คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ไฟต์ที่ 14 ไฟต์โรด (ร้านกระดาษเปื้อนหมึก)
ไฟต์ที่ 14 ไฟต์โรด (ร้านกระดาษเปื้อนหมึก)
“ไปซื้อหนังสือที่ร้านกระดาษเปื้อนหมึกมั้ย” เอิร์นเอ่ยชักชวน
“ไงก็ได้” เรนอนตอบด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น
พวกเค้ายังคงเดินอยู่บนถนนที่ดูเหมือนจะไม่หลับใหลเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนถนนเส้นนี้ก็ยังคงมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยแสง สี เสียง ร้านค้า ผู้คน
“นั่นไงๆ” โทนี่ชี้ไปที่ร้านร้านหนึ่งที่มีคนเดินเข้าเดินออกและแบกหนังสือกันพะลุงพลัง ร้านนั้นเป็นร้านเรียบง่ายแบบตะวันตก ผนังอิฐทาสีน้ำตาล กระจกใสกรอบไม้ลงน้ำยาเคลือบ ที่สะดุดตาก็คือ ป้ายกระดาษเปล่าแผ่นใหญ่ ที่มีพู่กันลอยวนไปเวียนมาระหว่างกระดาษและขวดหนึกขวดใหญ่ที่วางอยู่หน้าร้าน พู่กันนั้นเขียนมา
ร้านกระดาษเปื้อนหมึก
ยินดีต้อนรับ
ขอให้ท่านหอบหิ้วตำราต่างๆให้ดีแม้ว่าจะต้องหอบหิ้วลำบากแค่ไหน
ถ้า
ไม่อยากซื้อใหม่
พอเขียนเสร็จตัวอักษรก็หายไปแล้วตามด้วยรอยหมึกสาดกระเซ็นไปทั่วโดยฝีมือเจ้าพู่กันที่สลัดตัวราวกับสุนัขตกน้ำจากนั้นมันก็ลอยลงมาจุ่มหมึกใหม่และเขียนเช่นเดิม
เมื่อพวกเค้าเข้าไปข้างใน ภายในนั้นต่างๆจากภายนอกลิบลับ มันกว้างใหญ่และสูงพอๆกับห้อสมุดของโรงเรียน ภายในนั้นเต็มไปด้วยอนาลอยชายหญิงมากมาย เคาเตอร์ไม้ทีลักษณะเหมือนกับทีร้านของโบวี่ ภายหลังเคาเตอร์มีอนาลอยชายหญิงหลายคยทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์โดยมีไฟเตอร์หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งควบคุมดูแลอยู่ที่มุมหนึ่งของเคาเตอร์จิบน้ำชาและอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์ มุมซ้ายสุดของเคาเตอร์สองช่องมีป้ายเขียนไว้ว่า รายการหนังสือ อีกสี่ช่องต่อมามีป้ายเขียนว่า ชำระเงิน และสองช่องขวามือสุดมีป้ายเขียนว่า รับหนังสือ แต่ละช่องมีคนยืนรอกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ถัดจากเคาเตอร์เข้าไปเป็นคลังหนังสือขนาดใหญ่ ชั้นหนังสือ สูงนับสิบๆเมตรหลายแถว ยาวและกว้างสุดลูกหูลูกตา มีอนาลอยเป็นกองทัพขับไซเบอร์บอร์ด พาหนะที่มีลักษณะคล้ายสเก็ตบอร์ดแต่ไม่มีล้อและมีสายบังคับอยู่ด้านหลังแทน มีที่เหยียบเร่งเครื่องด้านท้าย สามารถวิ่งได้ในทุกสถานะ ทั้งบนบก