คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่6: วันที่รอคอย
ตอนที่ 6 วันที่รอคอย...
คาโลหน้าบึ้ง
ก็เพราะมีพวกพี่สาวให้ท้าย ชาร์ถึงได้ไม่โตซักที
ไม่ได้การ!
ในเมื่อเขาตัดสินใจจะเข้มงวดกับลูกชายไปแล้ว ครั้งก็ต้องทำให้ได้
“ชาร์ ยังไม่เงียบอีกหรือ” คาโลกล่าวด้วยน้ำเสียงดังกว่าเดิม “พ่อบอกให้เงียบ”
“นายนั่นแหละเงียบ” เสียงหวานที่เงียบมานานสวนขึ้น
เฟรินแย่งชาร์จากเฟริต้ามากอดไว้เอง “ชาร์ ลูกไม่ได้ผิดหรอกนะ พวกพี่ๆก็ไม่ได้ผิด คนที่ผิดคือพ่อแกต่างหาก”
คนถูกโบ้ยความผิดให้ขมวดคิ้วมุ่น ชักงง “นายพูดอะไร”
ใบหน้าสวยหวานหันไปหาสามี “ก็เพราะนายหาเรื่องสะกิดปมด้อยลูก” ทำหน้าตาจริงจัง “นายคงไม่รู้หรอกว่าถูกสะกิดปมด้อยน่ะ มันเจ็บจี๊ดไปถึงทรวง” กำปั้นทุบที่หน้าอกประกอบ “ใช่ไหม ชาร์”
ห๊ะ! จริงหรอ? เจ๊บจี๊ด ทำไมเขาไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ...
“ใช่ฮะ ท่านแม่” เจ้าชายเจ้าของรางวัลตุ๊กตาทองซุกอ้อมอกมารดา “แต่ท่านพ่อ...ท่านไม่ได้ตั้งใจหรอกฮะ”
ฮึ๋ย~ ลูกชายคนนี้ ได้ทีอ้อนแม่ใหญ่เชียว
คาโลเข่นเคี้ยวในใจ
“พ่อแกน่ะ เขาไม่เข้าใจหรอก เพราะพ่อแกมันเป็นนักเรียนดีเด่นสุดเฟอร์เพ็ค” พูดไปพูดมาก็ฉุกคิดอะไรได้ “ไม่สิ คาโล วิชาดาบแกก็ห่วยสุดเหมือนกัน”
ชาร์แผละศรีษะออกห่างจากอกมารดา “เอ๋?”
ปากไวๆเริ่มเผาสามี “ใช่แล้ว พ่อแกสอบตกวิชาฟันดาบตอนปีสามด้วยแหละ”
“จริงหรอคะ?” เจ้าหญิงทั้งสี่อุทานพร้อมกัน
“แล้วตอนปีสี่อ...”
“เฟริน!!” เสียงทุ้มดุขัดทันทีก่อนที่ภรรยาตัวแสบจะเผาเขาจนหมดเปลือก
อดีตหัวขโมยที่บัดนี้ยังแก้นิสัยปากเบาไม่หายมองใบหน้าสามีที่บึ้งหนัก แต่แก้มขาวๆมีสีระเรื่อจางๆ
ฮ่าๆๆ มันคงอายที่เธอเอาเรื่องที่มันเคยสอบตกมาพูดให้ลูกๆฟัง
“อ่านะ” เฟรินทำหน้าแบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่า “ฉันไม่เล่าก็ได้ ฉันก็แค่อยากจะบอกว่า ชาร์ไม่ถนัดวิชาประวัติศาสตร์เหมือนที่นายไม่ถนัดวิชาดาบนั่นแหละ นายควรจะเข้าใจลูกสิ”
จากคำพูดของภรรยา ประกอบกอบบรรดาลูกสาวที่ไม่มีใครเข้าข้างเขาเลย ทำให้คาโลเงียบไปสักพัก ก่อนกล่าว “เราค่อยพูดเรื่องนี้กันวันหลัง” แล้วคาโลก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับประทานอาหาร
ชาร์แผละศรีษะออกจากอ้อมกอดของมารดา แล้วยิ้ม
แต่ก็โดนคุณแม่ดีดนิ้วใส่หน้าฝากเป็นการลงโทษหนึ่งที “นี่แนะ!”
“โอ๊ย”
“ไม่ต้องมาองมาโอ๊ยเลย ไปล้างหน้าล้างตาซะไป” เฟรินแกล้งทำเสียงดุ
“ฮะ ขอบคุณนะฮะ” แล้วก็กอดมารดาแน่นๆ “รักท่านแม่ที่สุดเลย!”
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น คิงคาโลก็อนุญาตให้ไปเที่ยวตัวเมืองคาโนวาลอีกที่หนึ่งตามที่ลูกๆต้องการ เป็นอันว่าครั้งนี้ คิงน้ำแข็งก็ทำใจแข็งไม่ลงอีกตามเคย
ท้องฟ้ามืดสนิท
พรุ่งนี้แล้วสินะ วันที่เรารอคอย....
เจ้าชาย ชาร์ วาเนบลี กระโดดขึ้นเตียง หลังจากที่เช็ดผมแห้งสนิท
รีบนอนดีกว่า…
ชาร์ล้มตัวลงนอน สักพักแล้วก็ผุดลุกขึ้นมาใหม่ เจ้าตัวเอื้อมมือไปยังลิ้นชักชั้นที่สองของโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา
“จ๊ะเอ๋” ชาร์ชูมันขึ้นเหนือศรีษะแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
จะไม่เจอกันหลายวัน คืนนี้ขอกอดหน่อยแล้วกันนะ!
แล้วชาร์ก็กอดตุ๊กตาหมีสีขาวแสนน่ารัก กลิ้งไปกลิ้งมาสองสามรอบอย่างมีความสุข
เจ้า ‘เท็ดดี้’ เป็นตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเขาที่พี่บริทานี่ ช่วยกันกับพี่เฟริต้าเย็บขึ้นมา และให้เป็นของขวัญวันครบรอบเดือนของเขา แล้วมันก็ถูกวางไว้ในเปลข้างๆเขานับแต่นั้น
เจ้าเท็ดดี้ก็เลยเป็นตุ๊กตาหมีที่เขาติดหนึบ ยิ่งตอนเด็กๆจะกอดไม่ยอมปล่อยเลยทีเดียว ที่สำคัญ ห้ามใครแอบเอาไปซักเด็ดขาด เพราะถ้ากลิ่นไม่เหมือนเดิมล่ะก็...เขาก็จะร้องไห้กระจองอแงลั่นวังเลยทีเดียว
แต่พอเริ่มโต ท่านพ่อที่เห็นว่าการกอดตุ๊กตาหมีเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยแมนสำหรับชายชาตินักรบ ที่สำคัญเขาก็คิดมันมากจนเกินไป ท่านพ่อก็เลยค่อยๆฝึกให้เขาห่างมันได้ จนเดี๋ยวนี้ก็เลยแทบไม่ค่อยได้กอดตอนนอน
ชาร์ลูบขนตุ๊กตาไปมาอย่างที่ชอบทำ แล้วก็นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อกลางวันที่ผ่านมา
สองสามวันมานี้เขาถูกท่านพ่อบังคับให้ไปฟังการว่าราชการด้วยทุกเช้า การนอนดึกตื่นเช้าสะสมมาสองสามวัน ก็ออกฤทธิ์วันนี้นี่เอง นั่นก็คือ เมื่อเช้าเขาสัปหงกคาเก้าอี้ระหว่างการว่าราชการของท่านพ่อจนท่านพ่อต้องเป็นคนมาปลุกเมื่อว่าราชการเสร็จเองเลยทีเดียว ตอนแรกเขายังเสียวๆอยู่ว่าท่านพ่อจะลงโทษอะไรเขาอีก เพราะพักนี้ท่านพ่อเข้มงวดกับเขาเหลือเกิน
แต่ผิดคาดเมื่อเขาตามมาอยู่ในห้องทรงงานของท่านพ่อ ท่านพ่อกลับทำใจดีไม่ได้บังคับให้เขาอ่านฎีกาแสนน่าเบื่ออย่างที่ทำมาได้สองสามวัน แถมยังให้นางกำนัลเอาขนมหวานที่เขาแสนโปรดปรานมาให้นั่งกินระหว่างที่ท่านพ่อกำลังทำงานอีก
จนเขาหลงคิดว่าเป็นเพราะวันนี้ท่านพ่ออารมณ์ดีเป็นพิเศษ เลยใจดีเหมือนกับตอนที่ท่านพ่อโอ๋เขาเมื่อตอนเด็กๆ
ซึ่งนั่นไม่จริงเลย...
