ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic]Bleach:Soul Reaper Revelation

    ลำดับตอนที่ #1 : *Season 1* Real world:Prologue (Re)

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 52


    Part I: Real world

     

    สวัสดีค่า>[]</ เนื่องจากอันเก่ามันบรรทัดไม่เหมือนของภาคสองลงมา เลยจับมาแก้ๆๆ ส่วนเนื้อเรื่องก็เปลี่ยนแปลงหลายส่วนเอาการ (เยอะมากๆ) ตัวละครอาจดูแข็งๆเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ตอนนี้ปรับให้เหมือนกับตอนล่าสุดเรียบร้อยแล้วค่า เม้นๆด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ!

     “”””””””””””””””””””””””””””””””””

     

    Part I: Real world

     

     “”””””””””””””””””””””””””””””””””

     

    8ปีที่แล้ว

     

    ฮอกไกโด ฤดูหนาว

     

    คืนที่มีหิมะตกมากที่สุด คืนที่ประวัติศาสตร์ของโซลโซไซตี้จะต้องจารึกไว้ ในคฤหาสน์งดงามทรงญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ยักษ์ บัดนี้กำลังหลอมละลายด้วยฤทธิ์ของอัคคี กลุ่มคนจำนวนมากที่ล้มตาย เศษเนื้อที่กระจัดกระจายไปทั่ว จนน่าสะอิดสะเอียนแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก แต่กลับมีสายตาหนึ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่า ดวงตาสีน้ำเงินที่สะท้อนในเงามืดได้ และดวงตาสีแดงอีกคู่ที่ชวนให้คนที่สนิทกับเขาต้องเจ็บปวด

     

    การทรยศ

     

    ความเจ็บปวด

     

    เด็กชายเจ้าของใบหน้ารูปสลัก แม้ยังอ่อนเยาว์แต่คงความหล่อเหลาและสง่างามแก่ผู้ที่พบเห็น รูปงามจนน่ากลัว แม้เขาจะอยู่ในอาภรณ์ที่เปื้อนไปด้วยของเหลวข้นสีแดงก็ตาม ซึ่งกำลังยืนเบิกตากว้างว่างเปล่า

     

                คุณจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกต่อคนที่สูญเสีย ต่อให้ปลอบโยนเพียงใด แต่คุณจะไม่มีวันเข้าใจ หากไม่เคยได้สัมผัสมันเอง

     

    .......................................

     

    เวลาปัจจุบัน โตเกียว เมืองคาราคุระ

     

    คุโรซากิ อิจิโกะถอนหายใจเฮือก ขณะที่ใช้ตรายมทูตแล้วยัดลูกวิญญาณเทียม กอน เข้าไปในร่าง เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุราวๆ15-16ปี ผมสีส้มดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ใบหน้ากร้านโลก และดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายแววเบื่อหน่ายเล็กน้อย เขาเคยเป็นเด็กมัธยมปลายธรรมดา แต่มีเหตุให้เกิดจนกลายเป็นยมทูต ซึ่งจุดกำเนิดเรื่องราวคือยมทูตสาว คุจิกิ ลูเคีย เด็กสาวดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หากแต่อายุจริงของเธอนั้นมากกว่าเขาสิบเท่า แต่สำหรับอิจิโกะแล้ว แม่เจ้าประคุณก็ไม่ต่างจากเด็กเท่าไหร่ แถมชอบวาดรูปประหลาดๆมากกว่า อย่างรูปหมาแพนดี้ (ผวน) หรือกระต๋ายแช๊ปๆซักอย่างนี่แหล่ะ

     

     

                “อิจิโกะ ไปกันได้ยัง เลยกำหนดการมาตั้งชาติหนึ่งแล้วนะ”เสียงตะโกนเรียกมาจากด้านหน้าต่างทำให้เด็กหนุ่มหันขวับไป คนๆนั้นคืออาบาราอิ เร็นจิ เร็นจิเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่หก และเป็นเพื่อนสนิทของลูเคียมาก่อนด้วย ฉะนั้น เลยเป็นเพื่อนซี้กับเขาไปด้วยในตัว อิจิโกะมองนาฬิกาแล้วเริ่มคิดสงสัยในใจถึงข้อความที่ลูเคียส่งมาทางจดหมาย ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเขา

     

    เห็นที่โซลโซไซตี้มีเรื่องด่วน หัวหน้าฮิตซึกายะแจ้งมาว่าอยากให้นายไปด้วย เพราะเป็นเรื่องสำคัญมากๆ รีบมานะ แล้วก็จะต้องไปที่โซลโซไซตี้วันเสาร์นี้

    ปล. ให้กอนเข้าร่างนายด้วยนะ

     

    เรื่องด่วนงั้นหรือ...

     

     

    เด็กหนุ่มมีสีหน้าสงสัย หลังจากตอนที่ช่วยโอริฮิเมะมาได้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติอีก นอกจากว่าเวลาจะถูกตีกลับหมด หากแต่ไม่มีใครสังเกตุนอกจากผู้มีพลังวิญญาณเท่านั้น

     

     

                “จะไปกันได้รึยัง(โว้ย)”เร็นจิตะโกนกรอกหูใส่อย่างหมดความอดทน จนอิจิโกะมีสีหน้าคิ้วขมวด

     

                “เออ พร้อมแล้วววว จะตะโกนหาพระแสงอะไร้ของนายยยยย”

     

     

     

    โซลโซไซตี้

     

                ทางเข้ายังเหมือนเดิม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมืองลูคอนยังโทรมเหมือนเดิม เซย์เรย์เทย์ก็เช่นกัน พูดง่ายๆ... ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยซักกะนิดเดียว แต่ที่เปลี่ยนแปลงคือ ฮิตซึกายะเดินนำหน้าไปที่หน่วย6 ทำให้อิจิโกะอดสงสัยไม่ได้ มีธุระอะไรกับหน่วยนี้ อันที่จริงเขาก็เคยมาที่หน่วยนี้มาแล้ว แต่ไม่เคยเดินให้ทั่ว มีแต่นั่งอยู่ในห้องพักรับรองแขก ไม่ก็ไปเยี่ยมลูเคียที่ตอนนั้นบาดเจ็บจากการต่อสู้ของพวกbounto นอกนั้นก็ไม่เคยสำรวจให้ทั่ว

     

     

                เฮ้ โทชิโร่ เรามาที่นี่ทำไมล่ะ

     

     

                “‘หัวหน้าฮิตซึกายะ’”หัวหน้าหน่วย10ย้ำเสียงเย็น ขณะที่เดินเข้าไป และมีดอกซากุระสีขาวปลูกไว้สลับกับสีชมพู สวนต้นไม้ดูร่มรื่นและสดชื่น ซึ่งเป็นช่วงฤดูใกล้ฤดูร้อน ทำให้ต้นไม้ออกดอกชูช่อกับสายลมแสงแดด สภาพที่นี่ดูสดชื่น แถมมีน้ำตกขนาดเล็กอีก เรือนทำการต่างๆนั้น ดูๆแล้ว คงจะทำให้หรูหราสมเป็นตระกูลขุนนางใหญ่เป็นแน่ ซึ่งก็คงจะไม่แปลกอะไรเพราะตระกูลคุจิกิ เป็นเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าหน่วยนี้มาช้านานนัก

     

     

                ว่าแต่มาที่นี่ทำไมล่ะอิกคาคุถามอย่างสงสัย เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมต้องมาหน่วยที่6ด้วย ตอนแรกที่มาถึงเขาและยูมิจิกะกะจะไปที่หน่วย11เลย แต่หัวหน้าเคมปาจิดันให้มาที่หน่วยนี้พร้อมๆกับคนอื่นๆ ลูเคียดูท่าทางจะคุ้นเคยกับที่นี่ แต่ก็แน่ล่ะ เพราะเป็นหน่วยของพี่ชายตัวเอง แต่ว่าสำหรับอิจิโกะแล้ว คงตรงกันข้าม

     

     

                รออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับเบียคุยะก่อน แล้วจะมาบอกว่าต้องทำอะไรฮิตซึกายะหันมาบอกแค่นั้น อ้อ จะไปสำรวจอะไรก็ได้ตามใจ

     

    ก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้าหน่วยทันที ซึ่งมีริคิจิ นักสู้ลำดับที่5มาต้อนรับก่อน พวกอิจิโกะมองตาปริบๆ แล้วจะไปสำรวจที่ไหนดีล่ะเนี่ย...