บนนำและสามารถบินในอากาศ บินวนตามชั้นหนังสือต่างๆหยิบเล่มนี้จากชั้นนั้น หยิบเล่มนั้นจากชั้นนู้น เมื่อบางคนได้ครบแล้วก็นำมาส่งที่ช่องรับหนังสือ เกลิกด์นำรายการหนังสือของทุกคนไปยืนต่อแถวและรอตามขั้นตอน ระหว่างที่เกลิกด์ยืนรอคิวอยู่นั้นเรนอนเกิดสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“เอิร์น” เรนอนเรียก
“อะไรหรอ” เอิร์นตอบ
“ดูนั่นดิ ใช่อาจารย์เพนนีรึเปล่า”
“ไหนๆๆ” เอิร์นและโทนี่รีบมองหาอย่างยิ่งยวดเพื่อพยายามหาให้เจอ
“ไหนอ่ะเรน ชั้นว่าไม่ใช่หรอกมั้ง” โทนี่ตอบเมื่อความพยายามมองหาสุดลง “เธออย่าลืมดิ อาจารย์จะทำงานอย่างอื่นไม่ได้นะ มันผิดกฎหมายพระราชบัญญัติความเป็นครู”
“แล้วนั่นใครล่ะ” เรนอนยังคงสงสัยและชี้ไปที่ไฟเตอร์หญิงวัยกลางคนที่นั่งจิบน้ำชาอยู่หลังเคาเตอร์
“เออ ไปถามกัน” เอิร์นเสนอความคิดเห็นและพุ่งตรงไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที
“อาจารย์ใหญ่” ทั้งสามเรียกเธอพร้อมกัน แต่รู้สึกว่าเธอจะไม่ได้ยิน ทั้งสาคนเรียกอีก แต่เธอก็ไม่ตอบ และรู้สึกว่าทั้งสามคนจะเสียงดังเกินไป อนาลอยหนุ่มในชุดยามจึงเดินมาและจับเอิร์นกับโทนี่โยนออกไปหน้าร้านและอีกคนหนึ่งกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับเรนอนอยู่
“นี่ปล่อยชั้นนะ” เรนอนขัดขืนอย่างเต็มที่
“ขอโทษนะครับคุณหนูพวกคุณก่อความวุ่นวาย” อนาลอยยามตอบ
“โอ๊ย!” เรนอนร้องออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บเมื่ออนาลอยยามนั่นผลักเธอลงกับพื้นเกลิกด์ที่เพิ่งได้รับหนังสือก็ทิ้งหนังสือกองไว้ตรงนั้นและวิ่งตรงมาหาเธอทันที
“เป็นไรมั้ยเรน” เกลิกด์รีบเข้ามาประคบประหงม
“เปล่า” เรนอนตอบ
“หนอยแน่ะแก” เกลิกด์เลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธและกำลังจะชักไม้กายสิทธิ์ออกมา แต่ไม่ทันที่เค้าจะได้ทำไม้กายสิทธ์แซฟวิจก็เรืองแสงขึ้น ลอยออกจากกระเป๋าและ
บึ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แซฟวิจเสกลำแสงสีแดงใส่อนาลอยยามคนนั้นและเกิดระเบิดขึ้น ร้านทั้งร้านเต็มไปด้วยหมอกควันคละคลุ้ง เสียงกระแอมกระไอ ดังขึ้นจากหลายๆคนที่อยู่ในร้านและเมื่อควันหายไป พบเพียงซากเสดเหล็กของอนาลอยยามคนนั้น
“ใคร ใครกล้าพังอนาลอยของชั้น” ไฟเตอร์หญิงคนนั้นในที่สุดเธอก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอันสุขสบายและแก้วน้ำชา
