ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จันทราแห่งเทวา

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่3

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 52


            เมื่อรถสปอร์ตสีดำสนิทจอดเทียบเข้ากับหน้าประตูบ้านหรือจะเรียกให้ถูกมันคือคฤหาสน์ต่างหาก ชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์ลงจากรถหรูก่อนที่จะส่งกุญแจให้กับเด็กรถที่มารอรับกุญแจเมื่อเขาส่งมันให้กับเด็กรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าบ้าน คฤหาสน์หลังนี้เขาอยู่คนเดียวแต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกเพราะมีอีกหลายชีวิตที่อยู่ที่นี้ด้วยเช่นกันแต่กระนั้นมันก็ยังเปลี่ยวหัวใจถ้าหากได้หมอนข้างมีชีวิตก็คงจะดีไม่น้อย แต่ที่ยังไม่มีอยู่จนปัจจุบันนะไม่ใช่ว่าหาไม่ได้หรอกนะ มีผู้หญิงแวะเวียนมาหาเกือบทุกวันแต่ก็นะเขาก็ยังไม่เลือกใครสักคน เขาเดินเข้าบ้านมาได้สักพักก็พบหญิงวัยกลางคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ป้าไพเป็นแม่นมที่คอยดูแลเขามาตั้งแต่เด็ก จึงเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ป้าไพเดินมาหาเขาก่อนจะถาม
                        “เป็นไงบ้างค่ะทูนหัวของป้า...หิวหรือเปล่า”ป้าถาม
                        “ยังเลยฮะป้า...วันนี้ผมทานข้าวกลางวันตั้งสองมือแนะครับ”เขาตอบพร้อมกับเข้าไปกอด ป้าไพหัวเราะนิดหนึ่งก่อนจะตีที่มือเขาเบาๆ
                      “โตแล้วนะค่ะ..ทำอย่งนี้เดียวจะหาว่าขี้อ้อนเอานะ”
     เขายิ้มแล้วปล่อยป้าออกพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
                         “ไม่เห็นเป็นไรเลย”
                        “ไม่เป็นไรได้ที่ไหนกันละค่ะ...ถ้าหากว่าที่คุณผู้หญิงในอนาคตมาเห็นเข้าล่ะก็คงบอกลากันเป็นแถวแน่ละเพราะเหตุว่าคุณชายบ้านนี้เป็นลูกแหง่”ป้าไพว่าก่อนที่จะยกน้ำเข้ามาเสริฟ
                         “โธ่ป้าก็พูดไป..ว่าที่อะไรกันยังไม่มีสักหน่อย”
                         “แล้วเมื่อไหร่จะมีสักที่ละค่ะ..ถ้ามีอย่าลืมเอามาให้ป้าดูนะค่ะ”
                           “ฮะ..ถ้าเกิดผมมีจริงผมจะเอามาให้ป้าพิจรณาถึงที่เลย”เขาว่า
    ป้าไพส่ายหน้ากับอาการพูดเล่นของคุณหนูของตนก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วถาม
                         “แล้ววันนี้ทำไมเจริญอาหารค่ะถึงได้ทานข้าวตั้งสองมื้อ...หรือว่าไปเจอสาวๆสวยที่ไหนค่ะ”
          ชายหนุ่มพอได้ยินดังนั้นจึงนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวัน
