ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dating Idol อยากจะรัก...เดี๋ยวจัดให้ [INFINITE&MBLAQ]

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 16 : Renovate

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 57



     

    Chapter 16 : Renovate

     

     

    ลิซเดินวนอยู่ที่ห้องของตัวเองภายในโรงแรมที่พักที่เปิดไว้ชั่วคราวเพราะห้องที่ทำสัญญาเช่าไว้ยังทำความสะอาดและตกแต่งไม่เสร็จ ร่างบางนั่งกอดเข่าแล้วเหม่อมองผ่านกระจกริมระเบียงมองบรรยากาศด้านนอกที่ไม่คุ้นตาก่อนจะยกปลายนิ้วขึ้นแตะสร้อยคอที่สวมอยู่เบาๆ

    โทรศัพท์ข้างตัวถูกหยิบขึ้นมาใช้งานแทบจะในทันทีที่นึกได้ โปรแกรมแชทยอดฮิตของเกาหลีถูกเปิดขึ้นมาตามด้วยการรัวข้อความส่งไปให้อีกคนที่ทักทิ้งไว้ตั้งแต่เช้าทว่าเธอยังไม่ได้ตอบ

     

     

    ALizZy ::  คุณโอเคไหม?

    รายการเหลือแค่ตอนหลังเวที :: SKK

    ผมโอเค / เที่ยวสนุกไหม? :: SKK

    ALizZy ::  ยังไม่ได้ไปไหน

    อย่าลืมพักผ่อนนะครับ :: SKK

    ALizZy ::  ฝันดีนะคะ ^^

      ผมจะฝันถึงคุณแล้วกัน คึคึ.. :: SKK

     

    บทสนทนาสั้นๆ ทำให้เธอคลายเหงาได้บ้างแต่สิ่งที่เธอกังวลนั่นคือเรื่องที่เพิ่งบอกจีโอกับซึงโฮไปมากกว่า ยิ่งคนรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งวุ่นวายมากเท่านั้นเพราะแค่นี้เอริคก็จำกัดจำเขี่ยแทบจะไม่ให้เธอขยับไปไหนได้ ลิซเข้าใจดีว่าเขากำลังหาทางช่วยให้เรื่องมันจบ เธอไม่ได้งี่เง่าขนาดจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกแต่หากเขาช่วยเธอถึงจะเป็นความดี แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นที่เขาทำไว้นี่นา

    น่าแปลกที่กับซองกยูเธอกล้าที่จะบอกว่ามาฮ่องกงด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่ามาเที่ยว แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นการเที่ยวที่ไม่รู้ว่ามันยาวนานเท่าไหร่แค่นั้นเอง ถึงเหตุผลแค่นี้ดูจะใช้ได้และค่อนข้างน่าเชื่อถือ ทว่ากับซึงโฮเธอกลับเลือกที่จะโกหกว่าไปเกาะเชจูเพียงอยากให้เขาคิดว่าเธอไม่ได้ไปไหน... ไม่ได้ไปจากเกาหลี

    บางทีก็รู้สึกว่าจะสับสนในตัวเองนะ....

     

     

     

    ลิซยังคงถือโทรศัพท์ไว้ในมือจึงรู้สึกได้ในทันทีเมื่อมันสั่นรัว มือบางยกมันขึ้นดูอย่างเซ็งๆ แล้วยิ่งเซ็งหนักเมื่อเห็นข้อความ... ข้อความจากคนต้องการจะคุยด้วยเป็นลำดับท้ายๆ ถ้าเลือกได้

    “แรงงานทาสชัดๆ!

     

     

    หกโมงเช้า... ลิซก็มายืนอยู่ลอบบี้ชั้นล่างของโรงแรมที่เอริคส่งข้อความมาให้ นี่ไม่ใช่เพราะมันอยู่ในแผนของเขาอย่างหวังเลยว่าเธอจะยอมทำอะไรแบบไม่มีการโทร.ไปบ่นสักครั้ง

    ไม่นานนักผู้หญิงที่สวมเสื้อยืดสีดำพร้อมคล้องป้ายสต๊าฟก็เดินมาทักหลังจากเธอโทร.ไปแจ้งว่ามาถึงแล้ว

    “คุณลิซรึเปล่าคะ?” 

    “ใช่ค่ะ”   

    “ทางนี้เลยค่ะ” 

    ผู้หญิงที่มารับคนนั้นเดินนำออกไป ลิซมองตามอย่างสงสัยนิดๆ แต่เมื่อเดินตามมาถึงลานจอดรถด้านนอกและเห็นผู้ชายหน้าตาออร่ากระจายก็ตกตะลึงหันซ้ายหันขวาเตรียมชิ่งหนี

    “เฮ้ย!! ลิซ!!  

