ตอนที่ 11 : ตอนที่ 10: สร้างความประทับใจ และ ประหลาดใจ (100%)
ตอนที่ 10: สร้างความประทับใจ และ ประหลาดใจ
ระหว่างที่ทั้งสองยืนรอลิฟท์ประจำอาคารหรูอยู่นั้น พอลิฟท์ประจำอาคารมาถึงและเปิดออก พอลและแก้วกานต์ดาก็ต้องตกใจขึ้นมาพร้อมกันทั้งสองคน เมื่อมีคนที่อยู่ภายในลิฟท์ที่ทั้งสองยืนรออยู่นั้นคือซาร่าเพื่อนสาวคนสนิทของพอลนั่นเอง
" อ้าว.... ซาร่า ไปไงมาไงเนี้ย" พอลเอ่ยทักซาร่า พร้อมๆ กับเอามือของตนเองยื่นไปกุมมือของแก้วกานต์ดาไว้ในทันทีเนื่องจากกลัวว่าเจ้าหล่อนจะรีบชิ่งหนีไปซะก่อนนั่นเอง
" ไฮ้... พอล ซาร่าคิดถึงพอลน่ะคะเลยแวะมาหา หรือว่าเดี๋ยวนี้ซาร่ามาไม่ได้แล้วคะ" ซาร่าเอ่ยทักทายพอลออกไปพร้อมทั้งยกมือทักสองข้างขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่มแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างของเขาแสดงการทักทายตามธรรมเนียมฝรั่งนั่นเอง แต่พอลกลับยืนนิ่ง และมีสีหน้างงๆ กับท่าทีของซาร่าที่เปลี่ยนไปเนื่องจากปกติซาร่าไม่เคยแสดงการทักทายกับเขาเช่นนี้มาก่อนเลยนั่นเอง
แก้วกานต์ดาได้แต่ยืนนิ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อครู่นี้ชัดเจนเธอจึงพยายามที่จะแกะมือที่กุมมือของเธออยู่ออก แต่ยิ่งขัดขืนเขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นไปอีกจนเธอรู้สึกเจ็บขึ้นมาแต่สิ่งที่หญิงสาวคิดกลับคิดว่าเจ็บกายไม่เท่าไหร่แต่ที่เจ็บใจนี่สิมันอะไรกันแน่ทำไมถึงรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้นที่เห็นภาพเมื่อครู่นี้ ทำไมนะ ทำไมเธอไม่เข้าใจตัวเองแต่เธอก็ทำได้แค่บ่นกับตนเองในใจเท่านั้น
" ยู... เออกำลังจะไปไหนกันหรอ เอ๋... แล้วจะไม่แนะนำให้ซาร่ารู้จักเพื่อนใหม่ของยูหน่อยหรอ" ซาร่าเอ่ยถามชายหนุ่มแต่สายตากลับมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ กายของชายหนุ่มแถมยังถูกชายหนุ่มเกาะกุมมือไว้อีกด้วย เอ๊ะ.. นี่มันอะไรกัน ซาร่าคิด
ที่สำคัญซาร่าก็จำหญิงสาวข้างกายชายหนุ่มได้ดีทีเดียวตั้งแต่เห็นแว็บแรกแล้วซึ่งเป็นคน คนเดียวกับคนที่เข้าไปทำแผลที่เท้าที่คลินิกของเธอนั้นเอง แต่ซาร่าต้องการให้พอลแนะนำเพื่อที่จะได้ยืนยันสถานภาพที่ชัดเจนออกมานั่นเอง
" โอ้...ซาร่า ไอของโทษ นี่คุณแก้วกานต์ดา เป็นแฟนของผมเอง" ภัทรพลกล่าวแนะนำออกไปพร้อมกับยกมือข้างที่กุมมือหญิงสาวขึ้นมาจูบโชว์ให้ซาร่าเห็นอย่างชัดเจนซะอย่างนั่น ซาร่านั้นตกใจจนร่างของเธอเซไปทางด้านหลังเล็กน้อย แต่หญิงสาวที่โดนจูบนี่ซิอย่าว่าแต่ตกใจเลยร่างเธอเซเหมือนจะล้มพับลงไปซะอย่างนั้นชายหนุ่มจึงต้องรีบประคองไว้ข้างกายเขาทันที
