คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 : ที่มาของแผนสำรอง
Chapter 15: ที่มาของแผนสำรอง
ที่นั่งของสายการบินนี้เป็นสามแถว แถวละสามที่นั่ง ที่นั่งของลิซอยู่ริมสุดของแถวกลางแต่ถึงแม้ไม่ใช่ตำแหน่งที่นั่งที่ชอบเท่าไหร่นัก แต่การเดินทางเกือบสี่ชั่วโมงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรถ้าเทียบกับความ กว้างขวางและสะดวกสบายที่ได้รับ
ทว่าความรู้สึกที่เหมือนมีใครจ้องมองยังทำให้เธอผวานิดๆ หญิงสาวรีบเก็บสัมภาระที่ช่องเก็บของก่อนจะขยับตัวลงนั่งที่หมายเลขที่นั่ง ของตัวเองแต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องหน้าเจื่อนลงเมื่อตรงหน้าเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ
ดวงตาคมดุยังคงจ้องมองแม้จะนั่งที่นั่งอีกฝั่งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว น้ำลายในคอชักจะเริ่มเหนียวเมื่อการกลืนน้ำลายแต่ละทีมันบ่งบอกว่าช่างยากลำบาก
เธอหายใจสะดวกได้อีกครั้งเมื่อเขาย้ายสายตาไปที่เข็มขัดนิรภัย เพียงไม่กี่วินาทีเสียงทุ้มถูกเค้นออกมาอย่างโมโหแต่ก็ทำได้แค่เบาๆ
“ไหนเชจู!?”
“เอ่อ... คือ...” ลิซอึกอักเพราะประมวลผลในการแถไม่ทัน
“เธอจะหนีไปฮ่องกง! โดยไม่บอกฉัน!”
“เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแล้วหละนะคราวนี้!”
ซึงโฮหันสายตาดุๆ มามองเต็มตาอีกครั้งจนคนถูกจับได้ต้องเสหลบตาลงพื้นแทนในใจนึกโทษเอริคที่จองตั๋วเครื่องบินเที่ยวนี้มาให้
ลิซพยายามไม่สนใจไม่สบตาใดๆ หูฟังครอบศีรษะถูกหยิบมาใช้พร้อมกับหลับตาลงอย่างต้องการตัดสิ่งรบกวนหรือถ้าจะพูดให้ตรงเลยก็คือใช้เพื่อหลบเลี่ยงยังซึงโฮนี่แหละ
ข่มตาได้ไม่นานนักก็ต้องลืมตาขึ้นมาสนใจซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถือติดมาด้วยอย่างนึกได้ หญิงสาวเลื่อนมือดึงโต๊ะด้านหน้าออกมาเพื่อตรวจดูข้างใน มือบางขยับเอกสารด้านในเบาๆ เพื่อให้ดึงออกได้ง่าย ดวงตากลมเขม่นมองเอกสารแต่ละชุดด้วยความตั้งใจ
ทั้งหมดเป็นเอกสารที่เธอจำเป็นต้องใช้ในช่วงเวลาที่ต้องอยู่ที่ฮ่องกงรวมถึงเอกสารสัญญาการเช่าอพาร์ตเม้นต์ใกล้ย่านการค้าอีกหนึ่งฉบับ แต่ด้านในซองยังมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้ถูกดึงออกมา ลิซยกซองสีน้ำตาลขึ้นอีกครั้งก่อนจะเปิดดูด้านในและก็พบกับซองยาวสีขาวที่ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าเป็นเงิน
หญิงสาวถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจพลางเก็บของทั้งหมดลงซองสีน้ำตาลอีกครั้ง แต่ยังอุตส่าห์เหลือบมองคนที่นั่งแถวข้างด้วยความอยากรู้ จึงได้ประสบพบเจอกับสายตานิ่งๆ ของเขา เธอเลยส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้อีกรอบอย่างไม่รู้จะทำอะไรที่ดีกว่านี้
พักใหญ่ๆ กระดาษโพสอิทสีชมพูก็ถูกส่งมาจากคนด้านข้าง ทว่าเมื่อหันไปมองเจ้าของกระดาษกลับทำเมินได้อย่างน่าหมั่นไส้ เธอจึงได้แต่อ่านข้อความตรงหน้าจึงเห็นที่อยู่ที่เขาส่งมาและรู้สึกเพลียขึ้นมาทันทีที่อ่านโน้ตส่วนที่เหลือ
.... ถ้าเธอไม่มา ก็... เลิกคบกัน..ไปเลย!...
