ตอนที่ 2 : ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้น 1 (100% รีไรท์)
ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้น
หัวค่ำของงานทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดวิเวกวายุพัด ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองเก่าของไทยเราเริ่มมีแสงไฟวูบวาบสีสันสดใส ผู้คนเริ่มทยอยเข้างานกันมากมาย ซึ่งก็ยังไม่ถึงช่วงค่ำคืนของงานบรรยากาศจึงเป็นออกแนวสับสนระหว่างนักแสดงในงาน กับชาวบ้านที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ โดยที่แต่ละซุ่มกำลังจัดเตรียมข้าวของสำหรับการแสดงของตนที่จะจัดแสดงในคืนนี้ ร้านค้าเองก็เตรียมจัดแสดงสินค้าพื้นบ้านของแต่ละคนออกจำหน่ายมากมาย มองไปอีกมุมก็มีส่วนการละเล่นเป็นชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ซึ่งจัดเตรียมการณ์เพื่อรองรับกับผู้คนในหมู่บ้านที่จะมาร่วมงาน
ณ ซุ่มสอยดาว เป็นซุ่มหนึ่งที่คนให้ความสนใจกันมากจึงมีคนมากหน้าหลายตาเข้ามามุ่งดูกันมากมาย แน่นขนัดไปหมดเหมือนเป็นไทยมุงขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว
" โอ๊ยยย... ตีนคนนะโว้ย "
สุดที่จะทนได้ แก้วกานต์ดา รวบรวมกำลังผลักตัวผู้ชายสูงใหญ่ที่เหยียบเท้าเธอออกโดยไม่มองหน้าไปเต็มแรง ทำให้ร่างสูงใหญ่นั้นเซถลาปะทะกับคนรอบข้างล้มระเนระนาด
" โอ้ยยย... ตายแล้ว "
เสียงร้องของคนรอบข้างดังขึ้น พร้อมกันมากมายด้วยความตกใจ โดยมีเสียงโฆษกของทางวัดกล่าวเชิญชวนชาวบ้านในหมู่บ้านมาร่วมงานทอดผ้าป่า ณ วัดแห่งนี้ ..
" อะไรกันเนี้ย ระวังเด็ก ระวังเด็ก อย่าเหยียบลูกฉันนะ" เสียงร้องของผู้หญิงอีกคนหนึ่งดังลั่นขึ้นมาบ้าง
" ใครผลักมาวะ... จะบ้าเหรอคนมันแน่นขนาดนี้ก็รู้อยู่นี่หว่า "
" ดันผลักมาได้... ใครวะ "
แก้วกานต์ดาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางโมโห ซึ่งเธอก็โมโหจริงๆ นี่ แม้จะเดินแบบกระย่องกระแย่งเข้ามาหาคนที่เหยียบเท้าเธอ แต่ปากก็ตอบกลับผู้คนที่ล้มระเนระนาดลงไปเพราะแรงผลักของเธอ
" นี่ นี่ นี่ ... นายคนนี้หล่ะทำ "
เธอชี้หน้าไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเธอเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆ พร้อมๆ กับเสียงของโฆษกของทางวัดได้เงียบเสียงลง
" อ้าววว... ไหงถึงทิ้งมาให้ผมอย่างนี้ล่ะคุณ " เขาว่า
" คุณเป็นคนผลักไม่ใช่หรอ.. แล้วก็ผลักซะแต็มแรงด้วยจะไม่ล้มไงไหว "
" ฉันก็เจ็บนี่ ! เหยียบเท้าฉันเป็นนานเลย คนนะ ไม่ใช่หมา... " เธอแหวใส่ชายร่างสูงใหญ่
" นี่ ! ยังจะมาพูดว่าฉันผลักซะเต็มแรงอีก "