" เออ... ซาร่าพอดีผมมีธุระจะต้องรีบออกไปกับแก้วเขาน่ะ ถ้าอยู่ไม่มีอะไร ไอขอตัวก่อนนะ" พอลรีบบอกซาร่าทันทีแล้วประคองร่างบางของหญิงสาวข้างกายเดินเข้าไปภายในลิฟท์ทันที โดยทิ้งให้ซาร่ายืนงงอยู่บริเวณหน้าลิฟท์อของอาคารซะอย่างนั้นซึ่งปกติพอลไม่เคยทิ้งเธอไว้เช่นนี้เลยจะคอยเทคแคร์เธอตลอดไม่ว่าเธอจะทำอะไร หรืออยากได้อะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น พอลคุณทำอย่างนี้กับซาร่าได้อย่างไรคอยดูนะจะได้เห็นดีกัน ซาร่าคิดอย่างเคืองแค้นภายในจิตใจและไม่เข้าใจว่าพอลไปรู้จักกับหญิงสาวคนนั้นได้อย่างไรกัน และเธอจะต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าแล้วเขาก็กดเรียกลิฟท์ แล้วก้าวเข้าลิฟท์ไปพร้อมกับเอาโทรศัพท์มือถือกดหาบิดาของเธอทันทีแล้วสอบถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไปจนหมด
" ปล่อยฉันได้แล้ว... อ๋อ... แล้วฉันก็ไม่ใช่แฟนของคุณด้วย ไอ้บ้า" แก้วกานต์ดาซึ่งโดนประคองอยู่รีบบอกเขาออกไปทันทีขณะเดินไปยังรถของเขา
" อ้าว... ผมนึกว่าคุณยังตกใจ จนไม่มีแรงอยู่นี่ แล้วเป็นแฟนผมมันผิดตรงไหนหือ.........ที่รัก" เขากระเซ้าหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเปิดประตูรถให้หญิงสาวเข้าไปนั่งประจำด้านข้างคนขับแล้วเขาก็เดินอ้อมมานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถออกไปจากอาคารหรูด้วยความเคยชินทันที และไม่คิดจะพูดอะไรออกมาให้หญิงสาวสงสัยขึ้นมาได้ในตอนนี้เนื่องจากกลัวจะเสียการณ์นั่นเอง แต่หญิงสาวที่นั่งข้างๆ นี่สิทำหน้าบอกบุญไม่รับจริงๆ เลยเขาเห็นก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้มันน่าจับมาจูบซะให้เข็ดจริงๆ
หลังจากซาร่ากดวางสายจากบิดาเธอก็ขับรถออกจากอาคารหรูพร้อมทั้งคิดทบทวนว่าพอลคุณจะมีแฟนได้อย่างไรในเมื่อวันๆ เขาเอางานขนไปทำที่คลินิกของเธอเกือบทุกวัน แถมพอลยังเป็นคนบ้างานจะตายนี่เธอพลาดอะไรไปเนี้ยทั้งๆ ทีเธอแถบจะอยู่กับเขาตลอดเวลาเลยนะเนี้ย เมื่อคิดได้เช่นนั้นภายในใจของซาร่าก็ร้อนรุ่มขึ้นมาทันทีและคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ฉันยอมไม่ได้ซาร่าคิดเช่นนั้น
" นี่คุณ... แล้วไอ้โครงการของคุณมันที่ไหนคะ ฉันจะได้ประสานงานกับทางทีมงานของฉันได้ถูก จะได้ไม่คลาดเคลื่อนกันด้วย" แก้วกานต์ดาถามขณะที่เขาทำท่าขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจ และคิดภายในใจว่าจะตอบหญิงสาวว่าอย่างไรดีนะเพื่อไม่ให้เธอสงสัยขึ้นมาได้เพราะเขาไม่ต้องการให้ทีมงานของเธอตามไปด้วยซะหน่อยนี่ นี่มันเป็นเรื่องของหัวใจเขาไม่ใช่เรื่องงานเพียงแค่เขาเอาเรื่องงานเข้ามาบังหน้าเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นคงพาหญิงสาวจอมดื้อ เฮี้ยวและสุดแสบขึ้นรถเขามาได้เช่นนี้หรอ
" เอาน่าที่รัก.... ไปถึงที่โน้นแล้วคุณค่อยโทร.ไปบอกพวกทีมงานของคุณก็ยังไม่สายหรอกน่าเชื่อผมเถอะ... ที่รัก" เขาตอบเธอแบบขอไปที ประมาณว่าเอาตัวรอดไปก่อนแล้วกัน
" นี่! นายไม่ต้องมาเรียกฉันว่าที่รง ที่รัก เลยนะ.... ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ แล้วก็ไม่ใช่แฟนคุณด้วยจำไว้" แก้วกานต์ดาตวาดแวดทันทีเพราะเธอหมดความอดทนกับคนขี้ตู่อย่างเขาเต็มทนแล้วนะมันน่าโมโหจริงๆ เมื่อคืนก็ทำให้ฉันแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน แล้วนี่ยังมาเที่ยวบอกคนอื่นๆ ว่าฉันเป็นแฟนทั้งๆ ที่แฟนตัวเองก็มาหาถึงห้องแท้ๆ นะน่ะ ไอ้คนไม่ดี ไอ้คนบ้า หญิงสาวได้แต่นั่งบ่นกับตนเองภายในใจ
พอลตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปตามทางตามความเคยชิน จนหันไปมองหญิงสาวที่นั่งมาด้วยข้างๆ ก็พบว่าเธอหลับไปซะแล้ว เขาจึงเหลือบตามมองใบหน้าหญิงสาวพร้อมกับยิ้มไปทั้งใบหน้าของเขาเพราะยามเธอหลับช่างน่ารักมากกว่าตอนตื่นเป็นไหนๆ เลยก็ว่าได้เหมือนลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง มันทำให้เขานึกถึงเมื่อวันที่เขาออกจากบ้านหญิงสาวมาในคืนวันที่เขาจูบหญิงสาวในวันนั้น เขารู้ใจตัวเองในทันทีว่าเขาได้หลงรักหญิงสาวจอมแก่นคนนี้เข้าใจแล้วจนเขาต้องมานั่งคิดแผนการบ้าๆ นี้ โดยที่เขารีบโทร.ไปหามารดาของเขาเป็นคนแรกทันที
" แม่ครับผมเจอคนที่ผมหลงรักเข้าให้แล้วหล่ะครับ เธอเป็นสาวไทยตรงใจคุณแม่เลยล่ะครับแม่ เธอน่ารักพอๆ กับน่าจับมาตีก้นเลยหล่ะครับแม่" เขาเล่าให้มารดาฟังออกไปจนหมดเปลือกของหัวใจเขาเลยทีเดียวในตอนนั้น
" พูดจริงหรอตาพอล" คุณหญิงภัทริณีอุทานถามออกไปด้วยยิ้มอย่างดีใจในสิ่งที่บุตรชายเล่าให้เธอฟัง
" จริงซีครับคุณแม่" เขาย้ำกับมารดาออกไป ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
" ผมไปที่บ้านเขามาตั้งหลายเที่ยวแล้วหล่ะครับ แต่เขาไม่ทราบหรอกครับแม่" เขาเล่าไปใบหน้าของเขาก็ยิ้มไปด้วยความดีใจ แต่คนเป็นบิดาที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้ามก็ได้ยินด้วยนั้นกลับได้แต่นั่งอมยิ้มและอยากจะหัวเราะออกมากับแผนการของตนที่ไม่คิดว่ามันจะได้ผลเร็วเกินคาดและไวซะขนาดนั้น
" คุณแม่ไปที่บ้านของเธอกับผมหน่อยสิครับ ให้แม่กับพ่อไปรอผมอยู่นั่นก่อนนะครับ แล้วผมจะพาเธอไปที่นั่นในเย็นวันนั่นครับ" ชายหนุ่มเอ่ยชวนมารดาไปดูตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาทันทีซึ่งเขารู้ว่าต้องถูกใจมารดาของเขาแน่นอน
" จริงเหรอตาพอล... ได้ซีลูก เดี๋ยวแม่ให้ตาผลไปส่งแล้วกัน ลูกบอกทางกับตาผลไว้แล้วกันนะลูก" มารดารีบตอบรับบุตรชายของตนทันที หลังจากวางสายแล้ว คุณหญิงก็หันไปส่งยิ้มให้คนเป็นสามีที่นั่งยิ้มตอบอยู่โซฟาฝั่งตรงข้ามเหมือนจะรู้กันอย่างนั้นซะอย่างนั่นหล่ะ
พอชายหนุ่มวางสายจากมารดาเขาก็เอาแต่อมยิ้ม กอนที่จะกดหาเมฆากับคุณมณีกานต์ดาแล้วเล่าแผนการให้ทั้งสองฟังก่อนที่จะเร่งให้เพื่อนตนทำตามที่ตนต้องการทันทีโดยที่ให้ไปรอเขาล่วงหน้าที่บ้านของหญิงสาวก่อนเลยนั่นเอง
พอลนึกไปก็อดขำในอาการที่ตนเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ และเขาเริ่มสักเกตุเส้นทางว่าใกล้จะถึงจุดหมายแล้วจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเมฆเพื่อนสนิทในทันที
" เมฆหรอ ฉันจะถึงแล้วนายอยู่กับคุณมณีที่บ้านแก้วแล้วใช่ไหม" เขาถามเพื่อนสนิทออกไปน้ำเสียงเบาๆ ด้วยเกรงว่าหญิงสาวที่หลับอยู่จะตื่นขึ้นมาได้ยินแล้วตวาดเล่นงานเขาซะก่อน
" เออ.. แล้วแกถึงไหนแล้ว ใกล้แล้วของแกน่ะ คุณมณีจะดึงหูฉันยานแล้วนะโว้ย เธอเป็นห่วงน้องสาวของเธอนะโว้ย" สารวัตรหนุ่มบอกออกไปด้วยโมโหเพื่อนตนที่ชักช้าเหลือเกินทำให้เขาต้องมาเดือดร้อนไปด้วย
