คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เทิร์น 6
เจ้าของดวงตาสองสีจับจ้องคู่ต่อสู้ด้วยสายตาวาววับ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนหวานละมุนผิดแผกจากเดิม มือบางเอื้อมไปแกะหนังยางที่รัดผมออกช้าๆ ดวงตาจับจ้องคู่ต่อสู้อย่างลองเชิง
“คิดจะมาทำผมอะไรตอนนี้?”หญิงสาวเรือนผมสีดำสนิทเอ่ยแขวะเขา ดวงหน้าหวานของคิริกิยังคงวาดรอยยิ้มประดับพรายอย่างแนบเนียน ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูระเรื่อจะขยับเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“พวกคุณรู้หรือเปล่า...ร่างกายคนเรานะเป็นที่เก็บพลังเวทย์เชียวนะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่ยังไม่กล้าทำอะไรมากนักเนื่องจากฤทธิ์เดชของโดคามะตนนี้ได้ประจักษ์ต่อสายตาแล้ว เสียงใสๆหัวเราะบางเบา ก่อนที่จะยิ้มหยีจนตาปิด
“เกี่ยวสิครับ แต่....ลองดูด้วยตัวเองจะดีกว่า”ทันที่ที่เสียงแว่วหวานราวกับเสียงสกุณาเอ่ยจบ เส้นผมสีน้ำเงินไพลินก็ขยับราวกับมีชีวิต ก่อนจะแหวกอากาศโจมตีใส่สู้ต่อสู้พร้อมกับบรรดาพฤกษานานาๆพันธุ์ที่โอบอ้อมอยู่ด้านหลัง คิริกิขยับยิ้มหวานฉาบบนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงสบถแผ่วเบาจากคู่ต่อสู้ทั้งสอง
“ไอ้บ้า ขี้โกงนี่หว่า!!”เซ็นยูกิตะโกนโหวกแหวกไม่สมหญิง พลางปัดป้องพฤษกชาติและหลบเส้นผมที่แข็งราวกับเหล็กนั้นไปมาอย่างคล่องแคล่ว
“แคร๊ง!!!”เสียงของกระบี่กระทบกับสามง่ามดังก้องไปทั่ว คิ้วเรียวเหนือดวงตาสองสีนั้นขมวดเข้าหากันเป็นครั้งแรก ดวงตาสองคู่สามสีจับจ้องกันอย่างไม่ลดละ
“วิ้ว~นึกว่าตายจมกองเลือดไปซะแล้ว ที่แท้หาช่องว่างเองหรือเนี่ย?”เซ็นยูกิผิวปากชมเชย แต่มือก็ยังสาละวนอยู่กับปัดป้องรากไม้และรากไทรที่โคดามะหนุ่มสร้างขึ้น
“อ่ะ!!”คิริกิอุทานแผ่วเบาเมื่อเห็นกลุ่มควันสีเทาไหลวนอยู่เหนือฝ่ามือของริว ริวอัดกลุ่มก้อนพลังนั้นใส่คิริกิ ร่างที่แลดูคล้ายผู้หญิงนั้น ลอยเหวือไปกระทบต้นไม้แถวนั้นจนพังครืนไปเป็นแถบ แต่ดูเหมือนว่าพฤษกชาติยังคงเข้าข้างคิริอยู่ เถาวัลย์เส้นหนึ่งลอยหวือเข้ามาโอบอุ้มก่อนที่เจ้าตัวจะถึงพื้น เถาวัลย์วางร่างของคิริกิลงแผ่วเบา
“แค่ก...น่าตกใจนะครับเนี่ย”เสียงกระอั่กเลือดแผ่วเบาดังขึ้นก่อนที่เสียงที่ใสปานระฆังแก้วนั้นจะเอื้อนเอ่ย มือบางปาดเอาหยาดโลหิตที่ไหลซึมอยู่มุมปากช้าๆ ก่อนจะขยับยิ้มอีกครั้ง แม้มันจะฝืดเฝือลงไปบ้างก็ตาม ริวมองโคดามะหนุ่มที่ยิ้มราวกับคนบ้านั้นก่อนจะฉุกคิดได้
.....ไอ้เวทย์ที่ใช้ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ทำไมกระเด็นไปซะไกลลิบขนาดนั้น?.....
“นายนะ...ไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดสินะ?”ริวพูด คิริกิยิ้มรับ ส่วนเซ็นทำหน้าเหวอ
“ครับ...ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกไงล่ะครับ”ดวงหน้าหวานมีรอยยิ้มวาดผ่านไปถึงดวงตา
.....ความจริงที่แฝงอยู่ในคำลวง.....
.....คำลวงที่แฝงไปด้วยความเป็นจริง.....
.....เหมือนสายหมอกที่รู้ว่ามีอยู่แต่ไม่สามารถจับต้องได้.....
.....เฉกเช่นเดียวกับชื่อ.....
