ตอนที่ 1 : ตอนที่ 1: งานเลี้ยงของน้องหนูกับนางซินสาว...... (100%)
ตอนที่ 1: งานเลี้ยงของน้องหนูกับนางซินสาว......
ณ คฤหาสน์หลังงามใจกลางกรุง เป็นคฤหาสน์ของตระกูล ศิธราวัฒน์ ที่มีเรือนใหญ่สีขาวตั้งเด่นตระหง่าน และถัดไปยังมีเรือนเล็กอีก แต่ในตอนนี้พื้นที่ด้านหน้าคฤหาสน์ที่เคยเป็นสนามโล่งๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บัดนี้กลายเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงขนาดย่อมที่มีโต๊ะเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ
หญิงสาวหันกลับมาเมื่อผู้เป็นพี่ชายที่เดินเข้ามาทักทาย หลังจากกลับมาจากทำงาน
เป็นยังไงน้องหนู เด็กๆ จัดสถานที่ถูกใจมั้ย ศิธร ศิธราวัฒน์เอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ความจริงน้องหนูไม่อยากจัดงานให้มันใหญ่โตขนาดนี้เลยนะพี่หนึ่ง มันสิ้นเปลื้องและก็ดูยุ่งยากด้วย ชุติอรบอกกับพี่ชายด้วยความเกรงใจ
ไม่เป็นไรหรอกน้องหนู งานเลี้ยงวันเกิดน้องสาวพี่ทั้งคนจะน้อยกว่านี้ได้ยังไงจริงมั้ย คนเป็นพี่ชายบอกพร้อมทั้งขยี้หัวน้องสาวเล่นด้วยความเคยชิน
อ๋อ... เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ กลับมาเหนื่อยๆ อยากพักสักหน่อยแล้วค่ำๆ พี่จะลงมาอีกทีแล้วกันนะ ศิธรบอกน้องสาวของเขาด้วยว่าเขาเหนื่อยกับงานทั้งวันเนื่องจากนานๆ เขาจะเข้าบริษัทสักทีหนึ่ง
คะ ขอบคุณมากเลยนะคะพี่หนึ่ง น้องสาวยกมือไหว้แสดงความขอบคุณกับพี่ชายเธอด้วยใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม
ตกค่ำบรรยากาศในงานวันเกิดน้องหนู หรือ นางสาว ชุติอร ศิธราวัฒน์ ครบรอบ 25 ปี ก็เริ่มมีบรรดาเพื่อนฝูงทั้งสมัยเรียน และสมัยทำงานเริ่มทยอยกันเข้าภายในงาน ชุติอรในตอนนี้อยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อนขับกับผิวขาวของเธอเป็นอย่างมากแล้วยังประดับด้วยลูกไม้ตรงชายกระโปรงทำให้ดูอ่อนหวานชวนให้บรรดาแขกหนุ่มๆ ที่เข้ามาให้งานวันเกิดของเธอมองกันเพลินไปเลยทีเดียว
เอ้าน้องหนูเพื่อนๆ มากันเยอะแยะแล้วนี่ ไม่เหงาแล้วสินะ คนเป็นพี่ชายเอ่ยแซวน้องสาวที่ขณะนี้กำลังยืนเม้าส์กับบรรดาเพื่อนๆ อย่างออกรสออกชาดเป็นอย่างมาก
คะ พี่หนึ่ง ชุติอรหันมาขานรับกับพี่ชายเธอแล้วถือโอกาสพาควงเดินแนะนำให้เพื่อนๆ ของเธอได้รู้จักไปเกือบทั่วบริเวณงานเลยซะอย่างนั้นทั้งที่พี่ชายเขาก็บ่นว่าน่าเบื่อจะตายไป แต่ก็อดตามใจคนเป็นน้องสาวไม่ได้
