คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 : Feedback
Chapter 11 : Feedback
เหลือการออกอากาศอีกแค่สองตอนเท่านั้นในส่วนของซองกยูและลิซก็จะจบ แม้จะมีการถ่ายทำแค่ไม่กี่วันแต่ผู้ผลิตก็มีวิธีออกอากาศให้มันดูยืดยาวได้ เรื่องเรียกเรตติ้งนี่ถนัดนัก
คิมซองกยูกดปิดรายการของตัวเองที่เปิดดูเมื่อครู่ก่อนจะเลื่อนหาคอมเม้นต์ในเว็บไซต์ของรายการและโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ของแฟนคลับ ตัวเขาเองก็ยอมรับแหละว่ามีทั้งเขินแทนและในอีกอารมณ์คือหวงศิลปินจนทนดูไม่ได้แต่ก็เพราะความรักที่มีให้พวกเขามากมายจนมายืนยิ้มได้นั่นแหละ
ชายหนุ่มเปลี่ยนโหมดเป็นข้อความก่อนจะรัวนิ้วและกดส่งไปให้คนที่เขาเป็นห่วงสวัสดิภาพที่สุดในตอนนี้เพราะยิ่งใกล้จบมันยิ่งมีงานเว่อร์ออกมาเรื่อยๆ ขนาดดูเองยังรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่ทันได้พักสายตาก็มีข้อความเด้งขึ้นมา เขาหันไปมองคนที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างคาดโทษ โดยคนที่ถูกมองก็เพียงแค่ยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้
‘ขอแสดงความยินดีด้วยนะฮยอง ที่ฮยองจะขยับตัวสะดวกไม่ได้อีกซักพัก’
เจ้าต้นไม้ ไอ้ตัวแสบนัมอูฮยอน!!!
แต่คนอย่างคิมซองกยูน่ะเหรอ... นอกจากจะเป็นลีดเดอร์ที่คอยดูแลน้องๆ ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเกินไปตัวเขาเองก็แวะข้างทางประจำเหมือนกัน
และนี่ก็เลยกลายเป็นอีกวันที่เขามายืนอยู่ในห้องวีไอพีของคลับที่ลิซทำงานอยู่ส่วนห้องนี้ก็เห็นบาร์เครื่องดื่มได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ช่วงนี้เป็นเวลาทำงานของลิซเขาเลยไม่อยากยุ่งวุ่นวายมากนักเดี๋ยวจะทำให้เธอลำบากใจเสียเปล่าๆ
“ฮยองจะจ้องให้วิญญาณหลุดออกจากร่างเธอแล้วลอยมาตรงนี้หรือไง?”
เสียงกวนประสาทดังขึ้นจากอีกด้านของห้อง
ใช่! คิมซองกยูไม่ได้ออกมาคนเดียวแต่ลากเอานัมอูฮยอนเจ้าต้นไม้ตัวแสบมาด้วย หรือเอาแบบที่ถูกต้องคือ... เจ้านั่นเกาะแข้งเกาะขาไม่ปล่อยเลยต้องมาด้วยกัน
“ฉันมองแล้วนายจะทำไม?”
“เปล๊า!...”
อื้อหือเสียงสูงปรี๊ด เคยมีใครบอกเจ้านั่นไหมนะว่าเวลาทำท่าทางแบบมีลับลมคมนัยเหมือนรู้อะไรซักอย่างเนี่ยมันน่าหงุดหงิดมาก
“ผมเตือนอย่างนึงแล้วกัน เรามีเวลาไม่มากนะครับ”
พูดจบก็เคาะเบาๆ ลงบนนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“อื้อ”
คิมซองกยูพยักหน้าอย่างขอไปทีก่อนจะหันมองไปที่บาร์เครื่องดื่มอีกครั้งพลางกระดกขวดเบียร์ในมือ
บาร์เครื่องดื่มด้านล่างค่อนข้างยุ่งแต่ทั้งลิซและยุนเจก็ยังอารมณ์ดีแถมยังคุยกันท่ามกลางเสียงเพลงที่ดีเจเปิดเร่งจังหวะหนักขึ้นตามเวลาที่ยิ่งดึกยิ่งคึกแต่นั่นก็อยู่ภายใต้สายตาที่บ่งบอกถึงความไม่ค่อยพอใจของใครบางคนด้านบน
ไม่ว่าจะยื่นหน้าเข้ามาคุยกันใกล้ๆ หรือการยื่นมือมาวางแปะลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มบอกได้เลยว่านั่นทำให้คิมซองกยูหงุดหงิด
กิ๊งๆ!...