" จะถึงแล้วไม่เกินสิบนาทีนี่หล่ะ แค่นี้ก่อนนะ แก้วเขาหลับอยู่น่ะ" พอลบอกสารวัตรหนุ่มแล้วตัดวางสายทันที
" เออ... ให้มันได้อย่างนี้สิวะไอ้เพื่อนรัก" สารวัตรหนุ่มพูดกับตัวเองหลังจากพอลวางสายไปแล้ว เพราะไอ้พอลสามารถพาไอ้แก้วจ้อมแก่นประจำหมู่บ้านมาได้นั่นเอง
" คุณเมฆ... คุณพอลกับยายแก้วทำไมยังมาไม่ถึงอีกหล่ะคะ หรือว่าไม่สำเร็จพามาไม่ได้ มณีบอกแล้วว่ายายแก้วน่ะดื้อจะตายไปคะ" มณีกานต์ดาถามพร้อมทั้งเดาเหตุการณ์เอาเองเสร็จสรรพ แต่สารวัตรหนุ่มก็เอาแต่ยืนยิ้มกับท่าทางตื่นๆ ของมณีกานต์ดา
" คุณเมฆ... บอกมณีสิคะว่าตกลงแล้วสองคนนั้นเขาจะมาไหมคะ" มณีกานต์ดาเริ่มโมโหที่สารวัตรหนุ่มเอาแต่จ้องมองตนแล้วก็ยิ้มอย่างเดียวไม่ตอบอะไรเลย
" โอเคครับ... ไม่เกินสินนาทีเขาทั้งคู่ก็มาถึงแล้วหล่ะครับผม" เมฆทำท่าทางยืนตรงเหมือนรายงานผลให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขานั่นเอง
" จริงหรอคะ... คุณพอลนี้เก่งเหมือนกันนะคะเนี้ย" มณีกานต์ดาเอ่ยชมภัทรพลออกมาที่สามารถปราบน้องสาวจอมดื้อของเธอได้เธอพูดไปก็ยิ้มไปด้วยความดีใจ
" งั้นเราไปรอรับพวกเขาที่ชานด้านหน้าบ้านกันเถอะคะ" มณีกานต์ดาชวนสารวัตรหนุ่มทันทีแล้วเดินนำออกไปยังชานหน้าบ้านทันที
-----------------------------------------
ระหว่างที่รอภัทรพลและแก้วกานต์ดามาถึงนั้น เมฆากับมณีกานต์ดาก็ได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันเมฆาทำคล้ายๆ เป็นการเรียนรู้ในตัวของเธอซะมากกว่าจึงทำให้เมฆาสังเกตุมณีกานต์ดาได้อย่างหนึ่งว่าภายจิตใจของมณีกานต์ดาคงมีอะไรที่ยังคงค้างคาอยู่เป็นแน่เนื่องจากอาการที่เธอแสดงความดีใจออกมามักแสดงออกมาได้ไม่เต็มที่นักยิ่งถ้าเรื่องที่คุยเป็นเรื่องที่เขาต้องาการจะเกี๋ยวหญิงสาว เธอจะเริ่มเสพูดไปอีกเรื่องในทันทีนั่นเอง มันยิ่งทำให้เมฆาอยากรู้ความจริงว่ามันมีอะไรกันแน่ที่อยู่ภายในจิตใจของหญิงสาวคนนี้ และในขณะนั่นเองเสียงรถของพอลก็มุ่งตรงเข้ามาจอดเทียบกับรถของเมฆา ทั้งสองจึงจบบทสนทนาโดยอัตโนมัติแล้วลุกขึ้นเพื่อเดินไปยืนรอรับภัทรพล และแก้วกานต์ดาทันที
" แก้ว... แก้วครับ ถึงแล้วครับ" ภัทรพลหันมาเรียกหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิทอยู่จากการที่เธอนอนไม่หลับเลยในคืนที่ผ่านมา ภัทรพลจึงเรียกหญิงสาวซ้ำอีกครั้ง
" ที่รัก.... ถึงแล้วครับผม" เขาลากเสียงยาวเรียกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ และก็ได้ผลหญิงสาวเริ่มขยับตัวแล้วพยายามลืมตาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่สะท้อนเข้าตาเธอให้กลับสู่สภาพเป็นปกติ พอเธอปรับสายตาเป็นปกติแล้วเท่านั้นหล่ะดวงตาของหญิงสาวก็ถึงกับถลึงตาโตทันที
" นี่! มันอะไรกันเนี้ย ที่นี่มันบ้านฉันนี่นา แล้วเรามาทำอะไรกันที่นี่" พอหญิงอุทานออกมาจึงหันไปมองยังชายหนุ่มคนขับรถข้างกายเธอทันที พร้อมๆ กับส่งสายตาที่สื่อออกมาให้เห็นว่ามีคำถามมากมายที่ต้องการจะถามเขาในทันที
