย เมื่อยคอ เมื่อยขา เมื่อยหน้า เข้าใจมั้ย?”

    ลิซเบะปากใส่พร้อมทั้งรัวบ่นแบบไม่มีเสียงใส่หลังเพื่อนจอมเหวี่ยงเมื่อสุดท้ายก็แสดงความเอาแต่ใจในร่างจริงออกมา เธอได้แต่เดินตามแรงดรรชนีคู่ที่หนีบแขนเสื้อไปแกนๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรที่ดีกว่านั้น แถมยังไม่เข้าใจว่าเกิดมาเตี้ยมันผิดตรงไหน(วะ)

     

    เครื่องดื่มสองแก้วถูกพนักงานนำมาเสิร์ฟตรงหน้าของทั้งคู่ ไมค์ที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ของตัวเองเล่นอยู่ระหว่างรอจึงหันมาให้ความสนใจทั้งเครื่องดื่มและเพื่อนที่เขาอุตส่าห์เดินออกไปลากเข้ามา

    “ลิซ.. แกสนิทกับนักร้องเกาหลีคนนั้นมากไหม?”

    “นักร้องคนไหนล่ะ?”  เธอตอบหน้ามึน

    “คิม..ซอง..กยู..”

    ไมค์ยื่นหน้ามาพูดทีละคำอย่างไม่อ้อมค้อมด้วยหน้าตามีเลศนัยก่อนจะหยิบแก้วเครื่องดื่มตรงหน้าขึ้นมาดูดพลางทิ้งหลังลงพนักเก้าอี้อย่างกวนประสาท

    “ก็... ไม่นี่... ถามทำไม?”  

    “ถ้าไม่ได้สนิท.. ทำไมเขาต้องหึงใส่ฉันด้วย!?”   ไมค์ยื่นหน้ามาถามอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยท่าทางตื่นเต้นเพิ่มขึ้นอีกสามร้อยเปอร์เซนต์

    “หึงแรงขนาดรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าจากตาเล็กๆ นั่น ช็อตจื๊ดๆ ใส่ฉันเลยนะเว้ย!  

    “เขาชอบแกมั้ง?”   ลิซแหย่ขำๆ

    “เฮ้ย! บ้า!  แกอย่ามาจิ้น ไม่ตลก”   ไมค์ทำหน้าแหยงใส่

    “เดี๋ยวๆ! แล้วแกไปเจอเค้ามาเมื่อไหร่?”

    “แหนะๆๆ สนใจหล่ะเซ่...”   

    ทันทีที่ได้ยินคำถามของเธอ จากหน้าแหยงๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นชี้หน้ายิ้มล้อเลียนจนคนโดนล้อเริ่มเขินแล้วปัดมือคนตรงหน้าทิ้งแต่เจ้าตัวก็ยังล้อไม่เลิก

    “อะไรๆ... ไม่มีอ้ะ”   ลิซปฏิเสธพลางหันไปทางอื่น

    “งั้นก็ดี... ฉันไปนอนหละ”

                อยู่ดีๆ ไมค์ก็ลุกขึ้นยืนเสียอย่างนั้นทำเอาคนตรงข้ามเงยหน้ามองตามอย่างตามอารมณ์ไม่ทันและหลุดปากเรียกเอาไว้

                “เฮ้ย! เดี๋ยวดิ่... ยังไม่รู้เรื่องเลย..”

                “สนใจขึ้นมาแล้วใช่ป่ะ?”    ชายหนุ่มทรุดตัวลงมานั่งที่เดิมตามด้วยการยิ้มล้อเหมือนก่อนเธอจึงรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าเต็มๆ

                “เปล๊า!

                “แหม... เสียงสูงปรี๊ดดดด.. เอาเถ้ออออ... จะบอกให้แล้วกัน ฉันเจอเขาที่ร้านอาหารเกาหลีที่เราไปกินด้วยกันแล้วเขาก็มองฉันแบบเขม่นสุดๆ ไฟฟ้าสถิตนี่ลั่นเปรี๊ยะๆ! เขาเล่าอย่างออกรส

                “ทำไมไม่บอกตั้งแต่ที่ร้าน!?” 

                “ทำไม? เขาโทร.หาใช่มั้ยล่ะ?”    

                “รู้ได้ไง?”