เสียงเคาะแก้วเรียกความสนใจจากคนในบาร์ได้เป็นอย่างดี
“ขอวอดก้าสองแก้ว จะกลับแล้ว”
สุดท้ายคิมซองกยูก็ลงมาหน้าบาร์จนได้ ให้ตายสิ!
ประโยคสั่งเครื่องดื่มของลูกค้าหน้าบาร์คนใหม่ดูเหมือนมาบอกมากกว่าต้องการสั่งเครื่องดื่มในความรู้สึกของยุนเจ ทว่าคนถูกมองเหมือนจะรู้ตัวเขาหันมามองบาร์เทนเดอร์หนุ่มด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง คนมองก้มศีรษะให้นิดหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ
“ทำไมคุณชอบมาบ่อยๆ นักนะ” ลิซเอ่ยขึ้นเมื่อส่งวอดก้าสองแก้วให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“เป็นห่วงก็เลยมา”
ถ้ามองหน้านัมอูฮยอนซักนิดซองกยูจะเห็นว่าเจ้านั่นหันหลังให้บาร์แล้วแอบแหวะใส่ แต่ดีแล้วที่ไม่เห็นน่ะเพราะไม่เช่นนั้นคงโดนมะเหงกของคนเป็นพี่แน่ๆ
“ห่วงตัวเองเถอะ”
ประโยคนี้ลิซเองก็พูดเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้หากว่าไม่ก็คงมากกว่านั้นโขอยู่
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ แต่คิมซองกยูก็คือคิมซองกยู... ตอนเธอยื่นมือมารับเขาก็ใช้อีกมือคว้าหมับเข้าให้ก่อนจะวางบัตรลงบนมืออย่างเชื่องช้าแถมหน้าตายังกรุ้มกริ่มที่สุดโดยดูเหมือนจะลืมไปว่าไม่ได้มีกันอยู่แค่สองคน แต่ยังมีเจ้าต้นไม้นัมอูฮยอนที่ทั้งแหวะทั้งทำหน้าตาหมั่นไส้ใส่และอีกคนที่แอบมองด้วยสายตาวิบวับอยู่ไม่ห่าง
ลิซเขม่นมองอย่างดุๆ แล้วดึงมือออก แต่นั่นก็เรียกรอยยิ้มชอบใจจากเขาได้
หมวกสีดำถูกสวมลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มมือบางดึงปีกหมวกให้หลุบต่ำลงเพราะช่วงนี้ใครๆ ก็มักเตือนให้เธอระวังตัวเองมากๆ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานอาจทำให้ชีวิตเธอยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ผ้าใบสีขาวก้าวย่ำลงบนพื้นฟุตบาธอย่างไม่รีบเร่งนักอาจเพราะผู้คนที่ไม่วุ่นวายเท่าเวลากลางวัน แต่เสียงที่ตามมาด้านหลังทำให้เธอต้องชะลอฝีเท้า หูเริ่มทำงานหนักขึ้นเพื่อฟังเสียง พอความรู้สึกบอกว่าไม่น่าไว้ใจก็เริ่มออกวิ่งเต็มสปีดแบบไม่ต้องแวะปรึกษาใคร
เสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งที่ดังกระทบพื้นอยู่ไม่ไกลทำให้เธอรู้ทันทีว่าเป้าหมายของทั้งหมดนั่นคือเธอ สายตาเริ่มมองหาวิธีหลบให้เร็วที่สุดแต่เหมือนสวรรค์มาโปรดเมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมเสียงมอเตอร์ไซด์
“ลิซ! ขึ้นรถ!”
