คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 : การร่วมมือเฉพาะกิจ
Chapter 12 : การร่วมมือเฉพาะกิจ
เท้าที่อยู่ในรองเท้าผ้าใบข้อสูงสีขาวสะอาดกำลังเร่งจังหวะการเดินให้เร็วเท่ากับร่างสูงตรงหน้า ฮู้ดสีน้ำเงินถูกดึงขึ้นมาคลุมศีรษะจนแทบมิด ช่วงนี้เธอค่อนข้างใช้ชีวิตอย่างระแวงโดยความช่วยเหลือของยุนเจที่คอยไปไหนมาไหนด้วยดูเหมือนเธอจะระวังตัวมากกว่าการหลบมาเกาหลีในช่วงแรกๆ เสียอีก
สายตาของคนรอบข้างที่มองมาทำให้ยุนเจเอื้อมมากุมมือคนที่ตามหลังอยู่และชะลอฝีเท้าให้ช้าลงเล็กน้อย
“เงียบเชียวนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ
“...” ลิซไม่ตอบ เพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนนอกเหนือจากคู่สนทนาร่วมทางอยู่ด้วยตรงไหนสักที่
“ถึงขั้นไปรับแล้วยังจะระแวงอีกเหรอ?”
“เพราะไปรับนี่แหละ มันถึงน่าระแวง”
คำตอบของลิซทำเอาคนถามลอบยิ้ม ไม่ว่ายังไงคนข้างๆ ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแม้จะถูกจับจ้องเป็นเป้าสายตาและการคุกคามของคนบางกลุ่มอยู่ก็เถอะ
“แล้วจะมาประชุมอะไรวันนี้ตอนนี้ก็ไม่รู้ ฟ้าสว่างขนาดนี้ แถมคนก็เยอะแยะไปหมด” ลิซบ่นอุบจนยุนเจส่ายหน้า
“พูดมากจริงเลย ไป!”
ก่อนหน้านี้ยุนเจได้รับสายจากคิมซองกยูให้ไปรับลิซออกมาด้วยกันและคงไม่ต้องเดาให้เหนื่อยว่าทำไมซองกยูถึงรู้ว่าวันนี้มีประชุมพิเศษ ร้อยทั้งร้อยเขาคงรู้มาจากตัวเธอเองและด้วยความเป็นห่วงนั่นแหละงานถึงมาตกถึงมืออียุนเจคนนี้ได้โดยไม่คิดจะถามความสมัครใจจากเขาสักคำ หรือหากว่าถาม... ยุนเจก็เต็มใจทำให้อยู่ดี
เฮ้อ... แล้วจะบ่นทำเพื่อ?
แรงตบเบาๆ ที่ไหล่ทำให้ยุนเจหันมาจนใจจนได้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆเป็นเชิงถามซึ่งก็ได้คำตอบมาเป็นปลายนิ้วเรียวของคนข้างตัวที่ชี้ให้ดูตรงหน้าห่างออกไปไม่ไกล
“คุณเอริค...” เขารำพึงในคอ
“มาได้ยังไง?”
ไม่ใช่เสียงยุนเจแต่เป็นเสียงของลิซที่เอ่ยคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบนั่นออกมาก่อนจะปล่อยมือจากคนข้างๆ แล้วก้าวฉับไปหาเอริคทันทีแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรมือหนาของเขาก็เอื้อมมาปลดฮู้ดลงจากศีรษะของเธอและพบกับสายตาที่ฉายชัดถึงความไม่ชอบใจ
“อย่าเพิ่งอาละวาดน่า พี่แค่มาประชุม”
“......”
คิ้วเรียวได้รูปมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยอย่างสงสัยก่อนจะถอยห่างออกมาเมื่อยุนเจเดินตามมาดึงไปนั่งที่เก้าอี้สูงใกล้ๆ เพราะเห็นว่าผู้จัดการร้านเดินออกมาจากประตูสำนักงานด้านใน
แต่แล้วความจริงก็กระจ่างเมื่อเอริคออกมายืนด้านหน้าคู่กับผู้จัดการ
“บอสงั้นเหรอ? โอ๊ย...ฉัน!”
ลิซแทบจะเอาศีรษะโขกโต๊ะสูงตรงหน้า ใบหน้าหวานซบลงกับแขนอย่างหงุดหงิดที่เธอเสียรู้เขาเข้าอีกแล้ว
“คุณลิซ... คุณลิซ!”
เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียกทำเอาเธอต้องกลั้นใจเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ปรับให้ดูปกติให้มากที่สุด
“วันงานปาร์ตี้พรุ่งนี้ คุณไม่ต้องมานะครับเพราะคุณต้องแลกไปอยู่อีกสาขา เราคิดว่าคุณคงทำไม่ไหว”
ใช่สิ! ไม่ไหว... ไม่ไหวแน่ๆ ...
