คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ไฟต์ที่ 10 ไฟต์โรด (ร้านขายไม้กายสิทธิ์ของโบวี่)(1)
ไฟต์ที่ 10 ไฟต์โรด (ร้านขายไม้กายสิทธิ์ของโบวี่)(1)
นับจากวันนั้นเรนอนและเกลิกด์มีความสุขกันดีมากขึ้น อะไรๆก็รู้สึกว่าราบรื่นขึ้น ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องซ้อมและการฝึกของเรนอนด้วย แต่ในระหว่างที่ทั้งสองคนนั้นกำลังดื่มด่ำกับความรักที่ลงตัวนั้นไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องที่จะทำลายความรักของเค้าทั้งสองอย่างมุ่งมั่น
สำหรับวันนี้เป็นวันเสาร์เป็นวันที่นักเรียนสายเวทย์ทุกคนจะไปซื้อของใช้ที่ไฟต์โรดตามรายการที่ศาสตราจารย์สเตราค์ให้มา แต่วันนี้เรนอนยังคงโดนปลุกตั้งแต่ตีห้าเพื่อที่จะลุกขึ้นมาวิ่งเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว แต่คราวนี้เกลิกด์เลือกที่จะเข้าห้องของเรนอนโดยผ่านประตูที่เชื่อมกันระหว่างห้องของทั้งสองคน ภายในห้องของเรนอนค่อนข้างโล่งและสว่างเธอเลือกที่จะตกแต่งห้องโดยใช้โทนสีชมพู เตียงเหล็กสีขาวที่นอนลูกฟูกลายคิตตี้เข้าชุดทั้งผ้าห่ม หมอนและหมอนข้าง ตู้เสื้อผ้าไม้โอ๊กสีเนื้อไม้ใบใหญ่มีกระจกติดไว้ด้านหน้าที่ประตูเปิดด้านซ้าย โต๊ะคอมพิวเตอร์และโต๊ะทำงานที่วางติดกันลายไม้สวยงามมีเก้าอี้สำนักงานสีเทาวางอยู่ ผ้าม่านสีขาวลายดอกไม้ดอกใหญ่ โต๊ะเครื่องแป้งสีขาวลายเจ้าแมวน้อยคิตตี้มีกระจกบานใหญ่อยู่ตรงกลางและเครื่องสำอางและเครื่องใช้ส่วนตัวหลายๆอย่างวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ จากประตูหน้า หน้าต่างอยู่ตรงข้ามกับประตู เตียงหันหัวนอนให้หน้าต่างวางอยู่มุมห้องด้านขวา ถัดลงมาเป็นโต๊ะทำงานแลโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่หันหลังโต๊ะชนกับฝาผนัง ฝั่งซ้ายมือ ที่มุมห้องบนซ้ายถูกจัดวางด้วยตู้เสื้อผ้า ถัดลงมาเป็นประตูที่เชื่อมกับห้องของเกลิกด์ และต่อจากนั้นเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่หันกระจกให้กับตู้เสื้อผ้า กระเบื้องลายหินอ่อนสีชพู สะท้อนแสงดวงอาทิตย์ยามฟ้าสางมากระทบกับฝาผนังสีชมพูอ่อนและเข้มตามลำดับทำให้ห้องค่อนข้างสดใส
เกลิกด์เลือกที่จะเข้าไปนั่งลงข้างเตียงและกระซิบเบาๆว่า
“อรุณสวัสดิ์จ้ะที่รัก”
แทนที่เรนอนจะตื่นขึ้นมาอย่างสงบเสงี่ยมและตอบรับว่าอรุณสวัสดิ์ค่ะที่รักอย่างที่เกลิกด์หวังไว้แต่เปล่าเลย เกลิกด์กลับได้คำตอบรับเป็นผ้าห่มลายคิตตี้ผืนใหญ่คลุมทั้งตัวแทน
“ไม่เป็นไร ยังพอจะมีอารมณ์โรแมนติกอยู่” เกลิกด์ให้กำลังใจตัวเองในใจ ปัดผ้าห่มออกและลองกระซิบใหม่อีกครั้งและ...
โครม....................
