คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไฟต์ที่ 3 ก้าวแรก
ไฟต์ที่ 3 ก้าวแรก
เช้าที่อากาศเป็นใจสงบร่มรื่น แสงแดดส่องเป็นประกายระยิบระยับเป็นพื้นหลังให้นักแสดงนกน้อยกำลังขับขานส่งเสียงร่ำร้องประสานเสียงกับเสียงใบไม่ลู่ตามลม ผู้คนคับคั่งตามถนนหนทางที่เต็มไปด้วยรถยนต์และผู้คนเดินเท้า ทุกคนมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสแต่เร่งรีบ แต่คงจะมีใครคนนึงที่ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสและไม่ได้เร่งรีบที่จะไปโรงเรียนเหมือนคนอื่นๆเค้า
“เรน แต่งตัวเสร็จรึยัง” เอิร์นไปยืนตะโกนเรียกเรนอนที่หน้าประตูบ้านพร้อมกับหนุ่มหล่อทั้งสองคนและเครื่องแบบใหม่ เสื้อเชิ้ตสีขาวมีกระเป๋าเสื้อที่หน้าอกพร้อมสัญลักษณ์โรงเรียนและสัญลักษณ์ของสายเวทย์ เนคไทน์สีดำเงา กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าคัดชูมันวาวสีดำสำหรับหนุ่มๆ กระโปรงลายสก๊อตดำขาวถุงเท้าสีขาวยาวเกือบถึงหัวเข่า รองเท้านักเรียนสีดำมันวาวสำหรับสาวๆ
“เอ้า! เด็กๆเข้ามาทานอาหารเช้ากันก่อนสิลูก เดี๋ยวค่อยไปด้วยกัน” แม่ของเรนอนออกมาเรียกทุกคน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า เดี๋ยวจะไปสายน่ะคะ”
“เอ้า เรน เสร็จรึยังลูก เพื่อนๆรอ”
“เสร็จแล้วค่ะ ไปแล้วนะคะแม่” เรนอนรีบวิ่งลงมาจากบนห้องและใส่รองเท้าด้วยความรวดเร็ว หอมแก้มคุณแม่หนึ่งทีแล้วก็วิ่งออกไปหาเพื่อนๆของเธอ
“ไปก่อนนะคะ/ครับ คุณป้า”
“เดินทางดีๆนะลูก”
“คะ/ครับ”
“แม่เธอใจดีจังเลยนะเรน” โทนี่เอ่ยเริ่มต้นวงสนทนา
“ก็ดี”
“เรน เธอเตรียมตารางสอนสำหรับวันนี้มารึเปล่า”
“เตรียมมา”
“นี่เธอเป็นอะไรของเธอน่ะ เดินไม่พูดไม่จา”
“ป่าว”
“เรนอน” เกลิกด์เอ่ยขึ้นมาบ้างและเรียกนัยต์ตาสีน้ำตาลให้หันมาสบได้
“อะไร”
“เธอยังทำใจไม่ได้อีกหรอ”
“ยัง”
“เดี๋ยวเธอก็จะชิน เชื่อชั้น”
“แต่การเป็นไฟเตอร์โดยไม่รู้ตัวสำหรับชั้นน่ะมันลำบากใจนะไม่เหมือนนายนี่ เป็นไฟเตอร์กันทั้งตระกูล”
“หา........”เอิร์นและโทนี่หันมาสบตากันแล้วหนไปมองชายผู้มาดนิ่งเย็นเยือก
“แล้วจะทำไม เธออย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ว่าพ่อแม่เธอก็เป็นไฟเตอร์น่ะ”
“นายว่ายังไงนะเกลิกด์ พ่อแม่ชั้นเป็นไฟเตอร์งั้นหรอ นายอย่ามาหาเรื่องชั้นแต่เช้านะ”
