ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1
สนามบินกรุงลอนดอน เวลา12นาฬิกาตามเวลาในประเทศไทย
“อะไรน่ะ” เสียงโวยของบุรษหนุ่มดังขึ้นก่อนจะตามด้วยการส่ายหัวอย่างอารมณ์เสียเมื่อพนักงานสายการบินได้รายงานว่าเที่ยวบินที่เขาจองเกิดการผิดพลาดนิดหน่อย จนทำให้เขาต้องรอไฟล์ทบินรอบต่อไปอีกห้าชั่วโมงต่อจากนี้ ทำให้เขาต้องโทรเปลี่ยนกำหนดการการกลับประเทศไทยอีกจนได้ ชายหนุ่มทำการจองเที่ยวบินเที่ยวถัดไปเสร็จก็เดินออกมารอตรงสถานที่พักผู้โดยสารพร้อมกับควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า ก่อนจะกดหาหมายเลขที่บันทึกไว้พร้อมกับกดโทรออก เมื่อสัญญาณโทรศัพท์ดังได้สักพักก็ได้ยินเสียงจากทางปลายสาย
“ครับนาย” เสียงปลายสายเป็นเสียงบุรุษหนุ่มอีกคนรับสาย
“ฉันต้องเลื่อนเที่ยว บิน” ต้นสายกรอกเสียงเป็นข้อความสั้นๆแต่ก็พอให้ทางปลายสายพอเข้าใจ
“ทราบแล้วครับนาย...งั้นเดี๋ยวผมจะเลื่อนกำหนดการการรับทางสนามบินครับ...แล้วผมจะส่งไอ้ขาวไปรับนายที่สนามบิน” ทางนั้นพูดออกมาผู้เป็นนายส่งเสียงรับความก่อนจะวางหูโทรศัพท์แล้วเก็บลงกระเป๋า เขาก้มมองนาฬิกาอีกครั้ง ยังพอมีเวลานิดหน่อยเขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านกาแฟที่มีในสนามบิน
“ท่านผู้โดยสารที่ต้องการที่จะเดินทางด้วยเครื่องบินโบอิ้ง747ของสายการบินไทยกรุณามารอที่ประตูทางเข้าที่2ด้วยค่ะ” เสียงประกาศดังขึ้นทำให้ผู้โดยสารเริ่มทยอยไปที่ทางเข้าหมายเลขสอง เรื่อยจนผู้คนเริ่มแน่นขนัด เมื่อผ่านเวลาไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเขาจึงได้ นำกระเป๋าวางไว้ที่ชั้นของเครื่องบินแล้วนั่งลงบนเบาะนุ่มของเครื่อง เขาเริ่มสังเกตผู้โดยสารบนเครื่อง ที่นั่งของเขานั้นอยู่แถวที่5 ซึ่งเขาองนั้นนั่งเบาะที่3 สักพักเขาจึงนำคอมพิวเตอร์พกพาขึ้นมาพร้อมกับเปิดเครื่องแล้วเริ่มต้นที่จะเคลียร์งาน เขาต้องการเคลียร์งานให้เสร็จก่อนที่จะลงเครื่องที่สนามบินประเทศไทย เวลาผ่านไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง หลังจากที่เครื่องบินลำนี้นั้นได้ขึ้นจากท่าอากาศยานเป็นที่เรียบร้อยและกำลังร่อนอยู่บนน่านฟ้า ก็มีเสียงขยับตัวจากบุคคลที่นั่งถัดจากเขาที่มีแค่ที่นั่งว่างเปล่ากั้น บุคคลที่ในขณะนี้ถูกผ้าพันเกือบมิดหัว เริ่มขยับตัวก่อนที่จะสงบลงและเสียงหายใจสม่ำเสมอก็เป็นสัญญาณบอกได้อย่างดีว่าบุคคลผู้นั้นได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยอีกครั้งแล้ว เขามองสักพักก่อนที่จะก้มลงและเริ่มทำงานต่อ
“สวัสดีค่ะ...ยินดีต้อนรับสู่เครื่องโบอิ้ง 747..รับอะไรไหมค่ะ” เสียงพนักงานสาวประจำเครื่องกล่าวก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ เขาเพียงแต่ยิ้มตอบแล้วส่ายหัวเป็นการปฎิเสธ ก่อนที่พนักงานสาวจะยิ้มรับอีกครั้งก่อนที่จะมองเลยผ่านเขาไปยังบุคคลที่ที่อยู่ในห่อผ้า แล้วเสียงใสๆก็เอ่ยขึ้นอีกเหมือนเดิมแต่ผิดตรงที่ว่าไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลผู้ถูกถาม