เรนอนตอบสนองเกลิกด์ด้วยนาฬิกาปลุกรูปคิตตี้ที่วางอยู่หัวเตียงเล่นเอาซะเกลิกด์ลงไปนอนกับพื้นข้างเตียงแทนแล้วตอนนี้
“อ้าว! เกล ลงไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ” เรนอนตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงงัวเงียอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่า แค่เห็นว่านาฬิกามันอยู่ใต้เตียงน่ะเลยเก็บให้” เกลิกด์ตอบและพยายามที่จะฝืนยิ้มๆทั้งที่เริ่มโกรธแล้วล่ะ
“อืมหรอ งั้นชั้นนอนต่อนะ”
ไม่ทันที่เรนอนจะล้มตัวนอนเกลิกด์ก็คว้าแขนเธอและลากเธอออกจากที่นอนอันแสนจะอบอุ่น
“ไม่ได้ ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้ไปวิ่ง ลุกๆๆๆ”
“แต่ว่าวันนี้ต้องไปไฟต์โรดนะ ไม่วิ่งไม่ได้หรอ”
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันบนเตียง มีเสียงพุดว่า วิ่ง สลับกับคำว่า ไม่ ดังออกมานอกห้องทำเอาคนอื่นๆในบ้านที่เดินผ่านไปมาหยุดฟังกันเป็นแถบ
“อะไรกันหรอ” จอนฮาร์ทเดินผ่านมาหน้าห้องของเรนอนเห็นสาวใช้ในชุดวันพีชกระโปรงยาวสีเทาแขนสั้นตุ๊กตาคอบัวยืนหูแนบประตูบ้าง ชะเง้อมองผ่านประตูไปบ้างหลายคนจึงได้ถามขึ้น แต่ไม่มีใครตอบแลรีบแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองทันที
“วิ่ง”
“ม่าย...”
“ลุกเร็วๆ”
“ไม่อาววววววววว”
เสียงของทั้งสองคนยังเถียงกันไม่หยุดและฟังดูเอาเป็นเอาตายซะด้วย ทำให้จอนฮาร์ทแล้วว่าอะไรถึงทำให้สาวใช้เกือบหมดมาอู้งานกันอยู่ที่นี่ ด้วยความสงสัยว่าเถียงเรื่องอะไรกันจอนฮาร์ทจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปดูในห้องของเรนอน
“เถียงอะไรกั.........” จอนฮาร์ทถามแต่ไม่ทันจะถามจบก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น
“โทษที พ่อนึกว่าเราทะเลาะกันทีจริงก็เล่นกันอยู่นี่เอง พ่อไปและนะ อย่างเสียงดังนักล่ะ” เค้าไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้และรีบก้มหน้าทำเป็นมองไม่เห็นภาพที่เกลิกด์คร่อมเรนอนอยู่บนเตียง
“พ่อ...อย่าเข้าใจผิดนะ พ่อ”เกลิกด์พยายามเรียกแต่ไม่ทันซะแล้ว จอนฮาร์ทเดินออกจากห้องไปก่อน พอหันกลับมาหา เรนอนก็เจอกับฝ่ามือพิฆาตเข้าที่แก้มซ้ายดัง
ผัวะ............
