คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 : Follow
Chapter 10 : Follow
หลังเวทีอันอลหม่านทำให้เครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้ไม่ได้ช่วยสร้างความเย็นยะเยือกอย่างที่ควรจะเป็น การแสดงแต่ละชุดของศิลปินมากหน้าหลายตาที่อยู่ในกระแสของปีสับเปลี่ยนหมุนเวียนจนความสนุกของผู้ชมเพิ่มองศาขึ้นเรื่อยๆ
แฟนๆ กลุ่มเดียวกันผลัดกันทำโปรเจ็คแสดงพลังให้ศิลปินของตัวเองเห็นถึงความจริงใจและกำลังใจที่ให้อย่างล้นหลามจนศิลปินที่ขึ้นแสดงตื้นตันจนบรรยายไม่ถูก
ทีมงานรายการต่างๆ ก็เริ่มบุกเข้าสัมภาษณ์ในห้องพักตามคิวที่จัดไว้แต่บางสิ่งบางอย่างที่นอกเหนือจากนั้นกำลังก้าวเข้าโดยที่คนบางคนไม่รู้มาก่อน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!....
เสียงเคาะประตูดังแทรกขึ้นระหว่างที่ซองกยูกำลังให้สัมภาษณ์กับกล้องในบรรยากาศหลังเวทีแสดง ร่างของหญิงสาวไม่สูงนักปรากฏกายขึ้นหลังจากนั้น ดวงตาเรียวของคิมซองกยูกระตุกเบาๆ เมื่อเห็นชัดว่าคนที่มาอย่างไม่ได้นัดหมายเป็นใคร เธอสวมเสื้อผ้าสบายๆ พร้อมดอกไม้ช่อเล็กในมือ รอยยิ้มเต็มไปด้วยความสดใสที่ส่งมาให้ทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย
กล้องสามตัวที่อยู่ในห้องพักสลับแยกไปจับภาพทั้งคู่ทันทีอย่างรู้งาน
“คุณมาได้ยังไงเนี่ย?” คิมซองกยูถามเมื่อเดินไปรับเธอจากหน้าประตูห้องเข้ามาด้านใน
“เซอร์ไพรส์ค่ะ” ปากก็พูดไป ใบหน้าก็ส่งยิ้ม แต่ดวงตามองลึกเข้าไปหมายจะสื่อความหมายอื่นนอกจากแค่ไม่กี่คำที่เอ่ย
“ผมตื่นเต้นมากเลยนะครับเนี่ย”
ซองกยูพูกกลั้วหัวเราะด้วยความเขินนิดๆ ซึ่งเขาก็รู้สึกได้แล้วว่ากล้องทั้งหมดเป็นสังกัดเดียวกันกับรายการ Dating และนั่นก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะบันดาลให้เธอมาโผล่ที่นี่เพื่อถ่ายไปตัดต่อในรายการเพิ่มเติม
“สำหรับคุณค่ะ ฉันคงไม่กวนคุณนานนะคะ” ลิซยื่นช่อบูเก้ในมือให้ ก่อนจะโค้งให้เขาอย่างเกรงใจ
“พวกคุณนี่เนียนมากจริงๆ นะฮะ” ซองกยูหันไปเอ่ยกับทีมงาน โดยที่บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่รู้สึกดีจริงๆ แถมมือที่รับช่อดอกไม้ยังคงไม่ปล่อยจากเจ้าของจนกล้องตัวหนึ่งแพลนต่ำลงเพื่อถ่ายนั่นแหละเขาถึงรีบปล่อยมืออย่างระวัง
การเซอร์ไพรส์ในรายการยังคงถ่ายไปอีกเกือบสิบนาทีกว่าจะเสร็จเรียบร้อย ลิซขอตัวออกมาจากที่นั่นอย่างรวดเร็วเพื่อหายตัวออกไปก่อนที่จะเกิดความวุ่นวายหากมีเหล่าแฟนคลับที่ตาไวยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นจะสังเกตเห็นเธออยู่ในงาน
“เป็นยังไงล่ะ มีความสุขไหม?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามคล้ายจะเจือความเซ็งอยู่เล็กน้อยเมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยและรถเคลื่อนออก
“ความสุขเหรอ? ที่ถามเนี่ยคิดแล้วใช่ไหม?”
ลิซหันมามองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เจ้าของคำถาม
“ฉันมาทำงานนะซึงโฮ! อย่าทำเหมือนว่าฉันอยากมาจนตัวสั่นได้ไหม!?”
“ใช่ไง.. เพราะเธอมาทำงานของเธอ ฉันถึงต้องมาเป็นคนขับรถให้เธอนี่ไง! เกี่ยวรึ.. ก็ไม่เกี่ยวสักนิด!”
ซึงโฮน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างลืมตัว
“งั้นนายก็จอดข้างหน้านี่แหละ!! แล้วจะไปไหนก็เชิญเลย.. ขอบคุณที่มาส่ง!!”
ปึ้ง!!
พอดีกับที่รถจอดติดไฟแดง ลิซเปิดประตูก้าวลงและกระแทกประตูปิดด้วยความโมโห ส่วนซึงโฮที่ยังหงุดหงิดก็ได้หัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยความไม่เข้าใจตัวเองกับพวงมาลัยอย่างไม่รู้จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้
สุดท้ายซึงโฮก็ตัดสินใจจอดรถข้างทางและวิ่งย้อนกลับไปตามหาลิซที่เดินเหวี่ยงไปไหนต่อไหน ร่างกายของเขายังคงไม่ดีเท่าที่ควรทำให้เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าปกติ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็หาเธอเจอในร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากที่เธอลงจากรถเขามากนัก
“ขอนั่งด้วยคน”
ยังซึงโฮเอ่ยลอยๆ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามโดยที่คนนั่งอยู่ก่อนไม่มีทีท่าจะสนใจเขาแม้เพียงนิด เขาสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานและเอื้อมมือมาหยิบแก้วน้ำของลิซขึ้นดื่มแก้กระหายอย่างถือวิสาสะ แต่เธอก็ยังทอดสายตาออกไปนอกร้านนิ่งๆ
“ลิซซี่... ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอรู้สึกแย่” ชายหนุ่มอดไม่ไหวต้องเอ่ยขึ้นก่อนแต่คนฟังยังคงไม่ตอบอะไร
“คือฉันไม่ได้หมายความขนาดนั้น เธอหงุดหงิดอยู่ก็เลยทำให้เธอคิดไปสักหน่อย” ชายหนุ่มอธิบายตรงๆ แต่เธอก็ยังนิ่ง เขาขยับตัวเข้าใกล้มากขึ้นพลางพยายามยื่นหน้าให้อยู่ในระยะสายตาที่เธอทอดเหม่อออกไปแล้วพูดต่อ
“ฉันขอโทษ.. ฉันขอโทษ.. พอใจรึยัง? ฉันมันปากไม่ดีเอง โอเคไหม?”
คนที่กำลังนั่งรับคำขอโทษหันมามองเขาช้าๆ แล้วเอ่ยเนิบๆ
“หยุดซะที ฉันรำคาญกับคำขอโทษของนายมามากแล้ว เลิกพูดเสียที”
เพียงเท่านั้นก็ทำให้ยังซึงโฮยิ้มออก
ใครๆ ก็บอกว่าวงการบันเทิงมันแคบ ยิ่งวงการไอดอลด้วยแล้วยิ่งหนักก็คงจริงอย่างว่าเพราะคิมซองกยูเห็นรุ่นพี่ยังซึงโฮในคลับที่ลิซทำงานอีกแล้ว ส่วนตัวเขาเองก็เจียดเวลาที่แทบจะไม่มีให้พักผ่อนมานั่งมองเธอทำงานอยู่หลายวัน
เขาไม่อยากจะพูดว่าหวงหรอกนะ เพราะรู้ดีอยู่ว่าไม่มีสิทธิ์แต่ไอ้อาการแปลกๆ หลายอย่างของเธอทำให้เขาสงสัย
“Around the World”
“อ๊ะ!... มาทำอะไรที่นี่บ่อยๆ” ลิซเอ่ยเมื่อเห็นว่าคนที่สั่งออเดอร์ตรงหน้าเป็นใคร
“บ้านช่องไม่อยู่รึไง?”
