ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dating Idol อยากจะรัก...เดี๋ยวจัดให้ [INFINITE&MBLAQ]

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 : Feedback

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 57




    Chapter 11 : Feedback

        

           

                เหลือการออกอากาศอีกแค่สองตอนเท่านั้นในส่วนของซองกยูและลิซก็จะจบ แม้จะมีการถ่ายทำแค่ไม่กี่วันแต่ผู้ผลิตก็มีวิธีออกอากาศให้มันดูยืดยาวได้ เรื่องเรียกเรตติ้งนี่ถนัดนัก

                คิมซองกยูกดปิดรายการของตัวเองที่เปิดดูเมื่อครู่ก่อนจะเลื่อนหาคอมเม้นต์ในเว็บไซต์ของรายการและโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ของแฟนคลับ ตัวเขาเองก็ยอมรับแหละว่ามีทั้งเขินแทนและในอีกอารมณ์คือหวงศิลปินจนทนดูไม่ได้แต่ก็เพราะความรักที่มีให้พวกเขามากมายจนมายืนยิ้มได้นั่นแหละ

                ชายหนุ่มเปลี่ยนโหมดเป็นข้อความก่อนจะรัวนิ้วและกดส่งไปให้คนที่เขาเป็นห่วงสวัสดิภาพที่สุดในตอนนี้เพราะยิ่งใกล้จบมันยิ่งมีงานเว่อร์ออกมาเรื่อยๆ ขนาดดูเองยังรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่ทันได้พักสายตาก็มีข้อความเด้งขึ้นมา เขาหันไปมองคนที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างคาดโทษ โดยคนที่ถูกมองก็เพียงแค่ยักคิ้วกวนๆ ส่งมาให้

                      

                       ขอแสดงความยินดีด้วยนะฮยอง ที่ฮยองจะขยับตัวสะดวกไม่ได้อีกซักพัก

     

              เจ้าต้นไม้ ไอ้ตัวแสบนัมอูฮยอน!!!

     

                แต่คนอย่างคิมซองกยูน่ะเหรอ... นอกจากจะเป็นลีดเดอร์ที่คอยดูแลน้องๆ ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเกินไปตัวเขาเองก็แวะข้างทางประจำเหมือนกัน

                และนี่ก็เลยกลายเป็นอีกวันที่เขามายืนอยู่ในห้องวีไอพีของคลับที่ลิซทำงานอยู่ส่วนห้องนี้ก็เห็นบาร์เครื่องดื่มได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ช่วงนี้เป็นเวลาทำงานของลิซเขาเลยไม่อยากยุ่งวุ่นวายมากนักเดี๋ยวจะทำให้เธอลำบากใจเสียเปล่าๆ

     

                “ฮยองจะจ้องให้วิญญาณหลุดออกจากร่างเธอแล้วลอยมาตรงนี้หรือไง?”

                เสียงกวนประสาทดังขึ้นจากอีกด้านของห้อง

                ใช่! คิมซองกยูไม่ได้ออกมาคนเดียวแต่ลากเอานัมอูฮยอนเจ้าต้นไม้ตัวแสบมาด้วย หรือเอาแบบที่ถูกต้องคือ... เจ้านั่นเกาะแข้งเกาะขาไม่ปล่อยเลยต้องมาด้วยกัน

     

                “ฉันมองแล้วนายจะทำไม?”

     

                “เปล๊า!...”

     

             อื้อหือเสียงสูงปรี๊ด เคยมีใครบอกเจ้านั่นไหมนะว่าเวลาทำท่าทางแบบมีลับลมคมนัยเหมือนรู้อะไรซักอย่างเนี่ยมันน่าหงุดหงิดมาก

                “ผมเตือนอย่างนึงแล้วกัน เรามีเวลาไม่มากนะครับ”

                พูดจบก็เคาะเบาๆ ลงบนนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

     

                “อื้อ”

                คิมซองกยูพยักหน้าอย่างขอไปทีก่อนจะหันมองไปที่บาร์เครื่องดื่มอีกครั้งพลางกระดกขวดเบียร์ในมือ

     

                บาร์เครื่องดื่มด้านล่างค่อนข้างยุ่งแต่ทั้งลิซและยุนเจก็ยังอารมณ์ดีแถมยังคุยกันท่ามกลางเสียงเพลงที่ดีเจเปิดเร่งจังหวะหนักขึ้นตามเวลาที่ยิ่งดึกยิ่งคึกแต่นั่นก็อยู่ภายใต้สายตาที่บ่งบอกถึงความไม่ค่อยพอใจของใครบางคนด้านบน

                ไม่ว่าจะยื่นหน้าเข้ามาคุยกันใกล้ๆ หรือการยื่นมือมาวางแปะลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มบอกได้เลยว่านั่นทำให้คิมซองกยูหงุดหงิด

     

     

                กิ๊งๆ!...