“ไม่คนบ้า คนผีทะเล คนฉวยโอกาส .” พอเธอต่อว่าเกลิกด์เสร็จเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้เกลิด์งงว่าเค้าโดนตบเรื่องอะไร
พอเรนอนอาบน้ำเสร็จทั้งสองคนก็ออกมาวิ่งเหมือนปกติแต่ว่าความรู้สึกของทั้งสองคนนี้ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปจากก่อนมาก ทั้งสองคนวิ่งไปแหย่กันไป หัวเราะกันสนุกสนาน ระหว่าง
ทางผ่านใครก็ทักเค้าไปทั่ว
“คุณลุงคุณป้าคะ สวัสดีค่ะ” เรนอนทักคุณพ่อคุณแม่ของเอิร์นเมื่อวิ่งผ่านหน้าบ้านรั้วสีฟ้ามีรถจอดสองคัน กำแพงคอนครีตสีขาว และวิ่งต่อไป
“คุณอาครับ อรุณสวัสดิ์ครับ” เกลิกด์ทักทายอาของเกลิกด์ที่กำลังจัดร้านขายหนังสือสีเหลืองกระจกหน้าร้านบานใหญ่อย่างขะมักเขม้น
“ขยันกันจังเลยนะ” เสียงของโทนี่ตะโกนลงมาจากชั้นสองของตัวบ้านทรงญี่ปุ่นประยุกต์ข้างๆร้านขายหนังสือของคุณอา
“ออกจากห้องได้แล้วโทนี่ อาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวอีกซักพักจะมารับไปไฟต์โรด”
เกลิกด์ตะโกนตอบขึ้นไปโทนี่ทำสัญญาณมือตกลงแล้วปิดหน้าต่างหายไปไหนห้องนอนของเค้า
ทั้งสองคนวิ่งมาถึงบ้านและเข้ไปอาบน้ำแต่งตัวและพร้อมที่จะลงมาทานอาหารเช้ากับครอบครัว
“คุณคะ วันนี้ทั้งสองคนแต่งตัวนานผิดปกติรึเปล่าคะคุณ” กอล์เลียร์ ถามจอนฮาร์ทด้วยความสงสัย
“ผมก็ไม่รู้สิคุณว่าไงเฮเลน”
“สงสัยว่าเพราะต้องไปไฟต์โรดกันล่ะมั้งคะ ถึงได้แต่งสวยแต่งหล่อกันนานนิดนึง” เฮเลนเสนอความคิดเห็น
“นั่นไงมากันแล้วค่ะ คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย คุณนาย คะ ดูสิ สวยหล่อกันมาเชียว” ป้าซูบอกทั้งสามคนทีรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
เกลิกด์เลือกที่จะแต่งตัวสบายๆเสื้อยืดเข้ารูปเล็กน้อยสีขาวมีแถบสีดำคาดจากไหล่ถึงปลายแขนเสื้อแขนสั้น มีปก กางเกงยีนริมแดงพับโชว์ขอบสองทบ เข็มขัดหนังสีดำมีปุ่มหนามสีเงินรอบเข็มขัด ผมตั้ง ถุงเท้าสีดำ
ส่วนเรนอนเลือกที่จะแต่งตัวน่ารักหวานๆแบบผู้หญิงๆ เสื้อครึ่งตัวผูกหน้าสีชมพูโปร่ง มีเสื้อทับสายเดี่ยวสีขาวเต็มตัวข้างใน กระโปรงยีนต์มิดเข่าจีบหน้าและหลัง กระเป๋าถือลาย
สตอร์เบอร์รี่สีชมพูทีตุ๊กตารูปคนห้อยไว้ด้วย
“นี่ลูกๆจ๊ะ เราจะไปซื้อของกันไม่ใช่หรอ แต่งซะสวยหล่อกันเชียว” กอล์เลียร์ทักเชิงแซวทั้งสองคน ไม่มีใครว่าอะไรได้แต่อมยิ้มและทานข้าวกัน
ณ ไฟต์โรด