เนื่องจากศิธรเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม รูปร่างได้สัดส่วนหล่อเหล่า ยิ่งในยามที่เขาเดินไปทางไหนร่างสูงของเขาที่เดินตัวตรงนั้นเป็นที่สะดุดตาใครๆ ภายในงานยิ่งนักจึงไม่แปลกที่จะมีพนักงานสาวๆ หรือบรรดาเพื่อนๆ ของน้องสาวเขามองด้วยสายตาละห้อยและยังกรี๊ดกร๊าดกับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากอินทุอรแนะนำให้รู้จัก
ตอนนี้ก็เริ่มดึกมากแล้วบรรดาเพื่อนบางคนที่ไม่สนิทมากเท่าไหร่ ก็เริ่มทยอยกันขอตัวกลับจนคนภายในงานเริ่มจะเหลือแต่บรรดาเหล่าเพื่อนสนิทของชุติอรแล้ว
นี่... ยัยน้องหนูจะพาพี่เดินอีกกี่รอบเนี้ย ดึกแล้วเพื่อนน้องหนูก็เริ่มทยอยกันกลับบ้างแล้วนะ ศิธรเริ่มบ่นกับน้องสาวด้วยว่าหงุดหงิดเนื่องจากเขาไม่ชอบงานสังคมสักเท่าไหร่ เพราะมันดูวุ่นวาย เสียงดังน่ารำคาญอีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานวันเกิดของน้องสาวเขาคงไม่โผล่ออกมาแน่ๆ
เออ... เออ... พี่หนึ่งรอน้องหนูอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ น้องหนูอยากแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้พี่หนึ่งได้รู้จักอ่ะคะ นะคะพี่หนึ่ง ชุติอรพาพี่ชายเดินไปจนทั่วงานแล้วแต่ยังขาดเพื่อนสนิทไปจึงบอกให้พี่ชายรอก่อนที่จะกลับเข้าไปพักผ่อน
หลังจากน้องสาวยอมปล่อยตัวศิธร เขาก็คิดว่าน่าเบื่อจริงยัยน้องหนูเพื่อนอะไรจะสำคัญขนาดที่ต้องให้คนอย่างเขามาอดหลับอดนอนรอเพื่อให้ได้รู้จัก มันจะเกินไปแล้วนะ ชายหนุ่มคิดอย่างระอาใจแล้วก็เดินตรงกลับเข้าไปภายในคฤหาสน์หรูโดยไม่คิดสนใจที่จะรออย่างที่น้องสาวเขาได้ขอร้องไว้เลยสักนิดเพราะเขาเองก็มีผู้หญิงรอเขาอยู่เหมือนกัน
ฝ่ายชุติอรก็ไม่ต่างกันเขาได้แนะนำเพื่อนไปก็หลายคนแล้วแต่ไอ้เพื่อนสนิทดันไปหลบอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ยัยมินนะยัยมินอย่าให้เจอตัวนะ แม่จะบ่นให้หูชาเลยคอยดู ชุติอรบ่นไปก็ชะเง้อมองหาเพื่อนสาวคนสนิทแต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอจึงใช้วิธีอ้อนให้พี่ชายของเธอรออยู่ก่อนแล้วเร่งรีบแยกตัวออกมาเดินหาเพื่อนสาวคนสนิท
ชุติอรนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนเขาคนนี้ชอบเข้าไปในครัว ชอบมาวุ่นวายอยู่ในนี้เป็นประจำที่มาที่นี่ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปยังห้องครัว และยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงบริเวณประตูครัว ชุติอรก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากภายในห้องครัวจึงรุดเขาไปดูในทันที
เพล้ง..!!!
