ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dating Idol อยากจะรัก...เดี๋ยวจัดให้ [INFINITE&MBLAQ]

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 : 4x100 เหรียญทอง

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 57



     

     

    Chapter 13 : 4x100 เหรียญทอง

     

     

     

    คาเฟ่เล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างน่ารัก ร้านทั้งร้านปกคลุมไปด้วยสีฟ้าในเฉดต่างๆ ตั้งแต่อ่อนไปถึงเข้มทำให้ร้านดูแปลกตากว่าที่อื่นๆ ริมกระจกด้านในใสพอที่จะมองเห็นสวนหย่อมด้านนอกที่ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวอย่างสบายตา

    ซองกยูมองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นชินนักเพราะเขาก็ไม่ค่อยที่จะย่างเท้าเข้าร้านแบบนี้บ่อยๆ แต่แปลกที่คนถ่างถิ่นกลับรู้จักมันเป็นอย่างดีหรืออาจจะเป็นความสามารถพิเศษของผู้หญิงกันนะ

    เสียงเดินเบาๆ ทำให้ซองกยูหันมามองจึงได้พบกับคนที่รออยู่ ลิซมาในชุดที่เขาเองไม่ค่อยได้เห็นนักเพราะวันนี้เธอถักเปียหลวมๆและเอามาไว้ที่ด้านข้าง สวมกางเกงยีนส์ขาวยาวสีเข้มและแจ๊คเก็ตยีนส์สีเข้ากัน

    “หวัดดี”  ชายหนุ่มเอ่ยทัก

    “หวัดดี”

    “นั่งสิ”

    คนมาใหม่นั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วยิ้ม ทำให้คนเชิญมีท่าทางขัดเขินเล็กน้อย

    “คุณมานานแล้วเหรอคะ?”

    “ครู่เดียว.. คุณหิวไหม?”   ลิซส่ายหน้าแล้วเอ่ยถามขึ้นบ้าง

    “ร้านหายากไหมคะ? ขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบาก”

    ซองกยูนั่งยิ้มในหน้าฟังเธอพูดอย่างเดียวจนลิซต้องเรียก

    “เฮ้! เฮ้! ซองกยู!

    “ห.. หะ.. หืม...ว่ายังไงนะ?”

    “คุณไม่ได้ฟังฉันเลยนี่ ฉันถามว่า... ตามฉันออกมามีอะไรรึเปล่า?”

    “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากคุยกับคุณ เป็นห่วง... พรุ่งนี้จะตอนสุดท้ายแล้วนี่นะ”

    ซองกยูเฉไฉเปลี่ยนเรื่องมั่วไปเรื่อยทั้งที่จริงเหตุผลจริงๆที่มีคือ..แค่อยากเจอ แต่จะพูดออกไปได้ยังไงในเมื่อรู้ดีว่าตอนนี้ทั้งตัวเขาและเธอก็ถูกจับจ้องจากคนรอบข้าง โชคยังดีที่ความยังไม่แตกอย่างจริงจังทำให้คนตรงหน้าได้อยู่อย่างเป็นสุข ถ้าหากเป็นผู้ร่วมรายการคนก่อนๆ ที่เป็นคนเกาหลีรับรองได้เลยว่าคนคนนั้นอยู่บ้านยาวจนเบื่อเลยนั่นแหละ

    “เดี๋ยวนะ... ชุดคุณ?”

    “ทำไมเหรอ?” 

    “คุณคงไม่ได้... ออกมาจากสถานีหรอก ใช่มั้ย?”

    “คุณนี่เก่งจัง ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ...”

    ซองกยูหัวเราะร่าจิตใจไม่ได้สำนึกเลยสักนิด ลิซได้แต่ขมวดคิ้วเพราะไม่เคยเห็นเขาเป็นพวกแสบๆ อะไรแบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มลุกขึ้นและฉุดคนตรงข้ามให้ลุกขึ้นตามเขาออกไปขึ้นรถแวนสีดำที่จอดอยู่ด้านหน้าร้านโดยไม่อธิบายอะไร

    รถเคลื่อนตัวออกไปสู่สถานีโทรทัศน์ท่ามกลางจราจรที่ค่อนข้างโล่ง แต่อย่าหาว่าคิมซองกยูเป็นพวกแหกกฎเพราะเขาขออนุญาตพี่ผู้จัดการออกมาได้ต่างหากแม้มันจะเป็นเรื่องไร้สาระสุดๆ ก็ตาม ทั้งคู่คุยเล่นกันอยู่ในรถจนกระทั่งถึงหน้าทางเข้าสถานีลิซจึงขอตัวกลับก่อน เขาอิดออดอยู่สักพักก็ยอมปล่อยให้เธอลงรถไป ลิซมองตามจนเห็นเข้าไปด้านในแล้วจึงหันหลังกลับไปอีกทาง

     

    แชะ! แชะ! แชะ!

