คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1: เจ้าชายกับการหนีเที่ยว
ตอนที่1 : เจ้าชายกับการหนีเที่ยว
แสงแดดอ่อนๆ กับลมพัดเอื่อยๆ เช้านี้ช่างเป็นเช้าที่แจ่มใสเหมาะกับการนอนเอกเขนกใต้ต้นไม้เสียจริง
ชีวิตช่างสุขีเสียนี่กระไร…
“อื้ม~” เจ้าของความคิดเหยียดแขนบิดขี้เกียจ ก่อนเอื้อมมือหยิบช็อกโกแลตเข้าปากหนึงลูก แล้วคลำๆหาหนังสือที่วางคว่ำหน้าที่อ่านค้างไว้ข้างตัวมาอ่านต่อ
“เฮ้!” เสียงทักจากผู้มาใหม่
“อ้าว! มาแล้วหรอ” ยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดึงเพื่อนรักให้นั่งลงข้างๆ “เออ ฉันกะจะถามนายตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว แต่พอดีมีเรื่องอะไรให้คิดเยอะแยะเลยลืมไปซะสนิทเลย”
พอคนฟังฟังจบก็อดประชดไม่ได้ “คนอย่างนายนี่นะมีเรื่องให้คิดเยอะแยะ?”
คนถูกประชดยังยิ้ม “เอาน่า” ก่อนลวงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงดึงกระดาษที่ถูกพับเป็นแผ่นเหลี่ยมเล็กออกมาคลี่แล้วยัดเยียดคู่สนทนาดู
คนถูกยัดเยียดรับมาอ่านอย่างสงสัย ก่อนนัยน์ตาวาววับจะเงยขึ้นมองหน้าทะเล้นของเพื่อนชายทันทีที่อ่านจบ
“เป็นไง น่าสนใช่ไหมล่า” เอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนอักๆ “ฉันรู้ว่าเรื่องอย่างนี้นายไม่พลาดหรอก”
“นายนี่รู้ใจฉันจริงๆเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” ประสานเสียหัวเราะสองเสียงอย่างครื้นเครง
“น่าชื่นชมจัง ชาร์ นายนี่อยู่ในวังแท้ๆกลับทันข่าวทันเหตุการณ์ยิ่งกว่าฉันอีก นับถือๆ”
คนถูกชมยักไหล่ “อย่างฉันมันมีเส้นสายเยอะอยู่แล้วน่า”
“แต่ว่านะ นายจะหาทางหลบออกไปได้หรอ คืนนี้น่ะ” เจ้าของเสียงนามว่า เคย์ ตั้งประเด็นปัญหา
“อย่ากังวลให้เสียสุขภาพจิตเพื่อน อย่างฉันมันระดับไหนแล้ว” ชาร์ยิ้มกริ่มล้มตัวลงนอน “ว่าแต่นายเถอะ ไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“ไอฉันน่ะมันพร้อมทุกเวลา เพื่อนเอ๋ย”
พอท้องฟ้ามืดสนิทก็ถึงเวลาปฏิบัติการภารกิจสำคัญประจำวันนั่นคือ...
ลอบพาตัวเองหนีออกจากวัง
ภารกิจนี้ต้องทำอย่างเงียบกริบ ไร้ร่องรอย และไม่เหลือหลักฐานที่จะมามัดตัวในภายภาคหน้า
เริ่มด้วยการขู่นางกำนัล
“พอฉันปิดประตู ห้ามใครมากวนฉันเด็ดขาด ห้ามทำเสียงดังหน้าห้องให้ฉันได้ยินด้วย วันนี้ฉันเหนื่อยมาก อยากพักผ่อนแบบเงียบสงบสุดๆ ถ้าใครมากวนความสงบของฉันละก็ ฉันจะสั่งโบยให้เข็ดหลาบเลยคอยดูเถอะ” คนขู่ยิ้มเหี้ยม
นางกำนัลคนรับคำสั่งถึงกับตัวลีบตัวสั่นเลยทีเดียว “พ...เพคะ”
แม้แต่เสียงยังสั่นเลย ดีมาก...
