ตอนที่ 10 : ตอนที่ 10: พาไปฮันนีมูน....... (100%)
ตอนที่ 10: พาไปฮันนีมูน.......
ศิธรหัวเสียทั้งวัน... หงุดหงิดขัดใจไปหมดเมื่อรู้ว่าภรรยาออกไปทำงานก่อนที่เขาจะตื่นลงมา แถมยังไม่คิดจะบอกเขาสักคำเดียว...
คุณหญิงพรรณี กับชุติอรเองนั้นก็ไม่มีท่าว่าจะเดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย กลับหัวเราะชอบใจเสียด้วยซ้ำไป ราวกับชอบใจที่แกล้งเขาได้
ศิธรตั้งใจจะเล่นงานภรรยาทันทีที่กลับมาบ้าน เขาคิดว่าเธอทำแบบนี้ใช้ไม่ได้อย่างยิ่ง เธอเห็นเขาเป็นหัวหลักหัวตอหรือยังไง เขาอุตส่าห์คิดถึงเธอแต่เธอกลับไม่สนใจเขาเลย ตื่นมาหนีไปทำงานหน้าตาเฉยทั้งๆ ที่เมื่อคืนเขาก็แสดงออกไปขนาดนั้นแล้วแท้ๆ
เขาจึงออกมาทำงานด้วยอารมณ์เสียตลอดทั้งวัน จนวีรยาเลขาหน้าห้องเอ่ยปากถามถึงภรรยาทีเดียวชายหนุ่มหน้าบูดบึ้งจนไม่มีใครเข้าหน้าติด... พอกลับถึงบ้านเกือบหกโมงเย็นตั้งใจมาทานข้าวพร้อมภรรยาแต่ก็ไม่พบก็ยิ่งให้หงุดหงิดเพราะเขาต้องทานอาหารเย็นเพียงลำพังคนเดียวอีก
มินตราเดินขึ้นห้องมาเมื่อดึกมากแล้ว เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาถึงเธอมัวแต่อยู่ช่วยลำใยเตรียมของไว้ตักบาตรในตอนเช้าก็เลยไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วย เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นคนที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยนั่งเอนหลังพิงขอบเตียงอย่างสบายอารมณ์ ดูเหมือนเขาอ่านหนังสืออะไรสักอย่างอยู่ หญิงสาวจึงพยายามเดินเข้าไปเงียบๆ ตรงไปที่ห้องน้ำ
ทำอะไรอยู่ถึงดึกดื่น ศิธรลดหนังสือตรงหน้าลงก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงปกติของเขา
เออ... ฉันช่วยลำใยจัดของตักบาตรคะ มินตราตอบไปขณะที่เดินไปหยิบโน่นหยิบนี่ให้เหมือนกันว่าเป็นการพูดคุยกันอย่างเคยชิน เพราะมินตราเองทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องอยู่กับเขาลำพังเพียงสองคนในห้องเช่นนี้
จะอาบน้ำหรอ เขาถามขึ้นมา
คะ มินตราตอบเพียงสั้นๆ แล้วก็นึกขอบคุณเขาไปพลางเมื่อคนที่นั่งอยู่บนเตียงยกหนังสือขึ้นมาอ่านต่อไป
เมื่อออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่สดชื่น สบายตัวขึ้น เธอก็เสไปมองร่างคนบนเตียงนอนนิ่งคงจะหลับไปแล้ว มินตราคิดก่อนจะรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกประหม่าก็แล้วกันเธอคิดเช่นนั้น
เมื่อเดินไปที่โต๊ะ จะทำอะไรดีหล่ะสมองคิดเมื่อมือคว้าหวีขึ้นมาหวีผม และดูเหมือนมินตราจะหวีอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี จนเมื่ออยู่ดีๆ คนที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นเดินมาหา มินตราจึงทำท่าว่าจะลุกขึ้นบ้างแล้วรีบชิงพูดขึ้นมาทันทีก่อนทีร่างของเขาจะเดินเข้ามาหา
หิวน้ำ... ไปดื่มน้ำดีกว่า มินตราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ภายใจนั่นออกจะสั่นๆ ก็ตาม เมื่อร่างของมินตราจะก้าวไปที่ประตูกำลังจะคว้าที่ลูกบิด ลำแขนแข็งแรงของศิธรก็โอบเอวบางไว้พอดี
เธอไม่ได้หิวน้ำหรอกมินตรา ร่างที่กำลังโอบกอดเธออยู่พูดเหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ซะอย่างนั้น
มานี่ เขารั้งร่างของเธอไปที่เตียงและนั่งลงบนตักของเขา ทำให้มินตราในตอนนี้เกร็งและอายไปหมด
