ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic]Bleach:Soul Reaper Revelation

    ลำดับตอนที่ #8 : *Season 1*Episode 8:different

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 52


     

    ฉันไม่ได้เต้นรำมาเกือบสิบปีแล้ว

     

    เพราะมีเหตุบางอย่าง

     

    ที่จะเปลี่ยนคู่เต้นไม่ได้เด็ดขาด

     

    เพราะมีบางอย่าง

     

    ที่ทำให้ทั้งสองฝ่าย

     

    ควรจะผูกมัดกันมากกว่า

     

    จึงจะเหมาะสมที่สุด

     

    เซนริ และยูกิกลับไปจักรวรรดิอีกครั้ง ทุกคนเริ่มเชื่อจริงๆแล้วว่า เพื่อนสองคนนี้ไม่ค่อยจะเข้าเรียนตามที่คาอินและเซนนะได้บอกไว้ คาอินอยู่ที่โรงเรียนบ่อยเพราะเป็นประธานนักเรียน เขาเคยเล่าให้พวกเธอฟังว่า ตอนที่เข้ามาเรียนเซนต์ราฟาเอลครั้งแรกก็อยู่ม.ปลายปีหนึ่งเท่าพวกอิจิโกะ ช่วงนั้นพวกเขาปรับตัวกันได้ยากมากๆ จึงพยายามไม่ทำตัวโดดเด่น แต่ก็ต้องโดดเรียนบ่อยเพราะมีการเรียกตัวหลายๆครั้งบางคนก็หมั่นไส้ แต่หลายคนก็เข้าใจอยู่ พอมาปีสอง ก็สบายๆกันแล้ว และตอนนั้นที่ประธานนักเรียนคนก่อนลาออกไป จึงมีการเลือกตั้งใหม่ คาอินบอกว่าเขาอยากให้เซนริลองเป็นประธานนักเรียน แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากเป็น

     

                “เพราะอะไรถึงไม่อยากเป็นหรอ”คิระถามอย่างสงสัย (ชูเฮย์ไม่ค่อยโผล่ เพราะไม่รู้จะให้มันพูดอะไรดี)

     

                “ฉันคิดว่าตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิก็ค่อนข้างจะกักขังเขามาก ถ้ามีประธานนักเรียนมาใส่อีก จัดเวลายาก เหนื่อยเปล่า”

     

                “แต่เขาควบคุมเวลาได้นี่นา”

     

                “เรื่องนั้นใครๆเขาก็รู้ ฉันเคยถามยูกิว่าทำไมเซนริไม่ใช้ ยัยนั่นเลยบอกมาว่า อีกไม่นานเรื่องนั้นมันจะเกิดขึ้น พลังของเซนริจำเป็นสำหรับพวกนั้น ระหว่างมานี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเซนริจะไม่ใช้SOTของตัวเองเด็ดขาด จักรพรรดิก็ไม่มีพระประสงค์จะให้ใช้เช่นกัน”

     

    อิชิดะละสายตาจากการบ้านบ้างเขาเอี้ยวตัวจากโต๊ะเรียนของตัวเองหันมา เพราะช่วงนี้ทุกคนมีงานเทศกาลโรงเรียน พวกเขาที่อยู่หลังฉากเลยไม่ต้องไปทำงาน ส่วนคนอื่นๆในห้องต้องไปช่วยงานหมด แต่แอบอิจฉาลึกๆที่ได้สนุกสนาน ส่วนคาอินนั้นเขาไม่ไป เพราะรองประธานนักเรียนจะไปเอง รองประธานนักเรียนเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างสุขุมและใจเย็น และงานน้อยกว่าคาอินที่มีเวลาไม่แน่นอน ดังนั้นจึงฝากเธอไป ส่วนเซนริและยูกิมีสิ่งที่ต้องทำ งานเทศกาลหรืออะไรก็ตามก็ปล่อยทิ้งไปหมด

     

                “แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ทรง”

     

                “ใช่”คาอินพยักหน้ารับ “เซนริเป็นผู้คุมทัพสูงสุด เห็นดูอายุมากกว่าพวกนายนิดหน่อยก็ตามเถอะ ที่เขาได้เป็นเพราะปัจจัยหลายๆอย่างมาก และโดยส่วนตัวฉันและคนอื่นๆก็คิดว่าเขาเหมาะสมกับพวกที่มีประสบการณ์สูงมาก”