ชาร์ยิ้มกริ่มในใจ แล้วเดินเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตู แผนการณ์ขั้นแรกของเขาสำเร็จด้วยดี และเขาก็คิดว่าคงไม่มีใครติดใจสงสัยอะไร เพราะเขาวางแผนอย่างเป็นขึ้นเป็นตอนแบบมีอาชีพ
ตลอดช่วงบ่ายเขาไปซ้อมดาบกับเคย์จนเหงื่อโทรมกาย เอ่อ...ตรงนี้ต้องขออธิบายเล็กน้อย ความจริงแล้วมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เขาซ้อมก็จริงแต่ไม่ได้ซ้อมหนักขนาดเรียกเหงื่อขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เหลือแรงสำหรับตอนกลางคืนแน่ๆ เพียงแค่อาศัยฝีมือการแสดงละครตบตาชั้นเซียนของเขากับเคย์เพื่อนรัก ทุกคนก็มองว่าเขาทั้งสองขยันขันแข็งฝึกดาบ ส่วนเหงื่อที่โทรมกายนั่นเขาก็อาศัยน้ำเปล่ามาราดตัว
พอมื้ออาหารเย็นเขาก็ไปห้องเสวยทั้งสภาพแบบนั้น จุดประสงค์เพื่อให้ท่านพ่อท่านแม่และเหล่าท่านพี่เห็นว่าเขาๆไปซ้อมหนักมา ท่านพ่อรีบสั่งให้เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมาทานข้าว ไม่มีใครสงสัยในความขยันของเขา เพราะเขาขยันเป็นประจำ
บรรยากาศเงียบกริบ...
“เรียบร้อยนะ” เคย์นั่งอยู่บนเตียงในชุดสีดำทั้งชุด ข้างๆเป็นห่อผ้าที่แน่นอนว่าใส่เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนที่นอกรั้ววัง
“แน่นอน” เขาตอบ พร้อมเดินไปหยิบห่อผ้าในตู้เสื้อผ้ามาโยนไว้บนเตียง “รอแป็บ ขอฉันเปลี่ยนชุดก่อน” เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ และออกมาในเวลาชั่วอึดใจในสภาพสวมชุดดำสนิททั้งชุด
“โอเค๊” เคย์กระโดดลงจากเตียง “นายพร้อมฉันพร้อม งั้นเราไปกันเถอะ” เคย์เดินนำไปเปิดประตูระเบียงหยิบเชือกเส้นหนาออกจากถุงผ้า แล้วนำปลายข้างขึ้นผูกกับราวระเบียง และทิ้งปลายอีกข้างหนึ่งไปตามแรงโน้มถ่วง “เชือกเรียบร้อยแล้วเพื่อน มาเร็ว”
“นายว่าสามพันคราวน์พอไหม” ชาร์ถามจากด้านในห้อง
“โอ๊ย พอถมเถ เร็วเข้า รีบมาเถอะ” เคย์เร่ง
เด็กหนุ่มใฝ่ฝันอยากปีนเขามานานแล้ว แต่คืนนี้เห็นทีคงต้องฝึกปีบลงจากหอคอยงาช้างให้เชี่ยวชาญก่อน
ปีนลงจากหอคอยงาช้างชั้นที่เก้า ทำเอาหนุ่มคนปีนถึงกับเสียวๆเหมือนกัน
ลมหนาวพัดผ่านร่างวูบ “ปรื๋อ~ หนาว” เคย์บ่นอุบกัดฟันแกร็กๆ ก่อนก้มลงไปตะโกนโวยเพื่อนที่ปีนนำไปไกล “เฮ้ย รอกันด้วยสิ”
“ก็เพราะนายเอาแต่สำออยว่าหนาวๆๆไง ถึงได้ไม่ถึงไหนน่ะ” ชาร์เงยหน้าโต้กลับบ้าง
“เออ ฉันมันช่างสำออย ใครจะถึกเหมือนแกล่ะ”
“อึ้บ!” เคย์โดดลงสู่ภาคพื้นดินโดยสวัสดิภาพ “ฉันแทบแข็งตายคาเชือก” บ่นตบท้าย
“ทำไงกับเชือกพวกนี้ดี” ชาร์เงยคอมองเชือกสองเส้นที่ห้อยลงมาจากระเบียงห้องเขา
“ปัดโธ่!” เคย์ตบหัวตัวเองป๊าบ “ฉันลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย”
“งั้นช่างมันเถอะ” ชาร์ตัดบท “ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ภาวนาอย่าให้ใครมาเห็นแล้วกัน”
เล่นง่ายๆอย่างนี้เลยเรอะ...