เรนอนตะคอกใส่เกลิกด์อย่างเดือดดาลและกระชากเสื้อที่ทำได้แค่อกเพาะเกลิกด์ตัวสูงกว่าเยอะ
“เค้าพูดจริงนะเรน” เอิร์นบอกและพยายามที่จะนำตัวเรนออกมาจากเสื้อของเกลิกด์
“ไม่จริง ชั้นไม่เชื่อพวกนาย พวกนายโกหกชั้น”
หลังจากพูดเสร็จเรนอนก็วิ่งหนีไปโดยที่ไม่รอเพื่อนๆของเธอที่พยายามจะวิ่งตามมาข้างหลังเลย
“ไม่จริง ไม่มีทาง พ่อกับแม่จะเป็นไฟเตอร์ได้ยังไง ไม่มีทาง” เรนอนพูดอย่างนี้ซ้ำๆในใจพอถึงโรงเรียนเธอก็วิ่งขึ้นห้องโยธวาทิตวางกระเป๋าและข้าวของที่เอามาตอนเช้าเปลี่ยนชุดแล้วรีบไปวอร์มร่างกายอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่พูดกลับใครทั้งนั้น เธอเริ่มจากวิ่งรอบโรงยิมสิบรอบ ซิทอัพกับวิดพื้นอีกอย่างละห้าสิบครั้งแล้วจึงวอร์มลม วอร์มเม้าและวอร์มเครื่องตามลำดับ เธอเก็บตัวอยู่ที่โรงยิมซ้อมอยู่คนเดียวตลอดช่วงเช้าก่อนเข้าเรียนคาบแรก พวกเอิร์นที่มาถึงที่หลังพยายามที่จะไปหาแต่เกลิกด์ก็ห้ามไว้และปล่อยให้เค้าอยู่คนเดียว
“เกลิกด์ นายไม่น่ารีบบอกเรนเลย ชั้นบอกแล้วว่าเค้าต้อง.....” เอิร์นพูดอย่างเป็นห่วง
เรนอนและเชิงต่อว่าเกลิกด์
“ใช่เกรี่ ชั้นว่านายน่าจะให้เค้ารู้จากคุณลุงกับคุณป้าเองมากกว่า” โทนี่เสิรมด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“พวกนายก็รู้ว่าที่ชั้นบอกไปเนี่ยยังไม่ถึงหนึ่งส่วนของเรื่องจริงทั้งหมดเลยด้วยซ้ำว่าพ่อแม่เค้าที่แท้จริงเป็นใคร แล้วพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเค้าจนกระทั่งตอนนี้คือใคร และเรื่องที่ พ่อชั้นฆ่า...............” แล้วเสียงก็หายไปพร้อมกับนัยต์ตาสีฟ้าหลุบลงก่อนจะเอ่ยต่อเมื่อ
กริ๊งก่องกั๊งก่ง.......ก่งกั๊งก่องกริ๊ง.........
“เสียงออดเข้าเรียนดังแล้วเดี๋ยวจะเข้าเรียนคาบแรกไม่ทันนะ” เจ้าของนัยต์ตาสีฟ้ารีบเปลี่ยนเรื่อง
“อะไรของนายเนี่ย เกรี่” โทนี่ต่อว่าพลางส่ายหัวไปมาแบบเซ็งอย่างแรง
“เอ้า! แล้วเรนอ่ะ” เอิร์นซึ่งก็เซ็งไม่แพ้กันหันดูเรนอนแต่เรนอนก็หายไปแล้ว
“เอาเป็นว่าเราไปเรียนกันเหอะ” โทนี่เอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนพยายามที่จะมองหาเรนอนในโรงยิมที่ว่างเปล่านี่
“เอาล่ะ สวัสดีนักเรียนสายเวทย์ทุกคน”เสียงของอาจารย์สเตราค์ยังคงดังและหนักแน่นเหมือนที่พวกเค้าได้ยินที่หอประชุม
