ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic]Bleach:Soul Reaper Revelation

    ลำดับตอนที่ #3 : *Season 1*Episode 3:His Royal Highness Crown Prince

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 52


     

    เจ็บ...

     

    ความรวดร้าวที่แผ่กระจายไปทั่วร่างทำให้ร่างต้องบิดตัวไปมาอย่างเจ็บปวด แต่ทันใดนั้นมันก็ค่อยๆสงบลงทีละน้อยในที่สุดมันก็หายไป

     

     

    นี่ฉัน... ตายแล้วหรอ

     

     

    จริงสินะ ถ้าเกิดตายแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บ...

     

     

    ยมทูตตายเป็นแบบนี้นี่เอง...

     

     

                “ตื่นซักทีสิวะ อิจิโกะ จะไปโรงเรียนรึเปล่าห๊ะ”เสียงคุ้นหูชวนรำคาญกระทบโสตประสาทจนแก้วหูแทบแตกทำให้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว พบว่าเร็นจินั่งยองๆบนตัวเขาอยู่

     

     

                “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เร็นจิ ลงไปเดี๋ยวนี้นะเฟร่ย ฉันไม่นิยมไม้ป่าเดียวกัน เฮ้ย”อิจิโกะร้องแว๊กลั่น แล้วใช้บาทาถีบเพื่อนรักให้กระเด็นไปกระแทกกับผนังดังโครม เร็นจิกัดฟันกรอดๆ ตอนนี้เขาอยู่ในชุดนักเรียนเตรียมพร้อมไปโรงเรียน (แม้รอยสักมันจะดูทำให้ประหลาดๆก็ตามที)

     

     

                “เร็วๆเฟร่ย คนอื่นรอเป็นชาติแล้ว”

     

     

    พร้อมทั้งโยนชุดนักเรียนของเด็กหนุ่มผมส้มที่ไม่รู้ว่ามันเอามาได้ไงใส่หน้าทำให้เส้นความอดทนเริ่มตึงในที่สุด อิจิโกะกัดฟันแน่น แล้วสบถด่าไปตลอดทาง ในใจก็นึกสงสัยว่าที่นี่มันที่ไหน แต่พอสังเกตุสภาพในห้องแล้วก็พบว่าเป็นบ้านอุราฮาร่านั่นเอง

     

     

    แต่ว่า เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน???

     

     

    เมื่อคืนจำได้แค่ว่า ถูกทรมานแต่ซักพักมันก็หายไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น

     

     

                “อิจิโกะ ทำไมนายอาบน้ำช้าจังฟร่ะ เร็วๆหน่อยเด้ สายแล้ว”

     

     

                “เงียบบบบบบ”

     

     

    แล้วสงครามตะโกนใส่กันหน้าห้องน้ำก็ดำเนินไปตลอดทาง ทำให้พวกอุราฮาร่า ลูเคีย โอริฮิเมะ อิชิดะ ฮิตซึกายะ รันงิคุ อิกคาคุและยูมิจิกะได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับท่าทางยังกับเด็กไม่รู้จักโตของสองคนนี้ ที่จะตะโกนใส่กันไม่ว่า แต่ดันไปตะโกนใส่กันหน้าห้องน้ำ พิลึก!!!!!

     

     

                “นี่ อุราฮาร่า”ฮิตซึกายะนึกเรื่องบางอย่างออกได้ จึงหันไปถามอดีตหัวหน้าหน่วย12 “ทำไมพวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ อยู่ดีๆตอนที่ถูกเล่นงานหนักๆจากไอพิษก็หมดสติไป ลืมตาตื่นขึ้นมาก็อยู่ที่นี่แล้ว”

     

     

                “เอ๋ หัวหน้าฮิตซึกายะก็ด้วยหรอ”ลูเคียก็มีท่าทางประหลาดใจเช่นกัน ตอนสลบไปจำไม่ได้เลยว่ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งเธอก็ค่อนข้างงุนงงในเรื่องนี้อย่างมาก “นายเป็นคนพาเรามาที่นี่หรอ”

     

     

                “ไม่หรอกครับ”อุราฮาร่าตอบในที่สุดหลังจากกินข้าวไปได้ซักพัก “พอดีมีคนช่วยพวกคุณออกมา แต่ไม่ใช่พวกหัวหน้าหน่วยหรือพวกผม”