“เออ สาธุ้” เคย์พนมมือ “โอมเพี้ยง ขออย่าให้เจอเล้ย ฉันยังไม่อยากแข็งตาย”
วิชาตีนเบา...
วิชาที่ท่านแม่แอบสอนถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็สถานการณ์แบบนี้แหละ
สุดยอด วิชาระดับเซียน!! ชาร์นึกปลื้มแม่ตัวเองจริงๆ
สองคู่หูแนบหลังหลบกับต้นไม้ต้นใหญ่ เมื่อมองเห็นแสงจากครกไฟเข้ามาใกล้ หัวใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆ
“สาธู้ ขอให้รอดเถอะว่ะ” เคย์พนมมือขอพรรอบที่สอง
คืนนี้ทหารองครักษ์ที่ทำหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยเวลากลางคืนเดินกันให้ควัก
“อย่ามาทำเป็นใจปลาซิว” ชาร์ทำหน้าเซง “เห็นเวลาหนีเที่ยวทีไรนายบ่นแบบนี้ทุกที”
“ก็ฉันยังไม่อยากแข็งตาย” เคย์ยืนยันคำเดิม ใครมันจะอยากถูกคิงน้ำแข็งจับได้ว่าแอบสมรู้ร่วมคิดกับลูกชายสุดหวงหนีเที่ยวกลางคืนแบบนี้
“เหอะ” ชาร์กลอกตา เซงกับมันจริงๆ ก็บอกไม่รู้กี่หนต่อกี่หนว่าจริงๆแล้วท่านพ่อน่ะเป็นคนใจดีจะตาย ท่านไม่ทำอะไรมันหรอก แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงมันส่ายหน้าไม่เชื่อซะงั้น
“ใจดีกับผีแกสิ พ่อนายใจดีกับแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ”
นี่คือประโยคเด็ดที่มันชอบใช้เถียง
ในที่สุด... สวรรค์ก็เข้าข้างพวกเขาสองคน เขาและเคย์สามารถหลุดรอดออกมาจากกรงทองคำฝังเพชรได้สำเร็จ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยลิ้นแทบห้อย
“กำแพงบ้านนายสูงเป็นบ้า” เคย์เอามือยันกำแพงหอบแฮกๆ
“โอ้ แน่นอน”
“ไป ไป รีบไปหาที่ลับๆแต่งหล่อกันเถอะ” เคย์ทำท่าจะวิ่งนำ หากเพื่อนซี้คว้าไหล่หมับ
“หือ? มัวรีรอไรอีกวะ”
ชาร์ฉีกยิ้มที่มุมปาก “ฉันมีเวทเด็ด”
“หา?เวทเด็ด” เคย์ทวนคำหน้าฉงน
“ใช่ พึ่งสำเร็จวิชาเมื่อวานสดๆร้อนๆ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็พึมพำร่ายเวทย์ด้วยภาษาที่เคย์ฟังแล้วงงเต็ก แสงสีทองอ่อนๆสว่างวาบรอบเรือนร่างของทั้งสองก่อนค่อยๆจางหายไป
เคย์ก้มลงสำรวจตัวเอง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนซี้พรึบ ฉีกยิ้มกว้าง “แจ๋ง!” เสื้อสูทตัวหล่อที่พกมาบัดนี้อยู่บนร่างเขาเรียบร้อย เจ้าตัวเอามือคลำๆผม ทรงผมก็ถูกจัดการเรียบร้อย “เวทแจ่มมากเพื่อนเอ๋ย”
ชาร์หัวเราะในลำคอ
“เอ... เวทแต่งตัวก็มีแล้ว” เคย์อดสงสัยไม่ได้ “แล้วแบบว่า... เวทเปลื้องผ้าน่ะมีไหม”
คำถามที่คนฟังชะงักกึก
นี่มันคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย...
