ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส (Baramos) : ก็ผมเป็นลูกชายสุดเลิฟ!!

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2: สอบสวน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 58


    ตอนที่2 : สอบสวน

    “เอาไปขังไว้ก่อน แล้วค่อยทำคดีพรุ่งนี้” เสียงจากมือปราบที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุด ณ ที่นี้

    เคย์ และท่านเจ้าชายที่แอบหนีเที่ยวกลางคืน รวมทั้งพวกชายร่างยักษ์ทั้งหกคนถูกพาตัวมาขังไว้ในคุก

    ชาร์ยังหลับปุ๋ย มันจะรู้ไหมเนี่ยว่าสร้างเรื่องเข้าให้แล้ว

    เคย์คิด

    อากาศในคุกยามคำคืนช่างหนาวเย็น

    เจ้าชายที่เคยแต่นอนซุกในผ้าห่มอุ่นๆนอนขดตัว จนคนเห็นกลัวมันไม่สบาย เคย์เลยถอดเสื้อสูทออกมาห่มให้

    ถึงแม้ว่าตัวเขาเองเองก็หนาว แต่เขาห่วงมันมากกว่า

     “พวกนายโดนจับเพราะตีกันใช่มะ” เสียงหนึ่งอยู่ๆก็ดังขึ้น

    เคย์มองไปทางต้นเสียง เด็กผู้ชายในเสื้อผ้ามอมแมมนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องขัง

    “ฉันก็เหมือนกัน” เคย์ยังไม่ทันตอบอะไร เจ้าของเสียงเดิมก็พูดต่อ “รู้เปล่า ฉันน่ะ โดนขังอยู่นี่มาสองอาทิตย์แล้ว”

    แล้วมาบ่นให้ฉันฟังทำไม ไม่เห็นอยากรู้....

    เคย์คิด

    “นายคงคิดว่า ฉันมาบ่นให้นายฟังทำไมใช่มะ” คนบ่นกล่าวอย่างรู้ทัน

    ถูกเผงเลย...

    เคย์คิดในใจ แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร

    “นั่นสินะ ฉันก็แค่อยากบ่นน่ะ” เจ้าตัวล้มตัวลงนอนหนุนแขนตัวเอง “ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย”

    คนที่พูดคนเดียวมาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “ฮึ๋ย~ ทั้งหนาว ทั้งหิว” ก่อนยันตัวลุกขึ้นแล้วถาม “ว่าแต่ นายน่ะ ถอดเสื้อให้เพื่อนอย่างนั้นไม่หนาวบ้างรึไง”

    “ก็... นิดหน่อย” เคย์ตอบ

    อันที่จริง คือ หนาว แต่จะให้ตอบอย่างนั้นมันดูไม่ค่อยแมนเท่าไหร่ แม้จะรู้ว่าตอนนี้ไม่มีสาวๆอยู่ใกล้ๆ ไม่จำเป็นต้องโชว์แมนให้ใครเห็น แต่เขาถือคติต้องแมนไว้ก่อนเป็นดีน่ะสิ

    “หรอ” เด็กชายในชุดมอมแมมกลับมานั่งท่ากอดเข่า “ฉันชื่อเอลลิส ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วนายล่ะ”

    “อ้อ ฉันชื่อ เคย์” เคย์แนะนำตัวเองบ้าง

    เอลลิสมองเคย์แล้วถาม “พวกนายสองคนแต่งตัวดี ท่าทางป็นลูกคนมีกะตัง ทำไมมีเรื่องให้ถูกจับได้ล่ะเนี่ย”

    เคย์อ้าปากจะตอบ แต่...

    “เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ฉันขอเดาก่อน” เอลลิสเอานิ้วลูบคางทำท่าคิด “ไม่พ้นเรื่องผู้หญิงชัวร์ พวกนายไปอี๋อ๋อกับแฟนคนอื่นล่ะสิ”

    “เก่งหนิ เป๊ะเลย” ทายาทนักฆ่านึกชมเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เดาเก่งเหลือเกิน

    “ก็มันก็เป็นเรื่องทำนองนี้ซะส่วนใหญ่ล่ะนะ”

    “ว่าแต่นายล่ะ ทำไมถึงถูกจับ” เคย์ถามบ้าง เขานึกสงสัย เพราะเห็นบอกว่าติดคุกมาได้สองอาทิตย์แล้ว