หว่านพืชย่อมหวังผล...
อยู่ๆท่านพ่อก็ละจากงานมาชวนเขาคุยนู่นคุยนี่ คุยไปคุยมา ท่านพ่อก็วกไปถึงเรื่องที่เขาแอบหนีเที่ยว ซึ่งตอนนั้นเขาอยู่ในบรรยากาศสบายๆพ่อลูกคุยกันแสนสุขขี อารมณ์ดี และก็คิดว่าท่านพ่อกำลังอารมณ์ดีด้วยเพราะบางทีที่เขาเล่าอะไรตลกๆ ท่านพ่อก็มีหลุดหัวเราะบ้าง ก็หลุดปาก พอท่านพ่อถามอะไรก็เลยเล่าหมด
จนมาถึงคำถามหนึ่ง ที่ชาร์ชะงักกึก เมื่อท่านพ่อถามขึ้นมาว่าท่านแม่รู้เรื่องด้วยรึเปล่า…
นั่นทำให้ชาร์พึ่งจะมารู้ตัวว่าท่านพ่อของตัวเอง…
หว่านพืชหวังผลกับเขา
ที่ไม่ลงโทษเรื่องหลับ ที่เอาขนมมาล่อ ทั้งชวนคุยสนุกสนาน ทั้งหมดก็เพื่อต้องการจะง้างปากเขาล้วงความลับ
ขอโทษนะฮะ ท่านแม่ ผมเสียท่าท่านพ่อเข้าแล้วเต็มๆ...
ชาร์ขอโทษขอโพยมารดาในใจ
ณ จุดนั้น เขาก็พยายามจะเลี่ยงไม่บอกท่านพ่ออยู่หรอก เขาไม่กล้าโกหกก็เลยพยายามเลี่ยง แต่ไหนเลยจะมาสู้เล่ห์เหลี่ยมของคนที่เป็นถึงคิง
ในที่สุดเขาก็จนมุม โดนล้วงคว้าลับหมดไส้หมดพุง
เขายังจำใบหน้ายิ้มเหี้ยมตอนนั้นของท่านพ่อได้ดี...
ท่านแม่... เสร็จแน่
พี่อริสเล่าว่า ท่านแม่บอกว่าถ้าเขาเกิดคายความลับ พวกเขาอาจมีน้องอีกคน...
ชาร์ยิ้ม
เมื่อนึกถึงเด็กทารกตัวน้อยๆน่ารักน่าฟัดที่พวกขุนนางบางครั้งก็อุ้มเข้าวังมาให้ท่านพ่อตั้งชื่อให้
“มีน้องนี่ก็ดีเหมือนกันนะ เนอะเจ้าเท็ดดี้”
แต่เอ... พี่บริทานี่ จะมีหลานให้ท่านแม่ก่อน หรือท่านแม่จะมีน้องอีกคนก่อนล่ะเนี่ย...
ชาร์คิดก่อนเปลือกตาบางจะหลับลงเข้าสู่ห้วงนิทรา
ใบหน้าหวานซึ้งชื้นเหงื่อของราชินีแห่งคาโนวาลแดงก่ำ หนุนอยู่บนหมอนนุ่มนิ่ม
มือสองข้างพยายามผลักอกของไอ้ร่างที่มันทาบทับเธออยู่ แต่ไม่เป็นผล
ใบหน้าคมคายกำลังซุกไซ้ระดมจุมพิตใบหน้าและสูดกลิ่นซอกคอหอมหวานอย่างไม่รู้จักพอ
“พอเถอะ” เสียงหวานหอบหายใจ “ฉันหมดแรงแล้วนะ”
“แต่ฉันยังมี” มือหนาใหญ่อยู่ไม่สุกลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง และวนเวียนอยู่ตรงสะโพกมน สร้างความเสียวสะท้านแก่ร่างบาง
เฟรินก่นด่าไอ้ลูกชายตัวแสบในใจ ที่มันสารภาพกับพ่อมันจนหมดเปลือก จนทำให้เธอโดนไอ้น้ำแข็งหื่นกามลากขึ้นเตียงมาปลดปล่อยอารมณ์ที่มันเก็บกดมานานเป็นการสำเร็จโทษ
ก็หลังจากที่เธอคลอดลูกชายให้มันจนได้ เธอก็ประกาศปิดอู่แบบถาวร ประกอบกับคาโลเองก็เกรงว่าจะได้ลูกชายอีกคน เรื่องแบบนี้เลยนานๆครั้งถึงจะมี
ไอ้เธอก็หลงคิดไปว่าไอ้คาโลมันจะลืมเรื่องหาหลักฐานที่ว่าไปแล้ว เพราะนี่ก็ผ่านมาตั้งเดือนนึงจนเธอซะเองอีกที่เป็นฝ่ายลืม แต่ที่ไหนได้ มันยังจำได้ดี หาหลักฐานมาคิดบัญชีย้อนหลัง
“เดี๋ยวพลาดป่องกลางทำไง อา...” เฟรินครางแผ่วเผลอเคลิ้มกับสัมผัสที่มันมอบให้
คาโลกระตุ้กยิ้มพึงพอใจ มือซุกชนกำลังเค้นคลึงจุดไวสัมผัสเบื้องล่าง “ไม่พลาดหรอก”
คาโลค่อนข้างมั่นใจ เพราะจากการสอบถามหมอหลวง ช่วงนี้ของเดือนเฟรินจะมีโอกาสท้องต่ำ
“อะ..อา...” ลมหายใจของร่างบางหนักหน่วงมากขึ้นตามแรงกระตุ้นของร่างสูง มือเรียวเล็กจากที่พยายามผลักดันเปลี่ยนเป็นโอบไล้ไปตามร่างของสามี
เสียงครางอันเย้ายวนใจนั้นยิ่งทำให้อารมณ์ของคิงแห่งคาโนวาลพุ่งสูงอีกครั้ง เขาจุมพิตร้อนแรงดูดกลืนเสียงครางนั้น
การปลุกเร้าของสามีปลุกปั่นแรงอารมณ์ของร่างบางให้พุ่งทยาน ทำให้เธอยอมจำนน เสียงหวานหอบพร่า “ครั้งสุดท้ายนะ...”
ยอมมันก็แล้วกัน... คิดซะว่า... นานๆที
สิ้นคำอนุมัติ นัยน์ตาสีฟ้าวาววับ ร่างกำยำเบียดร่างแนบแน่นแล้วขานรับในลำคอ “อืม”
สองร่างผูกพันเกี่ยวกระหวัดเป็นหนึ่งเดียวภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง เติมเต็มความสุขอันหอมหวานลึกซึ้งจนถึงที่สุดแห่งกามอารมณ์
แล้วพรุ่งนี้จะมีแรงเที่ยวไหมเนี่ย... เฮ้อ...