             

    เสียงเคาะแก้วเรียกความสนใจจากคนในบาร์ได้เป็นอย่างดี

    “ขอวอดก้าสองแก้ว จะกลับแล้ว”

    สุดท้ายคิมซองกยูก็ลงมาหน้าบาร์จนได้ ให้ตายสิ!

    ประโยคสั่งเครื่องดื่มของลูกค้าหน้าบาร์คนใหม่ดูเหมือนมาบอกมากกว่าต้องการสั่งเครื่องดื่มในความรู้สึกของยุนเจ ทว่าคนถูกมองเหมือนจะรู้ตัวเขาหันมามองบาร์เทนเดอร์หนุ่มด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง คนมองก้มศีรษะให้นิดหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ

     

    “ทำไมคุณชอบมาบ่อยๆ นักนะ”   ลิซเอ่ยขึ้นเมื่อส่งวอดก้าสองแก้วให้ชายหนุ่มตรงหน้า

    “เป็นห่วงก็เลยมา”

    ถ้ามองหน้านัมอูฮยอนซักนิดซองกยูจะเห็นว่าเจ้านั่นหันหลังให้บาร์แล้วแอบแหวะใส่ แต่ดีแล้วที่ไม่เห็นน่ะเพราะไม่เช่นนั้นคงโดนมะเหงกของคนเป็นพี่แน่ๆ

    “ห่วงตัวเองเถอะ”

    ประโยคนี้ลิซเองก็พูดเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้หากว่าไม่ก็คงมากกว่านั้นโขอยู่

    เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ แต่คิมซองกยูก็คือคิมซองกยู... ตอนเธอยื่นมือมารับเขาก็ใช้อีกมือคว้าหมับเข้าให้ก่อนจะวางบัตรลงบนมืออย่างเชื่องช้าแถมหน้าตายังกรุ้มกริ่มที่สุดโดยดูเหมือนจะลืมไปว่าไม่ได้มีกันอยู่แค่สองคน แต่ยังมีเจ้าต้นไม้นัมอูฮยอนที่ทั้งแหวะทั้งทำหน้าตาหมั่นไส้ใส่และอีกคนที่แอบมองด้วยสายตาวิบวับอยู่ไม่ห่าง

    ลิซเขม่นมองอย่างดุๆ แล้วดึงมือออก แต่นั่นก็เรียกรอยยิ้มชอบใจจากเขาได้

     

     

    หมวกสีดำถูกสวมลงบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มมือบางดึงปีกหมวกให้หลุบต่ำลงเพราะช่วงนี้ใครๆ ก็มักเตือนให้เธอระวังตัวเองมากๆ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานอาจทำให้ชีวิตเธอยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ผ้าใบสีขาวก้าวย่ำลงบนพื้นฟุตบาธอย่างไม่รีบเร่งนักอาจเพราะผู้คนที่ไม่วุ่นวายเท่าเวลากลางวัน แต่เสียงที่ตามมาด้านหลังทำให้เธอต้องชะลอฝีเท้า หูเริ่มทำงานหนักขึ้นเพื่อฟังเสียง พอความรู้สึกบอกว่าไม่น่าไว้ใจก็เริ่มออกวิ่งเต็มสปีดแบบไม่ต้องแวะปรึกษาใคร

    เสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งที่ดังกระทบพื้นอยู่ไม่ไกลทำให้เธอรู้ทันทีว่าเป้าหมายของทั้งหมดนั่นคือเธอ สายตาเริ่มมองหาวิธีหลบให้เร็วที่สุดแต่เหมือนสวรรค์มาโปรดเมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมเสียงมอเตอร์ไซด์

    “ลิซ! ขึ้นรถ!