     

     

                “แล้วเป็นใครหรอ”รันงิคุถามบ้าง อุราฮาร่าจึงยกให้โอริฮิเมะที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนตอบ

     

     

                “ฉันเองก็ไม่เห็นหน้าหรอกค่ะ แต่ดูเหมือนจะเป็นคนตัวสูงๆรูปร่างนายแบบสามคน คาดว่าเป็นผู้หญิงหนึ่งคน ผู้ชายสองคน คนหนึ่งประหลาดมาก อยู่ดีๆก็ทำให้ทุกคนมาอยู่บ้านอุราฮาร่าได้ในพริบตา ส่วนผู้ชายอีกคนเป็นคนรักษาให้ทุกคนเองกับมือ เหมือนเขาเป็นหมอเลย ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้ศัตรูที่เหลือหายไปจนหมดโดยที่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำได้ยังไงน่ะค่ะ แต่สามคนนั้นก็ออกไปกันหมดแล้วตั้งแต่เช้ามืดแหน่ะ”

     

     

                “เอ๋ ผู้ชายสอง ผู้หญิงหนึ่ง”อิชิดะเริ่มคิดหนัก แล้วมองไปที่อุราฮาร่าและโยรุอิจิอีกครั้ง

     

     

                “คนที่หัวหน้าใหญ่ส่งมานี่ผู้ชายสองผู้หญิงหนึ่งใช่มั้ยครับ”

     

     

    โยรุอิจิพยักหน้ารับช้าๆ

     

     

                “ดูจากความสามารถแล้ว คนที่ช่วยพวกเธอเข้ามาและทำลายไอพิษฟื้นฟูทุกอย่างจนหมดเป็นเจ้าชายบรรดาศักดิ์มกุฎราชกุมารแหล่ะ เขาบอกว่าพวกเธอเจอไอพิษเข้าไป ไว้เพื่อนเขาจะช่วยจัดการต่อ แล้วตอนที่พวกเธอทุกคนยังเกือบตาย เขาก็อยู่เป็นเพื่อนให้ตลอดทั้งคืน แต่พอตอนเช้าเห็นบอกว่าจะต้องไปเรียนก็เลยกลับไปก่อนพวกเธอตื่นน่ะนะ”

     

     

                “โห อยู่เป็นเพื่อนด้วยแฮะ ใจดีจัง โอริฮิเมะได้คุยกับเขารึเปล่าน่ะ”รันงิคุมีสีหน้าตื่นเต้น แม้จะเกร็งๆอยู่บ้างเพราะคาดไม่ถึงว่าเจ้าชายเป็นคนช่วยเอาไว้ ส่วนคนถูกถามมีสีหน้าอึ้งๆแต่ก็พยักหน้าหงึกเดียว

     

     

                “ได้ค่ะ พอดีตอนนั้นผู้ชายอีกคนขอให้ฉันช่วยเขารักษาทุกคนหน่อย ตอนที่ฉันยืนดูก็เลยถามมกุฎราชกุมารว่า เป็นใคร ชื่ออะไร แล้วก็คุยเรื่องสัพเพเหระไปน่ะค่ะ แต่ฉันขอไปนอนก่อนเลยไม่รู้ว่ากลับตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนเพื่อนผู้หญิงคนนั้นเขาก็ดูลึกลับมากๆ แต่ดูๆแล้วเขาน่าไว้ใจได้จริงๆ”

     

     

                “แล้วหน้าตาล่ะ”

     

     

                “เขาสวมผ้าคลุมตลอด ฉันเลยไม่เห็นหน้าสามคนนี้เลย แต่จำชื่อได้น่ะค่ะเพราะฉันถามตอนที่นั่งคุยด้วย”

     

     

                “แล้วชื่ออะไรบ้างหรอ”

     

    ทว่าคนที่ตอบคำถามนี้คือโยรุอิจิ

     

     

                “เซนริ มกุฎราชกุมาร ดำรงตำแหน่งจอมทัพสูงสุดของจักรวรรดิทั้งสี่ ผู้หญิงชื่อยูกิ อัจฉริยะในเงามืด เชี่ยวชาญด้านการวางแผน ดำรงตำแหน่งเป็นมันสมองของจักรวรรดิ และคนสุดท้ายคาอิน ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าผู้บังคับบัญชาการด้านการรบฝ่ายองครักษ์ เห็นเขากับเพื่อนนักเรียนได้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเยี่ยมชมโรงเรียนพวกเธอ คาดว่า คงจะได้เจอถ้าเกิดไปโรงเรียน”

     

     

                “หา เป็นนักเรียนหรอ!!!!!

