คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไฟต์ที่ 2 การคัดเลือก
ไฟต์ที่ 2 การคัดเลือก
ในเช้าวันที่อากาศแจ่มใสมีเสียงนกร้องขับขานแข่งกัน เจื้อยแจ้ว สายลมอ่อนๆ บวกกับแดดอุ่นๆยามเช้า ช่างเป็นวันที่สดชื่นสดใสเหรอเกิน แต่คงมีเธออยู่เพียงผู้เดียวที่ไม่คิดอยากจะให้วันนี้มาถึง
“เรน!!! อรุณสวัสดิ์” เอิร์นทักทายตามปกติ
“อรุณสวัสดิ์”
“เป็นอะไรหรอ วันนี้วันจบการศึกษานะ เดี๋ยวเปิดเทอมหน้าพวกเราก็จะเป็นนักเรียนไฮ-สคูลแล้วนะ”
“มันคงเป็นวันจบการศึกษาที่ชั้นจะฝังใจไว้อีกนานเลย”
“แน่นอนล่ะเรน ภาพของเพื่อนๆทุกคนรับใบรับรองการศึกษาและจะได้รู้ด้วยว่า...”
“ใครจะได้เรียนสายเวทย์บ้าง” โทนี่เสริมมากจากด้านหลัง “รอชั้นด้วยนะสาวๆ” และแล้วก็วิ่งหน้าตาตื่นตามมา
“แหม...รู้สึกว่าจะตื่นเต้นกันจัง” เรนอน
“ทำไมล่ะเรนอน การคัดเลือกนักเรียนที่เรียนสายเวทย์นั้นไม่ดีตรงไหน” เสียงอันสุขุมเยียบเย็นโผล่มาที่โซนประสาทของเธออีกแล้ว เสียงแบบนี้ไม่ใช่ใครเพราะการที่จะมายืนข้างหลังพวกเธอโดยไม่มีใครรู้ตัวนั้น ก็คงมีแต่เกลิกด์คนเดียวเท่านั้น
“ชั้นไม่ชอบไฟเตอร์” นั่นเป็นคำตอบเดียวที่เรนอนมีให้กับเกลิกด์
“แล้วเธอจะรู้เพราะชะตากำหนด”
“เอาอีกและ ชั้นเกลียดคำนี้จัง”
“ทำไม”
“นี่เกลิกด์ นายรู้มั้ยว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมาชั้นต้องทนข์ทุกทรมานแค่ไหน”
“ไม่”
“ก็เพราะว่าชั้น....” เรนอนเกือบหลุดปากเรื่องการตายของคุณป้าข้างบ้านของเธอเสียแล้ว
“เพราะอะไร”
“ป่าว ชั้นแค่ไม่พอใจเวลาที่พ่อกับแม่ของชั้นคะยั้นคะยอให้ชั้นเรียนสายเวทย์น่ะ”
“อืม”
“แต่เมื่อกี๊นายพูดว่า ชะตะกำหนดหรอ”
“ป่าว เธอหูฝาด”
“จะบ้าหรอ ชั้นไม่ฝาดแน่ๆนายเอาคำนี้มาจากไหน”
ไม่มีคำตอบใดๆจากหนุ่มหล่อมีเพียงความเงียบและเสียงของสาวน้อยที่เซ้าซี้ตลอดทางว่าเค้าไปเอาคำพูดนั้นมาจากไหนจนดูเหมือนคนรักเล่นกันซึ่งเป็นที่อิจฉาตาร้อนผ่าวสำหรับสาวๆแฟนคลับของเกลิกด์
“นี่เธอ ดูยัยเรนอนสิ ทำเป็นเดินควงกับเกลิกด์ของพวกเราจัดการเลยดีมั้ย”
“เอาเลยสิ มันข้ามหน้าข้ามตาเกินไปแล้ว”
เสียงของสาวผมทองยาว กับ สาวเปรี้ยวพร้อมเครื่องประดับเต็มตัวแต่ก็มีอะไรมาขัดจังหวะทำให้หล่อนสองคนไม่ได้ลงมือกับเรนอนเข้าจนได้
“เอาล่ะนักเรียนทุกคนมารวมกันที่หอประชุมได้” เสียงอาจารย์เออท่า ผู้อำนวยการของโรงเรียนไซแมท
เมื่อนักเรียนทุกคนมาพร้อมกันที่หอประชุมผู้อำนวยการก็ขึ้นมากล่าวให้โอวาททันที
