ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฟเวน & บราตอส ศึกชิงดินแดนเดือด

    ลำดับตอนที่ #15 : ไฟต์ที่ 15 ไฟต์โรด (ห้องลับและคำทำนาย)

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 49


    ไฟต์ที่ 15 ไฟต์โรด (ห้องลับและคำทำนาย)

                    เพนเซอร์หายเข้าไปหลังกำแพงโดยที่ไม่มีใครเห็น ภายหลังนั่นเป็นห้องที่มืดสนิท ไม่สามารถบอกได้เลยว่า ขอบเขตของห้องนี้อยู่ตรงไหน มีเพียงเสียงสว่างจากเทียนไขเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนเชิงเทียนอันสวยงาม

                    เพนเซอร์นั่งชันเข่าต่อหน้าเชิงเทียนนั้นด้วยท่าทางเคารพใครซักคน เขาเงยหนาขึ้นมองเหนือเชิงเทียนเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น

                    ข้าแต่ท่านจ้าว เจ้าหญิงแห่งบราตอสได้รับไม้กายสิทธิ์ของท่านจ้าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านจ้าวโปรดวางใจได้

                    ทันทีที่เพนเซอร์พูดจบกลุ่มควันได้ปรากฏขึ้นเหนือเชิงเทียนจากไหนไม่มีใครทราบแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย  เพนเซอร์มีท่าทางยิ้มย่องอย่างภูมิใจและแอบแฝงไปด้วยเลศนัยน์อันชั่วร้าย แล้วเดินออกไปจากก้องลับนั้นหลังเทียนไขเล่มน้อยดับลง

                    เพนเซอร์ออกมาจากหลังกำแพงโดยเงียบเชียบ เค้าเดินเข้าไปในห้องนอนของเค้า ผ่านประตูที่เปิดอ้าไว้โดยห้อยระย้าด้วยม่านลูกปัดสีฟ้าน้ำทะเลสดใส เตียงไม้พร้อมที่นอนหมอนที่งดงาม ตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้มะฮอกกานีลายสวยสด และลิ้นชักสีชมพูหวานแหววข้างเตียง เค้าเดินตรงเข้าไปที่ลิ้นชักนั่น ดึงล้นชักชั้นหนึ่งออกมา มีหยดน้ำสีเหลืองใสลอยขึ้นมาจากลิ้นชักนั้น เพนเซอร์ที่ไม้กยสิทธิ์ไปที่หยดน้ำนั้นและพูดว่า ไดเรกชั่น เรนอน เดอลาปัว หยดน้ำนั้นกสลายหายตัวไปกับอากาศอย่างรวดเร็ว

     

                    ทางด้านเรนอนพวกเค้าทั้งสี่คนโดยเฉพาะสาวๆยังคงเดินช้อปปิ้งกันอย่างสบายอารมณ์พร้อมทั้งหนังสือเล่มใหญ่หนาปึ้กแปดเล่มที่ปล่อยให้หนุ่มๆทั้งสองแบก

                    นี่ๆ เราไปที่ศูนย์เทเลพอร์ตก่อนได้มั้ย โทนี่ตะโกนถามสาวๆทั้งสองที่เดินช้อปกันตัวปลิว

                    ได้สิ เรนอนตอบอย่างร่าเริงแล้วหันไปเดินช้อปกับเอิร์นต่อ

                    ก็ไปกันซะทีสิ โทนี่ตอบด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนสุดฝืน

                    อยู่ตรงไหนล่ะ ชั้นไม่รู้นี่ พวกนายรู้ก็เดินนำไปสิ เรนอนหันมาตอบอีกครั้ง คราวนี้มากับมือเท้าสะเอว สีหน้าเบื่อหน่าย

