ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dating Idol อยากจะรัก...เดี๋ยวจัดให้ [INFINITE&MBLAQ]

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 : การร่วมมือเฉพาะกิจ

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 57



     

     

    Chapter 12 : การร่วมมือเฉพาะกิจ

     

     

               

                เท้าที่อยู่ในรองเท้าผ้าใบข้อสูงสีขาวสะอาดกำลังเร่งจังหวะการเดินให้เร็วเท่ากับร่างสูงตรงหน้า ฮู้ดสีน้ำเงินถูกดึงขึ้นมาคลุมศีรษะจนแทบมิด ช่วงนี้เธอค่อนข้างใช้ชีวิตอย่างระแวงโดยความช่วยเหลือของยุนเจที่คอยไปไหนมาไหนด้วยดูเหมือนเธอจะระวังตัวมากกว่าการหลบมาเกาหลีในช่วงแรกๆ เสียอีก

    สายตาของคนรอบข้างที่มองมาทำให้ยุนเจเอื้อมมากุมมือคนที่ตามหลังอยู่และชะลอฝีเท้าให้ช้าลงเล็กน้อย

    “เงียบเชียวนะ”   ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ

    “...”    ลิซไม่ตอบ เพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนนอกเหนือจากคู่สนทนาร่วมทางอยู่ด้วยตรงไหนสักที่

    “ถึงขั้นไปรับแล้วยังจะระแวงอีกเหรอ?”

    “เพราะไปรับนี่แหละ มันถึงน่าระแวง”

    คำตอบของลิซทำเอาคนถามลอบยิ้ม ไม่ว่ายังไงคนข้างๆ ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแม้จะถูกจับจ้องเป็นเป้าสายตาและการคุกคามของคนบางกลุ่มอยู่ก็เถอะ

    “แล้วจะมาประชุมอะไรวันนี้ตอนนี้ก็ไม่รู้ ฟ้าสว่างขนาดนี้ แถมคนก็เยอะแยะไปหมด”  ลิซบ่นอุบจนยุนเจส่ายหน้า

    “พูดมากจริงเลย ไป! 

     

    ก่อนหน้านี้ยุนเจได้รับสายจากคิมซองกยูให้ไปรับลิซออกมาด้วยกันและคงไม่ต้องเดาให้เหนื่อยว่าทำไมซองกยูถึงรู้ว่าวันนี้มีประชุมพิเศษ ร้อยทั้งร้อยเขาคงรู้มาจากตัวเธอเองและด้วยความเป็นห่วงนั่นแหละงานถึงมาตกถึงมืออียุนเจคนนี้ได้โดยไม่คิดจะถามความสมัครใจจากเขาสักคำ หรือหากว่าถาม... ยุนเจก็เต็มใจทำให้อยู่ดี

    เฮ้อ... แล้วจะบ่นทำเพื่อ?

     

    แรงตบเบาๆ ที่ไหล่ทำให้ยุนเจหันมาจนใจจนได้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆเป็นเชิงถามซึ่งก็ได้คำตอบมาเป็นปลายนิ้วเรียวของคนข้างตัวที่ชี้ให้ดูตรงหน้าห่างออกไปไม่ไกล

    “คุณเอริค...”   เขารำพึงในคอ

    “มาได้ยังไง?”  

    ไม่ใช่เสียงยุนเจแต่เป็นเสียงของลิซที่เอ่ยคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบนั่นออกมาก่อนจะปล่อยมือจากคนข้างๆ แล้วก้าวฉับไปหาเอริคทันทีแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรมือหนาของเขาก็เอื้อมมาปลดฮู้ดลงจากศีรษะของเธอและพบกับสายตาที่ฉายชัดถึงความไม่ชอบใจ

    “อย่าเพิ่งอาละวาดน่า พี่แค่มาประชุม” 

    “......”