" ผมจะทราบได้ยังไงหล่ะครับคุณ ก็... คนมันเยอะ " ชายหนุ่มหันไปมามองผู้คนที่เริ่มจับกลุ่มเป็นไทยมุงขึ้นมาเพื่อยืนดูเหตุการณ์ทะเลาะกันของสองหนุ่มสาว
" ไม่ทราบบบ... อ๋อ พูดง่ายนี่! จะขอโทษสักคำยังไม่มีเลยนะ... "
" ขอโทษ ! ... " เขาทำเสียงสูง มองเหยียดๆ ท่าทางยะโส ไม่ใส่ใจกับคำพูดมากนัก
" ใช่ผมอาจจะเหยียบเท้าคุณ "
" ไม่อาจจะหรอก เหยียบจริงๆ นี่ ! เห็นไหม " หญิงสาวยื่นเท้าออกมาข้างหน้าท่ามกลางไทยมุงกลุ่มขนาดย่อยๆ
" ผมเหยียบเพราะคนมันแน่นมากๆ คุณก็น่าจะบอกกับผมดีๆ ไม่ใช่มาผลักกันแบบนี้ "
" อ๋อ... บอกดีๆ ฉันเจ็บจนน้ำตาเล็ด " หลอนเท้าเอวเชิดหน้าเข้าใส่
" ผม... จะไปทราบได้ยังไงก็... " ชายหนุ่มถึงกับติดอ่างไป
ภัทรพล อดุลกิจเจริญ ตอบออกไปอย่างหงุดหงิด เขาไม่สามารถที่จะพูดทันหญิงสาวได้เลย เพราะภาษาไทยของเขายังใช้ไม่ได้ศัพท์ และก็ยังไม่คล่อง หน้าเขาจึงแดงด้วยความโมโห
" มีอะไรกัน ครับ " หนุ่มอีกคนก็แหวกกลุ่มชาวบ้านโผล่เข้ามาถาม... มองใบหน้าหญิงสาวและชายหนุ่มสลับไปสลับมา
" นายมาก็ดีแล้ว... " ภัทรพลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เห็นเพื่อนหนุ่ม
" มีอะไรครับ คุณ... " เขาหันไปถามหญิงสาว
" นายเป็นเพื่อนเขาใช่มั้ยหล่ะ " แก้วกานต์ดาถามเสียงเข้ม หนุ่มผู้มาใหม่พยักหน้ารับ แล้วมองหล่อนแบบงงๆ พร้อมกับนิ่วหน้า
" เขาเหยียบเท้าฉัน... บวมฉึ่งเลย ดูซิ ! " หล่อนยื่นเท้าให้หนุ่มผู้มาใหม่เห็น
" จะขอโทษฉันสักคำก็ยังไม่มี... ชิ... แล้วยังจะมาว่าฉันอีก " เธอว่าออกไป
" เฮ้ ! คุณ... " ภัทรพลร้องออกไปโดยเร็วพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากัน
" ผมไปว่าอะไรคุณหล่ะ... มีแต่คุณนั้นหล่ะว่าผมอยู่ฝ่ายเดียว "
" เงียบ ! ไปเลยนะ "เธอหันมาแหวเข้าใส่ และหันกลับไปทางชายหนุ่มผู้มาใหม่ โดยไม่สนใจพวกชาวบ้านที่ยืนมุงกัน
" คุณเห็นหรือยังว่าเพื่อนของคุณเป็นยังไง "
" เห็นแล้วครับ... เห็นแล้ว " หนุ่มผู้นั้นรับคำพร้อมทั้งหัวเราะเบาๆ
" คุณหัวเราะอะไร ! " หญิงสาวถามเสียงสูง
" คุณเห็นว่าเป็นเรื่องตลกรึไง "
" โอ๊ะ ... เปล่าครับคุณ เปล่าเลยครับ " เขารีบแก้ตัวพลันวัน
" เอ้อ .. ผมเห็นว่าเท้าของคุณบวมจริงๆ ครับ "
" แน่ล่ะซิ เล่นเหยียบเต็มเหนี่ยวแล้วยังบดขยี้ซ้ำอีก รองเท้านั่นน่ะมันน้องๆ ยักษ์เลยนะ " เธอชี้ไปที่รองเท้าชายหนุ่มที่ชื่อภัทรพล ซึ่งยืนกระสับกระส่ายอยู่ใกล้นั่นเอง
" แล้วไงครับ จะให้พอลขอโทษ ใช่มั้ยครับ " ชายหนุ่มถามออกไป
" ก็ควรเป็นงั้นสิ " เธอยืนเชิดหน้า ชายตามองใบหน้าชายหนุ่มลูกครึ่งอย่างหมั่นไส้ เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่มองมาที่เธอเหมือนกัน