              เกลิกด์พนักหน้าเป็นสัญญาณว่าตามมาให้โทนี่แล้วทั้งสองคนก็เดินนำลิ่วๆไปข้างหน้าโดยทิ้งทั้งสาวๆไว้ข้างหลังอย่างไม่รีรอ ที่ศูนย์เทเลพอร์ตก็คล้ายๆกับร้านอื่นๆเพียงแต่ใหญ่กว่ามากแค่นั้นเอง ศูนย์เทเลพอร์ตมีหน้าต่างหน้าศูนย์เป็นกระจกใสทั้งร้าน ประตูเลื่อนอัตโนมัติ ชั้นล่างเป็นเคาเตอร์ใหบริการลูกค้ามีไว้สำหรับติดต่อสอบถาม มีผู้คนมากมายไม่ต่างจากถนนข้างนอก ในนี้ อนาลอยมากกว่ากองทัพที่ร้านกระดาษเปื้อนหมึกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ทั้งหมดนี้ทำหน้าที่ต่างกัน เป็นโอเปอร์เรเตอร์แต่งกายเหมือนแอร์โฮสเตจสายการบินไทย เป็นพนักงานเทเลพอร์ตแต่งกายชุดหมีสีเทาใส่หมวกแก็ปสีเทา เป็นพ่อครัวก็แต่งกายด้วยชุดกุ๊ก เป็นเด็กเสิร์ฟแต่กายด้วยชุดสูทสีขาวเสื้อกั๊กสีดำ กางเกงดำ ร้องเท้าหนังวาววับ เป็นพ่อบ้านแม่บ้านก็แต่งกายด้วยชุดเดรสกระโปรงยาวสีเขียวสำหรับแม่บ้านมีผ้ากันเปื้อนและผ้าคลุมหัวพร้อม พ่อบ้านก็เหมือนกันแต่เพียงเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียว กางเกงยาวสีดำ แต่ อนาลอย ทุกคนที่นี่ดูเคร่งเครียดยังไงพิลึก

                    เกลิกด์และโทนี่ตรงไปที่เคาเตอร์ที่หนึ่งซ้ายสุด เอาหนังสือวาง และคุยอะไรบางอย่างกับ

    อนาลอย ต้อนรับสาวสวย ปล่อยให้สาวๆเรนอนและเอิร์น รออยู่ที่มุมโต๊ะอาหาร

                    เค้าคุยอะไรกันหรอ เรนอนถามเอิร์นอย่างสงสัย ใจจดใจจ่อ

                    ก็ติดต่อส่งของไง

                    ทำกันยังไงอ่ะ

                    ก็เข้าไปบอกเค้าว่าเราจะส่งของพวกนี้ไปไหน เมื่อไหร่ แล้วก็รับบัตรมา เดินขึ้นไปชั้นสอง นั่นไงๆ เดินขึ้นไปกันแล้ว เอิร์นชี้ให้เรนอนดูเกลิกด์และโทนี่ที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นสอง

                    แล้วขึ้นไปทำไมหรอ ไม่เห็นเค้าถือหนังสือขึ้นไปกันเลยนี่นา เรนอนถามงง เพราะเธองงกับขั้นตอนพวกนี้เสียเหลือเกิน

                    หนังสือของพวกเราน่ะ โอเปอร์เรเตอร์เค้าเทเลขึ้นไปบนชั้นสอง แล้วก็ให้เราเอาบัตรที่เค้าให้น่ะขึ้นไปยื่นที่ตู้เทเลพอร์ตข้างบน เค้าก็จะนำของที่อยู่ในรายการบนบัตรมาเทเลพอร์ตให้ตามสถานที่ที่อยู่บนบัตรไง เอิร์นอธิบายอย่างกลั้วหัวเราะเพราะคนถามตั้งใจฟังและมองคนอธิบายอย่างเธอตาแป๋ว

                    งืมๆๆ เรนอนไม่ตอบอะไรมากเพราะปากยังคงคาอยู่ที่แก้วน้ำส้ม คามองที่เอิร์นและพยักหน้าหงึกๆ

                    นั่นไงมานู่นแล้วหนุ่มๆ เลิกกินได้แล้วเรน เอิร์นชี้ไปที่เกลิกด์และโทนี่ที่เดินมาข้างหลังเรนอน เรนอนแทบสำลักและเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

                    ไปกันรึยัง เรนอนรีบถามขึ้น

                    นี่เธอจะไม่ให้ชั้นพักเลยรึไง โทนี่เอ่ยขึ้นหอบๆ     ชั้นไม่ใช่เกลิกด์นะ จะได้บึ้ก อึด แล้วก็ถึกน่ะ

                    นี่ นายว่าใครถึกโทนี่ เกลิกด์ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนเกินกว่าจะเป็นเสียงขู่

                    ก็นายอ่ะดิ เดินมาตั้งนานหนังสือแต่ละเล่มหนักเป็นกิโล ไม่บ่นซักคำ โทนี่บ่นต่อไป แต่ไม่มีเสียงตอบโต้จากคนถูกกล่าวหาแต่กลับได้ยินเสียงดังอั๊กมาจากตรงข้ามเค้า

                    นี่นาย น้ำส้มชั้นนะ เรนอนโวยวายและกระหน่ำตีเกลิกด์หลายที แต่เกลิกด์กลับไม่พูดอะไรและดื่มน้ำส้มแก้วนั้นต่อไปจน....ซู้ด................หมดแก้ว

                    เกลิกด์!!!” เรนอนยังคงกระหน่ำพายุหมัดใส่เกลิกดิ์อย่างเอาเป็นเอาตายแต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะทั้งสองคน

     

                    เอิร์นว่ามั้ย คู่นั้นท่าจะอาการหนักโทนี่เอนหัวมาพิงไหล่เอิร์นและถามอย่างติดอารมณ์ขัน

                    ไม่หรอกน่ารักดี แต่.......