    พอคิดถึงเรื่องที่ตัวเองถูกจับ เอลลิสก็ชักหัวเสีย เจ้าตัวทำหน้าเซง เป่าลมออกจากปากไปที่ผมด้านหน้าที่หล่นมาปรกหน้า ก่อนตอบ “ก็แค่ ดื่มหนักไปหน่อยเลยเมาแล้วอาละอาดทำร้านเขาพังก็เท่านั้น”

    เคย์ฟังแล้วเหลือบตามองเพื่อนข้างตัว

    เหมือนกันเด๊ะ ชาร์ หมอนี่มันก็ชอบเมาแล้วอาละวาด

    “ฉันหนีไม่ทัน มือปราบเมืองนี้ว่องไวเหลือเชื่อ” เอลลิสเน้นเสียงหนักๆอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

    เคย์พนักหน้าเห็นด้วย “จริงของนาย”

    “แล้วฉันก็ไม่มีตังชดใช้ค่าเสียหาย นี่ก็รอลุงเอาตังมาจ่ายให้น่ะแหละ ไม่มาซักที สงสัยมัวแต่ก๊งเหล้าจนลืมฉันไปแล้วมั้ง”

    บทสนทนาระหว่างเคย์กับเอลลิสดำเนินต่อไปอีกสักพัก ต่างคนก็ต่างหลับนอน

     

     

     

    ตั้งแต่ไก่โห่ เคย์และชาร์ก็ถูกนำตัวไปสอบสวน แต่กว่าจะปลุกท่านเจ้าชายตกอับให้ตื่นจากนิทราได้ก็กินเวลาไม่ใช่น้อย ตอนแรกมือปราบทีมาตามทำท่าจะไปเอาน้ำมาสาดปลุก ทำเอาเคย์ที่ไม่เคยจะขอร้องใครอย่างจริงจัง ต้องทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอนไม่ให้ทำอย่างนั้น

    ตอนนี้เขาทั้งสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าๆ มือทั้งสองข้างถูกมัดรวบไว้ด้วยกัน

    “เจ้าคือ เคย์ เดอเบอร์โรว์ เดอะทีฟ ออฟบารามอส ใช่หรือไม่” มือปราบที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามชี้มาที่เคย์

    เมื่อวานหลังจากโดนจับก่อนถูกโยนเข้าห้องขัง พวกเขาก็ถูกค้นตัวแล้วยึดอาวุธ รวมทั้งป้ายประจำตัวไปด้วย

    ป้ายประจำตัวที่เป็นของปลอม แต่ทำได้เหมือนจริงมากๆ

    “ถ้าเช่นนั้น” มือปราบถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “อายุเท่าไหร่ เป็นลูกเต้าเหล่าใคร”

    “อายุ สิบสามปี ครับพ่อผมชื่อ คาโล เดอเบอร์โรว์ ส่วนแม่ผมชื่อ เฟริน เดอเบอร์โรว์ ครับ” เคย์ตอบทันทีเพราะคิดใคร่ครวญมาทั้งคืนแล้ว นัยน์ตาสีม่วงเหลือบมองไอ้เพื่อนคนสร้างเรื่องที่มีท่าทางกระวนกระวายมาตั้งแต่ถูกพาตัวมาที่นี่จนถึงเมื่อกี้ หลังจากมันฟังคำตอบของเขาแล้วมันก็คงเข้าใจแล้วเล่นตามบทได้ล่ะมั้ง

    ก็ทำไงได้ล่ะ เขายังไม่ได้ได้เตี๊ยมอะไรกับมันเลยซักนิด

    เคย์แอบอ้างเสร็จสรรพ

    ชาร์ฟังแล้วฮานิดๆ

    ฮ่าๆ ถ้าท่านพ่อมาได้ยินเข้าว่าท่านโดนไอ้เคย์มันเปลี่ยนนายสกุลให้เป็นเดอเบอร์โรว์ล่ะก็ จะหงุดหงิดแค่ไหนนะ

    มือปราบจดบันทึกลงในสมุด หลังจากนั้นก็หันมาถามชาร์บ้าง “แล้วเจ้าก็คือ ชาร์ เดอเบอร์โรว์ เดอะทีฟออฟบารามอส ใช่หรือไม่”

    “ครับ” ชาร์ตอบ

    แล้วมือปราบก็ถามคำถามเดียวกับที่ถามเคย์ เขาจึงเล่นตามบทที่เพื่อนนักฆ่าวางแผนไว้

    “ผม อายุก็ สิบสามปีครับ ส่วนพ่อแม่ก็คนเดียวกับเคย์” ชาร์ตอบ

    มือปราบหน้าดุฟังแล้วขมวดคิ้ว “พวกเจ้าสองคนมีพ่อแม่คนเดียวกันแต่อายุเท่ากันงั้นรึ”