ยามพระอาทิตย์เรืองแสงสีทองแรกของวัน
ณ คฤหาสน์หลังโออ่าหรูหราใกล้กับถนนสายเศรษฐกิจของคาโนวาล เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักในชุดกระโปรงลูกไม้วิ่งตึกตักลงบันได ครั้นพอนัยน์ตาสีส้มดั่งโอปอลเพลิงเห็นบุรุษร่างอ้วนท้วมที่พึ่งกลับมาถึง ริมฝีปากบางก็แย้มยิ้มกว้าง
“คุณพ่อคะ” เด็กหญิงถลาเข้ากอดพ่อของเธอ “กลับมาแล้วหรอคะ ทำไมครั้งนี้คุณพ่อไปนานจังคะ”
คนถูกกอดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “พอดีมีเรื่องให้จัดการเยอะน่ะ แต่พ่อซื้อของมาฝากรินารี่ลูกรักของพ่อเยอะแยะเลยนะ”
“จริงหรอคะ?” นัยน์ตาสีส้มของรินารี่วาววับอย่างดีใจ
“ท่านลอร์ดขอรับ”เสียงจากชายร่างใหญ่ผิวคล้ำคนหนึ่ง เรียกความสนใจจากลอร์ด แอนนิสัน เฟอร์ราจ
“’ของ’ถูกนำไปเก็บเรียบร้อยแล้วขอรับ” ชายคนเดิมรายงาน
“ดี” ลอร์ดร่างท้วมกล่าวอย่างพอใจ
“หมายถึงของฝากของหนูหรอคะ” เด็กหญิงถาม
“เปล่าๆ ของของลูกพ่อให้คนไปเก็บไว้ที่ห้องนั่งเล่นแล้วล่ะ เราจะได้ดูพร้อมกัน เอาล่ะ” ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยไขมันโอบเอวลูกสาวสุดที่รัก “เราไปห้องนั่งเล่นกันเถอะ”
สิ่งที่ทำให้ลอร์ดแอนนิสัน เฟอร์ราจ มีความสุขมากที่สุด คือรอยยิ้มของลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียว.... รินารี่
รินารี่เด็กสาวแสนงดงามน่ารักราวตุ๊กกะตากระเบื้องเคลือบชั้นดีกำลังหยิบของฝากของคุณพ่อมาดูทีละชิ้นอย่างมีความสุข
เธอพลิกตุ๊กตาไขลานรูปเจ้าหญิงขึ้นมาดูใต้ฐาน “นี่มันรุ่นลิมิตเต็ดนี่คะ หนูกำลังอยากได้อยู่พอดีเลย”
“ใช่ พ่อรู้ว่าลูกอยากได้ก็เลยไม่ลืมซื้อมาให้ไง ถูกใจใช่ไหม”
“ค่ะ คุณพ่อ” ดวงหน้าน่ารักไม่รอช้าที่จะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มคุณพ่อของเธอ “ขอบคุณนะคะ คุณพ่อ”
ลอร์ด แอนนิสัน เฟอร์ราจ ที่ทุกคนต่างเล่าลือว่าขี้เหนียวหน้าเลือด จะมีก็แต่ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เป็นดั่งดวงใจ
ดังนั้น อะไรที่รินารี่อยากได้ เขาจะต้องหาซื้อมาให้ลูกให้ได้
เขาทำทุกอย่างก็เพื่อรินารี่ลูกรัก เพื่อให้รินารี่มีความสุข เขาต้องทำทุกอย่างให้รินารี่ นี่เป็นสิ่งที่ลอร์ด แอนนิสัน เฟอร์ราจ คิดอยู่ตลอดเวลา
ในเวลาเดียวกันเกวียนเล่มใหญ่จอดบนถนนหลังตลาดที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
เด็กชายผมเงินเป็นคนแรกที่กระโดดลงจากเกวียนด้วยท่าทางตื่นเต้น
“เคย์ ลงมาเร็วสิ” ชาร์ยื่นหน้าเกาะขอบประตูเร่งเพื่อนที่กำลังบิดขี้เกียจอยู่ในเกวียน
เจ้าหญิงเฟริต้าในชุดสาวชาวบ้านเรียบๆก้าวเท้าลงจากเกวียนเป็นคนที่สอง “อย่าใจร้อนสิจ๊ะ ชาร์”
ตามลงมาติดๆคือเจ้าหญิงอริสที่กระโดดตุ๊บลงพื้นไม่สมหญิง
“อริส” เสียงเย็นๆของคิงน้ำแข็งดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะก้าวออกมา พร้อมเอ็ดลูกสาว “ทำไมไม่ค่อยๆลงเหมือนพี่เฟริต้า ลูกเป็นผู้หญิงนะ”
“แหะๆ” คนถูกเอ็ดหัวเราะแห้งๆเอามือลูบหัว “ขอโทษค่ะ ท่านพ่อ”
“เอาน่า คาโล ฮึบ!” พึ่งจะเอ็ดลูกสาวไป คนเป็นแม่ก็ดันกระโดดตุ๊บลงพื้นเหมือนลูกสาวเป๊ะ
“นายก็เหมือนกัน เฟริน เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูก”
ทำไมมันยิ่งงแก่ยิ่งขี้บ่นงี้ฟระ!
“โธ่ คาโล” เฟรินเดินเข้าไปเกาะแขนสามี “ถือว่าวันนี้เป็นวันใสๆชิวๆละกันนะ อย่าเคร่งให้มากนักเลย”
ชาร์แอบพยักหน้าเห็นด้วยในใจเต็มที่
ต่อจากนั้นท่านพ่อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่นานทุกคนลงจากเกวียนเรียบร้อย
“ตามที่ตกลงกันไว้ พวกลูกจะมีองครักษ์ตามไปด้วยคนละหนึ่งคน อยากได้อะไรก็ซื้อ แล้วเราจะมาเจอกันตอนสี่โมงเย็นตรงที่ที่เราตกลงกันไว้ อย่ามาสายล่ะ เข้าใจไหม” คาโลทวนอีกครั้ง
“โอเคครับ ท่านพ่อ” ชาร์เป็นต้นเสียงขานรับทันที เพราะใจเจ้าตัวโลดเล่นไปในตลาดเรียบร้อยแล้ว อยากจะวิ่งไปเสียเดี๋ยวนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปได้”
“เย้! ไปกันเถอะเคย์” ชาร์เตรียมออกสตาร์ทวิ่ง หากแต่ข้อมือกลับถูกมือหนาใหญ่คว้าไว้เสียก่อน
คนถูกรั้งไว้หันกลับมาทำหน้างง “ฮะ? ท่านพ่อ มีอะไรหรอครับ”
“นั่นลูกจะไปไหน” คาโลถามลูกชาย
“อ้อ ผมจะไปร้านขายของเล่นอันดับแรกฮะ” หลังจากนั้นก็ไปนั่งเหล่สาวๆในคาบาเร่
“อืม ได้ หลังจากนั้นค่อยไปนั่งร้านไอศกรีมกับพ่อแล้วกัน”
“เอ๋?”