    เสียงทักอันดังลั่นลานจอดรถทำเอาเธอหยุดชะงักก่อนจะถอดแว่นกันแดดออกแล้วส่งยิ้มไปให้คนตรงหน้าที่กำลังเดินเร็วๆ มาหา

    “แกหายไปไหนมา?”

    คำถามแรกก็ทำให้เธออยากหายตัวไปเสียจากตรงนี้ ทว่ายังไม่ทันได้ตอบอะไรไปเขาก็หันไปเรียกสต๊าฟที่อยู่ใกล้ๆ

    “พี่ครับๆ...”   สต๊าฟที่ง่วนอยู่กับการเชคคิวหันมาด้วยใบหน้าพร้อมตอบคำถาม

    “คือ... ผมถ่ายกับคนนี้เหรอครับ?”  

    “ค่ะ.. น้องลิซค่ะ พี่ฝากด้วยนะคะน้องไมค์”  เสียงและหน้าหล่อๆ ที่ส่งออกไปทำให้ได้คำตอบพร้อมรอยยิ้มของทีมงานแม้ก่อนนี้คนคนนั้นจะดูยุ่งมากก็ตาม

    “ครับ ได้ครับ”

    สุดท้ายลิซก็ถูกผู้ชายแสนหล่อลากขึ้นไปคุยกันบนรถตู้โดยไม่ต้องสงสัย ไมค์เป็นเพื่อนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่คณะเดียวกันจึงทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันแถมยังเจอกันในการทำงานบ่อยๆ อีกด้วย

    “แกรู้ป่ะ... นางแบบเว้ย... ยัยเมญ่าเหวี่ยงๆ อ่ะจำได้ป่ะ”  เขาเริ่มเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมาอยู่ในกองถ่ายของนิตยสารในวันนี้ด้วยท่าทางกระตือรือร้น

    ลิซกรอกตาไปมาชั่วครู่ก็พยักหน้าอย่างรับรู้ แต่ก็ยังไม่มีอารมณ์ร่วมกับความตื่นเต้นของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้ติดต่อกันหลายเดือนอยู่ดี

    “เบี้ยวงานว่ะ! 

    “จบแระ?”

    “เออ.. เมื่อคืนนี่ตอนบินมานี่อย่างวุ่นวายจนนึกว่าจะเสียเวลา แล้วเขาก็บอกว่าได้นางแบบแล้ว และก็มาเจอแกเนี่ย ฉันนะ...โคตรดีใจเลย”

    นายแบบหนุ่มร่ายยาว ส่วนลิซได้แต่นั่งฟังไปงั้นๆ เพราะมันก็แค่บังเอิญที่หวยมาออกเป็นตัวเองเท่านั้น

    ทีมงานที่ทยอยจัดการความเรียบร้อยจนหมดแล้วเริ่มขึ้นรถเพื่อไปยังสถานที่ถ่ายแบบ นั่นทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดคุยกันหรือเรียกว่านินทาชาวบ้านไปโดยปริยาย แต่นายแบบหนุ่มก็ยังไม่วายกระซิบกระซาบ

    “แกรู้ป่ะคอนเซปต์วันนี้คืออะไร?”

    “....”  

    Secret Lover  

    พูดจบเขาก็ยิ้มกริ่มกับตัวเอง แต่คนที่เพิ่งจะรู้กลับมีสีหน้าหนักใจเพราะมันไม่ง่ายเลยสำหรับเธอที่จะทำออกมาได้ดีกับการแสดงออกทางสายตาแบบนั้น ลิซเบือนหน้าออกไปด้านนอกอย่างรู้สึกเครียดทั้งยังคิดว่าเอริคตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ถึงให้เธอมาทำงานนี้

     

    เพียงไม่กี่สิบนาทีรถก็เคลื่อนตัวสู่สถานที่ถ่ายแรก ทีมงานเริ่มกันอย่างเร่งรีบที่สุดเพราะเกรงว่าแสงจะหมดและต้องย้ายสถานที่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ร้านอาหาร และริมถนน ทั้งหมดเป็นภาพที่สื่อว่าฝ่ายหนึ่งกำลังแอบมองอีกคนโดยไม่รู้ตัว

    ลิซที่กำลังเตรียมตัวนั่งลงบนม้านั่งสีเข้มยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่ต้องทำ

     

    “ทำเหมือนที่แกมองนักร้องคนนั้นไง”

               

    คนข้างๆ เอียงมาพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริงที่ทำให้เธอสะดุด ก่อนจะดึงแขนเธอให้นั่งลงตามเขาและเอนซบที่ไหล่เพื่อเตรียมโพสท่า

