คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ไฟต์ที่ 15 ไฟต์โรด (ห้องลับและคำทำนาย)
ไฟต์ที่ 15 ไฟต์โรด (ห้องลับและคำทำนาย)
เพนเซอร์หายเข้าไปหลังกำแพงโดยที่ไม่มีใครเห็น ภายหลังนั่นเป็นห้องที่มืดสนิท ไม่สามารถบอกได้เลยว่า ขอบเขตของห้องนี้อยู่ตรงไหน มีเพียงเสียงสว่างจากเทียนไขเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนเชิงเทียนอันสวยงาม
เพนเซอร์นั่งชันเข่าต่อหน้าเชิงเทียนนั้นด้วยท่าทางเคารพใครซักคน เขาเงยหนาขึ้นมองเหนือเชิงเทียนเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น
“ข้าแต่ท่านจ้าว เจ้าหญิงแห่งบราตอสได้รับไม้กายสิทธิ์ของท่านจ้าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านจ้าวโปรดวางใจได้”
ทันทีที่เพนเซอร์พูดจบกลุ่มควันได้ปรากฏขึ้นเหนือเชิงเทียนจากไหนไม่มีใครทราบแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย เพนเซอร์มีท่าทางยิ้มย่องอย่างภูมิใจและแอบแฝงไปด้วยเลศนัยน์อันชั่วร้าย แล้วเดินออกไปจากก้องลับนั้นหลังเทียนไขเล่มน้อยดับลง
เพนเซอร์ออกมาจากหลังกำแพงโดยเงียบเชียบ เค้าเดินเข้าไปในห้องนอนของเค้า ผ่านประตูที่เปิดอ้าไว้โดยห้อยระย้าด้วยม่านลูกปัดสีฟ้าน้ำทะเลสดใส เตียงไม้พร้อมที่นอนหมอนที่งดงาม ตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้มะฮอกกานีลายสวยสด และลิ้นชักสีชมพูหวานแหววข้างเตียง เค้าเดินตรงเข้าไปที่ลิ้นชักนั่น ดึงล้นชักชั้นหนึ่งออกมา มีหยดน้ำสีเหลืองใสลอยขึ้นมาจากลิ้นชักนั้น เพนเซอร์ที่ไม้กยสิทธิ์ไปที่หยดน้ำนั้นและพูดว่า “ไดเรกชั่น เรนอน เดอลาปัว” หยดน้ำนั้นกสลายหายตัวไปกับอากาศอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเรนอนพวกเค้าทั้งสี่คนโดยเฉพาะสาวๆยังคงเดินช้อปปิ้งกันอย่างสบายอารมณ์พร้อมทั้งหนังสือเล่มใหญ่หนาปึ้กแปดเล่มที่ปล่อยให้หนุ่มๆทั้งสองแบก
“นี่ๆ เราไปที่ศูนย์เทเลพอร์ตก่อนได้มั้ย” โทนี่ตะโกนถามสาวๆทั้งสองที่เดินช้อปกันตัวปลิว
“ได้สิ” เรนอนตอบอย่างร่าเริงแล้วหันไปเดินช้อปกับเอิร์นต่อ
“ก็ไปกันซะทีสิ” โทนี่ตอบด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนสุดฝืน
“อยู่ตรงไหนล่ะ ชั้นไม่รู้นี่ พวกนายรู้ก็เดินนำไปสิ” เรนอนหันมาตอบอีกครั้ง คราวนี้มากับมือเท้าสะเอว สีหน้าเบื่อหน่าย
เกลิกด์พนักหน้าเป็นสัญญาณว่าตามมาให้โทนี่แล้วทั้งสองคนก็เดินนำลิ่วๆไปข้างหน้าโดยทิ้งทั้งสาวๆไว้ข้างหลังอย่างไม่รีรอ ที่ศูนย์เทเลพอร์ตก็คล้ายๆกับร้านอื่นๆเพียงแต่ใหญ่กว่ามากแค่นั้นเอง ศูนย์เทเลพอร์ตมีหน้าต่างหน้าศูนย์เป็นกระจกใสทั้งร้าน ประตูเลื่อนอัตโนมัติ ชั้นล่างเป็นเคาเตอร์ใหบริการลูกค้ามีไว้สำหรับติดต่อสอบถาม มีผู้คนมากมายไม่ต่างจากถนนข้างนอก ในนี้ อนาลอยมากกว่ากองทัพที่ร้านกระดาษเปื้อนหมึกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ทั้งหมดนี้ทำหน้าที่ต่างกัน