ไม่นะ อย่าบอกนะว่าท่านพ่อจะ…
“ท่านพ่อจะไปกับผมด้วยหรอฮะ”
คาโลพยักหน้า “ใช่”
โอ้ว! ไม่!! มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว
ชาร์กรีดร้องในใจ ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ แต่คนเป็นพ่อก็ไม่ได้สนใจเลย
“ไปกันเถอะ พ่อจะพาลูกไปร้านของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในเมือง” คาโลจับมือลูกชายแล้วออกเดินนำ
ไม่เอาแบบนี้ฮ้า ครั้งนี้ผมอยากไปลัลลากับเคย์
ชาร์เหลียวหลังหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากมารดา ที่กุมขมับปวดหัว
คาโลนะ คาโล ไอ้เราก็แล้วว่ามันต้องมาไม้นี้ ไม่ได้สนเลยว่าลูกไม่อยากไปด้วย นี่มันไม่คิดจะปล่อยชาร์ให้คลาดสายตาเลยใช่ไหมเนี่ย เป็นแบบนี้ทุกที
แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดจากลูกชายตัวแสบมันหักหลังเธอดังเปาะ ก็คิดจะทำใจแข็งไม่ช่วย แต่แล้วก็นึกสงสารเมื่อเห็นนัยน์ตาสีฟ้าใสแป๋วที่มองมาที่เธออย่างมีความหวัง
“เดี๋ยว เดี๋ยว” เฟรินปราดเข้าไปเกาะแขนสามีอีกข้าง “นายทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ”
“อะไรไม่ถูก”
“ก็” ร่างบางเบียดตัวแนบชิดสามี แล้วช้อนดวงตากลมโตขึ้นจ้องดวงตาสีฟ้า “นานๆทีฉันอยากไปเที่ยวกับนายสองต่อสองบ้าง”
พอได้จังหวะเหมาะที่มารดามอบให้ ชาร์ก็ไม่รอช้ารีบพูด “หรอฮะ งั้นผมก็ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอท่านพ่อท่านแม่หรอกนะครับ”
“ก้างขวางคออะไร” คนเป็นพ่อขมวดคิ้วแย้งเสียงแข็ง “เราก็ไปด้วยกันแบบทุกที”
ก็นั่นแหละปัญหา
“ใช่สิ” เฟรินทิ้งแขนสามี หันหลังให้แล้วกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า “ฉันมันไม่สำคัญแล้วใช่ไหมล่ะ นายถึงไม่คิดอยากให้เวลาฉันสองต่อสองบ้าง”
“ท่านแม่ครับ ผมขอโทษนะฮะ ผมไม่ไปเป็นก้างขวางคอก็ได้ครับ” ชาร์ค่อยๆแกะมือบิดา “ท่านพ่อฮะ ไปกับท่านแม่เถอะฮะ ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะฮะ” พอมือบิดาหลุดก็ออกวิ่ง “เที่ยวกันให้สนุกนะฮะ ท่านพ่อท่านแม่”
ใช่ๆ พอได้จังหวะเหมาะต้องรีบเผ่น ก่อนที่จะไม่ได้เผ่น
“ชาร์! ชาร์!” เสียงใหญ่ทุ้มตะโกน เจ้าของเสียงทำท่าจะตามวิ่งตาม แต่ท่อนแขนก็ถูกร่างเรียวเล็กยึดไว้ก่อน
“คาโล” ดวงหน้าหวานซบต้นแขนแข็งแกร่ง “ดีจัง จะได้ไปเที่ยวกันสองคน”
นัยน์ตาสีฟ้ามองภรรยาสลับกับมองแผ่นหลังไวๆของลูกชาย ก่อนถอนหายใจเล็กน้อย แล้วออกคำสั่ง “เทรเซอร์ ทอมสัน รีบตามชาร์ไปเร็ว”
“ขอรับ” องครักษ์อันดับหนึ่งและอันดับสองแห่งคาโนวาลออกวิ่งด้วยความรวดเร็ว ไม่นานก็วิ่งทันเป้าหมาย
คาโลมองตามด้วยความเป็นห่วง แต่พอเห็นองค์รักษ์ทั้งสองตามไปทันแล้วก็ค่อยเบาใจ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า มีทั้งเทรเซอร์ ทอมสัน แล้วก็เคย์อีกนะ” เฟรินปลอบ แล้วฉีกยิ้มหวาน “เราก็ไปกันเถอะนะ คาโล”
คนโดนดึงมือยังยื้อยุดไม่ยอมไป นัยน์ตาสีฟ้ามองแผ่นหลังของลูกชายที่วิ่งออกไปไกลแล้วสักพัก ก่อนตัดใจ “อืม ไปกันเถอะ”
ทำไมกันนะ เขารู้สึกใจไม่ดีเลย...
เด็กชายร่างเพรียวค่อยๆชะลอฝีเท้าลงเมื่อวิ่งมาใกล้ถึงถนนค้าขายสายหลัก และก็หยุดฝีเท้าแล้วหันหลังไปหาชายร่างบึกบึนเช่นชายชาตินักรบที่ตามมาติดๆสองคน
“เทรเซอร์ ทอมสัน” ชาร์เรียกองค์รักษ์คนสนิทของท่านพ่อทั้งสอง
“ขอรับ นายน้อย”
“เราต้องมาทำความตกลงกันก่อน ข้อหนึ่ง” ชาร์ชูนิ้วชี้หนึ่งนิ้ว “พวกนายต้องอยู่ห่างจากฉันยี่สิบก้าวเป็นอย่างต่ำ ไม่ใช่เดินตามหลังฉันติดๆแบบนี้ ไหน ปฏิบัติให้ฉันดูซิ”
“ขอรับ” องค์รักษ์ทั้งสองขานรับและถอยหลังไปยี่สิบก้าวตามคำสั่งนายเหนือหัวทันที หากแต่แต่ละก้าวนั้นกลับเป็นก้าวที่เล็กเหลือเกิน
“ไม่ใช่ๆ” ชาร์ส่ายหัวอย่างชักจะหงุดหงิด พวกนี้กำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่เนี่ย ไม่คิดจะให้เขาเป็นอิสระบ้างเลยรึไงนะ “ก้าวใหญ่ๆ เข้าใจไหม หรือต้องให้ฉันสาธิตให้ดูกัน”
องค์รักษ์ทั้งสองหันมามองหน้ากัน ลังเลเล็กน้อย ก่อนรับคำสั่ง “ขอรับ” และปฏิบัติตามใจเจ้านายอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“นั่นแหละ ดีมาก เอาระยะเท่านี้แหละ” เจ้าชายคนสำคัญพยักหน้าพึงพอใจ แล้วเดินเข้าใกล้องค์รักษ์ที่บิดาส่งมาเพื่อออกคำสั่งที่สอง “ข้อสอง ไม่ว่าฉันกับเคย์จะไปที่ไหน พวกนายต้องทำเป็นมองไม่เห็นและไม่เอาเรื่องนี้ไปรายงานท่านพ่อเข้าใจไหม”
เป็นอีกครั้งที่ยอดองค์รักษ์ทั้งสองจำต้องรับคำสั่งอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“ข้อที่สาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันฉัน ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือมีนักฆ่าบุก หรือมีคนจะมาทำร้ายฉัน พวกนายต้องห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาด เข้าใจไหม”
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่คนเป็นบ่าวจำต้องรับคำสั่งอย่างขัดไม่ได้
ชาร์ยิ้มน้อยๆ “ดีมาก เราตกลงกันแล้วนะ ถ้าพวกนายทำผิดคำสั่ง ฉันจะหนีตะเหลิด อย่าคิดว่ายังไงก็ตามฉันทันล่ะ ไม่ทันแน่นอน ฉันไม่ได้ขู่ด้วย ถ้าพวกนายไม่เชื่อ ให้ฉันทำให้ดูตอนนี้เลยก็ได้” จบประโยค เจ้าตัวก็ทำท่าจะสตาร์ทออกวิ่ง จนองค์รักษ์ทั้งสองร้องห้ามแทบไม่ทัน