จานกระเบื้องสีขาวลวดลายดอกไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม หล่นกระทบพื้นแข็งเสียงดังลั่น พร้อมๆ กับเสียงแหลมเล็กของหญิงสาวอีกคนหนึ่งร้องทักขึ้น
เอาเข้าไป จานหลุยส์ใบละสองร้อยฉัน...แตกจนได้นะยัยมิน
เจ้าของร่างบางกลมกลึงได้สัดส่วนหันมายิ้มแหยๆ ให้เพื่อน ที่เข้ามายืนมองเธอด้วยสีหน้าสุดสมเพชในความซุ่มซ่ามด้วยความรู้สึกทั้งตกใจ เกรงใจ และสำนึกผิด
ขอโทษจ้ะอร...จานมันลื่นหลุดมือไปเองน่ะ...ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันแตก แต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะจัดการเก็บกวาดให้เกลี้ยง มินตราขัดอาสา ก่อนจะรีบกุลีกุจอก้มลงเก็บเศษจานมากองรวมๆ กันไว้
ไม่ต้องๆ...เดี๋ยวให้เด็กมันมาจัดการเก็บกวาด แกออกไปกินเค้กกับฉันข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวจะแนะนำเพื่อนคนอื่นๆ ให้รู้จักด้วย...นี่อะไร เป็นเพื่อนเจ้าของงานเลี้ยงแท้ๆ ดันแอบหนีมาซุกตัวอยู่ในครัว เป็นนางซิน อย่างนี้แกจะมีโอกาสได้เจอเจ้าชายหรือยะ จนเขาจะกลับกันหมดแล้วเนี้ย ชุติอรบ่น ขณะเดินเข้ามาคว้าแขนเพื่อนให้ลุกขึ้นจากกองเศษกระเบื้อง
ไม่ได้ๆ ฉันทำแตกฉันก็ต้องรับผิดชอบเก็บ ไม่ใช่ให้คนอื่นมาทำแทน เอาเป็นว่าถ้าแกอยากจะให้ฉันออกไปร่วมฉลองงานวันเกิดของแกเร็วๆ แกก็ช่วยหาไม้กวาดกะที่โกยผงมาให้ฉันที บ้านแกหลังใหญ่ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเก็บไว้ที่ไหน มิตราดึงแขนออกจากการยึดของเพื่อนทั้งยังสั่งให้เจ้าของบ้านหาในสิ่งที่ต้องการ โดยตัวเองยังคงก้มหน้าก้มตารวบรวมเศษจานกระเบื้องต่อ
แกนี่จริงๆเล้ย...ซุ่มซ่ามแล้วยังดื้ออีก ชุติอรบ่น แต่ก็ยอมออกไปตามหาไม้กวาดมาให้เพื่อนตามต้องการ
ในจังหวะนั้นชุติอรก็หันไปเห็นลำใยกำลังยกถาดแก้วเครื่องดื่มกลับเข้ามาในห้องครัว จึงเอ่ยสั่งออกไปด้วยความเคยชิน
ลำใยเดี๋ยวช่วยคุณมินเขาเก็บด้วยนะ ชุติอรสั่งลำใยทันที
คะ คุณหนู ลำใยได้ยินคุณหนูสั่งจึงขานรับ จากนั่นชุติอรก็หันไปหาเพื่อนสาวทันที
อย่าลืมตามออกไปนะยัยมิน ชุตอรรู้นิสัยของมินตราดีว่าเธอดื้อจึงไม่ห้ามที่จะให้เธอทำแต่ก็ยังคงย้ำให้ตามออกไปในงานด้วย แต่กลับไม่มีเสียงตอบออกจากปากของมินตรา หากแต่หล่อนหันกลับมาส่งยิ้มให้กับลำใยแทน เห็นดังนั้นชุติอรจึงได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินออกไปภายในบริเวณงาน
คุณมินไม่ต้องเก็บหรอกคะ เดี๋ยวมันจะบาดมือเปล่าๆ ลำใยเห็นมินตรายังไม่หยุดเก็บรวบรวมเศษจานจึงเอ่ยบอกไปว่าไม่ต้องทำ
แล้วลำใยเก็บมันจะไม่บาดรึไงจ๊ะ... มินตราเอ่ยประชดออกไปแบบยิ้มๆ ลำใยจึงค้อนขวับด้วยร้อยยิ้มแล้ววางถาดเครื่องดื่มลง