เป็นโอเปอร์เรเตอร์แต่งกายเหมือนแอร์โฮสเตจสายการบินไทย เป็นพนักงานเทเลพอร์ตแต่งกายชุดหมีสีเทาใส่หมวกแก็ปสีเทา เป็นพ่อครัวก็แต่งกายด้วยชุดกุ๊ก เป็นเด็กเสิร์ฟแต่กายด้วยชุดสูทสีขาวเสื้อกั๊กสีดำ กางเกงดำ ร้องเท้าหนังวาววับ เป็นพ่อบ้านแม่บ้านก็แต่งกายด้วยชุดเดรสกระโปรงยาวสีเขียวสำหรับแม่บ้านมีผ้ากันเปื้อนและผ้าคลุมหัวพร้อม พ่อบ้านก็เหมือนกันแต่เพียงเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียว กางเกงยาวสีดำ แต่ อนาลอย ทุกคนที่นี่ดูเคร่งเครียดยังไงพิลึก
เกลิกด์และโทนี่ตรงไปที่เคาเตอร์ที่หนึ่งซ้ายสุด เอาหนังสือวาง และคุยอะไรบางอย่างกับ
อนาลอย ต้อนรับสาวสวย ปล่อยให้สาวๆเรนอนและเอิร์น รออยู่ที่มุมโต๊ะอาหาร
“เค้าคุยอะไรกันหรอ” เรนอนถามเอิร์นอย่างสงสัย ใจจดใจจ่อ
“ก็ติดต่อส่งของไง”
“ทำกันยังไงอ่ะ”
“ก็เข้าไปบอกเค้าว่าเราจะส่งของพวกนี้ไปไหน เมื่อไหร่ แล้วก็รับบัตรมา เดินขึ้นไปชั้นสอง นั่นไงๆ เดินขึ้นไปกันแล้ว” เอิร์นชี้ให้เรนอนดูเกลิกด์และโทนี่ที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นสอง
“แล้วขึ้นไปทำไมหรอ ไม่เห็นเค้าถือหนังสือขึ้นไปกันเลยนี่นา” เรนอนถามงง เพราะเธองงกับขั้นตอนพวกนี้เสียเหลือเกิน
“หนังสือของพวกเราน่ะ โอเปอร์เรเตอร์เค้าเทเลขึ้นไปบนชั้นสอง แล้วก็ให้เราเอาบัตรที่เค้าให้น่ะขึ้นไปยื่นที่ตู้เทเลพอร์ตข้างบน เค้าก็จะนำของที่อยู่ในรายการบนบัตรมาเทเลพอร์ตให้ตามสถานที่ที่อยู่บนบัตรไง” เอิร์นอธิบายอย่างกลั้วหัวเราะเพราะคนถามตั้งใจฟังและมองคนอธิบายอย่างเธอตาแป๋ว
“งืมๆๆ” เรนอนไม่ตอบอะไรมากเพราะปากยังคงคาอยู่ที่แก้วน้ำส้ม คามองที่เอิร์นและพยักหน้าหงึกๆ
“นั่นไงมานู่นแล้วหนุ่มๆ เลิกกินได้แล้วเรน” เอิร์นชี้ไปที่เกลิกด์และโทนี่ที่เดินมาข้างหลังเรนอน เรนอนแทบสำลักและเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ไปกันรึยัง” เรนอนรีบถามขึ้น
“นี่เธอจะไม่ให้ชั้นพักเลยรึไง” โทนี่เอ่ยขึ้นหอบๆ “ชั้นไม่ใช่เกลิกด์นะ จะได้บึ้ก อึด แล้วก็ถึกน่ะ”
“นี่ นายว่าใครถึกโทนี่” เกลิกด์ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนเกินกว่าจะเป็นเสียงขู่
“ก็นายอ่ะดิ เดินมาตั้งนานหนังสือแต่ละเล่มหนักเป็นกิโล ไม่บ่นซักคำ” โทนี่บ่นต่อไป แต่ไม่มีเสียงตอบโต้จากคนถูกกล่าวหาแต่กลับได้ยินเสียงดังอั๊กมาจากตรงข้ามเค้า
“นี่นาย น้ำส้มชั้นนะ” เรนอนโวยวายและกระหน่ำตีเกลิกด์หลายที แต่เกลิกด์กลับไม่พูดอะไรและดื่มน้ำส้มแก้วนั้นต่อไปจน....ซู้ด................หมดแก้ว
“เกลิกด์!!!” เรนอนยังคงกระหน่ำพายุหมัดใส่เกลิกดิ์อย่างเอาเป็นเอาตายแต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะทั้งสองคน
“เอิร์นว่ามั้ย คู่นั้นท่าจะอาการหนัก”โทนี่เอนหัวมาพิงไหล่เอิร์นและถามอย่างติดอารมณ์ขัน
“ไม่หรอกน่ารักดี แต่.......”