“ก็อยู่บ้านเดียวกับเธอ”
“ปากเสีย! ใครได้ยินเข้าจะคิดยังไง ฉันเสียหายนะ”
“บ่นขนาดนี้มาเป็นแฟนฉันมั้ย? จะยอมให้บ่นทั้งวันทั้งคืนเลยมา!” ซึงโฮพูดพลางทำหน้าวิบวับใส่
“เอาดิ่!”
“ย๊า! จริงอ้ะ?”
“เปล่าหรอก ล้อเล่น”
“ใจร้ายชะมัด” ลิซหัวเราะเบาๆ กับท่าทางที่ดูเซ็งลงถนัดตาของเขา
แก้วปากกว้างบรรจุน้ำสีฟ้าถูกเลื่อนมาตรงหน้าจากบาร์เทนเดอร์หนุ่มผมยาว เขาผงกศีรษะขอบคุณก่อนจะยกเครื่องดื่มขึ้นจิบก่อนจะทำหน้าปุเลี่ยนนิดๆ เพราะรู้สึกถึงดีกรีที่หนักกว่าปกติ ดูเหมือนเขาจะโดนคนในบาร์เล่นงานเสียแล้ว
ยิ่งเห็นท่าทางหยอกเย้ากันแบบนั้น แม้จะค่อนข้างไกลระยะหนึ่งแต่คิมซองกยูพูดได้เลยว่ารู้สึกอิจฉาตงิดๆ น้ำสีอำพันในมือถูกกระดกรวดเดียวหมดก่อนจะเริ่มก้าวไปที่หน้าบาร์เมื่อเห็นผู้ชายอีกคนเดินออกไป
“ออนเดอะร็อค”
เสียงคุ้นหูแต่แหบแปร่งทำให้รายการที่สั่งมาพร้อมกับบาร์เทนเดอร์สาวที่เอียงหน้ามองอย่างสงสัย
“คุณนี่เอง”
“อ๊ะ!” ซองกยูมีอาการตกในเล็กน้อยเมื่อถูกจู่โจม
“มาบ่อยไปไหม? เดี๋ยวเป็นข่าวขึ้นมาจะทำไง?”
“อยากให้บ่นแบบนี้ทุกวันเลยได้ไหม?”
ความหมายของคำพูดของเขาทำเอาเธอถอนหายใจพรืด ศีรษะของเธอส่ายจนหางม้าที่รวบไว้แกว่งตามแรงขยับ ซองกยูทำหน้าไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดตรงไหนหรือทำให้เธอไม่พอใจ ไม่นานนักก็กลับออกไปโดยที่ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรกันอีก
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
“เฮ้! ฮยองสุดที่รักเมามารึไงครับ”
เสียงรูมเมทของซองกยูเอ่ยต้อนรับด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ตาเรียวเล็กตวัดมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ยิ่งเห็นจำนวนสมาชิกภายในห้องที่อยู่กับครบทีมยิ่งทำให้ทอดถอนใจ
“ฮยองครับ มีอะไรก็ปรึกษากันดิ่ พวกเราเนี่ยครอบครัวนะ” โฮย่าลุกขึ้นจากเตียงของซองกยูมาคุยด้วยพร้อมตบบ่าปุๆ
ซองกยูหันมองหน้าเจ้าแดนซ์แมชชีนก่อนจะเดินไปทรุดนั่งแทนที่ที่โฮย่าเพิ่งลุกขึ้นมา บรรยากาศอันเงียบสงัดครอบคลุมจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น
“ฉันว่า... ฉันชอบเค้านะ”
“อ่า....” เสียงประสานของทั้งหกคนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงทันทีที่เขาพูดจบ
“นึกว่าจะไม่พูดซะแล้ว” แอล... สุดหล่อของวงเอ่ย
“หมายความว่าไง?”