    “อ้อ คือ เราสองคนเป็นลูกบุญธรรมทั้งคู่น่ะครับ” ท่านเจ้าชายแต่งเรื่องได้รวดเร็วพอๆกับสร้างเรื่องยุ่ง

    เอ้าๆ โม้กันเข้าไป

    เคย์คิด

    “คู่กรณีของพวกเจ้าให้การว่าพวกเจ้าเป็นฝ่ายเริ่มใช้กำลังก่อน บอกข้ามาตามตรง ใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” ก่อนเริ่มขู่ด้วยเสียงเหี้ยม “ข้าบอกไว้ก่อน ถ้าเจ้าไม่พูดความจริงล่ะก็ เจ้าต้องถูกตัดลิ้น”

    ชาร์ฟังแล้วคิดภาพตาม

    ตัดลิ้นงั้นหรอ... ปรื๋อ~ น่ากลัวชะมัด

    เจ้าตัวกลืนน้ำลายเอื๊อก

    กฏหมายประเทศคาโนวาลทำไมมันโหดอย่างนี้นะ ให้ตายสิ!

    ถ้าเขาขืนโกหกแล้วโดนจับได้ขึ้นมา โดนจับไปตัดลิ้นชัวร์ๆ ถึงตอนนั้นจะใช้เส้นว่าตัวเองเป็นเจ้าชายก็คงไม่มีใครเชื่อเพราะใครมันจะไปเชื่อว่าเจ้าชายจะหนีเที่ยวกลางคืนแล้วไปมีเรื่องต่อยตีกันเล่า แถมเอาจริงว่าจะบอกว่าเป็นเจ้าชายก็ไม่ได้อีก เพราะจะเสื่อมเสียชื่อเสียงราชวงศ์โดนท่านพ่อเอาตายแน่

    “จะว่าไงดีล่ะคือ ท่านครับ” ชาร์เรียกคนที่สอบสวนเขาว่าท่าน อย่างน้อยก็ต้องใช้คำพูดที่มันนอบน้อมหน่อย เผื่อคนตัดสินจะเห็นใจสักนิด “เอ่อ ตอนนั้นผมเมามาก คือ ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายพูดจาหาเรื่อง แล้วก็กระชากคอเสื้อผมก่อน อ้อๆ ทำท่าจะต่อยผมด้วย แต่โชคดีเคย์มาช่วยผมไว้ทัน เอ่อ แล้วผมก็อัดเขาก่อนจริงครับ แต่ก็อย่างที่บอกฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน”

    ชาร์ตัดสินใจเล่าความจริง เขาเคยเรียนกฏหมายในประเทศมาแล้ว คร่าวๆเลย ถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทและทำลายข้าวของครั้งแรก ถ้าสารภาพผิด ไม่โกหก โทษอย่างมากก็ โดนลงบันทึกประจำวัน โดนปรับ และชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งถ้าไม่มีใช้ก็นอนในคุกหกเดือน แล้วพอออกมาก็ต้องทำงานใช้หนี้ กรณีของพวกเขาก็คงต้องตามใครสักคนมาจ่ายให้ซึ่งมักจะเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครอง

    การสอบสวนดำเนินไป จนถึงบทสรุปว่า พวกเขาต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น เจ็ดหมื่นคราวน์! ที่มันแพงขนาดนี้เพราะมันเป็นบาร์หรู แถมผู้เสียหายซึ่งก็คือเจ้าของบาร์นั้นก็คือ ลอร์ด แอนนิสัน เฟอร์ราจ

    แค่ชาร์ได้ยินชื่อของลอร์ดคนนี้ ชาร์ก็ถึงบางอ้อ เพราะความหน้าเลือดของท่านลอร์ดผู้ที่เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

    มิน่าล่ะ เรียกขูดเลือดขูดเนื้อซะไม่มี ทั้งๆที่เขาคิดว่า มันไม่น่าจะถึง

    “เดี๋ยวนะครับ ทำไมมันถึงได้แพงขนาดนี้ ผมว่ามันไม่น่าจะถึง” ชาร์แย้ง

    “หนอยแน่! เจ็ดหมื่นคราวน์ก็คือเจ็ดหมื่นคราวน์ ฝ่ายผู้เสียหายเขาเรียกร้องมาอย่างนั้นและเจ้าก็เป็นฝ่ายผิดจริง”

