ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคบารามอส (ไม่ต้องเข้ามาอ่านแล้ววว)

    ลำดับตอนที่ #6 : การมาเยือนของs.o.s.

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 49


    เรนเริ่มเม้มริมฝีปาก เด็กสองคนนั้นเป็นบุคคลสำคัญของสวรรค์ ยิ่งมาประสานงานกับตัวแทนพระเจ้าแล้วยิ่งน่ากลัว แล้วความคิดก็ต้องขาดห้วงเมื่อ ปีศาจทั้งหมดระเบิดออกมาหมด

    "นี่เธอทำอะไร ธิดาแห่งแสงสว่าง"เรนถามเสียงเย็นเมื่อไอพลังมันของเฟลิเซีย

    "หึ ก็แค่สั่งให้สมุนนายตายแค่นั้น"เฟลิเซียยิ้มเหยียด จนพวกเฟรินเริ่มขนลุก

    "คราวต่อไปก็ตาแกแล้วเรน"เฟลิเซียยิ้มเหี้ยมเกรียม

    "ชิ ฝากไว้ก่อนเถอะ ร้ายกาจนักนะ"เรนสบถออกมาทีหนึ่งแล้วกางปีกสีดำหายตัวไปทันที เฟรินค่อยๆเดินมาหาน้องสาวอย่างกล้าๆกลัวๆ

    "อะ เอ่อ พลังนั่นคือไรอ่ะ"เฟรินถามอย่างตะกุกตะกัก

    "อ๋อ พอดี พลังของธิดาแห่งแสงสว่างคือการควบคุมชีวิตน่ะค่ะ แต่ว่า ไม่ค่อยจะชอบมันเท่าไหร่หรอก อ้อ พรุ่งนี้ ร.ร.s.o.s.จะมาที่นี่นะคะ เดี๋ยวไปบอกอาจารย์ก่อนดีดนิ้วแล้วหายตัวไปทันที อาโรว์ก็หายตัวตามไปต่อ

    "เก่งสมชื่อจริงๆ"อัซเทียเปรยจนโรเวนต้องหันมามอง

    "รู้จักหรอ"

    "ไม่รู้จักหรอคะ?"

    "เอ่อ เท่าที่รู้เป็นเทพที่มีพลังอำนาจทะลุขีดสุด แต่ว่าเป็นมิตรที่สุดแล้ว"

    "ค่ะ ถูกต้องแล้ว ยังไม่พอ สองคนนี้เป็นอมตะ แต่ว่า อายุสิบหกนะคะไม่ต้องห่วง พลังดูอนาคต อ่านใจ รักษา ฟื้นคืนชีพ บังคับชีวิตของธิดาแห่งแสงสว่าง กับ เทพบุตรแห่งน้ำแข็ง บังคับสมดุลของโลกได้สบายๆ เปิดมิติก็เป็น จู่โจมได้ทุกที่ไม่เว้นอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นใครน่าไหนก็เอาไม่อยู่ แต่โชคดีเป็นคนใจเย็น"อัซเทียอธิบายต่อไป จนคิลเริ่มอยากรู้อะไรเกี่ยวกับพลังของสาวผมฟ้าแล้ว

    "แล้วพลังของเธอล่ะ"

    "เอ่อ ก็เป็นพวกการรักษาค่ะ ถ้าอัซอยู่ติดกับน้ำก็จะทำลายล้างเอดินเบิร์กได้ในพริบตา อาจต้องใช้เวลา"

    "แหมๆ พลังน่ากลัวกันท้างน้าน"คิลลากเสียงยานคาง แล้วหันไปทางโรเซตและอัสมาเรีย

    "เอ่อ ก็เป็นพลังในการรักษานั่นแหล่ะ แล้วก็ควบคุมวิญญาณได้ หรือเป็นเนโครแมนเซอร์"โรเซตบอกก่อนแล้วหันไปพยักหน้าให้อัสมาเรียเป็นเชิงให้เล่าต่อ

    "ก็เป็นพลังเกี่ยวกับเสียงเพลงสำหรับบังคับจิตใจคน แล้ว ก็เปิดประตูสวรรค์น่ะค่ะ"อัสมาเรียกล่าว ยังไม่ทันที่จะเล่าต่อ มหาปราชญ์ก้ก้าวมาก่อน

    "พรุ่งนี้ เด็กนักเรียนs.o.s.จากดาวเอออร์ต้าจะมา เพราะฉะนั้น ตัวแทนพระเจ้าเตรียมพร้อมได้เลย เพราะเธอต้องประลองเพื่อเชื่อมไมตรี แล้วก็พรุ่งนี้มีเทศกาลฮาโลวีนพอดี อัสมาเรียติดต่อเรียบร้อยแล้วใช่ไหม"มหาปราชญ์หันมาถาม

    "ค่ะ เห็นบอกว่าจะมากันไม่เยอะ ส่วนที่พัก สีน้ำเงินพักป้อมอัศวิน สีแดงพักแผ่นดินประชาชน แล้วก็สีม่วงพักปราสาทขุนนางค่ะ คุณเฟลิซ (ชื่อเล่นของเฟลิเซีย) บอกว่า เรื่องเทศกาลไม่ต้องห่วง เพราะรุ่นพี่ทุกๆคนตามที่รู้มาจะจัดซุ้มเล่นเกมส์ และที่บังคับคือการทดสอบความกล้า ซึ่ง คุณโรเวน คุณไธนอส คุณลอเรนซ์ คุณลูคัส คุณชิวาส คุณโซมาเนีย และเจ้าชายจอมเจ้าชู้จะรับผิดชอบ"