โกหกยังซึงโฮแล้วโดนจับได้นี่ถือเป็นคราวซวยมาก!!!... ลิซขอยืนยัน
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
เวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ หลังจากที่ซึงโฮและสมาชิกกลับจากการงานเลี้ยงอาหารค่ำของสปอนเซอร์จนกลับมาถึงโรงแรมที่พักได้ไม่นานลิซก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าหน้า หญิงสาวโทร.เข้าไปแทนการเคาะประตู เพียงแค่อึดใจผู้ชายหน้าหล่อที่สกิลความเกรียนล้นปรอทก็เปิดประตูให้ ลิซมองข้ามไหล่คนตัวสูงเพื่อดูคนด้านในห้องอย่างคาดคะเน
“เข้ามาเหอะน่า” เขาเอ่ยเบาๆ พลางดึงคนตรงหน้าแล้วปิดประตู
“เอ่อคือ...”
“ฉันรู้แล้ว” จีโอเอ่ยเบาๆ
“...ซึงโฮเค้า...” ลิซพูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเจ้าของชื่อก้าวมายืนขวางหน้าพร้อมจ้องเธออย่างหงุดหงิด
“ไม่เอาน่า...”
จีโอที่เห็นท่าไม่ค่อยดียกสองมือจับไหล่ซึงโฮเอาไว้แล้วดันตัวให้หันกลับไปและกดเขานั่งที่ปลายเตียงก่อนจะหันมาลากลิซไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกอีกด้านที่เพียงแค่ซึงโฮเดินก้าวเดียวก็ถึง
“หวัดดี...”
หญิงสาวทักทายคนตรงหน้าแก้เก้อพลางเสไปมองจีโออย่างขอความช่วงเหลือ จีโอส่ายหน้าเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย คนหนึ่งก็ไม่พูด... คนหนึ่งก็ลังเล...
“เอาเป็นว่าฉันถามเอง” สุดท้ายจีโอก็ทนความอึดอัดไม่ไหวโพล่งออกมาจนได้
“ลิซซี่..” เจ้าตัวหันมองตามเสียงเรียก “ทำไมถึงมาฮ่องกง? ไหนว่าไปเชจู?”
“คือ... เอ่อ.... ฉัน....”
“ก็แค่คนเขาจะไป! ทำไมต้องถามให้มากเรื่อง!” ซึงโฮตั้งแง่เหน็บแนม จนจีโอต้องปราม
“เดี๋ยวสิ! ไอ้นี่ก็...”
“ทำไมล่ะ... หรือไม่จริง! เค้ายังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่ายังไม่รู้เลย!”
คำพูดของซึงโฮทำให้ลิซปรี๊ดแตก หญิงสาวลุกขึ้นยืนทันที ทั้งที่จริงตั้งใจจะมาง้อแต่กลับมาเจออะไรแบบนี้แล้วตามนิสัยแม้เธอจะเป็นคนร่าเริง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ใจเย็นอะไรมากนักและยิ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอเต็มไปด้วยความเครียดขีดความอดทนมันยิ่งต่ำกว่าปกติ
“นี่ถ้าไม่ใช่เป็นนายนะยังซึงโฮ! ฉันก็ไม่ต้องแคร์! แล้วก็จะไม่โผล่มาที่นี่ด้วย! รู้ไว้ซะ!!”