" ก็อยาก...ขอโทษ... นะ " เขาว่าช้าๆ ชัดๆ
" นั่นมันความคิดแวบแรก... ก่อนที่คุณจะร่ายยาวใส่ผม "
" ว่าไงนะ ! " แก้วกานต์ดาแทบตะโกน หน๋อยไอ้คนผีนี่มาหาว่าเราปากจัด หญิงสาวเดือดปุดๆ
" ก็ได้ไม่ขอโทษก็ไม่ต้องขอโทษ "
" เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ สารวัตร " ผู้ใหญ่บ้านบุญมา แหวกผู้คนเข้ามาหน้าตาตื่นเมื่อมีคนในหมู่บ้านวิ่งไปตามว่าเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นที่ซุ่มสอยดาว
" อ๋อ... ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผู้ใหญ่ " ชายหนุ่มที่เข้าทีหลังเป็นสารวัตรงั้นหรอ... แก้วกานต์ดาหันมามอง
" เพื่อนผมเขามาสะดุดเท้าสาวบ้านนี้เข้าให้ " ชายหนุ่มรีบบอกเนื่องจากกลัวจะเกิดปัญหากับเพื่อนหนุ่ม
เอ๊ะ... ชักจะพูดไม่ถูกรูหูซะแล้วสิ... นายสารวัตรคนนี้ หญิงสาวคิดและมองเขาตาเขียวปัด
" เอ่ออออ... คืออย่างนี้นะครับเพื่อนผมเขาอาจจะพูดภาษาไทยยังไม่เก่งน่ะครับคุณ " สารวัตรเมฆายังพูดไม่จบ ผู้ใหญ่บ้านก็หันมาเจอใบหน้าของแก้วกานต์ดาเข้า
" อ้าว... ไอ้หนูแก้ว " ลุงผู้ใหญ่ทักขึ้นมา
" ไม่เป็นไรคะลุงผู้ใหญ่... ไม่ขอโทษ... ก็ไม่เป็นไร " หญิงสาวเม้มปาก พยักหน้าอย่างครุ่นคิด แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องตามผู้ใหญ่แล้วยิ้มแบบยวนๆ
" หนูขอโทษเขาเองก็ได้.. " พร้อมกับที่เธอหันไปทางเขา
" แต่ ! ไม่ใช่ตอนนี้... หนูจะขอโทษทีหลังคะ ถ้ามีโอกาส " หญิงสาวหันหลัง ผู้คนหลีกทางให้หล่อนเดินลิ่วออกไป ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านมีสีหน้าไม่สู้จะดีนัก
" มีอะไรเหรอครับ ผู้ใหญ่ " สารวัตรเมฆอดที่จะถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้ ผู้คนที่ห้อมล้อมเมื่อครู่ก็กระจายออกไปเรื่อยๆ จนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
" ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แต่สงสัยอยู่ว่าทำไมไอ้หนูแก้วมันถึงยอมง่ายนัก " ผู้ใหญ่บ่นออกไป
" ปกติเขาไม่ค่อยยอมใครง่ายๆ หรือครับ ผู้ใหญ่ " สารวัตรหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย
" ครับ " ผู้ใหญ่ยิ้ม ไอ้หนูแก้วมันชอบความยุติธรรม ถ้ามันไม่ผิดหล่ะก็ มันไม่มีทางยอมเด็ดขาด ผู้ใหญ่บุญมาคิด
" ก็คราวนี้เขาผิด " ภัทรพลที่ได้แต่ยืนฟังอยู่เอ่ยขึ้นมาบ้าง และคิดว่าเธอหาเรื่องเขา
" อ้าววว... แล้วคุณไปเหยียบเท้าเขาจริงหรือเปล่าล่ะครับ " ผู้ใหญ่บุญมาเอ่ยถาม
" มันก็ใช่ครับ... ผมเหยียบ " ภัทรพลยอมรับ
" คนมันแน่น ข้างหลังดันมา... ผมเลย... " เขาเอ่ยขึ้น
" เอาเถอะครับ ยังไงก็ระวังๆ หน่อยแล้วกันนะครับ " ผู้ใหญ่เอ่ยขึ้นมาซะก่อน