     

                “อธิบายให้ชัดๆ ไม่เข้าใจ”

     

    คาอินขมวดคิ้ว เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องซะขนาดนั้น (ต้องเข้าใจว่ามันเพิ่งเรียนมาได้ไม่ถึงสามปี) เขาพยายามคิดคำพูดออกมาให้มากที่สุด

     

                “การผวนเวลาพอจะเข้าใจใช่มั้ยที่ว่าจะทำให้จิตวิญญาณกับกายพิเศษ (จักรวรรดิเป็นกายแบบนี้ สามารถจะให้มนุษย์เห็นหรือไม่เห็นก็ได้)จะแยกจากกัน แล้วอายุจะไม่เพิ่มเลย เซนริและยูกินี่รู้สึกอายุจิตวิญญาณจะเยอะกว่าพวกยมทูตจากโซลโซไซตี้รวมกันซะอีก แต่อย่างว่า ได้ประสบการณ์มาเยอะในขณะที่อายุไม่เพิ่มเลยซักนิด สองคนนั้นเลยเป็นเด็กอายุรุ่นๆเดียวกับพวกนาย”เขาหยุดพักหายใจ “แล้วทีนี้ มันเลยมีประสบการณ์มากกว่าทุกคนรวมกัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องโดน แต่เห็นมีคำสั่งและพันธะสัญญาโบราณจารึกถึงสิ่งที่ต้องโดนเอาไว้ ว่ากันว่า เป็นเสาหลักในการค้ำจุนสิ่งมีชีวิต เอ่อใช่ ถ้านายคิดว่าเขาไปทำอะไรฉันพอจะเดาได้นะ”

     

    คำพูดเล่นๆทำให้รุ่นน้องแต่ละคนหูผึ่ง มองตาแป๋ว

     

                “อะไรหรอ???

     

                “อืม พวกเราอยู่ที่นี่มาเกินเดือนแล้ว นี่ก็เข้าสู่ช่วงเดือนมิถุนา แล้วเวลาเซนริเครียดๆ ทำงานเสร็จเขาน่าจะไปไหน???

     

                “ไปไหน???”หลายเสียงประสานถามพร้อมกัน จนคาอินเริ่มปวดหัว สงสัยว่าที่เซนรินั้นไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้ว ก็คงจะตอบยากไปหน่อย และลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ยูกิที่จะรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง (แต่ก็ไม่ค่อยจะบอกอะไรถ้าไม่ใช่สิ่งที่ควรจะรู้)

     

                “เซนริน่ะ เป็นคนสัญชาติฝรั่งเศส แล้วช่วงนี้มันเทนนิสเฟรนช์โอเพ่น แกรนด์แสลมที่ฝรั่งเศส เริ่มมีรอบชิง เพราะฉะนั้น หมอนั่นก็เลยไปดูเทนนิสระบายเครียดแหงๆ เขามีตั๋วนักเรียน ไม่ยากหรอกที่จะเดินทางกลับไป แล้วค่าใช้จ่ายจากการทำงาน เอ้อ ลืมบอก พอเชื้อพระวงศ์หรือใครก็ตามในจักรวรรดิอายุครบ15ปี จะต้องทำงานพิเศษเป็นเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตนเอง ทีนี้พอมีเงินก็สามารถทำอะไรเองได้ ยุโรปเลี้ยงเด็กปล่อยจะตาย เพราะงั้นหมอนั่นเลยจะไปไหนมาไหนเองได้สบายๆ”

     

    แต่คาอินก็แอบทิ้งท้ายไปว่า ถ้ามันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ระเบียบการรบก็เจ๊งกันหมดแล้ว ไม่เลิศเลอเพอร์เฟ็คขนาดนั้นหรอก แถมอายุใกล้ๆจะยี่สิบ (แม้หน้าตาจะดูไม่ค่อยใช่เลย) มันก็ถือว่าโตควรจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว

     

                “แล้วใครเก่งกว่ากันล่ะ สมมติถ้าให้นายกับเซนริสู้กัน หรือนายกับยูกิสู้กันเอง”คิระลองถามดู เพราะไม่เคยเห็นฝีมือจริงๆเลยซักครั้ง แต่ทว่าคนถูกถามมีสีหน้าครุ่นคิดเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่สมมติถ้าสู้ด้วย เพราะไม่รู้จะตอบแบบไหน

     

    จะให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด...