“ไม่เป็นไรครับ....เดี่ยวเขาตื่นแล้วแล้วต้องการอะไรผมจะเรียกคุณให้ครับ” เขาบอกก่อนที่พนักงานสาวที่มอง เขาอย่างขอบคุณอีกครั้งแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ
สวบ!เสียงลุกพรวดของใครคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางในห่อผ้าจะเดินจ้ำพรวดเข้าห้องน้ำบนเครื่องอย่างรวดเร็ว แล้วเดินมานั่งที่เดิมอีกครั้งและล้มตัวลงนอน เสียงขยับตัวหยุกหยิกดังมาจากคนที่นอนอยู่จนทำให้เขาเริ่มรำคาญแล้วจึงพูดออกไป
“นี่คุณ....ถ้าหากไม่หลับก็อย่าฝืน” เขากล่าวแต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงานก่อนจะกล่าวสำทับอีกทีแล้วทำให้ร่างบางลุกพรวดขึ้นมานั่งแล้วมองเขาอย่างค้อน
“เพราะเสียงที่คุณทำมันน่ารำคาญ”
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน” สำเนียงไทยฟังชัด หล่อนกล่าวก่อนจะพยายามทำตัวให้หลับอีกครั้ง และมันก็ทำให้เกิดเสียงเบาที่ถึงแม้คนอื่นไม่ได้ยินแต่เขานั้นได้ยินชัดเจน จนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“นี่คุณ....ผมรำคาญอย่างน้อยคุณก็น่าจะมีมารยาทบ้างนะ”
ร่างบางลุกพรวดขึ้นมาทันที่หน้าขาวๆขึ้นสีแดงก่ำอย่างบอกอารมณ์ของคนตรงหน้า ผมสีน้ำตาลแซมดำยาวสลวยที่รับกับใบหน้าขาวๆที่กำลังก่ำแดงนั้นทำให้เธอดูเหมือนตัวการ์ตูนในเทพนิยายไม่มีผิด
นายคนนี้เป็นใครกล้าดีอย่างไรมาว่าเธอแบบนี้ ไม่เคยมีใครกล้าว่าเธออย่างนี้มาก่อน แม้แต่คนที่เคารพอย่างสูงสุดแต่นายคนนี้เป็นใคร ผิวขาว ผมดำ นัยน์ตาสีดำที่มองมาทำให้เธอรู้สึกหมั้นไส้ มันน่านัก น่าจะเอาลูกปืนยัดปากเสียๆนั้น..เธอคิดในใจขณะสายตากราดมองบุรุษที่เธอให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ลืมหน้าแบบนี้เด็ดขาด เขาเองก็รู้สึกว่าถูกมองก่อนจะสบตาหญิงสาวร่างบางแล้วเอ่ย
“มีใครเคยบอกคุณไหมว่าการจ้องคนแบบนั้นนะมันเสียมารยาท”
“คุณ!”หล่อนแทบกรี๊ดร้อง มือบางกำแน่น ดวงตาเบิกกว้างแต่มันไม่ดูน่ากลัวเลยสักนิดสำหรับเขา ถึงแม้ว่าดวงหน้าหวานยามนี้แทบบอกได้ว่าหล่อนอยากจะฉีกเนื้อเขาเป็นชิ้นก็ว่าได้
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”เสียงพนักงานเครื่องสาวคนเดิมถามเมื่อเห็นว่ามีเสียงดังจากที่นั่งของพวกเขาก่อนที่เขาจะหันมามองพนักงานสาวพร้อมกับกล่าวปัดทำให้พนักงานคนนั้นเดินกลับไปแต่สีหน้ายังไม่วางใจอยู่ดี
“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน”เจ้าหล่อนพยายามระงับโทสะแล้วเอ่ย แล้วหยุดสักพักก่อนจะกล่าวอีกครั้ง
“ท่าคุณหนวกหูก็ปิดหูคุณไว้สิ” เขาพยักหน้าหงึกอย่างรับรู้
“ดี เป็นคำกล่าวที่เห็นแก่ตัวดี”