“คือที่ฮยองพูดนั่น ทุกคนรู้อยู่แล้ว” อีซองยอลเฉลย
“ทำไมพวกนาย....”
“โธ่ฮยอง! ฮยองที่รักน่ะดูออกง่ายจะตาย” อูฮยอนเอ่ยพร้อมท่าทางล้อเลียน
ใครก็ได้ช่วยบอกคิมซองกยูที่ว่าทุกสิ่งที่พูดมาเป็นเรื่องไม่จริง! เขาอยากจะเอาหัวโขกหมอนตายซักสามรอบครึ่ง! OMG!
เอ๊ะๆๆ เดี๋ยวๆๆ...
“นายพูดว่า... พวกนายดูออกงั้นเหรอ?” ซองกยูหยุดพร้อมทำท่าครุ่นคิด
“แล้วแบบนี้... เธอจะรู้ไหม?”
“ฮยองถามมาได้ไง ก็ต้องรู้สิ” จางดงอูโพล่งออกมาท่ามกลางสายตาหลุกหลิกของทุกคน
“ห๊ะ! จริงดิ่”
ซองกยูพูดจบก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอยากจะบ้าตายเพราะไม่รู้ว่าทำอะไรที่ดูแย่ในสายตาเธอไปบ้างหรือเปล่า สองมือยกขึ้นปิดหน้าอย่างรู้สึกอับอายขึ้นมาเสียเฉยๆ เมื่อนึกถึงหลายสิ่งที่เขาทำลงไปในหลายวันมานี้
ร่างทั้ง 6 ค่อยๆ ทยอยออกอย่างกระอักกระอ่วนจะมีก็แต่จางดงอูที่ทำหน้ามึนจนโฮย่าต้องลากให้ตามออกไป
“ผมว่า... ซองกยูฮยองอาการหนัก” ซองจงเอ่ย โดยมีเหล่าฮยองพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
Rrrrr… Rrrrr….
เสียงโทรศัพท์สั่นรัวเรียกสติของคนที่อยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แถมที่ตื่นก็แค่สติแต่ตาน่ะไม่ได้ลืมขึ้นมาหรอกนะ หญิงสาวหรี่ตามองเพียงเพื่อสไลด์รับสายเท่านั้นแถมเปิดลำโพงคุยอีกต่างหากเอาสิ
“Who are you?” เวลานี้คำทักทายไม่ต้องมีเข้าคำถามเลยดีกว่า
“ยังซึงโฮ I’m YangSeungHo”
“Why you call me?” สั้นห้วน ไร้ไวยกรณ์เมื่อรู้ว่าเป็นคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ด้วย
“Wake up, Please….”
น้ำเสียงนุ่มละมุนดังใกล้จนคนรับสายแปลกใจ แม้ว่าเสียงคำว่า ‘Please’ มันช่างน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกินก็เถอะ แถมยังได้ยินระดับ4D เลยทีเดียว หญิงสาวลืมตาขึ้นอีกครั้งสายตาพยายามเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยความแน่ใจ และสิ่งที่เห็นทำให้เธอแน่ใจที่สุด
ร่างหนาของยังซึงโฮปรากฏชัดอยู่บนเตียงด้วยท่าเอนหลังเหยียดยาวอย่างสบายอยู่ตรงเตียงฝั่งที่ว่างแถมส่งยิ้มมาให้อีกต่างหาก
“ฮะเฮ้ย!!!”
โป๊ก!!
โอ๊ย!!