     

                “ถ้าสู้กับเซนริฉันแพ้ขาดลอย หมอนั่นเก่งที่สุด ตอนวิชาประลองดาบในคาบเรียน หมอนั่นได้คะแนนทะลุทุกครั้ง อาจารย์ทุกคนแพ้เขาหมด”

     

    คนฟังแต่ละคนอ้าปากค้าง อาจารย์แพ้นักเรียนเนี่ยนะ!!!!!

     

                “ยูกิอันนี้ถ้าพูดกันจริงๆเธอไม่ค่อยแสดงฝีมือจริงๆจังๆออกมา แต่อาจารย์ทุกคนก็แพ้ ยูกิฉลาดมาก ฉันตามแม่คนนี้ไม่เคยทัน เซนริยังตามไม่ทันเลย”

     

                “ตอนแรกฉันนึกว่านายน่าจะสูสีซะอีก แล้วยูกิก็...”ยังไม่ทันทีอิจิโกะก็พูดต่อ ประธานนักเรียนก็ขัดขึ้นมาทันที

     

                “ทฤษฎีของพวกนายใช้ไม่ได้สำหรับพวกฉัน เราไม่ได้วัดกันที่พลัง แต่เราวัดกันที่ฝีมือ เอางี้ละกัน อิจิโกะ ตอนที่นายสู้กับเอสปาด้านายทุ่มพลังวิญญาณและพลังดาบใช่รึเปล่า พวกนายฟังด้วย”คาอินตะโกนเรียกให้หันมาฟังและเงียบพร้อมๆกัน เขามีประสบการณ์มากกว่าทุกคนในโซลโซไซตี้รวมกัน เขาอยากให้พูดเตือน ถ้าเกิดว่าพวกนี้หลุดเข้ามาในโลกของพวกเขา มันควรจะรู้เอาไว้ไม่งั้นจะลำบาก

     

    การต่อสู้จริงๆก็ถูกที่ว่าไม่ควรยอมแพ้ แต่ควรจะมีมารยาท ให้เกียรติ และรู้จักประเมินกำลัง การที่จะเข้ามาอยู่ในจักรวรรดิ พวกเขาจะไมได้ต่อสู้กับยมทูต ฮอลโลว์ หรือไวเซิร์ด แต่เป็นพวกที่มีอำนาจทำลายกฎของพระเจ้าได้เกือบทุกข้อ อาจยกเว้นคุนะยูกิที่มีชีวิตเหนือไปเรียบร้อย

     

                “สมมติว่า พวกนายไม่มีดาบฟันวิญญาณ ไม่มีพลังวิญญาณ ต้องสู้ด้วยฝีมือและทักษะล้วนๆ ไม่มีพลังวิญญาณช่วยเรื่องความเร็วหรือกระโดดสูงๆ พูดง่ายๆคือการตัดพลังเกี่ยวกับยมทูตไปให้หมด แล้วให้มาสู้กับพวกฉันที่จะไม่ใช้พลังแห่งจักรวรรดิหรือความเป็นยมทูต นายจะทำยังไง”

     

    ถ้าไม่มีดาบฟันวิญญาณ มีแต่อาวุธธรรมดาในมือ จะทำยังไง ไม่มีใครรู้ถึงคำถามซ่อนเร้นที่คาอินถาม มันราวกับทดสอบจิตใจบางอย่าง (เฉลยในภาคสามนะคะ)

     

    อิจิโกะกลืนน้ำลายเอื๊อก ถ้าไม่มีพลังยมทูต ไวเซิร์ด ไม่มีอะไรเลยแล้วให้ไปต่อสู้เนี่ยนะ

     

                “ยังไงฉันก็จะพยายามเอาชนะ ฉันต้องชนะ”อิกคาคุพูดออกมาเป็นคนแรก ทำให้คาอินหัวเราะฝืนๆแล้วถามคำถามสุดท้ายที่ทำให้แต่ละคนต้องตกตะลึง

     

                “ถ้าอย่างงั้น อยากลองสู้กับฉันมั้ยล่ะ”

     

    +++++++++++++

     