                “ได้ยินตอนไปเข้าห้องน้ำเต็มสองรูหูเลยเหอะ ให้ฉันพูดป่ะ... เขาชอบแกว่ะลิซ”

                “ฉันกลับละ...” 

    ลิซลุกขึ้นทำเอาคนที่กำลังพูดชะงักกึก ยิ่งเห็นเพื่อนเดินออกไปจริงๆ ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ขายาวๆ ก้าวตามก่อนจะรั้งเอาไว้แต่กลับต้องผิดหวังเพราะเธอดึงมือเขาออกและตบหนักๆ ลงที่แขนทีนึงแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก

     

     

    ---------------- ----------------

     

    จำนวนคนที่มากมายบวกกับเสียงกรี๊ดดังสนั่นทำเอาสนามบินกว้างๆ ดูแคบลงถนัดตา ร่างสูงพร้อมทีมงานที่เพิ่งก้าวลงรถเดินเข้าสู่ตัวอาคารอย่างแปลกใจก่อนจะมีมือหนักๆ จับที่ต้นแขนและกระซิบเบาๆ

    “วันนี้มีคอนเสิร์ตเกาหลีแล้วบางคนกลับไฟล์ทคืนนี้ รีบไปก่อนแกจะโดนรุม”

    ลิซดันไมค์ให้ออกเดินเร็วๆ แต่เสียงกรี๊ดสนั่นขึ้นไม่ไกลจากทางที่ชายหนุ่มเดินแต่ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องก้าวขาช้าลงคือเสียงตะโกนเรียกชื่อของเขา

     

    ไมค์!!!!!....

     

                กรี๊ดดดดดด!!!!...

     

    “ไม่ทันแล้วว่ะ! 

    ไมค์เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ทางเสียงที่เรียกก่อนจะโบกมือให้ซึ่งนั่นเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นมาอีกระลอก กล้องเป็นร้อยตัวในบริเวณนั้นเริ่มย้ายโฟกัสรัวชัตเตอร์กันไม่ยั้ง ลิซมองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนของเธอดังถึงขนาดนี้ทั้งที่นี่เป็นต่างประเทศ

    หญิงสาวหันไปบอกลาทีมงานที่กำลังจะทยอยเข้าเกตอีกครั้งแล้วขอตัวกลับ ทันทีที่ทั้งหมดเข้าไปเรียบร้อยมือบางก็หยิบพาสปอร์ตของตัวเองออกมาก่อนจะสาวเท้าตรงไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสายการบิน ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรมือปริศนาก็คว้าหมับที่แขนของเธอแล้วกระชากออกมาจากตรงนั้น

    “จะไปไหน!?    เสียงคุ้นหูดังขึ้นจนเธอชะงัก

    “คุณเอริค! 

     

    เสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นอีกครั้งขัดจังหวะของทั้งคู่เอาไว้ ร่างสูงของผู้ชายหลายคนกำลังทยอยเดินผ่านเข้าสู่ทางเดินภายในตัวอาคารไม่ห่างมากนัก พลันแววตาตื่นของเธอก็สบเข้ากับดวงตาคมคู่หนึ่งที่คุ้นเคย เขาเขม่นมองราวกับตั้งคำถามแต่เธอกลับทำหน้าเจื่อนพร้อมส่ายศีรษะเบาๆ แทนคำตอบก่อนจะถูกลากออกไปจากตรงนั้น

     

    ภาพสายตาของยังซึงโฮที่ส่งมายังวนเวียนอยู่ในหัว ไวเท่าความคิดลิซกระชากแขนออกจากการเกาะกุมของคนข้างๆ แล้วออกตัววิ่งแต่นั่นอาจจะเรียกว่าเป็นความคิดที่โง่เง่าที่สุดที่เคยทำมาเลยก็ได้ถ้าไม่นับตอนที่คว้าไม้เบสบอลฟาดกบาลมาเฟียแบะตอนนั้น

     

    หมับ!

     

    กึก!