    คิ้วเรียวได้รูปมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยอย่างสงสัยก่อนจะถอยห่างออกมาเมื่อยุนเจเดินตามมาดึงไปนั่งที่เก้าอี้สูงใกล้ๆ เพราะเห็นว่าผู้จัดการร้านเดินออกมาจากประตูสำนักงานด้านใน

    แต่แล้วความจริงก็กระจ่างเมื่อเอริคออกมายืนด้านหน้าคู่กับผู้จัดการ

    “บอสงั้นเหรอ? โอ๊ย...ฉัน!

    ลิซแทบจะเอาศีรษะโขกโต๊ะสูงตรงหน้า ใบหน้าหวานซบลงกับแขนอย่างหงุดหงิดที่เธอเสียรู้เขาเข้าอีกแล้ว

    “คุณลิซ... คุณลิซ!  

    เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียกทำเอาเธอต้องกลั้นใจเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ปรับให้ดูปกติให้มากที่สุด

    “วันงานปาร์ตี้พรุ่งนี้ คุณไม่ต้องมานะครับเพราะคุณต้องแลกไปอยู่อีกสาขา เราคิดว่าคุณคงทำไม่ไหว”

     

    ใช่สิ! ไม่ไหว... ไม่ไหวแน่ๆ ...  

    งานปารตี้พิเศษที่เป็นทีมงานของสถานีโทรทัศน์ถ้ามีใครเจอเข้าคงได้งานเข้าแน่ๆ เพราะสถานภาพของลิซตอนนี้ไม่ใช่แค่คนต่างด้าวธรรมดาแต่พ่วงชื่อเสียงมาด้วยแม้มันจะเล็กน้อยหรือแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ทว่าสำหรับคนทำรายการโทรทัศน์และเจอตัวละครที่สร้างขึ้นมายืนเขย่าเครื่องดื่มอยู่หน้าบาร์ทั้งที่รายการยังไม่จบมันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ หรือหากจะหยุดก็ทำไม่ได้อีกเพราะร้านที่เธอต้องไปก็เป็นวันที่มีปาร์ตี้ประจำตัดหนทางหนีให้เธอโดยอัตโนมัติ

    เมื่อประชุมเสร็จคนที่เปิดตัวว่าเป็นหุ้นส่วนร้านหรือบอสอีกคนก็เดินมาหาทำให้ยุนเจต้องเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นเพื่อคุยรายละเอียดอื่นๆ เสียเอง

    “เป็นอะไรไป หืม...”  น้ำเสียงอ่อนโยนทำเอาเธอหันขวับ

    “มีอะไรเหรอคะ... บอส..”

    “ไม่คิดจะขอบคุณพี่สักนิดเลย?”

    “เรื่อง?”

    “ก็พี่เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเกือบทุกครั้ง ไม่เห็นความดีกันบ้างเหรอ?”

    “ฉีกสัญญาทิ้งสิคะ!

    ลิซตวัดสายตาอย่างไม่ค่อยพอใจแล้วลุกไปหายุนเจแต่เอริคคว้าแขนเธอไว้

    “ร่วมมือกันชั่วคราว เพื่อตัวเราเอง”

    น้ำเสียงที่ดูจริงจังของเขาทำให้เธออ่อนลง ส่วนเอริคเมื่อเห็นแบบนั้นก็ดึงเธอออกมาอีกทางเพื่อคุยเป็นการส่วนตัว

    ลิซค่อยๆ ดึงแขนออกก่อนจะยกขึ้นกอดอกและเอนหลังพิงกำแพงสีเข้ม เอริคพรูลมหายใจอย่างพยายามสงบอารมณ์

    “อย่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้สิ”

    ประโยคที่เขาเอ่ยทำเอาคนที่ทิ้งสายตาลงพื้นตวัดขึ้นมองอย่างฉุนที่ถูกว่าเอาง่ายๆ

    “พี่ทำไปทุกอย่างเพื่อเรานะ”

    “หยุดเถอะค่ะ!   ลิซเอ่ยเสียงเข้ม

    “ทั้งงาน ความรู้สึก ชีวิตทั้งหมดของลิซ!... พี่เอาคืนมาได้มั้ยล่ะ!!