    “ประสบการณ์ตรงของแกรึไง?”  ลิซเหน็บเบาๆ

    “อืม..”     เขาตอบ ทว่าในหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มเล็กๆ ระบายอยู่

     

     

    ---------------- ----------------

     

     

    คิมซองกยูมองนาฬิกาในโทรศัพท์อีกรอบหลังจากมาถึงสถานที่ที่ต้องแสดง ไมค์ในมือถูกเปิดเมื่อถึงเวลาซ้อมของตัวเอง เขาหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าตามด้วยยืนทำสมาธิชั่วครู่ก่อนจะก้าวขึ้นเวทีอย่างมั่นใจ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงการซ้อมของพวกเขาก็เสร็จลง

    “ฮยองฮะ... ไปหาของอร่อยๆ กันเถอะ”

    อีซองยอลพุ่งตัวเข้ามากอดบ่าลีดเดอร์ของวงอย่างร่าเริง ดูเหมือนการซ้อมกลางแดดจะไม่ทำให้พลังงานของเขาลดลงไปเท่าไหร่เลย

    “ไปบอกเมเนเจอร์ฮยองสิ มาบอกฉันทำไม?”   เขาตอบพลางกระดกน้ำในมือขึ้นดื่ม

    “ก็ฮยองช่วยพูด เราจะได้เที่ยวไกลๆ หน่อยไง”   โฮย่าที่เดินมาทีหลังเอ่ยขึ้น

    ซองกยูพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะเดินผละไป โทรศัพท์ถูกดึงออกมาดูอีกรอบแต่กลับไม่มีสักข้อความทำเอาเขาหน้ามุ่ย สุดท้ายซองกยูก็ตัดสินใจโทร.ไปแทนที่จะส่งข้อความหรือรออยู่แบบนี้

    เสียงรอสายที่ดังขึ้นเบาๆ สร้างความตื่นเต้นให้กับคนโทร.ไม่น้อย ใจหนึ่งก็ภาวนาให้เธอรับสายเสียทีอีกใจก็คอยยั้งว่าอย่าเพิ่งรับ สุดท้ายปลายสายก็มีเสียงสัญญาณจนได้

    “หวัดดี นี่ซองกยูนะ”

    [รู้แล้วหละ คุณมีอะไรรึเปล่า?]  

    แม้น้ำเสียงเธอจะดูร่าเริงแต่เสียงโหวกเหวกจากอีกฝั่งทำให้เขาต้องนิ่วหน้า

    “คุณอยู่ที่ไหนน่ะ ทำไมเหมือนจะวุ่นวาย”

    [อ๋อ.. กองถ่ายนิตยสารน่ะค่ะ เอาไว้ว่างแล้วจะโทร.คุณนะ บ๊ายบาย]

    ซองกยูได้แต่ทำหน้างงหลังจากที่ลิซรัวใส่แล้ววางสายไปทันที

    “ดูเหมือนกำลังยุ่งแฮะ..”  

     

    จนแล้วจนรอดซองกยูและสมาชิกก็ได้ไปร้านอาหารเกาหลีชื่อดังที่ไม่ไกลจากที่พักมากนักเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันคอนเสิร์ตที่ต้องเตรียมตัวตั้งแต่เช้าแต่ถึงแม้จะไม่ได้เที่ยวอย่างที่อยากไปพวกเขาก็ยังสนุกกันได้เหมือนเดิม

    พลันดวงตาเรียวของเขาก็บังเอิญหันไปเห็นหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังยืนยื้อยุดกันอยู่ที่โต๊ะอีกมุมหนึ่งโดยที่ในมือต่างถือแก้วเบียร์เอาไว้ รอยยิ้มของทั้งคู่ทำเอาใจกระตุกเมื่อเห็นเต็มตาว่าคนหนึ่งคือคนที่เขาไม่รู้จัก ส่วนอีกคนคือคนที่เขาเพิ่งโทร.หาไปวันนี้

    ตะเกียบในมือถูกวางลงทันที นัมอูฮยอนรู้สึกถึงความแปลกไปของคนข้างๆ ตั้งใจจะหันมาถามแต่ก็ไม่ทันเมื่อซองกยูขอตัวออกไปห้องน้ำเสียก่อน

    “องค์อะไรลงอีกล่ะ...” 

    อูฮยอนงึมงำตามหลังก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่อาหารตรงหน้าแต่ก็ต้องหันกลับไปอีกทีเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตายืนถือแก้วเบียร์ป้อนผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วยท่าทางร่าเริง

    “ลิซนูนะ...  อุ๊บ!!  