“อย่าพะย่ะค่ะ!!” เทรเซอร์กับทอมสันหน้าซีดรีบห้าม จึงหลุดใช้คำลงท้ายอย่างที่เคยชิน “พวกกระผมจะทำตามที่นายน้อยสั่งขอรับ”
“ก็ดี” ชาร์พูดเหมือนไม่ใส่ใจ ก่อนหันหาเพื่อนสนิทแล้วยักคิ้วให้ “ไปกันเถอะเพื่อนยาก”
“เออ” เคย์ที่ยืนล้วงกระเป๋าพิงกำแพงรออยู่กล่าว “ฉันรอคำนี้นานละ”
เสียงจอกแจกจอแจของผู้คนในตัวเมืองที่เดินขวักไขว่ไปมา ทำให้คนไม่ค่อยได้ออกข้างนอกแบบเจ้าชายชาร์ วาเนบลีดูตื่นตาตื่นใจมาก “คนเยอะจัง”
“มันก็เยอะแบบนี้เป็นปกติน่ะแหละ แต่วันนี้ดูเยอะกว่าปกตินะ” เคย์ที่ยืนอยู่ข้างๆกล่าว
“หรอ” ชาร์ลากเสียงยาวพลางหันหน้ามองซ้ายมองขวา
“น่าเสียดายจังเนอะ ที่เอลลิสไม่ได้มาด้วย” เคย์กล่าวถึงเพื่อนสาว “ไม่งั้นก็ครบก๊วนพอดี”
“นายยังนับยัยเอลลิสอยู่ในแก๊งเดียวกับเราอีกหรอ” ชาร์ถาม
“ง่ะ” เคย์เลิกคิ้ว “ไหนนายบอกว่าเลิกเคืองหล่อนแล้วไง”
เมื่อหลายวันก่อนชาร์มันไปเคลียร์กับเอลลิสเรื่องที่มันเคืองหล่อน เรื่องที่ว่าก็คือ เรื่องที่เอลลิสอยู่ๆก็หายหน้าหายตาไปตั้งเจ็ดปีโดยไม่ได้ติดต่ออะไรมาเลย แล้วมันก็บอกว่าเคลียร์กันได้แล้ว
“มันคนละเรื่องกัน” ชาร์กล่าว “นายอย่าพึ่งพูดถึงหล่อนเลย ครั้งนี้ชวนก็ไม่มาด้วยกันเองไม่ใช่หรอ บอกว่าอะไรนะ? เที่ยวคาโนวาลจนเบื่อแล้ว อยากไปเร่ร่อนกับน้าครี้ดต่อ หล่อนพูดอย่างนี้เองนะ ฉันก็ชวนแล้ว ช่วยไม่ได้”
“เออๆ” เคย์เปิดปากหาววอด “แล้วนี่จะไปไหนก่อน”
“เฮ้ เคย์” ชาร์สะกิดแขนเพื่อนสนิท แล้วชี้ไปยังกลางถนนที่คนเริ่มเดินเข้าไปมุงดูอะไรบางอย่าง “นั่นเขามุงอะไรกันน่ะ”
“ไหนๆ” นัยน์ตาสีม่วงมองตาม “นั่นสิ แต่...”
“”ไปดูกันเถอะ!” หากพูดยังไม่ทันจบ เจ้าชายที่ไม่ค่อยได้ออกมาดูโลกภายนอกก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน พร้อมคว้าแขนเพื่อนสนิทออกวิ่ง
“เฮ้ ฉันว่านายอย่าไปที่ที่คนเยอะๆเลยนะ มันอันตราย” เคย์ค้าน เพราะที่ที่คนเบียดเสียดจะเสียงต่อการถูกลอบทำร้ายได้ง่าย เช่นเดียวกับที่ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านก็จะเสียงต่อการถูกซุ่มทำร้าย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” ชาร์แยกเขี้ยวยิ้ม พวกเขามุงอะไรกันนะ น่าสนุกจัง
พอมาถึง คนที่มุงกันเยอะทำให้มองไม่เห็นว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น เด็กชายที่พึ่งแตกเนื้อหนุ่มตัวยังสูงไม่มากพยายามเขย่งเท้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น “มองไม่เห็นเลยอ่ะ”
“ฉันว่าอย่าเสียเวลาเลยน่า ไปร้านของเล่นที่นายอยากไปดีกว่า” เคย์ที่ยืนข้างๆเสนอ ขณะที่นัยน์ตาสีม่วงก็มองซ้ายมองขวาระแวดระวังเพื่อรักษาความปลอดภัยเพื่อนสนิทที่ดูไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเลยสักนิดเดียว
ชาร์เม้มปากอย่างขัดใจ ก่อนตัดสินใจลัดเลาะตัวเองเข้าไปในฝูงชน “ขอโทษนะครับ ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”
“เฮ่ เฮ่” เคย์ร้องเรียกเมื่อเห็นเพื่อนสนิทกำลังแทรกเข้าไปในกลุ่มคน
ด้วยความรวดเร็ว เทรเซอร์ก็ปราดเข้ามาคว้ามือของผู้เป็นนายคนสำคัญ “ขออภัยขอรับนายน้อย”
คนโดนรั้งไว้หันกลับมามอง แล้วขมวดคิ้วไม่พอใจ “ฉันบอกแล้วไงว่ายี่สิบก้าว” หากคนเป็นองครักษ์ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ จนชาร์หน้าบึ้งหนัก
โวยยยยยยย นานๆทีก็ขอมีอิสระกับเขาบ้างไม่ได้หรอ
กล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยม นัยน์ตาสีฟ้าแข็งกร้าว บ่งบอกว่าพูดจริงทำจริงแน่ “ถ้านายขัดคำสั่งฉันอีกครั้ง ฉันจะหนีจริงๆด้วย”
เมื่อไม่มีทางเลือก เทรเซอร์ก็จำต้องโค้งศรีษะให้น้อยๆ ก่อนปล่อยมือผู้เป็นนาย แล้วถอยหลังออกไป แต่ระหว่างนั้นก็แอบกระซิบเสียงเบากับนายนักฆ่าสหายสนิทเจ้านาย “ฝากด้วยขอรับท่านเคย์”
เคย์พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนรีบลัดเลาะตามเพื่อนสนิทเข้าไปในฝูงชน
“โอ๊ย! โอ๊ย! พอเถอะครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ โอ๊ย!” เสียงเล็กๆของเด็กผู้ชายร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
ภาพที่เจ้าชายชาร์ วาเนบลีแห่งคาโนวาลเห็นก็คือเด็กผู้ชายวัยประมาณเจ็ดแปดขวบขดตัวงออยู่บนพื้นและกำลังถูกชายร่างใหญ่ใช้กำลังทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ ท่ามกลางเสียงประนามของผู้คนที่มุงดูโดยรอบแต่ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงอันดังของชาร์ทำให้ชายร่างกำยำหยุดชะงัก ก่อนหันมาหาเจ้าของน้ำเสียงที่อวดดีกล้ามาแหย่หนวดเสือ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของชายร่างใหญ่กวาดตามองเจ้าของเสียงตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมได้ แต่จากรูปร่างและความสูงก็ทำให้เดาได้ว่า เจ้าของเสียงอวดดีเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มเท่านั้น
“แกมีปัญหาอะไรวะ ไอ้หนู” บุรุษร่างยักษ์ยืนกร่าง ถลกแขนเสื้อขึ้น “แกคิดจะมายุ่งเรื่องของข้างั้นหรือ”
“ฉันก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก ถ้าแกไม่ใช้กำลังรังแกคนอ่อนแอกว่า”
“อ้อ ไอ้หนู ปากเก่งนัก แกคงอยากโดนแทนมันงั้นสิ” ว่าแล้วชายร่างยักษ์ก็พุ่งตัวเข้าหาชาร์อย่างรวดเร็วพร้อมเงื้อหมัด “ย๊าก!!!”
