คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 16 : Renovate
Chapter 16 : Renovate
ลิซเดินวนอยู่ที่ห้องของตัวเองภายในโรงแรมที่พักที่เปิดไว้ชั่วคราวเพราะห้องที่ทำสัญญาเช่าไว้ยังทำความสะอาดและตกแต่งไม่เสร็จ ร่างบางนั่งกอดเข่าแล้วเหม่อมองผ่านกระจกริมระเบียงมองบรรยากาศด้านนอกที่ไม่คุ้นตาก่อนจะยกปลายนิ้วขึ้นแตะสร้อยคอที่สวมอยู่เบาๆ
โทรศัพท์ข้างตัวถูกหยิบขึ้นมาใช้งานแทบจะในทันทีที่นึกได้ โปรแกรมแชทยอดฮิตของเกาหลีถูกเปิดขึ้นมาตามด้วยการรัวข้อความส่งไปให้อีกคนที่ทักทิ้งไว้ตั้งแต่เช้าทว่าเธอยังไม่ได้ตอบ
ALizZy :: คุณโอเคไหม?
รายการเหลือแค่ตอนหลังเวที :: SKK
ผมโอเค / เที่ยวสนุกไหม? :: SKK
ALizZy :: ยังไม่ได้ไปไหน
อย่าลืมพักผ่อนนะครับ :: SKK
ALizZy :: ฝันดีนะคะ ^^
ผมจะฝันถึงคุณแล้วกัน คึคึ.. :: SKK
บทสนทนาสั้นๆ ทำให้เธอคลายเหงาได้บ้างแต่สิ่งที่เธอกังวลนั่นคือเรื่องที่เพิ่งบอกจีโอกับซึงโฮไปมากกว่า ยิ่งคนรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งวุ่นวายมากเท่านั้นเพราะแค่นี้เอริคก็จำกัดจำเขี่ยแทบจะไม่ให้เธอขยับไปไหนได้ ลิซเข้าใจดีว่าเขากำลังหาทางช่วยให้เรื่องมันจบ เธอไม่ได้งี่เง่าขนาดจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกแต่หากเขาช่วยเธอถึงจะเป็นความดี แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นที่เขาทำไว้นี่นา
น่าแปลกที่กับซองกยูเธอกล้าที่จะบอกว่ามาฮ่องกงด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่ามาเที่ยว แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นการเที่ยวที่ไม่รู้ว่ามันยาวนานเท่าไหร่แค่นั้นเอง ถึงเหตุผลแค่นี้ดูจะใช้ได้และค่อนข้างน่าเชื่อถือ ทว่ากับซึงโฮเธอกลับเลือกที่จะโกหกว่าไปเกาะเชจูเพียงอยากให้เขาคิดว่าเธอไม่ได้ไปไหน... ไม่ได้ไปจากเกาหลี
บางทีก็รู้สึกว่าจะสับสนในตัวเองนะ....
ลิซยังคงถือโทรศัพท์ไว้ในมือจึงรู้สึกได้ในทันทีเมื่อมันสั่นรัว มือบางยกมันขึ้นดูอย่างเซ็งๆ แล้วยิ่งเซ็งหนักเมื่อเห็นข้อความ... ข้อความจากคนต้องการจะคุยด้วยเป็นลำดับท้ายๆ ถ้าเลือกได้
“แรงงานทาสชัดๆ!”
หกโมงเช้า... ลิซก็มายืนอยู่ลอบบี้ชั้นล่างของโรงแรมที่เอริคส่งข้อความมาให้ นี่ไม่ใช่เพราะมันอยู่ในแผนของเขาอย่างหวังเลยว่าเธอจะยอมทำอะไรแบบไม่มีการโทร.ไปบ่นสักครั้ง
ไม่นานนักผู้หญิงที่สวมเสื้อยืดสีดำพร้อมคล้องป้ายสต๊าฟก็เดินมาทักหลังจากเธอโทร.ไปแจ้งว่ามาถึงแล้ว
“คุณลิซรึเปล่าคะ?”
“ใช่ค่ะ”
“ทางนี้เลยค่ะ”
ผู้หญิงที่มารับคนนั้นเดินนำออกไป ลิซมองตามอย่างสงสัยนิดๆ แต่เมื่อเดินตามมาถึงลานจอดรถด้านนอกและเห็นผู้ชายหน้าตาออร่ากระจายก็ตกตะลึงหันซ้ายหันขวาเตรียมชิ่งหนี
“เฮ้ย!! ลิซ!!”