     

    เสียงแปลกแต่คุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลทำเอาเธอหันขวับหาต้นตอ เท้าที่อยู่ในรองเท้าผ้าใบสีขาวเริ่มเร่งขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่รู้หรอกว่าเป็นแฟนคลับหรือนักข่าวแต่สิ่งเดียวที่รู้คือจะปล่อยให้เจ้าของกล้องนั่นจับภาพเธอเพื่อไปใช้งานไม่ได้เด็ดขาด สุดท้ายเธอก็ออกวิ่งจนได้และดูเหมือนฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้รู้ในทันทีว่าถูกตาม

    “บ้าเอ๊ย!!

    ซอยแคบด้านหน้าเป็นเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเองหนีพ้นการตามของคนแปลกหน้า ไวเท่าความคิดลิซเลี้ยววูบหายเข้าไปและแน่นอนคนที่ตามอยู่ต้องตามเข้ามาในไม่ช้า ทันทีที่คู่กรณีลึกลับวิ่งเข้ามากระเป๋เป้ที่เต็มไปด้วยสัมภาระก็ฟาดอั้กเข้าที่หน้าจนหงาย

     

    อั้ก!!

    พลั่ก!!

    ลิซเตะอัดเข้าให้อีกทีก่อนจะวิ่งหนีไม่คิดชีวิตเพราะสัญชาตญาณสั่งการให้เชื่อว่าคนที่ตามไม่ใช่แฟนคลับหรือแม้แต่ปาปารัซซี่

    โชคอันน้อยนิดก็เป็นของเธอเมื่อวิ่งออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็เจอกับแท็กซี่ หญิงสาวรีบกระโดดขึ้นทันทีแล้วสั่งให้คนขับออกตัวให้เร็วที่สุด เธอถอนหายใจหนักหน่วงอย่างโล่งอกหลังจากสั่งให้รถเลี้ยวทันทีที่ถึงแยกตรงหน้า ก่อนจะบอกจุดหมายที่แท้จริงให้แท็กซี่อีกครั้ง

    “ตายๆๆๆ ฉันไม่รอดแน่ๆ” 

    ลิซพึมพำอยู่ในลำคอทั้งที่มือยังพยายามหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแต่เพราะข้อมือพันอยู่กับสายกระเป๋าและสายกล้องที่เกี่ยวติดมาอย่างไม่ตั้งใจทำให้กว่าจะดึงออกได้ก็ใช้เวลาหลายนาที มือที่จับโทรศัพท์ยังคงสั่นเบาๆ อาจเป็นเพราะใช้แรงมากเกินไปหรือไม่ก็ด้วยอาการตกใจ

    “คุณเอริค! พวกนั้นตามมาถึงนี่แล้ว! เจอแล้ว!

    ลิซแทบแหกปากใส่โทรศัพท์ตัวเองอย่างต้องการระบายโดยละเว้นการเกรงใจชั่วขณะ แม้แต่ตอนนี้หัวใจเธอก็เต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ ไม่มีการโต้ตอบอะไรอีกเพราะเธอโวยวายจบก็กดตัดสายพลางหมุนโทรศัพท์ในมือไปมาอย่างใช้ความคิด

     

             

    Rrrrr… Rrrrr….

     

    ร่างบางที่เดินวนไปวนมาหน้าเคาน์เตอร์บาร์ในคลับที่เธอทำงานด้วยอาการกระวนกระวายพุ่งตัวเข้าตะครุบโทรศัพท์ในทันที

    ข้อความในโทรศัพท์ทำเอาเจ้าของเครื่องอยากจะแหกปากเสียอีกรอบ

    “ห้านาที! แล้วจะส่งมาทำไม? ตอนนี้นาทีเดียวก็แทบบ้าเถอะ!!

    แต่ถึงแม้รู้เวลาสิ้นสุดการรอคอยเธอก็ยังคงเดินวนแบบเดิมอยู่ดี

     

    “เป็นอะไรมากรึเปล่า!?”  