หากแต่ยังไม่ทันถึงตัวชาร์ ร่างของทายาทนักฆ่าก็ปราดมาขวางหน้าไว้จับกำปั้นนั้นไขว้หลังอย่างชำนาญและรวดเร็ว
“แกกกกก!!” ชายร่างใหญ่คำรามลอดไรฟัน พร้อมขัดขืนอย่างไม่ยอมจำนน มืดสั้นคมกริบจึงถูกชักออกมาวางพาดไว้ที่คอ
“ถ้ายังไม่อยากกลายเป็นศพก็อยู่นิ่งๆซะ” เคย์ขู่ด้วยน้ำเสียงเลือดเย็น
หากแต่ชายนักเลงก็ยังคงไม่ยอมแพ้ให้เสียศักดิ์ศรี เสียงคำรามจึงตามมา “พวกแก มันวอนตายซะแล้ว แกคงไม่รู้ว่ากำลงเล่นกับใครอยู่ใช่ไหม”
ใครกันแน่ที่ไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับใครอยู่...
เคย์คิด ก่อนกดมีดแนบกับลำคอมากขึ้นจนมีเลือดไหลออกมาซิบๆ
ผับ!
เสียงปิดหนังสือแรงๆ ก่อนตามด้วยเสียงเรียบๆของเด็กหนุ่มหน้าตาดีผมสีทองตาสีน้ำเงินเข้มเยี่ยงบุรุษคาโนวาลแท้ที่เดินเข้ามาใกล้ “พอได้แล้วเจมส์”
“นายน้อย แต่ว่า...”
“กลับกันได้แล้ว” เด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับชาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและเย็นชา พร้อมหันหลังเตรียมเดินจากไป
เมื่อคนเป็นนายสั่งแบบนั้นบ่าวก็จำต้องทำตาม “ปล่อยสิวะ! ข้าจะไปแล้ว”
ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเลิกรา เคย์จึงยอมปล่อยมือและเก็บอาวุธแต่โดยดี เพราะเขาเองก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เดี๋ยวโอกาสหายากแบบวันนี้จะหมดสนุกกันพอดี
หากแต่เจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลที่ยังคงมีอารมร์คุกรุ่นมีหรือจะยอม “เดี๋ยวสิ”
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มผมทองทำเป็นไม่ได้ยิน ชาร์จึงคว้าดาบของเคย์ที่เคย์สะพายไว้ด้านหลังแล้วเหวี่ยงไปปักลงบนพื้นถนนขวางหน้าเด็กชายผมทองอย่างแม่นยำ
เฮ้ยๆ นั่นมันดาบฉัน…
ทายาทนักฆ่ารุ่นเยาว์มองตามดาบตัวเอง
ฉึก!
นั่นทำให้ฝีเท้าของเด็กชายเจ้าของเรือนผมสีทองหยุดชะงัก
“แกมันบังอาจนัก!” ชายร่างยักษ์คนเดิมทำท่าจะพุ่งมาหาชาร์อีกรอบ แต่ทว่าเสียงเรียบๆกลับห้ามไว้
“เจมส์ อยู่เฉยๆ”
คนถูกห้ามคำรามลอดไรฟันอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องก้มหัวรับคำสั่ง “ขอรับ”
เจ้าของเรือนผมสีทองเอื้อมมือดึงดาบที่ปักอยู่ตรงหน้าขึ้นจากพื้น “ทำแบบนี้ มันอันตรายนะ” กล่าวเสียงเรียบก่อนหันกลับมาแล้วโยนดาบในมือลงไปปักที่พื้นตรงหน้าชาร์บ้าง “นาย... มีอะไรอยากพูดกับฉันงั้นเหรอ” คิ้วสีทองบนใบหน้านิ่งเฉยไร้อารมรณ์เลิกเป็นคำถาม
“มีสิ มีแน่ ทำร้ายร่างกายคนอื่นแล้วจะจากไปง่ายๆแบบนี้ได้ไง” ชาร์กล่าวอย่างเดือดดาลที่คนตรงหน้ายังทำตัวไร้อารมณ์ไม่รู้ไม่ชี้กับการกระทำของลูกน้องตัวเอง
“มันเป็นบทเรียนราคาแพงที่เด็กคนนั้นต้องจ่าย”
“บทเรียน....งั้นหรอ?” ชาร์ทวน
“โทษฐานทำให้เสื้อของลูกน้องฉันเปรอะเปื้อนไงล่ะ” ริมฝีปากกระตุกนิ้มน้อยๆ “จริงๆแล้ว‘มัน’ควรจะขอบคุณลูกน้องฉันนะ ที่เสียเวลาสั่งสอนให้หลาบจำ ซ้ำยังไม่คิดค่าเสียหายสักคราวน์”
“แค่ทำเสื้อเปื้อน... แค่นี้ ถึงขั้นต้องซ้อมกันขนาดนี้เชียวหรอ” ชาร์ยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห
ซ้อมเด็กไม่มีทางสู้จนลุกไม่ขึ้นแบบนี้ จิตใจคนพวกนั้นทำด้วยอะไร
“ฉันไม่เอาเรื่องก็เป็นบุญของเด็กคนนั้นแล้ว” เด็กชายผมทองกล่าว “ไปกันเถอะ เจมส์ ฉันไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้” ก่อนออกเดิน
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยว! พวกแกจะไปไหน” ชาร์ร้องตะโกนทำท่าจะกระโจนเข้าไปหา หากแต่เคย์เกาะรั้งไว้
“ชาร์ ใจเย็นโว้ย ใจเย็น”
“เคย์ ปล่อยฉันนะ นายจะปล่อยคนพวกนั้นไปง่ายๆได้ไง”
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหลายๆคู่ก็ดังให้ได้ยินชัดเจน ก่อนตามมาด้วยเสียง “หลบไป หลบๆ หลบไป นี่เจ้าหน้าที่” กลุ่มคนที่ยืนมุงอยู่แหวกเป็นทางให้เจ้าหน้าที่รักษาความสงบกองหนึ่งเข้ามากลางวง
“คุมตัวไปให้หมด” น้ำเสียงทุ้มดุดันของหัวหน้ากองออกคำสั่งกับลูกน้อง
“ขอรับ!!”
“เอาแล้วไง ทีนี้จะทำไงล่ะ” เคย์ถามเพื่อนซี้ที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว นี่พวกเขาจะต้องเสียเวลาไปกองปราบก่อนใช่ไหม
เจ้าหน้าที่สามคนตรงมาทำท่าจะเข้ามาหิ้วปีกชาร์และเคย์ หากแต่เคย์เอาตัวขวางหน้าชาร์ไว้ ก่อนตัดสินใจ “เอาเถอะ ฉันจัดการเอง” เคย์หยิบตราสัญลักษณ์บางอย่างขึ้นมาโชว์...
มันคือตราสัญลักษณ์ท่านชายแห่งราชวงศ์ธีน็อต
เห็นแบบนี้เขาเองก็มีศักดิ์เป็นถึงท่านชายล่ะนะ เพราะท่านแม่ของเขาเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งคาโนวาล นานๆทีก็ขอเบ่งกันบ้างแล้วกัน
นายทหารหยุดฝีเท้า ก่อนโค้งศรีษะให้เคย์เล็กน้อย
เช่นเดียวกับสถานการณ์อีกฝ่ายหนึ่ง นายทหารอีกกลุ่มที่ทำท่าจะเข้าไปหิ้วปีกเด็กชายผมสีทองกับลูกน้องก็หยุดชะงักเท้า แถมยังคุกเข่าทำความเคารพ
ทหารถึงกับคุกเข่า...