“ไม่มีสิแปลก”
คำตอบที่เคย์ตาลุกวาว
“เอาน่า” ชาร์ตบไหลเพื่อนป้าบๆ “กลับไปจะสอนให้ เวลาจะทำอะไรๆจะได้ประหยัดเวลาไปเยอะ”
“เอ่อ... ไม่ดีกว่า ปลดเองมันได้อารมณ์กว่าเหอะ”
ชาร์มองหน้าเพื่อน “นายคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย”
“ก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ”
บาร์ชาร์มมิ่ง...
สองหนุ่มเดินทางมาถึงบาร์ชื่อดังอันดับหนึ่งของคาโนวาลที่เปิดให้บริการอีกรอบหลังจากปิดไปนานสองเดือนเพื่อปรับปรุงสถานที่
บาร์สว่างไสว เต็มไปด้วยแสงสี รถม้าของเหล่าไฮโซแล่นมาจอดไม่ขาดระยะ เสียงดนตรีครึกครืนดังทะลุออกมาข้างนอก
ตัวบาร์ที่นี่แบ่งออกเป็นสองฝั่ง เพื่อรองรับลูกค้าได้ถูกประเภท ฝั่งหนึ่งเป็นบาร์หลักสำหรับไฮโซที่ยังปกติดีอยู่ ส่วนอีกฝั่งเป็นบาร์รองสำหรับรองรับเหล่าชายผู้ชื่นชอบในเพศเดียวกันเอง
ก่อนเข้าไปข้างในจะต้องซื้อบัตรเข้าบาร์ราคาขูดรีดขูดเนื้อก่อน และยิ่งวันสำคัญแบบวันนี้ ราคาจะแพงเป็นสองเท่า
“สองใบ” เคย์เป็นคนเดินเข้าไปซื้อ ส่วนท่านเจ้าชายที่แอบหนีพ่อแม่มาเที่ยวกลางคืนยืนเต๊ะเอามือลวงกระเป๋าอยู่ข้างๆ แต่ตาก็ไม่วายจะสอดส่องดูสาวๆสวยๆที่เดินไปเดินมา
“บาร์หลักหรือบาร์รองครับ” บริกรหนุ่มหน้าใสถามอย่างสุภาพ
เคย์อ้าปากจะตอบ หากเสียงเพื่อนข้างๆมันกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“บอกเขาสิว่าบาร์รองน่ะ” ชาร์พูดกลั้วหัวเราะ แต่คนฟังขำไม่ออก
“บาร์รองหรือครับ” บริกรหนุ่มถามย้ำพร้อมมองสองคนสลับกันไปมา
“ไม่ๆ” เคย์ปฏิเสธแทบไม่ทัน “แน่นอน บาร์หลัก ต้องบาร์หลักอยู่แล้ว”
“นายเกือบทำให้ฉันเสียภาพพจน์” เคย์ทำหน้ายักษ์ใส่ไอ้คนพูดมาก ก่อนยัดบัตรใส่มือมัน
ชาร์หยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่เห็นต้องแคร์ มันก็แค่เรื่องล้อเล่น”
“เออ ขำ” เคย์ประชด “ไว้ฉันจะพูดแบบนี้กับแกต่อหน้าสาวๆบ้าง”
ชาร์หันขวับมามองคนพูด พร้อมขู่ “ถ้าแกพูด แกงานงอกแน่” ก่อนเดินนำเข้าสู่ด้านใน
ข้างในเต็มไปด้วยแสงสี มีเวทีขนาดใหญ่ มีบริเวณว่างสำหรับแดนซ์ มีบุฟเฟ่อาหารชั้นเลิศให้ตักกินได้อย่างจุใจ แต่ชายหนุ่มที่มาที่นี่มีน้อยคนนักที่จะสนใจอาหารพวกนั้น พวกเขาสนใจอาหารตามากกว่า
สองหนุ่มเลือกทำเลที่นั่งใกล้ๆบาร์เหล้า
“นายส่องเจอคนถูกใจรึยัง” เคย์ถามขณะที่สายตาก็กวาดมองไปทั่ว