    พอพูดถึงเจ้าชายจอมเจ้าชู้ เฟริน คิล โรเวนก็หัวเราะพรืดออกมาทันที ยกเว้นคาโลทีมีสีหน้าเรียบเฉยได้ตลอดเวลา ลองทายดูสิว่าจะเป็นใคร อิๆ

    เช้าวันรุ่งขึ้น

    "ไอเฟริน ตื่นโว้ย วันนี้พวกs.o.s.จะมาตั้งแต่เช้านะเฟ่ย ตื่นๆๆๆ"คิลปลุกเฟรินโดยการปาหมอนใส่

    "ไอคิล นี่นายจะฆ่าชั้นหรือจะปลุก"เฟรินถามอย่างร่าเริง ไม่มีอาการสะทกสะท้าน

    "นายเคยมีความรู้สึกอะไรบ้างมั้ย"คาโลถามเมื่อเห็น เจ้าหญิงรัชทายาทสองแผ่นดินยังคงร่าเริง เจ้าชายแห่งคาโนวาลเลยถอนหายใจเบาๆ นี่คงยังไม่เท่าไหร่ น้องสาวมันถึงจะดูร่าเริงแต่ก็ร้ายกาจ นิสัยมันดูเผินๆคล้ายกัน แต่ความจริง ระดับฝีมือแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    หน้าลานเกียรติยศ

    ยานลำใหญ่ของเอออร์ตาค่อยๆลงจอดมาทีละนิดๆ นักเรียนโรงเรียนพระราชาต่างอ้าปากค้าง

    "สุดยอด"ครี้ดอ้าปากค้าง จนซีบิลต้องหันมาปราม

    "คุณครี้ดครับ หุบปากลงทีครับ เดี๋ยวแมลงวันเข้าไปทำรัง" พวกเพื่อนๆพากันหัวเราะเมื่อได้ยินซีบิลพูดอย่าง

    นั้น แล้วเสียงก็เงียบลงเมื่อยานเปิดประตูออก แล้วศาสตราจารย์เมดิธก็ก้าวมาอย่างสง่าผ่าเผย

    "ยินดีต้อนรับ สู่โรงเรียนพระราชา เอดินเบิร์กมหาปราชญ์เลโมธีทำการต้อนรับอย่างสุภาพ

    "เช่นกัน มหาปราชยืผู้ยิ่งใหญ่แห่งเอดินเบิร์ก"ศาสตราจารย์เมดิธก้มหัวรับ แล้วก็มีเด็กอีกเจ็ดคนก้าวออกมาจากยาน

    "เจ๋งแฮะที่นี่อ่ะ"เคอัสพูดขึ้น

    "ยังกับปราสาทพระราชาเลย"แอมเบอร์พูดด้วยสายตาเคลิ้มฝัน

    "อ้าว เจ๊ ก็จะไม่เหมือนปราสาทพระราชาได้ไง ก็นี่มันโรงเรียนพระราชานะ โง่"เคอัสเริ่มเปิดสงคราม

    "กรี๊ดดดดดดดดดดด นี่นายหาว่าชั้นโง่หรอยะ ลิงเคอัส"แอมเบอร์ร้องกรี๊ดออกมาจนทุกคนต้องหันขวับมาที่ต้นเสียง จูปิไตเลยเข้ากลบเกลื่อนสถานการณ์

    "แหะๆ นี่เป็นตลกเล็กๆครับ"

    เอลไลย่าถึงกับหัวเราะขำ เมื่อเห็นจูปิไตมีท่าทีลุกลี้ลุกลน ส่วนเจมิไนกับนาธานยิ้มน้อยๆ แล้วก็เมอลินด้ายิ้มแย้ม

    "นี่ๆ เมอลินด้า ดูคนผมเงินดิ ท่าทางเหมือนเจมิไนเลย"เอลไลย่ากระวิบกับเมอลินด้า

    "คิกๆ จริงด้วย จ๊ะ"แล้วสองสาวก็หัวเราะกันตามปกติ

    "ครูห่านน ผมอยากเจอสองเทพที่ครูห่านเคยเล่าให้ฟังมาน่ะ ผมอยากเจอ"เคอัสตะโกนขึ้นมา "เจ้าชายน้ำแง แล้วก็ธิดาแห่งความมืดด้วย ครูห่าน เรียกให้หน่อยดิ"เคอัสหันไปตะโกนกับครูฮานน์ที่พึ่งออกมาแล้วหาว

    "สำรวมหน่อยเคอัส"นาธานกระซิบเตือนเมื่อสายตาทุกคู่ มองมาที่เดียวกันหมด แต่เลโมธีขยับรอยยิ้มน้อยๆอย่างไม่ถือสา

    "อึม เดี๋ยวเรียกให้"

    "มะ ไม่ต้องหรอกฮะ"เคอัสเริ่มตะกุกตะกัก

    "ลิง นี่นายเกรงใจคนอื่นเป็นหรอย่ะ"แอมเบอร์หยอดลูกยั่วใส่ จนเคอัสต้องหันมาเถียง

    "ยัยเจ๊ แอมแอม สงบปากซะบ้างนะ เพื่อความปลอดภัยของที่นี่"

    "กรี๊ดดดด"แอมเบอร์กรี๊ดสุดเสียง จนทุกคนพากันยกมืออุดหูกันเป็นทิวแถว

    "เสียงกี่เดซิเบลว่ะ"โคลถามอย่างสงสัย

    "ร้อยห้าสิบได้มั้ง"โรประเมิน แลวคลายนิ้วที่อุดหูออกมา

    "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พลังเสียงแค่นี้ คงจะพอรับไหว"เสียงหวานๆเอ่ยขึ้น แล้วร่างอรชรของเด็กสาวผมสีทอง นัยน์ตาสีน้ำตาลสุกใส ผิวขาวก็ก้าวออกมา เฟลิเซีย!!