" ทำไมล่ะครับผู้ใหญ่ " สารวัตรหนุ่มถามขึ้นมา
" ไอ้หนูแก้วมันคนเจ้าคิดเจ้าแค้นสักหน่อย มันอาจจะกลับมาเอาคืนมั้ง " ผู้ใหญ่บ้านกล่าวเตือน
" ขนาดนั้นเชียวหรือครับผู้ใหญ่ " สารวัตรหนุ่มทำตาโต ก่อนจะหัวเราะเบาๆ หันไปทางเพื่อนหนุ่มลูกผสมพร้อมกระซิบเบาๆ พร้อมทั้งหยอกล้อเพื่อนหนุ่ม
" งั้นไอ้คุณพอลเห็นทีต้องระวังตัวแล้วล่ะนะ "
" ผมเหรอ " ชายหนุ่มถามออกไปอย่างงงๆ
" คงยากนะ ผมตัวโตกว่าเขาเยอะ " ชายหนุ่มบอกออกไปแบบไม่ใส่ใจนัก
" มันก็ไม่แน่นะ ไม่เห็นสายตาของเธอเหรอ " เพื่อนหนุ่มกล่าวเตือน
" เขาหาเรื่องผมชัดๆ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้เฮี้ยวชะมัดยากเลย " ชายหนุ่มบ่นออกมาแบบหงุดหงิด
" นั่นสิ... เล่นเอาคุณเถียงไม่ทันเลยนินะ " สารวัตรหนุ่มหัวเราะออกมา
" ไปกันเถอะ.. ผู้ใหญ่นำไปโน่นแล้ว " สารวัตรหนุ่มบอกขณะที่ทั้งสองหนุ่มก็เดินตามผู้ใหญ่ไปที่จุดรวมกองผ้าป่า
ภัทรพลเองก็อดที่จะหวนที่จะคิดถึงใบหน้า และท่าทางของแม่สาวจอมเฮี้ยวคนนั้นไม่ได้ แหมมันน่าจะจับมาตีก้นซะให้เข็ด มาเชิดหน้าพูดใส่เราอยู่ได้ บ้าจริง
ทางด้านแก้วกานต์ดา หญิงสาวเดินบ่น พร้อมกับไปเดินมาหัวเสียจนไม่เป็นอันทำอะไรด้วยท่าทางหงุดหงิดมากๆ
" เป็นอะไรไปแก้ว ฉันเวียนหัวนะ เธอเดินไปเดินมาเนี้ย " พี่สาวของเธอบ่นออกไปพร้อมทั้งมองไปมองมาของน้องสาวตน
" พี่มณีก็อย่ามองซิ ! ถ้ามันเวียนหัวอ่ะ " หล่อนเถียงด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
" อ้าววว... ไหงพูดอย่างนี้ล่ะน้อง " มณีกานต์ดามองหน้าตึงๆ ของน้องสาวจอมเฮี้ยว
" ใครทำอะไรผิดใจอีกหล่ะสิ " พี่สาวถามออกไปอย่างรู้อยู่แก่ใจดีว่าต้องมีอะไรแน่ๆ ถึงได้ทำให้น้องสาวเธอต้องเดินไปเดินมาแถวด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ไม่มีอย่างแรง
" ใช่ ! " เธอตอบทันควัน
" ทำให้เจ็บใจด้วยซิ ! ลุงผู้ใหญ่ก็ท่าทางกลัวเขาหงอเลย... ด้วย " เธอบ่น
" ใคร..? แล้วไปเกี่ยวอะไรกับลุงผู้ใหญ่ด้วยล่ะ " พี่สาวถามอย่างงงๆ
" ก็แขกผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ มั้ง ท่าทางหมอนั่นเก๊กเป็นบ้าเลย " เธอเล่าออกไป
" อ๋อออ... คงเป็นคณะที่มาทอดผ้าป่าหรือเปล่า " พี่สาวเริ่มถาม
" ไม่รู้ ! ไม่ได้ถาม รู้แต่ว่าอีกคนหนึ่งเห็นลุงผู้ใหญ่เรียกว่าสารวัตรน่ะ " เธอบอกต่อไปอีก
" เขาทำอะไรให้หล่ะ " สาวผู้พี่ถามออกไปอีก
" เนี้ยไง " หญิงสาวยื่นเท้าข้างที่ถูกเหยียบให้พี่สาวดู มณีกานต์ดามองอย่างตาโตและถามออกไปด้วยความตกใจ
" ตายจริง ! นั่นไปโดนอะไรมาเขียวเป็นจ้ำๆ เลย"
" บวมอีกต่างหาก " แก้วกานต์ดาบอกพร้อมทั่งนั่งลงใบหน้าตูม