งานปารตี้พิเศษที่เป็นทีมงานของสถานีโทรทัศน์ถ้ามีใครเจอเข้าคงได้งานเข้าแน่ๆ เพราะสถานภาพของลิซตอนนี้ไม่ใช่แค่คนต่างด้าวธรรมดาแต่พ่วงชื่อเสียงมาด้วยแม้มันจะเล็กน้อยหรือแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ทว่าสำหรับคนทำรายการโทรทัศน์และเจอตัวละครที่สร้างขึ้นมายืนเขย่าเครื่องดื่มอยู่หน้าบาร์ทั้งที่รายการยังไม่จบมันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ หรือหากจะหยุดก็ทำไม่ได้อีกเพราะร้านที่เธอต้องไปก็เป็นวันที่มีปาร์ตี้ประจำตัดหนทางหนีให้เธอโดยอัตโนมัติ
เมื่อประชุมเสร็จคนที่เปิดตัวว่าเป็นหุ้นส่วนร้านหรือบอสอีกคนก็เดินมาหาทำให้ยุนเจต้องเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นเพื่อคุยรายละเอียดอื่นๆ เสียเอง
“เป็นอะไรไป หืม...” น้ำเสียงอ่อนโยนทำเอาเธอหันขวับ
“มีอะไรเหรอคะ... บอส..”
“ไม่คิดจะขอบคุณพี่สักนิดเลย?”
“เรื่อง?”
“ก็พี่เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเกือบทุกครั้ง ไม่เห็นความดีกันบ้างเหรอ?”
“ฉีกสัญญาทิ้งสิคะ!”
ลิซตวัดสายตาอย่างไม่ค่อยพอใจแล้วลุกไปหายุนเจแต่เอริคคว้าแขนเธอไว้
“ร่วมมือกันชั่วคราว เพื่อตัวเราเอง”
น้ำเสียงที่ดูจริงจังของเขาทำให้เธออ่อนลง ส่วนเอริคเมื่อเห็นแบบนั้นก็ดึงเธอออกมาอีกทางเพื่อคุยเป็นการส่วนตัว
ลิซค่อยๆ ดึงแขนออกก่อนจะยกขึ้นกอดอกและเอนหลังพิงกำแพงสีเข้ม เอริคพรูลมหายใจอย่างพยายามสงบอารมณ์
“อย่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้สิ”
ประโยคที่เขาเอ่ยทำเอาคนที่ทิ้งสายตาลงพื้นตวัดขึ้นมองอย่างฉุนที่ถูกว่าเอาง่ายๆ
“พี่ทำไปทุกอย่างเพื่อเรานะ”
“หยุดเถอะค่ะ!” ลิซเอ่ยเสียงเข้ม
“ทั้งงาน ความรู้สึก ชีวิตทั้งหมดของลิซ!... พี่เอาคืนมาได้มั้ยล่ะ!!”
“แต่เราคุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ?” เขายังคงโต้ตอบอย่างใจเย็น
“ใช่ค่ะ.. เข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับได้ทุกอย่าง!”
ลิซสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเอริคแล้วเดินออกไปโดยทิ้งยุนเจไว้ที่คลับแต่ยังอุตส่าห์กดส่งข้อความไปบอกด้วยเกรงว่าเขาจะเป็นห่วงว่าเธอหายไป หญิงสาวยังไม่คลายความหงุดหงิดแม้จะกลับมาถึงห้องตัวเอง
แต่เสียงเคาะประตูทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดเดินกระแทกเท้าไปดูอย่างเสียไม่ได้ จนเมื่อเห็นว่าเป็นใครมือบางก็เลื่อนไปเปิดประตูให้ทันทีตามด้วยเสียงทักขุ่นๆ จนคนถูกทักหน้าเหวอ
“นายไปไหนมาซึงโฮ!”
“ต..ต่างประเทศ มีอะไร?”
“ทำไมนายไม่บอกฉัน...เกือบอาทิตย์เลยนะ ข้อความสักข้อความก็ไม่มี”
ซึงโฮเห็นท่าไม่ดีก็ดึงคนตรงหน้ามานั่งที่โซฟาตัวเก่งแล้วถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายใจงั้นเหรอ?”
“ซึงโฮ…”
เห็นท่าจะไม่ค่อยดี
“ฮ..ฮะ..ฮะ... ฮรือออออออออ...”
อ้าว....
ลิซโผเข้ากอดเขาแล้วสะอื้นฮั่ก เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็ทำเอาความอัดอั้นของเธอพังทลายจนซึงโฮทำตัวแทบไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรแต่เธอคงต้องการที่พึ่งมากจริงๆ ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่บ่ายบวกกับความอัดอั้นจากเอริค หรือสาเหตุที่เธอต้องเร่ร่อนมาอยู่ที่นี่ รวมทั้งความกังวลจากรายการนั้นกดดันเธอจนสมองตื้อทางเดียวที่จะทำให้มันโล่งคือระบายมันออกมา
ซึงโฮลูบสัมผัสเรือนผมนิ่มเบาๆ อย่างปลอบใจเพราะไม่ว่าเขาจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้ สิ่งที่เขาทำได้มีแค่เพียงการเป็นที่พึ่งให้คนตรงหน้าเท่านั้นเอง
50%
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ภายในคลับที่ลิซถูกเปลี่ยนให้มาช่วยงานชั่วคราวยังคงเต็มไปด้วยผู้คนถึงแม้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว หญิงสาวดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือก่อนจะเลี่ยงออกมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลับบ้านแต่เสียงเคาะนิ้วที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ เธอแอบเป่าปากเบาๆ
“เอ๊!”