    ร้านของอุราฮาร่าที่พวกเขาไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเวลาเรียน บัดนี้ก็ได้มาใช้บริการแล้ว คาอินและเซนนะไม่ได้ใช้กายหยาบ เขาบอกว่าพวกนี้จะอยากให้มนุษย์มองเห็นหรือไม่ก็ได้ ดังนั้นแค่คิดว่าไม่ต้องให้มนุษย์มองเห็นก็ไม่มีใครมองเห็น ซึ่งสะดวกเอาการ และปรับความทรงจำว่าพวกนี้ไม่ได้มาเรียนหนังสือ แต่ละคนขอยืมร้านอุราฮาร่าใช้ในการลองสู้ อิกคาคุมีท่าทีกระตือรือร้นในการจะสู้มาก

     

                “กระตือรือร้นไปเถอะ”เซนนะพึมพำขณะเดินกอดอกไปกับทุกคน “ตายแล้วอย่ามาเสียใจภายหลังละกัน ถ้าเกิดคาอินไม่เล่นบทโหด”

     

                “ทำไมล่ะ”อิชิดะเองก็มีสีหน้าสงสัย เพราะดูเหมือนเซนนะจะหน้าหงิกและไม่ค่อยยอมให้จะมาสู้กันเท่าไหร่ คนถูกถามหันขวับมาทันที

     

                “คาอินไม่ใช่ยมทูตนะ เขาไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำไป พวกที่ไม่ใช่มนุษย์มีสารบางอย่างในการทำให้พวกมนุษย์ไม่อาจสู้ได้ อย่างเช่นแม้แต่ทำลายพลังวิญญาณหรือสั่งให้ห้ามสู้ก็ยังมี พวกนายมุทะลุและรู้จักไม่ย่อท้อก็จริง แต่หัดคิดซะมั่งว่าควรรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”แล้วเธอก็บ่นสบถนิดหน่อยต่อไป เมื่อคาอินที่แม้จะอยู่ในชุดลำลอง (พวกนี้ไม่ค่อยใส่ชุดนักเรียน) ซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีเขียวคาดดำและน้ำทะเลสวยพับแขนสามส่วนสวมทับเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว และกางเกงยีนส์สีสนิมกับรองเท้าผ้าใบ กำลังรออยู่ที่ลานฝึก โดยมีอุราฮาร่า โยรุอิจิ เท็ตไซ จินตะ และอุรุรุ รวมถุงพวกโนบะ คุโรโดะ และริรินเองก็มาแจมด้วย

     

    อิกคาคุชักดาบฟันวิญญาณออกมาและตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้ ส่วนคาอินยังคงยิ้มสบายๆราวกับไม่ทุกข์ร้อน แต่บางอย่างในตัวชายหนุ่มกำลังเปลี่ยนแปลง และกลิ่นอายบางอย่างก็แล่นเข้าสู่อณูร่างของทุกคน ทว่าเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่บีบความกลัวของมนุษย์จนไม่อาจคิดอะไรได้อีก อิกคาคุเริ่มสังเกตุได้ เมื่อเห็นพลังวิญญาณที่แผ่ออกมา มันยิ่งกว่าเอสปาด้า ยิ่งกว่าของไอเซ็น ยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆในโลก

     

                “ฉันจะไม่ใช้อาวุธ แน่จริงก็ลองให้ฉันมีบาดแผลซะสิ”หัวหน้าองครักษ์พูดขึ้น “ฉันอยากจะทดสอบความสามารถของยมทูตว่าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เริ่มได้!

     

    ร่างสูงโปร่งยังคงยืนอยู่อย่างงั้น อิกคาคุมองอีกฝ่ายราวกับพิจารณาแล้วพุ่งสวนไปด้วยความเร็วที่แทบตามไม่ทัน

     

                “เสร็จล่ะ”ดาบคาตานะเตรียมพาดไปที่คอของอีกฝ่ายซึ่งยังคงยิ้มราวกับไม่ทุกข์ร้อน แต่ทันใดนั้น เมื่อเงื้อฟันก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แล้วร่างของอิกคาคุก็ลอยไปกระแทกกับก้อนหินขนาดยักษ์ซึ่งห่างไปหลายสิบเมตร!!!!