" เห็นแล้วยิ่งเจ็บใจ... คนอะไรทุเรศมากเลย ขอโทษสักคำก็ไม่มี " เธอนึกถึงแล้วบ่นออกไป
" ทำไมไม่หาอะไรมานวด หรือทาหล่ะแก้ว พี่ว่าพรุ่งนี้อาจจะบวมมากยิ่งกว่านี้นะ " พี่สาวบอกด้วยความเป็นห่วง
" ก็ไม่รู้จะหาอะไรทาดีนี่ " เธอบอกออกไปแบบไม่ใส่ใจนักเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงหาย
" เอาน้ำอุ่นนั่นแหละปะคบ ไปหาทำซะให้เรียบร้อย เดี๋ยวคืนนี้ก็เที่ยวงานวัดไม่ได้หรอก " พี่สาวว่า
" มันต้องไปได้สิน่า " แก้วกานต์ดาตอบออกไปด้วยความมั่นใจ พร้อมทั้งกัดฟันกรอด เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าคมๆ แบบลูกครึ่งของคนที่เหยียบเท้าตัวเอง
คืนนี้... บริเวณวัดวิเวกวายุพัด คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลายหมู่บ้านที่มารวมกัน เพราะเป็นคณะผ้าป่าที่มาจากเมืองกรุง การจัดการต้อนรับจึงยิ่งใหญ่ มีการแสดงมหรสพมากมายให้สมกับจำนวนเงินที่แขกเหรื่อชาวกรุงนำมาทอดผ้าป่ากันในงานวันนี้
" พี่มณีรอด้วยซิ คนยิ่งเจ็บๆ เท้าอยู่ด้วย " น้องสาวบ่นตลอดทางเดิน
" ก็บอกให้หาน้ำอุ่นมาประคบก็ไม่ยอมทำ แล้วเป็นไง... ทีนี้ " พี่สาวบอกอย่างอืมๆ น้องสาวแต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรนัก
" พี่ก็อย่าเดินเร็วนักซี " หญิงสาวทั้งสองมองดูความครึกครื้นภายในบริเวณงานวัด
" พี่มณีจะไปดูอะไร... มวย... หนัง... หรือว่า... " น้องสาวถามพี่สาวออกไป
"ไปสอยดาวกันก่อนไหม ! " มณีกานต์ดาถามตัดหน้าออกมาด้วยความตื่นเต้น
" เอาสิ " น้องสาวตอบออกไป
ว่าแล้วคนพี่ก็เดินนำออกไป แล้วตามด้วยคนน้องที่เดินกระเผลกตามมาที่ซุ้มสอยดาว ทั้งสองสาวก็ตกเป็นเป้าสายตาของไอ้หนุ่มทั้งหลายทั้งในและนอกหมู่บ้านไปด้วยในขณะที่เดินไปที่ซุ้มสอยดาว เนื่องจากความไม่คุ้นเคยท้องถิ่นของทั้งสองสาวด้วยทั้งสองสาวนานๆ ครั้งถึงจะกลับมายังบ้านเกิดและมาเที่ยวงานวัดสักที แต่การกลับมาครั้งนี้ก็มาเจอกับงานทองผ้าป่าสามัคคีเข้าพอดีจึงมีโอกาสได้เที่ยวงานวัดประจำหมู่บ้าน
" เอาเบอร์ไหนดีครับ ถ้าเบอร์หนึ่งจะได้รถเครื่องนะครับ... " หนุ่มบริการประจำซุ่มสอยดาวเดินหน้ายิ้มเข้ามาหาสองสาวที่ยืนเกาะรั้วของซุ่มสอยดาวอยู่พอดี
" เอาเบอร์ที่ได้จักรยาน น่ะน้อง " แก้วกานต์ดาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
" งั้นต้องเบอร์สามครับพี่.. ทำไมไม่อยากได้เบอร์หนึ่งหล่ะครับพี่ " หนุ่มบริการถามออกไปอย่างงงๆ
" ไม่เอาล่ะ.. ตายเร็ว " แก้วกานต์ดาก็ย้อนกลับไปแบบกวนๆ
คำพูดกวนๆ ของเธอทำให้คนที่อยู่รอบๆข้างหันมามองหญิงสาวไม่สนใจยื่นไม้ออกไปเพื่อสอยดาวที่ผูกระโยงระยางอยู่บนต้นไม้ที่เขาจัดไว้ให้ แต่พอหล่อนยื่นปลายไม้ไปยังดาวที่หมายไว้... หล่อนก็ต้องเริ่มอารมณ์เสียเมื่อมีไม้อีกอันจากฟากหนึ่งของซุ่มยื่นมาแย่งดาวดวงเดียวกันกับหล่อน