    ไม่ต้องให้เรียกซ้ำสองเมื่อหันไปเจอยุนเจชะลอรถ หญิงสาวเปลี่ยนวิถีวิ่งแล้วตรงไปหาเขาทันที เครื่องยนต์สีสูบถูกเร่งเต็มที่จนคนที่เพิ่งโดนซ้อนขึ้นมาหมาดๆ ต้องตวัดแขนขึ้นกอดคนขับตรงหน้าแน่นเพราะกลัวจะตกไปตายแทนโดนตบตายอยู่ตรงนี้

    เพียงไม่นานนักรถก็มาจอดอยู่ใต้ตึกที่พักของเธอเอง ลิซกระโดดลงมาถอนหายใจข้างๆ โดยที่เจ้าของรถกำลังจัดแจงเอารถเข้าที่จอดให้เรียบร้อย

    “ขอบคุณนะคะ พี่อีกแล้วที่ช่วยฉัน”

    “เหมือนจะเตือนไปแล้วนะว่าให้ระวังมากๆ น่ะ”

    “ไม่ใช่พี่ยุนเจคนเดียวที่เตือนหรอกค่ะ”   ลิซนึกไปถึงทั้งซึงโฮ จีโอที่ย้ำแล้วย้ำอีกก่อนไปญี่ปุ่นเมื่อวาน แถมซองกยูก็ทั้งส่งข้อความมาเตือน

    “เห็นรึยังล่ะ? รักมากก็ยังเงี้ย”

    ลิซมองหน้ายุนเจอย่างไม่เข้าใจ หรืออาจเพราะเธอไม่คุ้นเคยที่จะเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองกันแน่

    “แล้วเขารู้กันได้ยังไง...”

    “หึ.. แฟนคลับน่ะเก่งจะตาย แถมเครือข่ายใหญ่โต ไม่แปลกหรอก”

    “ก็รู้แหละ ถึงมีแค่ไม่กี่คนที่เป็นแบบนี้ก็ทำให้แอบผวาเหมือนกันนะคะ”

    ลิซถอนหายใจเบาๆ ทั้งที่รายการนั่นถ่ายที่ประเทศไทยแท้ๆ เธอยังถูกตามในเกาหลีทั้งที่รายการยังออกอากาศไม่จบ... ไม่รู้ว่าพวกนั้นรู้ได้ยังไง หรือแค่เดาเอาเพราะหน้าเหมือน

     

    “ถ้าพวกเขาจะเก่งกันขนาดนั้น... ไปเป็น FBI เถอะ!”

    “เอาน่า.. จากนี้จนกว่าเรื่องจะซาหรือรายการจบ พี่จะมาส่งให้เอง”   ยุนเจเอ่ยเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของลิซ

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลิซเกรงใจ”

    “อย่าคิดมากน่า... ไปหละ หิวข้าวชะมัด”

    “พี่ยุนเจคะ... กินอะไรก่อนแล้วค่อยไปไหม? พี่หิวไม่ใช่เหรอ?”

    “....พี่ว่า....”

    “มาเถอะน่า...”

    พูดจบลิซก็ดึงแขนยุนเจไว้ก่อนจะเปิดประตูและดันเขาเข้าห้องไป

     

    ---------------- ----------------

     

    ซองกยูนอนอยู่ที่โซฟาตั้งแต่กลับมาถึงตอนเที่ยงคืนกว่าๆ จนตอนนี้ตีสามเข้าไปแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะย้ายที่ทางเข้าไปนอนในห้อง

    “ฮยอง.. ไปนอนเถอะ”  นัมอูฮยอนเดินมาสะกิดเพราะเห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วพรุ่งนี้ก็มีงาน

    “เดี๋ยวฉันไป ไม่ต้องห่วง”

    อูฮยอนได้แต่ถอนหายใจ เพราะตั้งแต่ออกมาและเหมือนจะเจอแฟนๆ กลุ่มที่เรียกได้ว่าอาจจะเป็นซาแซงอยู่หน้าคลับลีดเดอร์ของวงก็ดูจะไม่ค่อยสบายใจนัก

    แต่เขาก็ปล่อยให้เจ้าตัวนอนอยู่ตรงนั้นและไม่เซ้าซี้อีก

     

     

    “ถึงฉันจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็จะพยายามปกป้องเธอ”

    ซองกยูพึมพำเบาๆ แม้เขาจะค่อนข้างเป็นห่วงแต่ก็คงวางใจได้บ้างที่จะมีใครสักคนคอยดูแลเธอห่างๆ แม้คนนั้นจะไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ในความคิดเขา พูดให้ถูกคือ.. ไม่มีใครที่เขาจะคิดว่าน่าไว้ใจ