                                   “แน่ใจเหรอว่าลุกไหว”เขาถามแต่น้ำเสียงบอกได้อย่างเดียวว่าตั้งใจเย้ยแม่ตัวดีตรงหน้า หล่อนมองเขาด้วยตาขุ่นมัวก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลแต่เท่านั้นก็ได้เรื่องเมื่อเธอเหมือนจะใช้แรงทั้งหมดในการทำงานในช่วงเช้า แบตเตอร์รี่เลยหมด ทำท่าจะทรุดลงแต่เขาก็ไวรับไว้ได้เลยทำให้ร่างบางระหงนั้นเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน แล้วเขาก็พึ่งสังเกตเห็นดวงตาสีน้ำตาลใสกลมโตของหล่อนนั้นน่ามองเพียงไร ริมฝีปากบางที่มีลิปสติกอ่อนเคลือบไว้ ผิวขาวนวลบนใบหน้ากำลังขึ้นสีเรื่อเมื่อรู้ว่าเขากำลังจ้องเธออยู่ ทำให้เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เท่านั้นแหละไม่รู้ว่าแม่เจ้าประคุณไปเอาแรงมาจากไหนหล่อนกระแทกเท้าน้อยลงบนเท้าของเขาทำให้เขาต้องร้องออกมา
                           “นี่คุณจะทำอะไรนะ”เขาร้องโวยออกไป
                           “แล้วคุณมาถูกตัวฉันทำไม”
                           “ผมช่วยคุณต่างหาก”
                           “ฮึ..ช่วยหรือแอบแตะอั๋งกันแน่”หล่อนอุบอิบพูดแต่หูเขาก็ดีเหลือเกิน
                            “ว่าอะไรนะคุณ”
                            “เปล่านี่”หล่อนตอบ
               ฝากไว้ก่อนเอะแม่ตัวดีถึงครวหน้าจะเอาคืนเป็นสองเท่าเลยเขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเธออีกจึงดึงเธอให้ตามเขามาเจ้าหล่อนสะบัดให้มือตัวเองหลุดจากการเกาะกุมของเขาก่อนจะบอก
                            “ฉันเดินเองได้”
                      เขาก็เลยปล่อยให้เธอเดินเองตามคำขอ ทั้งสองเดินออกจากบริษัทก่อนที่จะเดินมาที่ลานจอดรถทางด้านหลังของตึกเขาเดินเข้ามาถึงรถสปอร์ตสีดำสนิทก่อนจะกดรีโมทและมีสัญญาณดังออกมาเป็นการตอบรับเขาเปิดประตูด้านฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปนั่งแต่หญิงสาวกลับยังยืนอยู่ข้างนอกทำท่าคิดหนักจนชายหนุ่มเอ่ย
                         “ขึ้นมาสิคุณ...ผมไม่เอาคุณไปขายหรอกน่า”เขาบอกก่อนจะสำทับ
                          “คงไม่ต้องให้ไปเปิดประตูอันเชิญหรอกนะ”ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวทำหน้าบึ้งก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้ามานั่งแล้วปิดประตูดังปัง
                          “เฮ้ยนี่คุณเบาหน่อยสิกลัวรถผมไม่พังหรือไงเล่า”เขาโวยขึ้นทันทีเมื่อเจ้ารถคันเก่งถูกรังแก สีหน้าหญิงสาวเหมือนดจะดีขึ้นมาทันใดเมื่อเห็นเขาอารมณ์เสีย ด่อนที่เจ้าหล่อนจะยกมือป้องปากแล้วทำท่าทางตกใจ แต่เขารู้ว่าหล่อนแกล้งทำ
                         “ตายแล้วฉันไม่รู้นึกว่าคุณอยากเปลี่ยนรถใหม่...แหมดิฉันก็เป็นลูกน้องแบบที่เจ้านายอยากได้อะไรฉันก็ช่วยซะด้วยสิ”หล่อนทำสีหน้าผิดก่อนจะหันมาคุยยกับเขาเหมือนจะกล่าวขอโทษแต่คู่โตใสดวงตาพราวระริก
                          “สงสัยคราวนี้ฉันจะเดาใจเจ้านายผิด”