ไม่ต้องให้เรียกซ้ำสองเมื่อหันไปเจอยุนเจชะลอรถ หญิงสาวเปลี่ยนวิถีวิ่งแล้วตรงไปหาเขาทันที เครื่องยนต์สีสูบถูกเร่งเต็มที่จนคนที่เพิ่งโดนซ้อนขึ้นมาหมาดๆ ต้องตวัดแขนขึ้นกอดคนขับตรงหน้าแน่นเพราะกลัวจะตกไปตายแทนโดนตบตายอยู่ตรงนี้
เพียงไม่นานนักรถก็มาจอดอยู่ใต้ตึกที่พักของเธอเอง ลิซกระโดดลงมาถอนหายใจข้างๆ โดยที่เจ้าของรถกำลังจัดแจงเอารถเข้าที่จอดให้เรียบร้อย
“ขอบคุณนะคะ พี่อีกแล้วที่ช่วยฉัน”
“เหมือนจะเตือนไปแล้วนะว่าให้ระวังมากๆ น่ะ”
“ไม่ใช่พี่ยุนเจคนเดียวที่เตือนหรอกค่ะ” ลิซนึกไปถึงทั้งซึงโฮ จีโอที่ย้ำแล้วย้ำอีกก่อนไปญี่ปุ่นเมื่อวาน แถมซองกยูก็ทั้งส่งข้อความมาเตือน
“เห็นรึยังล่ะ? รักมากก็ยังเงี้ย”
ลิซมองหน้ายุนเจอย่างไม่เข้าใจ หรืออาจเพราะเธอไม่คุ้นเคยที่จะเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองกันแน่
“แล้วเขารู้กันได้ยังไง...”
“หึ.. แฟนคลับน่ะเก่งจะตาย แถมเครือข่ายใหญ่โต ไม่แปลกหรอก”
“ก็รู้แหละ ถึงมีแค่ไม่กี่คนที่เป็นแบบนี้ก็ทำให้แอบผวาเหมือนกันนะคะ”
ลิซถอนหายใจเบาๆ ทั้งที่รายการนั่นถ่ายที่ประเทศไทยแท้ๆ เธอยังถูกตามในเกาหลีทั้งที่รายการยังออกอากาศไม่จบ... ไม่รู้ว่าพวกนั้นรู้ได้ยังไง หรือแค่เดาเอาเพราะหน้าเหมือน
“ถ้าพวกเขาจะเก่งกันขนาดนั้น... ไปเป็น FBI เถอะ!”
“เอาน่า.. จากนี้จนกว่าเรื่องจะซาหรือรายการจบ พี่จะมาส่งให้เอง” ยุนเจเอ่ยเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของลิซ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลิซเกรงใจ”
“อย่าคิดมากน่า... ไปหละ หิวข้าวชะมัด”
“พี่ยุนเจคะ... กินอะไรก่อนแล้วค่อยไปไหม? พี่หิวไม่ใช่เหรอ?”
“....พี่ว่า....”
“มาเถอะน่า...”
พูดจบลิซก็ดึงแขนยุนเจไว้ก่อนจะเปิดประตูและดันเขาเข้าห้องไป
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ซองกยูนอนอยู่ที่โซฟาตั้งแต่กลับมาถึงตอนเที่ยงคืนกว่าๆ จนตอนนี้ตีสามเข้าไปแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะย้ายที่ทางเข้าไปนอนในห้อง
“ฮยอง.. ไปนอนเถอะ” นัมอูฮยอนเดินมาสะกิดเพราะเห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วพรุ่งนี้ก็มีงาน
“เดี๋ยวฉันไป ไม่ต้องห่วง”
อูฮยอนได้แต่ถอนหายใจ เพราะตั้งแต่ออกมาและเหมือนจะเจอแฟนๆ กลุ่มที่เรียกได้ว่าอาจจะเป็นซาแซงอยู่หน้าคลับลีดเดอร์ของวงก็ดูจะไม่ค่อยสบายใจนัก
แต่เขาก็ปล่อยให้เจ้าตัวนอนอยู่ตรงนั้นและไม่เซ้าซี้อีก
“ถึงฉันจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็จะพยายามปกป้องเธอ”