เพี๊ยะ........................................
“ใครใช้ให้นายมาพิงไหล่ชั้น” เอิร์นได้บรรจงประทับรอยฝ่ามือลงบนแก้มของโทนี่
“ฮือๆๆ คุณหนูใจร้าย” โทนี่นั่งน้ำตาคลอเอาถูแก้มอยู่ข้างๆเอิร์น
ระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ศูนย์เทเลพอร์ตอยู่ดีๆ เรนอนก็....
“เรน เรน เรนเป็นอะไร” เรนอนตัวแข็งทื่อและไม่พูดไม่จา ตาค้างและปากอ้าเหมือนคนตกใจสุดขีด และ....
“ไม่เป็นไร” หายเป็นปกติ
“เป็นอะไรรึเปล่า” เกลิกด์ถามเรนอนอย่างเป็นห่วงมากแต่น้ำเสียงยังคงราบเรียบอยู่ดี “เมื่อกี๊อยู่ดีๆก็นิ่งไป ตกใจหมด ถามก็ไม่ตอบ”
“เปล่า” เรนอนตอบอีกครั้ง “ไม่มีอะไร ไม่เป็นไรจริงๆ”
“แน่ใจนะเรน” เอิร์นถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรรีบบอกกันนะ” โทนี่รีบเสริม
“อืม ไม่เป็นไรแล้ว ไปซื้อของกันต่อเถอะ” เรนอนตอบย้ำอีกครั้งและลุกจากที่นั่ง
ทั้งสี่คนก็เริ่มไปซื้อของที่เกี่ยวกับอาวุธของตัวเอง เรนอนซื้อไอเวทย์ที่บรรจุไว้ขวดใบกระจิ๊ดริดตามที่เกลิกด์แนะนำ
“เกล ไอเวทย์นี่ทำอะไรได้หรอ”เรนอนถามเกลิกด์
“ก็อันนี้เป็นไอเวทย์ที่มีไว้สำหรับไฟเตอร์ที่เพิ่งเริ่มฝึกใช้อาวุธน่ะ มันจะช่วยให้ควบคุมอาวุธง่ายขึ้น” เกลิกด์ตอบ
เอิร์นเลือกที่จะกลับไปยังร้านกระดาษเปื้อนหมึกอีกครั้งเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับเวทย์ขาวอีกหลายเล่ม เมื่อได้ของทุกอย่างแล้วทั้งสี่คนเริ่มตรงไปที่ศูนย์เทเลพอร์ตอีกครั้งเพื่อที่จะเอาหนังสืออีกมากมายก่ายกองที่เอิร์นพิ่งซื้อมาใหม่ไปส่งไว้ที่บ้าน
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วกี่โมงแล้วเอ่ย” อิ์นถามขึ้นพลางมองดูนาฬิกาตัวเอง
“เอิร์น เธอถามใครว่ากี่โมงแล้ว” เรนอนถามเอิร์นด้วยสีหน้างงๆ
“เปล่า ถามตัวเองน่ะ” เอิร์นตอบ “ห้าโมงเย็นแล้ว กลับบ้านกันเถอะ การผจญภัยวันนี้หมดลงแล้ว”
“โอเค” ทุกคนตอบพร้อมกัน
ระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังเดินทางกลับบ้านนั้นได้แวะไปลาโบวี่ที่ร้าน พอเดินออกมจากร้านของโบวี่ พวกเค้าก็ได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่หน้าร้าน หญิงชราคนนั้นผมยาวสีขาวทอประกายขมวดไว้ด้านหลัง มีผ้าคลุมผมหลากสีโพกไว้ ใส่เสื้อโทนสีเขียวเป็นพื้นมีลายกราฟิกปนเปไปหมด มีผ้าคลุมลายเข้าชุดคลุมไหล่อยู่ กางเกงเลสีเขียวขี้ม้า ใส่แว่น
“หนู” เธอเรียกพวกเค้าที่กำลังจะเดินผ่านไป ทุกคนหันหลังกลับมา
“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะคุณยาย” เรนอนเข้าไปหาหญิงชราผู้นั้น
“ตัวหนู” เธอเอ่ยและชี้ไปที่เรนอน “ เงาดำตามล้าง พสุธาวิบัติ ชีวีมลายสิ้น ดินแดนลุกเป็นไฟ ทายาทจอมมารช่วยคืนอำนาจ อลมานทุกหัวระแหง ความแห้งแล้งยากไร้จะมาเยือน ทุกข์สะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อจอมมารฟื้นคืน โอ๊ย!”