" เอ้า... ที่รักถึงแล้วครับ เราลงไปกันได้แล้วครับ โน้นคนข้างบนเขารอเราสองคนกันนานมากแล้วจ๊ะ" ชายหนุ่มกับบอกกับหญิงสาวหน้าตาเฉย ไม่สนใจสายตาที่มองมาจากเธอที่แสดงความสงสัยนั่นเลยสักนิด แล้วเขาก็จัดการเปิดประตูรถเพื่อที่จะก้าวลงจากรถ
" อ้อ.... ถ้ามีอะไรจะถามผม ผมมีเวลาให้คุณถามอีกนานพอสมควรอยู่นะ แต่ตอนนี้เราต้องลงจากรถกันก่อนแล้วนะครับ... ที่รัก" เขาหันมาบอกกับหญิงสาวที่นั่งงงอยู่เพื่อลดความสงสัยที่หญิงสาวมีให้น้อยลงบ้างเล็กน้อยก่อนที่จะอาระวาดบ้านแตกซะก่อนแล้วเขาก็ก้าวลงมาจากรถพร้อมกับเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกด้านให้กับแก้วกานต์ดาแล้วดึงร่างบางให้ลงจากรถแล้วก้าวตามไปข้างๆ เขานั่นเอง ท่าทางของหญิงสาวยังคงอยู่ในอาการงงๆ อยู่เช่นนั้น
พอภัทรพล และแก้วกานต์ดาเดินมาถึงชานหน้าบ้านก็พบกับสารวัตรหนุ่มกับมณีกานต์ดาพี่สาวของเธอ ชายหนุ่มกล่าวทักทายทั้งสองอย่างสนิทสนมกันมากมายเหลือเกิน แก้วกานต์ดาจึงยังคงยืนเฉยอยู่อย่างนั้น สักพักพ่อกับแม่ของแก้วกานต์ดาและมณีการต์ดาก็เดินออกมาสบทบเพื่อตอนรับแขกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในวันนี้
สวัสดีครับพ่อแช่ม แม่ช้อย ภัทรพลยกมือไหว้ตามธรรมเนียมไทยแท้ แต่แก้วกานต์ดากลับยืนงงหนักเข้าไปอีก นี่เขารู้จักพ่อกับแม่เราได้อย่างไรกันนี่ จนคนเป็นพี่สาวเดินเข้ามาสะกิดน้องสาวให้ทักทายพ่อกับแม่ของตนซะ แก้วกานต์ดาจึงได้ยกมือไหว้พ่อและแม่ของเขาในทันทีแล้วเดินเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึงเป็นอย่างมากนั่นเอง จากนั่นแก้วกานต์ดาก็ส่งสายตาเขียวปัดให้กับภัทรพลทันที แสดงให้รู้ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน และที่สำคัญคุยกันยาวแน่นอนเลยคอยดูนะไอ้คนบ้านายคิดจะทำอะไรของนายนี่ บ้าจริงๆ เลย แก้วกานต์ดาคิดอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก
" อ้าว... มาพร้อมหน้ากันทุกคนแล้วสินะ ไป.. ไปทานข้าวกันเลยนะ เดินทางกันมาเหนื่อยๆ ทานข้างเสร็จจะได้ไปแยกย้ายกันไปพักผ่อนนะลูกนะ" ตาแช่มเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นแล้วพาเดินนำเข้าไปยังโซนรับประทานอาหารของบ้านเรือนไม้ของเขาทันที พอทุกคนทยอยกันเดินตามตาแช่มเพื่อเข้าไปข้างใน แก้วกานต์ดาก็หันมาส่งสายตามเขียวใส่พี่สาว
" พี่มณี " หญิงสาวเรียกพี่สาวไว้ด้วยเสียงแข็งแต่ไม่ดังมากนักแต่ท่าทางของคนเป็นน้องสาวยังคงมีอาการงงๆ อยู่ในที มณีกานต์ดาจึงเดินเข้ามาโอบไหล่น้องสาวแล้วส่งรอยยิ้มให้คนเป็นน้องสาว
" รถติดมากหรอ" มณีกานต์ดาถามทั้งๆ ที่ยังคงโอบกอดไหล่ของน้องสาวที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั่น
" มาเถอะแก้ว ทุกคนที่นี่เขารอแก้วกับคุณพอลอยู่นะจ๊ะ" คนเป็นพี่สาวบอกเมื่อดันร่างน้องสาวให้เดินเข้ามายังโซนรับประทานอาหาร แล้วพูดขึ้นต่อหน้าแขกทุกๆ คนที่นั่งรออยุ่ซึ่งก็รวมพ่อและแม่ของเธอด้วย