ทั้งสี่คนเกลิกด์ เรนอน โทนี่และเอิร์น มาถึงไฟต์โรด ถนนไฟเตอร์ ซึ่งมีซุ้มไม้เถาขนาดใหญ่โค้งสวยงามสูงราวๆตึกสี่ชั้น ตรงกลางมีตัวอักษรที่ทำจากไม้เถาสีขาวซึ่งตัดกับพื้นสีเขียวว่า ไฟต์โรดเรนอนกับโทนี่ซึ่งเพิ่งมาเป็นครั้งแรกตื่นตาตื่นใจกับผู้คนที่พลุกพล่านมากมาย ร้านค้าต่างๆที่แต่งร้านให้มีจุดขายเป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่นร้านขายไม้กายสิทธิ์ตรงหัวมุมร้านแรกของซุ้มประตูทางเข้าด้านขวามือหน้าร้านตกแต่งด้วยไฟนีออนสีม่วงสลับเขียวว่า
ไม้กายสิทธิ์ของคุณหักแล้วใช่มั้ย
หรือว่าต้องการอันที่ดีกว่า
มันทำให้คุณอึไม่ออกรึเปล่าเวลาใช้คาถาผิด
เชิญทางนี้ “เรามีมัน”
ส่วนทางซ้ายเป็นร้านขายเสื้อผ้าทุกประเภทมีป้ายติดไว้อย่างหรูหราว่า
ร้านเสื้อผ้า ฟรีดอม
แทบทุกร้านที่นี่จะมีผู้คนเดินพลุกพล่านเข้าออกตลอดเวลาจนแทบมองไม่เห็นร้านที่อยู่ลึกเข้าไปเพราะคนเดินกันมากจนบังหน้าร้านเกือบหมด
“นี่ๆ นั่นร้านขายไม้กายสิทธิ์หรอเกล” เรนอนถามเกลิกด์อย่างกระตือรือร้น
“อืม นั่นน่ะร้านชายไม้กายสิทธิ์ของโบวี่พี่ชายชั้นเอง เราจะไปซื้อไม้กายสิทธิ์กันที่ร้านนั้นแหละ” เกลิกด์ตอบอย่างเอ็นดู
“นี่ๆ เรนเรียกเกลิกด์ว่า เกล หรอ เมื่อกี๊น่ะ”เอิร์นถามขึ้นพลางเหล่ทั้งสองคน
“สนิทกันถึงขั้นนั้นแล้วหรอ” โทนี่ถามบ้างอย่างอยากรู้อยากเห็น
“แล้วจะทำไมเล่า ไปซื้อของเหอะ ไปเร็ว” เกลิกด์ตอบเก้อๆปัดๆไป เอิร์นและโทนี่แอบหัวเราะกับเบาๆเมื่อเกลิกด์และเรนอนหันหลังไป เรนอนไม่พูดอะไรนอกจากหน้าแดง และแดงเสียยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศอีกตอนนี้เพราะว่าโดนเกลิกด์โอบไหล่เดินด้วยกัน
ภายในร้านไม้กายสิทธิ์ของโบวี่นั้นมีตู้โชว์ไม้สักทอประกายอร่ามมากมายต่างกับป้ายโฆษณาหน้าร้านสิ้นดีทั้งหมดนั้นล้วนแต่บรรจุด้วยไม้กายสิทธิ์ลักษณะต่างๆกันไป พื้นห้องที่ปูด้วยกระเบื้องลายครามสีน้ำตาลดูเป็นผู้ใหญ่ เคาเตอร์ไม้สักมีแคชเชียร์อนาลอยซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่เหมือนคนทุกอย่างทำอะไรๆได้เหมือนคนทุกอย่างยกเว้นอาหารเป็นน้ำมันและเวลาขับถ่ายก็เป็นน้ำมันเท่านั้นเอง
“สวัสดีค่ะคุณเกลิกด์ เจ้านายอยู่หลังร้านค่ะ เดี๋ยวจะไปตามให้นะคะ” อนาลอยเคตี้ หุ่นยนต์สาวสวยน่ารักผมหยิกเป็นลอนสวยสีทองใส่ชุดแบบเซเลอร์มูนสีเหลือง ทักเกลิกด์อย่างเป็นกันเอง
“ขอบคุณครับเคตี้” เกลิกด์ตอบรับอนาลอยสาวอย่างสนิทสนม