ก็ลำใยทำเป็นประจำนี่คะ ลำใยก็ต้องรู้ดีว่าจะเก็บยังไง ลำใยยังคงเถียงมินตราออกไป
เหรอ... แล้วลำใยรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยทำ มินตราเอ่ยถามด้วยความสงสัยที่อะไรทำให้ลำใยคิดเช่นนั้น
ก็แหม... คุณมิน ดูออกผู้ดีจะตายไปคะ ที่บ้านจะต้องมีคนรับใช้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องทำนี่คะ ลำใยตอบออกไปด้วยคิดเช่นนั้นพร้อมกับก้มลงไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักขยะมาถือก่อนที่จะเดินตรงไปที่มินตรา ซึ่งรวบรวมเขาเศษจานกองเอาไว้หมดแล้ว
ลำใยเดาผิดเลย ฉันไม่เคยมีคนรับใช้สักคนเดียว ฉันทำเองหมดทุกอย่าง มินตราบอกออกไปว่าที่ลำใยคิดนั้นผิดหมด แล้วหญิงสาวก็คว้าเอาที่ตักขยะมาถือเสียเอง
จริงเหรอคะ ลำใยอุทานออกมาด้วยว่าไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นจริง เพราะว่าหญิงสาวที่หล่อนเห็นตรงหน้ามีบุคลิกที่งามไปเสียทุกอย่าง แม้จะดูห้าวไปนิดก็เถอะ แต่ผิวพรรณและกิริยาที่เธอแสดงออกมันดูดีกว่าลูกผู้ดีบางคนที่ผ่านเข้าออกบ้านนี้เสียอีก
เอ้า... ก็จริงสิ มินตราตอบย้ำเสียงหนัก
แต่ลำใยดูท่าทางคุณมินแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ลำใยยังคงเถียงด้วยความไม่เชื่อในคำบอกเล่าของมินตรา
ทำไมล่ะ มินตราลุกขึ้นยืนตัวตรงก่อนจะขยับท่าทางบิดไปมาให้ คลายเส้นที่มันตึงเนื่องจากนั่งนาน
ฉันก็มีท่าทางอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด หญิงสาวบอกพร้อมกับเดินตรงไปที่ไม้ถูพื้น
เดี๋ยวคะ... คุณมิน ลำใยทำเองดีกว่า ลำใยรีบเข้ามาแย่งไม้ถูพื้นไปจากมือหญิงสาว
คุณมินออกไปข้างนอกหาคุณหนูเถอะคะ ลำใยรีบเอ่ยไล่หญิงสาวเนื่องจากกว่าคุณน้องหนูจะว่าเอาได้
ไม่หรอก ยังไม่เรียบร้อย ไปได้ไง หญิงสาวเถียงด้วยความดื้อดึง
ไม่เป็นไรหรอกคะ ลำใยทำเอง ลำใยก็ยืนกรานที่จะทำเองเนื่องจากจะโดนดุนั่นเอง
ทำไงคนเดียว ฉันช่วยน่ะดีแล้ว เห็นลำใยวิ่งอยู่คนเดียวตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว หญิงสาวจึงปล่อยไม้ถูพื้นให้ลำใยแล้วเธอก็เดินไปหยิบโน่นนี่ลงถาด เพื่อให้ลำใยเตรียมยกออกไปยังสนาม
ที่นี่แปลกนะ มีการแบ่งคนรับใช้ประจำตัวใครตัวมันด้วย มินตราถามไปก็หยิบจำโน่นนี้ไปเรื่อยๆ
ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ คุณมิน ลำใยบอกและแสดงท่าทางไม่อยากจะพูด
จริงก็จริงสิ ลำใย นะไปกลัวอะไรกัน เพราะกับยัยคุณหนูของลำใยฉันก็พูดมาแล้วด้วย ตึกนี้ลำใยดูแลคนเดียวหรอ มินตราหยิบจานผลไม้จากตู้ชั้นล่างออกมาวาง ปากก็ตามไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่มีแต่ลำใยหรอกคะ มีป้าหอม แล้วก็ศรีนวลอีกคน ลำใยถูพื้นไปก็เล่าให้หญิงสาวฟังไป