     

    เสียงกึกดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับร่างบางที่ชะงักค้างตามด้วยการเด้งกลับสู่ที่เดิมด้วยความเร็ว กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ถูกคว้าไว้ได้ทันทำให้เจ้าของยังคงติดแหงกอยู่กับเอริคอย่างไม่ต้องสงสัย สุดท้ายก็ถูกเขาพากลับไปโรงแรมอย่างไม่ลำบากลำบนอะไรนัก

     

    เมื่อความตั้งใจที่จะหนีกลับพังไม่เป็นท่า ลิซก็ได้แต่นั่งถอนหายใจทิ้งขว้างต่อหน้าต้นเรื่องด้วยความไม่พอใจ

    “เป็นคนใจร้อนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

    คำถามแรกหลุดออกจากปากผู้ชายร่างสูงผู้ที่เจ้ากี้เจ้าการชีวิตเธอมากที่สุดที่เพิ่งพาตัวเธอกลับมาจากสนามบินไม่นานนัก

    “อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดี”   ลิซตอบง่ายๆ

    “แต่ก็ต้องอยู่!  

    น้ำเสียงเอาจริงถูกส่งมาจากคนตรงหน้าก่อนจะทิ้งเธอไว้ให้อยู่คนเดียวตามเดิม เมื่อแน่ใจว่าเขากลับไปแล้วใบหน้าหวานก็ก้มลงพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าแน่นอย่างอัดอั้น

    กำแพงของความอดทนกำลังจะพังลงทุกขณะ เธอรู้สึกว่าทั้งหมดที่ทำไปมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

     

    ...ถ้ากลับประเทศไทยไม่ได้ก็กลับเกาหลี... เชื่อฉันนะ....

     

    ข้อความที่ได้รับจากซึงโฮเมื่อคืนเป็นข้อความแรกหลังจากที่เขารู้เรื่อง ลิซรู้สึกผิดอยู่บ้างที่วันนั้นแทบไม่ได้พูดหรือทำอะไรให้สถานการณ์ระหว่างทั้งคู่ดีขึ้น เธอคิดทบทวนอยู่นานก็ตัดสินใจได้แต่มันก็ไม่สำเร็จง่ายๆ เพราะเอริคคืออีกคนที่รู้จักเธอดี

    สัญญาณสั่นเบาๆ ทำให้หลุดจากห้วงความคิด นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอโทรศัพท์เปิดโปรแกรมแชทขึ้นมา ข้อความทักทายที่ปรากฏสร้างความแปลกใจให้เธออย่างมากเมื่อเป็นข้อความจากซองกยู

    “เขายังไม่กลับอีกเหรอ?”

     

    ประตูร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักมากนักถูกเปิดออก สายตาของลิซสอดสายตาหาคนที่นัดไว้อย่างระวัง พนักงานที่สังเกตเห็นเดินเข้ามาทักเธออย่างรู้งานก่อนจะพาเธอเข้าไปห้องส่วนตัวด้านใน

    ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเล่นเอาเธอตาโตเพราะจำนวนสมาชิกภายในห้องนั้นที่มีมากกว่า 7 คนทำให้เธอเริ่มประหม่า ซองกยูเหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของเธอเขารีบลุกขึ้นมาหาพร้อมกับหาที่นั่งให้เธอเสร็จสรรพก่อนจะแนะนำกับคนอื่นๆ อีกครั้งในฐานะเพื่อนที่ร่วมรายการด้วยกันและเจอกันด้วยความบังเอิญ

    ลิซทักทายตามมารยาทกับทุกคนก่อนจะนั่งลง หลายๆ คนเป็นคนที่เธอเคยพบก่อนหน้านี้แต่จะให้ทำตัวเป็นธรรมชาติเสียทีเดียวมันก็คงดูแปลกไปสักหน่อย แถมเธอก็ไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับการมาเจอคนเยอะๆ ขนาดนี้มาเลย

    “ไม่ต้องกังวลนะฮะนูน่า มีผมอยู่ทั้งคน”   นัมอูฮยอนที่นั่งข้างๆ กระซิบพร้อมกับส่งวิ้งค์มาให้อีกหนึ่งทีเบาๆ

    “อะแฮ่ม!

    เสียงกระแอมที่ดังขึ้นอีกฝั่งของลิซเรียกเสียงหัวเราะคิกคักให้กับคนในโต๊ะหลายๆ คนได้อย่างดีรวมทั้งอูฮยอนที่เพิ่งโชว์แมนไปด้วย ส่วนลิซเองก็หันไปยกแก้วน้ำยื่นให้คนข้างๆ แทนคำพูดยิ่งทำให้เหล่าน้องๆ กลั้นขำกันแทบไม่ไหวโดยมีสายตาอำมหิตของลีดเดอร์มองขู่แต่ละคนอยู่

    “เมื่อวานคุณอยู่ร้านเดียวกับฉันเหรอคะ?” 

