ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่4
ทางด้านอาทิตยะหลังจากที่นั่งจ้องหน้าคอมได้ไม่นานก็เกิดอาการเบื่องานเอาสียดื้อๆ เอนตัวลงพิงผนักเก้าอี้ทำงานแทบเอาเท้าก่ายหน้าผาก ไหนจะต้องทำงานหาข้อมูลของนายเทวินทร์ที่ยากแสนอยากแล้วยังต้องมาเจออาการกวนประสาทของผู้เป็นพี่เลยทำให้เขาเซ็งอย่างบอกไม่ถูก ชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจหยิบกุญแจรถสปอร์ตเปิดประทุนสีน้ำเงินคันเก่งแล้วขับออกไป หมายตาหาเหยื่อสาวๆตามประสาเพลย์บอยเจ้าสำราญ สักพักหลังขัยรถมาได้10นาทีก็ต้องหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อเจอการจราจลที่ติดขัดของใจกลางกรุงเทพ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”เขาสบถก่อนจะเปิดเพลงในรถให้ดังยิ่งกว่าเดิมเพื่อกลบอารมณ์หงุดหงิด
“นั่นมัน?”เขาเอ่ยพลางชะงักเมื่อเจอใครคนหนึ่ง หญิงสาวร่างบางคนหนึ่งผมยาวสำดำเข้มประมาณหัวไหล่ลาดมนกำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาตามทางฟุตบาต ข้างหลังมีกลุ่มชายชุดดำวิ่งตามมากันเป็นพรวน เขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะยุ่งเรื่องของผู้มีอิทธิพลคนไหนนักหรอก จึงตัดสินใจไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยแต่หญิงสาวเจ้ากรรมกลับวิ่งหน้าตาตื่นมาทางรถที่กำลังติดไฟแดงอยู่ของเขาเสียด้วย ก่อนจะตามด้วยเสียงทุบกระจกพร้อมขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วยเถอะนะค่ะ ขอร้อง”หญิงสาวที่นำพาความโชคร้ายร้องบอกหลังจากที่เขาเลื่อนกระจกเปิดออก แต่ยังไม่ปลดล็อคประตูให้ เจ้าหล่อนพูดอ้อนวอน แล้วมีน้ำตาคลอรื้นในเบ้าตาทำให้เขาอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ จึงปลดล็อกประตูก่อนจะเร่งหญิงสาวให้ขึ้นมา
“ขึ้นมาเร็ว”เขาพูดแล้วออกรถทันทีเพราะไฟเขียวพอดี
หลังจากที่ออกรถมาแล้วเขาก็เหลือบไปมองกลุ่มของชายชุดดำที่ไล่ตามหญิงสาวมาเมื่อกี้จากกระจกด้านหลังก่อนจะหันมามาองหญิงสาวที่เขาได้ช่วยให้พ้นจากการการตามล่าเมื่อครู่ เจ้าหล่อนที่ตอนนี้นั่งอยู่บนรถของเขาหายใจเข้าออกอย่างถี่และรวดเร็วด้วยความเหนื่อย ตามใบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดพราย แก้มออกแดงมีสีเลือดฝาดเนื่องจากคงวิ่งหนีมา หล่อนคงจะรู้สึกตัวแล้วกระมั้งว่าเขามองอยู่เธอหันมามองพร้อมกับเอ่ยปาก
“ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยฉันเอาไว้”
“ช่างเหอะ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดจะช่วยเธอหรอกนะ”เขาตอบขณะที่ตามองรถบนถนน
“ยังไงก็ขอบคุณ คุณที่อุตส่าห์เปลี่ยนความตั้งใจ เพราะไม่งั้นฉันคงไม่รอด”
“แล้วคุณไปทำอะไรมาถึงโดนตามยกโขยงแบบนั่นล่ะ.....อย่าบอกนะว่าไปทำอะไรไม่ดีมา”เขาเอ่ยทำให้หญิงสาวหันควับกับการใส่ร้ายป้ายสี
