คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3: ยัยซาดิส x ไอ้หมูอ้วน
ตอนที่3 : ยัยซาดิส x ไอ้หมูอ้วน
เคย์ และชาร์ถูกโยนกลับเข้าห้องขังทันทีที่การไต่สวนเสร็จสิ้น
“พี่ๆ” เสียงของอีกคนที่อยู่ในห้องขังเรียกมือปราบที่พาเคย์และชาร์กลับมาห้องขังไว้
“มีอะไรรึ”
“พี่มือปราบช่วยเช็คดูอีกรอบได้ไหม ว่าจดหมายส่งถึงลุงฉันเรียบร้อยแล้ว” เอลลิสเกาะลูกกรงถาม
“เจ้าน่ะ ถามคำถามนี้ข้ามาสามรอบแล้วนะข้าจำได้” มือปราบคนถูกถามพูดด้วยเสียงออกจะรำคาญนิดๆ “บอกว่าส่งถึงแล้วก็ถึงแล้วสิ”
คนที่ลุงไม่มารับสักที ถอนหายใจเฮือก หันหลังพิงลูกกรง “ลุงบ้า! มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย ฮึ๋ย~~” แล้วขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนหันมาคุยกับเคย์ “แล้วการไต่สวนเป็นไง โดนจ่ายตังเท่าไหร่ล่ะ”
“แย่” เคย์ตอบสั้นๆ “โดนไปเจ็ดหมื่นคราวน์”
“เจ็ดหมื่นคราวน์!” เอลลิสทำตาโต “บ้าไปแล้ว!”
ชาร์สะกิดเสื้อเคย์ แล้วกระซิบถาม “นั่นใครน่ะ”
“อ้อ หมอนั่นชื่อ เอลลิส ฉันพึ่งคุยด้วยเมื่อคืน” เคย์ตอบ
“แต่ก็นะ ดูจากการแต่งตัวของพวกนายคงมีปัญญาจ่ายแหละ” เอลลิสพูด ก่อนหันไปสบตาชาร์ “หวัดดี”
“ทักฉันหรอ” ชาร์ชี้หน้าตัวเอง
“อื้อ ฉันเอลลิส นายล่ะ” เอลลิสแนะนำตัวเอง
“ฉัน ชาร์” ชาร์ตอบ ตามจริงเขาไม่ค่อยชอบคุยกับผู้ชายแปลกหน้า
“นายนี่ดีแฮะ ตื่นมาไม่เห็นเมาค้าง” เอลลิสชวนคุย
“จริง” เคย์เห็นด้วย
นี่เป็นข้อดีของชาร์ คือ ถึงแม้ว่าชาร์จะคออ่อนเหลือทน มันจะไม่เมาค้าง
ซักพักมือปราบก็เอาอาหารมาให้ที่ห้องขัง
เป็นถาดเหล็กมีขนมปังก้อนกลมๆหนึ่งก้อนกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ววางอยู่
“เนี่ยหรอ อาหารของนักโทษ” ชาร์ตาวาว ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “แต่มันน้อยชะมัด แล้วก็ไม่น่ากินอีก” ชาร์เอามือหยิบขนมปัง “ขนมปังบ้าไรเนี่ย ทำไมมันแข็งอย่างกับก้อนกิน”
“จริงด้วย” เคย์หยิบขนมปังขึ้นมาพิจารณาบ้าง
ชาร์กัดขนมปังไปคำนึง แล้วต้องรีบคายออกมา “แหวะ! รสชาติไม่ได้เรื่อง แถมตอนกัดฟันฉันแทบหัก เคย์ นายก็ลองดูบ้างสิ”
เคย์ลองกินบ้าง แล้วก็มีอาการเหมือนกันคือรีบคายออกมา “ห่วยสุดยอดเลยว่ะ”
“นี่ นายสองคนน่ะ” เสียงจากอีกคนในห้องขังเรียก “ถ้าพวกนายไม่กินขนมปังนั่น ขอฉันละกัน” เอลลิสยัดขนมปังคำสุดท้ายเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
เคย์หยิบขนมปังของตัวเองและของเพื่อนส่งไปให้คนที่ขอ
ชาร์มองคนที่กินขนมปังสุดห่วยนี่ลงอย่างอึ้งๆ “นายกินของห่วยๆนี่ลงได้ไง”