มินตรา... เสียงเขาเรียกเธออยู่ตรงริมแก้ม ศิธรก้มยิ่งก้มลงมาใกล้ๆ ยิ่งขึ้นอีกมินตราเริ่มส่งเสียงอึกอักเหมือนกับแสดงอาการประท้วงแต่ไม่มีคำพูดหลุดออกมา
จะดิ้นทำไม เขาพูดพร้อมก้มหน้ามาชิดกับแก้มของมินตรา
รู้ก็รู้ว่าดิ้นไม่หลุดอยู่แล้ว เขาพูดแหย่หญิงสาวให้อายขึ้นไปอีก
ก็ฉันอึดอัดนี่ มินตราอุบอิบออกมาแม้ในตอนนี้ใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว จะบอกว่าทั้งอายทั้งโมโหก็ว่าได้ในตอนนี้คนอะไรเอาแต่ใจเป็นบ้าเลยหญิงสาวคิด
แต่ในตอนนี้ศิธรยิ่งกลับรู้สึกสนุกจึงแกล้งจากการโอบกอดที่แน่น มาเป็นใช้มือลูบไล้ไปตามลำแขนของหญิงสาวแทนและนั่นยิ่งทำให้มินตราแทบหัวใจวายเข้าไปกันใหญ่ในตอนนี้
มินตราจึงรีบลุกขึ้นโดยเร็ว แต่คนที่นั่งอยู่จึงดึงร่างหญิงสาวให้เสียหลักล้มลงไปบนเตียง ศิธรจึงหัวเราะขำเมื่อเห็นท่าทางตกใจของคนที่เพิ่งล้มไม่เป็นท่า หญิงสาวจึงได้แต่ทำหน้างอง้ำ
อะไร... โกรธหรอ ศิธรยังคงยิ้มหน้าตาเฉยในขณะที่ถามหญิงสาว
มินตราในตอนนี้ชักเริ่มไม่พอใจไอ้ท่าทางยิ้มเยาะของเขาในตอนนี้ เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเลแล้วจะเดินออกจากห้องไป ศิธรจจึงเข้าไปจับหญิงสาวแล้วอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายจนมินตราเองไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ
อ๊ะ หญิงสาวตกใจจึงอุทานออกมาเพียงเท่านั้นเมื่อชายหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน
จะไปไหน ดูเหมือนเขาต้องการขู่มากกว่าจะถามจริงจัง
ปล่อย... ฉันจะลงไปข้างล่าง มินตราทำหน้าบึ้ง แต่ทางศิธรกลับเห็นเป็นขำเสียมากกว่าที่จะสนใจว่าหญิงสาวต้องการอะไร
ไม่ปล่อย เขาว่าอย่างไม่เดือดร้อน ซึ่งมันเริ่มเรียกความไม่พอใจให้กับหญิงสาวในอ้อมกอดมากขึ้น
ไม่ปล่อย... ก็ยืนอยู่อย่างนี้หล่ะ หญิงสาวสวนกลับทำให้คนที่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยต้องทำหน้างงไปเลย ก่อนจะตอบเหมือนกับตัดสินใจได้
งั้นปล่อยก็ได้... แต่ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ศิธรบอกหญิงสาวน้ำเสียงจริงจัง จนหญิงสาวต้องหันมามองด้วยความสงสัยว่าเขาต้องการจะคุยอะไรกับเธอ
จากนั้นชายหนุ่มจึงคลายวงแขนออกแล้วพาร่างหญิงสาวไปนั่งที่เตียงนอนเพื่อต้องการพูดคุยกับมินตราในเรื่องที่เขาตั้งใจจะพาหญิงสาวไปฮันนีมูนกันสักสองอาทิตย์ และที่เขาไปทำงานในวันนี้ก็เพื่อที่จะเข้าไปเคลียร์งานให้เรียบร้อยแต่เขาเองก็ยังไม่ได้บอกให้ทางหญิงสาวได้รับรู้เขาจึงมีอาการหงุดหงิดมากในวันนี้ทั้งวันเนื่องจากตื่นมาตั้งใจจะบอกให้หญิงสาวได้รับรู้แต่กลับไม่พบเห็นทีต้องมีภาคบังคับพาไปซะแล้วงานนี้
พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฮันนีมูน... ชายหนุ่มบอกให้หญิงสาวได้รับรู้ในทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทีอยากรู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร
มินตราเมื่อได้ยินว่าศิธรจะพาเธอไปฮันนีมูนเท่านั้นก็ต้องทำตาโตด้วยความตกใจ ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะพาเธอไปเพราะการแต่งงานที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของการเอาชนะกันเท่านั้น แต่ที่มันล่วงเลยมาจนถึงปานนี้ก็คงเกิดขึ้นเพราะเธอเริ่มรู้สึกพิเศษกับเขาขึ้นมาบางแล้วจึงได้ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนเขามินตรายอมรับเลยว่าดูท่าทางของเขาไม่ออกจริงๆ ว่าเขารู้สึกกับเธอเช่นไร แล้วยังมีบุณฑรีคู่นอนที่เป็นตัวเป็นตนอีกคนต้องลงเขาจะเอายังไงกันแน่