ซองกยูพึมพำเบาๆ แม้เขาจะค่อนข้างเป็นห่วงแต่ก็คงวางใจได้บ้างที่จะมีใครสักคนคอยดูแลเธอห่างๆ แม้คนนั้นจะไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ในความคิดเขา พูดให้ถูกคือ.. ไม่มีใครที่เขาจะคิดว่าน่าไว้ใจ
‘อียุนเจ’
ถึงจะดูเป็นคนดีแต่มันต้องมีอะไรแอบแฝงเพราะสายตาของผู้ชายคนนี้มันแปลกๆ แต่ตัวเขาก็ตกลงทำพันธสัญญาผลประโยชน์ร่วมกันกับคนๆนั้นไปแล้ว
สมองของซองกยูเริ่มทำงานหนักขึ้นเมื่อนึกถึงสัญญาที่เขาเคยเก็บได้ตอนถ่ายรายการเสร็จเกี่ยวกับค่าจ้างของลิซ ตอนนั้นเขาโกรธมากและไม่คิดจะยกโทษให้คนหลอกลวงอย่างเธออีก เพียงแค่เจอเธอที่นี่ เขาก็ไม่อาจทนหมางเมินกับเธอได้จริงๆ
แต่สักวันหนึ่ง... แค่รอเวลาสักพัก... เขาจะถามเธอถึงเรื่องนั้น
แม้คำตอบของมันอาจจะทำให้เขาต้องเจ็บปวดอีกครั้ง
นิ้วยาวเลื่อนสไลด์หน้าจอไปที่ภาพต่างๆที่เขาเพิ่งโหลดมาไม่นาน แต่ละรูปเป็นรูปของเขากับลิซที่แฟนคลับดูแล้วแคปรวมถึงติดแท็กเอาไว้ทำให้เขาหารูปพวกนั้นได้ไม่ยาก ใบหน้าหล่อระบายยิ้มบางๆ เมื่อแต่ละรูปช่างเป็นรูปที่ควรค่าแก่อีโมติคอนร้องไห้ กรี๊ด และอีกมากมายที่มาพร้อมรูปเหล่านั้น
“เป็นฉัน... ฉันก็คงกรี๊ดแบบนี้เหมือนกันแหละ”
ซองกยูยอมรับว่าระหว่างการที่เธออยู่กับยังซึงโฮ และอยู่กับอียุนเจ คนที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่ากลับเป็นอียุนเจ เพราะสำหรับยังซึงโฮ...คนนั้นทำให้เขากลัวที่จะแพ้
เขากดโทรศัพท์โทรออกไปหาลิซอย่างเป็นห่วง...
หวังว่าเธอจะยังไม่นอน...
[มีอะไรกับฉันเหรอ?] เสียงปลายสายทำเอาซองกยูยิ้ม
“ไม่มีอะไรแค่เป็นห่วง”
[อื้ม.. แฟนคลับคุณวิ่งตามฉัน]
“เป็นอะไรรึเปล่า? ปกติพวกเขาน่ารักมากนะ ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
[อย่าเครียดน่า... แค่ไม่กี่คนเอง แฟนคลับมีเป็นแสนไม่ใช่เหรอ]
น้ำเสียงที่ดูอารมณ์ดีทำให้เขาเบาใจ
“.....”
[คุณพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันโอเค]
“ฝันดีนะ”
เธอวางสายไปสักพักแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่จางหาย เขากดโทรศัพท์เช็คนั่นนี่นู่นอีกครั้งก่อนจะเข้าไปนอน ทว่าตาเรียวก็ต้องเปิดกว้างเมื่อสะดุดที่รูปๆหนึ่งที่เขากำลังจะเลื่อนผ่าน แต่กลับต้องจ้องมองถูกแคปชั่นจากรายการนั่นอีกครั้ง... มุมหนึ่งในร้านอาหารในประเทศไทยมีคนที่คุ้นตา หากไม่เห็นรูปพวกนี้เขาจะไม่รู้เลยว่าความรู้สึกแปลกๆ ของเขานั้น ออกจะมีความบังเอิญที่จะเป็นเรื่องลับลมคมนัยอย่างที่คิด
มันจะเกี่ยวกันรึเปล่านะ... กับคำพูดนั้น
คำพูดของ...อียุนเจ
“ถ้าบางทีคุณจ่ายค่าตอบแทนให้ผมไหว ผมอาจจะช่วยมากกว่าที่คุณขอ”
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น