พูดจบก็ก้าวฉับๆ ไปที่ประตูแต่จีโอวิ่งไปขวางทางไว้ทัน จึงได้รับสายตาโหดๆ ของเธอมาแทนตามด้วยเสียงต่ำๆ
“หลบ! ไป!”
“เดี๋ยวสิ... อย่าเพิ่งไป นายก็ด้วย... อย่างี่เง่าได้มะ?” ประโยคหลังหันไปพูดก็ซึงโฮที่ยืนมองอยู่ปลายเตียง ส่วนคนโดนว่าก็ยกมือขึ้นยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม
“เอาหละๆ ทีนี้... เริ่มใหม่ๆ” จีโอที่แปลงร่างเป็นกรรมการชั่วคราวค่อยๆ พาลิซกลับมานั่งที่เดิม
“อย่าฆ่ากันนะ โอเค๊?”
“มาฮ่องกงทำไม? คงไม่ได้มาเที่ยวใช่ไหม?” ยังไม่ทันได้หายใจหายคอซึงโฮก็โพล่งคำถามออกมา
จีโอที่ยืนกอดอกกำลังเอนตัวพิงฝาผนังรอฟังก็กระเด้งตัวมายืนดีๆ เตรียมรับมือ ด้วยเกรงว่าจะมีศึกน้ำลายอีกรอบ
“ใช่! ไม่ได้มาเที่ยว”
ลิซตอบนิ่งๆ ซึงโฮไม่ใช่คนโง่และรู้จักเธอดีพอ เมื่อตอนอพยพไปเกาหลี... เพียงแค่สองวันเขาก็ถามประโยคแบบนี้กับเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง
“มาเกาหลีทำไม? คงไม่ได้แค่มาเที่ยวใช่ไหม?....”
“แค่มีเรื่องให้เบื่อๆ น่ะ”
ตอนนั้นลิซจำได้ว่าตอบไปแค่นี้แต่ตอนนี้มันไม่สามารถตอบแบบนั้นได้อีกแล้ว
“ตั้งใจจะไม่บอกฉันใช่ไหม?”
“ก็แค่.. จะบอกนายทีหลัง หลังจากที่ถึงเวลาที่ต้องกลับจากเชจู”
“อยู่นานแค่ไหน?”
“ไม่รู้สิ... เดือนเดียว สองเดือน สามเดือน หรืออาจ...” ซึงโฮทนฟังคำตอบแกนๆ แบบนั้นไม่ไหวเลยต้องแทรกขึ้นด้วยเสียงหนักๆ
“ถึงเวลาที่เธอต้องบอกความจริงกับฉันแล้วนะ...ลิซซี่”
ประโยคของซึงโฮทำให้ลิซลำบากใจ จริงๆ คือลำบากใจตั้งแต่เจอกันบนเครื่องแล้วนั่นแหละแต่ยังรักษาอาการได้อยู่ เธอไม่อยากจะโกหก... หากจำเป็นก็ให้มันน้อยที่สุด แต่ตอนนี้... เธอกำลังจะไม่สามารถปั้นเรื่องโกหกออกมาได้อีกเพราะเหตุการณ์หลายๆ อย่างทำให้เรื่องโกหกต่างๆ มันเริ่มปิดกันเองไม่มิด
“ฉันว่าแล้วเชียว... ว่าอย่างคนอย่างเธอ อยู่ดีๆ จะไปไหนแบบไม่มีแผนได้ยังไง” จีโอเอ่ยเบาๆ
ลิซหันมองหน้าจีโฮทีกลับไปยืนพิงกำแพงอย่างเดิมก่อนจะหันกลับมาแล้วเป่าปากเบาๆ
“ฉันต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราว แต่มันกะทันหันเลยไม่อยากให้นายเป็นห่วง”
ลิซตัดสินใจบอกความจริง แต่ก็ยังจริงแค่ครึ่งเดียวอยู่ดี ดูเหมือนอารมณ์ของซึงโฮจะเย็นลงบ้างแล้วเมื่อได้ฟังเหตุผลดีๆ
“แล้วคิดว่าถ้าฉันรู้ทีหลังจะไม่เป็นห่วงรึไง? จะให้พูดไหมว่า.. ข้อมือมีทั้งรอยช้ำ ทั้งโดนสายกล้องบาด และกล้องนั่นก็ไม่ใช่ของเธอ! พอผ่านไปไม่กี่วันก็ขึ้นเครื่องมาที่นี่! คิดว่าเหตุผลแค่นี้มันพอเหรอ!?”