“ให้ตายสิ...ร้ายชะมัด..ไม่สิ...ต้องบอกว่าสมชื่อซะมากกว่า”เซ็นยูกิขยับรอยยิ้มแสยะ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนสยองทำเอาคนในสนามถึงกับขนลุกชันโดยไม่ยาก
“ขอบคุณที่ชมครับ”โคดามะหนุ่มยังคงแย้มยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์
......ให้ตายสิ...การประลองกลายเป็นนั่งจับเข่าคุยกันไปแล้วหรือ?......
“อืม...หรือว่ามีใครเกิดจับอะไรได้ขึ้นมา?”หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีพฤกษานามทิวลิเอื้อนเอ่ย หลังจากเจ้าสร้อยเส้นเล็กเปล่งเสียงออกมาได้ไม่นาน
“ข้า..ไม่คิดเช่นนั้นหรอก..”เทพหนุ่มที่ปล่อยให้สร้อยพล่ามมานานจนดูราวกับว่าเป็นใบ้ เอ่ยเสียงที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงสายวาโยที่แผ่วเบานี้เลย
“เอาล่ะ..คุยกันมามากแล้ว ข้าว่าเราควรจะรีบประลองกันสักที”ริวเอ่ย มือเรียวบางกระชับกระบี่เล่มคมเอาไว้อย่างมั่นคง
“ฉันว่า..น่าจะเริ่มได้ตั้งนานแล้ว!!! เคร้ง!!”เซ็นยูกิหญิงสาวผู้มีความใจร้อนเสียยิ่งกว่าผู้ใด วาดอาวุธที่รูปร่างคล้ายง้าวโจมตีใส่โคดามะหนุ่มในทันที เรียวแขนเล็กแลดูบอบบางของคิริกินั้นยกสามง่ามคู่กายรับไว้ทันท่วงที มือบางกดสามง่ามลงให้ใบมีดของอาวุธรูปร่างคล้ายง้าวนั้นลงล๊อคกับสามง่าม ก่อนจะเหวี่ยงร่างของเซ็นยูกกิออกห่างจากตัว
“Misente”เวทย์ง่ายๆแต่อานุภาพไม่ได้ง่ายตามถูกร่ายขึ้น แผ่นดินตรงส่วนที่คู่ต่อสู้ทั้งสองของคิริกิยืนอยู่กลับพังทลายกลายเป็นเหวลึก แต่ใช่ว่าทั้งสองจะกระจอกถึงขนาดหลบไม่ได้ ร่างเพรียวราวกับผู้หญิงของคิริกิใช้โอกาสนี้ถอยร่นออกห่างจากทั้งสอง
“ฉึก!!”อยู่เสียงกระบี่เล่มคมก็เจาะทะลุเนื้อเข้ามา ดวงตาสองสีเบิกกว้างก่อนจะหันไปทางผู้ที่ทำร้ายตนด้วยแววประหลาดใจ และสั่นไหวอย่างประหลาด
“คึหึหึ...อาศัยตอนเผลอสร้างภาพลวงตาแล้วดักรอสินะครับ? ร้ายจริงๆ”ดวงตาสองสีนั้นหยียิ้มจนดูหน้าถีบ หยาดโลหิตที่ไหลร่วงหล่นลงมากลับกลายเป็นต้นพฤกษาโจมตีใส่ผู้ประทุษร้ายกับนายของมัน เมื่อกระบี่ที่ฝังตัวอยู่ในหลุดออกหยาดโลหิตสีแดงชาติก็ไหลรินออกมาจากปากแผลตามธรรมชาติ
“นายนะ...ที่หลังถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้ม เห็นแล้วระคายลูกตา”ริวเอ่ยช้าๆเนิบๆ ดวงตาสีทองอร่ามจับจ้องใบหน้างามที่เปลี่ยนที่ท่าเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“อึ๊ก!..”ร่างบางนั้นทรุดฮวบลงมากองกับพื้น ดวงหน้างามนั้นยังคงรอยยิ้มไว้เสมอแม้ดวงตานั้นจะฉายชัดถึงความเจ็บปวดที่แล่นริ้ว
“เฮ้อ...ฉันไม่ชอบทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ คิดว่าเซ็นยูกิก็คงเหมือนกัน นายยอมแพ้ซะเถอะ”ริวเอ่ย แต่ริมฝีปากบางยังคงขยับคลี่รอยยิ้มหวานฉ่ำเสียยิ่งกว่าเก่า
“พวกคุณลืมอะไรไปอย่างนะครับ”
“วูบ!!”สิ้นเสียงของโคดามะหนุ่ม จู่ๆก็เกิดกลุ่มก้อนควันสีเทาโรยตัวลงมารายล้อมทั่วอาณาบริเวณ ก้อนกลุ่มก้อนควันจะตรึงตัวทั้งสองเอาไว้
“อะไรกันฟ่ะเนี่ย!!”เสียงสบถไม่สมหญิงดังขึ้น