เสียงทักอันดังลั่นลานจอดรถทำเอาเธอหยุดชะงักก่อนจะถอดแว่นกันแดดออกแล้วส่งยิ้มไปให้คนตรงหน้าที่กำลังเดินเร็วๆ มาหา
“แกหายไปไหนมา?”
คำถามแรกก็ทำให้เธออยากหายตัวไปเสียจากตรงนี้ ทว่ายังไม่ทันได้ตอบอะไรไปเขาก็หันไปเรียกสต๊าฟที่อยู่ใกล้ๆ
“พี่ครับๆ...” สต๊าฟที่ง่วนอยู่กับการเชคคิวหันมาด้วยใบหน้าพร้อมตอบคำถาม
“คือ... ผมถ่ายกับคนนี้เหรอครับ?”
“ค่ะ.. น้องลิซค่ะ พี่ฝากด้วยนะคะน้องไมค์” เสียงและหน้าหล่อๆ ที่ส่งออกไปทำให้ได้คำตอบพร้อมรอยยิ้มของทีมงานแม้ก่อนนี้คนคนนั้นจะดูยุ่งมากก็ตาม
“ครับ ได้ครับ”
สุดท้ายลิซก็ถูกผู้ชายแสนหล่อลากขึ้นไปคุยกันบนรถตู้โดยไม่ต้องสงสัย ไมค์เป็นเพื่อนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่คณะเดียวกันจึงทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันแถมยังเจอกันในการทำงานบ่อยๆ อีกด้วย
“แกรู้ป่ะ... นางแบบเว้ย... ยัยเมญ่าเหวี่ยงๆ อ่ะจำได้ป่ะ” เขาเริ่มเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมาอยู่ในกองถ่ายของนิตยสารในวันนี้ด้วยท่าทางกระตือรือร้น
ลิซกรอกตาไปมาชั่วครู่ก็พยักหน้าอย่างรับรู้ แต่ก็ยังไม่มีอารมณ์ร่วมกับความตื่นเต้นของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้ติดต่อกันหลายเดือนอยู่ดี
“เบี้ยวงานว่ะ!”
“จบแระ?”
“เออ.. เมื่อคืนนี่ตอนบินมานี่อย่างวุ่นวายจนนึกว่าจะเสียเวลา แล้วเขาก็บอกว่าได้นางแบบแล้ว และก็มาเจอแกเนี่ย ฉันนะ...โคตรดีใจเลย”
นายแบบหนุ่มร่ายยาว ส่วนลิซได้แต่นั่งฟังไปงั้นๆ เพราะมันก็แค่บังเอิญที่หวยมาออกเป็นตัวเองเท่านั้น
ทีมงานที่ทยอยจัดการความเรียบร้อยจนหมดแล้วเริ่มขึ้นรถเพื่อไปยังสถานที่ถ่ายแบบ นั่นทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดคุยกันหรือเรียกว่านินทาชาวบ้านไปโดยปริยาย แต่นายแบบหนุ่มก็ยังไม่วายกระซิบกระซาบ
“แกรู้ป่ะคอนเซปต์วันนี้คืออะไร?”
“....”
“Secret Lover”
พูดจบเขาก็ยิ้มกริ่มกับตัวเอง แต่คนที่เพิ่งจะรู้กลับมีสีหน้าหนักใจเพราะมันไม่ง่ายเลยสำหรับเธอที่จะทำออกมาได้ดีกับการแสดงออกทางสายตาแบบนั้น ลิซเบือนหน้าออกไปด้านนอกอย่างรู้สึกเครียดทั้งยังคิดว่าเอริคตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ถึงให้เธอมาทำงานนี้
เพียงไม่กี่สิบนาทีรถก็เคลื่อนตัวสู่สถานที่ถ่ายแรก ทีมงานเริ่มกันอย่างเร่งรีบที่สุดเพราะเกรงว่าแสงจะหมดและต้องย้ายสถานที่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ร้านอาหาร และริมถนน ทั้งหมดเป็นภาพที่สื่อว่าฝ่ายหนึ่งกำลังแอบมองอีกคนโดยไม่รู้ตัว
ลิซที่กำลังเตรียมตัวนั่งลงบนม้านั่งสีเข้มยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่ต้องทำ
“ทำเหมือนที่แกมองนักร้องคนนั้นไง”
คนข้างๆ เอียงมาพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริงที่ทำให้เธอสะดุด ก่อนจะดึงแขนเธอให้นั่งลงตามเขาและเอนซบที่ไหล่เพื่อเตรียมโพสท่า