หมอนั่น... เป็นใครกันแน่
นัยน์ตาสีฟ้าใสมองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์
ไม่แค่นั้น นายทหารที่เป็นหัวหน้ายังรีบวิ่งหรี่เข้าไปหาเด็กคนนั้น
“ชาร์ ตรานั่น...” เสียงจากเคย์
“ตราไหน” ชาร์ถาม
“ตราที่เด็กคนนั้นเอาให้ทหารดูเมื่อกี้น่ะ” นัยน์ตาสีม่วงหันมาสบกับนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างใส “คล้ายของนายเลย”
“เอ๋?” คำพูดของเคย์ทำให้ชาร์แปลกใจ
ตราที่คล้ายของเขา...งั้นหรอ
ตราที่เคย์หมายถึงคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากตราประจำตำแหน่งเจ้าชายแห่งคาโนวาล ซึ่งเป็นตรารูปโล่สีดำขลิบทอง สลัก ลวดลายสวยงาม รวมทั้งชื่อและตำแหน่งของเจ้าของ จุดเด่นของตราประจำพระองค์ของเจ้าชายก็คือ ลวดลายดาบคู่ประสานสีทองเหมือนลายของธงประจำชาติที่มีพลอยสีน้ำเงินฝังอยู่ตรงกลาง
“ฉันนึกออกแล้ว หมอนั่นคือ...” ชาร์คิดอะไรออก ก่อนกระซิบข้างหูเคย์เสียงเบา “ปริ๊นเอ็ดวาร์ด เร็กซิส ที่ท่านพ่อพูดถึงบ่อยๆไงล่ะ”
“อ้อ” คนฟังถึงบางอ้อ มิน่าล่ะ เขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหน ที่แท้ก็น่าจะเคยเห็นในงานเลี้ยงซักงานที่จัดขึ้นในวังคาโนวาล
เจ้าชายเอ็ดวาร์ด เร็กซิส แห่งคาโนวาล เป็นเจ้าชายแห่งคาโนวาลเพียงองค์เดียวที่อายุเท่ากับชาร์ แถมว่ากันว่ายังเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งชิงบัลลังค์คนสำคัญในอนาคตของชาร์เลยก็ว่าได้
นายทหารผู้เป็นหัวหน้าโค้งให้ปริ๊นเอ็ดวาร์ดหลังจากฟังอะไรบางอย่าง ก่อนออกคำสั่งกับลูกน้อง “เอ้า! เอ้า! พาตัวเด็กนั่นไปที่กรมเดี๋ยวนี้เลย”
“โอ๊ย!” เด็กชายที่ถูกซ้อมจนไร้เรี่ยวแรงถูกนายทหารสองคนกระชากขึ้นมาจากพื้น ส่วนเจ้าชายแห่งเร็กซิสหันหลังกำลังจะเดินจากไป
เลวร้าย ทำไมถึงได้เลวร้ายได้ถึงขนาดนี้นะ...
คิดว่าเป็นเจ้าชายแล้วจะรังแกใครก็ได้อย่างนั้นหรอ?
ไอเย็นเริ่มแผ่ออกจากร่างทายาทของคิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาล จนเพื่อนสนิทที่อยู่ใกล้สะดุ้งเล็กน้อย
เอาล่ะสิ ชาร์โกรธจัด
เคย์รู้ได้เลยว่าเพื่อนสนิทตอนนี้กำลังโกรธมากๆ เพราะแม้ลุงคาโลจะชอบปล่อยไอเย็นเป็นประจำ แต่ชาร์ที่เป็นลูกชายผู้สืบสายเลือดมาเต็มๆกลับไม่เป็นแบบนั้น เขาจะได้เห็นชาร์ปล่อยไอเย็นก็แค่ตอนที่มันโกรธมากๆเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะได้โกรธใครจริงๆจังๆเท่าไหร่
“ชาร์ อย่าลืมซะล่ะว่าเรามาเที่ยวกันแบบลับๆ” เคย์เตือนเพื่อนสนิท หากทว่าคนถูกเตือนคงไม่สนใจคำเตือนของเขาแล้วตอนนี้
พรึ่บๆๆๆ
น้ำแข็งลามจากเท้าของชาร์ไปตามพื้นจนถึงเลยตำแหน่งที่ปริ๊นเอ็ดวาร์ดและลูกน้องอยู่ ก่อนก่อตัวเป็นกำแพงขวางหน้าไว้
เอ็ดวาร์ดชะงักเท้า
น้ำแข็ง?
“ตำแหน่งของนายมีไว้รังแกคนอ่อนแอกว่าอย่างนั้นหรือ”
เด็กในผ้าคลุมคนนั้นรู้ว่าเขาเป็นใคร...
หรือว่า...
เอ็ดวาร์ดหันตัวกลับมา เมื่อค่อนข้างมั่นใจว่าเด็กผู้ชายในผ้าคลุมนั้นเป็นใคร
“อารักขาท่านเอ็ดวาร์ด” เสียงหัวหน้านายกองสั่งลูกน้อง เมื่อเมื่อสักครู่เกิดเหตุการณ์ที่เกือบทำร้ายคนที่เป็นถึงเจ้าชาย “แล้วจับสองคนนั้นด้วย” มือหนาใหญ่ชี้มาตรงที่ชาร์และเคย์
กลายเป็นเรื่องวุ่นวายไปซะแล้ว
เคย์คิดอย่างชักเซง แล้วนี่เขาจะได้เที่ยวไหมเนี่ย
แต่นายทหารสามคนที่อยู่ใกล้เคย์มากที่สุดกลับมีท่าทางลำบากใจ จะให้พวกเขาจับตัวท่านชายได้อย่างไรล่ะ
“แน่ะ มัวยืนเซ่ออะไรอยู่ จับตัวสองคนนั้นไปที่กรม” หัวหน้ากองผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวสั่งอีกครั้งเมื่อเห็นลูกน้องทั้งสามยังยืนเฉย หัวหน้ากองเริ่มหัวเสียที่ลูกน้องไม่ทำตาม ประกอบกับความที่อยากเอาหน้ากับเจ้าชายแห่งเร็กซิส “วะ พวกเจ้านี่มันไม่ได้เรื่อง ข้าจัดการเอง” ว่าแล้วก็เดินเข้ามาหาชาร์กับเคย์
ทันทีที่มาใกล้เคย์ก็แสดงตราประจำตำแหน่งที่อยู่ในมือให้ดู ทำเอาหัวหน้ากองถึงกับผงะ แล้วโค้งให้เคย์ตามมารยาท
เวรล่ะสิ ฝ่ายนั้นก็เจ้าชาย ทางนี้ก็เป็นท่านชาย...