    อียุนเจ

    ถึงจะดูเป็นคนดีแต่มันต้องมีอะไรแอบแฝงเพราะสายตาของผู้ชายคนนี้มันแปลกๆ แต่ตัวเขาก็ตกลงทำพันธสัญญาผลประโยชน์ร่วมกันกับคนๆนั้นไปแล้ว

    สมองของซองกยูเริ่มทำงานหนักขึ้นเมื่อนึกถึงสัญญาที่เขาเคยเก็บได้ตอนถ่ายรายการเสร็จเกี่ยวกับค่าจ้างของลิซ ตอนนั้นเขาโกรธมากและไม่คิดจะยกโทษให้คนหลอกลวงอย่างเธออีก เพียงแค่เจอเธอที่นี่ เขาก็ไม่อาจทนหมางเมินกับเธอได้จริงๆ

     

    แต่สักวันหนึ่ง... แค่รอเวลาสักพัก... เขาจะถามเธอถึงเรื่องนั้น

    แม้คำตอบของมันอาจจะทำให้เขาต้องเจ็บปวดอีกครั้ง

     

    นิ้วยาวเลื่อนสไลด์หน้าจอไปที่ภาพต่างๆที่เขาเพิ่งโหลดมาไม่นาน แต่ละรูปเป็นรูปของเขากับลิซที่แฟนคลับดูแล้วแคปรวมถึงติดแท็กเอาไว้ทำให้เขาหารูปพวกนั้นได้ไม่ยาก ใบหน้าหล่อระบายยิ้มบางๆ เมื่อแต่ละรูปช่างเป็นรูปที่ควรค่าแก่อีโมติคอนร้องไห้ กรี๊ด และอีกมากมายที่มาพร้อมรูปเหล่านั้น

    “เป็นฉัน... ฉันก็คงกรี๊ดแบบนี้เหมือนกันแหละ”

     

    ซองกยูยอมรับว่าระหว่างการที่เธออยู่กับยังซึงโฮ และอยู่กับอียุนเจ คนที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่ากลับเป็นอียุนเจ เพราะสำหรับยังซึงโฮ...คนนั้นทำให้เขากลัวที่จะแพ้

    เขากดโทรศัพท์โทรออกไปหาลิซอย่างเป็นห่วง...

    หวังว่าเธอจะยังไม่นอน...

     

    [มีอะไรกับฉันเหรอ?]  เสียงปลายสายทำเอาซองกยูยิ้ม

    “ไม่มีอะไรแค่เป็นห่วง”

    [อื้ม.. แฟนคลับคุณวิ่งตามฉัน]

    “เป็นอะไรรึเปล่า? ปกติพวกเขาน่ารักมากนะ ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก”  ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

    [อย่าเครียดน่า... แค่ไม่กี่คนเอง แฟนคลับมีเป็นแสนไม่ใช่เหรอ] 

    น้ำเสียงที่ดูอารมณ์ดีทำให้เขาเบาใจ

    “.....”

    [คุณพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันโอเค]

    “ฝันดีนะ”

     

    เธอวางสายไปสักพักแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่จางหาย เขากดโทรศัพท์เช็คนั่นนี่นู่นอีกครั้งก่อนจะเข้าไปนอน ทว่าตาเรียวก็ต้องเปิดกว้างเมื่อสะดุดที่รูปๆหนึ่งที่เขากำลังจะเลื่อนผ่าน แต่กลับต้องจ้องมองถูกแคปชั่นจากรายการนั่นอีกครั้ง... มุมหนึ่งในร้านอาหารในประเทศไทยมีคนที่คุ้นตา หากไม่เห็นรูปพวกนี้เขาจะไม่รู้เลยว่าความรู้สึกแปลกๆ ของเขานั้น ออกจะมีความบังเอิญที่จะเป็นเรื่องลับลมคมนัยอย่างที่คิด

     

     

    มันจะเกี่ยวกันรึเปล่านะ... กับคำพูดนั้น

     

    คำพูดของ...อียุนเจ

     

    “ถ้าบางทีคุณจ่ายค่าตอบแทนให้ผมไหว ผมอาจจะช่วยมากกว่าที่คุณขอ”

     

    ---------------- ----------------



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×