คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Nioji Hospital บุกโรงพยาบาลร้างนิโอจิ / (เนื้อหา 50%)
ข้อแนะนำการอ่าน
เพื่อไม่ให้เป็นการลายตามาก
ท่านสามารถกดปุ่ม
Ctrl + A
ได้นะคะ
อ่านจบแล้วสามารถติได้เน้อ!!~
CHAPTER 1
ตอนนี้คือช่วงเวลาที่เหล่าบรรดานักเรียนทั้งหลายรอคอยมานาน
กริ๊งงง ... กริ๊งงง ...
ต้นตอเสียงสวรรค์ของนักเรียนมากมายดังมาจากหอนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของพื้นที่โรงเรียน เข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 16.40 นาฬิกาแล้ว เวลาผ่านไปไม่นานบุคลากรในรั้วโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ก็ทยอยกันออกไปจนเกือบหมด ภารโรงประมาณ 7 – 8 คนก็เริ่มหยิบไม้กวาดทางมะพร้าว และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดต่าง ๆ มาบริเวณพื้นที่ตัวเองควรจะจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน
“เฮ้อ... เด็กพวกนี้จริง ๆ เลย ไม่ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง” เสียงของชายแก่วัยประมาณ 50 เริ่มบ่นขณะที่ตัวเองกำลังยืนก้มหน้าเก็บขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่ในถุงพลาสติกสีดำทึบใบใหญ่ พลางถกแขนเสื้อขึ้น เมื่อลองมองต้นเหตุของขยะที่มีมากมายถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงจะเป็นกลุ่มนักเรียน ม.ปลาย หญิง ที่ยืนอยู่ตรงกลางสนามฟุตบอล
“โอ๊ย ! จะบ่นอะไรนักหนาเนี่ยลุง มีหน้าที่ทำความสะอาดก็ทำไปสิ เป็นภารโรงก็ต้องดูแลทำความสะอาด พวกเราน่ะเป็นนักเรียนมีหน้าที่เรียนอย่างเดียวนะลุง ไม่ได้มีหน้าที่มาเก็บขยะซักหน่อย!” นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ผูกแขนเสื้อกันหนาวไว้ที่เอวเกิดความไม่พอใจที่ภารโรงแก่มาบ่น หล่อนจึงต่อว่าชายแก่คนนั้นไป จนทำให้เขาต้องเงียบทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะเถียงอะไร และถ้าเถียงไปก็คงไม่มีประโยชน์ เผลอ ๆ อาจจะโดนผู้ปกครองของเด็กคนนั้นมาเอาเรื่อง
“ไปกันเหอะ อยู่ที่นี่มันมีเสี้ยนหนาม!” เด็กสาวที่อยู่ในกลุ่มกล่าวชักชวนเพื่อนให้ออกไปจากพื้นที่ ว่าแล้วนักเรียนกลุ่มนั้นก็เดินออกไปด้วยความไม่พอใจการพูดของชายแก่คนนั้น
“ไอ้เด็กพวกนี้มันก็จริง ๆ เล้ย ทั้ง ๆ ที่เป็นคนทิ้งขยะเกลื่อนกลาดเองแท้ ๆ มีการสมองไว้เรียนอย่างเดียว ไม่ได้มีไว้คิดพิจารณาการกระทำต่ำ ๆ ของตัวเองเล้ย เฮ้อ.. เด็กสมัยนี้มันไม่ได้เรื่องเอาซะเลย” คราวนี้เป็นเสียงของสาวภารโรงแก่ ๆ ที่กำลังกวาดใบไม้และเศษขยะมากองรวมกันไว้ เป็นอย่างที่คุณป้าเขาบอกเด็กสมัยนี้มันไม่ได้เรื่องอะไรเลย ไม่มีจิตสำนึก หรือจิตสาธารณะที่จะทำตัวดี ๆ ช่วยกันเก็บขยะวันละนิดวันละหน่อย เว้นแต่ทำเอาหน้าแค่นั้นเอง ยุคสมัยนี้อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวคน หรือสิ่งรอบข้างก็ดี