     

     

    แต่ละคนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะไม่รู้จะคุยยังไงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ที่สำคัญคือไปสร้างภาระให้เขาอีก ลำบากตั้งแต่ยังไม่ทันเจอหน้าเลยจริงๆ

     

     

    และที่สำคัญ หน้าตาคงจะอายุราวๆเบียคุยะ เพราะยังไงพวกนั้นก็คงไม่หน้าตาเป็นเด็กประถมก็คงราวๆยี่สิบกว่า เนื่องจากโซลโซไซตี้หน้าตามันไม่ค่อยจะคงที่ ประเด็นนี้ก็ค่อนข้างน่าสนใจดี

     

     

    โยรุอิจิถอนหายใจเบาๆ

     

     

                “ยังไม่ทันเจอหน้าก็สร้างปัญหาให้ซะแล้ว ฝ่าบาทคงจะมีเรื่องวุ่นอีกนานทีเดียวถ้าเจอกับเด็กพวกนี้”

     

     

     

    โรงเรียนคาราคุระ

     

     

    เป็นที่น่าแปลกใจมากที่มีนักเรียนคึกคักมากกว่าปกติ และที่สำคัญคือเห็นเด็กไม่คุ้นตาอีกมากมายเดินว่อนกันให้ทั่วโรงเรียน พวกอิจิโกะมาถึงโรงเรียนได้ทันเวลาพอดี และเกือบจะเฉียดสายเพราะมันจะเริ่มวิชาแรก ดีที่เซนนะเร่งมาก่อน เนื่องจากเธอก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น ทุกคนพบว่ายังมีพวกยมทูตมาเดินกัน ไม่ว่าจะเป็นฮินาโมริ คิระ หรือชูเฮย์ก็ขนกันมาหมด จนรู้สึกราวกับเป็นนัดรวมญาติยังไงยังงั้น นอกจากนี้ก็ยังมีคนที่ไม่คุ้นตาอีกมากมายจนรู้สึกแปลกๆ

     

     

                “วันนี้ก็สายอีกตามเคยนะ”เสียงของเด็กสาวทักขึ้นมาพร้อมกับการปรากฎตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุราวๆ15-16ปี ผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังของเธอสะบัดพลิ้ว ดวงตาสีน้ำตาลแดงมีท่าทีแห่งความสนุกสนาน เมื่อพวกเขามาถึงโรงเรียน เธอคนนี้คือหัวหน้าห้องของพวกเขาเอง เธอชื่อคาโฮโกะ

     

     

    เด็กสาวหันไปยิ้มทักทายเซนนะที่เดินตามมาติดๆ

     

     

                “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มาเป็นหัวหน้าห้องซะด้วยสิ”ฝ่ายเด็กสาวจากตระกูลอาคาเนะทักขึ้นก่อน ทำให้เพื่อนๆชะงัก

     

     

                “รู้จักกันด้วยหรอ”ลูเคียถามอย่างเก็บความสงสัยไม่อยู่

     

     

                “จริงๆแล้ว”คาโฮโกะเตรียมอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของทุกคน “ฉันเป็นคนของจักรวรรดิ มาอาศัยอยู่ที่นี่หลังจากที่เตรียมการส่งเชื้อพระวงศ์ลงมา”

     

     

                “ถึงขนาดต้องส่งระดับหัวหน้าตระกูลฟุยุโซระ (ท้องฟ้ายามฤดูหนาว)ลงมาแหล่ะนะ”เซนนะยักไหล่ “เอ้า ว่าแต่นี่เราไม่ต้องเรียนคาบเช้ากันหรือไง”

     

     

    ทุกคนที่เหลือพยายามทำความเข้าใจที่นับวันจะมีอะไรเข้าใจยากมาทุกที

     

     

