คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : *Season 1*Episode12:Don't enter into my world
ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เด็กหนุ่มขยับตัวไม่ออก ลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อรู้ถึงชื่อจริงของคนๆนี้ เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุด หากแต่ตอนนี้เธอไร้ความทรงจำ พลันหวนคิดถึงตอนที่สามคนนั้นมาติวหนังสือที่บ้าน สิ่งที่จำได้ไม่มีวันลืมคือวินาทีที่เล่าถึงโศกนานาฏกรรมของราชวงศ์คุนะยูกิ เมื่อเกือบสิบปีก่อน และที่สำคัญท่าทีของเซนริที่แปลกไป สิ่งที่ทุกคนรู้ได้ว่าเขาสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไปในวันนั้นก็คือ...
คนๆนี้ ยูกิ หรือเจ้าหญิงโซเคนโย โทโอยะมีสีหน้าสงบนิ่ง ต่างจากดวงตาที่เบิกกว้างของคุโรซากิ อิจิโกะโดยสิ้นเชิง เพราะเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและทุกคนต่างสงสัยว่าพวกนี้จะรักการฆ่าคนซักแค่ไหนได้มาอยู่ตรงหน้า แถมยังเลี้ยงไอศกรีมเขาอีก ชวนคุยและเดินเล่นอีก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคนรักการฆ่าฟัน ออกจะรักสงบอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่เขาหวาดกลัวก็คือ ท่าทางที่อ่านไม่ออกเลยแม้แต่น้อยของเขา
ไอศกรีมที่กินนั้นหมดแล้ว จนเด็กหนุ่มหมดโอกาสจะกลบสีหน้าตัวเอง เขาไม่กล้าประสานสายตากับหญิงสาวซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ร้ายกาจที่สุดเลยแม้แต่น้อย เขากลัวจนตัวสั่นความกลัวที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแต่โซเคนโย โทโอยะสามารถจะรื้อมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
“เทพและปีศาจเป็นขุมพลังที่น่าสนใจสำหรับพวกมนุษย์ เพราะไม่เคยมีเลือดผสมที่เท่ากันเป๊ะมาก่อนนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเราถูกล่าก็เป็นได้”
“พลังของพวกเธอมัน...”
“โหดร้ายใช่มั้ย”ยูกิพูดเรียบๆ “ใช่ มันโหดร้าย สำหรับพวกที่ไม่มีสิ่งนี้ ในขณะที่พวกฉันสามารถสลายพลังของพวกนายได้ทุกเมื่อตราบเท่าที่ฉันต้องการ แม้แต่พลังของเซนริฉันย่อมทำได้”
อิจิโกะเงยหน้าขวับเพราะตกตะลึงกับคำว่า พลังของเซนริ เธอก็สามารถทำให้มันหยุดไปได้สบายๆเลย แต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็สะดุ้งเฮือก ดวงตาสีน้ำเงินที่สวยที่สุดตวัดฉับไปยังด้านบน ทำให้เด็กหนุ่มมองตาม ทันใดนั้น บรรยากาศชวนขนลุกก็คลืบคลานเข้ามาใกล้ ให้ความรู้สึกคล้ายกับเวลาดูหนังเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์หรืออมนุษย์
บรรยากาศนี่มันของใครกัน...
และแล้วอิจิโกะรู้สึกเหมือนวิญญาณเขาถูกกระชากให้ยืนขึ้น ด้วยพลังของยูกิที่บังคับอยู่ เธอเหลือบมองรอบๆด้านอย่างพิจารณา ก่อนจะเริ่มออกวิ่ง และยังใช้พลังบังคับให้ตัวของเด็กหนุ่มออกวิ่งด้วย
“เดี๋ยวสิ เกิดอะไรขึ้น”
“นายต้อง... ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!!”