“คุณจะคิดอย่างนั้นก็ช่างเถอะค่ะ...แต่ฉันไม่ได้ไปทำอะไรผิดมานะค่ะ”เธอกล่าวพร้อมยังคงวาจาสุภาพแต่เสียงก็คงไม่นิ่งได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“คุณไม่ผิดก็บอกสิว่าไม่ผิด...แต่คุณน่าจะบอกผมหน่อยก็ได้มั้งว่าทำไมคุณถึงโดนตามล่า เพราะผมนะดันเข้าไปสอดเรื่องของผู้มีอิทธิพลเข้าแล้วมั้ง ใครจะไปรู้ผมอาจจะโดนหมายหัวด้วยก็ได้ เพื่อผมจะระวังตัวไว้บ้างจะได้ไม่เหยียบหางใครอีก”ชายหนุ่มพูดถูก การที่เขาช่วยเธออาจทำให้เขาโดนหางเลขเข้าไปด้วยซึ่งหญิงสาวไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น อย่างน้อยเขาก็ถือเป็นผู้มีพระคุณของเธอ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลากคุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับอันตรายด้วย”หญิงสาวพูดแล้วเงียบไป เขาจึงตัดสินใจไม่ซักถามรายละเอียดตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากรู้มากมายนักหรอกนะ แต่ตอนนี้ต้องจัดการกับคนที่นั่งข้างๆเขาก่อน
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปล่ะเนี่ย”เขาถามขึ้น
“เอ่อ...ถ้าจะกรุณาช่วยขับรถไปส่งที่บ้านฉันหน่อยได้ไหมค่ะ”เธอถามพร้อมกับเงยหน้ามองเขา
เขาเองก็มองตอบหญิงสาวด้วยแบบเดียวกันเลยถือโอกาสพิจารณาใบหน้าน้อยๆนั้นไปด้วยเลย จากประสบการณ์อันโชกโชนของการผ่านผู้หญิงมานักต่อนักนั้นบอกได้คำเดียวว่าเธอ “ไร้เดียงสา”โดยแท้ แม้ภายนอกจะพูดจาราวกับผู้ใหญ่แต่ภายในเธอกลับซื่อและอ่อนต่อโลกนัก เห็นได้ชัดจากการที่เธอละเลยการระวังภัยจากคนแปลกหน้าเช่นเขา ถึงเขาจะเป็นเสือผู้หญิงแต่เขาจะไม่เลือกทำร้ายผู้หญิงทีอ่อนต่อโลกอย่างเธอเด็ดขาด
“เอ่อ..มีอะรไหรือเปล่าค่ะ”เธอถามเมื่อรู้สึกว่าเขาจ้องเธอสักพัก ดวงตาโตๆที่ถามเขานั้นดูช่างไร้เดียงสานัก นั้นทำให้เขานึกอยากแกล้ง
“เปล่า...แค่คิดว่าคุณน่ารักดี” พอเอ่ยเท่านั้นหล่อนก็หน้าแดงทันทีพร้อมกับหันหน้ากลับทันที ทำให้เขาหัวเราะออกมาน้อย
“เอ้าคุณจะให้ผมไปส่งบ้านก็บอกเส้นทางมาหน่อยสิ ไม่งั้นผมจะไปถูกได้ยังไง ดีไม่ดีขับหลงๆจะไปโผล่โรงแรมแล้วจะแย่นะ”เขากล่าวแต่ก็ไม่วายยังพูดจาให้นึกเสียว และก็เป็นอย่างที่คิด หล่อนสะดุ้งกับคำพูดเขาแล้วรีบบอกเส้นทางทันที
ขับรถมาได้เกือบจะครึ่งชั่วโมงแต่ยังไม่เห็นวี่แววของบ้านเจ้าหล่อนเลยสักนิดแถมเส้นทางที่ตรงไปข้างหน้าเขาก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามันจะเป็นที่ไหนสักที่ที่เขารู้จัก และก็ได้คำตอบเมื่อมีบ้านหลังหนึ่งโผล่ขึ้นมา อันที่จริงจะเรียกว่าบ้านก็คงไม่ถูกนักเพราะมันดันใหญ่พอๆกับคฤหาสน์เลยที่เดียว แล้วพลันความคิดเขาพุ่งวูบ นี่เขาลืมไปได้ยังไงกัน บ้านของคนที่เขากำลังตามสืบอยู่นี่ไง นายเทวินทร์ ไอศุริยะสมบัติตระกูล
“หลังนี้ค่ะ”เธอกล่าวพร้อมกับบอกให้เขาหยุดรถที่บ้านของนายเทวินทร์ สักพักเธอก็ก้าวลงจากรถโดยที่ไม่ลืมหันมาบอกเขา
“ขอบคุณมากน่ะค่ะ”