    "อาโรว์ล่ะ"เลโมธีถาม

    "พอดี ไปจัดการระบบงานอยู่ค่ะ หนูทำงานเสร็จก่อน ทางสภาก็ปล่อยออกมา เอ่อสวัสดีค่ะ ศาสตราจารย์ 'เมดิธ'  หนู เฟลิเซียค่ะ เฟลิเซีย เกรเดเวล หรือจริงๆก็เฟลิเซีย ราเวล"

    "แหม สุภาพจริงๆ แล้วการประลองล่ะ"เมดิธถามต่อ

    "ตัวแทนพระเจ้าที่เหลือ ไม่สามารถมาได้ค่ะ เพราะเราต้องอำนวยความสะดวก และต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ก็เลยเหลือหนูคนเดียว"

    "งั้น ส่งมาคนนึง แล้วประลองกัน"เมดิธตัดบท แล้วหันไปทางกลุ่มนักเรียนที่มากันหมดแล้ว

    "น่าหนุกแล้วสิ"นัยน์ตาของขอทานกำมะลอมีประกายวิบวับ

    "ไรหรอ"เพื่อนๆหันมาถามพร้อมกัน แต่ว่า ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของโร เซวาเรสอีกเลย

    "หวังว่าเฟลิเซียคงไม่เล่นงานจนเละนะ"เฟรินยิ้มแห้งๆ

    "แต่ผมไม่เคยได้ยินว่าธิดาแห่งแสงสว่างจะเป็นคนชอบใช้ความรุนแรงนะครับ"ซีบิลขัดขึ้น

    "งั้น ลองติดตามดูก็แล้วกันครับ"

    "เอาใครดี"เมดิธพึมพำอย่างครุ่นคิด "งั้น ส่งคนมา"

    "ชั้นขอเหอะ"เคอัสแบมือขอทันที

    "เชอะ เอาลิงไปสู้กับเทพเจ้า หาที่ตายชัดๆ"แอมเบอร์เยาะใส่

    ยังไม่ทันที่จะเปิดศึกกัน เมอลินด้าก็ห้ามไว้ก่อน

    "หยุดเถอะจ๊ะ"

    "นายลงแข่งก็แล้วกัน เจมิไน"เอลไลย่าตัดบท จนเจ้าของชื่อต้องหันมาจ้องเขม็ง

    "ทำไมต้องเป็นชั้น"

    "ก็นายเก่งที่สุด"เอลไลย่าถียงกลับฉอดๆๆ แล้วผลักเจมิไนให้ไปเผชิญหน้ากับธิดาแห่งแสงสว่างซึ่งเอนหลังพิงกำแพงอยู่ สุดท้าย เจ้าชายแห่งความสงัดก็ต้องลงแข่ง และทุกคนก็แยกย้ายกันไปที่อัฒจรรย์ ต่อมา พิธีกรก็ทำการประกาศ

    "เราขอเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างโรเงรียนพระราชาและโรเงรียนs.o.s.นะบัดนี้ โดยการต่อสู้ ฝ่ายs.o.s. เจมิไน แอชเชอร์ แห่งสีน้ำเงิน"

    สิ้นเสียงคำว่าแอชเชอร์ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที เพราะบางคนก็รู้เกี่ยวกับตระกูลนี้ด้วย

    "ฝ่ายโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก เจ้าหญิงเฟลิเซีย ราเวล แห่งป้อมอัศวิน"

    ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน

    "จับมือกัน"พิธีกรสั่ง แล้วทั้งคู่ก็จับมือเขย่า

    "ช่วยต่อสู้อย่างเต็มที่ด้วยนะคะ"เฟลิเซียเอ่ย

    "เช่นกัน"เจมิไนค้อมตัวก่อนจะเดินไปที่ริมสนามแต่ก็ต้องชะงัก ผู้หญิงคนนี้ คนที่ใส่พลังให้ตระกูลแอชเชอร์นิ

    "ใครจาชนะหว่า"เคอัสหันไปถามคิล ซึ่งตอนนี้ แนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว

    "ไม่รุดิ แต่เมื่อวาน เฟลิเซีย ควบคุมอำนาจชีวิตปีศาจแล้วสั่งให้ตาย หลังจากนั้นปีศาจก็ตายหมด แต่ว่า ไม่รุว่าศึกนี้จะเป็นยังไง แต่ก็ขอภาวนาไม่ให้เจมิไนต้องเล่นทำให้เฟลิเซียเอาจริง"คิลบอก แล้วสายตาทุกคู่ก็จ้องไปที่สนาม

    "นี่เราคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่ให้เจมิไนลงแข่ง"เอลไลย่าและจูปิไตคิดในใจ