ยิ่งพูดเสียงของเขาก็ยิ่งเข้มขึ้น เช่นเดียวกับคนถูกถามที่ยิ่งฟังเขาพูดก็ยิ่งหน้าเจื่อนลง ความฉลาดและช่างสังเกตของซึงโฮไม่เคยลดลงเลยแถมเข้าขั้นน่ากลัวขึ้นทุกวัน เขาลุกขึ้นจากปลายเตียงแล้วก้าวมาที่โซฟาตัวที่ลิซนั่งก่อนจะก้มตัวเอามือยันที่วางแขนของเก้าอี้จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ฉันอยากรู้เหตุผลของการที่เธอบินมาที่นี่ต่างหาก”
ไม่จำเป็นต้องบอก... ไม่จำเป็นต้องพูด.... มันไม่จำเป็น... ลิซท่องในใจ แต่หลายครั้งที่การกระทำกับสมองมันสวนทางกัน
“ฉันมีปัญหาเลยต้องมา”
“แล้วจากไทยไปเกาหลีล่ะ?” ซึงโฮยังคงท่าเดิมไว้แล้วถาม
“.... เหมือนกัน....” ลิซตอบเสียงเบา
“แล้วจากเกาหลีมาฮ่องกงปัญหาเดียวกันรึเปล่า?”
“......”
ลิซไม่ตอบออกมาเป็นคำพูดแต่พยักหน้ายอมรับ ซึงโฮดันตัวขึ้นยืนตรงก่อนจะเดินไปหาจีโอแล้วผลักเพื่อนไปแทนที่ตัวเองก่อนจะเดินหายออกไปด้านนอกโดยไม่พูดอะไร
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ลีดเดอร์ซึงโฮไม่ได้ออกไปที่ไหนไกล เขาเดินออกมาจากห้องของตัวเองกับจีโอแต่มาหยุดที่หน้าประตูห้องของชอนดุงและมีร์ มือหนายกขึ้นเคาะประตูรัวไร้จังหวะโดยไม่สนว่ามันจะดึกดื่นสักแค่ไหน
ในที่สุดบานประตูก็เปิดออกพร้อมหน้าตาของมีร์ที่ดูงัวเงียสุดๆ ซึงโฮเดินตามเจ้าน้องเล็กของวงที่เปิดประตูทิ้งไว้ให้พลางสอดส่ายสายตาหาอีกคนที่ควรจะอยู่ในห้อง
“เจ้าชายเหรอฮะ? อาบน้ำอยู่”
มีร์เห็นซึงโฮหันไปหันมาก็เลยตอบให้โดยไม่ต้องถาม
“นานรึยัง?”