“คุณ......เป็นใครกันแน่”เขาเอ่ยถาม
“ฉัน ชื่อ นิสาชล ไอศุริยะสมบัติตระกูลค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณมีปัญหาหรือมีเรื่องเดือดร้อนกรุณาเรียกฉันนะค่ะฉันจะช่วยคุณทุกทางเลยค่ะ......ขอบคุณสำหรับวันนี้นะค่ะ”เธอบอกพร้อมกับยกมือไหว้ ไม่นานก็มีชายชุดดำมาเปิดประตูให้หล่อนเข้าไป
นิสาชล ไอศุริยะสมบัติตระกูลเหรอ? นี่น่ยเทวินทร์มีภรรยาแล้วหรือไง หรือว่าข่าวของเขามีการผิดพลาด
หญิงสาวเดินเข้ามาถึงประตูทองเหลืองบานใหญ่ทางเข้าบ้านในขณะที่ถอดรองเท้านั้นเอง หญิงวัยกลางคนก็รีบปรี่เข้ามาหาพร้อมกับจับไม้จับมือหญิงสาวสำรวจตัว
“โธ่ๆ ทูนหัวของนม เป็นยังไงบ้างค่ะนี่.....นี่คุณชายสั่งนักสั่งหนาว่าอย่าให้คุณน้ำออกไปไหนคุณน้ำก็ยังดื้อแพ่งหนีออกไป ป้าไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นยังไงถ้าไอ้พวกนั้นจับคุณหนูได้”ป้าไพกล่าวอย่างเป็นห่วงแกมตำหนิ
“น้ำขอโทษค่ะป้าไพทีหลังน้ำจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้วค่ะ”
“ค่ะ...อย่าลืมสัญญาเสียล่ะค่ะเดี๋ยวคุณชายจะเอ็ดเอานะค่ะ”
หญิงสาวยิ้มหน้าเจื่อนเมื่อนึกถึงหน้าตาดุๆของคุณชายแห่งคฤหาสน์หลังนี้
“ว่าแต่คุณชายแห่งคฤหาสน์นี้กลับมาหรือยังค่ะ”หญิงสาวเอ่ยล้อๆ
ป้าไพยิ้มกับสรรพนามที่ผู้หญิงคราวหลานเรียกก่อนจะบอกว่าคนที่เธอตามหานั้นกลับมาบ้านตั้งแต่หัวค่ำพร้อมกับที่วันนี้พาผู้หญิงไปทานข้าวกลางวันเสียด้วย ก่อนจะสำทับอีกครั้งว่าให้รีบขึ้นไปรับโทษก่อนที่จะโดนสองเท่า ทำให้หญิงสาวต้องวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องทำงานทันที
แอ๊ด !
“พี่วินทร์ค่าๆๆๆๆๆ”หล่อนโผล่หน้าไปก่อนพร้อมกับเรียกชื่อชายหนุ่มที่อยู่ในห้องเสียงยาวก่อนจะค่อยๆผลักปนะตูเข้าไปเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพี่ไม่ได้ติดธุระอะไร
“มาแล้วเหรอยัยตัวแสบ”พี่วินทร์ของหญิงสาวหันหน้าอันบึ้งตึงกลับมา
“พี่วินทร์สุดหล่อ หล่อที่สุด”หญิงสาวยังคงพูดจาหวานหยดหย้อย
“ไม่ต้องมาพูดอ้อน นับจากวันนี้ไป 1อาทิตย์เธอถูกกักบริเวณให้อยู่ภายในบ้าน และจะไปเรียนได้เท่านั้นและต้องมีบอร์ดี้การ์ดอย่างน้อย5คนไปไหนมาไหนด้วย”พอเสร็จสิ้นรายการสั่งโทษก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหน้าแหยทันที มันไม่ต่างอะไรกับติดคุกเลยนะเนี่ย
“แต่พี่วินทร์ค่ะ”หญิงสาวทำท่าจะพูดแต่ก็โดนขัด
“ไม่มีแต่”เขากล่าวพร้อมกัยมองหน้าน้องสาว
“เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”หญิงสาวตอบรับก่อนที่ชายหนุ่มจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน
“พี่จะทำยังไงกับเธอดีเนี่ย.....ดื้อจริงๆแล้วนีพวกมันทำอะไรหรือเปล่า” เขาถามแล้วลุกขึ้นมาจับมือจับแขนเธอยกไปมาสำรวจบาดแผลที่อาจเกิดขึ้น ทำให้หญิงสาวหัวเราะยิ้มๆเหมือนป้าไพไม่มีผิด พี่วินทร์ยังทำเหมือนเธอเป็นเด็กเสียทุกทีปกติมีผู้หญิที่ไหนเขาให้จับแขนยกไปยกมาเหมือนตุ๊กตาแบบนี้กันเล่า