    "กติกาก็คือ ห้ามฆ่า ห้ามใช้มือเปล่า ใช้แต่อาวุธเท่านั้น เริ่มได้"

    สิ้นเสียงเริ่ม ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ขยับตัว นานแล้วก็ไม่ขยับ

    "นี่มันหมายความว่าไง"แอมเบอร์สงสัย

    "นี่ต่อสู้ด้วยจิตสังหาร แต่ว่า เจมิไนไม่ชอบขยับ ส่วนอีกฝ่าย ใจเย็นจนเหลือเชื่อ เฮ้อ ไม่รู้จะเป็นยังไง"จูปิไตลองคิดคำนวณดู

    "จิตสังหารคุณแรงจัง"เฟลิเซียยิ้มบาง เธอยังคงยืนนิ่ง

    "คุณน่าจัปล่อยของคุณมาบ้าง"เจมิไนกล่าว

    "ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นๆตายหมด ยังงี้ล่ะดีแล้ว คุณอาจจะมองชั้นเป็นเทพพิลึก แต่ว่า ชั้นไม่ชอบกฏระเบียบที่ต้องเอาชนะและทำได้เหมือนคนอื่นๆเหมือนคุณนั่นแหล่ะ ชั้นรู้ว่าคุณต่อสู้เพราะเกียรติของตระกูลแอชเชอร์ แต่ชั้นว่า มันไม่ค่อยจะดี มันจะกดดัน เพราะฉะนั้น เรามาต่อสู้กันจริงๆดีกว่า ไม่ต้องคิดเรื่องเกียรติยศ ดีมั้ยค่ะ"เด้กสาวถามอย่างลองยั้งเชิงดู

    "เอางั้นก็ได้"สิ้นเสียงเจมิไน ร่างของเจมิไนก็หายตัวไป ลมหายใจแห่งรัตติกาลถูกชักออกจากฝัก เตียมแทงข้างหลัง แต่ว่า เด็กสาวก็หันมาเหมือนรู้ทัน เพียงดีดดาบให้กระเด็น ก็ไม่ใช่ความสามารถที่ยากเกินไป การโจมตีครั้งแรก จึงไม่มีผลกับเฟลิเซียเลย

    "เป็นไปได้ไง"พวกเพื่อนๆร้องลั่น เมื่อการโจมตีของเจมิไน มันไม่ได้ผล

    "เป็นเทพที่มีฝีมือ"เอลไลย่าเปรย

    เจมิไนหอบทันที แต่เฟลิเซียแค่ยืนเฉยๆ ไม่เหนื่อยอะไรทั้งสิ้น ซึ่งแปลกมาก

    "ไหวมั้ย? ต้องไหวให้ได้นะ ขอเสียมารยาทนิดนึง แฟนคุณที่ชื่อเอลไลย่าดูอยู่นะคะ ลุกขึ้นมาแล้วสู้กันใหม่ค่ะ เต็มที่เลย"

    คราวนี้หน้าขาวๆถึงกับขึ้นสีนิดๆก่อนจะกลายเป็นแบบเดิม พัดตระกูลแอชเชอร์ถูกใช้การแต่ว่า ลมของเขาพอไปถึงร่างของเทพสาวก็หยุดนิ่ง แล้วย้อนกลับมา ซึ่งมันแตกสลายก่อนจะเข้าไปถึง

    "คุณคงตกใจสินะ เรื่องออลซอร์ทของพวกคุณน่ะ ชั้นเป็นคนคิดขึ้นมาเอง ส่วนเรื่องคัมภีร์เทพออเกอรีเป็นคนคิด เพราะฉะนั้น คุณต้องไม่ใช้ออลซอร์ท และโจมตีมา"เฟลิเซียสาธยายเสียถี่ยิบ "แล้วมันถึงจะได้ผล คุณน่าจะเรียนเวทบ้างนะ มันจะได้ง่ายขึ้น"

    "มีแผนไรรึเปล่าเนี่ย"แอมเบอร์มุ่นคิ้ว "นี่จะฆ่าเจมิไนของชั้นรึเปล่า"

    "ไม่"เอลไลย่าเป็นคนตอบ "เพราะเท่าที่เห็นเจ้าหญิงเฟลิเซียแล้ว ดูเป็นคนอ่อนโยนมากๆ และที่ดูๆมา เธอพยายามจะฝึกเจมิไนให้รู้จักแทคติค แล้วก็ให้ทุกคนเรียนรู้ไปด้วย ซึ่งหมายความว่า เจ้าหญิงจงใจจะให้คำแนะนำแล้วก็สอนออกมาโดยผ่านทางการแข่ง

    "คุณพอจะรู้จักเวทบ้างมั้ย"

    "รู้บ้าง"เจมิไนตอบ

    "แล้วใช้เป็นมั้ย"เฟลิเวียยังแย่บเข้าไปอีก

    "เป็นอย่างเดียว"

    "ลองใช้ดูค่ะ"

    แล้วพายุหมุนก็พัดใส่เธอทันทีที่พูดจบ มันสร้างรอยขีดข่วนให้เธอเล็กๆน้อยๆ กระโปรงขาดทันที แต่เธอก็ร่ายเวทให้มันคืนสู่สภาพเดิม

    "เวทดีนะคะ น่าจะสอนพวกเพื่อนๆคุณบ้าง คราวนี้ตาชั้นนะ อควา บอล"แล้วบอลน้ำเล็กๆก็พุ่งใส่เจมิไนสร้างรอยแผลให้มากทีเดียว