     

    คาอินยังคงอยู่ในท่ายืนสบายๆเหมือนเดิม เขาสอดมือไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ไม่มีแม้แต่รอยเหงื่อหรือว่าอะไรก็ตาม

     

    อิกคาคุสำลักเลือดออกมา เมื่อขยับตัวก็ตกใจสุดขีดเพราะเลือดที่สำลักออกมามันมากกว่าที่เขาเคยสำลักปกติ!!! เมื่อขยับตัว ซี่โครงในร่างกายก็ส่งเสียงแปลกๆ

     

                “เฮ้ จะลองอีกรอบมั้ย”ชายหนุ่มผมทองตะโกนถามข้ามฟากไป

     

                “นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”จินตะมองทุกอย่างไม่ทัน ไม่มีใครมองทัน ความเร็วเหนือแสงและเสียงเกิดขึ้นในชั่วพริบตา พวกเขาเห็นแค่อยู่ดีๆดาบที่เตรียมพาดคอก็กระเด็นแล้วเห็นอิกคาคุกระแทกกับโขดหินใหญ่ อุราฮาร่าสังเกตุได้ไม่คลาดสายตา แม้จะไม่หมดแต่ก็เพียงพอจะเดาได้ไม่ยาก

     

                “แรงเตะของหัวหน้าราชองครักษ์”เขาพูดออกมา “แค่แรงเตะที่เบาๆเท่านั้น ตอนนี้ซี่โครงของคุณอิกคาคุหักไปห้าซี่แล้ว”

     

                “ว่าไงนะ!!!”ที่เหลือมองมาอย่างตื่นตระหนก เพราะคาอินไม่ได้ชักอาวุธออกมาเลย แค่เตะเบาๆ แต่ซี่โครงหักไปขนาดนั้น

     

    เซนนะมองซักพักเธอก็อธิบายออกมา

     

                “คาอินไม่ใช่แค่พวกเชี่ยวชาญต่อสู้ แต่เขาเป็นหมอที่คอยรักษาเวลาเซนริและยูกิหรือใครก็ตามที่เป็นระดับสูงไปทำภารกิจ จึงขาดเขาไม่ได้เท่าไหร่ เขาสามารถเล็งจุดตายได้ ถ้าเอาเข้าจริงๆ ไม่เตะที่หัวใจก็บุญแล้ว ไม่งั้นหัวใจคงจะแหลกเป็นชิ้นๆ มาดาราเมะ อิกคาคุควรจะถอนตัวออกมา ซี่โครงเขาในตอนนี้ทิ่มปอดไปแล้ว”

     

    เซนนะพูดถูก เพราะเลือดที่กระอักออกมาเพราะปอดถูกแทงอย่างแรง ซี่โครงกระดูกที่ทั้งคมเมื่อกระทบกับของที่ไม่ได้แข็งอย่างปอดก็ย่อม...

     

                “ถ้าจะต่อสู้กับพวกที่หลุดพ้นจากวงจรแห่งมนุษย์ ยมทูต และฮอลโลว์ ความเร็วควรจะเพิ่มอีกห้าเท่าถึงจะรอดตายได้”เด็กสาวพูดด้วยท่าทางไร้อารมณ์ “อย่าหาว่าฉันพูดแรงเลย แต่ประสบการณ์ไม่พอจริงๆ”

     

    ไม่พอ อายุไม่ถึงพันปี แค่ร้อย มันไม่พอสำหรับที่จะมาสู้กับพวกจักรวรรดิที่ประสบการณ์เป็นสองพันปีขึ้นหรอก พวกนี้ถูกผวนเวลามาตามขีดจำกัดชีวิตของตนเอง แต่ก็มากมายอยู่ดี

     

    เซนนะถูกผวน ขีดจำกัดเธอคือเก้าพันปี แต่คาอินสามหมื่นกว่า เพราะเป็นบุรุษ และเขาเป็นตระกูลองครักษ์ที่เยี่ยมยอดที่สุดในจักรวรรดิ ไม่แปลกใจเลย

     

                “ไม่มีแม้แต่จะทำให้เกิดบาดแผลเลยหรอ”โอริฮิเมะถามบ้าง แต่ทันใดนั้น เสียงหวานใสแต่ปราศจากความอ่อนโยนก็พูดขึ้นจากด้านบน จากโขดหินที่อยู่ใกล้ๆ

     

                “ถ้าให้เกิดบาดแผลล่ะก็ เล็กน้อยก็คงให้ใช้พลังไม่ถึงส่วนกับพลังเต็มที่ของตนเอง”หญิงสาวผมสีสวยยาวเกือบถึงกลางหลังมัดรวบสองข้างสูง กับผิวที่ขาวเหมือนหิมะ ดวงตาแลดูน่ากลัวไร้อารมณ์มองไปยังการต่อสู้ ยูกิ!!!!