คำแรกว่าน่ารำคาญ คำสองว่าไร้มารยาท คำที่สามว่าเห็นแก่ตัว แต่ละคำที่ออกมาจากปากนายคนนี้มันแทงฉึกเข้าไปในใจเธอ หากมีปืนสักกระบอกกระสุนปืนจะได้เข้าไปเล่นในปากนายตามจำนวนคำด่าที่นายว่าฉันแน่
“คุณเองก็ใช่ย่อย....ไม่มีใครสั่งสอนหรือไงว่าการกล่าวว่าสุภาพสตรีนั้นไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษควรกระทำ”น้ำเสียงใสกล่าวอีกครั้ง
“ผมก็ไม่เคยบอกนี่ว่าผมเป็นสุภาพบุรุษ”
“ที่แท้คุณมันก็.....”เสียงใสกล่าวไม่ทันจบหล่อนก็ทรุดนั่งลงแล้วเอามือปิดปากไว้
“นี่คุณ!...เป็นอะไรไป”เขากล่าวก่อนจะมองดวงหน้าขขาวๆที่ตอนนี้ซีดอย่างกับไก่ต้ม
“คุณ...”เขาเรียกอีกครั้งก่อนที่พยายามจะฟังในสิ่งที่หญิงสาวพูดพนักงานเครื่งก็รีบตรงหรี่เข้ามาเมื่อเห็นลูกค้าผิดปกติ
“ฉัน...ฉัน”หล่อนพยายามจะเอ่ย
“อะไรล่ะคุณ...บอกผมสิ”
“ฉัน...”
“พูดดังๆหน่อยสิ..แล้วผมจะได้ยินคุณไหม”เขากล่าวเมื่อหญิงสาวทำท่าพูดแต่คำที่หล่อนพูดนั้นเบากว่าที่ใครจะได้ยินจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจตะคอกออกไป
“นี่คุณกลัวอะไรในปากจะร่วงหรือไง”หญิงสาวค้นควับก่อนจะกล่าวดังๆ
“ฉันกำลังจะ....”แต่กล่าวได้เท่านั้นไอ้สิ่งนั้นที่เธอกำลังจะบอกมันก็ได้แผลงฤทธิ์ออกมาแล้ว
บุรุษร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากจากทางออกผู้โดยสารขาเข้า ร่างสูงผิวขาว กับผมสีดำที่ตัดกับสีผิวนั้น หัวคิ้วกำลังมุ่นเข้าหากัน นัยน์ตาสีดำที่บอกแววหงุดหงิดได้อย่างดี จนคนที่มารอรับทำสีหน้าเจื่อน เมื่อเห็นอาการของผู้เป็นนาย ก่อนที่จะเดินมาหาแล้วโค้งเคารพ
“การเดินทางราบรื่นดีไหมครับ” เขากล่าวก่อนจะเจอสีหน้าดุของผู้เป็นนายที่ส่งมาอย่างมีความหมายว่า ถามอีกตาย ผู้เป็นนาย เดินออกมาจาสนามบิน พร้อมกับลูกน้องที่เดินตามคอยระวังภัย ก่อนจะไพล่คิดไปถึงเรื่องบนเครื่อง
“ฉันกำลังจะ
”ไม่ทันที่หล่อนจะเอ่ยจบ ของเหลวที่รู้สึกจะมีอะไรผสมปนเปกันก็ออกมาจากปากเจ้าหล่อนนี่ใช่ไหมคือสิ่งที่เธอพยายามจะบอก หล่อนอาเจียนออกมาใส่เขาที่ตกเป็นผู้เคราะห์ร้าย ทำให้เขาต้องนำเสื้อตัวใหม่ มาจากกระเป๋าสัมภาระมาเปลี่ยน
หลังจากที่เดินออกมาจากสนามบินไม่นาน เขาก็พบกับผู้ต้องหาที่ทำให้เขามีอารมณ์หงุดหงิดตั้งแต่อยู่ในเครื่อง หญิงสาวผมสีน้ำตาลแซมดำเข้ม ผิวขาว นัยน์ตาสีดำ ในชุดกางเกงผ้าสีครีม ที่ตอนนี้กำลังเข็นรถเข็นสัมภาระก่อนที่โทรศัพท์ของหล่อนจะดังขึ้นมือเรียวๆก็เอื่อมหยิบโทรศัพท์ออกมา
“สวัสดีค่ะ..คุณลุง”เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“มล..กลับเองได้ค่ะ...ไม่ต้องค่ะ..ขอบคุณค่ะ”พอเจ้าหล่อนเอ่ยจบสายตาหล่อนก็หันมาสบกับเขา..ก่อนที่หน้าเจ้าหล่อนจะเริ่มขึ้นสีแล้วสะบัดหน้าควับแล้วเดินจ้ำออกไปแต่ก่อนที่เธอจะก้าวไปได้ไกลเธอก็รู้สึกว่ามีมือกร้านมาจับที่แขนเธอแล้วก็ถูกกระชากโดยบุคคลที่เธอขอจดจำหน้าไปตลอดชีวิต