“ฉันมันอยู่ง่ายกินง่าย ไม่เรื่องมากเหมือนนายสองคนหรอก” คนอยู่ง่ายกินง่ายดื่มน้ำเอื้อกๆ
“นายว่าฉันเรื่องมากงั้นหรอ” ชาร์กล่าว หมอนี่มันช่างไม่มีมารยาทเอาซะเลย พึ่งรู้จักกันแท้ๆก็มาว่ากันแล้ว
“ใช่ ก็นายเรื่องมากจริงๆหนิ ตินู่นบ่นนั่น” พูดแล้วกัดขนมปังเข้าปาก “ของกินมีให้กินอิ่มก็พอแล้ว”
“มิน่าล่ะ เนื้อตัวถึงสกปรกชะมัด” ชาร์ให้ความเห็นบ้าง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีมารยาทกับเขาก่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องมีให้เหมือนกัน
คนถูกว่าว่าสกปรกหยุดกิน “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันพูดว่า มิน่าล่ะ เนื้อตัวนายถึงสกปรกสุดๆ”
“เฮ้ย ชาร์” เคย์ปราม
“ก็หมอนั่นมันพูดมาก ไม่มีมารยาทด้วย จนฉันไม่อยากจะเสวนาด้วยแล้ว” ชาร์กล่าว
“ฉันก็เหมือนกัน หมั่นไส้ว่ะ” เอลลิสกล่าวด้วยเสียงหนักๆ “เชอะ! เอาขนมปังของนายคืนไป” แล้วเอลลิสก็โยนขนมปังใส่ไอ้คนที่ว่าเขาว่าสกปรก
“นายกล้าโยนของใส่ฉันหรอ” ขนมปังถูกโยนใส่กลางหน้าอกของชาร์
“กล้าสิ ฉันไม่อยากได้ของๆนาย”
“เฮ้ยชาร์ ช่างเถอะน่า” เคย์ห้ามทัพ “เอลลิส นายก็ไม่ต้องมายุงกับพวกเราแล้วกัน ต่างคนต่างอยู่”
“เออ”
ถึงจะต่างคนต่างอยู่ก็เถอะ แต่ทั้งคู่ที่อยู่กันคนละมุมก็เขม่นกันอยู่นั่น
มันจะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย...
เคย์คิด
ชาร์มันก็คงอารมณ์ไม่ปกติเท่าไหร่ เพราะป่านนี้เรื่องคงไปถึงคิงคาโลเรียบร้อย
เฮ้อ... ถ้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ไม่หนีออกมาก็ดีหรอก
เทรเซอร์กลับมารายงานผู้เป็นนายเหนือหัวในเวลาไม่นานว่าเจ้าชายนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
หลังจากฟังรายงาน คาโลค่อยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
ทีนี้ก็เหลือแค่คนที่จะไปรับชาร์กลับ
“ฉัน ฉันไปเอง” เฟรินเสนอตัว “จริงๆก็ต้องเป็นฉันอยู่แล้วสิ ก็ในจดหมายเขาเรียกฉันหนิ”
“นายน่ะ อยู่ที่นี่” คาโลปฏิเสธเสียงเย็น
คำค้านจากสามีที่ตอนนี้เธอรู้ดีว่าเหมือนภูเขาไฟที่ใกล้จะปะทุ ดังนั้น เธอไม่อยากไปกระตุ้นให้มันระเบิดอีกรอบ จึงไม่อยากแย้งอะไร
“ถ้าอย่างนั้น” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น “หนูไปเองฮะ”
คาโลขมวดคิ้วจ้องเขม็งไปที่ลูกสาวคนเล็ก เพราะคำลงท้ายที่ไม่รื่นหู
ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัวจึงรีบแก้ “เอ้ย! ต้องพูดว่าหนูไปเองค่ะ...สินะ” แล้วยิ้มแห้งๆ
“หนูก็ขอไปด้วยคนนะคะ ท่านพ่อ” เสียงหวานของเด็กสาวอีกคนพูดขึ้น
“หนูก็อยากไปด้วยค่ะ”
“หนูก็...”