    "อึม คุณกับเพื่อนๆยังไม่รู้เรื่องนี้มาก เพราะฉะนั้น ชั้นจะใช้แค่เวทระดับนี้อย่างเดียวดีกว่า"เฟลิเซียพึมพำแต่ก็ดังพอจะให้เจมิไนได้ยินด้วย

    "ทำไมถึงไม่ใช้ออลซอร์ท"เจมิไนยิงคำถามใส่ทันที

    "อ้าว ถ้าชั้นใช้ออลซอร์ท คุณก็กลายเป็นศพก่อนนะสิคะ เพราะออลซอร์ทชั้นคือ การควบคุมชีวิตมวลมนุษย์ ถ้าสงสัย ชั้นก็ไม่ค่อยอยากจะพูด เดี๋ยวไปถามพวกพี่ๆคนอื่นดีกว่า เอ้า ไหวมั้ยค่ะเนี่ย"เด็กสาวชะงักเมื่อเห็นเจมิไนล้มลง เพราะบอลน้ำเลยทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์

    "เจมิไนล้มลงไปแล้วคร้าบบ เจ้าหญิงเฟลิเซียเป็นฝ่ายชนะ"กรรมการประกาศ แล้วหน่วยแพทยืก็เข้าไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วน พวกเอลไลย่าหาทางลงมา แต่คนก็แน่น เฟลิเซียเลยใช้คาถาเคลื่อนย้ายลงมา

    "อ้าว ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ"นาธานถามอย่างงงๆ

    "พอดี เห็นพวกคุณลงมาไม่ได้ เลยใช้คาถาเคลื่อนย้ายลงมา ห้องพยาบาลก็จะอยู่ลึกหน่อย ตามพวกพยาบาลไปก็แล้วกันนะคะ แล้วแผนที่ เดี๋ยวจะเอามาให้ พอดีชั้นต้องไปจัดการอะไรต่อมิอะไรต่อ เดี๋ยวต้องลงทะเบียนเรียนเวทให้ด้วย เดี๋ยวมานะคะ"พอเฟลิเซียทำท่าจะเดินออกไป เอลไลย่าก็คว้าแขนไว้ก่อน

    "เอ่อ ทำไมเธอถึงช่วยพวกเราขนาดนี้ล่ะ"

    "จริงด้วย อยู่คนละโรงเรียนน่าจะเป็นศัตรูกันนี่จ๊ะ"เมอลินด้าเอาบ้าง

    "อึม ไม่รู้สิคะ แต่ว่า รู้สึกถูกชะตากับพวกคุณอย่างบอกไม่ถูก แถมเรื่องผู้พิทักษ์ก็เป็นความผิดของชั้นเองที่ทำให้ลำบากมาตลอด เลยจะลองหาอะไรที่ทำเพื่อพวกคุณได้ดู ถ้าต้องการอะไรก็บอกมานะคะ เดี๋ยวจะจัดให้ อ้อ เรื่องบทเพลงก็ต้องไถ่โทษด้วยนิ ว้า งานเยอะเลยแฮะ" เด็กสาวพูดกับตัวเองเบาๆ

    "เอ่อ ไม่ต้องลำบากก็ได้จ๊ะ เพราะเรื่องนี้เราไม่โกรธ"เมอลินด้าปลอบ

    "ใช่ๆ ไม่ต้องหรอก"นาธานพยักหน้าเห็นด้วย

    "เอ่อ เอาอย่างงั้นก็ได้ แต่ว่า ถ้าจะออกไปข้างนอกเดี๋ยวตาม ชั้น อาโรว์ โรเซต อัซเทีย หรืออัสมาเรียไปดีกว่า เพราะเมื่อวาน พึ่งใช้พลังฆ่าปีศาจไปสามสิบตัว พวกมันคงไม่อยู่เฉยแน่"เฟลิเซียพูดเตือน แต่ไม่ทันที่เอลไลย่าจะพูดอะไร เด็กสาวผมทองก็หายตัวไปแล้ว

    "เธอเป็นเทพที่แปลกสมกับที่สวรรค์ลือมาจริงๆ"โรเวนที่ชวนคุยด้วยส่ายหน้าอย่างขำๆ พวกเฟรินก็กลับไปกินข้าวต่อแล้ว เลยต้องเดินมาด้วยกัน

    "ก็มันน่าเบื่อนี่คะ กฏระเบียบน่ะ ทั้ง ตรวจฎีกา บริหารสวรรค์ เช็คความเรียบร้อยของโลกมนุษย์ตลอดเวลา ต้องทำตัวเรียบร้อย ชั้นสูงหน่อย ชิ น่าเบื่อ"เด็กสาวบ่นเป็นท่อประปาแตก

    "นิสัยเหมือนอัซเทียเปี๊ยบ"โรเวนกล่าวแล้วหัวเราะ

    "อัซเทียเป็นเทพแห่งวารี โชคดีชะมัด ไม่ต้องยุ่งยาก"

    แล้วเฟลิเซียก็เผาเรื่องยุ่งๆเกี่ยวกับสวรรค์ที่ใครๆต่างก็คิดว่าสวยเริด แต่ว่า พอเจ้าชายแห่งเจมิไนได้ฟังปุ๊บ ก็ชักไม่อยากขึ้นสวรรค์แล้วสิ เพราะว่าถึงมันจะดีกว่าโลกมนุษย์ แต่ว่า นิสัยขี้โวยวาย กวน ยังมีอยู่

