ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic]Bleach:Soul Reaper Revelation

    ลำดับตอนที่ #10 : *Season 1*Episode 10:End of the dream

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 441
      0
      2 พ.ค. 52

    “ไม่เข้ากับนายเลย 55555+”เสียงระเบิดหัวเราะดังไปทั่วเมื่อจับอิกคาคุมาใส่ชุดสูทหรู แม้แต่คิระยังหลุดการควบคุม ฮาลั่น ทุกคนต่างมาเตรียมตัวกันที่บ้านโอริฮิเมะ ซึ่งแม้จะไม่ได้กว้างอะไรมากนัก ทว่ามันก็สะดวกสบายและหลุดพ้นจากสายตาอยากรู้อยากเห็นได้มาก จึงเหมาะกับการเตรียมตัว ซึ่งคาอินบอกว่าขอยืมนาฬิกาที่เซนริแขวนมาให้ทุกคน นาฬิกาสีเงินที่มีลักษณะแปลก มันบอกเวลาได้ และที่สำคัญมันมีให้บอกพิกัดต่างๆนาๆ และตั้งไว้เรียบร้อย และคาอินอธิบายว่า มันเป็นตัวบอกตำแหน่งของห้องเรียนพวกเขา รวมถึงเวลาที่เหมาะสม จริงๆแล้วเซนริไม่ต้องใช้มัน เพราะเขาก็กะเองได้ แต่เพราะต้องมาอยู่ร่วมกับยมทูต เลยคิดว่ามันน่าจะจำเป็น เมื่อมีพิกัดและตั้งเวลาที่มิติจะทำงานนั้น ก็จะรู้ได้ไม่ยากว่ามิติจะโผล่มากี่โมงและเวลาที่ต้องออกไปเตรียมตัว

     

    ทุกคนมาถึงโรงเรียนในเวลาที่พอดิบพอดี เพราะเซนริกะสถานที่ได้เหมาะเจาะ พวกเขาปรากฎตัวมาอยู่ด้านหลังของห้องประชุมที่จัดงาน ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีใครคิดจะโผล่ เพราะกว่าฉากโรแมนติกจะเริ่มก็ต้องเย็นๆ ตอนกลางวันให้ความรู้สึกที่ไม่ดีกับมนุษย์เอาซะเลย แต่ถ้าพูดกันตรงๆ พวกเขาชอบมิติสีฟ้ามาก มันเป็นสีฟ้าที่บรรยายไม่ถูก ลายอักขระญี่ปุ่นทว่ากลับพลิ้วไหวงดงามตวัดเป็นวงกลม มีมังกรแบบตะวันออกตวัด และการผ่านมิตินั้นทำได้รวดเร็ว แม้จะเป็นแค่ชั่ววินาทีเดียว แต่ว่าบางอย่างที่สัมผัสได้ แม้แต่เซนนะซึ่งเคยใช้มิตินี้เป็นครั้งแรกเพราะเธอมักจะมีเชื้อพระวงศ์ของฮายาเตะคนอื่นๆเปิดให้ตลอด ยังบอกว่า

     

    มันไม่ใช่มิติที่ก่อเกิดจากจิตใจมนุษย์หรือเทพทั่วๆไป มันแปลกประหลาด

     

    เซนริถือได้ว่าเป็นราชวงศ์ที่มีข้อมูลจริงๆเกี่ยวกับตัวเขาน้อยพอๆกับราชวงศ์คุนะยูกิ ราวกับว่าถูกลบไป หรือหายไปเองทีละน้อย ทำให้ปัญหาเกิดขึ้น ข้อมูลตอนนี้เหลือเพียง50% มันดูแปลกประหลาด ส่วนราชวงศ์คุนะยูกิ ก็พอๆกัน ทิ้งไว้ข้อมูลแค่เป็นเทพผสมปีศาจ และมีความสามารถต่างๆมากมายเท่านั้นเอง สมกับเป็นหน่วยกองทัพฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์

     