“สวัสดีค่ะคุณเกลิกด์ วันนี้พาเพื่อนๆมาเยี่ยมเจ้านายหรอคะ เชิญทางนี้ก่อนค่ะ เดี๋ยวจูดี้จะเอาน้ำ เอาขนมมาให้นะคะ” จูดี้ อนาลอยสาวสวยฝาแฝดกับเคตี้แต่ใส่ชุดเซเลอร์มูนสีส้ม เข้ามาทักทายต้อนรับเกลิกด์อย่างดี “วันนี้ลูกค้าเยอะมากเลยค่ะคุณเกลิกด์ขอโทษด้วยนะคะที่มาต้อนรับช้า”
“ไม่เป็นไรหรอกจูดี้” เกลิกด์ตอบกับอนาลอยสาวสวย “ซื้ออนาลอยมาใหม่หรอ เห็นมีเพิ่มอีกนี่”
จูดี้พาเกลิกด์และเพื่อนๆมานั่งที่มุมรับรองแขกหลังเคาเตอร์ ที่มีโซฟาสีดำหนังแท้เงางาม และโต๊ะหินแกรนิตแท้วางอยู่อย่างเข้าที่เข้าทาง พร้อมกับคุกกี้และน้ำส้มคั้นที่จูดี้เตรียมไว้ให้
“ใช่ค่ะ เป็นอนาลอยผู้ชายค่ะ ผมสีทองน่ะชื่อโรบิน ส่วนผมเงินน่ะชื่อโรเบิร์ตค่ะเป็นฝาแฝดกันเดี๋ยวจะเรียกมาให้รู้จักนะคะ” จูดี่ตอบอนาลอยหนุ่มหล่อที่แต่งชุดเป็นเสื้อแขนกระบอกยาวสีดำมีกระดุมผ่ากลางตลอดและกางเกงขากระบอกสีดำยาว
“ไม่ต้องหรอกจูดี้ รู้สึกว่าเค้ากำลังยุ่งนะ เธอเองก็ด้วย ไปทำงานเถอะ ไม่ต้องดูแลพวกชั้นมากหรอก ขอบคุณนะ”
“ค่ะ” แล้วจูดี้ก็เดินไปทำงานของเธอต่อพอดีกับเวลาที่โบวี่เดินออกมาจากหลังร้านกับเคตี้
“ว่าไงพรรคพวก วันนี้พาใครมาด้วยเอ่ย น้องรัก” ชายผมยาวยุ่งเหยิง รุงรังราวกับว่าไม่เคยสระผมเลยในชีวิตนี้ แต่งตัวแนวอาร์ตสุดเหวี่ยงเสื้อลายดอกตัวใหญ่มากประมาณว่าพวกเค้าสี่คนใส่เสื้อตัวนี้ยังมีพื้นที่เหลือ กางเกงเลย์ตัวใหญ่ยาวสีน้ำตาลแดงรองเท้าเกี๊ยสีน้าตามลายไม้ แถมหนวดเครายังห้อยรุงรังอีกต่างหาก ออกมาทักเค้าราวกับว่าสนิทสนมกับมาตั้งแต่ชาติปางก่อน เค้าเดินมานั่งกอดคอเกลิกด์ยอย่างแนบแน่น เหมือนกับว่าไม่เห็นเรนอนนั่งอยู่เลย
“เอ่อ ผมพาเพื่อนๆมาซื้อไม้กายสิทธิ์น่ะครับ ซื้อของผมเองด้วย เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้มันจำเป็นต้องใช้ซะแล้ว” เกลิกด์บอกกับโบวี่ซึ่งยังนั่งกอดคอเค้าอยู่
“หรอ เลิกกลัวไม้กายสิทธิ์แล้วรึไงเราอ่ะ โดนคาถาผกผันของชั้นเข้าไปซะเต็มๆเลยนี่นะ ตอนนั้นน่ะ หน้านายนี่ดูไม่ได้เลย หน้าดำตัวขาว แขนใหญ่ ขาน้อยนึง ฮะๆๆๆ นึกแล้วยังขำไม่หาย” โบวี่เริ่มเล่าเรื่องอะไรซักอย่างที่พวกเค้าที่เหลือไม่เข้าใจ แต่ก็แอบหัวเราะเพราะกลัวว่าเกลิกด์จะน้อยใจ
“คาถาผกผันหรอคะ เป็นคาถาที่น่าสนุกจัง คุณใช้มันเพราะอะไรหรอคะ แล้วทำไมเกลิกด์ถึงเป็น...แบบนั้น” เอิร์นถามอย่างสนอกสนใจและพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้อย่างสุดกำลัง