ร่างกายขยับออกห่างโดยอัตโนมัติแต่คงรีแอคชั่นแรงไปหน่อยศีรษะเลยกระแทกเข้ากับข้างฝาเสียงดังลั่นตามด้วยเสียงร้องทำเอาซึงโฮตกใจ
“เป็นอะไรมากรึเปล่า?”
ชายหนุ่มพุ่งตัวมาช่วยพยุงคนถูกแกล้งที่ตอนนี้เอียงกะเท่เร่อยู่ขอบเตียง
“ไปเลย! ไม่ต้องมายุ่งเลย! ... โอ๊ย!!”
เสียงร้องดังอีกขึ้นเมื่อมือหนากดโดนจุดที่กระแทกอย่างแม่นยำ
“เจ็บป่ะ?”
“ไม่เจ็บมั้ง?”
“ขอโทษๆ มานี่มาดูให้”
ถึงจะเคืองคนตรงหน้าอยู่แต่ก็ขยับให้ดูแต่โดยดีเพราะมันอยู่ข้างหลังและขัดขืนไปก็ช่วยตัวเองได้ลำบากอยู่ดี
ซึงโฮลงน้ำหนักมือคลึงเบาๆ ท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุมทั้งคู่ ถ้าจะได้ยินอะไรสักอย่างก็คงเป็นเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ห่างกันระยะที่แทบจะเรียกได้ว่าใช้ออกซิเจนร่วมกันเท่านั้นแหละ
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องดังทำลายความเงียบขึ้นมา แถมยังตามมาด้วยประโยคประชดประชันที่ทำเอาทั้งคู่กระเด้งตัวออกจากกันรากับแรงผลักของขั้วแม่เหล็ก
“ทำอะไรกันกลางวันแสกๆ! แหม...ขึ้นเตียงแล้วยังเปิดประตูไว้อีกนะ”
จีโอกอดอกพิงขอบประตูยืนมองด้วยสายตาที่หมั่นไส้จนปิดแทบไม่มิด
ไม่อยากล้ำเส้นงั้นเหรอ?
เฮอะ! โกหกทั้งเพ
เขานึกถึงประโยคที่ซึงโฮเคยบอกเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่เขายุให้เพื่อนคนนี้เริ่มแสดงออกให้ลิซรู้ตัวเสียทีว่ามีใครใกล้ตัวรู้สึกชอบเธอขึ้นมา ก็นั่นแหละ... ได้คำตอบมาว่า ‘ไม่อยากล้ำเส้น’
อิโธ่... ไม่บอกก็รู้ว่ากลัวอกหักก่อนเวลาอันควร
“เฮ้.. เฮ้... นินทาฉันในใจรึไง?”
มือบางถูกโบกอยู่ตรงหน้าทำเอาคนกำลังใช้ความคิดไปเรื่อยสะดุ้ง
“เอ้า! มาทำอะไรตรงนี้? ไปเลยๆ” เขาออกปากไล่
“ขวางทาง...”
จีโอหันซ้ายหันขวาหลบทางให้อย่างลุกลี้ลุกลน หันมาอีกทีเพื่อนจอมอืดอาดก็มายืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางเอาเรื่องอีกคน
“มองทำไม? ฉันทำอะไรผิดหรือไง?” เจ้าตัวเอ่ยถาม
ยัง.. ยังไม่สำนึก คนอย่างจองบยองฮีนี่มันกวนประสาทได้หน้า(น่า)ตายมากเถอะ!
“หลบไป๊!”
ซึงโฮเอ่ยนิ่งๆ ซึ่งคนถูกสั่งก็ทำตามแต่โดยดี
“ไอ้เมนว๊อยซ์ ไอ้จังหวะนรก!”
เสียงทุ้มเอ่ยลอยตามลมมาให้ได้ยินเบาๆ แต่เน้นหนักตอนเดินผ่านส่งฟิลลิ่งเต็มแทบจะงับหัวคนขัดจังหวะให้แหลกละเอียดได้
แต่....
เฮอะ! ... ใครจะสนเล่า!
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น