“นักเรียนทุกคนจบม.ต้นแล้วก็เรียนม.ปลายต่อนะตั้งใจเรียน ปิดเทอมนี้ขอให้มีความสุข”
แล้วอาจารย์ใหญ่ก็เดินลงเวทีไปการปัจฉิมนิเทศได้จบลง ต่อไปอาจารย์เพนนี อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนได้ขึ้นมากล่าวบ้าง
“นักเรียนทุกคน ต่อไปจะเป็นการคัดเลือกนักเรียนโดยอาจารย์สเตราค์ อาจารย์จากสมาพันธ์ไฟเตอร์”
หลังจากที่อาจารย์เพนนีกล่าวจบก็มีชายหนุ่มหน้าตาประหลาดจมูกโตผมดำขลับเดินขึ้นมาบนเวที
“ทุกคนฟัง ให้ทุกคนเขียนชื่อของตัวเองลงในกระดาษแล้วนำมาใส่ไว้ในกล่องใบนี้” และแล้วกล่องใบใหญ่เก่าและโบราณมากก็โผล่มาจากไหนไม่รู้หล่นลงมาที่กลางเวทีดังสนั่น และนักเรียนทุกคนเริ่มทยอยใส่ชื่อของตนเองลงไปในกล่องโบราณนั่น
“นั่นมันกล่องอะไรน่ะ”
เรนอนหันไปถามเพื่อนของเธอทั้งสาม
“กล่องกลั่นกรอง”
เกลิกด์เป็นคนเฉลยคำถามคาใจของเพื่อน
“กล่องกลั่นกรอง คืออะไรหรอคะ” เอิร์น
“กล่องกลั่นกรองเคยใช้ในการเลื่อนขั้น เลื่อนยศ หรือคัดเลือกสิ่งต่างๆหรือผู้คนเพื่อทำในวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง อย่างเช่นคราวนี้กล่องกลั่นกรองจะทำหน้าที่คัดนักเรียนว่าใครจะเรียนสายเวทย์” โทนี่เสริมอย่างอวดรู้และแบ่งเล็กน้อย
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนพร้อมกล่องกลั่นกรองจะทำการเลือกนักเรียนว่าใครจะได้เรียนสายเวทย์” อาจารย์สเตราค์พูดโดยไม่ใช้เครื่องขยายเสียงแต่ดังไปทั่วทั้งหอประชุม และแล้วต่อมาไม่นานกล่องกลั่นกรองเริ่มสั่น สั่น สั่น สั่น สั่นพับพับพับ เหมือนตัวอะไรดิ้นอยู่ข้างในและเปิดออกในที่สุด เมื่อฝากล่องเปิดออกมา ละอองดาวสีต่างๆก็พวยพุ่งแข่งกันจนทั่วทั้งหอประชุม
“คนแรก แมททริว กาเดน” หลังจากเสียงประกาศขาดลงละอองดาวสีเขียวก็พุ่งตรงไปยังหนุ่มน้อยตัวจิ๋วนามว่าแมททริว กาเดน และรอยสักรูปนกฮุกราตรีกำลังโจนทะยานก็ปรากฏที่หลังมือขวาของหนุ่มน้อยทันที
“ต่อไป ซาวานนี่ โคเคน”เหตุการณ์เช่นเดียวกับแมททริวเกิดขึ้นแต่แทนที่ละอองดาวจะเป็นสีเขียวกลับเป็นสีแดงแทน และแทนที่จะเป็นรอยสักปรากฏกลับกลายเป็นไม้กายาสิทธ์แทน
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับหลายๆคนในหอประชุมแสงละอองดาวสีต่างๆพุ่งเข้าหาอนาคตไฟเตอร์ทั้งหลายสัญลักษณ์ รอยสัก และอื่นๆที่กลายเป็นของประจำตัวของแต่ละคนก็ปรากฏแตกต่างกันไปจนถึง