                “คุณรันงิคุ แต่งแบบนั้นจะดีหรอ”เร็นจิถามอย่างไม่แน่ใจ แต่คนเป็นหัวหน้าของคนที่ถูกถามกลับยักไหล่

     

                “ช่างเค้าเถอะ ปล่อยให้ทำอะไรก็ทำ”

     

    แต่เร็นจิก็พูดถูก รันงิคุแต่งตัวเซ็กซี่จนคนหลายคนหันมามอง วันนี้ทุกคนก็ได้เห็นเพื่อนนักเรียนแปลงโฉมใหม่ ใส่ทั้งสูท ทักซิโด้ แต่ก็พยายามเน้นให้ไปทางธีมของข้างในมากที่สุด ซึ่งพอเข้าไปข้างในก็พบว่ามันกว้างใหญ่กว่าที่คิด อย่างไม่เชื่อว่า นักเรียนเซนต์ราฟาเอลคอลเลจจะทำได้ถึงขนาดนี้

     

    การตกแต่งที่เน้นความหรูหรามากกว่าความโมเดิลบูติก ถึงผนังรอบๆตัวจะเป็นสีขาวนวล แต่ไฟสีเหลืองและทองอ่อนๆก็ทำให้มันดูโอ่อ่า พรมที่ไม่รู้ไปหาได้จากที่ไหน มันเป็นพรมหลายแบบยุโรปยุคเรเนซองส์ และมีฟลอร์พื้นไม้โอ๊กสีน้ำตาลทองขัดเงาตั้งไว้อยู่ โต๊ะอาหารที่ทำเป็นบุฟเฟ่ต์และมีโต๊ะกลมเล็กๆสำหรับยืนกินตามแบบงานในโรงแรมหรูหรา ทุกคนสวมชุดหรูๆมางาน บางคนแอบบ้าก็ยังมี แต่โดยรวมถือว่าแต่งตัวมาอย่างสวยงาม เสียงคุยเบาๆ และข้อแตกต่างที่แยกกันระหว่างสองโรงเรียนคือดอกกุหลาบที่ปักอยู่ที่อกเสื้อของผู้ชาย ที่โรงเรียนคาราคุระเป็นสีขาว ของอีกโรงเรียนเป็นสีแดงสด ทว่าดูงดงาม ส่วนนักเรียนหญิงก็แยกได้จากสร้อย ที่เซนต์ราฟาเอลจะสวมตรงข้อมือข้างซ้าย ส่วนคาราคุระใส่ข้างขวา

     

    อาซาโน่ เคย์โงะ ที่แต่งตัวให้เข้ากับงานเป็นทักซิโด้กระโดดมาทักทายกลุ่มนักเรียนยมทูต

     

                “ไง แต่งตัวซะหล่อซะสวยเชียวทุกคน”เขาเอ่ยทัก ในมือเขามีแก้วใส่น้ำอัดลมอยู่ แล้วสำรวจไปแต่ละคน พลางหยุดอยู่ที่รันงิคุพร้อมกลืนน้ำลายเอื๊อก

     

                “วันนี้นายไม่บ้านี่หว่า”อิจิโกะพูดบ้าง ยังดีที่เขาขอชุดสูทของพ่อมาใส่ด้วย เป็นสูทสีดำที่พ่อเคยใส่ตอนไปเยี่ยมแม่ แม้จะดูหลวม แต่ว่าก็มีการจัดให้มันเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย

     

                “งานพิธีการใครจะอยากให้ขายหน้าเด็กนักเรียนต่างโรงเรียน จะว่าไปใครจะเป็นตัวแทนยังไม่รู้เลยนะ ประธานนักเรียนที่ชอบคุยกับพวกนายอยู่ไหนล่ะ ถามเค้าได้รึเปล่า”

     

    ยังไม่ทันที่ใครจะตอบใดๆ เสียงทุ้มต่ำสดใสก็ทักจากด้านหลังวงสนทนา

     