“ชั้นหวังว่าทุกคนคงรู้จักกันหมดแล้วถึงไม่รู้จักก็คงต้องไปทำความรู้จักกันทีหลังเพราะชั้นขี้เกียจให้พวกเธอมาแนะนำตัวกันตอนนี้ เอาล่ะ ชั้นศาสตรจารย์สเตราค์ เฮเคอร์ที่8 จะเป็นที่ปรึกษาของพวกเธอ ชั้นสอนพวกเธอในวิชาศาสตร์แห่งนักรบ เนื้อหาไว้ค่อยไปคุยกันในคาบเรียน เอาล่ะ ไปเรียนวิชาต่อไปได้”
“ศาสตราจารย์ สเตราค์ เฮเคอร์ที่8หรอ อืม สเตราค์ เฮเคอร์”
“มีอะไรหรอ เอิร์น” โทนี่ถามเมื่อเห็นเอิร์นทำท่าเหมือนนึกอะไรอยู่แล้วท่องชื่อของศาสตราจารย์เฮเคอร์ไปมา
“เฮเคอร์ อ๋อ นึกออกแล้ว”
“อะไรของเธอเนี่ยเอิร์น ร้องซะตกอกตกใจ”
“เฮเคอร์ตระกูลไฟเตอร์บริสุทธ์ชื่อดังน่ะสิ”
“อะไรกัน ไฟเตอร์บริสุทธ์”
“ก็คือว่า ไฟเตอร์ที่เป็นไฟเตอร์ ที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างเรามาก่อนไง”
“เหมือนจะเข้าใจ แต่ช่างมันเหอะ” โทนี่งงกับสิ่งที่เอิร์นอธิบายแต่ก็อย่างที่เค้าว่า ช่างมันเถอะ
“สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน ชั้นศาสตรจารย์เฟลิเชอร์ โกบี้ สอนวิชาประวัติศาสตร์ไฟเตอร์นะคะ” ศาสตราจารย์สาวสวยผมยาวสีม่วงอมแดง ใส่แว่นตารูปร่างพิลึกกึกกือ เดินอาดๆมายืนหน้าห้อง ทุกคนเปิดหน้าแรก วันนี้เราจะเรียนกันเรื่องสายเลือดนะจ๊ะ เรื่องนี้ค่อนข้างเข้าใจยากเล็กน้อย ถ้าเธอไม่ตั้งใจที่จะฟัง”
ทุกคนตั้งใจฟังและจดบันทึกย่อตามที่อาจารย์พูดแต่ก็คงมีโทนี่นี่แหละที่หลับตั้งแต่คาบแรก
“สายเลือดเป็นเหมือนเครื่องบ่งบอกว่าใครเป็นไฟเตอร์อย่างเช่นถ้าเกิดว่าพ่อแม่ของเราเกิด
จากคุณปู่คุณตาคุณย่าคุณยายที่เป็นไฟเตอร์ทั้งหมด เราก็จะเป็นไฟเตอร์บริสุทธ์ แต่ถ้าคุณพ่อเป็นไฟเตอร์บริสุทธ์แต่คุณแม่เป็นมนุษย์ธรรมดา เราก็จะเป็นลูกครึ่ง แต่ถ้าคุณพ่อก็เป็นมนุษย์แต่มาฝึกเป็นไฟเตอร์แต่คุณแม่เป็นมนุษย์ธรรมดา เราก็จะเป็นไฟเตอร์ที่เราเรียกกันว่าพันทาง ส่วน.......”
ศาสตราจารย์ก็ยังคงอธิบายเกี่ยวกับการจัดสรรสายเลือดของไฟเตอร์ต่อไปโดยที่นักเรียนในห้องหลายๆคนเริ่มฟุบหน้าลงกับโต๊ะทีละคนสองคน เหลือแต่คนที่ยังตั้งใจเรียนไม่กี่คนเช่น เอิร์น เกลิกด์ เมเทิล สาวน้อยหน้าตาเฉิ่ม ๆ โอลิเวอร์ ชายหนุ่มร่างยักษ์ และอีกหลายๆคน รวมทั้งเรนอนทีหลบไปนั่งคนละมุมกับพวกเพื่อนๆของเธอแต่เธอไม่ได้ตั้งใจเรียนเลยซักนิด เธอยังคงคิดเรื่องที่
เกลิกด์พูดเมื่อเช้าและหมุนปากกาเล่น
กริ๊งก่องกั๊งก่ง.......ก่งกั๊งก่องกริ๊ง.........