    "มาช้ากันจังนะ"เจคโบกไม้โบกมือเรียกทั้งคู่ ที่โต๊ะ พวกเฟรินก็อยู่กันครบ พวกเอลไลย่าและพวกเทพด้วย

    "ใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักรอเลย"ธิดาสาวแห่งแสงสว่างประชดประชันนิดๆ

    "เอาเถอะๆ เจ้าก็อย่าถือสาสิ"อัซเทียพูดอย่างอารมณ์ดี

    "บอกเป็นกี่ร้อยรอบแล้ว ว่าอยู่โลกมนุษย์อย่าใช้คำว่าข้ากับเจ้า"อาโรว์ปรามอย่างเซ็งๆ

    "อ๋อ ไม่รู้นะเนี่ย"โรเซตที่แอบฟังอยู่หันมาทำสีหน้าทะเล้นใส่ เลยโดนพายุอีลีเม้นซัดไปจนเข็ดไม่กล้าแหยมอีก

    วันนี้มีเรียนตามปกติ ชั้นเรียนของพวกตัวแทนพระเจ้าถูกแยกออกไปเรียนที่ห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ซึ่งสามารถลองรับเวทมนต์ชั้นสูงได้ ส่วนเรื่องพวกยุทศาสตร์การรบ นั้นต้องเรียนวางแผนของจริง ส่วนหมากกระดานเกียรติยศ ก็ต้องเป็นผู้วิเศษคุมกระดาน การต่อสู้ก็ให้ต่อสู้กับพวกรุ่นพี่เก่งๆ แล้วก็เป็นคนช่วยคุมพลังออลซอร์ทด้วย

    "สบายจังเลยเนี่ย พวกเธอน่ะ"เฟรินทักขึ้นแล้วอ้าปากหาว เรียนกับอาจารย์เจ้าชายชามัล ส่วนพวกตัวแทนพระเจ้าเรียนชั้นเชิงและยุทศาสตร์การรบ และการวางแผนต่อกรกับปีศาจ

    "ดูเผินๆสบาย แต่ว่ามันก็เหนื่อยจนแทบหมดแรงเดินเลย"อัสมาเรียหัวเราะคิกๆ

    "เอ๋"คิลเริ่มสงสัยหันไปทางอัสมาเรียทันที

    "ถามพี่คาโลก็แล้วกัน พี่เฟลิซ พี่อัซเทีย ไปกัน"อัสมาเรียจูงมือหญิงสาวอีกสองคนแล้วลากไปที่สนามหญ้าซึ่งต้องมาควบคุมการใช้ออลซอร์ท

    "อ้าวว่าไง"เฟรินยิงคำถามใส่ก่อนเมื่อคนตรงหน้ายังเงียบ

    "ที่ตัวแทนพระเจ้าเรียนไปทั้งหมด มันคือ แผนการรบที่เดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง ห้ามเหนื่อย ห้ามหลับ ตอบผิดนิดเดียวโดนทำโทษ เพราะแผนการรบห้ามพลาด ถ้าพลาด ทุกสิ่งจะจบลง เพราะอย่างงี้ ตัวแทนพระเจ้าจึงมีความสามารถ เช่น อาโรว์ควบคุมสมดุลของธรรมชาติได้ ถ้าวางแผนผังการทำนู่นทำนี่ผิดพลาด ก็เละ ส่วนเฟลิเซีย สามารถควบคุมชีวิตคนได้ การที่มนุษย์จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับเด็กคนนั้น ระยะการช่วยคนจำเป็นมาก แล้วต้องมีสติดี ใจเย็น เรื่องพวกนี้ มนุษย์เกือบทั้งหมดทำไม่ได้ แล้วเวลาเรียน คนนอกห้ามกวน"คำอธิบายยาวๆหาได้ยากออกมาจากปากของเจ้าชายแห่งคาโนวาลเป็นครั้งแรก

    "โห่ กะจะไปเล่นด้วย"เฟรินและเพื่อนป้อมอัศวินทำหน้าเสียดาย จนกระทั่งโรทำลายความเงียบ

    "ถ้านายไปเล่นด้วย สมาธิของพวกนั้นจะแตก แล้วพวกนายจะต้องตายโดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าพวกอัซเทียยังพอนิดหน่อย แต่ว่า ถ้าเป็นอาโรว์และเฟลิเซีย ห้ามยุ่งด้วย เพราะสองคนนั้นคือผู้ปกครองสวรรค์ในอนาคต"

    ตายโดยไม่มีเงื่อนไข...

    "นายล้อเล่นมั้ง"ครี้ดส่ายหน้าแล้วหัวเราะ

    "แล้วอยากให้พิสูจน์มั้ยล่ะค่ะ หนูสามารถฆ่าทุกคนได้รวดเดียวในตอนนี้เหมือนกับที่หนูทำกับปีศาจเมื่อวาน หนูไม่อยากทำหรอก แต่พวกคุณตัดสินใจเองก็แล้วกัน"เสียงเฟลิเซียดังขึ้น "แต่ว่า ถ้าพวกคุณตาย เดี๋ยวจะลองพยายามลากไปสวรรค์ดู"

    เงียบ...