     

                เอ่อ งั้นขอไปทางนู้นก็แล้วกันยูมิจิกะชี้ไปที่สวนชมธรรมชาติความงามอิกคาคุมานั่งเฉยๆพิงต้นไม้

     

                งั้นไปทางโน้นได้ไหมอ่ะลูเคียอิจิโกะชี้ไปที่สวนซึ่งมีสถานที่คล้ายๆที่ทำการของหัวหน้าหน่วย แต่เล็กกว่า แต่ดูอบอุ่นสบายมีลำธารไหลรอบๆ ตั้งอยู่บนริมน้ำอีก ที่พัก มีชานระเบียงรอบๆ และม่านไม้ไผ่ทำให้นึกถึงคฤหาสน์ในสมัยเฮอันของพวกท่านหญิงตระกูลขุนนางในสมัยก่อน ที่มักจะหลบปิดบังใบหน้าอยู่หลังฉากผ้าเสมอ เป็นธรรมเนียมซึ่งเด็กหนุ่มเคยเห็นแต่ในหนังสือ บัดนี้ก็ได้เห็นของจริง

     

                ถ้าเจ้าของที่ไม่ว่าอะไรก็ดีหรอกลูเคียส่ายหัวอย่างเซ็งๆ เพราะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของตำหนักสายน้ำนั่น แต่ก็ยอมเดินตามไปด้วยแต่โดยดี

     

     

     

     

                ห้องทำงานหัวหน้าหน่วย

     

                กำหนดการที่หัวหน้าใหญ่บอก คนที่มานั้นจะมากี่โมงฮิตซึกายะเอ่ยถามขึ้น ขณะที่เร็นจิออกไปนั่งรอข้างนอก เบียคุยะนิ่งคิดเล็กน้อย

     

                ก็คงราวๆเย็นนี้ เรื่องพวกฮอลโลว์และกองทัพอารันคาร์ที่อยู่ที่ฮูเอโก้มุนโด้เขาก็คงจัดการไปเรียบร้อยแล้ว

     

                แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยให้ใครเห็นหน้า โดยเฉพาะพวกเรา นอกจากพวกเขาหัวหน้าหน่วย10ออกความเห็น เพราะดูท่าทางเขาคงจะเคยเจอคนที่ว่านั่นแล้ว หรือไม่ก็คงจะได้ยินกิตติศัพท์มามากกว่า พลางคิดย้อนความไปเมื่อเหตุการณ์เมื่อเย็นวานนี้ ที่มีการประชุมอย่างเร่งด่วน หลังจากเกิดการตีเวลากลับโดยบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุได้

     

     

    ในห้องประชุมใหญ่หัวหน้าหน่วยที่แม้จะหัวหน้าฮิตซึกายะจะมาสายไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่เจ้าตัวจะมาตามอาเองซึ่งจริงๆแล้วฮิตซึกายะ โทชิโร่ก็เป็นคนรับผิดชอบดีเหมือนกัน ห้องประชุมที่นับวันคนจะยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะอุคิทาเกะไม่สบายไปอีกคน ทำให้ปริมาณให้ห้องประชุมนั้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด หัวหน้ายามาโมโตะ เก็นริวไว ชิเงคุนิ ใช้ไม้เท้ากระทบกับพื้นไม้สีเข้มหนักๆเป็นเชิงเริ่มการประชุมซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องเร่งด่วน และค่อนข้างยากที่จะลากคอหัวหน้าหน่วยให้ตื่นจากนิทรา



                 "ข้าได้ยื่นฎีกาขอความช่วยเหลือ"