                           “ฮึ..”เขาทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะออกรถทันที
                      เขาขับรถออกจากบริษัทแล้วเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น ร้านอาหารแห่งนี้ถึงจะไม่ดีขนาดที่เขาชอบมากินแต่ว่ามันก็พอจะแก้ขัดได้ เขาเดินนำหน้าเข้ามาแล้วตามมาด้วยหญิงสาวบริกรถามเขาว่ากี่ที่เขาจึงบอกไปว่าสองที่ ทางร้านจึงจัดที่ริมหน้าต่างให้กับเขาบริกรนำเมนูอาหารมาให้เขากับหญิงสาวเขานั่งมองเมนูอาหารเรื่อยไม่คิดจะสั่งอะไรเพราะเขาพึงกินไปไม่กี่ชั่วโมงก่อน แต่หญิงสาวตรงหน้าพอรับเมนูกลับขมวดคิ้วกับเมนูอาหาร เขาจึงตั้งใจอ่านเมนูอาหารทีอยู่ในมือเขาอีกครั้งก็รู้ว่ามันเป็นอาหารไทยทั้งหมด
                   จริงสิหล่อนอยู่อังกฤษตั้งหลายปี คงไม่รู้ว่าเมนูที่เขียนด้วยชื่อแปลกนี่มันคืออะไร และเขาก็นั่งหัวเราะในใจกับหน้าตาคิ้วผูกโบว์ของเจ้าหล่อน จะว่าไปแบบนี้ก็ดูน่ารักไปอีแบบแฮะ บริกรนี่ก็ช่างมีน้ำอดน้ำทนที่ยืนรอ จนเขานึกสงสารบริกรเลยสั่งเมนูให้เจ้าหล่อนกับของตัวเองด้วยเลย เธอทำหน้างงกับเมนูอาหารที่เขาสั่งให้เธอกับเมนูกุ้งเต้นระบำ ยำปลาสีรุ้งและวุ้นปลาเก๋า
    ไอ้ที่สั่งไปเขาก็ไม่รู้จักหรอกแต่เห็นชื่อแปลกดีก็เลยสั่งซะเลยไม่นานอาหารก็ถูกนำมาเสริฟ เขาทั้งสองจึงเริ่มทานอาหารทันที่ แต่คนที่อร่อยที่สุดดดูจะเป็นหญิงสาวตรงหน้าเขาที่คอยถามบริกรว่าอหารที่นำมาทำจากอะไรบ้างหลังจากทานอาหารเสร็จชายหนุ่มก็ขับรถออกมาจากร้านอาหารพร้อมกับหญิงสาวที่นั่งข้างแต่เขาไม่ได้กลับไปที่บริษัทกลับขับตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านใกล้ๆมันคงสร้างความงุนงงให้กับหญิงสาวพอสมควรหล่อนจึงเอ่ยปากถาม
                        “นี่คุณจะไปไหนกันนะ”หล่อนหันมาถามเขามเมื่อรถสปอร์ตคันดำไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังบริษัท ผมหันมามองหน้าหล่อนที่มีสีหน้าไม่ไว้ใจผมสุดขีด
     
     
     
     
    ตึง!เสียงปิดประตูดังขึ้นก่อนที่คนภายในห้องจะเงยหน้าขึ้นจากโน๊ตบุ๊คตัวจ๋วแล้วมองหน้าคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างแปลกใจ
                      "เป็นอะไรไปฮะพี่”น้องชายถามเมื่อเห็นผู้ที่เป็นพี่สาวเข้ามาแล้วทำหน้าบึ้ง
                       “ไปทำงานวันแรกไม่ใช่เหรอ...อย่าบอกนะว่า”แต่ไม่ทันพูดจบผู้เป็นพี่สาวก็แทรกขึ้นมาก่อน
                      “อย่าไปพูดถึงมันเลย”หล่อนบอกพร้อมกับเดินอ้อมมาหลังน้องชายและดูตัวหนังสือที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา หญิงสาวหรี่ตากับข้อมูลที่อยู่บนหน้าจอ
                       “ตอนนี้ก็ยังหาได้แค่นี้แหละฮะ”ผู้เป็นน้องกล่าวพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วเคลื่อนย้ายตัวเองมานั่งที่โซฟาหนังแทน