    คำถามจากคนข้างๆ ทำเอาซองกยูที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มแทบสำลักก่อนจะหันไปสบตากับอูฮยอนที่มองเมิงทำเป็นกินอย่างไม่รู้ไม่ชี้

    “...อ้อ อื้ม...”    ซองกยูไม่รู้จะปฏิเสธยังไง

    “แล้วทำไมคุณไม่บอกล่ะ?” 

    “นูน่าลองชิมนี่สิฮะ...”    ซองจงเห็นท่าไม่ดีรีบคีบเนื้อที่เพิ่งย่างเสร็จให้ลิซด้วยท่าทางน่ารัก

    “ขอบคุณนะ”   เธอหันมายิ้มให้แล้วลองชิม

    ซองกยูหันไปมองหน้าของมักเน่ที่ยักคิ้วส่งให้อย่างโล่งอก แต่เมื่อหันไปเจอสายตาของเมเนเจอร์ฮยองก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วคีบซูชิในจานเข้าปากไปบ้าง

    เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่โต๊ะยาวๆ ก็เริ่มแยกกลุ่มคุยกัน บางคนก็ขอตัวแยกออกไปก่อนภายในห้องจึงคุยส่วนตัวได้สะดวกมากขึ้น ด้านลิซก็ถูกหนุ่มๆ ล้อมอย่างสนใจเพราะครั้งที่แล้วตอนเจอที่เกาหลีพวกเขาได้แต่นั่งมองอยู่ห่างๆ เท่านั้น

    “นูน่าฮะ... ตอนมองตาซองกยูฮยองในรายการนูน่าเห็นอะไรเหรอ?”   อีซองยอลถามแต่กลับเรียกสายตาของสมาชิกที่เหลือให้หันมามองได้ทันที

    “ทำไมอ่ะ? ก็ฉันสงสัยอ่ะ”   ซองยอลหันมาทำหน้ามึนๆ ใส่แอลที่มองตาปริบๆ โดยไม่พูดอะไร

    ลิซหันมองซองกยูที่นั่งอยู่ข้างเธอก่อนจะหันไปหาซองยอลอีกครั้ง ทุกสายตาดูจะตั้งใจฟังมากทีเดียวไม่เว้นแม้แต่คนที่ถูกถามถึง

    “ก็... ความสุข ความอบอุ่น แค่รู้สึกว่าเขาจะเป็นคนที่ปกป้องดูแลคนอื่นได้ดีน่ะ”

    “หูยยยยยยย....” 

    เสียงร้องประสานกันโดยมิได้นัดหมายดังขึ้นหลังจากที่เธอพูดจบและทุกสายตาก็เหล่มองพี่ชายที่นั่งเก๊กขรึมอย่างหมั่นไส้กรายๆ

    “ย่าห์! ทำไมๆ ไม่เชื่อรึไง?”   สุดท้ายซองกยูก็อดว๊ากขึ้นมาไม่ได้

    “แล้วฮยองคิดจะปกป้องใครบ้างล่ะ?”  อูฮยอนเห็นพี่ชายมัวแต่วางฟอร์มจึงจัดการชงเข้มๆ เสิร์ฟให้เสียเลย

    ซองกยูถลึงตามองเจ้าตัวแสบพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างใช้ความคิดก่อนจะหันไปมองลิซยิ้มๆ ซึ่งเธอทำหน้าเหลอหลาเมื่อรู้สึกว่างานนี้หวยจะออกที่เธอ ดวงตาเรียวของซองกยูยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานสวย มือที่วางอยู่ข้างตัวเลื่อนขยับจนสัมผัสกับมือเรียวของคนข้างๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกุมมืออีกฝ่ายไว้อย่างต้องการถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้ถึงเธอ

    ลิซสะดุ้งน้อยๆ แต่ซองกยูยังคงไม่ขยับออกจนเธอต้องหันกลับมามองเขาเต็มตาอีกครั้ง รอยยิ้มจริงใจที่เธอเคยเห็นเมื่อตอนถ่ายรายการถูกส่งออกมาจนหญิงสาวชักเขินซึ่งเธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อกับสิ่งที่ไมค์บอกเมื่อคืนนี้มันจะเป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่เธอคาดเอาไว้

     

    “เค้าคิดว่าอยู่กันแค่สองคนรึเปล่า?”   ซองยอลกระซิบกับคนข้างๆ แต่กลับถูกซองจงที่นั่งใกล้กว่ากระทุ้งศอกใส่

    “ชู่ว์.. ฮยองอย่าขัดดิ่ฮะ”

     

    “พรุ่งนี้ผมกลับแล้ว ถ้าคุณว่าง...”