     เคียวราคุหัวเราะนิดๆอย่างอารมณ์ดีแล้วถามต่อ



                "โอ้โห ท่าทางจะสำคัญน่าดูนะครับ เรื่องเวลาที่ถูกผวนกลับนะ"

     

                “สำคัญอยู่แล้ว เคียวราคุ ชุนซุย”น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบ



    ดวงตาที่ตี่แต่ทว่าดูแข็งแม้ยามชราผู้บัญชาการสูงสุดแห่งสิบสามหน่วยผู้พิทักษ์ที่พอเมื่อคืนมีการตีกลับของเวลา เขาก็ทำงานหนักๆแถมยังประกาศภาวะฉุกเฉินเข้าไปอีก ไม่รู้ได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่การตัดสินใจของเขาเมื่อตัดสินใจไปแล้วย่อมบิดพลิ้วไม่ได้ หัวหน้าหน่วยแปดยิ้มแห้งเมื่อเห็นท่าทางของหัวหน้าใหญ่ที่ดูราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเมื่ออีกฝ่ายทำราวกับมันเป็นแค่เรื่องเล่น

     

    ฎีกาขอความช่วยเหลือ เป็นที่รู้กันว่าเป็นสิ่งต้องยื่นกับกับจักรพรรดิของโซลโซไซตี้เท่านั้น และเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าเรย์โอ และที่อยู่อาศัยก็จะอยู่คนละมิติกับวังราชันย์เช่นกัน ว่ากันว่า เป็นที่ๆไม่มียมทูตสายพันธุ์แท้มากนัก แถมอันตราย และเป็นปริศนา

     

    จักรพรรดิมีสี่พระองค์ เช่นเดียวกับมีสี่จักรวรรดิในมิตินั้น หากแต่ไม่ใช่ยมทูตธรรมดาทั่วไป

    ราชวงศ์แรกคือ คุนะยูกิ ราชวงศ์ที่เป็นต้นกำเนิดแห่งยมทูตของโลก ไม่ใช่มนุษย์แปรสภาพไปเป็นยมทูต หรือเกิดจากยมทูตที่แปรสภาพจากมนุษย์ ราชวงศ์นี้แข็งแกร่งที่สุด พลังวิญญาณสูงสุด ไม่มีเลือดของมนุษย์แปดเปื้อนเลยแม้แต่น้อย เทพผสมปีศาจ ความสามารถไม่เป็นที่ประจักษ์

     

    ลำดับถัดมาคือ ฮายาเตะ ราชวงศ์เชื้อสายของเทพเจ้า เพราะจักรวรรดิมีเผ่าพันธุ์เทพและปีศาจเป็นแกนหลัก ฮายาเตะคือผู้ที่มาจากเทพ ดังนั้น จึงมีสายเลือดมนุษย์เพียง40%เท่านั้น มีอำนาจที่จะควบคุมเวลาต่างๆได้ รวมถึงมีประชากรค่อนข้างเยอะเอาการ

     

    ราชวงศ์ที่สาม โคฮากุ อสูรที่ไม่ได้เกิดจากปีศาจอย่างที่คิดกัน เป็นสิ่งมีชีวิตที่รวบรวมอมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นแวมไพร์ วาลคีรี มนุษย์หมาป่า หรืออะไรก็ตามรวบรวมมาจนหมด มีสายเลือดมนุษย์40%เช่นกัน อำนาจนั้นคือ ความสามารถในการควบคุมความทรงจำของสิ่งมีชีวิต

     

    ราชวงศ์ฟุจิวาระ ราชวงศ์ที่เป็นภูตศักดิ์สิทธิ์ มีสายเลือดมนุษย์เจือปนอยู่เพียง40% สถานที่คล้ายกับโคฮากุ มีอำนาจในการควบคุมความประพฤติคน เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก นอกจากนี้ ยังมีความสามารถด้านเสียงเพลงรองลงมาจากเทพ และเชี่ยวชาญด้านวิถีมาร

     