อะไรนะคะ มินตราเอ่ยออกมาด้วยท่าทางตกใจในสิ่งที่เขาบอก
ไม่เห็นต้องตกใจเลย เราแต่งงานกันก็ต้องไปฮันนีมูนสิไม่เห็นจะแปลก เขาตอบน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งๆ ที่คุณกับฉันแต่งงานกันเพราะความจำเป็นบังคับเท่านั้นเนี้ยนะ มินตราเถียงออกไปอย่างงงๆ และไม่คิดว่าชายหนุ่มจะพาเธอไปฮันนีมูนจริงๆ แน่นอนต้องโดนคุณหญิงพรรณีบังคับ หรือต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน
นี่คุณคิดจะทำอะไร... คุณหนึ่ง มินตราเอ่ยถามออกไปทันทีเนื่องจากไม่ไว้ใจในตัวของชายหนุ่มในตอนนี้ว่าเขาต้องการจะเล่นเกมอะไรกับเธออีกกันแน่ และที่แน่ๆ เธอไม่ยอมเป็นตัวตลกให้เขาเชิดเล่นง่ายๆ หรอกแม้ว่าเธอจะรู้สึกดีๆกับเขาบ้างแล้วก็ตามที
ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แค่อยากพาคุณไปฮันนีมูนจริงๆ นี่คุณคิดมากไปหรือเปล่าเนี้ย ชายหนุ่มบอกออกไปตามตรงอย่างที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะพาหญิงสาวไปเที่ยวด้วยกันเพื่อเป็นการทำความรู้จักกันมากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพราะชายหนุ่มไม่คิดที่จะหย่าจากหญิงสาวง่ายๆ แล้วในตอนนี้ เขายอมรับกับตัวเองเลยจริงๆ ว่าเขาเริ่มที่จะหลงรักหญิงสาว
ส่วนเรื่องคู่นอนของเขาที่มีอยู่ก็ตั้งใจว่าจะเลิกให้หมดแต่คงต้องใช้เวลาในการจัดการสักพัก แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะบอกให้หญิงสาวได้รู้ในตอนนี้ คงต้องรอเวลาที่จะเรียนรู้กันไปสักพัก แล้วเขาจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้หญิงสาวได้รับรู้รวมทั้งความในใจของเขาด้วย
ฉันไม่ไป... ไม่ว่าง มีงานต้องทำ มินตราตอบปฏิเสธทันที
คุณจะว่างหรือไม่ผมไม่สน แต่คุณต้องไป ศิธรบอกหญิงสาวออกไปเสียงเข้มเหมือนจะบอกให้รู้ว่าอย่าได้คิดขัดใจเขาเด็ดขาด
คุณจะบ้าหรอ ฉันบอกว่าไม่ว่าง ฉันไม่ไป มินตราจ้องหน้าเขาแล้วบอกออกไปอย่างต้องการเอาชนะเช่นกัน
ผมไม่สน ถ้าเรื่องมากนักคุณก็ออกจากงานซะเลยสิ ศิธรเริ่มหมดความอดทน เขาไม่ถนัดเรื่องการง้อหรือเอาใจคนอื่นนัก เพราะเขาเองมีแต่คนมาคอยเอาใจ
ดวงตาดื้อรั้นของมินตราสบกับดวงตาดำคมของชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง เธอมองเข้าไปในดวงตาดำเข้มคู่นั้นโดยไม่หลบเลี่ยง เธอไม่ได้ต้องการท้าทาย แต่ก็ไม่ได้กลัวเกรงเช่นกัน
ว่าไงนะ... หญิงสาวขึ้นเสียงกับการที่ชายหนุ่มให้เธอออกจากงาน
ฉันไม่มีทางออกจากงานแน่นอน หญิงสาวพูดออกไปเสียงดังฟังชัดจนชายหนุ่มที่กำลังมองหน้าหญิงสาวต้องกระพริบตาคาดคะเน หรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังมองเขานิ่งอย่างคาดเดาความคิดไม่ได้
ทำไม ผมเลี้ยงคุณได้ ศิธรเถียงหญิงสาวออกไป
ฉันรู้ว่าคุณร่ำรวย แต่ฉันรักงานของฉัน และฉันก็ไม่อยากได้เงินของคุณ รู้ไว้ซะด้วย มินตราบอกเหตุผลออกไปด้วยความโมโหที่ชายหนุ่มเอาเรื่องเงินขึ้นมาอ้าง
เอาล่ะ... ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่อยากเถียงกับคุณ แต่ผมจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว คุณต้องไป ศิธรถอนหายใจอย่างเอือมที่จะเถียงกับหญิงสาวที่พูดไม่รู้เรื่อง ไม่คิดจะเข้าใจอะไรสักอย่างเลย
แต่...