    ชาร์ชักไม่ค่อยสบอารมณ์ ที่ฝ่ายผู้เสียหายเรียกราคาเกินจริง แต่ก็นะ เขาเป็นฝ่ายผิดที่เป็นคนทำลายข้างของ

    เงินที่พกออกมาก็มีแค่สามพันคราวน์ มิน่าล่ะ ถึงได้สังหรณ์นักว่าจะพอไหม แต่เงินตั้งหกหมื่นเจ็ดพันคราวน์ใครจะไปบ้าพกออกออกมากัน

    “เงินอีกหกหมื่นเจ็ดพันคราวน์ คงต้องเรียกพ่อแม่พวกเจ้ามาจ่าย” มือปราบร่างกำยำคนเดิมกล่าว “ข้าจะนำหมายศาลไปให้พ่อแม่เจ้า พ่อแม่เจ้าอยู่ที่ไหน”

    แล้วเขาจะเรียกใครมาจ่ายได้ล่ะเนี่ย!

    ป่านนี้ท่านพ่อคงรู้แล้วล่ะมั้ง ไม่สิ รู้แล้วแน่ๆว่าเขาไม่ได้อยู่ในวัง คงกำลังตามหาตัวกันให้วุ่น แล้วถ้าท่านพ่อมารู้อีกว่าเขาโดนจับอยู่ในคุกข้อหาทะเลาะวิวาทอีก

    ตาย ตาย ตาย!!!!

    งวดนี้ ตายจริงๆแน่ ถึงแม้ปกติท่านพ่อจะใจดีกับเขาก็เถอะ

    แต่งวดนี้ไม่รอดของแท้

    ชาร์และเคย์หันมามองหน้ากัน แล้วส่งภาษาตา

    เอาไงดีอ่ะ เคย์...

    ซวยแล้วไง ชาร์...

    ปั้ง!

    เสียงทุบโต๊ะแรงๆทำเอาชาร์สะดุ้ง “ข้าถามไม่ได้ยินรึ พ่อแม่เจ้าอยู่ไหน หรือเจ้าไม่มีเงินจ่าย จะยอมจำคุกหกเดือนแล้วค่อยผ่อนชำระหนี้”

    เขาจะไปอยู่คุกตั้งหกเดือนได้ไงเล่า!!

    ชาร์คิด

    โอ๊ยๆๆๆ ทำไงดีเนี่ย!

    โทษฐานเถลไถลไม่ยอมกลับวังยังเบากว่าโทษฐานทะเลาะวิวาทจนโดนจับเข้าคุก

    ไม่ได้ๆๆ จะให้ท่านพ่อท่านรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาโดนจับเข้าคุก

    งี้ต้องแหกคุก! แหกคุกเท่านั้น

    แต่ว่า หลังจากท่านพ่อปรับปรุงคุก ก็ไม่เคยมีนักโทษที่แหกคุกสำเร็จอีกเลย

    เขาสมควรจะเสี่ยงไหมเนี่ย ถ้าแหกคุกแล้วไม่สำเร็จ คราวนี้มีหวังโดนตัดหัวเสียบประจานแน่ๆ

    แค่คิดก็สยอง!

    แต่ถ้าไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่มาจัดการให้ ขืนเขาไม่ได้กลับวังหลายๆวันเข้า วังคาโนวาลได้เป็นน้ำแข็งทั้งหลังแน่

    ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ท่านพ่อท่านแม่รู้ล่ะว่าเขากำลังติดคุกอยู่ แต่ต้องหาทางไม่เปิดเผยฐานะ ไม่อย่างนั้นท่านพ่อยิ่งโกรธที่ทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียชื่อเสียง

    ปั้ง!

    เสียงทุบโต๊ะดังๆอีกรอบ

    อึ๋ย~ ทำไมถึงโหดอย่างงี้เนี่ย ให้เวลาคนเขาคิดหน่อยไม่ได้หรอ

    “ตอบคำถามข้าเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้ข้าเสียเวลา”

    “เอ่อ... ขอเวลาเราปรึกษากันนิดนึงได้ไหมครับ” ชาร์กล่าว

    ปั้ง!

    “หนอยแน่! พวกเจ้าตั้งใจจะวางแผนอะไรกันงั้นรึ”

    “ป..เปล่านะครับ” ชาร์ละล่ำละลักปฏิเสธ ทำไมเจ้าชายอย่างเขาถึงต้องมานั่งโดนตวาดแบบนี้ด้วยเนี่ย!