                    เพี๊ยะ........................................

                    ใครใช้ให้นายมาพิงไหล่ชั้น เอิร์นได้บรรจงประทับรอยฝ่ามือลงบนแก้มของโทนี่

                    ฮือๆๆ คุณหนูใจร้าย โทนี่นั่งน้ำตาคลอเอาถูแก้มอยู่ข้างๆเอิร์น

     

    ระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ศูนย์เทเลพอร์ตอยู่ดีๆ เรนอนก็....

                    เรน เรน เรนเป็นอะไร เรนอนตัวแข็งทื่อและไม่พูดไม่จา ตาค้างและปากอ้าเหมือนคนตกใจสุดขีด และ....

                    ไม่เป็นไร หายเป็นปกติ

                    เป็นอะไรรึเปล่า เกลิกด์ถามเรนอนอย่างเป็นห่วงมากแต่น้ำเสียงยังคงราบเรียบอยู่ดี เมื่อกี๊อยู่ดีๆก็นิ่งไป ตกใจหมด ถามก็ไม่ตอบ

                    เปล่า เรนอนตอบอีกครั้ง ไม่มีอะไร ไม่เป็นไรจริงๆ

                    แน่ใจนะเรน เอิร์นถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

                    มีอะไรรีบบอกกันนะ โทนี่รีบเสริม

                    อืม ไม่เป็นไรแล้ว ไปซื้อของกันต่อเถอะ เรนอนตอบย้ำอีกครั้งและลุกจากที่นั่ง

                   

                    ทั้งสี่คนก็เริ่มไปซื้อของที่เกี่ยวกับอาวุธของตัวเอง เรนอนซื้อไอเวทย์ที่บรรจุไว้ขวดใบกระจิ๊ดริดตามที่เกลิกด์แนะนำ

                    เกล ไอเวทย์นี่ทำอะไรได้หรอเรนอนถามเกลิกด์

                    ก็อันนี้เป็นไอเวทย์ที่มีไว้สำหรับไฟเตอร์ที่เพิ่งเริ่มฝึกใช้อาวุธน่ะ มันจะช่วยให้ควบคุมอาวุธง่ายขึ้น เกลิกด์ตอบ

                    เอิร์นเลือกที่จะกลับไปยังร้านกระดาษเปื้อนหมึกอีกครั้งเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับเวทย์ขาวอีกหลายเล่ม เมื่อได้ของทุกอย่างแล้วทั้งสี่คนเริ่มตรงไปที่ศูนย์เทเลพอร์ตอีกครั้งเพื่อที่จะเอาหนังสืออีกมากมายก่ายกองที่เอิร์นพิ่งซื้อมาใหม่ไปส่งไว้ที่บ้าน

                    เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วกี่โมงแล้วเอ่ย อิ์นถามขึ้นพลางมองดูนาฬิกาตัวเอง

                    เอิร์น เธอถามใครว่ากี่โมงแล้ว เรนอนถามเอิร์นด้วยสีหน้างงๆ

                    เปล่า ถามตัวเองน่ะ เอิร์นตอบ ห้าโมงเย็นแล้ว กลับบ้านกันเถอะ การผจญภัยวันนี้หมดลงแล้ว

                    โอเค ทุกคนตอบพร้อมกัน

                   

                    ระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังเดินทางกลับบ้านนั้นได้แวะไปลาโบวี่ที่ร้าน พอเดินออกมจากร้านของโบวี่ พวกเค้าก็ได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่หน้าร้าน หญิงชราคนนั้นผมยาวสีขาวทอประกายขมวดไว้ด้านหลัง มีผ้าคลุมผมหลากสีโพกไว้ ใส่เสื้อโทนสีเขียวเป็นพื้นมีลายกราฟิกปนเปไปหมด มีผ้าคลุมลายเข้าชุดคลุมไหล่อยู่ กางเกงเลสีเขียวขี้ม้า ใส่แว่น

                    หนู เธอเรียกพวกเค้าที่กำลังจะเดินผ่านไป ทุกคนหันหลังกลับมา

                    มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะคุณยาย เรนอนเข้าไปหาหญิงชราผู้นั้น

                    ตัวหนู เธอเอ่ยและชี้ไปที่เรนอน เงาดำตามล้าง พสุธาวิบัติ ชีวีมลายสิ้น ดินแดนลุกเป็นไฟ ทายาทจอมมารช่วยคืนอำนาจ อลมานทุกหัวระแหง ความแห้งแล้งยากไร้จะมาเยือน ทุกข์สะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อจอมมารฟื้นคืน โอ๊ย!”