                “เรียบร้อยกันหมดแล้ว จะเป็นประธานนักเรียนของพวกนายกับเอ่อ... ฉันขอแสดงความเสียใจด้วย นายโดนประธานขอน่ะนะ อิกคาคุ”คาอินนั่นเอง วันนี้เขาดูรูปงามราวกับเจ้าชายแวมไพร์ ผมสีทองแซมเงินที่ดูยุ่ง ถูกเซตให้เข้าที่ ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักประติมากรรมปรากฎรอยยิ้มเป็นนิจ เขาสวมชุดสูทสีขาว ช่วงแขนมีตราสวยงามเอาไว้ มันเป็นตราของราชองครักษ์ เพียงแต่มนุษย์ไม่รู้ว่ามันคืออะไร กางเกงสีเดียวกับสูท และเนคไทสีเงินผูกอย่างเรียบร้อย เสื้อตัวไหนเป็นสีเหลืองทองดูสง่า ข้อมือมีกระดุมสีทองติดเอาไว้ราวกับบอกยศศักดิ์บางอย่าง รองเท้าออกซ์ฟอร์ดสีดำ ทำให้เขาดูดีอย่างเหลือเชื่อ ท่าทีของเด็กนักเรียนหายเกลี้ยง

     

    แต่คำพูดที่เขาบอกว่าอิกคาคุต้องไปจับคู่กับเจ๊ประธานนักเรียนทำให้แต่ละคนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะคนถูกเจาะจงมากเป็นพิเศษใบ้รับประทานไปเรียบร้อย

     

                “คาอิน อย่าล้อเล่นน่า เวทีเจ๊งหมด”ยูมิจิกะพูดเสียงเบา

     

                “เอาเถอะ เราส่งชื่อให้กับผู้อำนวยการไปแล้ว เตรียมตัวล่ะ อีกตั้งชั่วโมงแหน่ะกว่า แต่นายควรไปเตรียมตัวที่ห้องรับรองของฝ่ายนายซึ่งเขาจะมีการซ้อมเต้นครั้งสุดท้าย คุณอาซาโน่ มิซึโฮะกำลังรออยู่”ชายหนุ่มยกมือตบบ่าคนที่ต้องซวยอย่างให้กำลังใจ แต่อิกคาคุกลับเอ๋อรับประทันไปเรียบร้อยแล้ว

     

                “ตะ... แต่ฉันเต้นไม่เป็น!!!

     

                “ซ้าย ขวา ซ้าย แตะ แค่นี้คงพอทำได้ใช่ไหม”เสียงหวานเอ่ยทัก เด็กสาวผมสีครามปล่อยสยาย ดวงตาสีม่วงประกายสีเมเปิ้ล ในชุดราตรีสีม่วงอ่อน เป็นเสื้อเดรสขาวถึงเข่า แขนหนากว่าสายเดี่ยเล็กน้อย ช่วงอกซ้ายมีโบว์สีม่วงอมแดงอ่อนๆติดไว้ ช่วงตัวเสื้อเป็นชั้นๆไล่สีอย่างสวยงามกับรองเท้าส้นสูงสีเงิน ที่ลำคอระหงสวมสร้อยเป็นไม้กางเขนสีเงิน เซนนะมุ่นคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าเอ๋อ “นายก้าวก่อนซ้าย ขวา ซ้าย แตะ เสร็จก็จังหวะสเต็ปที่ผู้หญิงจะก้าวนายก็ก้าวถอย เดี๋ยวก็เป็นเอง”

     

                “ทำไมพี่สาวนายถึงเอาฉันไปติดบ่วงกรรมด้วยฟร่ะ”อิกคาคุกระชากคอเสื้อเคย์โงะถามอย่างคาดคั้น จนเพื่อนๆต้องรีบมาห้าม

     

                “ก็ฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า”เคย์โงะที่เกือบหัวใจวายตายตอบเสียงสั่นๆ แล้วถอนหายใจเฮือก ทันใดนั้น เสียงแหลมของประธานนักเรียนคาราคุระตะโกนขึ้นมา

     