    ถ้าอย่างนั้นต้องหาทางส่งข่าวไปให้ท่านพ่อท่านแม่โดยที่ไม่เปิดเผยฐานะ

    แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นปิ๊ง

    “คือ จริงๆแล้วตอนนี้พ่อแม่ผมอยู่ในวังหลวงน่ะครับ” ชาร์กล่าว

    ปั้ง!

    เสียงทุบโต๊ะ ตามด้วยเสียงตวาดดังๆ “บังอาจ! เจ้าพูดว่าพ่อแม่เจ้าอยู่ในวังหลวงงั้นรึ หัวขโมยจะไปอยู่ในวังได้ยังไง ขืนเจ้าโกหกอีกข้าจะสั่งตัดลิ้นเจ้า”

    “ผมไม่ได้โกหกนะครับ!

    “เฮ้ย! ชาร์” เคย์รีบทักขึ้นมา เพราะกลัวท่านเจ้าชายจะเปิดเผยตัว

    “เอาน่าเคย์” ชาร์หันมาพูดกับเพื่อน

    “ผมพูดจริงๆนะครับ ตาของพวกเรา มาดัส เดอเบอร์โรว์ เป็นพ่อบุญธรรมของราชินีเฟลิโอน่าองค์ปัจจุบัน...”

    “บังอาจ! สามหาวนัก พวกเจ้ากล้าแอบอ้างชื่อราชินีเฟลิโอน่าเชียวหรือ” มือปราบคนที่ยืนคุมอยู่ข้างๆเอาดาบมาจ่อที่คอเขาทันที

    “อย่าทำอะไรชาร์นะ!” เคย์เห็นอย่างนั้นก็ตะโกนขึ้นมาทันที “พวกนายนั่นแหละที่บังอาจ...”

    “เคย์!” ท่านเจ้าชายที่กลัวความลับแตกรีบขัด

    แม้ว่าเขาจะซ่าสักแค่ไหน แต่ไอ้เรื่องคนที่เป็นถึงเจ้าชายแต่โดนจับติดคุกนี่ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ แถมเรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายเริ่มใช้กำลังก่อนด้วย

    “เย็นไว้เพื่อน” ถึงจะบอกเคย์แบบนั้น และส่งสายตาว่าเชื่อมือฉันเถอะ แต่ทายาทนักฆ่าก็ทำท่าจะลุยให้ได้

    “ผมไม่ได้โกหกนะครับ ท่านไปสืบดูก็ได้ พ่อบุญธรรมของราชินีเฟลิโอน่า คือมาดัส เดอเบอร์โรว์” ชาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง “ถ้าไปสืบแล้วไม่จริง ท่านค่อยเอาผมไปตัดลิ้นก็ยังไม่สาย”

    มือปราบที่กำลังไต่สวนพวกเขาอยู่หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องไปสืบ

    สักพักลูกน้องคนที่ไปสืบก็กลับมารายงาน

    “อะแฮ่ม” เสียงจากมือปราบหน้าดุ แล้วประโยคต่อมาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “แม้ว่าตาของเจ้าจะเป็นพ่อบุญธรรมของราชินีเฟลิโอน่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะพ้นผิดหรอกนะ”

    “ครับ คือ ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ตอนนี้แม่ผม เฟริน เดอเบอร์โรว์ก็อยู่ในวังน่ะครับ ถ้าท่านจะตามแม่ผมมาจ่ายตัง ท่านก็ต้องส่งจดหมายเข้าวัง”

    ส่งจดหมายเข้าวังงั้นรึ?

    มือปราบคิด

    ท่านลอร์ดก็ไม่พอใจอย่างมาก เร่งรัดอยากได้ค่าเสียหายไวๆเสียด้วยสิ

    ลูกของมาดัส เดอเบอร์โรว์ก็เป็นแค่หัวขโมย ไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง และไม่ได้เป็นญาติกับราชินีเฟลิโอน่าโดยตรง จะส่งหมายเรียกเข้าไปให้ในวังคงไม่เป็นอะไร เพราะอย่างไรเสียเขาก็อ้างได้ว่าทำตามกฏหมาย

    “สรุปว่า แม่ของเจ้าตอนนี้อยู่ในวังหลวงแห่งคาโนวาล” มือปราบคิดหลังจากใคร่คราญแล้ว

    “ครับ จ่าหน้าว่าถึง เฟริน เดอเบอร์โรว์ ครับ!

