Aztia
ดู Blog ทั้งหมด

เรื่องประหลาดใจหลังไปญี่ปุ่น

เขียนโดย Aztia

11/4/2010

สวัสดีค่า กลับมาแล้วค่ะ จริงๆกะจะอัพตั้งนานแล้วแต่พอดียุ่งกับเรื่องเรียนพิเศษแล้วก็ขอวีซ่าไปแลกเปลี่ยนที่รัสเซียอยู่ (อีกสามเดือนเค้าจะไปแล้วน้า) เลยไม่ได้มาเว็บเด็กดีเท่าไหร่ ไม่ค่อยอัพมายไอดีด้วย ขำได้ว่าสมัยเด็กๆอัพบ่อยมาก

หลังจากกลับจากญี่ปุ่น ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เปลี่ยนไป เพราะไปกับคุณแม่สองคนเพื่อไปทำงาน แล้ววันก่อนวันสุดท้ายเกิดอุบัติเหตุ เลยต้องยุ่งๆเรื่องหมอกับโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นด้วย (คุยกันรู้เรื่องนะ เพราะเขาก็ใช้ภาษาอังกฤษกันได้อยู่) แต่มันก็สอนให้เรามีความเป็นผู้ใหญ่ รู้จักเอาตัวรอดและจัดการเรื่องอะไรต่อมิอะไรได้ อย่างน้อยๆเราก็ชินกับญีปุ่นพอๆกับเมืองไทยแล้วล่ะ ส่วนใหญ่เราเป็นคนนำทางเวลาไปเที่ยว พอชินกับญี่ปุ่นไปฮ่องกงก็เลยง่ายหน่อย เพราะฮ่องกงมีสถานีรถไฟไม่ซับซ้อนมาก พอดีแม่ทำงานกับต่างประเทศเลยต้องติดสอยห้อยตามไปช่วยงาน โดยการช่วยงานนั้น เราจะสลับกับพี่สาวอีกคนหนึ่งค่ะ (คือเราเดินทางบ่อยๆไม่ไหวหรอก เดี๋ยวตายกันพอดี เดี๋ยวอีกสามเดือนจะไปเรียนรัสเซียแล้ว อีกหนึ่งปีค่อยกลับ อยากอยู่บ้านนานๆ)

ครั้งนี้เรากับพี่สลับกันไป ปกติเราจะไปด้วยกันคือไปฮ่องกง แต่นี่ก็ผลัดๆกัน คือแม่ต้อง
ไปญี่ปุ่นกับเกาหลี เราไปญี่ปุ่นส่วนพี่ไปเกาหลี แต่พี่ไปเกาหลีจะโชคดีหน่อยเพราะอากาศค่อนข้างจะอุ่นสาบาย สิบกว่าองศาได้ แต่เรานี่เลขศูนย์เลยค่ะ แต่ก็เป็นอะไรที่ผิดคาดเหมือนกันเพราะเราไปญี่ปุ่น เจออากาศหนาวขนาดนั้นกลับสดชื่นและรู้สึกสบาย(แอบหนาว) สงสัยจะกลายเป็นหมีขั้วโลกแล้วมั้งน้า เพราะพี่สาวเคยไปเกาหลีตอนหกองศา แต่ต้องใส่เสื้อสี่ชั้นขึ้น แต่เราศูนย์องศาเราใส่สามชั้นก็เหลือแหล่ (ไม่ได้อ้วนนะ คือเราผอมกว่าพี่อีก)