เสียงหวานที่เสนอตัวดังขึ้นทีละคนจนคาโลพูดขัดขึ้นมาว่า “เอาเป็นว่า อริส ไปกับเทรเซอร์แล้วกัน”
หลังจากที่คาโลออกไปจากห้องนั่งเล่นเพื่อไปพบขุนนางที่มาขอเข้าพบ คนที่เหลือก็พากันออกนอกห้องบ้าง
“อริส แกมานี่” เฟรินตามไปล็อคคอลากลูกสาวคนเล็กไปที่ลับตา
“ท่านแม่มือหนักชะมัด” เด็กสาวคลำคอตัวเองเมื่อคุณแม่คนดีเอามือที่ล็อคคอไว้ออก
“นี่” เฟรินยื่นหน้าเข้าไปใกล้ลูกสาว เหลือบซ้ายแลขวาดูว่าไม่มีใครแล้วค่อยพูดเสียงเบา “แม่มีเรื่องสำคัญจะไหว้วานหน่อย แกต้องทำให้แม่อย่างลับๆ อย่าให้พ่อแกรู้เป็นอันขาด เข้าใจไหม”
คนฟังฟังแล้วงงเต๊ก
ท่านแม่นี่นะมีเรื่องสำคัญกับเขาด้วย?
ไม่น่าเชื่อ
“เรื่องอะไรล่ะฮะ”
“ยังบอกไม่ได้” เฟรินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แกต้องสัญญากับแม่ก่อนว่าจะไม่ปริปากบอกเรื่องนี้กับพ่อแกเป็นอันขาด”
“มันเป็นเรื่องสำคัญ แต่บอกท่านพ่อไม่ได้หรอฮะ” อริสยิ่งฟังยิ่งแปลกใจ
“ใช่สิ ถ้าพ่อแกรู้นะ แม่เสร็จแน่ๆ ถ้าแกไม่อยากมีน้องอีกคนก็ห้ามบอก เข้าใจไหม” เฟรินจับไหล่ลูกสาวทั้งสองข้าง
ตอนนี้เธอจริงจังมาก
“มีน้องหรอ... ก็ดีนิฮะ ผมก็อยากมีน้องอ...” พูดยังไม่ทันจบ เฟรินก็รีบขัด
“ไม่ดี มันไม่ดีอริส ไม่ดีสักนิด แกสงสารแม่เถอะนะ ถือว่าช่วยแม่สักครั้ง” เฟรินจับมือลูกสาวขึ้นมา แล้วเอานิ้วมาเกี้ยวก้อยสัญญากัน “นี่แกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่บอกพ่อ เข้าใจนะ”
ในเมื่อท่านแม่พูดถึงขนาดนี้ คนเป็นลูกก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก
“ดีมากๆ” เฟรินหอมแก้มอริสฟอดใหญ่ ก่อนกระซิบเบา “เรื่องที่จะให้ทำก็คือ แกต้องไปสั่งชาร์ น้องแกว่า ไม่ว่าคาโลจะถามยังไงก็ห้ามบอกว่าแม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่นี้ ทำให้แม่ได้นะ”
“อ๊ะ อ๋อ” อริสถึงบางอ้าง เอากำปั้นทุบมือที่แบอีกข้าง “ทีแท้ท่านแม่ก็เป็นผู้...”