    “ฉันขอโทษ”   ไม่ทันที่ซองกยูจะจบประโยคของเขาลิซก็เอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อนทำเอาคนพูดถึงกับเงียบ

    “แต่ฉันส่งคุณทางอื่นได้นะ”   เธอยิ้มแล้วยกโทรศัพท์ให้ดูทำให้หน้าที่ซึมๆของเขาร่าเริงขึ้นมา

    “ผมจะรอ...”

     

     

    หลังจากเดินผ่านท่ามกลางแฟนคลับจำนวนมากทั้งภายในและภายนอกสนามบินเข้ามาอยู่ด้านในได้แล้วทุกๆคนก็พักผ่อนเพื่อรอไปที่ประตูทางออกขึ้นเครื่องอีกครั้ง ซองกยูนั่งมองโทรศัพท์ตัวเองตลอดเวลาเพราะลิซบอกว่าจะวิดีโอคอลมาหาจึงทำได้แค่รอแม้ก่อนหน้านี้เขาโทร.ไปแต่เธอก็ไม่ได้รับสาย

    แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารที่ถืออยู่ทำให้ซองกยูต้องรีบขยับ ดวงตาเรียวเพ่งดูหน้าจออย่างคาดหวังและคราวนี้สิ่งที่หวังก็เป็นจริงเสียด้วย

    “ผมรอคุณนานมาก”     เขาบ่นทันทีที่กดรับ

    “ฉันติดธุระนิดหน่อย ขอโทษที่โทร.มาสาย”   หญิงสาวที่อยู่ปลายสายทำหน้าหงอยนิดหนึ่งจนซองกยูต้องรีบพูด

    “ผมแค่กลัวคุณจะลืม ไม่ได้ว่าอะไร”

    “ใครจะลืมล่ะ ฉันไม่ใช่คนแบบนี้หรอกน่า”

    “คุณอยู่ได้ใช่ไหม?”   ซองกยูถามอย่างเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่นานกว่าที่เขาคิด

    “ค่ะ แน่นอนอยู่แล้ว”

    “อย่าลืมว่าผมจะอยู่กับคุณเสมอ มีอะไรโทร.หาผมนะ” 

    “พูดเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้”   ลิซค้อนเข้าให้

    “ก็ผมเป็นห่วงของผมนี่นา”   ซองกยูหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูงอนเล็กๆ

    “คุณก็ดูแลตัวเองนะ”  

    “อืม... ผมคง...ช ชะ.. เอ่อ..  คิดถึงคุณมากเลย”  อยู่ดีๆ เขาก็เปลี่ยนประโยคที่พูดใหม่เพราะตั้งใจจะบอกว่าชอบแต่คิดได้ว่าคงจะไม่ถูกเวลา

    “ฉันก็คิดถึงคุณ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

     

    ถึงแม้จะขึ้นเครื่องเตรียมกลับเกาหลีแล้วแต่คำพูดว่า...คิดถึง ของลิซยังดังในโสตประสาท หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่บ่อยๆ ทำให้เขาคิดมาก ตอนแรกเขาก็คิดว่าชอบเธอ พอตอนหลังเขาก็คิดว่าแค่ตื่นเต้นที่เจอคนใหม่ๆ ทว่าความคิดเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนความสับสนที่มีอยู่บ่งบอกสัญญาณว่าเขาชอบเธอจริงๆ มันเริ่มแสดงชัด แม้อยากจะแสดงออกมากเท่าไหร่ตัวเขาเองก็มีความกังวลไม่ต่างกัน

    ไม่เพียงแค่คำตอบจากเธอคนนั้นที่สร้างความว้าวุ่นใจแต่ยังมีสถานภาพที่เขายืนอยู่ในตอนนี้ที่ทำให้ทุกอย่างยากขึ้นไปอีก

     

     

     

    ---------------- ----------------





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×