                        “หายากว่าที่คิดอีก”เขาบอก
                ศศิวิมลจ้องมองน้องชายของเธอแล้วคิวเรียวงามก้ต้องม่นเข้าหากัน เมื่อตะกี้น้องชายเธอบอกว่าหายากเหรอ ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้าสังวกัดกรมตำรวจสากลมาไม่ว่าข้อมูลลับขนาดไหนเจ้าน้องชายตัวด็สืบมาได้หมดนี่หน่า ถึงใครจะเห็นว่ามันเป็นนักเที่ยวกลางคืน หรื่อเสือผู้หญิงแต่นั้นแหละการทำงานของคนตรงหน้า แน่นอนการหาข่าวที่ดีก็ต้องหาจากพวกเที่ยวกลางคืนด้วยกัน
                        “คนอย่างนายหมดน้ำยาแล้วหรือไง”หญิงสาวค่อนขอดชายหนุ่มตรงหน้า เธอรู้ว่าน้องชายเธอเก่งแค่ไหนและเขาก็มักจะไม่ชอบการสบประมาทสักเท่าใดนักเป็นดังขาดเมื่อเจ้าน้องชายตัวดีได้ยินก็ถึงกับหน้าตึงทันที่ใบหน้าที่เคยขี้เล่นกลับดูเคร่งขรึมในทันใดก่อนที่จะแสยะยิ้ม
                             “แล้วพี่คิดว่าผมหมดน้ำยาจริงๆหรือ”เขาพูด ทำให้ผู้เป็นพี่สาวถึงกับอมยิ้มก่อนที่จะเดินเข้าห้องไป
    ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวเดินอมยิ้มเข้าห้องก็รู้แล้วว่าเขาโดนยั่วเข้าให้แล้วแต่ก็ได้แต้ถอนหายใจเพราะมันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เขาเดินเข้ามานั้งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งพลางนึกถึงเหตุการณ์เม่อหลายวันก่อนที่ผู้เป็นพี่เอ่ยไว้กับคุณลุงผู้มีพระคุณ
     
    หลายวันก่อนที่ร้านอาหารย่านเยาวราช
                            “นี่ของฉัน”หญิงสาวคนเดียวของโต๊ะกล่าวพร้อมกับคีบอหารชิ้นสุดท้ายออกจากจานอาหารกลางแล้วเอาเข้าปากปล่อยให้น้องชายที่อยู่ตรงข้ามอึ้ง ก็เพราะว่าชิ้นนั้นเขาเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วแต่มือเขาก็ยังฝึกไม่ถึงขั้น จึงทำได้เพียงแค่มองหน้าศัตรูผู้แย่งอาหารไปกันอย่างเคืองๆก่อนจะหันไปหาลุงที่มองเห็นพฤติกรรมของทั้งสองแล้วอมยิ้มก่อนที่เขาจะตัดสินใจเอ่ยปากฟ้อง
                             “คุณลุง”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างอ้อนๆให้กับลุง
                             “น่าเอาน่า...มลก็ชอบแกล้งน้องจริงๆเลย”ผู้เป็นลุงกล่าวกับผู้เป็นพี่
                                “เรื่องสิค่ะลุงใครเร็วใครได้”ผู้ถูกว่าไม่สะทกสะท้านแถวยังพูดหน้าตาเฉย
                             “ดูสิฮะคุณลุง....ก็เป็นซะแบบนี้ถึงหาแฟนไม่ได้สักที”ชายหนุ่มบอกกับผู้เป็นลุงอย่างกระเง้ากระงอดแต่คนเป็นลุงยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงจากสาวร่างบางเอ่ยมาซะก่อน
                            “เมื่อกี้แกพูดว่าไรนะ....ฉันจะมีหรือไม่มีมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับแก”