“สองสามคน” ชาร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“สองสามคน? คนไหนบ้างล่ะ” เคย์ยกไวน์ขึ้นจิบ เขาไม่กล้ากินเหล้าหรือเบียร์เพราะกลัวเมา
“คนนั้น” ชาร์พยักเพยิดไปทางสาวสวยในชุดแดงที่อยู่โต๊ะเยื้องไปทางขวา “และก็คนนั้น ที่ยืนข้างสาวชุดชมพูลายดอก”
“ใช้ได้นี่” เคย์เดาะลิ้นอย่างถูกใจในรสนิยมของเพื่อน “แล้วจะมัวรีรออะไรอีกเล่า”
“ฉันกำลังสังเกตอยู่ว่าพวกหล่อนมากับหนุ่มรึเปล่า ฉันไม่อยากมีเรื่อง” ชาร์ให้เหตุผล
“เออ รอบคอบ”
“แต่เท่าที่ดูคงไม่ได้มากับใคร” ชาร์ลุกขึ้น จัดเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนสาวเท้าไปยังเป้าหมายผู้สวมชุดสีแดงสด แต่เคย์ฉุดมือไว้ก่อน
“เดี๋ยวๆ”
คนถูกรั้งมือยักคิ้วเป็นคำถาม
“ฉันก็แค่อยากย้ำนายว่าอย่าได้กรึ๊บเหล้า เข้าใจ๊”
“เออ รู้แล้วล่ะน่า” ชาร์ตอบด้วยเสียงรำคาญนิดๆ
“แม้แต่นิดเดียวก็ห้าม” เคย์ย้ำอีกครั้ง
“เออ” คนถูกย้ำ “ให้ฉันไปได้ยัง”
เคย์พยักหน้าหงึกหงักแล้วปล่อยมือ สองตามองตามหลังเพื่อนซี้ที่เดินตรงไปหาเป้าหมาย เพียงไม่นานรอบข้างชาร์ก็มีสาวๆรุมล้อม
“ก็เหลือแต่ฉันสินะ” เคย์กวาดสายตาไปเรื่อยๆ
เลือกไม่ถูกเลยจริงๆให้ตายสิ
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ” หญิงสาววัยสะครั่งเนินอกอวบอิ่มที่คนมองแล้วอดหน้าแดงไม่ได้เดินเข้ามาทักเขา
เขานี่เสน่ห์แรงไม่เบา...
เคย์อดชมตัวเองไม่ได้
“รอใครอยู่รึเปล่าคะ” ดูหล่อนจะพยายามแอ่นอกมาใกล้เขาเหลือเกิน
คนนี้ก็คนนี้วะ!
เวลาสำราญล่วงเลยมาจนถึงตีสอง เห็นทีคงได้เวลากลับกันแล้ว
ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้น
เคย์เหลียวซ้ายแลขวาหาต้นเสียง แล้วเขาก็ต้องเบิ่งตากว้างอย่างตกใจ เมื่อต้นตอของเสียงโหวกเหวกโวยวายนั้นมาจากทางเพื่อนสนิท
“เฮ้ย!!! ซวยแล้วไง” เคย์บ่นอุบ ก่อนรับวิ่งไปหาเพื่อน
ละสายตาไปหน่อยเดียว ได้เรื่อง!
“เฮ้ย!! ไอ้น้อง อยากมีเรื่องรึไง” ชายร่างใหญ่บึกบึนกระชากคอเสื้อชาร์
“เออเดะ! คิดว่ากลัวรึไง” ชาร์ตอนนี้อยู่ในอาการมึนเมาตะคอก “ก็เห็นมะ ผู้หญิงเขาไม่อยากกลับอ่ะ เขาอยากอยู่เป็นเพื่อนฉันนี่” ชาร์ทุบอกตัวเอง
“นางนี่มันผู้หญิงของข้าโว้ย แกอย่ามาสะเออะ เข้าใจป่ะ!” ชายร่างยักษ์ตะคอก
“ไม่เข้าใจ!”
“แกนี่มันวอนซะละ!” แขนแข็งแรงกำหมัด เงื้อมือทำท่าจะชกไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนที่บังอาจมาท้าทายอย่างไม่ลดราวาศอก
ไอ้หมอนี่ไม่รู้ซะแล้วว่าข้าเป็นใคร ข้าน่ะ มันเจ้าถิ่นย่านนี้โว้ย!!...