                “อิกคาคุ ได้เวลาแล้ว”ไม่วายเจ๊ประธานนักเรียนวิ่งลากอิกคาคุไปอย่างสายฟ้าแล่บ เธอหยุดอยู่ที่ประธานนักเรียนอีกคนแล้วตาเป็นประกาย

     

                “ว้าว หล่อสุดยอด”

     

    เสร็จก็ลากยมทูตหัวโกร๋นที่โวยวายลั่นไปจนคนในงานฮาลั่น

     

    ส่วนคนที่สนิทกันคิดในใจยามมองเพื่อนที่ถูกลากถูลู่ถูกังไปเรื่อยๆตลอดทางพร้อมเสียงโหยหวนต่างคิดในใจว่า... น่าสงสาร

     

    ลูเคียที่มองตามหลังไปเริ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นบุคคลที่ควรจะมา จึงเงยหน้าถามคาอินซึ่งยืนหัวเราะแม้สายตาหลายๆคู่จะมองมายังเขาด้วยท่าทางเคลิบเคลิ้ม อันที่จริงนักเรียนเซนต์ราฟาเอลทุกคนถูกจ้องตาไม่กระพริบนั่นแหล่ะ

     

                “ยูกิและเซนริล่ะ สองคนนั้นหายไปไหน”

     

                “เออ ใช่ หายไปไหน”ฮินาโมรินึกขึ้นได้แล้วมองซ้ายมองขวาชะเง้อบ้าง หัวหน้าองครักษ์ยิ้มแห้งๆ

     

                “เห็นผู้อำนวยการเรียกไปช่วยอะไรหน่อย แล้วท่าทางสองคนนั้นไม่ค่อยอยากมาด้วย คงไม่ได้เจอล่ะมั้ง”

     

    เรียกไปชั่วงาน... งั้นหรือ

     

    ระหว่างในงานนั้นก็มีเสียงเพลงคลอตลอด ส่วนใหญ่เป็นเพลงคลาสสิคไม่ก็เอาเพลงป๊อปมาทำเป็นดนตรีลาสสิคเรื่อยๆ จนบรรยากาศงานนั้นดูสนุกสนาน เด็กนักเรียนจากสองโรงเรียนจับกลุ่มคุยกันเดินไปเดินมาอย่างมีความสุข แถมมีไฟสปอตไลท์สีนวลสาดส่อง แล้วมีนักร้องออกมาร้อง ซึ่งเป็นนักเรียนกลุ่มเซนต์ราฟาเอลที่ออกมาบรรเลงเพลง คาอินที่กำลังจิบกาแฟก็มองไปที่วงดนตรีเรื่อยๆ ส่วนที่เหลือก็หาอะไรกิน

     

                “โอ้โห มีสารพัดอย่างเลย”รันงิคุและโอริฮิเมะเริ่มทัวร์กินอย่างแรก

     

                “ลองเอาบิสกิตใส่กับแกงกะหรี่ก็ดีนะ คุณรันงิคุ”

     

                “อ้าว เพิ่มวิปครีมลงไปด้วยเลยเอ้า”

     

                “เอ้า เพิ่มไอศกรีมด้วยสิ”

     

    เสียงคุยจ๊อกแจ๊ก แต่ทว่าบทสนทนาเกี่ยวกับอาหารมันช่าง... หลายคนมองมายังสองสาวด้วยสีหน้าราวกับว่ามันจะกินได้เหรอนั่น ส่วนอิจิโกะ เร็นจิและฮิตซึกายะมองไปยังอาหารด้วยสีหน้าพรั่นพรึง เพราะมันหน้าตาประหลาดสุดๆ แม้แต่ลูเคียละฮินาโมริยังกลืนน้ำลายเอื๊อก สงสัยว่าลิ้นเพี้ยนทั้งสองคนรึเปล่า

     