     

     

     

     

    ในเวลาเดียวกับที่เคย์และชาร์ถูกไต่สวน

    พวกทหารองครักษ์ต่างวิ่งวุ่นเข้าออกวังเป็นว่าเล่น เพื่อตามหาตัวเจ้าชายคนสำคัญ และนางกำนัลต่างก็พากันจิตตกกลัวความผิดฐานไม่สอดส่องให้ดีปล่อยให้เจ้าชายหนีออกไปได้

    คิงคาโล วาเนบลี แห่งคาโนวาล ยืนอยู่ที่ระเบียงในห้องของลูกชาย มองดูผลงานที่ลูกชายทำทิ้งไว้

    ใช้เชือกปีนจากระเบียงลงไปข้างล่างงั้นรึ...

    แอบหนีออกไปนอกวังโดยไม่ได้รับอนุญาต หนำซ้ำจนป่านนี้ยังไม่กลับมา!

    ช่างกล้านัก!

    บรรยากาศรอบตัวคิงคาโล มีอุณหภูมิต่ำกว่าที่อื่นอย่างรู้สึกได้ชัด แม้เจ้าตัวจะพยายามทำเป็นเคร่งขรึม แต่ในใจกลับร้อนรุ่ม ทั้งเป็นห่วง ทั้งโมโห

    เฟรินที่รู้อยู่แล้วว่าสามีเธอต้องกลายสภาพเป็นก้อนน้ำแข็งที่แผ่ไอเย็นให้คนอื่นหนาวสั่นไปตามๆกัน เธอก็ได้สรรหาเสื้อหนาวตัวหนามาใส่เป็นที่เรียบร้อย

    “จุ๊ จุ๊ จุ๊” เฟรินทำเสียงในลำคอ “คงจะปีนกันสนุกน่าดู ไว้ฉันทำมั่งดีกว่า”

    “เฟริน นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น” คาโลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “รู้แล้วล่ะน่า” เฟรินเอาตัวพิงระเบียง “ชาร์ก็เหลือเกิน น่าจะกลับมาก่อนรุ่งสาง”

    “ไม่ใช่น่าจะกลับมาก่อนรุ่งสาง แต่น่าจะมาขออนุญาตฉันออกไปดีๆต่างหาก” คาโลแก้ให้ คิ้วขมวดอย่างไม่สบอารมณ์

    “ทำอย่างกับนายจะอนุญาตแหนะ” เสียงหวานแย้ง

    “เฟริน! น้ำเสียงของคาโลหงุดหงิดขึ้นทุกที

    “ก็มันจริงหนิ ลูกเป็นเด็กผู้ชายนะ กำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นซะด้วย ก็ต้องอยากออกไปลัลล้าข้างนอกบ้างเป็นธรรมดา” เฟรินพูดพร้อมกอดอกเดินเข้าหาสามี “แต่นายน่ะ” เอานิ้วจิ้มๆที่อกกำยำ “ชอบขังลูกให้อยู่แต่ในวัง ลูกเลยต้องหนีเที่ยวไง”

    “นายพูดไม่ถูก บางครั้งฉันก็อนุญาตให้ชาร์ออกไปข้างนอก มันต้องแล้วแต่ความเหมาะสม” คาโลยึดมือที่จิ้มๆอกเขาอยู่ไว้

    “แต่นายก็เอาองรักษ์ตามออกไปเป็นเป็นขบวน” เฟรินโต้ “เอาเถอะ” มือเรียวแกะมือของคาโลออก แล้วกระชับเสื้อหนาว ฮึ้ย~ ยิ่งเข้าใกล้มันยิ่งหนาว “ฉันไม่อยากเถียงกับนายแล้ว”

    “ปรื๋อ~ หนาวชะมัด” เฟรินเดินไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆเตาผิง แล้วหันไปบอกนางกำนัลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “จุดไฟให้หน่อยสิฮะ” แต่พอเห็นนางกำนัลยืนตัวสั่นเพราะความหนาว “ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันทำเอง เธอน่ะ ไปหาเสื้อหนาวมาใส่ก่อนไป”

    นางกำนัลที่รับคำสั่งยังลังเล “จะดีหรือเพคะ ถ้ายังไงให้หม่อมฉันจุดให้ก่อนเถอะเพคะ”

    “ไม่ต้องๆ” เฟรินโบกไม้โบกมือ “ไปหาเสื้อหนาวมาใส่เถอะ”

    เมื่อเจ้านายยังยืนยันคำเดิน นางกำนัลจึงไม่กล้าขัด “เพคะ”

    เฟรินลุกขึ้น เดินไปหยิบหินจุดไฟสองก้อนที่วางอยู่บนเตาผิง

    “เดี๋ยวฉันจุดให้เอง” คาโลบอก เมื่อเห็นภรรยาที่รักกำลังย่อตัวลงนั่ง

    พรึ่บ!