    ไม่ใช่แค่นั้น แต่ยังมีสาขาย่อยอีกมากมาย สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ทั้งสี่ ยกเว้นคุนะยูกิ ที่ไม่มีทางมีสาขาย่อยใดๆก็ตาม จึงมีคนอยู่น้อยมาก เนื่องจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน แต่ข่าวถูกปิดเงียบ

     

    ฎีกาที่ยื่นไปสามารถยื่นขอความช่วยเหลือแล้วส่งตระกูลสาขาย่อยมาได้ และถ้าจะขอราชวงศ์ จะต้องยื่นก่อนสองเดือนจึงจะสามารถตัดสินได้ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน

     

                “แล้วหัวหน้าใหญ่เรียกมากี่คน”ซุยฟงถามเสียงเรียบ ดวงตาบ่งบอกถึงความหยั่งเชิงในความคิดของชายชรา



                "เรียกมาสามคน"



                "เฮอะ แค่สามคนเองรึไง"เสียงนั้นดังมาจากซาราคิ เคมปาจิ หัวหน้าหน่วยสิบเอ็ด ซึ่งทุกคนหันขวับไปมองเจ้าคนพูดเป็นตาเดียว สายตาต้องการคำอธิบาย "น่าจะมานับสิบๆจะได้จัดการแก้เบื่อ"



               "ไม่ๆ ต้องมาทดลองดูซิว่า คนจากทางนั้นเค้ามีอะไรพิเศษบ้าง"หัวหน้าคุโรซึจิ มายูริยิ้มอย่างสยดสยอง แต่กลับเรียกสีหน้าคาดเดาได้ยากจากหัวหน้าใหญ่ได้เป็นอย่างดี ชายชราหันกลับไปพูดกับหัวหน้าคุจิกิ เบียคุยะแห่งหน่วยที่หก

     

              "คนที่มานั่น เจ้ารู้จักดีทีเดียว แต่จะมาในเวลาต่างกัน"คำพูดเรียบๆแต่ทำให้เบียคุยะเบิกตากว้างอย่างตกใจระคนประหลาดใจเป็นล้นพ้น เพราะเดาจากคำพูดที่แฝงได้ไม่ยาก ร่างสูงสง่าหันไปประจันหน้ากับหัวหน้าคุโรซึจิและหัวหน้าซาราคิที่ทุ่มเถียงว่าจะจับสู้หรือจับทดลอง ใช่ ถ้าเป็นสามคนนั้นละก็... งานนี้ ไม่ธรรมดาเป็นแน่แท้ และที่สำคัญที่สุด คนที่จะมานั้น เขารู้จักดี ใช่... แต่ไม่ได้เจอกันแล้ว ล่าสุดคือสมัยที่ยังเด็กๆอยู่ ป่านนี้คงจะโตกันแล้ว



               "เกรงว่าคงจะมาสู้หรือทดลองไม่ได้"เบียคุยะกล่าวเสียงเรียบ



               "ทำไม"เคมปาจิถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นเดียวกับหัวหน้าคุโรซึจิเริ่มหงุดหงิด เพราะจะมีคนมาขัดขวางการทดลองของเขา ซึ่งไม่มีใครห้ามเท่าไหร่นัก แต่นี่ดันกล้าท้าทาย หัวหน้าหน่วยหกมีสีหน้านิ่งเฉย

     

               "ใครกันหรือ หัวหน้าคุจิกิ ข้าได้ยินว่าหนึ่งในสามมาถึงแล้วนี่"สิ้นเสียงหัวหน้าโคมามูระ ทำให้เคมปาจิเตรียมก้าวเดินออกไปเป็นคนแรก แต่ทว่าแรงดันวิญญาณกลับตรึงไว้ไม่ให้ไปไหน ยิ่งทำให้ซาราคิ เคมปาจิมีอารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้นทุกที และคุโรซึจิ มายูริไม่ต่างกันนัก