“อ๋อ! เรื่องก็มีอยู่ว่า ชั้นไปเที่ยวที่บ้านหมอนี่ตอนเกลมันประมาณห้าขวบได้ล่ะมั้ง คุณลุงกำลังสอนอะไรชั้นซักอย่างนี่ล่ะจำไม่ได้แล้ว ทีนี้เจ้าหมอนี่ก็นั่งดูอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ คุณลุงเค้าเสกคำแช่งใส่ชั้น และชั้นก็ใช้คาถาผกผันนี่แหละ คุณลุงเค้าดันหลบได้ เกลมันเลยโดนไปเต็มๆแถมคูณสองอีกตะหากเพราะพลังของคาถาผกผันน่ะ ถ้าพวกเธอเห็นมันตอนนั้นนะ รับรองเลยว่าเธอจะขำจนท้องขดท้องแข็งเลยล่ะ ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เมื่อโบวี่เริ่มเล่าความหลังต่างๆ
“แล้วทำไม เกล ถึงกลัวไม้กายสิทธิ์ล่ะ” เรนอนถามขึ้นระหว่างที่ทุกคนยังคงสนุกกับเรื่องเล่าต่างๆ
“ก็เพราะไอ้คาถาบ้านั่นน่ะแหละ”เกลิกด์รีบชิงตอบก่อนที่โบวี่จะตอบและเล่าเรื่องอันหน้าขายหน้าของเค้าอีก
“เออนี่ แล้วตกลงพวกเธอมาทำอะไรกันล่ะ” โบวี่เริ่มเข้าเรื่องหลังจากที่พล่ามถึงเรื่องต่าง
ๆที่เค้าทำมาและเรื่องหน้าขายหน้าของเกลิกด์อีกมากมาย แต่เกลิกด์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เรามาซื้อไม้กายสิทธิ์ครับ” โทนี่ตอบ
“ผมว่าผมบอกพี่แล้วนะแต่พี่น่ะ ชวนออกนอกเรื่อง” เกลิกด์เริ่มพูดแบบหยามคืนบ้าง
“แกก็รู้ว่า พอชั้นพูดแล้วก็พูดไม่หยุด เอาล่ะ สนใจไม้อันไหนมั่งล่ะ เดินดูกันรึยัง”
“ยังเลยค่ะ” เรนอนตอบ
“ก็ลองเดินดูเอานะ มีคำอธิบายลักษณะของไม้ไว้ที่แท่นวางไม้น่ะ อ่านเอา แล้วก็ขอเตือนไว้อย่างนึง ไม้จะเป็นคนเลือกเรา ไม่ใช่เราเลือกมัน เดินดูเอานะ ชั้นไปหลังร้านและ ยังมีไม้กายสิทธิ์ที่ทำค้างไว้อีกน่ะ เชิญตามสบายครับ ขอบคุณที่อุดหนุนครับ” โบวี่ยืนขึ้นและโค้งคำนับให้พวกเค้าหนึ่งครั้งแล้วเดินเข้าไปหลังร้าน
“ไม้จะเป็นเลือกเราหรอ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าไม้อันไหนจะเลือกเรา” โทนี่ถามงงกับเพื่อนๆ
“ไม่ใช่ปัญหาครับคุณโทนี่ เชิญทางนี้” อนาลอย โรเบิร์ตโผล่พรวดมาจากข้างหลังนี่เล่นเอาทุกคนใจหายใจคว่ำ
“คะ...ครับ” โทนี่ตอบตะกุกตะกักเพราะยังไม่หายตกใจ
“ไม้จะรับรู้ถึงพลังของเราทุกคนครับ” โรเบิร์ตเริ่มอธิบายเมื่อพาพวกเค้าไปตามตู้ต่างๆ “และจะแสดงออกไม่เหมือนกันเมื่อเจอคนที่มันคิดว่าเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของ”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ” เรนอนถามโรเบิร์ต