" นี่มันอะไรกันเนี้ย" หญิงสาวเริ่มขืนตัวเอาไว้ แล้วใช้สายตามองกวาดไปทั่วโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้ต้อนรับเธอเป็นอย่างดีและอาหารยังส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้น้ำลายไหลอีกด้วย
" คุณพอลเขาเตรียมไว้ต้อนรับเราไงแก้ว" สาวผู้พี่อธิบายออกไป แล้วคนที่ถูกเอ่ยถึงก็เดินมาโผล่ด้านหลัง แล้วถือโอกาสโอบกอดร่างบางของหญิงสาวต่อหน้าสายตาของทุกคนในที่นั่นแล้วที่สำคัญมีพ่อและแม่เธอด้วย
" เป็นเซอร์ไพรส์จากผมน่ะครับ เชิญที่โต๊ะอาหารเลยนะครับ... ที่รัก" เขาก้มมากระซิบบอกหญิงสาวในอ้อมกอดเบาๆ ที่ริมใบหูของหญิงสาวให้ได้ยินกันเพียงสองคน และขณะนี้ใบหน้าของหญิงสาวได้แดงจัดไปจนถึงใบหูแล้ว
" นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงหึ" เธอร้องออกไปทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงอยู่ด้วยทั้งโกรธและอาย
" ทำไมนายต้องทำอย่างนี้ด้วย" แก้วกานต์ดาเริ่มเสียงดังแล้วตั้งท่าหันไปเอาเรื่องกับคนเป็นพี่สาว
" พี่มณี" แก้วกานต์ดาเรียกออกไปเสียงดังฟังชัดทีเดียว
" ถ้าคุณจะต่อว่าพวกเขา คุณมาต่อว่าผมดีกว่า คนอื่นๆ เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกครับเขาแค่มาตามคำเชิญของผมเท่านั้นเอง" ชายหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยร่างบางออกจากอ้อมกอดแล้วบอกออกไปเพื่อต้องการลดความโมโหของหญิงสาวให้ลดลงบ้างเท่านั้นเอง
" เออ... เออคุณคือคนที่ฉันต้องสัมภาษณ์ แล้วนั่น... " เธอเริ่มเปลี่ยนเรื่องเนื่องจากหันไปเจอกับคริสประธานบริษัทที่เขาติดต่อเพื่อที่จะสัมภาษณ์เขา แล้วทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้ หญิงสาวจึงเริ่มมีใบหน้าแดงขึ้นไปอีกคราวนี้ แล้วยังจะมีร่างของหญิงที่ดูสง่าและงดงามตามวัยที่นั่งอยู่ข้างๆ ของคริสประธานบริษัทอีก นี่มันอะไรกันเนี้ยเธองงไปหมดแล้ว มันบ้าอะไรกันเนี้ย โอ้ย... อยากจะบ้าตายมันอะไรกันนักกันหนาเนี้ย
" เอาหล่ะ... พอลปล่อยน้องเขาได้แล้ว แล้วหนูเชิญนั่งที่โต๊ดีกว่านะหนู แล้วเราค่อยคุยกันดีไหม" คริสเอ่ยเชิญชวนทันทีที่ถูกกล่าวพาดพิงถึง แล้วต้องการลดบรรยากาศที่ตึงเครียดลง
" อ้าว.. ที่นี่เชิญทุกคนเชิญทานได้เลยครับ" ตาแช่มเจ้าของบ้านเอ่ยชวนซ้ำอีกรอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่วันนี้เขามีแขกมาเยี่ยมแถมยังมีข่าวดีอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าบุตรสาวของตนจะยังไม่รู้เรื่องก็ตามแต่ตาแช่มถูกชะตากับพ่อหนุ่มพอลเข้าอย่างจังแล้วนั่นเอง
" ผมขอเวลาสักครู่นะครับ " ภัทรพลเอ่ยขออนุญาตออกไปหลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับที่เขาหันไปทางแก้วกานต์ดาหญิงที่นั่งข้างๆ เขานั่นเอง
" แก้วครับ นี่คุณพ่อผมเอง นายคริส อดุลกิจเจริญ ส่วนผู้หญิงที่นั่งข้างๆ คุณพ่อผมก็คือคุณแม่ผมเองคุณหญิงภัทริณี อดุลกิจเจริญ " ภัทรพลต้องการให้หญิงสาวข้างกายเขาได้รู้จักกับบิดาและมารดาของเขาเอาไว้ แก้วกานต์ดาจึงยกมือไหว้แสดงความเคารพตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ
" หนูแก้วตัวจริงน่ารักกว่าที่ตาพอลเล่าให้แม่ฟังอีกนะจ๊ะ... จริงไหมคะคุณ" คุณหญิงเอ่ยชมแก้วกานต์ดาทันทีเนื่องจากเธอรู้สึกถูกชะตาและที่สำคัญหญิงสาวคนนี้หล่ะที่จะเอาตาพอลของเขาได้อยู่หมัดแน่นอน คุณหญิงคิดอย่างยิ้มๆ แล้วยังหันไปหาแนวร่วมกับสามีอีกต่างหาก
---------------------------------------------------------
เมื่อแก้วกานต์ดาถูกเอ่ยชมซะขนาดนั้น อาหารมื้อนี้ จึงเป็นมื้อที่หญิงสาวฝืดคอมากที่สุดเพราะเพิ่งจะทราบว่าใครเป็นใครนั่นเอง อีกทั้งพี่สาวของเธอที่อยู่ด้วยกันทุกวันยังไปรู้กันกับไอ้พ่อตัวดีข้างเธออีกด้วย จำไว้เลยนะพี่มณี หญิงสาวคิดอาคาดอยู่ภายในใจ
" ผมรักแก้วเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอในงานวัดแล้วหล่ะครับ มันทำให้ผมจำเธอได้ไม่เคยลืมเลยหล่ะครับ" ภัทรพลพูดขึ้นมากลางวงอาหารที่ทุกคนกำลังทานกันอยู่นั่นถึงกับหยุดชะงักในทันทีโดยเฉพาะหญิงสาวคนที่เขากล่าวถึง
" ผมพูดจริงๆ นะครับคุณพ่อ คุณแม่" เขาหันไปบอกทางบิดา มารดาของเขา แล้วหันต่อไปทางพ่อแม่ของหญิงสาวส่งสายตาแสดงความจริงจังในคำพูดของเขา จึงทำให้แก้วกานต์ดาถึงกับพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว
" เธอปากร้ายมาก" ชายหนุ่มยังคงเล่าต่อให้ทุกคนฟังพร้อมๆ กับยิ้มนัยตาพราวด้วยความดีใจ
" ว่าผมฉอดๆ อยู่ข้างเดียว ผมเองก็เลยอยากจะรู้ว่าปากที่ร้ายๆ เนี้ยมันจะหอมหวานสักแค่ไหน" เขาเล่าไปเรื่อยๆ ตามความคิดตน แต่พอถึงประโยชน์ท้ายชายหนุ่มก็หันไปมองหญิงสาวข้างกายแล้วส่งยิ้มแสดงความเจ้าเล่ห์ด้วยนัยตาพราวแสดงความหมายชัดเจน จนหญิงสาวที่นั่งข้างกายเขาเริ่มมีอาการใบหน้าแดงจนถึงใบหูไปเลยทีเดียว
" คุณ... หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ" เธอหันไปยังชายหนุ่มแล้วตวาดออกไปทำตาเขียวใส่ชายหนุ่มเพื่อปกปิดความอายของตนเอง ทำให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะพากันอมยิ้มกับความกล้าพูดของชายหนุ่มนัยตาสีฟ้าและทำให้ไอ้แก้วของตาแช่ม ยายช้อยกลายร่างเป็นหนูแก้วไปเลยในตอนนี้
" เห็นไหมครับ... ว่าเธอดุร้ายขนาดไหน" ชายหนุ่มหาได้ฟังหญิงสาวไม่ แถมยังพูดขึ้นมาแล้วทำท่าทางเชิญชวนให้ทุกคนดูความร้ายกาจของหญิงสาว
แก้วกานต์ดาที่นั่งนิ่งด้วยความโมโหชายหนุ่ม เริ่มทนฟังชายหนุ่มไม่ไหวแล้วจึงยื่นมือมาทางใต้โต๊ะอาหารด้านข้างแล้วบิดไปที่เอวของชายหนุ่มอย่างสุดแรงเลยทันที ชายหนุ่มจึงร้องออกมาดังลั่นกลางโต๊ะอาหารเสียงของชายหนุ่มยิ่งทำให้ทุกคนหันมามองทั้งสองทันทีด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
" ผมเจ็บนะคุณ... โอ๊ย" เขาร้องบอกแล้วยื่นมือของเขาไปกำมือหญิงสาวไว้ และแถมยังไม่มีที่ท่าว่าจะปล่อยมือหญิงสาวซะด้วยสิ ทั้งๆที่ตอนนี้หญิงสาวได้ละมือจากเอวชายหนุ่มแล้ว
" คุณแม่ครับ.. เชื่อผมหรือยังล่ะครับว่าเธอร้ายแค่ไหน" ภัทรพลหันไปบอกผู้เป็นมารดา แล้วหันไปสบสายตามนางช้อยสื่อความหมายว่าเขาเรียกแม่คนที่สอง จึงเท่ากับว่าเขาได้เรียกหญิงสูงวัยทั้งสองคนว่าแม่ไปแล้วในตอนนี้ ทำให้แม่ทั้งสองหันมาส่งยิ้มให้กันแล้วก็หัวเราะออกมาทันที