อ้าว... แล้วสองคนนั่นไปไหนหล่ะ ไม่เห็นมาช่วยลำใย คุณย่าก็ไม่อยู่ไม่ใช่หรือ ตอนนี้ก็ว่างน่าจะมาช่วยกันนะ มินตราถามออกไปอย่างงงๆ กับการทำงานของคนรับใช้บ้านหลังนี้
ศรีนวลไปดูแลคุณหนึ่ง กับคุณบุณฑรีที่ตึกขาวหลังใหญ่โน่นแล้วคะ ส่วนป้าหอมแกไปเยี่ยมหลานป่วยที่พระประแดงตั้งแต่เมื่อวานแล้วคะ กว่าจะกลับก็คงมาพร้อมๆ กับคุณย่ามังคะ ลำใยจึงแจกแจงหน้าที่ของแต่ละคนให้มินตราฟัง
คุณย่าไปถือศีลที่วัดตั้งหลายวันไม่ใช่หรอไม่อยู่อย่างนี้แล้วใครดูแลหล่ะนี่ เห็นยัยอรเที่ยวอยู่ทุกวันเลยนี่ลำใย มินตราถามออกไปเพราะเพื่อนสาวคนสนิทของเธอออกเที่ยวทุกวัน
ก็คุณหนึ่งสิคะ ช่วงนี้คุณหนึ่งไม่ค่อยได้ไปทำงานหรอกคะ เห็นมีวันนี้ออกไปแต่ก็กลับเข้ามาแล้ว ลำใยเห็นมีอะไรก็ให้เลขาเอามาให้ตรวจเช็คที่นี่เลยนะคะ ลำใยอยากจะเป็นอย่างคุณหนึ่งบ้างจัง ไม่ต้องออกไปนอกบ้านก็ทำงานได้คนรวยๆ ท่านทำได้นะคะ อย่างลำใยรอไปเถอะกี่ชาติก็ไม่รู้ ลำใยเลยร่ายยาวให้มินตราฟังจนเพลินไปเลย
ชาตินี้ก็ได้ทำที่บ้านอยู่แล้วนี่ลำใย มินตราหลังจากฟังลำใยก็เลยเอ่ยแซวออกไปใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม
จริงด้วยสิ ลำใยตอบแล้วยื่นมือไปตรงหน้าหญิงสาว
คุณมินส่งถามมาดีกว่าคะ เดี๋ยวลำใยเอาออกไปให้เองคะ ลำใยเสร็จจากงานทูพื้นก็ตรงมาจะรับถาดจากมินตราไปเสริฟคนที่มาร่วมงานของเจ้านายสาว
ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยวลำใยช่วยจัดน้ำหวานนั่นลงแก้วด้วยนะ มินตราคิดจะถือไปเอง จึงสั่งลำใยไปทำอย่างอื่นแทน
คุณมินคงเคยเห็นคุณหนึ่งแล้วสิคะ เพราะลำใยเห็นคุณมินมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ลำใยยังคงคุยติดลมเรื่องเจ้านายหล่อนจึงถามต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับทำงานที่มินตราบอก
ก็เคยเห็นเขาเดินอยู่ตึกโน้นครั้งเดียวแหละ... เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นเดี๋ยวฉันมา เราช่วยกันจะได้เร็วไง มินตราตอบสาวใช้ด้วยไม่ได้ใส่ใจกับคุณหนึ่งของลำใยสักเท่าไหร่ จากนั้นจึงขันอาสาช่วยออกไปเสริฟอาหารที่เธอจัดเสร็จแล้ว
แต่ว่า... มินตราคว้าเอาถาดมาถือจะเดินออกจากครัวไป ลำใยท่าทางอึกอัก
ไม่มีแต่ เดี๋ยวฉันมาคุยต่อนะ อย่าพึ่งไปไหนละ ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนยาวปล่อยชายกับกางเกงยีนส์สีเข้มๆ ปราศจากเครื่องประดับใดๆ ทั้งนั้น รวมทั้งใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางค์ของมินตราส่งยิ้มมาให้ลำใยอย่างอบอุ่นก่อนจะพยุงถาดออกไปอย่างคล่องแคล่ว