“เอ้า ! รีบ ๆ ช่วยกันทำงานให้เสร็จหน่อยไป จะได้กลับบ้านเร็ว ๆ อย่ามัวชักช้า” หัวหน้าภารโรงที่เป็นชายแก่ผิวดำตัวเตี้ยเอ่ยขึ้น พลางปรบมือให้สัญญาณบ่งบอกว่าตอนนี้มันเริ่มจะมืดแล้ว
“พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นทำตัวไม่ดีเลยจริง ๆ น้าาาา...” โอซามุพูดขึ้นขณะที่เขามองการกระทำของนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งผ่านทางหน้าต่างที่ทิ้งขยะไม่เป็นที แล้วต่อว่าลุงภารโรงแก่ ๆ ที่คอยตามก้มเก็บขยะอยู่ มิหนำซ้ำยังโดนด่าเสียด้วย ดังจนได้ยินมาถึงชั้นบนของอาคารที่สูงถึง 3 ชั้น
“เอาน่า ๆ เลิกบ่นได้แล้ว ทุกคนเรามาดูเรื่องน่าสนใจกันเถอะ” ยูบอกให้โอซามุเลิกบ่น เพราะถึงจะบ่นไปก็เท่านั้น มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ก่อนที่จะเรียกความสนใจของทุกคนให้มาดูหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่เขาเอาวางไว้บนโต๊ะ
“ไหน ๆ ของน่าสนใจที่ว่า” อากิระรีบวิ่งตรงดิ่งเข้ามาที่โต๊ะของยู แล้วอ่านเรื่องที่ยูชี้ให้ดู ส่วนคนเชอร์เบตก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหนเธอเลือกที่จะขึ้นมานั่งบนกล่องไม้แล้วนั่งเท้าคางเพราะเจ้าหล่อนเลือกที่จะฟังอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า
“ร.. โรงพยาบาลร้างหลอน!!?” อากิระพูดเสียงดัง จนทำให้โอซามุกับเชอร์เบตที่อยู่เฉย ๆ นั้นเริ่มเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
“น่าสนใจล่ะสิ เห็นมั้ย ชั้นบอกแล้วว่ามันน่าสนใจ” ยูพูดขึ้นพลางถอดแว่นตาวางลงบนโต๊ะ
“อยากไปกันรึเปล่า” ยูถามด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย
“จะว่าอยากไปก็อยากอยู่หรอกนะ แต่นายรู้เหรอว่ามันอยู่ที่ไหนกัน ในนี้มันก็ไม่ได้มีบอกนะ มีแต่ชื่อโรงพยาบาล อืม.. โรงพยาบาลนิโอจิเหรอ..” อากิระถามยูในขณะที่ตัวเองยังคงจับจ้องตัวอักษรที่ปรากฎอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น
“ไม่รู้อ่ะ” ยูตอบ
“แล้วมันจะไปกันยังไงล่ะฟะ!” โอซามุกับเชอร์เบตตะคอกใส่ยูเป็นเสียงเดียวกัน
“ให้ตายสิ พวกนายนี่ไม่ไหวเลยนะ ลืมแล้วเหรอว่ามีชั้นอยู่ทั้งคน หึหึ” อากิระผายมือออกพร้อมกับสีหน้าที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม อากิระถือได้ว่าเป็นนักเรียนที่เรียนดีที่สุดในระดับชั้น แม้แต่อาจารย์ก็ยังต้องยอมยกธงขาวให้ เพราะอะไรน่ะเหรอ นอกจากฐานะทางบ้านของอากิระจะถึงขั้นที่เรียกว่า "มหาเศรษฐี" แล้ว เขาก็ยังเก่งมาก ๆ อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