“ขำอะไร”เทวินทร์ถามเมื่อเห็นน้องสาวหัวเราะ
“ก็ขำพี่วินทร์นั้นแหละ ทำเหมือนป้าไพไม่มีผิด”
“ก็มันน่าไหมละฮึ.....อยู่ดีไม่ว่าดีดันดอดหนีไปเที่ยวเลยได้เจอดี”
“ค่าๆน้ำจะไม่ทำอีกแล้ว แต่น้ำโชคดีค่ะมีคนช่วยน้ำเอาไว้”
“ช่วยเหรอ?”เขาถามอย่างงง การที่น้องสาวเขารอดเงื้อมมือของพวกวินเซนต์มาได้นี่ถือว่าเป็นปาฏิหารย์มากแล้ว คงเพราะไม่ใช่โชคช่วยก็แสดงว่าไอ้คนที่ช่วยน้องสาวเขาคงจะเก่งพอตัวเลยที่เดียวที่พาน้องสาวของเขาหลุดรอดมือของลูกน้องไอ้วินเซนต์นั้นมาได้
“แล้วน้ำว่าเขาเป็นคนยังไงล่ะ”เทวินทร์เอ่ยถามน้องสาว
“อืม.......ก็ไม่รู้ค่ะแต่เขาตัวสูงหน่อย น้ำเดาว่าน่าจะเป็นลูกครึ่งนะค่ะเพราะภาษาไทยสำเนียงเขามันฟังแปร่งๆยังไงชอบกล”หญิงสาวบอกพร้อมกับพยายามนึกถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยเธอไว้
“อย่ามัวแต่มาพูดเรื่องขอน้ำเลยค่ะ เอาเรื่องของพี่วินทร์เถอะ วันนี้พาสาวไปทานข้าวกลางวันที่ไหนมาเอ่ย”
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะไม่อยากให้พี่กังวลเรื่องของเธอมากนัก
“ป้าไพบอกว่าวันนี้พี่พาสาวไปทานข้าวมาเลยไม่ทานมือเย็นฝีมือป้าไพเลย”
เวรกรรม!ป้าไพนี่น่าฟ้องได้ทุกเรื่องเลยสิ เดี่ยวเจ้าตัวแสบตรงหน้าก็ได้เอาไปโพนทนาเสียหรอก
“ไม่ใช่เรื่องของเราน่า ไปๆ ไปอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวได้แล้วป้าไพคงตั้งกับข้าวรอแล้ว” ชายหนุ่มออกปากไล่เพื่อเป็นการเบี่ยงประเด็น
“แน่ๆ ไล่เราจะได้โทรหาสาวล่ะสิ งั้นออกไปดีกว่า แต่อย่าลืมนะค่ะพาว่าที่พี่สะใภ้มาให้น้ำดูด้วยนะค่ะ”ว่าจบร่างบางก็เดินลิ่วๆออกจากห้องทำงานของพี่ชายอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะโดนสวดอีกหนึ่งรอบ
“นิสาชล ไอศุริยะสมบัติตระกูล”เสียงพึมพำเบาของคนที่ตอนนี้เปลี่ยนใจกลับมาคอนโดเพื่อไขข้อข้องใจบางอย่าง หลังจากที่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วที่เขาเจอเรื่องไม่คาดฝันเกี่ยวกับสาวน้อยที่เขาช่วยไว้จากเคราะห์ร้ายแต่ดันกลายมาเป็นน้องสาวต่างมารดาของนายเทวิทร์ไปได้
“สงสัยจะแอบหนีมาเที่ยวเสียกระมั้ง”เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายเทวิทร์มีน้องสาวเพราะเขาเองก็สืบเรื่องของนายเทวินทร์นี่มาอย่างละเอียดพอดู แต่การที่เขาไม่พบร่องรอยนี่แสดงว่าคงจะปิดข่าวกันสุดฤทธิ์เลยละสิ นี่ถ้าเขาเองไม่เห็นกับตาเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีไอศุริยะสมบัติตระกูลอีกหนึ่งคน แต่ดูท่าคงจะถนุถนอมกันน่าดู
“หรือถึงเวลาที่เราจะออกไปสืบข่าวด้วยตัวเองเสียแล้ว”เขาเอ่ยเบาๆกับตัวเองและพอดีกับประตูห้องนอนบานใหญ่ฝั่งตรงข้ามเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างเปรียวที่ทำให้เขาหนักใจไม่แพ้กัน