เสียงเอะอะเฮฮาดังมาจากสนามด้านหน้าของคฤหาสน์หรู มันบ่งบอกถึงรสชาดของผู้ที่กำลังร่วมวงอยู่ในขณะนั้นเป็นอย่างดี และทันทีที่ร่างของมินตรายกถาดโผล่พ้นทางเดินลัดเลาะเข้าสู่สนามเท่านั้น เสียงที่กำลังเซ็งแซ่ก็ถึงกับเงียบกริบหันไปมองเป็นตาเดียวกัน จนในที่สุดเสียงของชุติอรเจ้าภาพของงานก็ส่งเสียงขึ้นทำลายความเงียบนั้นขึ้นก่อนใครๆ
โอ้โห... ว่าไงนางซิน ยกของออกมาเองเชียวหรือ ชุติอรเอ่ยแซวมินตราออกไปด้วยใบหน้าระบายรอยยิ้ม
เฮ้ย... เจ้ามินตรา เวลาเจ้าเดินให้ระวังหน่อยนะประเดี๋ยวเจ้าจะไปสะดุดหญ้าหน้าทิ่ม ข้าวของในถาดหล่นพวกข้าเลยต้องพลาดของเอร็ดอร่อยนะโว้ย... เสียงของแขกในงานคนหนึ่งแซวขึ้น จากนั้นเสียงหลายเสียงดังขึ้นเสริมจึงเรียกเสียงฮารอบๆ โต๊ะได้ ร่างของมินตราหยุดยืนอยู่กับที่มองมายังกลุ่มเพื่อนๆ ด้วยใบหน้าเฉยเมย ถามกลับไปอย่างไม่ยินดียินร้ายอีกว่า
ตกลงจะไม่กินของในถาดที่ยกมานี่ใช่ไหม มินตราเอ่ยเสียงเขียว
อุ้ย... กินสิแม่คุณ ชุติอรรีบบอกพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ แต่ก็ช้ากว่าสุวิทย์ที่มาถึงตัวมินตราก่อนแล้ว
ผมช่วยถือดีกว่าครับ สุวิทย์ชิงเอ่ยเสนอตัวช่วยถือถาดแทน
สงสัยมีคุณคนเดียวมั้งเนี่ย ที่จะกินอาหารพวกนี้ มินตราตอบหน้าตาย เล่นเอาทุกคนที่อยู่ตรงนั้นลุกพรึบหวังจะมารับถาดอาหารไปจากมือของเธอเป็นการเอาใจ แต่มินตราก็ยื่นถาดนั้นให้กับสุวิทย์เสียแล้ว
เสียใจครับผมมาถึงก่อน สุวิทย์ยิ้มกริ่มรับถาดมาถือ
ต๊าย... คุณไว นี่ไวสมชื่อเลยนะคะ ก็ไม่ทราบว่ารับถาดไวแล้วจะทำอย่างอื่นไวด้วยหรือเปล่าเน๊อะ ใบเตยสาวเปรี้ยวในกลุ่มพูดลอยๆ ขึ้น
เฮ... เสียงดังลั่นสนาม สุวิทย์หน้าแดงเรื่อและชำเลืองสายตามาที่ใบหน้าของมินตรา แต่ว่าหญิงสาวกลับเฉยเมยไม่มีความรู้สึกใดๆ นอกจากหันหลังเดินกลับไปทางเดิม
อ้าว...มิน นั่นจะไปไหนอีกหล่ะ ใบเตยถลันเข้าไปถึงตัวเพื่อนสนิทอย่างตกใจ
มิน โกรธรึเปล่าเนี้ย ใบเตยถามออกมาตรงๆ
โกรธ... โกรธทำไม มินตราหันกลับมามองใบเตยตาโตด้วยงงๆ
ก็โกรธที่เตยพูดเมื่อกี้ไง เตยจึงแจงออกไปว่าเรื่องอะไร
เปล่า... ไม่โกรธเลย ทำไมต้องโกรธล่ะ ใบเตยถามเสียงดัง ขณะที่สุวิทย์เองก็หน้าเสีย
คุณไว เอาอาหารไปวางเถอะคะ เดี๋ยวมินจะเข้าไปยกเครื่องดื่มมาให้ มินตราบอกแล้วหันจะเดินกลับไปตามทางที่เดินมา
อ้าว... ทำไมไม่ให้เด็กยกล่ะ มิน ลำใยไปไหนละ ใบเตยถามเสียงดังขึ้น พรางหันซ้ายแลขวาด้วยความเคยชินในสถานที่เนื่องจากบรรดาก๊วนนี้จะมาสังสรรกันบ่อยๆ