“ไม่ยากครับคุณหนูเรนอนผู้น่ารัก คุณหนูลองเดินให้ครบทุกตู้ทุกอันนะครับแล้วคุณหนูสนใจอันไหนก็จำชื่อมันไว้ ดูให้ครบก่อนนะครับ ถ้าสนใจหลายอันก็จำหลายชื่อ แล้วก็นู่นเลยครับ มายืนต่อคิวที่เคาเตอร์พอถึงคิวก็เรียกชื่อไม้กายสิทธิ์ในใจ ถ้ามันเลือกเรามันก็จะโผล่มาที่เคาเตอร์ถ้าไม่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างที่เดินดูก็สังเกตดูไม้กายสิทธิ์แต่ละอันด้วยนะครับว่ามันแสดงออกกับเรายังไง เดี๋ยวโรบินจะมารับช่วงต่อจากผมนะครับ ขอให้คุณได้ไม้กายสิทธิ์สมใจนึกครับ” พออธิบายเสร็จโรเบิร์ตก็เดินไปหาลูกค้ากลุ่มอื่นต่อไป และโรบินเดินมาพาพวกเค้าไปชมตู้ต่างๆต่อไป
“เอาล่ะครับตู้นี้จะเป็นไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากไม้มะกอกทั้งหมดนะครับ” โรบินเริ่มสาธยายถึงคุณสมบัติต่างๆของไม้ “อันนี้ชื่อวิเวลครับเป็นไม้มะกอกลงอาคมโดยเซ็นทอร์มืดในคืนพระจันทร์เต็มดวง ผสมกับผงเขายูนิคอร์นบดละเอียดครับ” เค้ายังคงพูดต่อไปถึงไม้กายสิทธ์
แต่ละอันๆ
กึกๆๆๆ กึกๆๆๆๆ
“เสียงอะไรน่ะเกล”
“เสียงอะไรน่ะเกล”เรนอนถามเกลิกด์ที่เดินโอบไหล่อยู่ข้างเพราะกลัวว่าเจ้าอนาลอยรูปหล่อจะมาจีบ
“เสียงไรอ่ะ”
“นั่นไง”
กึกๆๆๆ กึกๆๆๆๆๆ
“อ๊ะ นั่นไง” เรนอนชี้ไปที่ตู้ใบหนึ่งที่เป็นตู้ไม้ที่ถูกวางแอบอยู่หลังทางเข้าหลังร้านไม่ใช่ตู้กระจกเหมือนตู้อื่นๆและปิดสนิทพร้อมลั่นกุญแจเรียบร้อย
“ไปดูกันเกล” เรนอชวน
“อืม เดี๋ยวเรน โรบิน ในตู้นั้นมีอะไร”
“เออ...คือ...”โรบินตอบอึกอัก
เรนอนวิ่งที่ตู้นั่นโดยไม่สนใจใคร และไม่ฟังโรบินที่ตะโกนไล่หลังมาว่า
“อันตราย อย่าเข้าไป”
ทุกคนที่เหลือไม่สนใจและวิ่งตามเรนอนไปที่ตู้นั่นพร้อมกับโรบินที่ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเรนอนมาถึงเธอพยายามเปิดตู้นั่นอย่างสุดกำลัง
“ทำอะไรน่ะหนู อ้าวเพื่อนเกลนี่ จะทำอะไรน่ะ” โบวี่เดินมาดูและดึงเรนอนออกจากตู้อย่างรุนแรง
“เปิดมัน ของของชั้น ของของชั้นอยู่ในนั้น มันต้องการให้ชั้นช่วย มันเรียกชั้น ชั้นจะเปิดมัน หลบไป” เรนอนวิ่งเข้าไปผลักโบวี่ออกและเริ่มเขย่าตู้อย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง
“เรน พอ หยุดเดี๋ยวนี้” เกลิกด์ตามมาและกอดรัดเธอไว้จากข้างหลัง เรนอนดิ้นรนเต็มที่เพื่อที่จะให้หลุดจากพันธนาการนี้
“เธอรู้มั้ยในนั้นมีอะไร มันเป็นไม้ต้องห้ามนะ มันเป็นไม้ที่ชั่วร้าย” โบวี่กดไหล่เธอและพยายามอธิบายให้เธอเลิกคลั่งและไม่ต้องการมัน
“แซฟวิจ” เธอตะโกนลั่นร้านและตู้นั้นก็ระเบิดขึ้นพร้อมไม้กายสิทธิ์สีเลือดลอยอยู่กลางอากาศและค่อยๆตรงมาหาเธออย่างสง่างาม “อันนี้น่ะหรอ ไม้กายสิทธิ์ของชั้น”
ความคิดเห็น