    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสงสว่างที่ลอดเข้ามาจากด้านนอก

    “ไม่ค่ะ! แต่อีกไม่นานอาจจะเป็น!  พูดจบก็เลื่อนกล้องที่ติดมือมาให้เอริค ชายหนุ่มเปิดดูรูปด้านในก็พบกับรูปซองกยูและลิซจากคาเฟ่จนถึงแถวๆสถานีโทรทัศน์

    “พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวัง”  เขาตำหนิด้วยสีหน้ายุ่งๆ ทำเอาปรอทความหงุดหงิดของลิซพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ

    “มันใช่เวลามั้ยคะ!?”

    “พูดเพราะห่วงหรอก”

    เอริคมองด้วยความเป็นห่วงจริงๆ ถ้าไม่เพราะเขาลิซก็คงไม่ต้องมาหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ที่นี่ ใจหนึ่งอยากจะดึงเข้ามากอดปลอบให้คลายกังวลแต่หากทำไปคงโดนตบสวนมาอย่างไม่ต้องสงสัย

    “เดี๋ยวพี่ไปส่ง อย่าคิดว่าจะหนีกลับไทย แล้วก็ไม่ต้องมาทำงานจนกว่าพี่จะสั่ง”

    ลิซที่ยืนกอดอกปรายตามองอย่างหมั่นไส้กับคำสั่ง ส่วนความรู้สึกอีกครึ่งก็โกรธเขาเสียจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

     

    เหตุการณ์วิ่งสู้ฟัดสี่คูณร้อยนั่นยังคงทำให้เธอผวาอยู่หน่อยๆ เมื่อมองลงไปจากระเบียงและเห็นผู้ชายโอเวอร์โค้ทดำเหมือนคนที่ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่งคนนั้น รอยบวมแดงรวมถึงรอยไหม้รอบข้อมือที่ถูกทั้งสายกระเป๋าและสายสะพายกล้องบาดทำเอาลิซน้ำตาจะไหล อาการเจ็บเคล็ดและแสบเข้าเล่นงานหลังจากที่สติสัมปชัญญะที่หลุดลอยไปประกอบร่างกันจนครบ เวลานี้เธอไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องอะไรที่ทำให้ตัวเองเครียดมากไปกว่าอาการบาดเจ็บที่เล่นงานเธออยู่ตอนนี้เลย

    มือบางถือถุงเจลประคบเย็นค่อยกดเบาๆ ด้วยใบหน้าเหยเกสุดบรรยายถึงแม้การปฐมพยาบาลตัวเองมันจะเจ็บน้อยกว่าแต่มันก็ลำบากลำบนมากกว่าอยู่ดี แถมตอนที่รอเอริคอยู่ที่คลับนั้นทำไมไม่เจ็บ เท่านี้คงเพราะตอนนั้นมันชาๆหนึบๆ บวกกับเก็บอาการ แต่พออยู่คนเดียวเท่านั้นแหละแทบจะร้องแรกแหกกระเชิงไปสามบ้านแปดบ้าน

    ทว่าเสียงเคาะเบาๆ ทำให้อารมณ์ลุ้นในการทายาของเธอหยุดชะงัก

    “ใครอีกล่ะ?”

     ลิซเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาหกโมงเย็นอย่างคาดเดา แต่เมื่อมองผ่านตาแมวเห็นคนด้านนอกก็ทำให้เธอหันรีหันขวางก่อนวิ่งไปโกยของย้ายไปที่โต๊ะอาหารอย่างทุลักทุเล

    “มาทำอะไรเกือบทุกวันพ่อคู๊ณณณณณณ...”  ลิซพึมพำเป็นภาษาไทย

    “ว่าอะไรนะ?”  ซึงโฮหันมาถาม

    “เปล่านี่”  เธอปฏิเสธ

    “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก”  ความตั้งใจคือจะมารับสินะ

    “วันหยุด”

    ลิซตอบสั้นๆ หลังจากที่พาตัวเองกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม ใบหน้าหวานนั่งมองคนตรงหน้าที่กำลังจัดแจงหยิบของในถุงออกมาให้ดูอย่างกระตือรือร้นจนต้องกลั้นยิ้มเอาไว้

    “นี่ของเธอ”

    ซึงโฮดันกล่องสองสามกล่องที่เรียงอยู่ไปตรงหน้าเธอ ส่วนด้านหน้าตัวเองเป็นกล่องหลากหลายแบบมากกว่าห้ากล่อง

    “งก!  ลิซบ่นหน้าคว่ำพลางใช้มือซ้ายแกะๆ แงะๆ กล่องตรงหน้าอย่างสนใจ แต่อีกคนกลับรู้สึกแปลก

    “ถนัดซ้ายตั้งแต่เมื่อไหร่?” 