    สรุปสั้นๆ คาโฮโกะ หัวหน้าห้องเขา ดันเป็นหัวหน้าตระกูลขุนนางแห่งจักรวรรดิ หนึ่งในตระกูลสำเร็จราชการโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเพราะเธอซ่อนพลังวิญญาณไว้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนเซนนะ ก็มาช่วยทางนี้ด้วยเหมือนกัน จบ

     

     

                “ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์ราฟาเอล สถาบันของพวกจักรวรรดิแหล่งรวมผู้มีพลังวิญญาณมากมายได้มาถึงที่นี่แล้วห้องเรียนของเรารับหน้าที่เรื่องพวกเขา โดยการให้ความสะดวกสบายและเยี่ยมชมชั้นการเรียนต่างๆ ส่วนพวกเชื้อพระวงศ์ที่เหลือ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์จะให้อำนวยความสะดวก เพราะหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ทั้งสิบสาม สวมรอยเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่”คาโฮโกะอธิบาย แล้วมองไปยังพวกตัวแทนยมทูตแต่ละคน “ที่พัก พวกเขาจะพักในหอพักของที่นี่ซึ่งเอาไว้รับรองแขกชั้นสูงๆไว้อยู่ ผู้อำนวยการอนุมัติให้พวกเธอสามารถไปหาได้ตามใจชอบ แล้วก็ใบอนุมัติ”

     

     

    เธอยื่นจดหมายสีขาวใส่ซองมีตราประทับหรูหราให้แต่ละคน

     

     

                “ถ้ายื่นไปหาฝ่ายดูแลนักเรียนของทางนั้น เขาจะอนุญาตให้พวกเราเข้าไปหาได้ในทันที”

     

     

    อิจิโกะ และลูเคียมองหน้ากันพลางก้มมองจดหมายในมือของทั้งสองด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เนื่องจากชีวิตนี้ก็ไม่เคยเห็นเชื้อพระวงศ์ตัวเป็นๆซักคน และฟังจากคุณโยรุอิจิอธิบายและกำชับมาอย่างเข้มงวดว่า พวกนี้คือคนที่ดูแลทุกเผ่าพันธุ์โดยที่พวกมนุษย์ไม่รู้ตัว ถึงจะเป็นมิติที่คู่ขนานกัน แต่นับว่าพวกนี้จะเป็นชั้นสูงและบรรดาศักดิ์จะสูงกว่าใครๆ ระเบียบและมารยาทจึงต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ และอย่าทำอะไรที่สร้างความไม่พอใจให้ ระวังคำพูด คิดก่อนทำอะไรก็ตาม บลาๆ

     

     

    นั่นคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติ เนื่องจากกว่าจะขอได้นี่ต้องรอพิจารณาถึงสองเดือนด้วยกัน แสดงว่าคงจะเก่งกันไม่หยอก แต่พอจะยืนยันได้บ้างตรงที่ช่วยพวกเขาออกมาได้ในสถานการณ์ที่ร่อแร่และใกล้หุบเหวแห่งความตายอยู่รอมร่อ

     

     

                “จะว่าไป ขนนักเรียนกันมาเยอะจังนะ”อิกคาคุออกความเห็นระหว่างที่ชะเง้อมองนักเรียนแต่ละคน และส่วนมากจะหน้าดีๆกันทั้งนั้น หน้าตาดีผิดมนุษย์มนา พลังวิญญาณที่แผ่ออกมาก็บ่งบอกถึงความแปลกประหลาดได้เป็นอย่างดี เป็นความรู้สึกเคารพ ยำเกรง ส่วนคาโฮโกะที่รับหน้าที่ด้านนี้ก็มองรอบๆเช่นกัน

     

     

                “พวกเขามาเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา และเป็นคำสั่งที่ให้มาตรวจตราพวกมนุษย์เพื่อปกป้องคุ้มครอง เพราะสถานการณ์ช่วงนี้ไม่ดี จากผลทำนายของตระกูลอาคาเนะ ซึ่งทำให้ช่วงนี้เริ่มเคร่งเครียดมากเป็นพิเศษ”

     

     

                “ผลทำนาย???