อีกฝ่ายส่งเสียงดังใส่ แต่ยังคงไม่หันหน้ากลับมา ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากอิจิโกะออกไปโดยไม่สนว่ามันจะเจ็บหรือไม่เจ็บ หญิงสาวกัดฟันกรอด
“ไม่ทันแล้ว”
ร่างเงาร่อนลงกับพื้นดิน สวมผ้าคลุมปิดหน้ากันทั้งหมด มีประมาณนับสิบ และที่สำคัญยังมี
“พวกblank (ใครงงไปดูthe movie 1ใหม่ซะนะ) มาได้ไงกัน”อิจิโกะพึมพำอย่างตื่นตระหนก ยูกิมองซ้ายมองขวาปรากฏว่าถูกล้อมไว้ซะหมด เธอเม้มริมฝีปากบางเฉียบ
“ไสหัวไปซะ”น้ำเสียงเธอกดลึกเบาและเย็นจนเหงื่อของเด็กหนุ่มไหลซึม ทำให้พวกแบลงค์สลายไปทั้งหมด เธอพ่นลมหายใจเล็กน้อยแล้วเหลือบมองร่างเงารอบๆที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ ยูกิหันมามองรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่า เธอหรี่ตาลง ทันใดนั้นวิญญาณของเด็กหนุ่มก็ถูกกระชากออกมาในรูปแบบยมทูต ดาบฟันวิญญาณอยู่ในมือ “กะจังหวะหนีไปซะ”
“เดี๋ยวสิ แล้วเธอล่ะ”อิจิโกะที่ยังเอ๋อเพราะวันนี้เขาเล่นถูกกระชาก ถูกกดดันซะจนมึนไปหมด แถมไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะบังคับให้เขากลายร่างเป็นยมทูตได้อีกด้วย
“ฉันจะอยู่ที่นี่ แต่นายอยู่ไม่ได้”
“ไม่รู้เรื่อง กำกวม”
โครม
เสียงเหมือนอะไรแหวกอากาศบวกกับสิ่งของที่ถูกชนระเนระนาด เช่นเดียวกับพวกร่างเงาและแบลงค์ที่ค่อยๆมาลุกฮือขึ้น เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ฉวยคอเสื้อยูคาตะของอิจิโกะขึ้นแล้วกระโดดลอยขึ้นบนฟ้าไป จากนั้นจึงร่อนลงบนพื้นกำแพง และทั้งสองก็ได้เห็นอาคันตุกะผู้มาเยือนใหม่ เร็นจิ ฮิตซึกายะ ลูเคีย อิกคาคุ อิชิดะ ยูมิจิกะและรันงิคุ... มากันหมด
“พาเพื่อนนายออกไปจากที่นี่ให้หมด”หญิงสาวพูดสั่งเสียงเครียด “มนุษย์ไม่ควรจะมารับรู้โดยไม่จำเป็น ขอสั่งในฐานะที่เป็นเจ้านาย”
ฮิตซึกายะเบิกตากว้างก่อนจะรีบคุกเข่าชันขาให้ทันที
“ขออภัยที่กระหม่อมไม่ทันสังเกต มันเริ่มแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะ”อิชิดะที่ไม่รู้เรื่องถามช้าๆ “หรือว่า...”
“ระวัง!!!”เสียงลูเคียแว่วเข้ามาในโสตประสาทของทุกคน แต่คนหนึ่งกลับไวกว่า ยูกิมองร่างเงาที่สวมชุดเกราะแม่ทัพกระโจนเข้ามาใส่พร้อมกับอาวุธขนาดยักษ์เพียงแค่เธอหรี่ตาเล็กน้อย พวกมันก็กระเด็นไปไกลทั้งหมด
ที่เหลือจ้องมองด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเพราะไม่ค่อยเห็นยูกิใช้พลังเท่าไหร่ แต่นี่ใช้ให้เห็นและความสามารถนั้นน่าทึ่ง ไม่ต้องขยับตัวก็ทำทุกอย่างได้แล้ว
“สรุปว่าไม่ต้องบอกก็รับรู้ได้ด้วยตัวเองสินะ”หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นผมยาวพลิ้วไหวและดวงตาเรียวคมสีงาช้างก้าวย่างออกมาจากฝุ่นตลบอวล เธอมองมายังยูกิก่อนจะย่อกายอย่างเคารพสูงสุด “ขอประทานอภัยเพคะที่มารับช้าไปหน่อย”
“สายไปหนึ่งชั่วยามนะ”เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์พูดเสียงเย็นทำให้อีกฝ่ายสะดุ้ง “จากเรื่องที่ไม่อยากให้รู้ก็ดันมาให้รู้ หน่วยองครักษ์ทำงานพลาดงั้นหรือ”
พวกยมทูตที่ดูเหตุการณ์จากเบื้องหลังได้แต่ตัวสั่นสะท้าน เพราะรู้สึกถึงความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากหญิงสาวผมสีรัตติกาลได้ แต่ทันใดนั้นเสียงคุ้นหูก็กล่าวขึ้นมาจากเบื้องหน้าระหว่างที่เขาคนนั้นเดินฝ่าออกมา
“แต่เอาเข้าจริงๆเธอก็อยากให้รู้ใช่มั้ยล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่พาเจ้าหนูผมส้มมาที่นี่ด้วย เพราะอีกไม่นานวิกฤตที่ส่งผลต่อโลกทั้งหมดกำลังจะเข้ามาสังหารมนุษย์ไม่เหลือซากตามที่เธอเคยพูดเอาไว้ เธอจึงจงใจให้รู้เพื่อจะให้แข็งแกร่งขึ้น”
คาอิน เซ็ทสึเดินเข้ามา ใบหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มทิ้งไว้แต่ความเย็นชาและไม่หยี่ระต่อสิ่งใด ดวงตาสีเงินที่กลายเป็นเหมือนใครบางคนที่พวกอิจิโกะไม่รู้จัก เสื้อคลุมของชายหนุ่มพลิ้วไหวตามลม และที่มือนั้นมีพลังที่คล้ายคลึงกับร่างเงาพวกนั้น!!!