เออน่ะ ฉันก็มีมือนี่ อีกอย่างวันนี้ฉันอยากบริการพวกเธอด้วย เหลือรอบเดียวแหละ พอออกมาแล้วจะไม่เข้าไปเหยียบข้างในเลยแล้วกันนะ มินตราเถียงออกไปตามนิสัยที่เธอเป็นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มชวนมอง
เอ้า... ปล่อยเค๊า... ปล่อยเค๊า... พวกเรามาสนุกต่อกันดีกว่าน่า... ชุติอรพูดแทรกไปอย่างประชดประชันเนื่องเธอต้องการให้เพื่อนสนิทอย่างมินตราได้รู้จักกับพี่ชายของเธอแต่ไม่ได้ดั่งใจแล้วส่งค้อนวงใหญ่ให้ไปอีกด้วย เท่านั้นเองใบเตยก็หันหลังเดินเข้าไปร่วมกลุ่ม หลายๆ คนเริ่มขยับร่างกายไปตามเสียงเพลงจากเครื่องเสียงที่เปิดกระหึ่มอยู่ข้างๆ
เอ้า... ปล่อยลวดลายกันหน่อยเร็ว เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ทุกคนจะออกมาวาดลวดลายกันสุดฤทธิ์สุดเดชที่สนามหญ้าอันอ่อนนุ่ม ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ที่จัดเอาไว้อย่างน่ามอง ไม่ต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนเท่าใดนัก มันออกจะดีกว่าด้วยซ้ำไปเพราะที่นี่เปิดโล่งหายใจก็สะดวก จึงไม่แปลกที่สาวๆ หนุ่มๆ จะวาดลวดลายด้วยกันในฐานะเพื่อนฝูงที่รู้ใจ
มินตราเลือกที่จะเกร่อยู่ในครัวมากว่า... เพราะหล่อนไม่ชอบเสียงอึกทึก โดยเฉพาะมีน้ำสีอำพันร่วมในวงด้วยแล้วหล่อนยิ่งไม่ชอบไปกันใหญ่
คุณมินออกไปข้างนอกเถอะคะ เมื่อกี้ลำใยยกถาดออกไป คุณหนูเพื่อนๆ ถามหากันใหญ่เลยคะ ลำใยหลังจากเข้ามาจากเดินออกไปเสริฟน้ำก็มาออกไปราวกับจะไล่เธอออกไปร่วมงานกับเพื่อนๆ ด้านนอก
แล้วลำใยบอกว่าไงล่ะ มินตราหันมาถามอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ลำใยก็บอกว่าเดี๋ยวคุณมินออกไป แต่คุณหนูก็ถามนะคะว่า คุณมินทำอะไรอยู่ เพราะรอนานแล้วไม่เห็นออกไป นี่คุณหนูจะเข้ามาตามถึงที่นี่เลยนะคะ ลำใยเล่าให้ฟังอย่างเกรงกลัวเจ้านายจะโกรธเอาได้
แล้วนั่นลำใยจะไปไหนอีกหล่ะ มินตราเห็นลำใยหันหลังกำลังจะก้าวออกไปจึงรีบเอ่ยทักขึ้น
ก็จะออกไปช่วยดูคุณๆ ข้างนอกคะ ลำใยเข้ามาตามคุณมินนะคะ ไปเถอะคะ ลำใยหันมาตอบพร้อมกับเอ่ยชวนมินตราให้ออกไปพร้อมๆ กัน
ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอง แล้วลำใยทานอะไรบ้างหรือยัง มินตราบอกออกไปอย่างหาทางเลี่ยงและแสดงท่าทางเหมือนปกติไม่เดือดร้อนใดๆ
ไม่เป็นไรหรอกคะ คุณมินไปเถอะนะคะ ข้าวของก็พอแล้ว คงไม่ต้องจัดอะไรแล้วหล่ะคะ ลำใยเหนื่อยกับความดื้อรั้นของมินตราจนใจในความเฉยชาของหล่อนยิ่งนักแต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา
ไม่ได้สิ ถ้าลำใยยังไม่ได้กินอะไรก็ต้องกินก่อนนะเพราะอย่านึกว่าจะเหลือจากพวกข้างนอกนั่นเลย กว่าเขาจะเสร็จลำใยก็ท้องกิ่วตายพอดี เออนี่... มินตรานึกอะไรขึ้นมาได้หล่อนรีบเปิดตู้กับข้าวคว้าเอาวุ้นเส้นมายกโชว์ให้ลำใยดู พรางยิ้มร่า