" อะไร... ฉันจองเบอร์นี้แล้วนะ " หล่อนมองตรงไปยังเจ้าของไม้ ตาประสานเข้าอย่างจังกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่
" อ๋อออ... หมอนี่เองเหรอ... อยากหาเรื่องอีกใช่มั้ย " หญิงสาวถามออกไปด้วยความโมโห
" ใครเหรอแก้ว " พี่สาวก้มหน้าลงถามน้องสาว
" ก็ไอ้หมอนั่นไง ! ที่เหยียบเท้าแก้ว และเขาก็กำลังหาเรื่องอีกใช่มั้ย " เธอบุ้ยปากให้พี่สาวดูคนที่ยืนถือไม้ไผ่ที่ยื่นมาคว้าดาวดวงเดียวกันกับเธอ
" คนนั้นหรอ.. นี่เขาก็ดูเท่.. แล้วก็หล่อจังเลยนะ " มณีกานต์ดาตาโต เอียงหน้าลงมาถามน้องสาว
" พี่มณี ! แก้วไม่ได้ให้มองดูเขาอย่างนั้นนะ " น้องสาวแว็ดออกไป
" ก็มันจริงนี่... ดูสิเขามองใหญ่เลย " คนผู้พี่ยังค้านอีก
" แหมนี่... นี่... นี่ " แก้วกานต์ดากำไม้ไผ่แน่นแล้วให้ปลายไม้ดีกับไม้ของอีกฝ่ายอย่างฉุนๆ
" ไปทำอย่างนั้นทำไมแก้ว... เขาอยากได้ก็ให้เขาไปซี.. แค่ดาวกระดาษ " พี่สาวดุออกไป
" ไม่ให้ ! ของแก้วนะ " เธอว่าตาขวาง จนดาวที่ต่างฝ่ายต่างอยากได้ตกลงมาที่พื้น เด็กที่บริการรีบหยิบขึ้นมา แล้วมองว่าจะให้ฝ่ายไหนดี สารวัตรเมฆายิ้ม
" เอาให้เขาไปเลยน้อง " เขาตะโกนลั่นบอกบริการหนุ่ม
" หน๋อยยย... นึกว่าจะแน่เสียอีก " หล่อนบ่นออกมา
" ไม่น่าจะทำให้มีเรื่องเลยนะ ดูคนมองกันเพียบเลย " พี่สาวเธอบ่นออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆ แบบอายๆ
" มองก็มองไปสิ ไหนน้องได้เบอร์อะไร " หล่อนหันกลับไปสนใจกับเบอร์ดาวที่สอยได้ ว่าเปิดออกมาสิ่งที่หล่อนได้คืออะไรและสิ่งที่ได้ก็คือเหล้านอกยี่ห้อดี "
" เห็นมั้ย ก็แค่เนี้ย.. ไม่เห็นจะต้องมาแย่งกันเลย " มณีกานต์ดาว่า
" ก็ยังได้เหล้าไปไว้ให้พ่อกินหล่ะ " น้องสาวบ่นออกมาเบาๆ
จากนั้นสองสาวก็ถอยออกมายังด้านนอก มณีกานต์ดาคว้าเอาเหล้าไปถือไว้เสียเองเมื่อเห็นน้องสาวเดินก็ยังลำบากเลย และยังไม่ทันที่จะหันเข้าสู่ซุ่มการละเล่นอื่นๆ ร่างสูงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทั้งสองสาว
" จะไปเล่นอะไรกันต่อครับเนี้ย " เมฆาเอ่ยถาม
" ยังไม่ทราบเลยคะ " มณีกานต์ดาตอบพร้อมกับยิ้มหวานให้แต่ แก้วกานต์ดากลับหน้าเครียดแถมยังมองตาขวางอีกด้วย
" รู้จักกับเขาหรือไงพี่มณี " เธอถามออกไปอย่างไม่เกรงใจ
" ก็ผมรู้จักกับคุณเมื่อตอนหัวค่ำวันนี้ไงครับ " สารวัตรบอกออกไปแบบยิ้มๆ
" คุณมารู้จักกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฉันยังไม่รู้จักคุณเลย... ก็แค่เคยเห็นหน้า " เธอกล่าวออกไปแบบตาขวาง