" ผมว่ายัยมา น้องสาวของผมที่ผมว่าร้ายแล้วนะ ยังสู้เธอคนนี้ของผมไม่ได้เลยครับ" เขาบอกออกไป เมื่อนำเธอมาเปรียบเทียบกันมาริสาน้องสาวที่ดูแลกิจการอยู่ที่ฝรั่งเศสกับสามีชาวฝรั่งเศสนั่นเอง ว่าน้องสาวของเขาว่าแสนแสบแล้ว ยังน้อยกว่าหญิงสาวข้างกายเขาในตอนนี้ซะอีก
" เออ... ฉันว่านายจะพูดไทยเก่ง... แล้วก็ชัดขึ้นมากเลยนะไอ้พอล" สารวัตรหนุ่มเอ่ยเย้าชายหนุ่มเพื่อนของเขาที่สนิทกันมานาน เพราะไม่เคยเห็นชายหนุ่มพูดไทยชัดและเร็วได้ขนาดนี้แถมยังขี้เล่นได้มากมายขนาดนี้มาก่อนเลย
" ไม่ได้หรอก... ฉันคิดจะมีเมียปากจัดก็ต้องฝึกเอาไว้ก่อนสิวะ" ชายหนุ่มรีบบอกเมฆออกไปในทันที
แต่ในตอนนี้คุณหญิงภัทริณีมารดาของชายหนุ่มเริ่มมองไปที่หญิงสาวข้างกายของบุตรชายที่กำลังทำท่าว่าจะร้องไห้ออกมาซะให้ได้ คุณหญิงจึงเอ่ยเอ็ดบุตรชายของเธอว่าให้หยุดแซวหนูแก้วได้แล้ว ชายหนุ่มทั้งสองถึงกับหยุดแซวกันในทันที และบุตรชายเขาก็ยอมปล่อยมือหญิงสาวข้างกายที่ตนได้กุมไว้ไม่ยอมปล่อยออก แล้วเริ่มหันมาให้ความสนใจกับบรรดาอาหารบนโต๊ะด้านหน้าต่อนั่นเอง
ฝากคอมเม้นผลงานของกันด้วยนะคะเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
ขอบคุณคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นายพอลมัดมือชกนี่
>////<
เล่นซึ่ง ๆ หน้าเลย
อย่างนี้แก้วจ๋าจะยอมปล่อยให้ผ่านไปเลยหรือ คิก ๆๆๆๆ
อิอิ
ผมกำลังจะต้มมาม่านะครับ ต้มไปต้มมาถูกไฟดูดได้ยังไงก็ไม่รู้ครับ แบบว่าใช้หม้อต้มไฟฟ้านะครับสะดวกครับ กลัวใช้แก๊สแล้วจะระเบิดเอาครับ(เนื่องจากมองไม่เห็นกลัวไปทำอไรเข้าเดี๋ยวระเบิดเอาแล้วแย่เลยครับ ฮะฮะ) ทำอาหารง่ายๆทานเองได้ก็ดีแล้วครับเดี๋ยวนี้ พี่กันก็ทานอาหารเสริมพลังงานให้ร่างกายด้วยนะครับผม
เป็นกำลังใจให้พี่กันเสมอนะครับ จะติดตามอย่างต่อเนื่องครับผม รักษาสุขภาพด้วยครับ
น้องแก้วมองไปทางไหนก็เจอแต่สายตาของแต่ละคนที่มีความหวัง(หวังอะไรกันน้าาา) ตอนแรกที่นายตี๋อินเตอร์นายทุนใหญ่พาน้องแก้วไปทำงานต่างจังหวัดนึกว่านายพระเอกหุ่นหมีขั้วโลกใต้จะตามไปป่วนซะแล้วแต่ไม่กลับดันหันไปวางแผนกับดักแบบว่าไม่ให้เหยื่อดิ้นหลุดไปได้เลยสินะครับ รู้เค้ารู้เรารบร้อยครั้งไม่เพรี่ยงพร้ำ รู้สถาณะการณ์ชัยภูมิจะได้เห็นจุดเด่นปรับจุดด้อยให้เข้ากับแผนการรบ(รัก)
อันนี้ความคิดส่วนตัวนะครับ แบบว่าเรื่องราวของนายสารวัตรกับพี่มณีครับน่าจะมีรายละเอียดความสัมพันธ์ในเนื้อเรื่องหน่อยครับ อย่างเช่นการโทรคุยกัน(บทบรรยาย)นัดเจอกันครั้งแรก(สร้างสายสัมพันธ์)ไม่งั้นอยู่ๆจะมาสนิทสนมกันโดยที่ผู้อ่านไม่รู้เรื่องรู้ราวมันดูก้าวกระโดดไปหน่อยครับ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับแต่ก็เป็นความคิดเห็นเฉยๆนะครับพี่กัน แต่เนื้อเรื่องพ๊อตน่ารักแล้วครับ (อยากให้มีบทที่นายพระเอกหุ่นหมีขั้วโลกใต้ไถนาดำนาเกี่ยวข้าวจัง ฮะฮะ)
เป็นกำลังใจให้นะครับพี่กัน ขอให้มีผู้เข้ามาอ่านมากขึ้นเรื่อยๆนะครับผม...
ผู้ชายอะไรเนี่ย หุหุ = . . =
เป็นกำลังใจให้เสมอนะจ๊ะ