“เรนอน เดอลาปัว” เจ้าตัวถึงกับตะลึงตาค้างเมื่อชื่อของตัวเองประกาศดังทั่วทั้งหอประชุม ละอองดาวสีน้ำเงินกำลังพุ่งเข้าหาเธอและ “อ๊าย..............................ไม่...ไม่...ไม่....ม่าย............อ๊าย............” เธอกรีดร้องดั่งกับพญามัจจุราชกำลังคร่าชีวิตเธอ แสงสว่างพลันเฉิดฉายที่ท่อนแขนขวาสว่างขึ้น สว่างขึ้น และค่อยดับลงพรอมกับเสียงกรีดร้องของเธอที่สงบลงและหมดสติ หลงเหลือไว้เพียงโกลฟฟิล์ว ปลอกแขนเงินลายมังกรมีแผงยื่นเป็นรูปสามเหลี่ยมจรดโคนนิ้วกลางพรอมกับมีลูกแก้วมายาสีน้ำเงินเปล่งประกาย
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในหอประชุมเกิดอาการตกตะลึงงึงงันโดยเฉพาะเพื่อนๆของเธอ แต่อาจารย์หน้าตาประหลาดนั่นไม่สนใจอะไรและดำเนินการคัดเลือกต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไอ้ไฟเตอร์นั่นมันทำบ้าอะไรกัยเรนเนี่ย เรน เรน” โทนี่พยายามปลุกเรนอนแต่ไม่ว่ายังไงเรนอนก็ไม่ตื่น
“โทนี่ กาเบียล”เสียงที่ทำให้เจ้าตัวคนพูดหยุดะงักและโดนแสงละอองดาวสีขาวพุ่งใส่เต็มแรงจนแทบกระเด็นไปอีกฟากของอัฒจรรย์ในหอประชุมถ้าเกลิกด์ไม่ดึงไว้ พร้อมกับยื่นคทาให้ “อะนี่ ของนาย”
“เอริน แมคคาเธอร์” เมื่อชื่อนี้ดังชึ้นเอิร์นกลับอ้าแขนรับละอองดาวสีชมพูอย่างเต็มใจแทนที่จะหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรนอนเหมือนที่โทนี่เป็น
“และสุดท้าย.....เกลิกด์ ฮิลตัน”ละอองดาวสีทองก็ลอยเข้ามาที่ตัวของเกลิกด์อย่างอ่อนโยนและนอบน้อมเป็นที่สุดต่างกับเพื่อนคนอื่นๆ
“เอาล่ะนักเรียนสายเวทย์ทุกคนจงฟัง”อาจารย์สเตราค์พูดด้วยความเข้มแข็งสมชาย
“ณ บัดนี้ ทุกคนจะได้รับการฝึกฝนเพื่อที่จะเป็นไฟเตอร์ในอนาคตดังนั้นจงเตรียมใจรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเธอทุกคนหลังจากนี้ บัดนี้ พวกเธอทุกคน คือไฟเตอร์แล้ว”
เสียงฮือฮาดังลั่นหอประชุมมีทั้งการเสียใจของคนที่อยากเรียนสายเวทย์แล้วไม่ได้เรียนกับคนที่ไม่อยากเรียนแต่กลับได้เรียนพร้อมกับการทยอยออกจากหอประชุม
“เรน เรน”เอิร์นเขย่าตัวเรนอนที่ยังสลบอยู่เผื่อเธอจะตื่นขึ้นมา
“นี่...ชั้นอยู่ที่ไหรอ่ะ”
“ที่บ้านของเธอ เกลิกด์พาเธอมาส่งน่ะ”
“แล้วคนอื่นๆล่ะ”
“ถ้าหมายถึงโทนี่ล่ะก็ดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกน่ะ”
“อืม อูย....มึนหัวจัง”
“ก็เรนน่ะสิ ต่อต้านเวทย์มนต์ขนาดหนักเลยรึไงนะ ถึงได้อาละวาดซะขนาดนั้น”
“อาละวาด...ชั้นเนี่ยนะ”
“ก็ใช่น่ะสิ อาจเป็นเพราะเธอไม่ยอมที่จะรับเวทย์มนต์พอพลังเวทย์ที่อยู่ในตัวเธอตื่นขึ้นบวกกับถูกส่งเข้าไปใหม่มันตีกันก็เลย...”
“เธอหมายความว่าไงเอิร์น พลังอะไรในตัวชั้น”
“ก็......”