“สักพักน่ะ ฮยองคงต้องรออีกสักพักยาวๆ น่ะนะ”
มีร์ที่ตอนนี้มุดอยู่ในผ้าห่มตอบอย่างเบื่อหน่าย พลันหนังตาที่ง้างไว้ก็ปิดลง ซึงโฮยังคงนั่งอยู่ในห้องนั้นไม่ไปไหน จนเวลาผ่านไปมีร์ที่หลับไปตื่นนึงแล้วก็ลืมตาแล้วมองหาชอนดุงแต่กลับไม่มีวี่แวว
ซึงโฮลุกขึ้นมายืนมองประตูห้องน้ำอย่างลังเล แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจกลับออกไป ขาหนักๆ พามาหยุดอยู่หน้าห้องตัวเองอีกครั้งมือหนาพยายามเปิดประตูอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนข้างใน การที่เขาเดินออกไปด้านนอกคงทำให้จีโอคุยกับลิซจนได้เรื่องอื่นๆ มาบ้างแล้วเพราะเขารู้ดีว่าหากเป็นคนคุยเองไม่แคล้วทะเลาะกันอีกแน่ๆ
“แล้วฉันจะโทร.มา”
ทันทีที่เข้ามาให้ห้องเต็มตัวก็ได้ยินประโยคนี้พอดี ทำเอาซึงโฮขมวดคิ้ว
ร่างบางที่หันมาเห็นก็เดินตรงมาหาด้วยใบหน้าที่บอกถึงความเครียด เธอหยุดตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยลาเบาๆ
“ไปนะ..”
ซึงโฮทำได้แค่มองตาม เขาไม่ทันได้ตอบด้วยซ้ำเธอก็เดินลิ่วๆ ไปแล้ว ชายหนุ่มเบนเป้าหมายมาที่เพื่อนของเขาที่ตอนนี้ทิ้งตัวแผ่หลาลงบนเตียงอย่างหมดแรง
“พูดได้เลยว่ามีเซอร์ไพรส์” จีโอที่นอนแผ่อยู่เอ่ยขึ้น
“ว่ามา...”
“เริ่มตรงไหนดีนะ...” จีโอยกนิ้วขึ้นดีดคางตัวเองอย่างใช้ความคิด
“ตรงไหนก็ได้... จากไทยมาเกาหลีก็ได้” ซึงโฮเร่ง
“โอเค...” จีโอยันตัวขึ้นนั่งดีๆ แล้วเริ่มเล่า
“..ลิซซี่... หนีมาจากไทยแล้วไปหลบที่เกาหลี และจากเกาหลีมาฮ่องกงเพราะถูกตามเจอ”
ประโยคที่บอกว่า..หนีมาจากไทย ทำให้ซึงโฮไม่เข้าใจ แค่ล่ามคนหนึ่ง... แค่ผู้หญิงธรรมดา... เรื่องอะไรถึงกับต้องหนี ก่อคดีมา... หรือแค่เพราะว่าสวย? เหตุผลสุดท้ายที่เด้งขึ้นมาในสมองทำเอาซึงโฮต้องสั่นศีรษะแรงๆ เพื่อไล่ความคิดไร้สาระผิดเวลาของตัวเอง
“...ขอสาเหตุ”
“ฟาดกบาลมาเฟีย!” จีโอไขความกระจ่างอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ห๊ะ! อะไรนะ!?” ซึงโฮอุทานเสียงดัง
“ไม่ห๊งไม่ห๊ะหละ! หลักฐานพร้อม!เรื่องจริงชัวร์ไม่มั่วนิ่ม!แถมเป็นคนที่กว้างขวางมากเชียวแหละ”
“แล้วไงต่อ..?”
“ก็แค่เฉียดตาย สลบเหมือดพร้อมผ่าตัดสมองนิดหน่อยๆ กว่าจะฟื้นก็...สักสามอาทิตย์ได้” จีโอตอบชิลๆ พลางยัดแอปเปิ้ลที่หั่นไว้อยู่แล้วเข้าปากทั้งชิ้น
“ทำไมหนักขนาดนั้นวะ?”
“ก็... ฟาดด้วยไม้....” จีโออ้อมแอ้มตอบไม่ค่อยชัดนัก
“ไม้? แค่ไม้?” ซึงโฮทำหน้าสงสัย
“ไม้...ก็... ไม้เบสบอลอ้ะ!”