    เจ้าตัวรีบหุบปากของตัวเองไว้ได้ทันก่อนจะเป็นคนสร้างความสนใจให้กับทุกคนในโต๊ะเสียเองแล้วขอตัวไปห้องน้ำตามซองกยูไปอีกคน

    คนเป็นพี่มาถึงห้องน้ำได้สักพักคนเป็นน้องก็ตามมาสบทบติดๆ ทำให้เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คนน้องพอจะรู้ความหมายจึงเดินเข้ามาใกล้และกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

    “ผมเห็นเหมือนที่ฮยองเห็น”

    ซองกยูถอนหายใจยาวอีกรอบ ...ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นเจ้านี่ทุกทีที่เห็นช็อตเด็ดตลอด...  แต่ไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรออกเจ้าตัวแสบเอ่ยข้อเสนอที่เขาไม่ได้ร้องขอขึ้นมาอีกครั้ง

    “ผมว่าถามเลยฮยอง... ฮยองมีเบอร์ไม่ใช่เหรอฮะ.. โทร.เลย! 

    “ถามจริงนะ... นี่นายเป็นห่วงหรืออยากรู้โดยส่วนตัว”   ซองกยูหันไปถามนิ่งๆ

    “ก็... ทั้งสองอย่าง”  อูฮยอนอ้อมแอ้มตอบ

    “นายจะให้ฉันเริ่มตรงไหนล่ะ”   

    ประโยคของซองกยูสร้างความกระตือรือร้นให้อูฮยอนได้ไม่น้อย เขารีบจัดแจงหยิบโทรศัพท์จากมือซองกยูออกมาก่อนจะยื่นให้เขาปลดล็อคอย่างเซ็งนิดๆ เจ้าของเครื่องรับมาอย่างว่าง่ายแล้วเปิดหาเบอร์โทร.ในเครื่องให้เจ้าน้องชายตัวแสบ

    อูฮยอนทำหน้าคิดเล็กน้อยแล้วกดโทร.ออก พอปลายสายรับเขาก็ยื่นคืนให้โดยที่ซองกยูไม่ทันตั้งตัว

    [Hello… Hello….]   ปลายสายพูดซ้ำเมื่อรับแล้วกลับไม่มีคนตอบกลับ

     

    อูฮยอนโบกมือพยักเพยิดให้เขาพูดอะไรก็ได้ที่อยากจะพูดกลับไป

    “อ่า... นี่ซองกยู”

    [อ่า.. ฉันรู้แล้ว...] 

    แน่นอนอยู่แล้วที่เธอจะรู้เพราะโทรจากเครื่องของตัวเอง แต่เขาก็ยังเริ่มด้วยการบอกว่าเป็นใครทุกครั้ง และเธอก็ตอบว่ารู้แล้วเกือบทุกทีเหมือนกัน

    “ว่างแล้วเหรอ?”  

    [ค่ะ มาทานข้าวกับเพื่อนๆ น่ะ คุณทานข้าวรึยังคะ?]

     

    เพื่อนเหรอ?... ทำแบบนั้นนี่เพื่อนจริงๆ เหรอ?

     

    “เพื่อนผู้ชาย หรือเพื่อนผู้หญิงล่ะครับ มันดึกแล้วอ่า”   ซองกยูพูดไปจนได้สินะ

    [เป็นทีมงานหนังสือน่ะค่ะ ก็หลายคน คุณมีอะไรรึเปล่า?]   

     “ไม่ๆ เอ่อ.. ผมก็อยู่ร้านอาหารเหมือนกัน อาหารเกาหลีน่ะ”   ดูเหมือนซองกยูจะอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย

    [ดีจัง ฉันก็เหมือนกัน..]

     

    คุยกันไม่เท่าไหร่ก็มีผู้มาเยือนคนใหม่เข้ามาในห้องน้ำที่พวกเขายังคงยืนโทรศัพท์อยู่ อูฮยอนสะกิดซองกยูเบาๆ ให้มองตามและเมื่อหันไปก็เจอกับคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสียเมื่อครู่อยู่ในระยะเมตรครึ่ง ซองกยูยังคงคุยกับปลายสายทว่าไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่

    ทั้งคู่จับจ้องอยู่ที่คนตัวสูงอย่างพินิจ ผู้ชายตัวสูงรูปร่างดีหน้าตาหล่อสมบูรณ์แบบทำเอาอูฮยอนกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจแทน ทั้งสองคนต้องทำเป็นไม่ได้สนใจเมื่อคนถูกมองคล้ายจะรู้ตัว แต่รอยยิ้มและคำพูดของเขาก่อนออกไปทำเอาซองกยูอึ้ง

     

    “ดีใจที่ได้เจอนะครับ คุณคิมซองกยู”

     


     

    ---------------- ----------------

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×