“ประสบการณ์ตรงของแกรึไง?” ลิซเหน็บเบาๆ
“อืม..” เขาตอบ ทว่าในหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มเล็กๆ ระบายอยู่
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
คิมซองกยูมองนาฬิกาในโทรศัพท์อีกรอบหลังจากมาถึงสถานที่ที่ต้องแสดง ไมค์ในมือถูกเปิดเมื่อถึงเวลาซ้อมของตัวเอง เขาหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าตามด้วยยืนทำสมาธิชั่วครู่ก่อนจะก้าวขึ้นเวทีอย่างมั่นใจ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงการซ้อมของพวกเขาก็เสร็จลง
“ฮยองฮะ... ไปหาของอร่อยๆ กันเถอะ”
อีซองยอลพุ่งตัวเข้ามากอดบ่าลีดเดอร์ของวงอย่างร่าเริง ดูเหมือนการซ้อมกลางแดดจะไม่ทำให้พลังงานของเขาลดลงไปเท่าไหร่เลย
“ไปบอกเมเนเจอร์ฮยองสิ มาบอกฉันทำไม?” เขาตอบพลางกระดกน้ำในมือขึ้นดื่ม
“ก็ฮยองช่วยพูด เราจะได้เที่ยวไกลๆ หน่อยไง” โฮย่าที่เดินมาทีหลังเอ่ยขึ้น
ซองกยูพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะเดินผละไป โทรศัพท์ถูกดึงออกมาดูอีกรอบแต่กลับไม่มีสักข้อความทำเอาเขาหน้ามุ่ย สุดท้ายซองกยูก็ตัดสินใจโทร.ไปแทนที่จะส่งข้อความหรือรออยู่แบบนี้
เสียงรอสายที่ดังขึ้นเบาๆ สร้างความตื่นเต้นให้กับคนโทร.ไม่น้อย ใจหนึ่งก็ภาวนาให้เธอรับสายเสียทีอีกใจก็คอยยั้งว่าอย่าเพิ่งรับ สุดท้ายปลายสายก็มีเสียงสัญญาณจนได้
“หวัดดี นี่ซองกยูนะ”
[รู้แล้วหละ คุณมีอะไรรึเปล่า?]
แม้น้ำเสียงเธอจะดูร่าเริงแต่เสียงโหวกเหวกจากอีกฝั่งทำให้เขาต้องนิ่วหน้า
“คุณอยู่ที่ไหนน่ะ ทำไมเหมือนจะวุ่นวาย”
[อ๋อ.. กองถ่ายนิตยสารน่ะค่ะ เอาไว้ว่างแล้วจะโทร.คุณนะ บ๊ายบาย]
ซองกยูได้แต่ทำหน้างงหลังจากที่ลิซรัวใส่แล้ววางสายไปทันที
“ดูเหมือนกำลังยุ่งแฮะ..”
จนแล้วจนรอดซองกยูและสมาชิกก็ได้ไปร้านอาหารเกาหลีชื่อดังที่ไม่ไกลจากที่พักมากนักเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันคอนเสิร์ตที่ต้องเตรียมตัวตั้งแต่เช้าแต่ถึงแม้จะไม่ได้เที่ยวอย่างที่อยากไปพวกเขาก็ยังสนุกกันได้เหมือนเดิม
พลันดวงตาเรียวของเขาก็บังเอิญหันไปเห็นหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังยืนยื้อยุดกันอยู่ที่โต๊ะอีกมุมหนึ่งโดยที่ในมือต่างถือแก้วเบียร์เอาไว้ รอยยิ้มของทั้งคู่ทำเอาใจกระตุกเมื่อเห็นเต็มตาว่าคนหนึ่งคือคนที่เขาไม่รู้จัก ส่วนอีกคนคือคนที่เขาเพิ่งโทร.หาไปวันนี้
ตะเกียบในมือถูกวางลงทันที นัมอูฮยอนรู้สึกถึงความแปลกไปของคนข้างๆ ตั้งใจจะหันมาถามแต่ก็ไม่ทันเมื่อซองกยูขอตัวออกไปห้องน้ำเสียก่อน
“องค์อะไรลงอีกล่ะ...”
อูฮยอนงึมงำตามหลังก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่อาหารตรงหน้าแต่ก็ต้องหันกลับไปอีกทีเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตายืนถือแก้วเบียร์ป้อนผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วยท่าทางร่าเริง
“ลิซนูนะ... อุ๊บ!!”