     

     

                “ตระกูลอาคาเนะเป็นตระกูลเดียวที่สามารถมองเห็นอนาคตที่เป็นจริงได้ มันมีการทำนายถึงภัยที่กำลังจะมาถึง ส่งผลต่อระบบความสมดุลและชีวิตหลายๆอย่าง มันคงอีกราวๆสามถึงสี่เดือนที่จะปะทุขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ควรจะวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนเพื่อกันความผิดพลาด”เซนนะเป็นคนอธิบายเรื่องนี้ แต่บรรยากาศรอบตัวพลันเปลี่ยนไป เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา เขาสวมชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อสูทสีขาวมีเข็มและเบิ้ลหรูหรา ซึ่งคาดไม่ผิดคือเป็นนักเรียนของเซนต์ราฟาเอล เขาเดินมาบอกเบาๆบางอย่างที่กับหัวหน้าตระกูลฟุยุโซระซึ่งพยักหน้ารับหงึกใหญ่ จากนั้นจึงหันมาทางที่เหลือซึ่งมีท่าทีไม่เข้าใจนัก

     

     

                “เขาบอกว่า ให้ห้องสามทุกคนไปที่หอพักรับรองแขกด้วย เพราะสามคนนั้นเห็นบอกว่าธุระเยอะมาก และส่วนใหญ่ก็บอกว่าอยากจะเจอหน้าเขามากๆ ผู้อำนวยการที่นี่เลยขอผู้อำนวยการเซนต์ราฟาเอลในการเข้าไปหา ซึ่งได้รับอนุญาตแล้ว ให้เตรียมตัวเข้าไปพบได้เลย”

     

     

    แล้วเด็กสาวก็หมุนตัวเดินออกนำหน้าตะโกนเรียนเพื่อนร่วมห้องให้เดินตามไปในสถานที่ที่นัดหมายไว้ ระหว่างนั้นฮินาโมริก็ถามคำถามเรื่อยๆ

     

     

                “ไม่ได้เจอหน้ากันแล้วหรอกเหรอ”

     

     

    หัวหน้าสาวส่ายหัว

     

     

                “การจะพบน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คาอินเคยบอกฉันว่าเซนริแล้วก็ยูกิจะเข้าเรียนได้เดือนละไม่ถึงสี่ครั้งเอง เนื่องจากจักรวรรดิมีการโอนคำสั่งและยื่นคำร้องให้ปฏิบัติงานบ่อย ทั้งงานในราชสำนักเองและงานส่วนรวมด้วย แม้แต่จักรพรรดิยังไม่ได้พบหน้าเซนริมาตั้งเกือบสิบปีแล้วล่ะ ขนาดเป็นพระบิดาและพระดอรสกันแท้ๆนะนั่น”

     

     

                “นานเอาเรื่องเลยแฮะ”

     

     

                “ใช่มั้ยล่ะ เพราะขนาดพ่อยังไม่เจอหน้าลูก นับประสาอะไรกับข้าราชบริพารล่ะ อาจจะยกเว้นยูกิที่เป็นคู่หูซักคนน่ะนะ สองคนนั้นต้องทำงานด้วยกันบ่อยๆ”

     

     

    บทสนทนาจบลงพร้อมกับที่มาหยุดที่อาคารหลังโรงเรียน.ซึ่งค่อนข้างหรูหราเหมือนคฤหาสน์ผู้ดี เป็นที่น่าแปลกใจมกว่าผู้อำนวยการประหลาดๆของโรงเรียนคาราคุระรู้จักตั้งสถานที่แบบนี้ไว้ด้านหลังร.ร.ด้วย แต่นับว่าไกลเอาการเพราะต้องเดินเลาะสวนเล็กๆเข้าไปลึกอยู่ แถมมีประตูรั้วกั้นไว้บ่งบอกถึงเป็นเขตที่ต้องได้รับอนุมัติจริงๆถึงจะย่างกรายเข้าไปได้ ทุกคนพบว่าเพื่อนๆก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ละคนมีสีหน้าตื่นเต้น ส่วนนักเรียนเซนต์ราฟาเอลที่คาดว่าอายุราวๆเด็กปีสามก็ตรวจตราแถวนั้นอยู่เงียบๆ

     

     

                “ไง อิจิโกะ นายสายนะเฟร่ย”อาซาโน่ เคย์โงะเพื่อนร่วมชั้นที่บ้าดาราแต่มีพลังวิญญาณสูงเอ่ยทัก

     

     

                “เออ สายประจำแหล่ะ”

     

     

                “แต่น่าตื่นเต้นจังน้า เพราะเซนต์ราฟาเอลเป็นศูนย์รวมของเด็กหน้าตาดีๆทั้งนั้นเลย อยากรู้จังว่าประธานนักเรียนจะเป็นแบบไหน”

     

     

    เคย์โงะพูดไปอิจิโกะก็ทำหน้างงไป เร็นจิจึงต้องถามสองสาวจากตระกูลขุนนางจักรวรรดิอย่างอดไม่อยู่

     

     

                “ประธานนักเรียนงั้นหรอ????