รอยยิ้มคุ้นเคยที่อยู่ตรงหน้าทำเอาเธออุทานตามด้วยดวงตาเขม่นมุ่น
“ชู่ว…”
เสียงห้ามเบาๆ นั่นทำให้เธอไม่พูดอะไรต่อ
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่เลยนะ”
คิมซองกยูเอ่ยยิ้มๆ เพราะที่บอกออกไปน่ะโกหกทั้งเพ ถ้าหากเขาไม่ได้รับข้อความจากอียุนเจก็คงไม่รู้ว่าวันนี้เธออยู่ที่ไหน
“กลับรึยัง?”
มาถูกที่นี่ยังน้อยไป... รู้เวลาเลิกงานอีกต่างหาก...
ลิซพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปโดยที่ซองกยูเดินยิ้มอารมณ์ดีออกไปอีกทาง
ลานว่างด้านหลังร้านเป็นที่ที่ค่อนข้างเงียบและปลอดภัยพอที่จะคุยกันของลิซและซองกยู ชายหนุ่มจับมือข้างหนึ่งของเธอไว้ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเมื่อเธอยอมรับว่ามีคนตามและเข้ามาถามว่าคือคนในรายการเดทจริงหรือเปล่าอยู่บ่อยๆ ในช่วงอาทิตย์นี้
“เด็กๆ อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปบ้าง อย่าโกรธพวกเขาเลยนะ”
“รู้แล้วน่า ฉันก็เคยทำงานกับเด็กๆ เหล่านั้นนะ เข้าใจดี” ลิซยิ้ม
“อันที่จริงผมเป็นห่วงคุณ” ซองกยูเอื้อมจับมืออีกข้างของลิซ ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแล้วพูดต่อ
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น... บอกผมนะ อย่าเก็บไว้”
ลิซพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ พลันแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงทำให้เธอเบนสายตาไปมองโดยที่ซองกยูก็มองตามเขาจึงปล่อยมือ
“ฉันต้องไปแล้ว บ๊ายบาย...”
เธอเงยหน้าหลังจากอ่านข้อความในโทรศัพท์แล้วเอ่ยลา ซองกยูมีท่าทีอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อแต่ทว่าเธอเดินดุ่มๆออกไปเสียแล้วเขาจึงทำได้เพียงมองตามหลังเธอไปเท่านั้น
“เอ๊ะ! นั่น!”
รถคุ้นตาที่หญิงสาวเปิดประตูขึ้นนั่งและออกตัวไปอย่างรวดเร็วไม่เพียงแต่คุ้นเท่านั้น ซองกยูจำมันได้ดีเลยทีเดียวว่ามันคือรถของลีดเดอร์ซึงโฮ เจ้าตัวจิ๊ปากอย่างไม่ถูกใจที่โดนก้างชิ้นใหญ่เบ้งมาขัดแถมยังพูดหรือแสดงออกอะไรไม่ได้อีกด้วยนั่นทำให้เขาพาลหงุดหงิด
ซองกยูกดเบอร์โทรออกไปหาทีมงานพันธมิตรของเขาทันทีที่คิดอะไรบางอย่างออก
“นั่นอียุนเจใช่ไหม?”
[ครับ... ผมยังไม่เลิกงานนะ] ปลายสายเอ่ยอย่างรู้ทัน
“รู้น่า! นายมีหน้าที่เพิ่ม และที่สำคัญคือมันมีค่าจ้าง” ซองกยูไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา
[ว่ามา...]
“กันรุ่นพี่ซึงโฮให้ไกล เอาแบบลอยออกไปห่างๆ!” ซองกยูตัดสินใจแบไต๋ตัวเองให้เห็นๆ กันไปเลย
[ข้อเสนอของคุณอาจทำให้ผมตกงานได้นะ ฮ่ะฮ่ะ...]
“........” เงียบ... ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียก
[โอเค ผมจะลองคิดดู]
ซองกยูครุ่นคิดอยู่ที่เดิมพักใหญ่หลังจากวางสายไปแล้ว เขารู้ดีว่าสถานการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนกับตอนนี้มันต่างกัน หัวใจของเขาเต้นแทบไม่เป็นจังหวะเมื่อเวลาเห็นเธอสนิทกับคนอื่นมากกว่าที่เขาได้รับก็รู้สึกอิจฉา บางทีอาจจะแค่เพียงเสียดายที่เพื่อนคนหนึ่งจะไม่เห็นความสำคัญของตัวเอง หรืออาจจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
เอาเถอะ... ตอนนี้ก็คือตอนนี้ ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน ทว่าอีกหนึ่งคนที่เขาต้องระวังในความเจ้าเล่ห์ก็คงหนีไม่พ้นอียุนเจพันธมิตรชั่วคราวคนนี้นี่แหละ
ผู้ชายคนนี้...คาดเดายากจริงๆ
แต่ผู้ชายอีกคน... น่าระวังมากกว่า
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น