" ยัยแก้ว " มณีดุน้องสาวออกไป พร้อมทั้งหันมายิ้มแหยๆ ให้กับสารวัตรหนุ่มต่อความรั้นของน้องสาวของตน
" แต่ผมรู้จักชื่อของคุณนะ... คุณแก้วกานต์ดา " เมฆาบอกแล้วแล้วหันไปหาผู้เป็นพี่สาว
" ส่วนคุณผมอยากจะทำความรู้จักด้วยครับ " เมฆาถือโอกาสถามต่อ
" มณีกานต์ดาคะ " คนพี่แนะนำตัวออกไป
" ผมเมฆาครับ ส่วนนี่เพื่อนผมชื่อภัทรพลครับ " เมฆาได้โอกาสจึงรีบแนะนำตัวเองและเพื่อนหมุ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ
" ไปเถอะพี่มณี ไปได้แล้ว " หญิงสาวชวนพี่สาวพร้อมทั้งรีบดึงมือพี่สาวให้ออกเดิน แต่ร่างอีกร่างหนึ่งฉากเข้ามายืนขวางเอาไว้ซะก่อน
" ผู้ใหญ่เขากำลังคุยกัน ทำไมไม่ฟังให้จบเสียก่อนล่ะ... " ชายร่างสูงใหญ่ถามออกไป
" จะหาเรื่องกันรึไง ! หา... " หญิงสาวละมือจากพี่สาวแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมายังชายหนุ่มนัยน์ตาเขม่ง
" ไม่เอาน่าแก้ว ไปเถอะไป " พี่สาวบอกออกไปเหมือนรู้ว่าถ้ายืนอยู่ไม่จบแค่นี้แน่ๆ
" ตอนนี้ไม่อยากจะไปแล้ว พี่มณี " เธอว่าเสียงกร้าว
ท่าทางที่ยืนเอาเรื่องของหญิงสาวที่แม้จะเจ็บเท่าอยู่ก็ตาม หญิงสาวก็ยังคงแสดงท่าทางเชิดหน้าใส่เขาแล้วสวนคำพูดเสียงดังออกไปว่า
จะเอายังไง... เมื่อตอนเย็นนี้ยังไม่จบใช่มั้ย !
แก้ว... ไม่เอาน่า พี่สาวหน้าเสีย ส่วนเมฆามองไปที่หน้าเพื่อนของเขาแบบยิ้มๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไร
ผมก็แค่... อยากจะบอกให้คุณรู้จักมารยาท... การเข้าสังคม ก็เท่านั้น ชายหนุ่มเถียงออกไปด้วยไม่ใส่ใจท่าทางเอาเรื่องของเธอ
นี่ ! อย่ามาว่าฉันอย่างนี้นะ ! เธอก็ยังเถียงออกไปด้วยสีหน้าที่แดงด้วยความโกรธ
แก้ว... ตายแล้วอย่าพูดอย่างนั้นสิ พี่สาวกล่างเตือนเบาๆ ด้วยเกรงว่าสองหนุ่มจะได้ยิน
หน๋อย... ทำคนอื่นเจ็บแล้วยังตามมารังควานอีกนะ แก้วกานต์ดาขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม ตัวหล่อนจึงดูเล็กลงไปเลยเมื่อเทียบกับเขา แล้วหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นจ้องตาชายหนุ่มแสดงออกให้เห็นว่ารอบนี้หล่อนต้องชนะ
ชายหนุ่มจ้องตอบพร้อมกับคิดว่าให้ตายสิ ! แม่สาวน้อย... ปากเธอมันน่าจูบเสียจริงๆ พร้อมๆ กันที่ภัทรพลเม้มริมฝีปากตนเอง
เออสิ นายนี่วอนหาเรื่องกับฉันจริงๆ หน้าตาก็ดีไม่น่าจะขี้เต๊ะเลย หญิงสาวคิดพร้อมทั้งทำท่าทางเชิดใส่
ไปกันใหญ่แล้วนะคะ... คือน้องสาวมณีแก... ผู้เป็นพี่สาวหันมาแก้ตัวแทนเป็นการใหญ่ เมฆาก็เอาแต่ยืนยิ้มมองมายังมณีกานต์ดาแบบทึ่งในตัวหญิงสาว
น้องสาวคุณเนี่ย คงถูกตามใจมามาก เปล่าไม่ใช่เมฆาที่ถามขึ้นมา แต่กลับเป็นภัทรพลเอ๋ยถามขึ้นมาทางแก้วกานต์ดาจึงถลึงตาเข้าใส่ชายหนุ่ม
ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน อย่ามาอยากรู้เรื่องของฉัน เธอกัดฟันแน่นตอบออกไป พร้อมกับรีบบอกไปสั่งพี่สาวว่าออกไปจากตรงนี้ ส่วนตัวเองกลับหันมายกเท้าขึ้นสูง
ปึ้ก... กระทืบเท้าลงไปบนเท้าของภัทรพลสุดแรงเกิด
โอ้ยยย... ชายหนุ่มร้องออกมาเสียงดังจนชาวบ้านรอบๆ ข้างหันมามองว่าเกิดอะขึ้น
เป็นไงมั่งล่ะคุณ พ่อคนเมืองกรุง หญิงสาวรีบกล่าวเยาะเย้ย แล้วรีบหันหลังได้ก็เผ่นเข้ากลุ่มคนหายไป จะเหลือก็แค่ร่างของมณีกานต์ดาเท่านั้นที่ยืนตกตะลึง มองหน้าชายหนุ่มทั้งสองอย่างขอโทษต่อการกระทำของน้องสาวตน
-------------------------------------------------------------------------
ยังไงก็ฝาก คอมเม้น มาให้กำลังใจคนเขียน (มือสมัครเล่น) คนนี้บ้างนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เป็นกำลังใจให้พี่กันนะครับ (พอดีผมพึ่งไปทอดกระถินที่เชียงรายบ้านป๋าผมครับแล้วไปที่นั้นใช้คอมไม่ได้ครับ(จริงๆใช้ได้แต่ไม่รู้เรื่องครับ)มาเห็นเลยเข้ามาอ่านครับ เชียงรายอากาศเย็นสบายดีมากๆเลยครับ ผมกะว่าจะไม่กลับมาพิษณุโลกแล้วแท้ๆกะอยู่ในสวนที่เชียงรายสักปีค่อยกลับมา อ่าวซะงั้นแต่ไม่มีใครับเลี้ยงดูเลยต้องจำใจกลับมาพิษณุโลกครับ ฮะฮะ ซะงั้น จะว่าสวนก็คงไม่ใช่ครับเพราะว่าเดี๋ยวนี้กลายเป็นป่าไปแล้วครับแต่รมเย็นมากนะครับอากาศดีจริงๆ) รักษาสุขภาพด้วยนะครับ...เดี๋ยวผมขอตัวไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะครับพี่กัน
เชียร์...........ทุกคู่เลยคร้า...แบบว่าน่ารักง่ะทุกคู่เลย อิอิ
ก้อทะเลาะกันแว้ว
5555555555 +
สนุก ๆๆ ลิ้นกับฟัน กัดกัน ๆๆ
>_________<
ตามมาให้กำลังใจนะคะพี่กัน
รู้สึกว่านางเอกเฮ้ว ๆ น่ารักดี
เพิ่มบทบรรยายอีกสักนิดจะดีมากเลยพี่สาว
เขาจะได้จิ้นตามให้เกินร้อยไปเลย แต่ก็สนุกมากเลยนะคะ
สู้ ๆ ค่ะพี่สาวววววววววววว
โฮ้ๆๆ......นางเอกแฮ้วนะเนี้ย.....
มาอัพเร็วๆๆแล้วกันจะรออ่าน...
....... สู้ๆๆๆๆ.......
รีไรท์แล้วชัดขึ้นเยอะเลยค่ะ
สู้ ๆ นะจ๊ะ ข้าพเจ้าเป็นกำลังใจให้ ^^V
พี่กันนน
มาอัพต่อด้วยน้า
อิอิ
เป็นกำลังใจให้จ้า
สู้ๆๆ
อือ...รู้ว่ามีเหตุเหยียบเท้ากัน แต่ฉากบางไปนิดนะจ๊ะ
[อย่าเพิ่งโกรธหนูน๊า] >< รีบออกตัวก่อน
ยังเป็นกำลังใจให้พี่กันดังเดิมจ้า ^^V
ตรงไหนนะจ๊ะ คนอ่านจะได้จินตนาการณ์ถูก ดีมั้ย......คงไม่ว่ากันนะ พี่บุษอยากให้
น้องๆเป็นนักเขียนกันทุกคน ที่อยากเขียน พี่แนะนำน่ะ.....คงไม่โกรธนะจ๊ะ......
(ความจริงเสี่ยงให้เขาโกรธเหมือนกันนะเรา)
ป๊าดดดดดดดดด
เจ้าแม่แก้วกานด์ดา 5555+
ข้าพเจ้ามาเป็นกำลังใจให้จ้า ^^
^^ เป็นกำลังใจให้นะคะ