เจ้าตัวรีบหุบปากของตัวเองไว้ได้ทันก่อนจะเป็นคนสร้างความสนใจให้กับทุกคนในโต๊ะเสียเองแล้วขอตัวไปห้องน้ำตามซองกยูไปอีกคน
คนเป็นพี่มาถึงห้องน้ำได้สักพักคนเป็นน้องก็ตามมาสบทบติดๆ ทำให้เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คนน้องพอจะรู้ความหมายจึงเดินเข้ามาใกล้และกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
“ผมเห็นเหมือนที่ฮยองเห็น”
ซองกยูถอนหายใจยาวอีกรอบ ...ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นเจ้านี่ทุกทีที่เห็นช็อตเด็ดตลอด... แต่ไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรออกเจ้าตัวแสบเอ่ยข้อเสนอที่เขาไม่ได้ร้องขอขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมว่าถามเลยฮยอง... ฮยองมีเบอร์ไม่ใช่เหรอฮะ.. โทร.เลย!”
“ถามจริงนะ... นี่นายเป็นห่วงหรืออยากรู้โดยส่วนตัว” ซองกยูหันไปถามนิ่งๆ
“ก็... ทั้งสองอย่าง” อูฮยอนอ้อมแอ้มตอบ
“นายจะให้ฉันเริ่มตรงไหนล่ะ”
ประโยคของซองกยูสร้างความกระตือรือร้นให้อูฮยอนได้ไม่น้อย เขารีบจัดแจงหยิบโทรศัพท์จากมือซองกยูออกมาก่อนจะยื่นให้เขาปลดล็อคอย่างเซ็งนิดๆ เจ้าของเครื่องรับมาอย่างว่าง่ายแล้วเปิดหาเบอร์โทร.ในเครื่องให้เจ้าน้องชายตัวแสบ
อูฮยอนทำหน้าคิดเล็กน้อยแล้วกดโทร.ออก พอปลายสายรับเขาก็ยื่นคืนให้โดยที่ซองกยูไม่ทันตั้งตัว
[Hello… Hello….] ปลายสายพูดซ้ำเมื่อรับแล้วกลับไม่มีคนตอบกลับ
อูฮยอนโบกมือพยักเพยิดให้เขาพูดอะไรก็ได้ที่อยากจะพูดกลับไป
“อ่า... นี่ซองกยู”
[อ่า.. ฉันรู้แล้ว...]
แน่นอนอยู่แล้วที่เธอจะรู้เพราะโทรจากเครื่องของตัวเอง แต่เขาก็ยังเริ่มด้วยการบอกว่าเป็นใครทุกครั้ง และเธอก็ตอบว่ารู้แล้วเกือบทุกทีเหมือนกัน
“ว่างแล้วเหรอ?”
[ค่ะ มาทานข้าวกับเพื่อนๆ น่ะ คุณทานข้าวรึยังคะ?]
เพื่อนเหรอ?... ทำแบบนั้นนี่เพื่อนจริงๆ เหรอ?
“เพื่อนผู้ชาย หรือเพื่อนผู้หญิงล่ะครับ มันดึกแล้วอ่า” ซองกยูพูดไปจนได้สินะ
[เป็นทีมงานหนังสือน่ะค่ะ ก็หลายคน คุณมีอะไรรึเปล่า?]
“ไม่ๆ เอ่อ.. ผมก็อยู่ร้านอาหารเหมือนกัน อาหารเกาหลีน่ะ” ดูเหมือนซองกยูจะอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย
[ดีจัง ฉันก็เหมือนกัน..]
คุยกันไม่เท่าไหร่ก็มีผู้มาเยือนคนใหม่เข้ามาในห้องน้ำที่พวกเขายังคงยืนโทรศัพท์อยู่ อูฮยอนสะกิดซองกยูเบาๆ ให้มองตามและเมื่อหันไปก็เจอกับคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสียเมื่อครู่อยู่ในระยะเมตรครึ่ง ซองกยูยังคงคุยกับปลายสายทว่าไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่
ทั้งคู่จับจ้องอยู่ที่คนตัวสูงอย่างพินิจ ผู้ชายตัวสูงรูปร่างดีหน้าตาหล่อสมบูรณ์แบบทำเอาอูฮยอนกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจแทน ทั้งสองคนต้องทำเป็นไม่ได้สนใจเมื่อคนถูกมองคล้ายจะรู้ตัว แต่รอยยิ้มและคำพูดของเขาก่อนออกไปทำเอาซองกยูอึ้ง
“ดีใจที่ได้เจอนะครับ คุณคิมซองกยู”
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น