    แต่โชคดีที่สองสาวเป็นคนหน้าตาดีและค่อนข้างสวย เลยไม่ทำให้ดูประหลาดมาก วันนี้โอริฮิเมะใส่ชุดเกาะอกผ้ากำมะหยี่สีแดงแอปเปิ้ล ขลิบลูกไม้สีดำดูเงางาม ผมถูกปล่อยสยายเป็นธรรมชาติ ส่วนรันงิคุใส่ชุดสีเดียวกัน แต่ทรงค่อนข้างดูเป็นผู้ใหญ่กว่า

     

    รูปร่างและหน้าตามันช่างขัดกับอาหารในมือทั้งสองเหลือเกิ๊นน

     

    เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงเวลาที่เขาจะใกล้เปิดงาน เสียงคุยจึงได้เงียบลง พร้อมทั้งผู้อำนวยการทั้งสองท่านได้ออกมากล่าวเปิดงาน ไฟสปอตไลท์ฉายไปที่ผู้อำนวยการคาราคุระซึ่งอยู่แท่นพิธี ด้านหน้าของฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่ซึ่งรอตัวแทนจากสองโรเรียนขึ้นมาเปิดฟลอร์อันสวยงามที่มีดอกไม้สดจัดเรียงรอบๆดูไม่รกและมีสีสันที่เข้ากันเป็นอย่างดี

     

                “สวัสดีนักเรียนที่รักทุกๆท่าน”ผู้อำนวยการถึงจะอยู่ในพิธีการ แต่ไม่วายทำใส่เสื้อซุปเปอร์แมนทับเสื้อสูท(=[]=) กล่าวทักทายนักเรียนอย่างเป็นกันเอง “นี่เป็นงานที่จะให้พวกเธอสองโรงเรียนสมานฉันท์กันมากขึ้น”(แล้วปกติไม่สมานฉันท์รึไง:คาอินบ่นเบาๆ)

     

                “แล้วก็จะมีการเปิดฟลอร์โดยนักเรียนจากสองโรงเรียนซึ่งเป็นตัวแทนที่ผู้อำนวยการได้คัดเลือกมาไว้ รวมถึงวงดนตรีที่ได้วงดนตรีคลาสสิคช่วยบรรเลงให้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเปิดเริ่มงานเลี้ยง ณ บัดนี้”

     

    เสียงคุยที่เริ่มฮือฮาเงียบลงจนเงียบสนิทเมื่อเสียงเปียโนเริ่มดีดขึ้นเบาๆ พร้อมกับเครื่องดนตรีเริ่มบรรเลง อิกคาคุที่จำใจมาเป็นคนเปิดฟลอร์โค้งให้มิซึโฮะด้วยท่าทางที่ตัวเองคิดว่ามันน่าจะสุภาพบุรุษที่สุด ขณะที่พวกยมทูตกลั้นหัวเราะ เพราะเห็นสีหน้าของเพื่อนนักสู้ผู้ห้าวหาญแห่งหน่วยสิบเอ็ด แต่งสูทสีน้ำเงินเข้มพร้อมกับประธานนักเรียนพี่สาวเคย์โงะ ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคนพร้อมเต้นไปรอบๆ ถึงฝ่ายชายจะสะดุดชายกระโปรงจนฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเต้นนำก็ตามที

     

    และเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกเมื่อชายหนุ่มผู้หนึ่งโค้งให้หญิงสาวด้วยทวงท่าที่สง่างามกว่าใคร และเมื่อเห็นคู่เต้นของฝ่ายเซนต์ราฟาเอล ห้องทั้งห้องก็ดูสว่างไสวไปทันทียิ่งกว่าเดิม

     

                “เฮ้ย นายบอกไม่ใช่หรอว่าเซนริและยูกิมีงานเข้าน่ะ”เซนนะกระซิบกับประธานนักเรียนซึ่งหน้าเหวอไปในทันที เพราะเขาไม่ได้เป็นคนคัดเลือก ส่วนที่เหลือจ้องมองอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว

     