กริ่งหมดคาบนอกจะบอกว่าได้เวลาหมดคาบเรียนแล้วยังปลุกคนที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้นบิดขีเกียจและได้ผลดีมากกว่านาฬิกาปลุกที่หลายๆคนใช้ปลุกตอนตื่นนอนที่บ้าน และดึงใจของคนที่นั่งเหม่อลอยนัยต์ตาสีน้ำตาลกลับได้สติคืนมาด้วย
“ทุกคนจ๊ะไปเรียนวิชาต่อไปได้จ้ะ”
“คาบต่อไปเรียนอะไรอ่ะเอิร์นพร้อมทั้งบิดขี้เกียจไปด้วย”
“วิชาศาสตร์แห่งอาวุธ”เอิร์นตอบแล้วพลางหันไปหาเรนอน
“เรน รอด้วยสิ ชั้นไปด้วย”
เรนอนกำลังเดินออกจาห้องไปคนเดียวโดยไม่รอใครเลย
“นี่ๆทำไมเธอไม่มานั่งกับเราล่ะ” เอิร์นถาม ไม่มีคำตอบกลับจากนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ดูไร้ความรู้สึกนั่นเลย
“เธอยังไม่หายโกรธพวกเราอีกหรอ” เงียบคือคำตอบเช่นเคย
“ลองไปคุยกับพ่อแม่เธอดูสิแล้วะรู้” เกลิกด์เอ่ยอย่างไร้ความรู้สึกยิ่งกว่าคนที่บัดนี้น้ำใสๆเริ่มเอ่อล้นจากดวงตาแวววาว แล้วเดินจากไป “เราต้องไปเรียนที่ไหนหรอเอริน” คนไร้ใจถามต่อ
“เรียนที่ห้องลองคมเลขที่สี่สามสาม”
“แล้วเราจะไปเจอกันที่นั่นนะชั้นไปก่อนล่ะ เรนอน”
แล้วคนไร้ใจก็เดินจากไป คำพูดนั้นเรียกให้คนที่บัดนี้เก็บน้ำตาได้หมดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความโกรธเคือง
ณ คาบเรียนวิชาศาสตร์แห่งอาวุธ อาจารย์ชรามากแล้วหัวล้านแต่ไว้เครายาวมากถักเป็นเปียสองข้างผูกริบบิ้นน่ารักอีกต่างหาก เดินหลังค่อมเข้ามาในห้องเรียน
“เอ้า สวัสดีว่าที่ไฟเตอร์ทุกๆคน” อาจารย์ผู้สูงไวเอ่ยเนือบๆช้าๆ เรียกเสียงขบขันได้จากนักเรียนสายเวทย์ทุกคน
“ศาสตราจารย์ เมเทอริกด์ ด๊อจเจอร์ วู๊ดดี้ หรือพวกเธอจะเรียกชั้นว่า ศาสตราจารย์ด๊อจเจอร์ ก็ได้ ไม่ว่ากัน” เสียวศาสตราจารย์ด๊อจเจอร์ก็ยังคง เนือบ ๆ ช้าๆ เหมือนเมื่อครู่ แต่คราวนี้ไม่ได้เรียกเสียงหัวเราะเหมือนเมื่อครู่แต่ทุกคนหันมาตังใจฟังในส่งที่ศาสตราจารย์จะพูดต่อไปแทน
“ในคาบนี้เป็นคาบแรกที่เธอจะได้รู้จักกับอาวุธของพวกเธอเองและอาวุธทั่วไปเอาล่ะ เริ่มจากใครดี” ศาสตราจารย์ด๊อจเจอร์เริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง และสะดุดกึกเล็กน้อยที่แขนของเรนอนพร้อมกับอมยิ้มและเลยผ่านไปอมยิ้มให้กับเกลิกด์และเลยผ่านไปอมยิ้มให้กับคทาของโทนี่แล้วก็ผ่านไปอีกและก็อมยิ้มสุดท้ายก็จบลงที่เอิร์น
“ชั้นว่าตาแก่นี่โรคจิตแน่เลยอ่ะ” โทนี่เอ่ยอย่างระแวงปนขยะแขยง
“ก็ไม่รู้สิ” คำตอบเรียบง่ายของเอิร์นมันช่างเป็นคำตอบที่กวนประสาทโทนี่เหลือเกิน
“เออ ไม่ถึงทีชั้นบ้างแล้วไป”
“เอาล่ะ ว่าที่ไฟเตอร์ทุกๆคน ใครมีอาวุธประจำกายจงลุกขึ้นพร้อมกับอาวุธของเธอ” ศาสตราจารย์ด๊อจเจอร์สั่ง คนที่มีอาวุธทำตาม เริ่มจากเรนอน โทนี่ และอีกหลายๆคนที่มี
“พวกเธอรู้จักรึยังว่ามันคืออะไร” เสียงเค้าถามแต่ไม่มีเสียงตอบจากใครเลย