     

                “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนั่น”คาอินถามไป ส่วนอิกคาคุก็สู้อยู่ แต่ดูเหมือนหัวหน้าราชองครักษ์จะเอาแต่หลบไปมา แถมยังหันหน้าคุยอีก แม้จะจดจ่อกับคู่ต่อสู้เพื่อให้เกียรติ ส่วนชายหนุ่มรูปงามที่สุดที่ไม่รู้ปรากฎตัวมาแต่เมื่อไหร่เองก็กำลังนั่งชันเข่าอยู่บนอากาศ!!!!

     

                “ฉันมาตั้งแต่นายยังไม่เริ่มสู้”เซนริเป็นฝ่ายตอบ ขณะก้มลงมองยมทูตที่สวนดาบ แม้เลือดจะทะลักออกมามากแค่ไหนแต่ก็ไม่ย่อท้อ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นสภาพแบบนั้น “นายไม่คิดจะหยุดรึไง หัวหน้าหน่วยสิบเอ็ดคงไม่ปลื้มเท่าไหร่ที่ลูกน้องจะ...”เขาละคำพูด เพราะถ้าพูดตรงๆไปก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ส่วนคนถูกถามเองก็ใช้ความคิด เขากะจะให้หมดแรงไป แต่เซนริพูดถูก... ปล่อยไว้อย่างงี้ไม่ได้แน่ๆ

     

    คาอินอาศัยจังหวะในการอ้อมไปด้านหลัง จากนั้นก็ใช้สันมือที่คมราวกับใบมีดฟันเข้าไปที่ต้นคอนักสู้ลำดับที่สามให้หมดสติลงไปในทันที พลางชายหนุ่มก้มลงฟื้นฟูบาดแผลให้อย่างเร่งด่วน แล้วคนอื่นๆก็ช่วยกันเคลื่อนย้ายออกไป

     

    ยูกิกระโดดฟึ่บลงมาจากโขดหิน ส่วนเซนริเดินเข้ามาหาเพื่อนซึ่งมองมาอย่างงุนงง อุราฮาร่า โยรุอิจิ และเท็ตไซคุกเข่าทำความเคารพให้กับเชื้อพระวงศ์ที่มีศักดิ์สูงกว่า ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยให้ยืนขึ้น

     

                “แล้วถ้าลองสู้กับเซนริ นี่จะเป็นยังไงหรอ”

     

    คาอิน และเซนนะแทบอยากจะวิ่งไปฆ่ารัดคออิจิโกะอย่างมาก รวมถึงเร็นจิที่เห็นดีเห็นงามด้วย ยูกิเลิกคิ้ว ส่วนเซนริขมวดคิ้วทันที

     

                “นายอยากตายใช่มั้ยห๊า”ลูเคียแว้ดใส่ แม้แต่โยรุอิจิไม่วายยกมือกุมขมับ ส่วนอุราฮาร่าอ้าปากค้าง

     

                “เซนริเก่งกว่าฉันเป็นร้อยๆเท่า อย่าเลยดีกว่าน่า”คาอินยกมือพนมยังกับนโมตัสสะเป็นเชิงว่า ตรูขอเหอะ อย่าไปเสี่ยงกับความตาย

     

                “ฉันไม่อยากฆ่าคนนะ”เซนริพูดย้ำ เพราะตัวเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะควบคุมพลังวิญญาณในการต่อสู้กับมนุษย์ได้แค่ไหน ถ้าฆ่าคนก็ยุ่งเลย เพราะราชวงศ์ฮายาเตะมีกฎห้ามฆ่ามนุษย์ ถ้าไม่ใช่เป็นเลือดเทพ100%เต็ม ไม่มีสิทธิ์ แต่หลายๆคนทำหน้าผิดหวัง ทำให้คนโตกว่าเริ่มใจอ่อนเล็กน้อย

     

                “แต่ถ้าสอนก็อาจจะได้”

     

                “งั้นสอน!!!!

     

    มันเด็กชัดๆ= =^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×