ไม่ทันที่เอิร์นจะได้เอ่ยปากเล่าต่อโทนี่และเกลิกด์ก็เข้ามา
“ตื่นแล้วหรอเรนปล่อยให้เป็นห่วงแทบแย่”
“อืม ขอบใจนะโทนี่”
“เอาล่ะชั้นว่าถ้าเธอสงสัยอะไรนะเรนเธอถามเกลิกด์จะดีกว่าชั้นนะไปกันเหอะโทนี่”
“ขอรับครับผม คุณหนูเอริน ผู้น่ารัก”
“เดี๋ยวจะโดนดีโทนี่ เรียกเอิร์นก็ดีอยู่แล้ว”
“มีอะไรสงสัยหรอเรนอน” เสียงชายผู้ลึกลับเยือกเย็นเอ่ยถามสาวน้อย
“ไม่มี” สาวน้อยตอบโดยที่ไม่มองหน้าคนถามเลยซักนิดทำให้ชายผู้เยือกเย็นชักเริ่ม
กรุ่นด้วยอาการหมั่นไส้แม่ตัวดีปากเก่งคนนี้
“สงสัยใช่มั้ยว่าทำเธอถึงได้เรียนสายเวทย์”
ไม่มีคำตอบจากสาวน้อยมีแต่เพียงสายตาบ่งบอกว่า “รู้แล้วจะถามทำไม”
“ก็เพราะเธอเป็นไฟเตอร์ตั้งแต่ต้นแล้วน่ะสิ”
คำตอบนี้ทำให้สาวน้อยตาค้อนขวับ
“โกหก”
“ไม่”
“โกหก”
คราวนี้สายตาอันเย็นชาส่งมาแทนคำตอบบ่งบอกว่ามันคือความจริง
“นายรู้ได้ไง”
“ไฟเตอร์ย่อมรู้”
“นายอย่าบอกนะว่านายเป็น....”
“เธอรู้มั้ยว่าชั้นนามสกุลอะไร”
“ม่ายรู้”
หนุ่มหล่อทำหน้าอ่อนใจกับหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงเบื้องหน้า
“ฮิลตัน”
“แล้วเกี่ยงอะไรกับเรื่องไฟเตอร์”
“โจนาธาน ฮิลตัน ประธานคณะกรรมการอาวุโส สมาพันธ์ไฟเตอร์ เค้าคือคุณปู่ของชั้น”
“อืมหรอ แล้วไงอีก”
ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยและเปลี่ยนจากที่นั่งข้างเตียงไปนั่งบนเตียงก่อนนะอธิบายต่อ
“จอนฮาร์ท ฮิลตัน พ่อชั้นเป็นเจ้าของบริษัทเฟเดิร์น ที่ทำทุกอย่างเกี่ยวกับไฟเตอร์”
“อืม แล้วไงอีก”
คาวนี้ชายหนุ่มเริ่มหมดความอดทนแล้วหันไปมองหน้าสาวน้อยตรงหน้าแล้วเขยิบใกล้เข้าไปเรื่อยๆจนประชิด และดวงหน้าทั้งสองใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป
“โอเค”
เสียงของสาวน้อยตัวยุ่งเอ่ยพร้อมกับดันชายหนุ่มตรงหน้าที่บัดนี้กันมาทำหน้าตาเย็นชาเหมือนเดิม
“นายจะบอกว่านายเป็นไฟเตอร์งั้นสิ”
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ดี ต่อไปนี้เธอก็เป็นหนึ่งในไฟเตอร์แล้วเหมือนกันนะเรนอน”
“อืม ชั้นรู้”
“จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งที่เธอจะต้องเผชิญหน้าต่อไปนี้เรนอน เดอลาปัว”
“นี่ๆ นายพูดเหมือนชันจะต้องทำอะไรซักอย่างที่ยิ่งใหญ่มากอย่างงั้นน่ะ”
แต่กลับไม่มีคำตอบใดๆจากชายผู้สง่างาม
“รักษาตัวดีๆล่ะอีกสองเดือนเปิดเทอมชั้นคงจะเจอคนที่เหมาะจะเป็นไฟเตอร์มากกว่านี้นะเรนอน”
เมื่อกล่าวจบชายหนุ่มก็จากไปโดยไม่เห็นมามองสาวน้อยอีกเลยแต่พลันในใจของชายหนุ่มนั้นมีใครจะรู้บ้างว่าเค้าเป็นห่วงหญิงสาวผู้นี้มากเท่าใด “เรนอน ชั้นจะปกป้องเธอเองแม้ว่าพวกปีศาจ
บาตรอสจะยกขโยงกกันมาเป็นกองทัพมากน้อยแค่ไหน ชั้นจะปกป้องเธอแม้ชีวิตจะสูญสลายราชินี”
ความคิดเห็น