ไม่มีแต่ คุณต้องไป ศิธรดุออกมาเสียงดัง
ผมไปนอนหล่ะ ชายหนุ่มจึงเดินผละจากหญิงสาวไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนโดยไม่ได้คิดจะสนใจหญิงสาว ทำเหมือนกันว่าจบการสนทนาโดยเขาเป็นฝ่ายชนะเสียอย่างนั้น
คะ... คุณ... หญิงสาวพูดได้เท่านั้น หญิงสาวจึงทำได้เพียงแสดงท่าทางขัดใจที่ไม่สามารถเถียงเอาชนะชายหนุ่มได้ และคิดว่าเธอไม่ไปซะอย่างใครจะกล้ามาบังคับเธอได้ จากนั้นเธอจึงจัดการกับตัวเองแล้วเดินขึ้นเตียงไปนอนเช่นกัน
บรรยากาศรอบห้องเงียบสนิท จะได้ยินก็เพียงเสียงหายใจเบาๆ สม่ำเสมอของคนบนเตียง ที่ทำให้รู้ว่าหญิงสาวข้างกายเขาได้หลับไปนานแล้ว ศิธรจึงขยับเข้าไปใกล้ร่างบางของหญิงสาวยิ่งขึ้น และทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ คนที่เหมือนจะต้องการความอบอุ่นก็ขยับเข้ามาซุกตรงไหล่ทันที
ศิธรยิ้มอย่างพอใจ เขาโน้มใบหน้าลงมาหาหญิงสาวแล้วแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา
หายโกรธนะคนดี เราจะไปฮันนีมูนกัน เขากระซิบอย่างอ่อนโยนท่ามกลางความมืด ที่หญิงสาวหลับใหลอยู่อย่างไม่รู้สึกตัว ศิธรเองก็ได้จัดเตรียมแผนการรับมือเจ้าสาวของเขากับการที่จะพาไปฮันนีมูนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สวรรค์แห่งมหาสมุทร ไข่มุกเม็ดงามบนผืนทะเล ยังไม่อาจเทียบเคียงต่อคำเรียกกับภาพที่ปรากฎแก่สายตาในขณะนี้ได้เลย หาดทรายขาวนวลที่เกิดจากการรวมตัวกันของเม็ดทรายละเอียดนำล้าน และน้ำทะเลสีฟ้าครามใสราวกับคริสตัลทอดเป็นทางยาวอยู่เบื้องหน้าตัดกับผิวน้ำและท้องฟ้าโปร่งสดใส ท้าทายกับแสงตะวันแรงกล้าลับเส้นแบ่งเขตขอบน้ำท้องฟ้า
หมู่เกาะมัลดีฟส์เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ "The Last Paradise on Earth" ซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นปาล์มที่ลู่ ไปตามแรงลม หาดทรายขาวบริสุทธ์ และทะเลสีฟ้าครามกระจ่างใส ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวบนเกาะซึ่งตั้ง อยู่ในแถบเขตร้อนที่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คลับ เมด คานิตั้งอยู่ในหมู่เกาะมัลดีฟส์กลางมหาสมุทรอินเดียทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของศรีลังกา บนเกาะ คานิฟินโอล ด้วยการใช้เวลาเดินทางแค่ราว 4 ชั่วโมง จากสนามบินสุวรรณภูมิ บินตรงมาลงที่สนามบินนานาชาติมาเล ซึ่งมีเที่ยวบินจากเมืองใหญ่เป็นประจำ แล้วนั่งเรือเร็วต่อไปยังที่พักบนเกาะคานิ ที่คลับเมด มาขอสัมปทานทำรีสอร์ต นั่งโต้ลมสูดไอทะเลประมาณ 25 นาทีก็ถึง