“นี่คุณยายครับ ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้มาที่นี่” เด็กชายผมสั้นสีดำ แต่งตัวมอซอราวกับขอทาน เสื้อกางเกงสีมอขาดรุ่งริ่ง รองเท้าแตะขาดวิ่นจับแขนหญิงชราผู้นั้นแล้วกระชากไปสุดแรง
“นี่ เธอทำกับคุณยายแบบนี้ได้ยังไง ท่านชรามากแล้วนะ” เรนอนโวยวายอย่างไม่พอใจสุดฤทธิ์ และตรงเข้าไปห้ามเด็กชายคนนั้น เด็กนั่นไม่สนใจและกลับขอโทษขอโพย
“ขอโทษพี่ด้วยนะครับ ยายผมชอบพูดไปเรื่อย อย่าไปสนใจเลย ขอโทษจริงๆนะครับ”พอขอโทษเสร็จเด็กนั่นก็ยังคงกระชากยายต่อไป “ยาย มานี่” เรนอนพยายามที่จะวิ่งเข้าไปหาเด็กผู้ชายคนนั้นอีกครั้งแต่เกลิกด์รั้งไว้
“เรน กลับบ้าน” คำพูดอันราบเรียบเฉียบคมของเกลิกด์ใช้ได้ผลกับเรนอนเสมอ เธอไม่ขัดขืนและยอมหันหลังหลับบ้านแต่โดยดี
เมื่อกลับมาถึงบ้านเรนอนไม่ยอมทานข้าวหรืออะไรเลยเธอขึ้นห้องไปพร้อมกับข้ออ้างที่ว่า “แม่คะ หนูเหนื่อยมากเลยวันนี้ ขอตัวนะคะ” แล้วเธอก็เดินขึ้นห้องไปทันทีที่พูดจบ เกลิกด์เดินไปที่ตู้สีเงินทรงกระบอกมักระจกใสกั้นและในนั้นมีหนังสืออยู่สี่เล่มคือหนังสือของเค้ากับเรนอนนั่นเอง เกลิกด์เก็บหนังสือนั้นแล้วดินขึ้นห้องตามเรนอนไปโดยไม่เอ่ยอะไรกับใครซักคำ
“เรน เปิดประตูให้ชั้นที” เกลิกด์เคาะประตูเมื่อถึงหน้าห้องของเรนอนพร้อมด้วยหนังสือเล่มใหญ่สี่เล่ม
“เข้ามาสิห้องไม่ล็อค” เรนอนตอบด้วยเสียงที่แฝงด้วยความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด แม้จะพยายามกลบความรู้สึกนั้นแค่ไหนก็ตาม
เกลิกด์เปิดประตูเข้าไป เค้าวางหนังสือไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินเข้าไปหาเรนอนที่นั่งเหม่ออยู่บนเตียงกับผ้านวมผืนใหญ่
“เรน เธอยังไม่สบายใจเรื่องคุณยายคนนั้นอีกหรอ” เกลิกด์ถามเรนอน เค้านั่งลงที่ปลายเตียงมองหน้าสาวน้อยผู้เป็นที่รักซึ่งกำลังเหม่อลอยอย่างไม่มีจุดหมาย “เรน เรายังไม่รู้เลยนะว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร แล้วอะไรมันเป็นอะไรทำไมคุณยายคนนั้นถึงพูดแบบนั้น อย่าคิดมากน่า”
“อืม นั่นสินะ แต่ชั้น...ชั้นไม่รู้สิ มันใจไม่ดี รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง” เรนนอนตอบแต่สายตายังคงเหม่อลอย
“อะไรบางอย่างหรอ” เกลิกด์ทวน
“อืม อะไรบางอย่างที่...” เรนอนเว้นวรรคไปพรรคหนึ่ง
“ที่อะไร” เกลิกด์ท้วงขึ้นเพื่อปลุกสติเรนอน
“น่ากลัว”
ความคิดเห็น