                “เกิดมา... ฉันเพิ่งจะเคยเห็นเจ้าชายที่รูปงามอย่างกับหลุดออกมาจากเทพนิยายแหน่ะ”ฮินาโมริยกมือขยี้ตา ส่วนฮิตซึกายะพูดอะไรไม่ออก เพราะร่างสูงสง่าทั้งสองดูดีมาก อย่างไม่สามารถบรรยายได้

     

    เซนริที่ปกติจะใส่เสื้อลำลอง เพราะงานเข้าจึงไม่ค่อยได้แตะชุดนักเรียน ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีขาวสะอาด เสื้อเชิ้ตข้างในตีเกล็ดเป็นลายทางสวยงาม ปกเสื้อตั้งขึ้นเล็กน้อยดูมีสไตล์ สวมหูกระต่ายสีดำอ่อนๆ ส่วนเสื้อชั้นที่สองคือเสื้อสูทแบบเสื้อกั๊กสีเทาเข้มและสวมชุดสูทสีขาวสะอาดแขนยาว แขนเสื้อพับขึ้นแล้วมีเบิ้ลสีทองอร่ามติดไว้อย่างเรียบร้อย กางเกงสูทขายาวห้าส่วนดูสง่า ที่กระเป๋ามีตราบางอย่างสีทองสลับเงินร้อยลงมาดูสูงศักดิ์ เครื่องอิศริยยศประจำองค์ ซึ่งแม้ไม่บอก แต่ก็รู้ไม่ยากว่ามันเป็นศักดิ์ของเชื้อพระวงศ์ แม้ไม่ได้ใส่เต็มยศ แต่ทั้งบุคลิกของชายหนุ่ม และหน้าตาที่ราวกับจินตนาการ เกินกว่าจะมีอยู่จริง เขาสวมรองเท้าออกซ์ฟอร์ดสีขาวเช่นกันเคลื่อนตัวไปรอบๆ แต่ทำให้เขาดูสูงศักดิ์จนยากจะเข้าใกล้ส่วนอีกสาวที่เป็นคู่เต้นรำนั้นก็เคียงข้างได้ลงตัว

    ยูกิเธอดูต่างจากทุกที สีหน้าที่เรียบเฉยและเหมือนตุ๊กตาไขลานได้หายไป ใบหน้าที่แสนงดงามและอ่อนโยนทว่าแฝงความมีอำนาจในตัว สะกดใจใครหลายคน เรือนผมที่สวยละส่งกลิ่นหอมยาวสยาย มีดอกกุหลาบจับช่อทำจากผ้าตาข่ายสีขาว ผิวขาวนวลราวกับหิมะดูน่าสัมผัส ดวงตาสีไพลินงดงามทว่าดูน่ากลัวไปตามๆแต่ไม่อาจละสายตาได้ง่ายๆ มันทั้งเรียวคมและกลมโตในเวลาเดียวกัน ราวกับเป็นคนละคนกับยูกิที่พวกเขารู้จัก เสื้อผ้าของเธอก็ดูอ่อนหวานสะดุดตา เป็นเสื้อสีชมพูอ่อนๆเปิดไหล่ ลำคอระหงสวมผ้าชีฟองสีเดียวกับตัวเสื้อย่นแล้วมีสร้อยมุกและสีขาวใสตวัดรวมไปมาให้ดูสวยงาม ตัวผ้าสีชมพูที่เป็นเดรสยาวแค่หัวเข่า ไล่เป็นชั้นๆสองชั้นปลายๆ ช่วงอกมีโบว์สีเดียวกับเสื้อผูกและมีดอกกุหลาบสีเดียวกันติดไว้ บวกกับขาเรียวผมสวยสวมรองเท้าส้นสูงสีเงินสะท้อนกับแสงไฟ

     

    ร่างบอบบางที่ชวนสัมผัส น่าเข้าใกล้ และน่าปกป้องต่างไปจากยูกิที่พวกเขารู้จัก เธอดูงดงามยิ่งกว่านางฟ้าหรือปีศาจที่สวยงามตนใด ใบหน้าอันแสนสวยตกแต่งด้วยโทนสีที่เข้มเล็กน้อยเพราะเป็นงานราตรี หญิงสาวหมุนตัวไปรอบๆตามจังหวะเพลงวอลซ์