    ไฟในเตาผิงลุกโชติช่วงด้วยฤทธิ์แห่งมนตรา

    “นี่ คาโล” เฟรินยันตัวลุกขึ้น “แทนที่นายจะจุดไฟให้ฉัน ฉันว่านายเลิกปล่อยไอเย็นดีกว่านะ” เธอวางหินจุดไฟลงที่เดิม

    “หยุด” คนขี้หนาวยันมือไปข้างหน้า เมื่อเห็นต้นกำเนิดไอเย็นกำลังจะเข้ามาใกล้ “นายน่ะ อยู่ตรงระเบียงน่ะดีแล้ว ฉันหนีมาตรงนี้เพราะเข้าใกล้นายแล้วขอบอกว่าหนาวสุดๆ”

    “ก็ได้” คาโลตกลงอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นเฟรินเริ่มทำหน้ามุ่ย อุณหภูมิในห้องจึงค่อยๆเพิ่มขึ้น

    คาโลสาวเท้าไปนั่งข้างเฟรินที่ขณะนี้นั่งอยู่บนโซฟา แล้วยกแขนขึ้นโอบร่างบางให้เข้ามาใกล้ “หนาวก็มาใกล้ๆฉันสิ”

    “อืม” เฟรินเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆสามีอย่างว่าง่าย

    ทั้งคู่ซบกันไปซบกันมาอยู่ซักพัก คาโลก็เริ่มเปิดประเด็น “นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาร์แอบหนีออกนอกวังหรอกใช่ไหม เฟริน” คาโลถามคนในอ้อมกอดเสียงเรียบ “ลูกใช้วิธีปีนเชือกแบบนี้ทุกครั้งเลยใช่ไหม เฟริน”

    ใช่ไหม เฟริน.... ใช่ไหม...เฟริน

    นี่ไอ้คาโลมันเจาะจงถามเธออยู่นี่หว่า!

    เฟรินคิดในใจ

    หรือมันกำลังสงสัยเธอ!

    นัยน์ตาสีน้ำตากลมโตสบกับนัยน์ตาสีห้าที่ห่างกันเพียงหนึ่งฝ่ามือ

    “นายถามฉันแล้วฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า!

    สถานการณ์ชักไม่ค่อยปลอดภัย

    “ถืบไปหน่อยสิ ฉันเริ่มร้อนแล้ว” มือบางดันๆแผ่นอกกว้าง จะกระเถิบตัวออก แต่แขนที่โอบเธอไว้กลับล็อดแน่นไม่ให้ร่างบางถืบไปไหน

    “งั้นเหรอ แต่นายดูไม่ค่อยตกใจเลยนะ เฟริน” สายตาสีฟ้าจ้องเขม็ง

    มันต้องสงสัยเธอแล้วแน่ๆ!

    “ก็แน่ล่ะสิ!” แต่เธอไม่ยอมจนมุมง่ายๆให้เสียชื่อนักตุ๋นเก่าหรอก “ก็ฉันบอกนายแล้วไงว่าลูกผู้ชายหนีเที่ยวเป็นเรื่องธรรมดา”

    คาโลกระชับอ้อมแขน “เพราะฉะนั้นนายก็เลยสนับสนุนให้ลูกหนีเที่ยว ใช่ไหม เฟริน”

    “บ้า! ฉันเปล่านะ” ใช่ๆ เธอเปล่าสนับสนุนซะหน่อย

    “อ้อ ฉันคงใช้คำพูดผิดไป” คาโลกล่าวเสียงเย็น “นายไม่ได้สนับสนุน แต่นายสมรู้ร่วมคิด ใช่ไหม เฟริน”

    ถูกเผง!!!