“ยังไม่นอนอีกหรือฮะ ผมนึกว่านอนแล้วซะอีก”ชายหนุ่มถามหญิงสาวผมสีน้ำตาลแซมดำและมีใบหน้าคล้ายคลึงเขา
“นอนไปสักพักแล้วล่ะ ก็ตื่นเพื่อจะออกมาทำงานเนี่ยแหละ”หญิงสาวว่าพลางถือกองงานเอกสารมาตั้งปึกหนึ่งเขาจึงชะโงหน้ามาดูก็ปรากฎว่ามันคือเอกสารการประชุมของบริษัท ไอศุริยะที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ พี่เขาเองก็ปลอมตัวไปเป็นเลขานายยเทวินทร์นั้นด้วยนี่หน่า เขาเงยหน้ามองใบหน้าของศศิวิมลที่ทำหน้ามู่ทู่แล้วก็อดขำในในไม่ได้อยู่ที่อังกฤษเป็นแต่ไล่ล่าผู้ร้ายมาทำงานนี้เหมือนจับปูใส่กระด้งจับพี่เรานั่งโต๊ะเอกสาร
“เอาน่าพี่ตัดใจทำไปเถอะน่า”เขาว่าเป็นเชิงปลอบ
“เอ่อน่าฉันจะพยายามส่วนของฉันก็แล้วกันว่าแต่แก เมื้อกี้ออกไปข้างนอกมาไม่ใช่หรือไงทำไมกลับเร็วนักเล่า”
“ตอนแรก็ว่าจะไปหาสาวๆมานอนกอดสักคืน”พูดเกริ่นพลางชำเลืองมองพี่สาวที่ตอนนี้ตาลุกวาว
“แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะผมเจออะไรที่เด็ดกว่านั้น”เขาพูดก่อนจะเล่าเรื่องของนิสาชลที่เขาเจอใหฟัง
“พี่คิดว่าไง”อาทิตยะถามความเห็นของพี่สาวเมื่อเล่าเรื่องจบ หญิงสาสทำท่าครุ่นคิด
“น่าสนใจ ปิดข่าวกันซะขนาดนี้”
“ก็นั้นไงผมถึงว่า”ว่าแล้วพลางเอนตัวลงกับเก้าอี้
“ผมก็เลยคิดว่าจะอกไปหาข่าวเองบ้างก็ดีเหมื่อนกันเปลี่ยนบรรยากาศ”
“อืม....ห๋า นี่แกจะออกหาข่าวเองเชียวหรือ”หญิงสาวรับคำก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจกับคำพพูดของน้องชาย
“นี่แกอยากหาข่าวจริงๆ หรือว่าแกหลงเสน่ห์น้องสาวของนายเทวินทร์กันแน่” หญิงสาวถามพร้อมๆกับที่จ้องมองน้องชาย เพราะปกติแล้วน้องชายเธอจะหาข้อมูลอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากว่าการที่จะออกไปเดินตะลอนๆตามที่ต่างๆด้วยเหตุผลที่ชายหนุ่มอ้างว่า มันร้อนและน่าเบื่อ แต่ทำมคราวนี้ถึงกับจะลงมือเองเชียวหรือ
“พี่ก็พูดไป ผมก็จะหาข่าวสิแหม”หลับตาก่อนจะพูดขึ้น
“เพราะว่างานนี้มันชักจะสนุดขึ้นมาแล้วไง”
“เพราะว่างานนี้มันชักจะสนุดขึ้นมาแล้วไง”
“แล้วแต่แกสิ แต่ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน เพราะบอร์ดี้การ์ของนายเทวินทร์ฝีมือไม่กระจอกหรอกนะ”หญิงสาวเอ่ยเตือน
“แล้วเคยเจอแล้วหรือไง”น้องชายลุกพรวดขึ้นมาถาม พี่สาวพยกั หน้าให้ก่อนที่จะตอบ
“มังกรขาว หน้าตาอายุรุ่นแกเลยล่ะ แต่ฝีมือยังเห็นไม่แน่ชัดแต่คงจะสูสีกับแกหรือไม่ก็..........”
ศศิวิมลเว้นระยะการพูดเพื่อกระตุ้นอาการอยากรู้ของอาทิตยะ
“หรือไม่ก็อะไรเล่าพี่”
“หรือไม่ก็เก่งกว่าแก”หญิงสาวพูดจบพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อมองเห็นน้องชายตัวดีหน้าตึงไปถนัด ก่อนที่คนที่เธอให้สรรพนามเรียกว่า ‘ไอ้ตัวดี’ จะค่อยๆเผยรอยยิ้มเย็นๆอย่างให้คนที่มองเห็นนึกหวาดแต่ต้องไม่ใข่เธอแน่นอน
“แล้วพี่จะได้เห็น ว่าผมกับมันใครจะเก่งกว่ากัน”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น