“ชู่ว์!” เฟรินรีบเอาปิดปากลูกสาว “อย่าเสียงดัง เดี๋ยวมีใครได้ยิน” แล้วเฟรินก็กระซิบอีกที “และก็บอกชาร์อีกว่า ถ้างวดนี้มันไม่ปากโป้งโพล่งความลับ งวดหน้าแม่จะช่วยมันอีก”
มือปราบคนเดิม มาเปิดประตูห้องขัง
“พวกเจ้าสองคนตามข้ามา” มือปราบชี้มาที่ชาร์และเคย์
“มาแล้วแน่ๆ” ชาร์กล่าวทำหน้าแหยๆ
“นายว่าใครมา” เคย์ถามขณะเดินตามมือปราบออกจากห้องขัง
“ไม่รู้สิ แต่ขออย่าเป็นท่านพ่อ สาธุเลย”
คำภาวนาของชาร์เป็นจริง ท่านพ่อไม่ได้มา แต่ส่งพี่อริสกับเทรเซอร์มาแทน ทันทีที่อริสเห็นชาร์ เธอก็ตรงดิ่งเข้ามา
“นี่แน่ะ” อริสหยิกต้นแขนน้องชายแรงๆแทนคำทักทาย
“โอ๊ยๆๆๆ พี่ พอ ครับ พอ โอ๊ย” ชาร์ร้อง เมื่อพี่สาวทั้งหยิกทั้งบิด
พออริสปล่อยมือ ชาร์ก็คลำต้นแขนตัวเองป้อยๆ บ่นอุบ “ผมเจ็บนะฮะ พี่”
“สม!” อริสสมน้ำหน้า “นายทำให้ท่านพ่อโมโหมากๆเลยรู้เปล่า”
“จริงง่ะ” พอฟังว่าพ่อโมโหมาก ชาร์ก็หน้าจ๋อย “ท่านพ่อโมโหมากเลยหรอ”
“ใช่” อริสท้าวสะเอว “กลับไปนายโดนแน่” ก่อนหันไปหาเคย์ “นายก็ด้วยเหมือนกัน”
“อึ๋ย!” เคย์เสียวสับหลังวาบๆ “กะแล้วเชียว”
แล้วอริสก็เอื้อมมือไปดึงหูน้องชายมาใกล้
“โอ๊ย! พี่” คนถูกดึงหูร้อง ทำไมพี่อริสมือหนักงี้เนี่ย
“ฟังนะ” อริสกระซิบ “ท่านแม่ฝากบอกมาว่าไม่ว่าท่านพ่อจะถามยังไงก็ ห้ามปากโป้งเรื่องที่ท่านแม่มีส่วนรู้เห็นเด็ดขาด แล้ววันหลังท่านแม่จะช่วยนายหนีเที่ยวอีก”
“ท่านพ่อสงสัยท่านแม่หรอ?” ชาร์กระซิบกลับ ในใจร้องว่า...
ซวย! ซวย!
“น่าจะนะ แม่บังคับพี่ให้มาบอกแค่นี้”
“แต่ถ้าท่านพ่อคาดคั้น ผมจะกล้าไม่บอกได้ไงล่ะฮะ” ชาร์มีสีหน้าหนักใจ
“พี่จะไปรู้ไหมเล่า” อริสกล่าว “ก็อยากซ่าเองทำไมล่ะ”
“โธ่ พี่ฮะ”
“ไปๆ กลับกันได้แล้ว” อริสคว้ามือน้องชายลากเดิน
“พี่ ไม่ต้องลากก็ได้ฮะ” ชาร์โวยวาย “ผมไม่หนีไปไหนหรอกน่า”
“ไม่เอา เดี๋ยวนายทำตัวโอ้เอ้” อริสรู้ทัน
เมื่อกำลังจะพ้นประตู ก็มีชายวัยกลางคนผมยุ่งๆตัวมีกลิ่นเหล้าหึ่งเดินสวนเข้าไป อริสชะงักเท้า
“มีอะไรหรอฮะ” ชาร์ถามเมื่อพี่สาวหยุดเดิน
อริสเหลียวหลังกลับ แล้วตะโกนเรียก “นั่นใช่ลุงครี้ดรึเปล่าฮะ”
คนที่กำลังเดินอยู่ชะงักเท้า แล้วหันกลับตามเสียงเรียก
พอคนที่เรียกหันกลับมา อริสก็จำได้ทันที “ใช่ลุงครี้ดจริงๆด้วย”
ครี้ดทำหน้างง
ใครเรียกวะ?