    “ประสาท!” เฟรินขอด่าไว้ก่อน เอานิ้วจิ้มๆที่หน้าผากของคาโล อย่างที่ไม่มีใครในคาโนวาลกล้าทำ “นายเป็นโรคจิตระแวงไปแล้วรึไง ฉันเปล่าทำอะไรซะหน่อย ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆนะ”

    คาโลยึดมือข้างที่จิ้มหน้าผากเขาไม่หยุดไว้ ก่อนคาดคั้นด้วยเสียงจริงจัง “อย่ามาโกหก มีหรือที่นายจะไม่รู้”

    “นายกล่าวหาฉัน แล้วนายมีหลักฐานรึเปล่าล่ะ”

    แน่มาก เฟริน ต้องงี้สิ ฮ่าๆๆๆ

    เฟรินคิดชมตัวเอง

    คาโลนิ่งคิดไปซักพักหนึ่ง “แปลว่า ถ้ามีหลักฐานนายถึงจะยอมรับใช่ไหม”

    “ใช่เลย” เฟรินพยักหน้าหงึกหงัก

    ก๊อก! ก็อก! ก็อก!

    เสียงเคาะประตู ทำให้คาโลและเฟรินผละออกจากกัน ก่อนคาโลจะอนุญาตให้คนเคาะประตูเข้ามา

    เทรเซอร์ อะดีล องครักษ์ระจำตัวคนสนิทของคาโลเดินเข้ามา และคุกเข่าต่อหน้าคาโล

    “ว่ายังไง เจอชาร์รึยัง” คาโลถามทันที เขาร้อนใจมาโดยตลอดตั้งแต่รู้ข่าวเมื่อเช้าก่อนรับประทานอาหารว่าลูกแอบหนีออกไปเที่ยวและยังไม่กลับมา

    “ยังเลยกระหม่อม แต่ว่าหม่อมฉันพึ่งได้รับจดหมายจากกองปราบจ่าหน้าถึง เฟริน เดอเบอร์โรว์ พะย่ะค่ะ”

     

     

     

     

    เฟรินรับจดหมายมาแล้วเปิดอ่าน

    ไอ้ชาร์ลูกบ้านี่!

    เฟรินก่นด่าในใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลแอบเหลือบมองหน้าของสามีที่จ้องเธอเขม็ง

    ไอ้ลูกบ้า! งวดนี้แกตายแน่

    “จดหมายว่ายังไง” คาโลถามเสียงเย็น

    “เอ่อ...คาโล... เอ่อ” เฟรินพูดไม่ออก ไม่กล้าจะบอกมันว่าไอ้ลูกตัวแสบมันไปก่อเรื่องจนโดนจับเข้าซังเต(คุก)

    “เอามานี่” ด้วยความร้อนใจ คาโลจึงดึงจดหมายจากภรรยามาอ่านเอง

    “นายใจเย็นๆนะ คาโล” เฟรินรีบพูด

    นัยน์ตาสีฟ้ากวาดไปตามข้อความในจดหมาย ทันทีที่อ่านจบ

    พรึ่บ!

    ในพริบตา น้ำแข็งก็เกาะทั่วทั้งห้อง นัยน์ตาสีฟ้าแข็งกร้าว คิ้วขมวดเครียด มือหนาขยำจดหมายในมือ

    “คาโล นายใจเย็นๆ” เฟรินโถมตัวเข้าไปกอดร่างกำยำที่กำลังโมโหถึงขีดสุดไว้ “ใจเย็นๆนะ”

    เธอรู้สึกได้ว่าคาโลหายใจเข้าออกแรงอย่างพยายามสงบอารมณ์

    “ค...คาโล... ใจ...ย...เย็นๆ” เสียงหวานสั่นเทาเพราะเริ่มรู้สึกหนาวมากๆ

    หนาวขนาดที่เสื้อหนาวขนสัตว์อย่างดียังเอาไม่อยู่

    “ค...คา...โล”

    เสียงสั่นๆของภรรยาเรียกสติของคาโลให้กลับมา อุณหภูมิในห้องจึงอุ่นขึ้น

    คาโลกอดตอบร่างบางที่ยังหนาวสั่นแน่น ก่อนหันไปสั่งเทรเซอร์ “ชาร์ถูกขังอยู่ที่กองปราบ รีบไปสืบมาอย่างลับๆว่าเจ้าชายบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ถ้าบาดเจ็บมากให้รีบพากลับมารักษาทันที แต่ถ้าไม่ก็ยังไม่ต้องทำอะไร แล้วกลับมารายงานฉันทันที เข้าใจไหม”

    ชื่อเสียงของราชวงศ์ จะเอามาล้อเล่นไม่ได้!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×