    เบียคุยะนิ่งเล็กน้อยหลังจากสถานการณ์สงบลงและแรงดันวิญญาณจากหัวหน้าใหญ่หายไป



               "คนที่มาถึงคือ พระราชโอรสแห่งจักรพรรดิจากหนึ่งในสี่ราชวงศ์แห่งโซลโซไซตี้ผู้กุมอำนาจเหนือราชันย์เรย์โอ มกุฎราชกุมารองค์ปัจจุบัน เจ้าของสมยานาม เจ้าแห่งดาบฟันวิญญาณทั้งปวง"



    ทั้งห้องประชุมตกตะลึงไปในทันที แล้วหันขวับไปที่หัวหน้าใหญ่ซึ่งไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด



              "ทะ ท่านเล่นขอเจ้าชายพระองค์นี้ให้ลงมือเลยรึไง ละ แล้วอีกสองคนนี่..."ซุยฟงพูดตะกุกตะกักเมื่อรู้ว่าเป็นใคร แม้แต่มายูริยังตกใจสุดขีด เคมปาจิขยับขาไม่ออกราวกับขาตายไปเรียบร้อยแล้วเมื่อรู้ว่าคนที่มานั้น เป็นใคร



             เบียคุยะผ่อนลมหายใจช้าๆอีกครั้งแล้วตอบว่า



             "หญิงสาวอัจฉริยะแห่งโซลโซไซตี้ กับหัวหน้าใหญ่ราชองครักษ์แห่งเซย์เรย์เทย์"



    และสิ้นเสียง ห้องประชุมก็แทบจะช๊อคตายไปเมื่อรู้ว่าใครจะมา แม้แต่เคมปาจิยังหน้าซีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

     

    จบการย้อนความ


    เบียคุยะหรี่ตาลงมองที่วิวทิวทัศน์รอบด้าน แล้วหันมาตอบอีกครั้ง

     

                ความสามารถที่ซับซ้อน ยากนักที่จะรู้ได้ว่าเป็นใครกัน เราไม่สามารถควบคุมเขาได้ จนกว่าจะถึงเวลานั้น

     

                “แต่สิ่งที่น่าห่วงไม่ใช่เรื่องนั้นไม่ใช่รึ”ดวงตาสีเขียวใสของฮิตซึกายะ โทชิโร่มองมาอย่างตรงไปตรงมา เบียคุยะพยักหน้าเล็กน้อย

     

                “พูดอีกก็ถูกอีก และฉันก็ไม่มั่นใจนักเท่าไหร่ ว่าถ้าเกิดเป็นจริงขึ้นมา บางที... สิ่งที่พวกจักรวรรดิพยายามปิดซ่อนเรื่องราวต่างๆไม่ให้พวกเรารู้ก็อาจจะเปิดออก เรื่องราว... ที่อาจเป็นเรื่องนองเลือด และยมทูตไม่สามารถเอื้อมไปยุ่งเกี่ยวได้”

     

     

     

     

     

                อิจิโกะ ฉันว่าอย่าเดินไปมากๆดีกว่าน่า มันเสียมารยาทลูเคียตะโกนเรียกไล่หลัง แต่ทำให้อิจิโกะยิ่งสงสัยกว่าเดิมว่ามีอะไร บรรยากาศตำหนักนี้เหมือนหลุดเข้ามาในโลกแห่งสิ่งที่ไม่อาจบรรยายได้ก็ไม่ปาน และมีต้นไม้เต็มไปหมด ทำให้เขาสงสัยว่าตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่ออะไร ดูๆแล้วก็ไม่ใช่ที่ทำการธรรมดาแน่ อาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เพราะดูโครงสร้างมันก็ไม่ธรรมดา ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ แม้เด็กสาวจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ ก็ต้องยอมๆไปก่อน 



    จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งทักจากด้านหลัง



                "ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ สบายดีกันรึเปล่า"