“เอาล่ะ อย่ามัวโอ้เอ้ รีบ ๆ หาที่อยู่ของโรงพยาบาลนี่หน่อย อาทิตย์ หน้าเห็นว่าโรงเรียนหยุดทั้งอาทิตย์สินะ” ยูรีบลุกออกจากที่นั่ง แล้วบอกให้อากิระเร่งทำหน้าที่ตนเอง ก่อนที่จะพูดทำนองว่าจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งอาทิตย์
“ไม่เอาน่า อย่าบอกนะว่าจะไปทั้งอาทิตย์ ไม่ไหวหรอกนะ” เชอร์เบตกล่าวออกมาทำนองว่าแค่วันเดียวมันก็คงจะทำให้เธอหลอนจนขนหัวลุก
“พวกแกจะไปกลัวทำไม ที่ผ่านมามันมีเรื่องให้เรากลัวผีเหรอ” ยูพูดโต้กลับไป
“ก็จริงนะ เพราะที่ผ่านมาผีน่าจะกลัวเรามากกว่า” โอซามุพูดขึ้นบ้าง จนทำให้เชอร์เบตต้องถอนหายเฮือกใหญ่
“เอาน่า ๆ ถ้าผีมันเฮี้ยนอย่างที่ในข่าวบอกจริง ๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที” ยูพูดขึ้นมาเพื่อเป็นการปลอบใจเล็กน้อยให้กับเชอร์เบตที่ทำหน้าจ๋อยอยู่
“อ๊ะ! เจอแล้ว อยู่ที่จังหวัด ฮิระชิมะ ในเมืองฟุกุยะมะ อืม... นี่ไงแผนที่ทางไปโรงพยาบาลนิโอจิ” หลังจากที่อากิระพูดจบ ทุกคนก็พากันมามุงดูจอคอมพิวเตอร์ ถึงแม้จะบอกแค่จังหวัดกับเมือง แต่ก็ยังดีที่มีแผนที่มาให้ด้วย เพราะมันสะดวกต่อการเดินทางมากกว่าการที่จะมาแบบข้อความล้วน ๆ
"เอาล่ะ! เรามาประชุมกันเถอะ" ยูพูดเสียงดังเพื่อที่จะเปิดประเด็นเรื่องเกี่ยวกับการไปที่โรงพยาบาลร้างนิโอจิ ทุกคนพากันมานั่งเก้าอี้ที่ถูกวางกันไว้อย่างไม่เป็นที่ไม่เป็นทางตรงกลางห้อง แล้วเริ่มตั้งใจฟังในสิ่งที่ยูกำลังจะอธิบายเพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน
"เราจะไปขโมยของผีกัน" ยูพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วยิ้มปากกว้าง จนทำให้อากิระและโอซามุถึงกับทำหน้าเหวอไปเลยทีเดียว
"จะบ้ารึไง ไปขโมยของผีเนี่ยนะ!?" โอซามุรีบโต้แย้งขึ้นมา
"แน่นอน เราจะไปเพื่อขโมยของผีโดยเฉพาะ" ยูหลับตาพูด แล้วผายมือยักไหล่
"เอาจริงดิ!" อากิระพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วการแสดงสีหน้าของเขาบ่งบอกได้เลยว่าเขาอยากไปมาก ๆ จนน้ำลายหก
"แล้วเธอล่ะคิดว่าไง เชอร์เบต" ยูละความสนใจจากโอซามุและอากิระ แล้วหันไปถามเชอร์เบตที่นั่งเงียบ ๆ
"...." ตอนนี้ห้องชมรมของพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานะความเงียบเฉียบพลัน
"ว่าไงนะ! จะไปขโมยของผีงั้นเหรอ!?" เชอร์เบตโวยวายขึ้นในทันที จนทำให้สะดุ้งเฮือก
"ใช่ ถ้าเธอไม่อยากไป เธอก็ต้องไป ใครไม่มาแสดงว่าปอดแหก และจะต้องถูกตราหน้าไปตลอดชีวิตว่า ...เทพเจ้าแห่งความปอดแหกกร๊ากกก!!" ยูพูดทำนองว่าสมาชิกทุกคนที่อยู่ชมรมนี้ต้องไปทุกคน
"และเราจะมาเจอกันที่หน้าโรงเรียนตอนตี 5 นะ! อ้อส่วนของที่จะเตรียมมา จะเตรียมอะไรมาก็ได้นะ ให้พอสำหรับการไปพักที่โรงพยาบาลร้างประมาณ 3 - 4 วันนี้แหละ" สิ้นเสียงของยู ก็อดไม่ได้ที่ทุกคนจะต้องถอนหายใจไปตาม ๆ กัน เพราะความรั่วหลุดโลกของประธานชมรมนี่เอง
ความคิดเห็น