อริสเดินเข้าไปหา “ผมอริสไงฮะ ลูกท่านแม่เฟริน ลุงครี้ดจำผมได้รึเปล่า”
ครี้ด ธันเดอร์ เบิงตากว้างมองคนตรงหน้าที่มีผมสีน้ำตาลตัดสั้น ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต อยู่ในชุดทะมัดทะแมงแบบเด็กผู้ชาย “ห๊า! นี่หนูอริสเองเหรอ”
“ใช่ฮะ” อริสฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่พบเพื่อนของท่านพ่อท่านแม่ที่สมัยก่อนชอบมาเยี่ยมที่วังบ่อยๆ
“หนูนี่ยิ่งโตยิ่งเหมือนเหมือนแม่เด๊ะ!” ครี้ดยิ้ม
“ลุงครี้ดเองหรอฮะ” ชาร์เดินเข้ามาสมทบ
ครี้ดมองเด็กผู้ชายที่พึ่งเดินเข้ามา ผมสีเงิน ตาสีฟ้าใสกับดวงหน้าคมๆ
“อย่าบอกนะ ว่านี่คือชาร์” นายนักรบตาเดียวทำเสียงประหลาดใจ
“ใช่แล้วฮะ ผมชาร์เองฮะ ไม่ได้เจอลุงนานมาก”
“เฮ้ย! จริงหรอเนี่ย หลานเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้เลย” ครี้ดออกจะอึ้งๆ ชาร์เปลี่ยนไปจากที่เห็นครั้งสุดท้ายเหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือแล้วครี้ดก็สังเกตเห็นเด็กผู้ชายตัวไล่เลี่ยกับชาร์ที่ยืนอยู่เยื้องกับอริส “งั้นนี่ก็เคย์ ลูกไอ้คิลใช่ไหม”
“ถูกเผงเลยฮะ ผมคิดว่าลุงจะจำผมไม่ได้แล้วซะอีก”
“แกก็ยังหัวยุ่งเหมือนเดิม” แล้วครี้ดก็เอื้อมมือไปขยี้ผมดำๆอย่างเอ็นดู
“โธ่ แล้วลุงจะขยี้ให้มันยุ่งกว่าเดิมทำไมเนี่ย” คนถูกขยี้หัวโวย ลุงครี้ดชอบทำแบบนี้กับเขาทุกทีเลย
“ว่าแต่ ลุงครี้ดมาทำอะไรที่นี่ฮะ” อริสถาม
“อ้อ ก็ไอ้เด็กที่ฉันรับเลี้ยงดูมันไปก่อเรื่องจนโดนจับเข้าซังเตน่ะสิ ฉันก็เลยมารับมันนี่ไง” ครี้ดตอบ แล้วถามกลับบ้าง เขาก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าทำไม เจ้าหญิงกับเจ้าชายถึงมาเดินในกองปราบ “แล้วพวกหลานมาทำอะไรที่นี่น่ะ”
อริสเป็นคนตอบคำถามคร่าวๆ ทันทีที่ครี้ดฟังจบ ก็หัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วเข้าไปกอดคอคนก่อเรื่อง “ทำดีมาก ดีๆ เป็นลูกผู้ชายก็ต้องมีเรื่องชกต่อยเรียกน้ำย่อยเป็นประสบการณ์ จะให้มาหงิมๆติ๋มๆอยู่ในวังได้ไง ไม่งั้นไม่แมนหร๊อก”
“แมนไม่แมนไม่รู้ล่ะฮะ ที่รู้ๆคือท่านพ่อโมโหสุดๆ” ชาร์ทำหน้าเบ้ เดาไม่ออกว่าจะโดนท่านพ่อเล่นงานยังไง แต่ที่แน่ๆคือไม่รอดชัวร์
“โอ๊ย! พ่อแกมันก็เป็นงี้ ซีเรียสเกิ๊น” นายนักรบแห่งไนล์ให้ความเห็นอย่างรู้นิสัย “พูดถึงพ่อแกก็คิดถึงมันเหมือนกันแฮะ”
“งั้นลุงครี้ดก็ไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่สิฮะ ไปพร้อมกับพวกเราเลย” ชาร์เสนอ ถ้าท่านพ่อเจอลุงครี้ดเพื่อนเก่าแก่ ท่านพ่ออาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้
“ก็ดีนะ” ครี้ดเห็นด้วย “งั้นพวกหลานรอลุงแป็บนึง ขอไปรับตัวเด็กบ้าออกมาก่อน แล้วเดี๋ยวเราไปด้วยกันเลย”
“ดีฮะ”
ครี้ดเข้าไปติดต่อขอรับตัวเด็กกับมือปราบ โดยมีพวกชาร์รอยู่ห่างๆ
“ลุงครี้ดนี่รับเลี้ยงเด็กด้วยหรอ” เคย์ถามขึ้น