คานิเป็นเกาะที่มีต้นไม้นานาพรรณที่โดดเด่นอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ราวกับว่ารีสอร์ทแห่งนี้ผลุดโผล่มาจาก ใต้ทะเลขึ้นมายืนโดดเด่นข้างหาดทรายขาว ที่แห่งนี้จึงเหมาะยิ่งนักสำหรับผู้ที่มองหากลิ่นอายของความ โรแมนติกและ กล่าวได้ว่าคานิเป็นที่พักผ่อนที่ดีสุดบนโลกใบนี้สำหรับคู่ฮันนีมูนหรือคู่รักที่ท่องเที่ยวด้วยความหวานชื่นได้โดย ไม่ต้องมีข้อกังขาใดๆ
ศิธรเป็นคนเลือกสถานที่ฮันนีมูนครั้งนี้ด้วยตนเอง โดยสั่งให้หุ้นส่วนคนสนิทอย่างนายมาร์คจัดการจับจองให้ โดยถือเอาการฮันนีมูนครั้งนี้เป็นการดูงานการจัดการด้านโรงแรมของตนไปด้วยในตัว
แม้ก่อนเดินทางมาเขาจะต้องอาศัยคุณหญิงพรรณี ยัยน้องหนู และบรรดาเพื่อนๆ ตัวแสบของหญิงสาวให้การช่วยเหลือในการนำตัวเจ้าสาวหมาดๆ ของเขามาฮันนีมูนในครั้งนี้ก็ตาม
เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงทันทีที่เท้าได้สัมผัสกับผืนทราย มินตราเองก็ต้องตกตะลึงกับความสวยงามและความเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมาก จนเธอเองลืมความโกรธเคืองที่มีต่อชายหนุ่มที่กล้าให้ทางคุณย่าและยัยอรมาคอยบังคับดักหน้าดักหลังให้เธอมาเที่ยวในครั้งนี้ แถมบรรดาแม่เพื่อนตัวดีที่กล้าลางานให้เธอล่วงหน้าโดยไม่คิดจะบอกกล่าวกันก่อนโดยอ้างว่าเจ้านายอนุมัติเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเลยจำต้องมาเที่ยวโดยทุกคนลงมติว่าเป็นการฮันนีมูน และตลอดการเดินทางเธอก็แทบไม่ได้พูดคุยกับเขาเลยสักคำเนื่องจากยังโกรธเคืองชายหนุ่มอยู่
ว้าว... สวยมากๆ เลยคะ มินตราพูดกับชายหนุ่มเป็นคำแรกของการเดินทางก็ว่าได้ ทำให้ศิธรอดยิ้มรับกับท่าทางดีอกดีใจของหญิงสาวไปไม่ได้
อ้าว... พูดได้หรอเนี้ย ผมนึกว่ามากับคนใบ้ซะอีก ชายหนุ่มเอ่ยแซวหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนอารมณ์ดี
นี่... ฉันกำลังอารมณ์ดีๆ อย่ามาชวนทะเลาะหน่อยเลยน่า มินตราหุบยิ้มแล้วหันมาตวาดชายหนุ่มเสียงเขียวเนื่องจากไม่คิดว่าเขาจะกล้า
คร้าบ... ที่นี่สวยจริงๆ แต่ก่อนอื่นเราไปที่ที่พักก่อนดีกว่าผมว่าคุณต้องชอบมากๆ แน่นอนเลย ศิธรขานรับอย่างไม่ต้องการต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวในตอนนี้เพราะว่าการมาให้ครั้งนี้เขาต้องการปรับความเข้าใจกับหญิงสาวมากกว่า
---------------------------------------------------
เม้มเป็นกำลังใจให้พี่กันบ้างนะจ๊ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อัพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ขอตามติดไปฮันนีมูนกับคู่นี้ก่อน...ดีกันน้า
คุณหนึ่งจะหวานได้สักแค่ไหน ต้องตามมาดูกัน
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆคราบบบบบบบมาอัพเร็วนา รอจร้า
พี่กันสู้ๆๆ มาอัพต่อนะคร้า