    เสียงแผ่วเบาแต่ทั้งคู่ได้ยินชัดเจน อิจิโกะและลูเคียหันไปทางด้านหลัง เด็กสาววัยเท่าๆกับเขายืนอยู่ตรงนั้น ผมสีครามน้ำเงินยาวสยาย ดวงตาสดใส ท่าทางแบบนี้ ทำให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ราวกับบางอย่างค่อยๆไหลเข้ามาในห้วงความทรงจำ เด็กสาวชิเน็นจูซึ่งเคยช่วยไว้เมื่อฤดูใบไม้ร่วงก่อนเวลาจะถูกตีซ้ำ และบัดนี้มายืนต่อหน้าทั้งสองในชุดยมทูต รวมถึงริบบิ้นสีแดงคาดที่เอวนั้น ไม่ผิดแน่



               "เซนนะ"



    เด็กสาวรูปร่างสันทัด ตอนนี้ไม่มีใครลืมเลือนคนๆนี้ได้แล้ว แต่ทว่ามีบางอย่างที่ต่างออกไป เหมือนกับคนๆนี้เป็นลูกขุนนางชั้นผู้ดี

     

     

    จริงๆชื่อของฉันคืออาคาเนะ เซนนะ นามสกุลฉันคงจะคุ้นกับเธอนะ ลูเคีย

     

     

    อาคาเนะ เซนนะ ลูเคียเริ่มทบทวนในใจ อาคาเนะ

     

     

     

    ยมทูตสาวเริ่มย้อนกลับไปแล้วทบทวนดูเกี่ยวกับตระกูลขุนนางทั้งหมด ที่แยกออกสองที่ ที่แรกคือจักรวรรดิทั้งสี่ที่อยู่เหนือมิติวังราชันย์ และที่เซย์เรย์เทย์เอง

     

     

    ตระกูลรับใช้เชื้อพระวงศ์เป็นตระกูลสาขาแยก อาคาเนะ อาคาเนะ... รู้แล้ว ตระกูลผู้รับใช้ราชวงศ์ ทำหน้าที่เป็นมิโกะและผู้ทำนายแห่งราชสำนัก ดูอนาคต และอ่านใจคนได้ ไม่ผิดแน่ ที่เธอตรวจสอบชื่อเซนนะไม่เจอในครั้งนั้นก็เพราะนั่นถูกซ่อนอยู่ที่แห่งนั้น และเธอไม่ได้ตรวจด้วย

     

     

    และที่สำคัญ

     

     

    เธอ... ไม่ใช่ ชิเน็นจู

     

     

    เซนนะส่ายหัว

     

     

     

    นั่นเป็นร่างแยกของฉันเฉยๆเท่านั้นเพื่อรองรับแบล็งค์ ดังนั้น ฉันก็ไม่ใช่คนที่เคยตายแล้วหรอกนะ และที่สำคัญ ก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นด้วยถ้อยคำที่แปลกๆแต่ก็ดูอ่อนโยนสดใสใช้ได้ ทำให้แต่ละคนคล้ายความมึนงงแล้วเริ่มคุยกับเธอตามปกติ

     

     

     

    สรุปว่าเซนนะเองก็แวะๆมาด้วยเช่นกัน แต่เธอไม่ค่อยจะปรากฎตัวให้เห็น เซนนะเป็นน้องสาวแท้ๆของผู้นำตระกูลอาคาเนะคนปัจจุบัน ลูเคียพอรู้ดี เธอเลยอธิบายให้อิจิโกะฟังเรื่องตระกูลขุนนาง

     

     

    ที่มีหน้าที่รับใช้ราชสำนักก็จะแบ่งได้สาขาซึ่งคงจะให้พวกเขาปรากฎตัวออกมาทีละคนรวมถึงเรื่องที่น่าตกใจอีกด้วย

     

     

    "โซลโซไซตี้มีความลับอยู่ ก็คือเรื่องราชาเรย์โอ เป็นประมุขก็จริง ในสายตาทุกคน แต่จริงๆแล้วสิ่งที่พวกชาวลูคอนไม่รู้ก็คือ มีตำแหน่งจักรพรรดิสี่พระองค์อยู่ในอีกโลกที่กว้างใหญ่แบบโลกทั้งใบเลย มีหน้าที่ในการคุ้มครองทั้งมนุษย์ ยมทูต เทพ และปีศาจ"

     

     

    เทพ และปีศาจ คือตัวค้ำจุน ของจักรวรรดิทั้งสี่ที่จะกระจายการคุ้มครอง เพียงแต่คงยังไม่ถึงเวลาที่จะไปและให้จัดการ เรื่องบางอย่างที่กำลังจะได้รู้ในอีกไม่กี่เดือนนี้

     

    อิจิโกะที่ฟังไปเรื่อยๆก็พยักหน้า แต่หยุดเมื่อได้ยินคำสองคำสุดท้าย เทพ และปีศาจ....