    “แต่เราคุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ?”  เขายังคงโต้ตอบอย่างใจเย็น

    “ใช่ค่ะ.. เข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับได้ทุกอย่าง!

     

    ลิซสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเอริคแล้วเดินออกไปโดยทิ้งยุนเจไว้ที่คลับแต่ยังอุตส่าห์กดส่งข้อความไปบอกด้วยเกรงว่าเขาจะเป็นห่วงว่าเธอหายไป หญิงสาวยังไม่คลายความหงุดหงิดแม้จะกลับมาถึงห้องตัวเอง

    แต่เสียงเคาะประตูทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดเดินกระแทกเท้าไปดูอย่างเสียไม่ได้ จนเมื่อเห็นว่าเป็นใครมือบางก็เลื่อนไปเปิดประตูให้ทันทีตามด้วยเสียงทักขุ่นๆ จนคนถูกทักหน้าเหวอ

    “นายไปไหนมาซึงโฮ!

    “ต..ต่างประเทศ มีอะไร?” 

    “ทำไมนายไม่บอกฉัน...เกือบอาทิตย์เลยนะ ข้อความสักข้อความก็ไม่มี”

    ซึงโฮเห็นท่าไม่ดีก็ดึงคนตรงหน้ามานั่งที่โซฟาตัวเก่งแล้วถามอย่างเป็นห่วง

    “เป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายใจงั้นเหรอ?”  

     

    “ซึงโฮ

     

    เห็นท่าจะไม่ค่อยดี

     

    “ฮ..ฮะ..ฮะ... ฮรือออออออออ...” 

     

    อ้าว....

     

    ลิซโผเข้ากอดเขาแล้วสะอื้นฮั่ก เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็ทำเอาความอัดอั้นของเธอพังทลายจนซึงโฮทำตัวแทบไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรแต่เธอคงต้องการที่พึ่งมากจริงๆ ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่บ่ายบวกกับความอัดอั้นจากเอริค หรือสาเหตุที่เธอต้องเร่ร่อนมาอยู่ที่นี่ รวมทั้งความกังวลจากรายการนั้นกดดันเธอจนสมองตื้อทางเดียวที่จะทำให้มันโล่งคือระบายมันออกมา

    ซึงโฮลูบสัมผัสเรือนผมนิ่มเบาๆ อย่างปลอบใจเพราะไม่ว่าเขาจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้  สิ่งที่เขาทำได้มีแค่เพียงการเป็นที่พึ่งให้คนตรงหน้าเท่านั้นเอง

     

    50%

    ---------------- ----------------

     

    ภายในคลับที่ลิซถูกเปลี่ยนให้มาช่วยงานชั่วคราวยังคงเต็มไปด้วยผู้คนถึงแม้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว หญิงสาวดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือก่อนจะเลี่ยงออกมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลับบ้านแต่เสียงเคาะนิ้วที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ เธอแอบเป่าปากเบาๆ

    “เอ๊!

    รอยยิ้มคุ้นเคยที่อยู่ตรงหน้าทำเอาเธออุทานตามด้วยดวงตาเขม่นมุ่น

    “ชู่ว

    เสียงห้ามเบาๆ นั่นทำให้เธอไม่พูดอะไรต่อ

    “ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่เลยนะ”

    คิมซองกยูเอ่ยยิ้มๆ เพราะที่บอกออกไปน่ะโกหกทั้งเพ ถ้าหากเขาไม่ได้รับข้อความจากอียุนเจก็คงไม่รู้ว่าวันนี้เธออยู่ที่ไหน

    “กลับรึยัง?”

    มาถูกที่นี่ยังน้อยไป... รู้เวลาเลิกงานอีกต่างหาก...

    ลิซพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปโดยที่ซองกยูเดินยิ้มอารมณ์ดีออกไปอีกทาง

    ลานว่างด้านหลังร้านเป็นที่ที่ค่อนข้างเงียบและปลอดภัยพอที่จะคุยกันของลิซและซองกยู ชายหนุ่มจับมือข้างหนึ่งของเธอไว้ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเมื่อเธอยอมรับว่ามีคนตามและเข้ามาถามว่าคือคนในรายการเดทจริงหรือเปล่าอยู่บ่อยๆ ในช่วงอาทิตย์นี้

    “เด็กๆ อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปบ้าง อย่าโกรธพวกเขาเลยนะ”

    “รู้แล้วน่า ฉันก็เคยทำงานกับเด็กๆ เหล่านั้นนะ เข้าใจดี”  ลิซยิ้ม

    “อันที่จริงผมเป็นห่วงคุณ”  ซองกยูเอื้อมจับมืออีกข้างของลิซ ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแล้วพูดต่อ

    “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น... บอกผมนะ อย่าเก็บไว้”

    ลิซพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ พลันแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงทำให้เธอเบนสายตาไปมองโดยที่ซองกยูก็มองตามเขาจึงปล่อยมือ

    “ฉันต้องไปแล้ว บ๊ายบาย...”

    เธอเงยหน้าหลังจากอ่านข้อความในโทรศัพท์แล้วเอ่ยลา ซองกยูมีท่าทีอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อแต่ทว่าเธอเดินดุ่มๆออกไปเสียแล้วเขาจึงทำได้เพียงมองตามหลังเธอไปเท่านั้น

    “เอ๊ะ! นั่น!

    รถคุ้นตาที่หญิงสาวเปิดประตูขึ้นนั่งและออกตัวไปอย่างรวดเร็วไม่เพียงแต่คุ้นเท่านั้น ซองกยูจำมันได้ดีเลยทีเดียวว่ามันคือรถของลีดเดอร์ซึงโฮ เจ้าตัวจิ๊ปากอย่างไม่ถูกใจที่โดนก้างชิ้นใหญ่เบ้งมาขัดแถมยังพูดหรือแสดงออกอะไรไม่ได้อีกด้วยนั่นทำให้เขาพาลหงุดหงิด

    ซองกยูกดเบอร์โทรออกไปหาทีมงานพันธมิตรของเขาทันทีที่คิดอะไรบางอย่างออก

    “นั่นอียุนเจใช่ไหม?”   

    [ครับ... ผมยังไม่เลิกงานนะ]   ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน

    “รู้น่า! นายมีหน้าที่เพิ่ม และที่สำคัญคือมันมีค่าจ้าง”  ซองกยูไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา

    [ว่ามา...]

    “กันรุ่นพี่ซึงโฮให้ไกล เอาแบบลอยออกไปห่างๆ!  ซองกยูตัดสินใจแบไต๋ตัวเองให้เห็นๆ กันไปเลย

    [ข้อเสนอของคุณอาจทำให้ผมตกงานได้นะ ฮ่ะฮ่ะ...]

    “........”    เงียบ... ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียก

    [โอเค ผมจะลองคิดดู]

     

    ซองกยูครุ่นคิดอยู่ที่เดิมพักใหญ่หลังจากวางสายไปแล้ว เขารู้ดีว่าสถานการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนกับตอนนี้มันต่างกัน หัวใจของเขาเต้นแทบไม่เป็นจังหวะเมื่อเวลาเห็นเธอสนิทกับคนอื่นมากกว่าที่เขาได้รับก็รู้สึกอิจฉา บางทีอาจจะแค่เพียงเสียดายที่เพื่อนคนหนึ่งจะไม่เห็นความสำคัญของตัวเอง หรืออาจจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่

    เอาเถอะ... ตอนนี้ก็คือตอนนี้ ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน ทว่าอีกหนึ่งคนที่เขาต้องระวังในความเจ้าเล่ห์ก็คงหนีไม่พ้นอียุนเจพันธมิตรชั่วคราวคนนี้นี่แหละ

    ผู้ชายคนนี้...คาดเดายากจริงๆ

    แต่ผู้ชายอีกคน... น่าระวังมากกว่า

     

    ---------------- ----------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×