    "ไม่ต้องก็ได้"ครี้ดพูดเสียงตะกุกตะกัก แล้วทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย เด็กสาวจ้องหน้านิดก่อนจะหายตัวไปทันที

    "พวกคุณโชคดีนะ ที่ได้มีเฟลิเซียควบคุมชีวิตให้"เสียงอัซเทียดังขึ้นจนทุกคนสะดุ้งแล้วหันไปมอง หญิงสาวผมสีฟ้าสวย ยิ้มแย้มให้ แล้วพาทุกคนไปนั่งที่ว่างๆ

    "ทำไม"คาโลถามก่อน

    "เฟลิเซีย เป็นเจ้าหญิงที่ใจเย็น สวย และใจดีที่สุดแล้ว เฟลิซจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่แบ่งแยก สมัยก่อน ที่ทุกคนมีการฆ่าบ้าระห่ำ แล้วก็มีคนตายโดยไม่มีสาเหตุ เป็นเพราะมหาเทพได้อารมณ์เสียเพราะความรู้สึกส่วนตัว เลยปลดปล่อยอารมณ์โดยการทำลายมนุษย์ แต่ว่า เฟลิซ เห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เฟลิซน่ะเป็นลูกสาวแท้ๆของมหาเทพเลยเพียงแต่เกิดมาจากพลังของพระเจ้าเท่านั้น เลยมีอำนาจมากๆ แล้วจัดการแบ่งจำแนกมนุษย์แล้วควบคุมไม่ให้คนตายง่ายๆ เช่นเรื่องเจ้าชายคาโล เฟลิซแอบเพิ่มเวลาชีวิตให้มากขึ้น เจ้าหญิงเฟลิโอน่า ตอนเอาดาบแทงตัวเอง ก็ถูกเฟลิซผลักวิญญาณออกมาจากประตูแห่งความตาย พี่คิลและพี่โรตอนปะทะกับคิงริชาร์ด ก็โดนเฟลิซเพิ่มพลังเวทให้ ถ้าเป็นอัซ ก็คงหงุดหงิดจนฆ่าทุกคนไปแล้ว เพราะว่า ผู้คนบ้าอำนาจ ฮิๆๆๆ"

    "จริงด้วย ตอนที่สู้กับคิงอ้วนนั่นรู้สึกว่าพลังมากกว่าปกติ"คิลดีดนิ้วเป๊าะ

    "แล้วตอนนั้นที่สู้กับรุ่นพี่โรเวนก็รู้ว่าตายไปแล้ว แต่ว่าเหมือนมีใครแอบช่วย"คาโลพยักหน้ารับรู้

    "แล้วที่บ่นเรื่องกฏล่ะ"โรเวนถาม

    "เค้าก็แค่พูดไปงั้น เพราะว่า ไม่ให้คนเชื่องมงายว่าสวรรค์ดีเริด เพราะสวรรค์ถึงจะดีกว่าโลกมนุษย์หน่อย แต่ส่วนอื่นๆไม่ต่างกันเลย ทั้งเทพก็มีบ้าอำนาจเหมือนกัน นั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกมนุษย์บ้าอำนาจด้วย ไม่ใช่คนบ้าเอง ส่วนพลังออลซอร์ทนั่นก็ เฟลิซเห็นว่าโลกมนุษย์ได้เพรียบพร้อมหมดแล้วจึงลองสร้างออลซอร์ทขึ้นมาซึ่งมีต้นแบบมาจากเทพออเกอรีไงล่ะ ว้า เดี๋ยวต้องมาทำงานอีก แล้วเจอกันนะคะ บอกไว้ก่อนนะคะ ว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้มาก เพราะเฟลิซเค้ามีอดีตที่เจ็บปวดอยู่แล้ว เจ็บปวดกว่าพวกคุณอีก ขอเค้าไปโลกแห่งจิตใจก็แล้วกัน"แล้วอัซเทียก็หายตัวไป ความเงียบย่างกราย

    "วันนี้เรียนไรหรอ"เอลไลย่าลุกขึ้นมานั่งข้างๆเฟลิเซียแล้วถาม

    "อึม ถ้าเป็นออลซอร์ท ชั้นจะลองเอาปีศาจเทียมมาฝึกดู เพราะว่า ช่วงนี้เราต้องเผชิญหน้ากับปีศาจ ดังนั้น การฝึกแบบนี้ค่อนข้างจำเป็น ตอนนี้ชั้นเริ่มทดลองว่า ถ้าเกิดเอาออลซอร์ทสู้กับพลังมืดมันจะได้ผลมั้ย เพราะว่า สำหนรับพวกเทพน่ะ บอกคำเดียวว่าไม่ได้ผลถึงแม้จะทำอย่างไรก็ตาม ปีศาจก็เช่นกัน แต่ว่า พวกเธอใช้เวทไม่เป็นเลยต้องพยายามฝึกดู ยากไปมั้ย ชั้นคิดว่าหลักสูตรนี้น่าจะง่ายแล้วนะ"เจ้าหญิงหันมาถาม

    "เธอน่าจะไปสอนที่s.o.s.นะ เพราะครูฮานน์ก็คิดแบบนี้ไม่ได้"แอมเบอร์เสนอ

    "แต่ชั้นอายุสิบหกเท่ากับพวกเธอเลยไม่อยากเป็นครูซะเท่าไหร่ มันดูแปลกๆ ความจริง ชั้นควรจะถูกส่งไปที่s.o.s.แต่ว่า ชั้นก็มีเวทมนต์น่ะ ก็เลยไปไม่ได้แหะๆ"เฟลิเซียยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันไปทางอัซเทียที่ตอนนี้มัดผมรวบเป็นหางม้าไว้เตรียมพร้อม "อัซ เรียกปีศาจเทียมมาสิ"