    ซึงโฮเอ่ยเสียเรียบ พลันมือหนาก็คว้าอีกข้างที่ไม่ได้ถูกใช้งานแต่เจ้าตัวกลับเบี่ยงหนี สุดท้ายเสียงแหกปากลั่นทำให้เขาต้องรีบปล่อยด้วยสีหน้าตกใจ

    “ไหนดูสิ! ไปทำอะไรมา?”

    น้ำเสียงตกใจดังขึ้นทันทีที่เห็นแขนข้างที่ลิซตั้งใจหลบเอาไว้ หญิงสาวสบตาด้วยใบหน้าเจื่อนๆ ระคนเจ็บเพราะอาการร้าวระบม

    ช่างสังเกตหรือฉลาดน้อยกว่านี้สักหน่อยก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ...

     

     

    60%

     

    ---------------- ----------------

     

     

    อียุนเจถูกเอริคสั่งให้มาเฝ้าระวังหน้าคอนโดของลิซโดยที่ไม่ต้องไปทำงานที่คลับ ชายหนุ่มนั่งจิบกาแฟเรื่อยเปื่อยอยู่ชั้นล่างเป็นชั่วโมงจนคาดเดาได้ว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับก็ยังไม่เห็นความผิดปกติใดจะมีก็แต่แขกผู้มาเยือนของคนที่ห้องด้านบนนั่นแหละที่ดูน่าสนใจสุด

    ส่วนเรื่องที่จะขายข่าวรายงานให้คิมซองกยู่น่ะฝันไปเถอะเพราะหากเรื่องนี้หลุดไปหละก็หน้าที่การงานของเขาเองต่างหากที่จะไม่ปลอดภัย สรุปงานนี้ขอผ่านนะครับ

    ชายหนุ่มยกมือขึ้นรวบผมตัวเองอีกรอบอย่างเบื่อหน่ายเมื่อผมยาวๆ ของตัวเองเริ่มหลุดร่วงลงมาจนน่ารำคาญเพราะเวลาที่ล่วงเลยไปนานจนตอนนี้เริ่มมืดค่ำขึ้นทุกที

    “หิวแล้วแฮะ”

    ยุนเจบ่นเบาๆ และเริ่มมองหาที่สิงสถิตที่ใหม่ที่จะสามารถอยู่ได้ยันดึกดื่นค่อนคืนกว่านี้ก็ไม่เป็นที่สงสัย

    สุดท้ายหวยก็มาออกที่อิมแจบอมหรือเจบี พ่อหนุ่มดีเจมือฉมังสุดหล่อแอนด์อินดี้ที่ถูกเรียกให้ขับรถมาหาพร้อมแปลงสภาพเป็นทั้งห้องนอน ห้องอาหาร ห้องเล่นเกมส์ และที่ปรึกษาพิเศษในเวลาเดียวกันให้กับรุ่นพี่สุดหล่อ ยุนเจมองรุ่นน้องตัวเองอย่างปลงๆ เมื่อเห็นผมทรงใหม่ที่มาพร้อมกับสีบรอนซ์ทองอ่อนๆ และไฮไลท์ด้านหน้าสีชมพูที่ดูแปลกในสายตาของเขา

    “หน้าตาก็ดี ตัวก็สูง หุ่นก็น่า...”  ยุนเจเก็บคำว่า..แซ่บ ไว้ในใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ

    “...ไม่น่าบ้า”

    “อ้าวฮยอง ผมเป็นตัวของตัวเอง ผมผิดตรงไหน?”  อิมแจบอมหรือเจบีหันมาค้านด้วยสีหน้าสงสัย

    “เหรอ?”  ยุนเจเหล่มอง

    “มันเป็นแฟชั่นครับผม ก็เหมือนที่ฮยองผมยาวใส่แว่นมาเป็นสิบปีนั่นแหละ”

     

    โห.. ไอ้เด็กปากคอเราะร้าย เดี๋ยวพ่อโบกให้ไฮไลท์กระเด็นซะนี่!!