ซึงโฮฟังแล้วอึ้ง...ทึ่ง...เสียว ความรู้สึกเสียวหัวแวบๆ แล่นเข้ามาในสมองเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกกล่องนาฬิกาตีเมื่อคราวที่แล้ว
ส่วนไอ้คำว่า..ก็แค่ล่าม แค่ผู้หญิงธรรมดา ที่พูดไปก่อนหน้านี้ยังซึงโฮขอถอนคำพูดเลยจริงๆ อะไรกัน...ทำไมคนอย่างลิซซี่ถึงบ้าระห่ำขนาดนั้น แล้วที่สำคัญคือ...ตัวเองก่อเรื่องใหญ่ไว้ยังมีอารมณ์ไปออกรายการไอดอลนัดเดทนั่นอีก นี่เธอกลัวว่าคนทั้งโลกจะตามหาตัวไม่เจอหรือไง คิดแล้วก็โมโห
อย่างหนึ่งที่ซึงโฮคิดถูกคือให้จีโอคุยแทน ไม่อย่างนั้นคงทะเลาะกันเรื่องที่เธอไม่ยอมบอกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งหากเขารู้เขาคงไม่ปล่อยเธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอกทำงานดึกๆ ดื่นๆ แบบนั้นเป็นเดือน ลามไปถึงเรื่องที่ไปออกรายการทีวีที่เรทติ้งถล่มทลายเขาเองก็คงไม่ยอมเพราะมันจะไม่ปลอดภัย แม้ในเศษเสี้ยวของการทะเลาะเรื่องนี้จะบวกอารมณ์ส่วนตัวของเขาเข้าไปด้วยก็เถอะ
แต่เดี๋ยวนะ.... เรื่องมันมีแค่นี้จริงๆ น่ะเหรอ...
“ไอ้มนุษย์ขน... ฉันว่ามันมีบางอย่างหายไปนะ” ซึงโฮลูบคางอย่างใช้ความคิด
“อะไรหาย?”
“อยู่ดีๆ จะตี อยู่ดีๆ จะย้ายประเทศ มันเป็นไปไม่ได้หรอก! มันสองประเทศเลยนะ” เขาตั้งข้อสังเกต
“ไม่เห็นแปลก มีเงินจะทำอะไรก็ได้” จีโอตอบอย่างไม่คิดอะไร
บิงโก!!!!
ซึงโฮดีดนิ้วเปาะ... เมื่อคิดได้ว่ามันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังมากกว่านั้น ช่วงเวลาไม่กี่วันจะทำให้ลิซถือสัญญาเช่าที่พักในฮ่องกงเอาไว้ในมือขนาดนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้แถมเป็นสัญญาที่ถูกเซนต์ชื่อไว้แล้วอีกต่างหาก โปรดอย่าถามว่ารู้ได้อย่างไร...เพราะตอนอยู่บนเครื่องบินยังซึงโฮคนนี้เหล่มองอยู่นานจนตาแทบจะกระเด็นหลุดจากเบ้าอยู่แล้ว
“เงินที่ได้มาจากรายการนั่นน่ะ” จีโอที่กำลังยืนปอกกล้วยเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาลอยๆ
“เงิน? รายการ?”
“ยัยนั่นถูกจ้างจากบริษัทสปอนเซอร์ให้เล่นรายการนี้น่ะ” ว่าไปพลางกัดกล้วยไปคำหนึ่งพลางระหว่างที่ซึงโฮกำลังคิดตาม “...นายคิดว่าลีดเดอร์เมนโวคอลนั่นจะพาช่วงรายการของตัวเองไปยังไงถ้าผู้หญิงต่างชาติที่คู่ด้วยพูดเกาหลีไม่ได้ ภาษาอังกฤษรึ? ลำบากเกินไป!”
ซึงโฮนิ่งคิดไปชั่วครู่แล้วหันมาหาจีโอ
“เรื่องบังเอิญ... พรหมลิขิต...”