หันมาเล่นงานพวกเดียวกัน... งั้นหรือ???
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แล้วนายจะว่ายังไงล่ะ”ยูกิตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ว่ามาสิ”
“ฉันไม่อยากให้เธอต้องไปเป็นเครื่องสังเวยในเรื่องบ้าๆนั่นที่โซลโซไซตี้ และไม่อยากจะจับเธอไปสู่ความตายด้วยวิธีรุนแรง ดังนั้นฉันจึงจะรีบลงมือก่อนที่พวกคนของวังกลางจะมา ดังนั้น รีบๆไปซะ”
อิจิโกะมองบทสนทนาจากคนสองคนสลับไปมาอย่างงุนงง ส่วนฮิตซึกายะก้มหน้าไม่พูดอะไรเพราะเขาคือหัวหน้าหน่วยย่อมรู้เรื่องอยู่แล้ว
“เครื่องสังเวย...”รันงิคุพูดช้าๆ ถ้าหากว่าไม่ใช่หัวหน้าหน่วย แม้จะเป็นรองหัวหน้าก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ “หัวหน้านี่มันหมายความเช่นไรหรือ”
“ก็หมายความว่า เอาชีวิตไปแลกเพื่อให้ขุมพลังของฮูเอโก้มุนโด้สลายไปได้มากๆ และอาจทำให้ฮูเอโก้มุนโด้สลายไปได้ในพริบตายังไงล่ะ”เสียงแหบแห้งดังมาจากด้านบนฟ้าทำให้แต่ละคนเงยหน้าขึ้นไปดู ผู้ปรากฏเป็นชายวัยกลางคน พร้อมกับองครักษ์ที่ปรากฏมารอบๆกาย แต่ตราที่ประทับก็บ่งบอกได้ไม่ยากว่ามันเป็นของ46ห้องวังกลาง...
“ซวยแล้ว”คาอินพูดอย่างหัวเสีย แต่เมื่อพวกยมทูตรู้เรื่องต่างเริ่มมีการเคลื่อนไหวเมื่อรู้ว่าโซลโซไซตี้คิดจะทำอะไร
“จะบ้าหรอ ทำไมถึง”
“ยังไม่บอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”ชายชราหันมาถามหญิงสาวซึ่งมองตนมาด้วยสายตายากจะหยั่งถึง แต่เธอกลับยักไหล่เป็นเชิงว่าไม่แยแส จนอีกฝ่ายหัวเราะหึหึ ดวงตาเลื่อนมาสบกับยมทูตแต่ละคนที่มีสีหน้าโมโหสุดขีด เพราะจะเอาชีวิตของคนๆหนึ่งไปทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่ก็คัดค้านไม่ได้เพราะคำสั่งลงมาเรียบร้อยแล้ว
คำสั่งของวังกลาง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์จะคัดค้าน
“เจ้าหญิงโซเคนโย โทโอยะแห่งคุนะยูกิ เจ้าของพลังที่มากที่สุดในจักรวรรดิ ท่านผู้ควบคุมระบบการปกครองคนที่13 และจะเป็นคนสุดท้าย เชิญมาเถอะนะ”
ยังไม่ทันจะลงมือทำอะไร ธนูของอิชิดะก็พุ่งเป็นสายขึ้นไปก่อน แต่ทว่าองครักษ์รอบๆนั้นกลับปัดมันไปได้อย่างง่ายดาย แล้วพุ่งลงมาโจมตีอีกรอบ
โครม!!