เดี๋ยวฉันยำวุ้นเส้นให้ดีกว่า ลำใยไปดูความเรียบร้อยข้างนอกแล้วเข้ามาที่นี่นะ ลำใยจะได้มีอะไรรองท้องบ้างนะ มินตรายิ้มกริ่มเมื่อหาเรื่องไม่ต้องออกไปด้านนอก แล้วรีบแกะห่อวุ้นเส้นออกมาอย่างกระตื้อลือล้น
แต่คุณมินคะ ลำใยอ่อนใจค้านออกไปแล้วส่ายหน้า และรู้สึกขอบคุณในความห่วงใยของหญิงสาวที่เคยผ่านเข้าออกบ้านนี้มากกว่าเพื่อนๆ ทุกคนที่ชุติอรคบมา และคุณย่าก็มีท่าทางชอบมินตรามากกว่าคนอื่นๆ เสียด้วย ลำใยยังจำได้ว่าคุณย่าบอกกับลำใยว่า
ลำใย ฉันรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้จังเลยนะ
คุณย่าชอบคุณมินตราน่ะหรือคะ ลำใยเอ่ยถามคุณย่าของคุณๆ ในบ้าน
อ๋อ... เขาชื่อมินตราหรือ ใช่... ฉันชอบเขานะ เขาเป็นเด็กเฉยๆ ดี แต่ท่าทางน่าเกรงขามเป็นผู้ดีและเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ยายน้องหนูเสียอีกที่ยังทำตัวเป็นเด็ก ดีนะ ยายน้องหนูมีเพื่อนอย่างหนูมิน เพราะไม่อย่างนั้นยายหนูก็จะไม่กลับเข้าบ้านเลยถ้าตะวันไม่ตกดินหรือหมาไม่หลับไปเสียก่อน
แล้วลำใยก็ต้องถอดหายใจกับความคิดของตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีเสียงเรียกเข้ามาให้ได้ยิน
ลำใย... ลำใยไปได้แล้ว มัวยืนตาลอยคิดอะไรอยูอีกฮึ... มินตราโบกมือไล่ลำใย นั่นหล่ะลำใยถึงตื่นจากภวังค์หันหลังเดินออกไป
-------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกมากๆเลยค่ะ นางเอกนี้ช๊องชอบ เพราะเก่งดี ค่ะ
เรื่องนี้บรรยายเยอะอยู่เหมือนกัน...
ภาษาก็ลื่นดีอย่างที่พี่บุษบอกอ่ะนะ
มาเป็นกำลังใจให้จ้า
ปล. พออ่านที่พี่บุษเมนต์แล้วนึกถึงเรื่อง แสงฯ ของแอนเลยอิอิ...
มันจริงอย่างที่พี่บุษบอกอ่ะ บรรยายเยอะมันจะดูเยิ่นเย้ออ่ะ .... แล้วแก้ไม่ได้ด้วยอ่ะ
กันก็เห็นนี่น่า... อิอิ (พี่บุษคงยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ของแอน... อิอิ ไม่งั้นพี่บุษคงบอกเหมือนที่บอกกับกันนี่แหละ)
แล้วจะอ่านต่อนะจ๊ะ
เป็นกำลังใจให้จ้า สู้ๆๆๆๆๆ
อย่าให้บทแบบนี้ยาวไป มันจะเยิ่นเย้อ เรื่องไม่กระชับนะจ๊ะ
ภาษาก็ลื่นขึ้นจ๊ะ ตัดบทสนทนาเล็กๆออกไปหน่อยดีกว่านะ
บรรยายบ้าง จะทำให้แต่ละตอน มีเนื้อเรื่อง ที่คนอ่านเข้าใจ
และกระชับมากขึ้น........มาวิจารณ์ตามคำเชิญค่ะแต่มาให้กำลังใจ
ด้วยนะจ๊ะน้องกัน......ผู้น่ารัก........ของพี่บุษ
อ่านแล้วนึกถึงบทโทรทัศน์เลยจ้าพี่กัน
หนูต้องขออภัยด้วยนะจ๊ะที่หายเงียบไป T^T
งานเข้าถล่มมา 3 วันติดแล้วจ้า เลยไม่ได้เข้ามาทักทาย ><
ไม่โกรธน้องสาวตาดำ ๆ นะจ๊ะ