     

     

            "เทพ ปีศาจ"

     

     

           "คนในจักรวรรดิไม่ใช่มนุษย์แท้ๆร้อยเปอร์เซ็นส่วนใหญ่ และอาศัยอยู่ตามจักรวรรดิของแต่ละราชวงศ์

     

     

    คุนะยูกิ สายเลือดเทพผสมปีศาจ

    ฮายาเตะ เทพแท้ๆ

    โคฮากุ ปีศาจแบบอสูร

    ฟุจิวาระ เป็นภูตศักดิ์สิทธิ์



    แต่พวกนี้จะไม่ยุ่งกับพวกเรา ถ้าหากหัวหน้าใหญ่ไม่ฝากเบื้องบนถวายฎีกาต่อองค์จักรพรรดิพระองค์ใด เพื่อขอราชวงศ์และคนของพวกเขาให้ลงมาช่วยเหลือ หากกำลังจะเกิดเรื่องที่ร้ายแรงน่ะนะ"

     

     

    อิจิโกะฟังก็เริ่มสรุปไว้ในใจ แม้ข้อมูลที่รับได้จะค่อนข้างเร็วไปนิด แต่ว่าถ้าเกิดมันมีประโยชน์ควรรีบจำๆไว้เสียจะดีกว่า แล้วก็ถามต่อว่าทำไมต้องพูดกันเบาๆด้วย

     

    ลูเคียและเซนนะหันมามองหน้ากัน แล้วมีสีหน้าปั้นยากเล็กน้อย

     

     

                “ราชวงศ์อยู่ใกล้ๆนี่ หากตะโกนโหวกเหวกฉันว่ามันไม่ดีนะ”

     

     

                “หา”

     

     

    ลูเคียไม่สนว่าคู่หูจะมีท่าทีงุนงงเช่นไรแล้วหันไปทางเด็กสาวอีกคนต่อ แล้วกระซิบถามอย่างรัวเร็ว

     

     

                “เขามาจริงๆหรอ เรื่องที่ส่งคนสำคัญพวกนั้นมาเป็นเรื่องจริงๆใช่มั้ย”

     

     

                “ใช่ พวกเราไม่ได้เจอกันนานมาก ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้ว่าพวกนั้นจะเป็นยังไงมั่ง แถมเขายังหันหลังอีก”

     

     

    ว่าแล้วทั้งสามก็ได้หันหน้าไปทางที่เซนนะชี้ มีร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนอยู่ค่อนข้างห่างจนถึงห่างมาก เห็นผมสีน้ำตาลแดงแต่กลับอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์สาดส่องโผล่พ้นจากฮู้ดที่สวมใส่ เขาหันหลัง ซักพักเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้องจึงหันมาแว้บหนึ่ง สองสาวกลั้นหายใจ ส่วนอิจิโกะมีสีหน้างุนงง แต่ก็อยากรู้ว่าพวกราชวงศ์จะเป็นแบบไหน แต่ทว่ากลับมีคนที่สวมเสื้อคลุมศักดิ์ต่ำกว่ามาพยักหน้าเป็นเชิงเหมือนว่ามีคนเรียก พวกเขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าคนๆนั้นมีลักษณะเช่นไร

     

     

    ทั้งสามถอนหายใจเฮือก นึกเสียดายหน่อยๆ เพราะว่าราชวงศ์ไม่ค่อยเจอกันได้ง่ายๆหรอกนะ แล้วเดินไปที่ห้องทำงานหัวหน้าหน่วยเพื่อรับรู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับราชวงศ์และการปฏิบัติตัว จนถึงค่ำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×