ร่างของควินซี่กระเด็นไปชนกำแพงอีกฟากอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่ใครจะไปช่วย องครักษ์อีกนายก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน เร็นจิยกดาบขึ้นตั้งรับเมื่อองครักษ์ต่อมาพุ่งเข้ามาหาพร้อมอาวุธในมือทั้งสองดันดาบกันไปมาอย่างหนักหน่วง ตัวดาบค่อยๆกดลงมาเรื่อยๆ เร็นจิยกขาถีบหมายจะเล่นงานส่วนอื่นแต่อีกฝ่ายกลับรู้ทันดันดาบออกไปถอยก่อนพร้อมกับองครักษ์อีกนายเอาดาบฟาดลงมาเต็มๆหลังด้วยความเร็วที่ไม่คาดคิด!!
“อั๊ก”
“เร็นจิ”ลูเคียที่กำลังจะเดินเข้าไปดูแต่กลับถูกขัดขวางด้วยศัตรูอีกราย เด็กสาวเม้มริมฝีปากบางเฉียบก่อนจะหันไปปะทะด้วย แต่ไม่นานนักก็กระเด็นไปไกลเพราะไม่อาจต้านทานไหว อิจิโกะที่กำลังจะไปช่วยอีกแรงกลับถูกหญิงสาวที่ดูจะเป็นรองหัวหน้าหน่วยองครักษ์ที่ว่าและคาอินเป็นหัวหน้าหน่วยเรียกเธอว่าฮาริเนะ ยูโนกิ
“พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่”เด็กหนุ่มกระชากเสียงถามเพราะแม้จะกลัวเจ้าหญิงโทโอยะแต่เขาก็ไม่อยากให้ตายเท่าไหร่ เพราะตลอดเวลาก็ช่วยพวกเขามาเยอะ ดังนั้นจะต้องไม่ตายเด็ดขาด
“จะให้ฉันทำยังไง อย่างกับพวกฉันอยากทำนักนี่ไอหนู”
เสียงตะคอกกลับทำให้คนฟังสะดุ้งไปพักใหญ่แต่ยังคงประดาบอย่างต่อเนื่อง เหลือแต่คาอินที่ยังไม่เคลื่อนไหว แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นด้านบนว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ยูกิรู้สึกว่ามีบางอย่างกระชากเธอก็ลอยขึ้นไป ซึ่งคนทำนั้นก็คือตาเฒ่าวังกลางนั่น ในมือของเขาปรากฎประจุวิญญาณโลงศพดำเตรียมจะเล่นงานทุกคน คาอินรู้ตัวก่อนแต่เขาไม่มีเวลาจะสลายอะไรทั้งนั้น ส่วนยูกิรีบสลายสิ่งที่พันธนาการเธอไว้ก่อนจนร่างหล่นลงมา
“เฮ้ย”อิกคาคุร้องลั่นเมื่อเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ชายชรานั้นไม่สามารถจะแก้ไขเพราะคนที่ต้องไปเป็นเครื่องสังเวยเล่นจะไปอยู่กลุ่มกับพวกนั้นเรียบร้อย
“ระวัง”
เปรี้ยง!!!
พลังนั้นถูกทำให้สลายไปในทันที เมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรผ่านตัวแค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้น เมื่อดูอีกทีก็พบว่าที่ข้อมือของวังกลางนั้นมีเข็มนาฬิกาสีฟ้าใสปักอยู่
เข็มนาฬิกางั้นหรือ...
ฟึ่บ
ร่างสูงสง่าของใครคนหนึ่งร่อนลงบนพื้นดิน ใบหน้าหล่อเหลาเกินกว่าจะจินตนาการได้ถึงฉายแววเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัวที่สุด ผมสีน้ำตาลอบอุ่นพลิ้วตามสายลมและดวงตาสีฟ้าเทอควอยซ์ที่งดงามกว่าอัญมณีใดๆเรียวคมกริบดูสง่า แม้จะอยู่ในเสื้อธรรมดาแต่ความหล่อเหลาและทุกอย่างก็บ่งบอกว่าเป็นราชนิกูลชั้นสูงอย่างเห็นได้ชัด เซนริตวัดมือวูบหนึ่งเข็มนาฬิกาก็หายไปพร้อมๆกับประจุพลังก็หายไปทั้งหมด ดวงตาสีฟ้าจ้องไปยังวังกลางซึ่งตัวสั่นกลางอากาศก่อนจะรีบร่อนลงบนพื้นดินคุกเข่าให้อีกฝ่าย
“ทะ ท่าน ท่าน”
“ฉันไม่ควรจะไว้ใจวังกลาง นับว่าคิดผิดจริงๆ”
“ขะ ขออภัย”