“ไม่ทักกันหน่อยเลยเหรอคุณ”เขาถามพร้อมกับมองเธอ เธอบิดแขนออกจาการเกาะกุมของเขาก่อนจะมองค้อนเข้าให้
“ไม่มีความจำเป็น”คำเอื้อนเอ่ยออกจากปากเจ้าหล่อน..ทำให้บุรุษหนุ่มสะกดคลื่นรุมที่สุมอยู่ก่อนจะถามเสียงเครียด
“งั้นเหรอ...”สแยะยิ้มก่อนจะหันหน้ามาสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย! ขาวเอาสัมภาระหล่อนขึ้นรถ”กล่าวจบลูกน้องมือขวามองหน้าเจ้านายอย่างงงๆแล้วทำตามคำสั่งเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นนายมองมา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของสตรีเจ้าของสัมภาระที่จู่ๆก็มีผู้ใจบุญจะช่วย
“หยุดนะ” เสียงกล่าวจากร่างบางทำให้บุรุษผู้มีหน้าที่นำกระเป๋าหล่อนขึ้นรถหยุดชะงักแล้วถอยหลังไปอยู่ด้านหลังผู้เป็นนายแล้วรอคำสั่ง ผู้ออกคำสั่งมองหญิงสาวที่กล้าขัดคำสั่งเขาก่อนจะมองเรื่อยไปที่ลูกน้องตัวดีที่มันดันไปเชื่อคำสั่งของญิงสาวแทนที่จะเป็นนายของมันเอง
“ฉันบอกให้เอาขึ้นรถ ขาว”คำสั่งสำทับมาอีกแต่บุรุษนามขาวกลับอึกอักไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อหันกลับไปมองนายสลับกับมองหญิงสาวที่ผู้เป็นนายทำท่าเหมือนจะสนใจ แต่ก่อนจะตัดสินใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนาย ไม่ขยับเขยื้อนทำให้ผู้เป็นนายหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าตรงหน้าแล้วทำท่าจะเดินขึ้นรถเบนซ์สีดำที่จอดรออยู่
แต่ก่อนที่จะได้เดินขึ้นรถก็มีมือบางๆมาจับที่มือเขาก่อนที่เขาจะหันมามองเจ้าของมือที่บังอาจจับมือเขา ท่ามกลางสายตาผู้เป็นลูกน้องมือขวาที่ดูเหมือนจะอมยิ้มอยู่ในใจ
“ปล่อย”เสียงเคร่งของหญิงสาวกล่าวสำทับมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงขรึมของบุรุษหนุ่ม
“ถ้าไม่ละ”คำท้าทายดังมาจากปากก่อนที่จะจะนึกได้ว่าตัวเองคิดผิดเมื่อตัวเองต้องนั่งกุมท้องเมื่อร่างพลิ้วไหวนั้นศอกเข้าให้ที่ท้อง ลูกน้องเมื่อเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้ามาจับหญิงสาวที่บังอาจประทุษร้ายร่างกายของนาย แต่ก่อนที่เขาจะเข้าถึงหญิงสาวก็มีคำสั่งเคร่งจากชายหนุ่มที่ตนยกให้เป็นนนาย
“อย่าทำอะไรหล่อน”
เพียงแค่เสียงสำทับนั้นมา ร่างของเขาก็กลับมาอยู่เบื้องหลังผู้เป็นนายแล้วสังเกตปฏิกริยาของนายตน ก่อนจะเปรยขึ้นในใจ ท่าจะหนัก..หญิงคนนั่นแค่ศอกครั้งเดียวแต่ทำให้นายทรุดได้..แสดงว่าแรงมากจริงๆ แต่นั้นก็เพราะว่านายประมาทที่ไม่คิดว่าหญิงตัวเล็กๆคนนี้จะมีพิษสงมากขนาดนี้
“ฉันบอกคุณแล้ว”หญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก คราวนี้เธอชนะ คิดแล้วยิ้มอย่างสะใจก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับรถเข็นสัมภาระ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น