     

    เจบีเหมือนจะสัมผัสได้เพราะเจบีเป็นลูกศิษย์พี่เจนญาณทิพย์... ตลกละ.. เขายกนิ้วชี้ไปทางยุนเจก่อนจะทำเม้มปากแก้มป่องด้วยท่าทางจริงจัง

    “อย่านะครับ... อย่าคิดจะทำร้ายร่างกายผม เดี๋ยวจะไม่ช่วยนะครับ”

    “น่ารักตายหละ”

    จบคำพูดของยุนเจเจ้ารุ่นน้องอินดี้ก็ยิ้มกว้างอย่างขี้เล่นพลางยกสองมือเขย่าเขาจนหัวสั่นหัวคลอนด้วยอาการถูกอกถูกใจส่วนตัว

    “น่ารักอ่าดิ๊...”

    “เอ่อ.. เจบี อ่านปากนะ... อย่า มา ปัญ ญา อ่อน!

    แม้ประโยคคำพูดของยุนเจที่ช่างทำร้ายจิตใจจะสามารถหยุดการกระทำบ้าบอของเจบีได้แต่รอยยิ้มของเขากลับยังคงอยู่ ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับจางลงกลายเป็นมุ่นคิ้วอย่างครุ่นคิดเมื่อเห็นอีกมุมหนึ่งของถนนตรงข้ามที่มีคนทำท่าลับๆล่อๆอย่างน่าสงสัยรวมทั้งรายละเอียดที่รุ่นพี่ของเขาบอกก่อนหน้านี้ก็มีส่วนใกล้เคียงอยู่เยอะทีเดียว

    “ฮยอง... นั่น...”

    “ขับตามมา”

    ยุนเจมองตามสายตาเจบีก่อนจะเปิดประตูลงจากรถและเริ่มสาวเท้ายาวๆ ไปที่ชายคนนั้น เพียงแค่ถนนกั้นจะถึงตัวแต่ชายคนนั้นกลับไหวตัวทันเสียก่อนเป็นอันแน่ใจได้จริงๆ ว่าเขาคือเป้าหมายที่ยุนเจรอคอย ร่างสูงเร่งฝีเท้าข้ามถนนตามเวลาเดียวกับที่รถของเจบีเร่งเครื่องขึ้นเพื่อตามไม่คลาดสายตาหากยุนเจตามไม่ทันเพราะถนนแถวนี้เชื่อมถึงกันหมดและเจบีก็รู้จักมันดีเสียด้วย

    กว่าสองร้อยเมตรที่ยุนเจวิ่งไล่จนมาถึงสี่แยกที่เจบีต้องตัดสินใจว่าไอ้เลวนั่นจะเลี้ยวหรือจะตรง แต่... ไวเท่าความคิด เจบีเร่งเครื่องยนต์แล้วดริฟท์รถหน้าสี่แยกเฉียดเสาสัญญาณไฟจราจรเพียงไม่ถึงคืบส่วนหน้ารถปีนฟุตบาธจนแทบชิดกำแพงทำให้หนทางการหนีของคนที่ลูกไล่เป็นศูนย์ในทันที

    ยุนเจยืนหอบน้อยๆ ก่อนย่างเท้าเข้าใกล้ก่อนจะกระชากคู่กรณีอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วปล่อยหมัดลุ่นๆ ไปสองสามทีทำเอาคนโดนทรุดลง แต่ทางเจบีแอบทำหน้าสยองอย่างไม่อยากจะเห็นเพราะเขาเคยโดนรุ่นพี่แว่นคนนี้ต่อยมาแล้วเมื่อตอนเข้าม.ปลายขอบอกว่า... ประสบการณ์สยองยังน้อยไป

    เชือกมัดไม่ใหญ่นักถูกส่งให้ยุนเจเพื่อมัดตัวปัญหาก่อนพาไปหาเอริค

    “วิ่งเร็วชิบ!...”

    ยุนเจสบถเบาๆ หลังจากเหวี่ยงตัวปัญหาเข้ารถไปได้

    “ฝากเจ้านายฮยองจ่ายตังค์ให้ผมด้วยนะ พรุ่งนี้ใบสั่งคงมาหน้าบ้านละ... ขับรถพรรค์นี้”

    เจบีเหลือบมองคนด้านหลังนิดหน่อยก่อนจะพารถออกตัวอีกครั้งเพื่อไปจุดมุ่งหมายทันที

     

    ---------------- ----------------

     

     

    Introduce.... DJ. INDy



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×