     

    เพลงนี่บรรเลงได้อย่างอ่อนหวานและฟังดูมีอำนาจอย่างน่าประหลาด ทุกสายตาจับจ้องไปยังคู่เต้นรำที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ทั้งงดงาม พลิ้วไหว มีอำนาจ และเซนรินั้นก็ไม่ทำให้ความเป็นมกุฎราชกุมารเสียไป มันยิ่งกว่านั้น ทุกอย่างราวกับไม่มีอยู่จริง การเต้นรำที่เกินกว่าคนเราจะนึกถึง ร่างสูงสง่าที่เต้นนำร่างบางที่งดงามกว่าสตรีใดสามารถคุมจังหวะได้อย่างเหมาะสม และราวกับมีออร่าสีขาวฟ้าเงินและทองไหลวนเวียนรอบๆ และสำหรับผู้มีพลังวิญญาณ ราวกับเห็นปีกสีขาวหกปีกสยายออกมาบางๆอยู่

     

                “เรื่องเต้นรำไม่เป็นสองรองใคร”คาอินพูดลอยๆ แม้ในใจจะครุ่นคิดว่า ไปตกลงและนั่นก็คือตุ๊กตาเท่านั้น ไม่มีทางสามารถทำได้ถึงขนาดนี้แน่

     

    ไม่ พอเขาลองมองอีกครั้ง ยูกิคนนั้น ไม่ใช่ตุ๊กตา แต่เธอคือตัวจริงที่หลุดจากผนึกออกมาได้ชั่วคราว ช่างงดงามสมคำร่ำลือ

     

                “เกิดมาฉันพึ่งจะเคยเห็นการเต้นรำของพวกเชื้อพระวงศ์ครั้งแรก”อิจิโกะตาค้าง “สมกับที่เต้นกันมาสิบกว่าปี สุดยอดจริงๆ ขโมยซีนคนอื่นไปกินจนหมด”

     

    เซนริมองหญิงสาวที่เงยหน้ามองเขาด้วยสายตาใคร่รู้ ใช่ เธอไม่มีความทรงจำ แต่บางส่วนในใจเธอกำลังตอบรับอยู่ ยูกิที่เขารู้จัก แต่ก็ไม่มีความทรงจำ ร่างที่บอบบางและอ่อนแอ แขนแข็งแรงของบุรุษโอบกอดร่างบางไว้อยู่เป็นการประคอง หญิงสาวหมุนตามจังหวะเพลงร่างบางชิดคู่เต้น ชายหนุ่มบีบมือบางแน่นๆทำให้ยูกิคนนั้น มองเขาอย่างสงสัย แต่ก็เต้นต่อไปเรื่อยๆ แววตาแสนสวยแสดงความสุขโดยไม่รู้ตัว แต่ทำให้หัวใจของเจ้าชายรู้สึกอบอุ่นเหมือนครั้งก่อน เขาผ่อนลมหายใจ แล้วลืมเรื่องร้ายๆทั้งหมด เพื่อให้ความสนใจกับหญิงสาวที่แม้จะกลับมาโดยไม่มีความทรงจำเรื่องเขาอยู่เลย แต่ว่า...

     

                “หมุนตัวอีกรอบสิ”เสียงทุ้มต่ำนุ่มหูแลดูอ่อนโยนพูดกระซิบข้างๆหูเมื่ออีกฝ่ายหมุนร่างเข้าหาอ้อมกอดอีกฝ่าย เธอเลิกคิ้วแล้วพยักหน้าจากนั้นก็หมุนอีกรอบ จนใบหน้าสวยสง่านั้นมีรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว

     

    แต่มันก็แค่เรื่องราวที่เป็นความสุขเล็กๆเท่านั้น

     

    เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกำลังจะเกิดขึ้น

     

    แล้วความฝันจะจบลงอย่างไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×