“นั่นสิ ฉันก็แปลกใจ คนอย่างลุงครี้ดเนี่ยนะ” ชาร์กล่าว “ชักอยากเห็นเด็กที่ลุงเลี้ยงซะแล้วสิ”
รอสักพัก มือปราบก็พาตัวเด็กคนหนึ่งออกมา
“ลุง!!!!” เด็กคนดังกล่าวตะโกนทันทีที่เห็นครี้ด “กว่าลุงจะมาได้ ไม่ให้ฉันแก่ตายในคุกไปเลยล่ะ”
“ปัดโธ่! รอนิดรอหน่อยอย่าบ่นไปเลยน่า” ครี้ดทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจสายตาที่ค้อนขวับๆ
“นั่นมัน คนที่ชื่อเอลลิสหนิ” ชาร์พูดกับเคย์
“งั้นแปลว่า ลุงที่หมอนั่นบ่นถึงก็คือลุงครี้ดนี่เอง” เคย์กล่าว
“หือ~” อริสฟังทั้งสองคนคุยกัน เลยอยากแจมบ้าง “นายสองคนรู้จักเด็กคนนั้นด้วยเรอะ”
“ก็ไม่เชิงฮะ แต่เราถูกขังอยู่ห้องเดียวกัน” เคย์ตอบ “ก็เลยคุยกันนิดหน่อย”
“หมอนั่นน่ะพูดนู่นพูดนี่ น่ารำคาญสุดๆ” ชาร์เสริม
“เอ้า” ครี้ดเดินเข้ามาหาพวกชาร์ที่ยืนรออยู่ “เรียบร้อยแล้วพวกเราก็ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวนะลุง” เอลลิสที่เดินตามหลังมารั้งแขนเสื้อครี้ดไว้ “ลุงรู้จักสองคนนี้ด้วยหรอ” เอสลิสพยักเพยิดไปทางเคย์กับชาร์
“รู้จักสิ” ครี้ดตอบ “แกจำไม่ได้รึไง”
เอลลิสทำหน้างง “จำอะไรได้หรอ?”
อย่าว่าแต่เอลลิสเลย ตอนนี้ทั้ง เคย์ ชาร์ และก็อริส ก็ล้วนงงไปตามๆกัน
“อ่าว!” ครี้ดอุทานเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนหน้าทุกคน “ก็นี่เคย์” ครี้ดชี้นิ้วไปหาเด็กผู้ชายผมดำ แล้วชี้ต่อไปยังคนผมน้ำตาลข้างๆ “นี่อริส” ก่อนชี้ไปยังคนที่ยืนอยู่ถัดไป เด็กผู้ชายผมเงินที่เอลลิสนึกเหม็นขี้หน้า “ส่วนนี่ก็ชาร์”
แต่พอเห็นเด็กในสังกัดยังคงงงอยู่ ครี้ดจึงขยายความด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญ “โธ่! ก็ชาร์ไง ชาร์น่ะ ชาร์ที่แกชอบเอาคทาไล่ฟาดเมื่อตอนเด็กๆ”
แค่นั้นแหละ
คนที่เคยเอาคทาไล่ฟาดคนอื่นอ้าปากค้างอึ้งๆ ”ห๊า!!”
ส่วนคนที่เคยโดนคทาไล่ฟาดเบิ่งตาโตเท่าไข่ห่าน “อย่าบอกนะ ว่านายคือ...” ชาร์ยกมือชี้หน้าอีกฝ่าย แทบไม่เชื่อสายตา “ยัยซาดิส!!!!”
“งั้นนายก็คือ...” คนที่ถูกชี้หน้า ยกมือชี้ตอบบ้าง อึ้งไม่แพ้กัน “ไอ้หมูอ้วน!!!!”
“ฮ๊า!” เคย์ร้องบ้าง “นาย เอ้ย เธอ เธอคือเอลลิส ลูกน้าโรเองหรอ”
อริสกระพริบตาปริบๆ มองคนที่อยู่ในชุดทะมัดมะแมงมอมแมมเหมือนเด็กผู้ชาย แต่จริงๆแล้วเป็นเด็กผู้หญิง และที่แท้ก็เป็นลูกของน้าโร น้องเอลลิสที่สมัยก่อนลุงครี้ดชอบพามาเล่นที่วังกับชาร์และเคย์
“อย่ามาเรียกฉันว่าหมูอ้วนนะ” ชาร์ไม่พอใจที่โดนเรียกฉายาเก่า ทั้งคู่ก้าวเท้ามาเผชิญหน้ากัน
“นายก็อย่ามาเรียกฉันยัยซาดิสสิ” เอลลิสก็ไม่พอใจที่โดนกล่าวหา
“ได้ๆ ฉันจะไม่เรียกเธองั้น” ท่านเจ้าชายขอสงบศึก
“โอเค ถ้านายไม่เรียกฉันงั้น ฉันก็จะไม่เรียกนายแบบนี้” เอสลิสตกลง ตาสีเขียวมรกตมองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา แล้วอุทาน “โอ้โห!”