แต่ก็... มีเรื่องให้ประหลาดใจไม่น้อยเลยล่ะค่ะ คือก็พอจะรู้ตัวเองบ้างว่ามีดวงแปลกๆ เพราะเป็นพวกที่เจอดาราบ่อยมากกก (บ่อยจนไม่อยากจะเจอหน้าอีกต่อไป) ทีนี้ไปญี่ปุ่นก็ต้องมีพวกนักร้องดาราดังๆใช่ม้า จากคำบอกเล่าของเพื่อนคือ ถึงกฎหมายในญี่ปุ่นจะทำให้พวกนักร้องดาราเดินไปไหนมาไหนได้อิสระ แต่ก็น้อยมากที่จะเจอ ซึ่งก่อนไปเราก็ อืมๆๆๆ (ไม่คิดสนอ่ะ ถึงจะชอบฟังเพลง ดูเอ็มวีของพวกเขาก็เถอะ) ไม่ได้หวังจะเจอไง แต่ทีนี้ คือช่วงที่เราเดินหลงกับแม่ในสถานีโตเกียว (ซวยบรมสุดๆ คนเยอะมากๆเลย)ก็รู้สึกว่าตอนเดินคนที่ตามหลังเราอยู่ทำไมมันมีคนกรี๊ดๆจังเลยฟร่ะ คนยิ่งเซ็งๆอยู่ เราก็ยังเดินๆๆต่อไปเพราะพยายามหาแม่อยู่ (คลาดกัน)จนสุดท้าย มันมีเสียงตะโกนไปมาว่าทางุจิๆๆๆๆๆ อะไรงี้ เสียงดังมากๆ เราก็งง เอ่อ... คุ้นๆแฮะ นามสกุลนี้ นึกไปได้ซักพัก ก็... อ๋ออ สมาชิกวงคัตตุน (วงที่เราเอามาตั้งเป็นบีจีนี่แหล่ะคนที่สองทางซ้ายนับจากข้างบนรูปที่เรียงเหมือนพีระมิด)นี่เอง ก็ชักจะทะแม่งๆ หันไปปุ๊ป

 

ทางุจิ จุนโนะสุเกะที่ว่านั่นมันดันมาอยู่ข้างหลังเรา คือ งงนะ แถมพี่แกสูงเป็นบ้าเลย ร้องแปดสิบกว่าได้นะนั่น แต่... นิสัยเราก็ไม่ใช่พวกที่จะคุยอะไรงี้อยู่แล้ว และจะให้คุยกลางสถานีเนี่ยนะ อาย อายมาก เลยหันหลังกลับไปหาแม่ให้เจอต่อ ปล่อยให้คนฮืออากันอย่างนั้นแหล่ะ คือลายเซ็นก็ไม่ขอ ถ่ายรูปไม่เอา ไม่ทัก ไม่อะไรเลย ซึ่งเป็นนิสัยเราอยู่แล้วก็เลยเลยตามเลยไป ซึ่งเราก็คิดๆนะ... ดาราเนี่ยนะเจอยาก ไม่ยากเลยซักนิด อยู่ดีๆมาอยู่ข้างหลังเราได้ไงก็ไม่รู้ แถมเดินชนเราไปหลายรอบแหน่ะ (คือคนมันเบียดๆเข้ามา) แต่ไม่แน่ใจนะว่าเราเหยียบเท้าเขาไปรึเปล่า คือเหมือนกับเหยียบเท้าใครซักคนด้วยอ่ะ

 

พอไปโรงเรียน เพื่อนมันรู้เข้ามันแทบจะขย้ำคอเราอยู่รอมร่อ ถามว่าทำไมไม่ขอลายเซ็น เราเลยต้องบอกไปว่า ก็ไม่มีอะไรจะคุยด้วย จบ เคลียร์นะ...

 

ข้อคิด เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ดาราเจอไม่ยาก แต่น่าเสียดายที่ว่าดวงดาราเจอง่ายมันดันมาตกอยู่กับคนที่ไม่ค่อยจะทักดาราอย่างเราซะนี่ (มีที่ไหนเจอนักร้องท๊อปของญี่ปุ่นอย่างวงคัตตุนแล้วไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆอ่ะนะ) แต่เราว่าเราไม่ทักก็น่าจะดี ในความเห็นของเรานะ เราว่านักร้องมันคงอยากพักผ่อนมากกว่านะ เพราะเห็นช่วงนี้งานยุ่งๆ เลยปล่อยเลยตามเลยดีกว่า

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น