“พอเธอต้องหนี ก็เลยจำเป็นต้องรับงานนี้สินะ” ซึงโฮเริ่มรู้สึกว่าเข้าใจในความจำเป็นของเธอความขุ่นข้องหมองใจเริ่มจะลดลง
“แต่ตัวเลือกมีตั้งเยอะ?”
จีโอมองเพื่อนอย่างหน่ายๆ เพราะเมื่อเกือบชั่วโมงก่อนหน้านี้เขาก็ถามคำถามพวกนี้กับลิซเช่นกันเลยเหมือนเห็นกระจกสะท้อนตัวเองยังไงก็ไม่รู้ เกาอี้สตูลถูกเลื่อนมาตั้งตรงหน้าซึงโฮก่อนจะวางส้อมพลาสติกลงบนโต๊ะเครื่องแป้งและเอาเมนูอาหารของโรงแรมวางทับถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เพิ่งเทน้ำร้อนใส่ไปอีกที
“ก็สปอนเซอร์เค้าจ้าง เค้าก็ต้องรู้จักกันสิ นายนี่อยู่ดีๆ ก็เลิกฉลาดซะงั้นน่ะ”
อ้าวไอ้นี่... มันใช่เวลามาด่าไหม?
“แล้ว....”
“พอ!”
ซึงโฮที่กำลังจะถามต่อถูกเสียงของจีโอเบรกไว้ ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกเปิดควันกรุ่นยั่วตรงหน้าจนซึงโฮแอบกลืนน้ำลาย
“ฉันรู้เรื่องแค่นี้แหละ” จีโอเงยหน้าจากถ้วยนิดหนึ่งก่อนจะใช้ส้อมตักบะหมี่เข้าปาก
“อ้าวเฮ้ย..คุยกันตั้งนาน” ซึงโฮโวย
“ฉากบู๊อ่ะ จะเอาเหรอ?” เขาเอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะเปลี่ยนท่าทางแล้วต่อประโยคหลัง
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง?...”
ซึงโฮมองหน้าจีโออย่างเซ็งๆ คนอย่างเพื่อนเขานี่มันเกรียนได้ทุกโอกาส เวลา สถานที่เลยจริงๆ จะได้เรื่องดีๆ ทั้งทีดันได้มาแบบจะครบก็ไม่ครบจะขาดก็ไม่ขาด
.... ความพอดีไม่ค่อยจะมี....
“นายก็คุยกับลิซซี่เองเลยดิ่ ไม่เห็นจะยาก”
เป็นเรื่องแรกที่จีโอคิดแล้วซึงโฮเห็นเป็นเรื่องดีๆ ของวัน ชายหนุ่มลุกขึ้นหยิบผ้าเพื่อเข้าไปอาบน้ำนอนอย่างรู้สึกสบายใจมากขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้อะไรเลย
“แต่ฉันว่า...คนที่จะช่วยกันได้ขนาดนี้ คงจะต้องมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกันบ้างนะ”
“อะไร?” ซึงโฮชะงักเท้าที่หน้าห้องน้ำแล้วหันมาถามด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด
“สปอนเซอร์พวกนั้นอาจมีใครเป็น...คนรัก ของลิซซี่ก็ได้”
กริ๊ก...
ปัง!!!!
.....วงแตกครับทั่นผู้ชม!!!
เสียงประตูห้องน้ำดังสนั่นแบบไม่เกรงอกเกรงใจแขกห้องอื่นทำเอาจีโอสะดุ้งเฮือกจนถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทบหลุดมือก่อนจะเดินเร็วๆ มาที่ประตูห้องน้ำแล้วเรียกคนด้านในเสียงดัง
“เฮ้ย! ไปไหนอ่ะซึงโฮ!?”
“มาคุยกันก่อนดิ่! เฮ้!!..” จีโอยังพยายาม
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงตอบกลับอย่างหงุดหงิดดังมาจากคนด้านใน
“ไม่คุยโว้ย!!!!”
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น