“เหมี๊ยว~นายท่านค่ะ คุโรมุจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับร่าง ร่างหนึ่งที่เดินออกมา เธอมีเรือนผมสีม่วงและตาสีม่วงดุจอเมทิตย์ มีหูแมวสีม่วงและหางสองหางที่เป็นสีม่วง
“หรือว่า...แมวตัวนั้น....”ริวเอ่ยลองเชิง
“ใช่แล้วครับ คุโรมุก็คือแมวตัวเมื่อครู่ เอาล่ะมาต่อรองจริงๆสักที พวกคุณต่างหากที่ควรพูดว่ายอมแพ้”คิริกิเอ่ยพลางกรีดรอยยิ้มหวานหยดย้อยอย่างน่าขนลุก
“พวกเรามีศักดิ์ศรีพอ...จะฆ่าก็ฆ่าซะ!!”เซ็นยูกิเอ่ยโดยไม่สนคนที่โดนตรึงอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสองสีนั้นฉายแววลังเลอย่างประหลาด ก่อนจะหลุบลงต่ำคลายกับสับสน
“ขอร้องล่ะครับ...ช่วยพูดว่ายอมแพ้ทีเถอะ!!”คิริกิเอ่ย ดวงตาสองสีนั้นฉายความลังเล อ่อนโยนออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาทอแววสั่นระริกหยาดน้ำตาใสหยดลงมาเพียงครู่ก่อนจะแห้งเหือดไปราวกับเวทย์มนต์
.....นิสัยจริงๆ...ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่เลยนี่?.....
.....ก็แค่พวกเก็บกด เก็บความรู้สึก.....
“ฟุ่บ...”คงจะเป็นเพราะว่าเจ้านายของตนเกิดความลังเล คุโรมุจึงเกิดอาการลังเลด้วย เวทย์ที่เกิดจากความลังเลนั้นจึงไม่สมบูรณ์ และสามารถทำลายได้โดยง่าย
“ในสนามประลองนะ..ไม่มีคำว่าลังเลหรอกนะเจ้าหนู”เซ็นยูกิเอ่ย เธอตวัดง้าวเตรียมแทงร่างบางตรงหน้าทันที
“เคร๊ง!!ขบวนท่าที่13บุฟพาโลกันต์!!”ร่างบางตวัดดาบรับไว้ทันท่วงที่ ก่อนจะประกาศก้อง กลีบดอกไม้นานาพันธุ์รายล้อมไปทั่ว
“กริ๊ดดดดดด!!”อยู่ๆหญิงสาวผมดำนามเซ็นยูกิผู้ถูกฤทธิ์แห่งมนตรากับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เธอทำท่าเหมือนกันเห็นในสิ่งที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิต
“เพลงดาบที่13..คือภาพหลอนเสมือนจริงที่จะดึงเอาภาพความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดมาฉายซ้ำ”คิริกิเอ่ย ดวงตาสองสีหลุบต่ำลงอย่างหนักใจ คล้ายกับลังเลว่าจะปลิดชีพทั้งสองเลยดีหรือไม่
“ต่อไปตาคุณสินะครับ?”
“ถ้าเจ้ายังคงมีความลังเลอยู่เช่นนี้ เจ้าไม่มีทางชนะข้าได้แน่”เจ้าของนัยน์ตาสีทองเอื้อนเอ่ย ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมองร่างบางตรงหน้า
“จะแน่หรอครับ?...แต่.....ไม่ลองคงไม่รู้สินะ?”คิริกิพูด เขาเหยียดยิ้มขึ้นก่อนะเอียงคอนิดอย่างน่า เรือนผมสีน้ำเงินพลิ้วไปตามสายลมที่อบอุ่น กลีบพฤกษชาติล้อเล่นคลอไปตามเส้นผม
.....เสน่ห์แห่งภูติพราย.....
.....หากผู้ใดหลงใหลคงจะจบชีวิตลงไปสินะ?.....
.....หยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาจาก ดวงตาแปลกสีนั้น..ก็คงจะเป็นหนึ่งในมารยาเช่นกัน.....
“ใช่...ไม่ลองไม่รู้...”
“บางที...ข้าอาจจะชนะเจ้า ทั้งๆที่สู้อยู่ในสนามที่เจ้าได้เปรียบก็เป็นได้”
“ผมพอจะรู้ครับว่าแพ้เพราะอะไร...”ดวงหน้าหวานแย้มยิ้มอีกครั้งก่อนจะกระชับสามง่ามในมือ
.....ที่แพ้อาจจะเป็นเพราะ...ความอ่อนแอของเราก็เป็นได้......
.....จะเจอไหมนะ?...สิ่งที่เรียกว่ารักนั้นนะ.....
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ได้กลิ่นน้ำเน่าโชยมาไหมค่ะ?
ความคิดเห็น