     

     

                “คาอินเป็นประธานนักเรียนของที่นี่ ไม่แปลกที่เขาจะมาด้วย เพราะต้องมาคุมนักเรียนระหว่างที่ผู้อำนวยการต้องออกไปข้างนอกในบางโอกาส”เซนนะตอบ ส่วนคาโฮโกะก็เดินไปคุยกับผู้เฝ้าประตู ซึ่งดูจะคุยกันสนิทสนมกันดี เนื่องจากเป็นพวกเดียวกัน ซักพัก ประตูรั้วก็เปิดออก ให้เห็นสวนข้างในที่ค่อนข้างเย็นสบายและน่าอยู่มาก มีต้นไม้ปลูกไว้เพื่อความร่มรื่น ผู้อำนวยการเซนต์ราฟาเอลเป็นชายร่างท้วม สีหน้าใจดีมีเมตตา จัดว่าหน้าตาดีเช่นกัน

     

     

    ผู้อำนวยการมิโนวะแห่งร.ร.เซนต์ราฟาเอลกล่าวทักทายนักเรียนที่พึ่งมาใหม่

     

     

                “สวัสดี หลังจากที่เข้าไปแล้ว เดี๋ยวครูจะไปตามคนที่พวกเธออยากพบมาให้มาให้ สามคนนั้นวันนี้คิดว่าคงออกมาคุยกันได้ เนื่องจากงานเข้าตลอด แต่วันนี้ว่างสุดแล้ว”

     

     

    เสียงฮือฮาดังอีกระลอก และทวีความดังจนอาจารย์โอจิต้องจุ๊ปากเป็นเชิงห้ามปรามและห้ามส่งเสียงมาก ผู้อำนวยการผลักประตูใหญ่เข้าไป แล้วให้นักเรียนเข้าไปนั่งบนโซฟาณ ห้องกว้าง ที่เหมือนคฤหาสน์ผู้ดี บันไดสูงทำจากไม้ขัดเงาไปยังชั้นสองมีระเบียงและมีห้องใต้บันไดสำหรับเก็บของอยู่ บางคนก็แยกย้ายไปนั่งโซฟา ส่วนผู้อำนวยการบอกกับนักเรียนคนหนึ่งให้ไปตามคนมาให้หน่อย อิชิดะเดินไปสำรวจของประดับห้องอย่างสนใจ ส่วนลูเคียกับโอริฮิเมะก็เดินไปชมภาพวาด

     

     

    ทุกคนต่างนั่งรออยู่ซักพัก ส่วนนักเรียนหญิงไปนำเครื่องดื่มมาบริการเด็กนักเรียนห้องสามทุกคน ส่วนพวกอิจิโกะได้แต่รอ แล้วก็รอ แล้วก็รอ

     

     

                “ช้าจังแฮะ”

     

     

                “โธ่เอ๊ย แค่นี้ถือว่าเร็วนะ ถ้าเป็นช่วงที่ยุ่ง รออีกสองวันโน่น”คาโฮโกะบอก ส่วนทุกคนก็จับกลุ่มนั่งคุยกันเบาๆ ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่กระทบกับพื้นไม้และมีเสียงพูดคุยอยู่เบาๆและเริ่มดังขึ้นเมื่อเจ้าของเสียงเริ่มเข้ามาใกล้

     

     

                “แบบสอบถามทำไมมันเยอะงี้เนี่ย นี่ผู้อำนวยการคิดจะฆ่าฉันรึไง”เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย ที่ฟังดูแล้วทุ้มต่ำและดูมีความเป็นผู้นำดี ซึ่งโอริฮิเมะที่จำเสียงได้ร้องอ๋อเบาๆ