หัวหน้ากองถึงกับเหงื่อตก
แต่อย่างไรเสียตำแหน่งเจ้าชายแห่งคาโนวาลใหญ่กว่าตำแหน่งท่านชายล่ะน่า การทำให้เจ้าชายกริ้วเป็นเรื่องไม่น่าทำ
เมื่อคิดคำนวณผลได้ผลเสียแล้ว หัวหน้ากองก็กล่าว “ต้องขออภัยขอรับท่านชาย แต่อย่างไรเสียกระผมก็ต้องขอเสียมารยาทเชิญท่านและเอ่อ...” หัวหน้ากองเหลือบมองคนในผ้าคลุมที่ยืนอยู่ด้านหลังเคย์เล็กน้อย เห็นว่ามีลักษณะส่วนสูงไล่เลี่ยกัน จึงเดาว่า “และสหายไปที่กองปราบสักครู่หนึ่ง”
“งั้นหรอ ข้อหาอะไรล่ะ? ข้อหาเกือบทำร้ายฝ่ายนั้นงั้นหรอ” เคย์กล่าว “ถ้าอย่างนั้นท่านก็ต้องเชิญฝ่ายนั้นไปด้วยกันนะ เพราะเมื่อกี้คนตัวใหญ่นั่นก็ทำร้ายร่างกายเด็กคนนั้นเหมือนกัน” เคย์ชี้ไปที่เด็กผู้น่าสงสารที่โดนทหารหิ้วปีกอยู่
พอได้ยินอย่างนั้นหัวหน้ากองก็อ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไร
ทหารยศเล็กๆแบบเขาจะไปกล้าเชิญเจ้าชายไปสอบสวนได้ยังไง
“ถ้าท่านไม่กล้าพาคุณชายคนนั้นไป อย่างน้อยท่านก็ควรพาลูกน้องตัวใหญ่นั่นไปนะ” เคย์กล่าวเสริม
“อ...เอ่อ” หัวหน้ากองพูดไม่ออก จะไปเล่นกับลูกน้องที่อารักขาเจ้าชายเขาก็ไม่กล้าอีกนั่นแหละ
ชาร์เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นกับความอยุติธรรมตรงหน้า ที่เคย์กล่าวตอนหลังนั้นถูกต้อง จริงที่ลูกน้องที่ชื่อเจมส์นั่นเป็นคนซ้อมเด็ก อย่างน้อยก็ต้องพาเจมส์ไปสอบสวนที่กองปราบ แต่นี่อะไรกัน แม้กระทั่งลูกน้องของฝ่ายนั้นก็ไม่กล้าเอาผิดงั้นหรือ
“นี่ ฉันจะบอกอะไรให้เอาไหม” เคย์กล่าว ก่อนยื่นหน้าไปกระซิบ “เห็นฉันแบบนี้เนี่ย ฉันเป็นถึงพระสหายสนิทของเจ้าชายชาร์ วาเนบลี แห่งคาโนวาลเชียวนะ ปริ๊นชาร์น่ะ เกลียดความอยุติธรรมที่สุด ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกปริ๊นชาร์ ท่านคงรู้นะ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...”
ปะ...ปะ...ปริ๊น ชาร์ วาเนบลี งั้นเหรอ!?
พระโอรสที่คิงคาโลโปรดปรานที่สุด
คนคนนี้เป็นถึงท่านชาย ก็คงจะเป็นจริงที่มีโอกาสเป็นพระสหายสนิทของปริ๊นชาร์
หัวหน้ากองหน้าซีดเหงื่อตกกว่าเดิม
ถ้าเทียบระหว่างปริ๊นเอ็ดวาร์ดแห่งเร็กซิสกับปริ๊นชาร์แห่งวาเนบลีแล้วล่ะก็ ยังไงปริ๊นชาร์ก็มีภาษีดีกว่าหลายเท่าตัว หัวหน้ากองจึงตัดสินใจได้
“ทหารจับตัวผู้ชายคนนั้นไปที่กองปราบด้วย” หัวหน้ากองตะโกนสั่ง มือชี้ไปที่ชายร่างใหญ่ที่ชื่อเจมส์ ทหารจึงกรูกันเข้าไปจับกุม
“เฮ้ย ทำอะไรของพวกแกน่ะ แกไม่รู้หรือว่าข้าเป็นคนของใคร พวกแกมันบังอาจนัก...” เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจมส์ “นายน้อย ช่วยข้าด้วยขอรับ นายน้อย!”
หากคนถูกเรียกให้ช่วยกลับยืนหน้านิ่ง จ้องไปที่เด็กผู้ชายในผ้าคลุมนั้นเขม็ง กล่าวเสียงเย็น “เจมส์ ข้าจะไปรอที่บ้าน”
หัวหน้ากองคงรู้แล้วว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร ท่าทีถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ ถึงกลับกล้ามาจับกุมคนของเจ้าชายอย่างเขา
น่าแค้นใจนัก!
แม้จะเป็นเจ้าชายยศเท่ากันแท้ๆ เพียงแค่เขาไม่ได้เป็นพระโอรสของคิงองค์ปัจจุบันก็ต้อยต่ำกว่าขนาดนี้เชียวหรือ เรื่องที่เกิดขึ้นมันทั้งตอกย้ำและฉีกหน้าเขาจนไม่เหลือชิ้นดี
นิ้วมือของเจ้าชายเอ็ดวาร์ดกำแน่นอย่างคับแค้นใจ แม้ว่าสีหน้าจะยังคงนิ่งเฉยไร้อารมรณ์
“หวังว่าท่านจะให้ความเป็นธรรมกับเด็กคนนั้นนะ” เคย์ย้ำกับหัวหน้ากองปราบเมื่อทหารพาตัวทั้งเด็กและเจมส์ไป
“ขอรับ” หัวหน้ากองโค้งรับคำ
เมื่อเรื่องคลี่คลาย คนที่มุงดูอยู่ก็ทยอยสลายตัว หากแต่เจ้าชายเอ็ดวาร์ดยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“คงจะสมใจท่านแล้วสินะ...” เจ้าชายเอ็ดวาร์ดกล่าว “ปริ๊นชาร์”
หมอนั่นก็รู้แล้วหรือว่าเขาเป็นใคร
“ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ชาร์กล่าว สบตากับอีกฝ่ายตรงๆ “ปริ๊นเอ็ดวาร์ด”
“หึ!” เอ็ดวาร์ดกระตุกยิ้ม
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็ต้องขอตัว” ชาร์อยากจะไปให้พ้นหน้าคนๆนี้ไวๆ ก่อนหันมาพูดกับเคย์ “ไปกันเถอะ เคย์”
“สำหรับเรื่องในวันนี้...” เอ็ดวาร์ดกล่าวเสียงเย็น “ฉันจะไม่มีวันลืมเลย”
“ฉันก็เหมือนกัน” ชาร์ตอบ ก่อนออกเดินจากไป
เมื่อชาร์และเคย์เดินห่างออกมาได้พอสมควร เคย์ก็กล่าวพร้อมกับเลิกคิ้วอวดดี “เป็นไง เห็นฝีมือฉันรึยัง”
“พึ่งเห็นนายเอาตรานั่นออกมาใช้ก็วันนี้แหละ” ชาร์กล่าว
“ก็นะ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือนายร๊อก”
แล้วชาร์ก็ขมวดคิ้วยุ่งๆเมื่อคิดถึงใบหน้าเจ้าชายเอ็ดวาร์ด “ฉันไม่เคยคิดเลยนะ ว่าปริ๊นเอ็ดวาร์ดคนนั้นจะเป็นคนแบบนี้”
“เย็นชา และก็...เลือดเย็น” เคย์กล่าวเสริม “จริงๆฉันก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแหละ ว่าแต่นายเถอะ ไม่เคยได้ยินเลยรึไง”
“ท่านพ่อน่าจะเคยเล่าให้ฟังบ้างแหละ แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจมั้งนะ”
“หา!!” เคย์อุทาน “หมอนั่นเป็นคู่แข่งคนสำคัญของนายในอนาคตนะ อย่างน้อยนายก็น่าจะใส่ใจหน่อยสิ”
“เอาน่า ต่อไปฉันจะใส่ใจเรื่องของหมอนั่นละกัน” ชาร์กล่าว ก่อนเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มอารมณ์ดี “ไปร้านขายของเล่นกันเถอะ เคย์” กล่าวพร้อมกันจับมือเพื่อนซี้แล้วออกวิ่ง
“เออ”
ความคิดเห็น