    "ได้"อัซเทียพยักหน้ารับแล้วร่ายเวทนิดๆหน่อยๆ จากนั้นปีศาจหลายๆตัวก็ปรากฏขึ้นมา

    "ครูฮานน์ ควบคุมการฝึกด้วยนะคะ"อัซเทียตะโกนเรียก

    ปีศาจที่เอลไลย่าฝึกด้วยนั้น เป็นปีศาจผู้ชายที่หน้าตาดีไม่น้อย เธอใช้ออลซอร์ทควบคุมแรงโน้มถ่วงไม่ให้มันขยับได้ แต่ว่า นาทีเดียว ปีศาจก็หลุดจากการควบคุม

    "หวา อะไรกันเนี่ย"เอลไลย่าร้องอุทานออกมา

    "เอลไลย่า ชั้นเข้าใจอะไรบ้างแล้ว ลองร้องเพลงควบคู่กับการใช้ออลซอร์ทสิ ต้องเป็นเพลงที่ถวายพระเจ้าเท่านั้นนะ"เฟลิเซียตะโกนขึ้นมา เอลไลย่าทำสีหน้างงก่อนจะร้องเพลงออกมา แล้วใช้ออลซอร์ทดินไปด้วย ปรากฏว่า ได้ผลชะงัด มันไม่สามารถหลุดจากแรงโน้มถ่วงได้อีกแล้ว มันค่อยๆถูกกดลงไปเรื่อยๆ แล้วรอบๆตัวเอลไลย่าก็ส่องแสงจ้าขึ้นมา ปีกสีขาวเหมือนเทพกางออก พอเอลไลย่าลืมตาขึ้นมา ปีกก็ไม่หายไป

    "เอ๋??"เอลไลย่าทำสีหน้าเอ๋อเมื่อเห็นปีกของตัวเอง

    "ไม่อยากจะเชื่อเลย เอลไลย่า เธอทำได้ ว่าแล้วเชียว ถ้าเทพออเกอรีใส่พลังให้เธอไป ถึงมันจะเป็นแค่การอ่านการใช้ภาษาเทพ แต่ว่า มันควรจะมีอย่างอื่นอยู่ด้วย บางที เทพออเกอรีอาจใส่อย่างอื่นลงไปอย่างไม่ตั้งใจ แล้วมันก็คือการร้องเพลงแล้วมีปีกของนางฟ้าไงล่ะ"เฟลิเซียกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข

    "เอ่อ มีปีกแล้วจะช่วยอะไรได้หรอ"เอลไลย่าถาม

    "มีสิ มีปีกแล้วการต่อสู้จะได้เปรียบยิ่งขึ้น แล้วอีกอย่าง มันสามารถทำให้เธอใช้ออลซอร์ทได้ด้วย แต่ว่า มันจะใช้กับตัวแทนพระเจ้าและดวงจิตเทพชั้นสูงไม่ได้เท่านั้น แต่มันได้ผลกับปีศาจ เดี๋ยวว่างๆจะหาทางสอนเวทนิดๆหน่อยๆให้ก็แล้วกัน"แล้วเฟลิเซียก็ชะแว้บมาอยู่ข้างๆเอลไลย่า

    "นี่แล้วเธอสามารถโชว์การใช้พลังของเธอให้ดูหน่อยได้รึเปล่า"เอลไลย่าถามอย่างตื่นเต้น

    "ได้ๆ อึม"เฟลิเซียหันไปทางปีศาจแล้วชี้นิ้วไปที่ปีศาจ "หายไปซะ"เธอพูดอย่างแผ่วเบา แล้วปีศาจก็หายไป

    "สุดยอดเลย"เอลไลย่าร้องออกมาเมื่อเห็นพลังในการควบคุมชีวิตของเฟลิเซีย ธิดาแห่งแสงสว่าง ที่สั่งปีศาจให้ตายได้ในทันที

    ..................................................................................................

    "นี่ๆ พวกเรา รู้สึกว่ามันแปลกๆมั้ย"เคอัสถามคิลและนาธานที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ

    "นั่นดิ นิสัยแต่ละคนนี่ อย่างเช่น คาโลกับเจมิไน ดูดิ"คิลชี้ไปที่สองหนุ่มซึ่งนั่งกินข้าวเงียบๆ สาวๆจ้องกันตาเป็นมันยกเว้นเฟลิเซียที่เดินไปเดินมา

    "แล้วก็จูปิไตกับโร"เคอัสต่อ โรกับจูปิไตนั่งอ่านหนังสือหนาปึ้ก

    "เอลลี่กับเฟริน"พอหันไปทางสองสาวปรากฏว่ากำลังคิดแผนหลอมน้ำแข็งอยู่แล้วหัวเราะกัน

    "เรนอนกับเมอลินด้า"

    สองสาวอีกคู่นั่งเย็บปักถักร้อยเล่นๆ

    "แองจี้กะแอมเบอร์"

    หันไปทางอีกคู่ที่นั่งคุยกับตามประสาผู้หญิง คิลก้อได้แต่คิดว่า มันจะเป็นยังไงต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×