ชายร่างยักษ์คิด ก่อนปล่อยหมัด
หากก่อนหมัดจะถึงตัวเจ้าชายที่แอบหนีเที่ยวกลางคิด ก็มีมือที่มองไม่ทันมาชะงักหมัดไว้ได้ทันท่วงที
ทายาทนักฆ่าอันดับหนึ่งอย่าง เคย์ ฟีลมัส จับแขนที่คว้าไว้ได้ดัดไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย! แกเป็นใครวะ ปล่อยแขนข้า” ชายร่างยักษ์ที่ไม่ทันตั้งตัวร้อง
“แกก็ปล่อยคอเสื้อเพื่อนฉันก่อนสิ” เคย์ต่อรอง
“แกตายแน่!” คนถูกยึดแขนไม่ยอมแต่โดยดี หันมาตวาดใส่เคย์อย่างไม่เกรงกลัว
“แกนั่นแหละตาย!” ชาร์ฉวยโอกาสนี้ชกหน้าไอ้คนที่กระชากคอเสื้อตนไว้เข้าไปเต็มรัก
“โอ๊ย!”คนถูกชกหน้าหัน
ตามด้วยลูกถีบ ชาร์ถีบไอ้คนที่บังอาจมาหาเรื่องเขาเข้าไปอีกทีจนอีกฝ่ายตัวงอ
“แก...นะ...แก!” คนถูกถีบส่งเสียลอดไรฟันอย่างเคืองแค้น
“เฮ้ย ชาร์ พอๆ” เคย์รีบห้าม กลัวเรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้ ก่อนกลับไปขู่คนที่ตัวเองดัดแขนไว้อยู่ “ถ้าแกยังไม่อยากตายก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
เคย์ปล่อยมือพร้อมถีบส่ง จนชายร่างยักษ์ล้มลงไปกับพื้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกแก!” ชายร่างยักษ์พยุงตัวลุกขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไป
“โทษที ไม่รับฝากว่ะ” ชาร์ตะโกนไล่หลัง
“นายทำอะไรลงไปเนี่ย ชาร์” เคย์จับไหล่เพื่อนมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน “ไหนนายรับปากแล้วว่าจะไม่กินเหล้า!”
“ก็กินแค่นิดหน่อยเอง เห็นมะ ฉันยังไม่เมาเลย เอิ๊ก” ดวงหน้าขาวๆแดงระเรื่องเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล พูดอ้อแอ้
“เออๆ ยังไงก็รีบกลับกันเถอะ” เคย์สังหรณ์ว่าอีกไม่นานนักเลงคนเมื่อกี้ได้ยกพรรคพวกมาเอาเรื่องพวกเขาสองคนถึงที่แน่ เพราะฉะนั้นต้องรีบเผ่นก่อน
“จะไปไหน ฉันยังไม่อยากกลับอ่ะ” ชาร์สลัดมือ แล้วก้าวเท้าไปทางผู้หญิงที่เขาอี๋อ๋อด้วยมาพักใหญ่ที่ยืนค้างอยู่
“พี่สาวไม่ต้องกลัวแล้วนะครับว่าไอ้กระจอกนั่นจะมารังควาญพี่สาว เพราะผมจัดการไปให้แล้ว เพราะงั้นเรามาสนุกกันต่อเถอะครับพี่สาว”
“ชาร์!! บอกว่ากลับก็กลับสิ เร็วเข้า” เคย์พยายามลากไอ้เจ้าชายคนสร้างปัญหาให้ออกนอกบาร์ เขาสังเกตว่าคนที่อยู่ในงานต่างพากันทยอยออกนอกบาร์กันแล้ว
เคย์เดาว่าไอ้คนที่พวกเขามีเรื่องด้วยเมื่อกี้คงเป็นนักเลงประจำถิ่นนี้ และคนพวกนี้คงรู้แกวว่าอีกไม่นานไอ้คนที่เขาปล่อยไปต้องไปตามพรรคพวกกลับมาล้างแค้นเป็นแน่
“อื้อ~~” ชาร์สงเสียงขัดใจ พยายามสลัดมือเพื่อนรักออก “ฉันยังสนุกไม่เต็มที่เลย อยากกลับก็กลับไปคนเดียวสิ”
“ฉันน่ะอยู่ได้ แต่นายอยู่ไม่ได้ ไม่เข้าใจรึไง มีสติหน่อยสิชาร์” เคย์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อีกไม่นานไอ้คนที่นายมีเรื่องด้วยมันต้องกลับมาล้างแค้นเข้าใจไหม อย่าทำให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ ไม่งั้นทุกคนจะซวยกันหมด”
“นายกลัวไอ้กระจอกรึไง” ชาร์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ของคนเมา “ฉันน่ะ ทั้งอัดทั้งถีบมันไปเต็มๆเลยนะ ฮ่าๆๆๆ”
“ถ้าฉันมาไม่ทัน นายนั่นแหละจะน่วม”
และทุกคนก็จะพลอยซวย เพราะโดนพ่อนายเล่นจนอ่วม...