              นี่คุณยายครับ ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้มาที่นี่ เด็กชายผมสั้นสีดำ แต่งตัวมอซอราวกับขอทาน เสื้อกางเกงสีมอขาดรุ่งริ่ง รองเท้าแตะขาดวิ่นจับแขนหญิงชราผู้นั้นแล้วกระชากไปสุดแรง  

                    นี่ เธอทำกับคุณยายแบบนี้ได้ยังไง ท่านชรามากแล้วนะ เรนอนโวยวายอย่างไม่พอใจสุดฤทธิ์ และตรงเข้าไปห้ามเด็กชายคนนั้น เด็กนั่นไม่สนใจและกลับขอโทษขอโพย

                    ขอโทษพี่ด้วยนะครับ ยายผมชอบพูดไปเรื่อย อย่าไปสนใจเลย ขอโทษจริงๆนะครับพอขอโทษเสร็จเด็กนั่นก็ยังคงกระชากยายต่อไป ยาย มานี่ เรนอนพยายามที่จะวิ่งเข้าไปหาเด็กผู้ชายคนนั้นอีกครั้งแต่เกลิกด์รั้งไว้

                    เรน กลับบ้าน คำพูดอันราบเรียบเฉียบคมของเกลิกด์ใช้ได้ผลกับเรนอนเสมอ เธอไม่ขัดขืนและยอมหันหลังหลับบ้านแต่โดยดี

     

    เมื่อกลับมาถึงบ้านเรนอนไม่ยอมทานข้าวหรืออะไรเลยเธอขึ้นห้องไปพร้อมกับข้ออ้างที่ว่า แม่คะ หนูเหนื่อยมากเลยวันนี้ ขอตัวนะคะ แล้วเธอก็เดินขึ้นห้องไปทันทีที่พูดจบ เกลิกด์เดินไปที่ตู้สีเงินทรงกระบอกมักระจกใสกั้นและในนั้นมีหนังสืออยู่สี่เล่มคือหนังสือของเค้ากับเรนอนนั่นเอง เกลิกด์เก็บหนังสือนั้นแล้วดินขึ้นห้องตามเรนอนไปโดยไม่เอ่ยอะไรกับใครซักคำ

     

              เรน เปิดประตูให้ชั้นที เกลิกด์เคาะประตูเมื่อถึงหน้าห้องของเรนอนพร้อมด้วยหนังสือเล่มใหญ่สี่เล่ม

                    เข้ามาสิห้องไม่ล็อค เรนอนตอบด้วยเสียงที่แฝงด้วยความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด แม้จะพยายามกลบความรู้สึกนั้นแค่ไหนก็ตาม

     

                    เกลิกด์เปิดประตูเข้าไป เค้าวางหนังสือไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินเข้าไปหาเรนอนที่นั่งเหม่ออยู่บนเตียงกับผ้านวมผืนใหญ่

                    เรน เธอยังไม่สบายใจเรื่องคุณยายคนนั้นอีกหรอ เกลิกด์ถามเรนอน เค้านั่งลงที่ปลายเตียงมองหน้าสาวน้อยผู้เป็นที่รักซึ่งกำลังเหม่อลอยอย่างไม่มีจุดหมาย เรน เรายังไม่รู้เลยนะว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร แล้วอะไรมันเป็นอะไรทำไมคุณยายคนนั้นถึงพูดแบบนั้น อย่าคิดมากน่า

                    อืม นั่นสินะ แต่ชั้น...ชั้นไม่รู้สิ มันใจไม่ดี รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง เรนนอนตอบแต่สายตายังคงเหม่อลอย

                    อะไรบางอย่างหรอ เกลิกด์ทวน

                    อืม อะไรบางอย่างที่... เรนอนเว้นวรรคไปพรรคหนึ่ง

                    ที่อะไร เกลิกด์ท้วงขึ้นเพื่อปลุกสติเรนอน

                    น่ากลัว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×