เซนริเหลือบมองคนแต่ละคนและในอ้อมแขนเขามีเจ้าหญิงแห่งคุนะยูกิอยู่ซึ่งเขารับได้ทันพร้อมกับสลายพลังได้นพริบตา ชายหนุ่มวางหญิงสาวลง
“คงจะยาก ถ้าเกิดไม่ต้องรับโทษใดเลย”
คาอินเองก็ตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัวระหว่างที่ถอยมาอยู่ด้านหลังเพื่อนซึ่งน่ากลัวกว่าเดิมนัก เซนรินั้นใจเย็น และไม่ค่อยระเบิดอารมณ์ แต่เวลาเขาโกรธก็เก็บอารมณ์ได้ดี แต่แววตาเขาจะน่ากลัว และไม่ควรจะไปแหยมอะไรทั้งนั้น คาอินรู้จักเจ้าชายพระองค์นี้มาสามสี่ปี และแน่นอนว่า เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาแล้ว
“ถ้าเกิดตัดสินใจจะทำพิธีกรรมนั่นจริงๆ”เซนริหรี่ตาลง “หลังจากเสร็จพิธีกรรม ในฐานะมกุฎราชกุมารผู้คุมทัพสูงสุด ขอเอาชีวิตวังกลางทุกคนเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน นั่นคือสิ่งที่ปรานีที่สุดเพราะชีวิตของยูกิแค่ชีวิตพวกเจ้าทุกคนมันไม่พอ”
เพราะมันต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนทั้งหมดทั้งโซลโซไซตี้เลยก็ว่าได้ แต่เจ้าชายหนุ่มตระหนักว่า ไม่ควรจะเอาด้วยเพราะพวกนั้นไม่ได้ผิด เขาจึงเลือกแค่วังกลางที่บังอาจใช้อำนาจบาดใหญ่ และสังหารคาอินและฮาริเนะก็ไม่ใช่สิ่งที่จะให้อภัยได้ เพราะชีวิตของสองคนนี้โดยเฉพาะคาอินก็ต้องจ่ายมากเหมือนกัน แค่วังกลางก็ไม่พอเช่นเดียวกัน
ถือว่าฮายาเตะ เซนริใจดีมามากพอแล้ว
“เดี๋ยว นายคิดจะ”อิจิโกะร้องถาม “เอาชีวิตเพื่อนตัวเองจริงๆงั้นหรือ”
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่ทันใดนั้นร่างของเจ้าหญิงก็สั่นสะท้าน ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างพลางยกมือกุมหัว เซนริ คาอิน และวังกลางหันขวับมามองพร้อมกัน คาอินสบถพรืดก่อนจะพยักหน้าให้มกุฎราชกุมารให้ทำบางอย่างที่แม้แต่วังกลางยังไม่เข้าใจ
“ใช้พันธะ”
เซนริจับไหล่บางทั้งสองข้างและทันใดนั้นหญิงสาวก็หมดสติไปในทันที ชายหนุ่มรับมาก่อนจะอุ้มขึ้น โดยไม่ปริปากพูดอะไรทั้งนั้น เขานิ่งคิดก่อนจะถอนหายใจเฮือก
“ฉันก็ไม่ต้องการสิ่งนั้น แต่เรื่องของพวกฉัน พวกนายก็ไม่มีวันเข้าใจถึงความรู้สึกที่ต้องมาแบกรับชีวิตของคนทั้งโลกได้”
“หมายความว่ายังไง”
ชายชราจากวังกลางตั้งท่าจะพูดอะไร แต่ผู้สูงศักดิ์กลับมีสายตาเย็นและทรงอำนาจทำให้ไม่สามารถเปิดปากพูดอะไรทั้งนั้น
“การประหารจะหยุดหรือไม่ขึ้นอยู่กับฉัน”
พอพูดจบ คาอินก็เดินเข้ามาขวางตรงหน้า ชายหนุ่มขยับรอยยิ้ม แต่มันแฝงความเศร้าเล็กน้อย
“อย่าโกรธกันเลยนะ”
คาอินสะบัดมือครั้งเดียวร่างของแต่ละคนก็ขยับไม่ได้ ทันใดนั้น ความเจ็บปวดก็ทะลักเข้ามา เมื่อเข็มนาฬิกาสีฟ้าใสได้มาปรากฏอยู่รอบๆร่างเลือดสดๆหลั่งเทออกมาไม่หยุดหย่อน
“อย่าเข้ามาในโลกของพวกฉันจะดีที่สุด”
อิจิโกะเบิกตากว้างก่อนจะค่อยๆล้มลงไป ในใจยังคงได้ยินคำพูดที่ว่า
อย่าเข้ามาในโลกของพวกฉันจะดีที่สุด
อย่าเข้ามาดีกว่า เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรจะมาทุกข์ด้วย
ความคิดเห็น