“อาจารย์ใหญ่” เรนอนกับเกลิกด์พูดพร้อมกันด้วยความงวยงง และมีกองสนับสนุนอีกสองคนคือเอิร์นและโทนี่ทีวิ่งเข้ามาหลังจากที่โดนโยนออกไปนอกร้าน
“ใครคืออาจารย์ใหญ่ยะ ชั้นเพนเซอร์ รับเบอร์ ถ้าอาจารย์ใหญ่ล่ะก็ลูกชั้นโน่นชื่อ เพนนี ชั้นเป็นพ่อเค้า แล้วนี่พวกแกกล้าดียังไงมาพัง อนาลอยชั้นฮะ”
“เดี๋ยวคะ คือว่าหนูไม่ได้ตั้งใจ แซฟวิจมันทำเอง” เรนอนตอบอย่างกล้าๆกลัวๆและกลั้นหัวเราะไปด้วยในตัว ใครจะไปนึกถึงว่าอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนไซแมทจะมีคุณพ่อเป็นกระเทยที่แปลงเพศแล้วเรียบร้อยด้วย
“อะไรนะ เธอพูดว่าอะไรนะ” เพนเซอร์พูดเพื่อให้เรนอนย้ำอีกครั้งทั้งๆที่เค้ายังคงยืนตระหง่านอยู่เหนือร่างเด็กๆทั้งสองที่นั่งอยู่บนพื้น
“แซฟวิจค่ะ แซฟวิจเสกคาถานั่นเอง” เรนอนตอบอีกครั้งโดยเน้นทีละคำๆ
“แซฟวิจ อย่าบอกนะว่า....” เพนเซอร์เว้นวรรคไปและหันหน้ามามองที่มือของเรนอนที่ขณะนี้แซฟวิจลอยกลับมาอยู่ในมือแล้ว
“โอ้! ไม่ เดือดร้อนแน่” เพนเซอร์พิมพัมคเดียวแต่รู้สึกว่ามันออกจะดังไปซักนิด
“อะไรที่ว่าเดือดร้อนคะ” เอิร์นรีบยิงคำถาม
“เธอเป็นใคร ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องของเธอ” เพนเซอร์บอกปัดอย่างไม่ใยดีแต่สีหน้ายังคงกังวล
“เธอ” เพนเซอร์หันมาพูดเสียงเย็นเยียบใส่เรนอน “ชื่ออะไร”
“เรนอนค่ะ”
“เรนอนหรอ” เค้าทำท่าคิดอยู่ซักครู่และถามต่อ “นามสกลุล่ะ”
“เดอลาปัวค่ะ เรนอน เดอลาปัว” เรนอนทวนให้ฟังเต็มๆอีกครั้ง
“ว่าไงนะ เดอลาปัวหรอ” เพนเซอร์มีท่าทีตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินนามสกุลของเรนอน
“ค่ะ”
“แล้วเธอล่ะ” เพนเซอร์หนมาถามเกลิกด์บ้างด้วยเสียงมีเลศนัยน์ยังไงพิกล
“คุณจะรู้ไปทำไม” เกลิกด์ตอบแบบระวังตัวที่สุด
“ชั้นต้องการจะรู้เพราะฉะนั้นเธอต้องบอก”
“ไม่ ไม่ใช่เรื่องของคุณที่จะต้องรู้” เกลิกด์ยืนขึ้น ตาประสานตา และพ้อมทีจะพุ่งเข้าใส่เสมอ
“ไม่เป็นไร ไปได้แล้ว” เพนเซอร์พูดขึ้นอย่างกับว่าพวกเค้าทำงานให้เธอผิดพลาดและไล่ออกไป “เอ้อ ! เดี๋ยว อยุ่โรงเรียนไซแมทใช่มั้ย” ไม่มีใครตอบทั้งสี่คนเก็บหนังสือที่เกลิกด์ทิ้งไปตอนที่วิ่งเข้ามาหาเรนอนและเดินออกจากร้านไป
เพนเซอร์ใช้ไม้กาวสิทธิ์ชี้ไปที่ซากของอนาลอยชิ้นหนึ่งซากพวกนั้นก็สลายหายไปกับสายลม และเธอเดินหายไปชั้นสองของร้าน ชั้นสองของร้าเป็นเหมือนบ้านพักทั่วไป มีห้องน้ำ ห้องนอน และที่ไม่เหมือนคือ ห้องลับ
ความคิดเห็น