                           “เชอะ...ทำเป็นพูดดีหาไม่ได้มากกว่า”
                            “แกอยากจะมีเรื่องกับฉันใช่มะ”คราวนี้เสียงของพี่สาวขรึมขึ้นถนัดตาแต่ก็ใช่ว่าฝ่ายน้องตะยอมกลับลุกขึ้นถ้าผู้เป็นพี่เหย่งไม่กลัวแต่คนที่กลัวกลับเป็นเจ้ามือที่กลัวว่าลูกมือที่เขาพาเลี้ยงจำไม่ทำให้เขาเสียค่าอาหารอย่างเดียวแต่รังจะทำให้เขาเสียค่าซ่อมร้านเสียอีก
                              “พอน่าทั้งสองคน”เขาตัดสินใจเอ่ยพอเห็นทั้งคู่เริ่มที่จะลดอาการลงเขาก็ถอนหายใจแต่ก็ยังไม่วายที่จะว่ากล่าวตกเตือนทั้งสอง
                             “ทั้งคู่ก็โตๆกันแล้วเรื่องเล็กๆน้อยแค่นี้เองมลก็ชอบแกล้งน้อง”
                            “ไม่ได้แกล้งนะคะ”หญิงสาวพูดพร้อมกับมองมาที่น้องชายตัวดี
                           “พอๆได้แล้วทั้งคู่เลย”ธนาเอ่ยขัดการวิวาท
                            “ ทิตยะ ...มล”เขามองหลานทั้งสอง ก่อนจะเริ่มต้นพูด
                           “คือเรื่องที่...”แต่ธนาก็ยังพูดไม่จบก็โดนขัดขึ้นจากสองพี่น้อง
                            “หยุดเลยฮะ”ทิตยะขัดขึ้นทำให้เขางงมากก่อนจะตามมาด้วยคำพูดของหญิงสาว
                            “เรารู้ค่ะว่าคุณลุงต้องการอะไร...แต่เรื่องนี้เราขอทำงานกันลำพังนะค่ะ”
                             “ทำไมล่ะ.มล...ทีมงานลุงก็ฟอร์มไว้ให้แล้ว”
            ธนามีสีหน้ากังวลเมื่อเห็นกลานทั้งสองยังทำหน้าไม่รู้สึกอะไรแถมยังนั่งทานข้าวกันอย่างหน้าตาแย
                            “คุณลุงก็รู้ว่าเราทำงานกันสองคน”ชายหนุ่มที่นั่งทานข้าวอย่างสบายอารมณ์เอ่ยขึ้น
                            “ลุงรู้ว่าพวกหลานเก่ง แต่ว่างานนี้มันไม่ง่ายนะ”
                             “เชื่อใจพวกเราเถอะค่ะ...ทุกอย่งจะเรียบร้อย”หล่อนพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
     
     
               เมื่อเสียงประตูถูกปิดลงรางบางในชุดทำงานก็ล้มตัวลงนอนกับเตียงนุ่มทันที พลันความคิดก็นึกไปถึงเรื่องเมื่อกลางวัน
                              “ตาบ้า”หญิงสาวร้องพร้อมกับกระเด้งตัวลุกขึ้นแล้วใช้หมัดทุบลงบนหมอนสีนวล
                               “ถ้ารู้ว่าเป็นนายนะ..ฉันไม่ใช้ให้เสียเวลาหรอก”
                                “ตาบ้าๆๆๆ”
                              “มันน่าจับกระสุนกรอกปากนัก”ร่างบางว่าก่อนที่จะล้มตัวลงนอนกับเตียง
                               “นายเทวินทร์ รับรองฉันจะสาวไส้พวกแกออกมาให้หมดเลย”หญิงสาวพูดอย่างหมายมั่นก่อนที่จะหลับตาลงเพราะความเหนื่อยโดยไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าเธอจะต้องเอาหัวใจเข้าไปเดิมพันกับหลายๆสิ่ง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×