“เอาล่ะชั้นจะบอกให้เธอรู้จักกับอาวุธของเพื่อนๆของเธอแต่ละคนตรงนี้เริ่มจาก เออ.....” ศาสตราจารย์เริ่มมองรอบๆห้องอีกครั้งและ “ซาวานี่ โคเคน เธอแล้วกัน ไม้กายสิทธิ์ของเธอน่ะ รู้มั้ยว่ามันเอาไว้ทำอะไรได้บ้าง ไม่กายสิทธิ์เป็นสิ่งที่ใครก็สามารถหาซื้อได้ที่ถนนไฟต์โรดซึ่งเป็นแหล่งรวมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับไฟเตอร์ไม่ว่าจะเป็นตำรา อาวุธและอื่นๆ ไม้กายสิทธิ์ถือเป็นอาวุธพื้นฐานชิ้นหนึ่งที่ทุกคนควรหัดใช้มันให้เป็นแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม้กายสิทธิ์มันเลือกเจ้าของ เพราะฉะนั้นที่พวกเธอยังไม่ได้สัมผัสกับมัน ก็เพราะว่า มันยังไม่ถึงเวลา ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไง เทอมหน้า พวกเธอได้ไปเหยียบถนนไฟต์โรดแน่นอน สำหรับเธอนะซาวานี่ ชั้นว่าเธอควรลองใช่คาถาง่ายๆในหนังสือดูแต่ต้องเป็นคาถาที่ใช้สำหรับมีไม้กายสิทธิ์นะ มิฉะนั้นข้าวของเธออาจพังกระจายเพราะการลองมนต์ใหม่ๆของเธอ”
หลังจากพูดอธิบายยืดยาวเกี่ยวกับไม้กายสิทธิ์เสร็จแล้วศาสตราจารย์ด๊อจเจอร์ก็เริ่มมองหาคนใหม่พร้อมกับอาวุธใหม่
“ไนท์ คริวเวลล์ เธอนั่นแหละ เธอรู้มั้ยว่าพลองของเธอใช้ทำอะไรได้ พลองของเธอน่ะ เค้าเรียกว่า พาราไดท์ ที่แปลว่า แดนสวรรค์น่ะแหละ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมเค้าถึงเรียกกันว่าแบบนั้น แต่เคยมีตำนานเล่ามาว่าไฟเตอร์ผู้หนึ่งเคยใช้พลองปราบเหล่าชั่วร้ายทั้งหลายบนเกาะแห่งหนึ่งทำให้เกาะแห่งนั้นกลับมาสวยสดงดงามอีกครั้ง ผู้คนบนเกาะเหล่านั้นก็เลยพากันเรียกไฟเตอร์ผู้นั้นว่าผู้ประทานจากฟ้าและเรียกอาวุธของไฟเตอร์ผู้นั้นว่า พาราไดท์ ชั้นว่าเธอน่าจะลองหัดใช้มันให้ชินมือนะเพราะว่าเมื่อเราเริ่มหัดใช้อาวุธกันมันจะได้ไปได้รวดเร็ว”
กริ๊งก่องกั๊งก่ง.......ก่งกั๊งก่องกริ๊ง.........
“หมดเวลาซะแล้ว เอาล่ะ ไว้คาบหน้าเราจะมาเรียนรู้อาวุธของเพื่อนๆเธอผู้อื่นต่อไป ไปได้"
แล้วทุกคนก็ลุกออกจากห้องลองคมไปห้องเรียนวิชาต่อไป
“ต่อไปเรียนภาษาอังกฤษนะโทนี่ เธอเอาหนังสือมารึเปล่า” เอิร์นถามพลางหาหนังสือในกระเป๋าของเธอ
“เอามาคร้าบ....”
ระหว่างที่เดินไปเรียนยังวิชาต่อไปอยู่ดีๆโรงเรียนก็เริ่มหมุนวนไปเรื่อยๆจากเอื่อยๆไปแรงขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้นและ วูบ................
ทุกคนหายไปเหลือแต่เรนอนในที่ที่มืดแปดด้าน
“มันเกิดอะไรกับชั้นอีกเนี่ย” เธอนึกในใจ
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด”
“ฮัลโหล........... มีใครอยู่มั้ยคะ......................”เสียงตะโกนของเธอเผื่อจะมีใครตอบกลับมาและเธอหวังว่าเสียงที่ตอบกลับมาจะไม่ใช่ผี และผลที่ส่งตอบมาคือ
“ยินดีต้อนรับ องค์ราชินี กระหม่อม” เสียงดังมาจากด้านหลังที่มืดสนิทพร้อมกับแสงไฟเล็กๆและชายชุดดำฮูทปิดหน้ามิดชิด “หม่อมชั้นจะพาองค์ราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปยังเรื่องราวความเป็นมาในอดีตของพระองค์ กระหม่อม”
“อดีตของชั้น นี่นายเป็นใคร ชั้นไม่ใช่ราชินีที่ไหนนะ ชั้นมันก็แค่เด็กม.ปลายเท่านั้นเอง”
“แล้วพระองค์จะทราบพระทัย จงเตรียมพระองค์ให้พร้อมกับ ก้าวแรกของความจริง”
ความคิดเห็น