     

     

                “เสียงของคุณคาอินล่ะมั้ง”

     

     

                “ถูกต้อง”เซนนะยกนิ้วโป้งราวกับเล่นเกมส์ทายปัญหา ทำให้บทสนทนาต่างๆหยุดลงไม่มีใครพูดหรือทำอะไรออกมาซักคน

     

     

                “ทีรายงานเป็นหมื่นๆเล่มไม่บ่น แต่พอมาแบบสอบถามสามพันข้อก็บ่นซะแล้ว ไม่สมกับเป็นประธานนักเรียนเอาซะเลยนะ”

     

     

    เสียงหวานทว่าดูทรงอำนาจไพเราะจับจิตพูดกลับ

     

     

                “เหอะ ใครจะไปถึกเหมือนเธอล่ะยูกิ ทนได้ตลอดเวลา ไม่รู้ไร้เส้นประสาทรึเปล่า”

     

     

                “ใครว่าฉันถึกที่สุด เซนริต่างหาก หมอนั่นอดทนสูงโคตรๆจนฉันนับถือ”

     

     

                “คนอย่างเธอนับถือหมอนั่นด้วยหรอเนี่ย เห็นทะเลาะกันจนบ้านเบียคุยะจะพังตอนอาศัยอยู่ด้วยรอมร่อ สงสารเจ้าของบ้านจริงๆ”

     

     

                “เลิกเอาเรื่องเก่าๆมาพูดเลย คุณประธานนักเรียน แล้วไม่ต้องมาเผาตลอดเวลาระหว่างอยู่ที่นี่ไม่งั้น... นาย...ตาย!!

     

     

                “ทะเลาะจนบ้านพัง”รันงิคุทวนคำด้วยท่าทีขบขัน ระหว่างที่ลูเคียหัวเราะพรืด

     

     

                “แต่ก็ซ่อมกันเร็วนะ ตอนนั้นฉันไปนั่งดูการซ่อมด้วยล่ะ”

     

                “คุณประธานนักเรียนอีกแล้วหรอ โอ๊ย ให้ตาย อยากรู้นักว่าเซนริทนเธอได้ไงเนี่ย ท่าทางเฮี้ยบๆ เฉียบขาดผู้ชายบ้านไหนจะกล้าจีบล่ะนั่น”

     

     

                “ท่าทางเพลบอยอย่างไหนฉันก็อยากรู้นักว่าจะมีสาวขุนนางบ้านไหนคิดอยากจะยุ่งกับนายรึเปล่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองชัดๆ”

     

     

    จนกระทั่งร่างสองร่างปรากฎตัวขึ้น และทำให้ห้องนี้เงียบกริบ คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มดูอายุราวๆ18-19ปี ใบหน้าหล่อเหลาจนนายแบบในแม็กกาซีนยังต้องอาย หน้าตาออกไปทางคนยุโรป ผมสีบลอนด์ทองแซมเงินสว่างตัดเป็นทรงแบบสมัยใหม่ ผิวขาวสะอาดสะอ้านแบบผู้ดีและคุณชาย ดวงตาสีเงินคมสวยแฝงความสนุกสนานในนัยน์ตาเป็นนิจ ส่วนสูงดูราวๆร้อยแปดสิบปลายๆ เขาไม่ได้สวมเสื้อนักเรียน แต่กลับใส่เสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาลฮาเซล กับกางเกงสีขาวขายาว รองเท้าผ้าใบถือเอกสารปึกหนึ่งมาด้วย แต่อีกคนทำให้ห้องนี้เหมือนจะไม่มีอากาศ

     

     

    เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ สวยจนไม่มีสตรีนางไหนเทียบเคียงยิ่งกว่านางฟ้าหรือเทพธิดา ร่างสูงบางระหงมีผิวขาวดั่งหิมะน่าสัมผัส เรือนผมสีประหลาดไม่เหมือนสีใดๆในโลก ราวกับเก็บท้องฟ้ายามรัตติกาลมาถักทอเป็นเส้นผมยาวเกือบถึงกลางหลังมัดรวบสูงสองข้างด้วยโบว์สีขาวและดำอย่างละข้าง ใบหน้าที่ทั้งงดงามแฝงความไม่ธรรมดา คิ้วเรียวสวยจัดเรียงกันอย่างสวยงาม ด้วยตาคมกริบสีไพลินชวนฝันแต่ทว่ากลับดูน่ากลัวไปตามๆกัน งดงามและน่าเกรงขาม จมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากสีชมพูอ่อนระเรื่อ เธอไม่สวมเครื่องแบบเช่นกัน แต่ใส่เป็นเสื้อสีแดงเลือดหมูแบบตัวยาว คอปาด ชายเสื้อยาวถึงต้นขอ และสวมกางเกงเลยเข่าสีดำไว้ข้างใน ที่ลำคอมีสร้อยสวมอยู่ และเธอสวมรองเท้าบู๊ทสีดำการก้าวย่างบ่งบอกถึงความสง่างาม

     

     

    หญิงสาวดูอายุราวๆ17-18ปี อ่อนเยาว์กว่าที่คิดไว้ เธอชะงักกึกแล้วมองมายังนักเรียนคาราคุระที่จ้องตาไม่กระพริบ ใบหน้าแสนสวยมีสีหน้าสงสัยแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายจะละลาย และทำให้ผู้หญิงคนอื่นแทบจะเสียความมั่นใจ ใบหน้าเหมือนสาวอังกฤษมองไปยังรอบๆเช่นเดียวกับคาอินแล้วหยุดชะงักกึกกับพวกยมทูต คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นก่อนจะมีสีหน้าราวกับเข้าใจบางอย่าง

     

     

                “ผู้หญิงอะไรสวยขนาดนี้นะ”แม้แต่ยูมิจิกะยังจ้องโดยละสายตาไปไม่ได้ เธอคนนี้คือยูกิ หญิงสาวที่เมื่อคืนเป็นคนปรับเหตุการณ์และฟื้นฟูโลกมนุษย์เป็นเหมือนเดิม ตอนแรกคิดว่าน่าจะดูอายุแก่กว่าพวกเขาราวๆยี่สิบกว่า แต่นี่ก็อ่อนเยาว์และสวยเกินจินตนาการกว่าที่คิด

     

     

                “กลับมาแล้วหรอ”เธอถามแล้วมองไปยังประตูหลังซึ่งมันเปิดออกช้าๆ ทุกคนมองตามสายตาไปและยิ่งทำให้เวลาและทุกอย่างถูกย้อมด้วยสีขาวโพลน เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหา และเมื่อจ้องไปที่ใบหน้าก็ราวกับสมองว่างเปล่า

     

     

    ชายหนุ่มดูอายุเท่ากับคาอิน รูปร่างสูงราวร้อยแปดสิบปลายๆ มีใบหน้าที่เรียกได้ว่ามีอยู่จริงคงยากจะเชื่อได้ ใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านแบบคนอังกฤษ ผมสีน้ำตาลอบอุ่นซอยเป็นทรงชี้เล็กน้อยดูเท่ องคาพยพบนใบหน้าจัดเรียงกันอย่างเหมาะสมและหล่อเหลา ดวงตาสีฟ้าเทอควอยซ์คมกริบเจิดจรัสดูราวกับกษัตริย์ จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อเจอกับการจ้องเขม็งด้วยสายตาประหลาดๆ เขามีรูปร่างสูงโปร่งเพอร์เฟ็คยิ่งกว่านายแบบเสียอีก ทั้งรูปร่างและหน้าตา เขาก็ไมได้สวมชุดนักเรียน แต่ใส่เสื้อยืดลายทหารกับกางเกงยีนส์สีสนิม และเสื้อแจ็คเก็ตสีขาวสะอาด

     

     

    ชายหนุ่มที่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูไม่ใช่มนุษย์ รูปงามราวกับนำจินตนาการทุกคนมาสร้างสรรค์ให้ลงตัวกับทุกๆอย่าง หล่อเหลาจนไม่อาจจะบรรยายได้หมด โดยเฉพาะดวงตาที่แฝงความอบอุ่นอ่อนโยนลึกๆภายในนั้นไม่ต่างจากกษัตริย์ในจินตนาการและเทพนิยายของทุกคน

     

     

                “คนอะไร หล่อโคตรๆ”และแล้วสติของทุกคนก็หลุดลอยไป จนยากจะเรียกกลับได้

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×