เคย์คิดต่อในใจ ขณะพยายามกึ่งลากกึ่งจูงเจ้าชายม้าพยศกลับบ้าน
แต่มันก็ไม่ทันการ
ไอ้นักเลงร่างยักษ์มันไปพาพรรคพวกร่างยักษ์มาเร็วเหลือเชื่อ
พวกเขายังไม่ทันถึงประตูด้วยซ้ำ ชายร่างยักษ์หกคนก็เดินเข้ามาล้อมพวกเขาไว้
“ไอ้กระจอก แกยังมีหน้ามาให้ฉันเห็นอีกหรอ” ชาร์ที่บัดนี้ขนาดยืนยังเซไปเซมาพูด
“เฮ้ย ชาร์ แกน่ะเงียบๆ” เคย์พยายามพยุงเพื่อนไว้
นี่แหละ ชาร์ เพื่อนซี้ของเขาล่ะ พอเมาแล้วชอบหาเรื่องคนไปทั่ว แถมยังคออ่อนแล้วไม่เจียมบอดี้อีกต่างหาก
ถึงได้ห้ามมันไงว่าไม่ให้แตะเหล้าเด็ดขาด
แล้วมันก็ไม่เชื่อ!
ดูซิ แล้วทีนี้เป็นไงล่ะ
“แล้วแกก็จะได้รู้ ว่าใครกันแน่ที่กระจอก ไอ้ไก่อ่อนเอ๊ย!” ชายร่างยักษ์ทั้งหกคนมาพร้อมอาวุธอยู่ในมือ
“แกว่าใครไก่อ่อนฟระ!” ชาร์แทบจะกระโจนเข้าไปตะลุมบอนกับคู่กรณี แต่ถูกเพื่อนรั้งไว้ “แกอยากมีเรื่องนักใช่ไหม ได้เลย... ดาบปราบอสูร!”
ทันใดนั้น ดาบเล่มหนาใหญ่สีดำสนิทแวววับทั้งเล่มก็ปรากฏอยู่ในมือเจ้าชายผู้สร้างปัญหาเรียบร้อย
เฮ้ย!!!
เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ จนกุไม่กลับเสียแล้ว
เพราะฉะนั้นมีทางเดียวก็คือ เขาต้องลงมือจัดการพวกนักเลงนี่ให้เรียบร้อยโดยเร็วและพาชาร์กลับวังอย่างเร่งด่วน
เคย์เรียกอาวุธมาไว้ในมือบ้าง “นายอยากลุยมากใช่ไหม”
“เออดิ” ชาร์ตอบทันที
“เออ งั้นลุยเลย” สิ้นเสียง ทั้งแปดคนก็เข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
ถึงแม้ว่าชาร์จะมีฝีมือ แต่ตอนนี้มันเมาแอ๋ ฝีมือก็เลยลดฮวบฮาบ แค่รับดาบที่ฟันลงมาได้ก็เก่งแล้ว เท่ากับว่า เขาคนเดียวต้องทำทั้งป้องกันมัน ป้องกันตัวเองและทั้งรุกไปด้วย
แถมไอ้พวกนักเลงนี่ก็มือฝีมือดาบใช่ย่อยสมเป็นชายชาตินักรบ
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เขากับชาร์คงชนะได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องลงมือฟันดาบฉวบฉับกันแบบนี้ แค่เจ้าชายตัวแสบเล่นเวททีเดียวก็จบ
แต่อยู่ในที่แบบนี้ เขานึกภาวนาอย่าให้มันใช้เวทมนต์ ขืนมันใช้มีหวังบาร์นี้ได้พังอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาไม่คิดจะเตือนมันว่าห้ามด้วย เพราะคนดื้อๆอย่างมันอาจไม่ฟังเขาก็ได้
แต่แล้วเคย์นั้นก็นึกขึ้นได้ทันท่วงที ว่าเพื่อนซี้ยังมีทีเด็ดเหลืออยู่
ไม่ต้องถึงกับเล่นเวท แค่ดาบที่มันถืออยู่ ก็ทำให้บาร์นี้ราบเป็นหน้ากลองได้
“ย้าก!” และเพื่อนซี้กำลังจะใช้ทีเด็ดนั้น
“อย่านะชาร์!!” เคย์รีบกระโยนเข้าไปรับดาบเพื่อนซี้ไว้ซะเอง ดาบปราบอสูรนี่หนักเหลือเชื่อ
ในเมื่อเพื่อนซี้มันเมาจนบ้าไปแล้ว ขืนปล่อยมันเป็นอย่างนี้ต่อไปมีหวังบาร์นี้ได้พังจริงๆแน่
“นายทำอะไรอ่ะ”
“โทษนะ ชาร์” เคย์ใช้มือขวาฟันลงที่ท้ายทอยให้เพื่อนหมดสติ
อย่างนี้จะคุมง่ายกว่า เขาน่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว ให้ตายสิ!
“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงชายร่างยักษ์คนหนึ่งหัวเราะ “ดูสิ พวกมันบ้าไปแล้ว ถึงกับเล่นงานกันเองด้วย”
“สงสัยจะกลัวพวกเราจนบ้าไปแล้วแน่ๆ” ชายอีกคนเสริม แล้วหัวเราะประสานเสียงกัน
“หัวเราะกันให้หนำใจเถอะ” เสียงจากเคย์ “เพราะเดี๋ยวพวกแกก็จะหัวเราะไม่ออก”
“มันพูดอะไรของมันฟระ ฮ่าๆๆๆ”
“พวกกระจอกๆอย่างแก ไม่คณามือฉันหรอก!” สิ้นเสียงทายาทนักฆ่าอันดับหนึ่งของเอเดนก็พุ่งทยานเข้าจู่โจมคู่กรณีทันที
ขณะที่เคย์กำลังจัดการกับคู่กรณีคนสุดท้าย เสียงฝีเท้าหนักๆหลายสิบคู่ก็ดังขึ้นจากหน้าประตู ไม่นาน พวกกองปราบที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองก็กรูกันเข้ามาล้อมไว้
“หยุดสู้กันเดี๋ยวนี้ แล้ววางอาวุธซะ”
นัยน์ตาสีม่วงกวาดมองรอบๆ กะประมาณมือปราบมากันประมาณยี่สิบคนเห็นจะได้ แต่ไม่รู้ว่ามีข้างนอกอีกรึเปล่า
เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดมากที่สุดดันเกิดขึ้นมาแล้วจนได้
เขาช้าไปหรือนี่
ถ้าไม่ยอมโดนจับ ก็ต้องตีฝ่าออกไป แต่จะทำได้รึเปล่านี่สิ ยิ่งตอนนี้ชาร์ก็สลบเหมือด ความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จคาดว่าต่ำกว่าครึ่ง และถ้าตีฝ่าออกไปแล้วไม่สำเร็จ ซ้ำร้ายก็ต้องถูกเพิ่มโทษฐานทำร้ายเจ้าพนักงานอีกกระทง นอกจากนี้ ที่สำคัญถ้าเกิดชาร์ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เรื่องมันก็จะยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่
ประเมินแล้ว ยอมให้จับ ดีที่สุด เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที
เคย์ทิ้งอาวุธ แล้วยกมือขึ้นข้างศีรษะ ยอมจำนน
ความคิดเห็น