คนถูกมองเลิกคิ้ว
“นายนี่มันเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอ” มิน่าล่ะ เธอถึงจำมันไม่ได้
คำพูดที่คนฟังถือเป็นคำชม ทำให้เจ้าตัวยืดอกภาคภูมิใจ “งั้นหรอ”
“สมัยก่อนนายออกจะอ้วน...”
“อ๊า!!!!” ชาร์ร้องลั่น เอามือปิดหู ทันทีที่ได้ยินคำว่าอ้วนที่เอสลิสระลึกความหลัง “อย่า! อย่าพูดนะ”
พอเอสลิสเห็นอาการร้อนรนเต้นผับๆของคนตรงหน้า นิสัยเดิมก็เริ่มผุด
ท่าจะจริงแฮะ แหย่ใครก็ไม่สนุกเท่าแหย่หมอนี่
สมัยก่อนพอเธอแหย่ หรือเอาคทาไล่ฟาดมันทีไร มันต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งทุกที สะใจเธอล่ะ
เอสลิสคิด แล้วยิ้มกริ่มในใจอย่างชอบใจ
ขออีกรอบละกัน “สมัยก่อนนายน่ะอ้วน...”
“อ๊า!!!” ชาร์ร้องอีกรอบเหมือนโดนไฟลนก้น “อย่า! บอกว่า อย่าพูดไงเล่า”
“นี่พวกเจ้า!!” เสียงทุ้มห้าวหนักตวาดมาจากทางด้านหลัง “มาสั่งเสียงดังอะไรในกองปราบ” มือปราบร่างกำยำคนหนึ่งเอ็ดเข้าให้ “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็รีบออกไป อย่ามาเกะกะขวางทางเดิน”
“ครับ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้” เทรเซอร์องค์รักษ์ที่ตามมาอารักขาเป็นคนตอบ ทำให้มือปราบเดินจากไป
สะใจ สะใจเธอจริงๆด้วย แหย่หมอนี่สนุกชะมัดเลย
เอลลิสชักติดใจ และก็แอบฮา เธออมยิ้มแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา “คริ”
หากเสียงหัวเราะนั้นไม่อาจลอดพ้นโสตประสาทของเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลไปได้ “เมื่อกี้... เธอขำงั้นหรอ”
“เปล่านี่” เอลลิสแกล้งไก๋ เอามือล้วงกระเป๋า
“ไม่จริง เธอขำแน่ๆ” ชาร์ยืนยันทำหน้ายักษ์
“โอ๊ยๆ” ครี้ดที่ฟังรุ่นหลานสองคนเถียงกันไปเถียงกันมาอยู่นานเข้ามาแทรกกลาง
จริงๆ เขาก็ฟังทั้งสองคนเถียงกันแล้วก็เพลินดี แต่ถ้าเป็นงั้นวันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนกันพอดี
“หยุดเถียงกันได้แล้วน่า” ครี้ดกล่าว
“ก็ยัยนั่นตั้งใจจะแหย่ผม” ชาร์แย้ง
“เอาน่า ชาร์ ขำๆ” อริสมองน้องชายขำๆ คู่นี้เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว
“พี่ก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอฮะ” ชาร์หน้ามุ่ย เมื่อพี่แท้ๆยังขำแบบนี้
อริสจับมือชาร์ “ถือว่าคลายเครียดก่อนกลับไปเครียดที่บ้านละกัน”
คำพูดของพี่สาวทำให้ชาร์นึกถึงชะงักที่ติดหลังอยู่ที่เกือบลืมไปแล้ว แล้วเสียวสันหลังวาบ กลับไปไม่รู้จะโดนอะไร
“งั้นเราไปกันเถอะฮะลุงครี้ด” อริสกล่าว
“อื้อ” ครี้ดพยักหน้า
อริสสะกิดแขนแล้วถาม “จะไปไหนกันคะ”
“ไปทัวร์วังคาโนวาล” ครี้ดตอบ
ความคิดเห็น