ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4: ตามติด [110%] -Complete-
สัปดาห์กว่าแล้วที่อลิสาติดอยู่บนเรือโคลงเคลงโดยไม่มีอะไรให้ทำนอกจากเดินเล่น นอน นั่ง และชมพระอาทิตย์ ช่วงนี้คลื่นลมสงบหลายชั่วโมงต่อวันทำให้การเดินทางไปเกาะทอร์ทูก้าช้าลงกว่าเดิม หญิงสาวจึงหากิจกรรมคลายเบื่อทำโดยการนำกระดาษและสีน้ำมาวาดภาพทิวทัศน์รวมถึงจดบันทึกเหตุการณ์ที่ตัวเองเผชิญลงในสมุดบันทึก
กัปตันเบนจามินนั่งจิบไวน์อยู่บนดาดฟ้าคอยสอดส่องเธอแทบทุกฝีก้าว ทำเป็นไม่สนใจแต่จ้องจนร่างเธอแทบพรุน อลิสาชินเสียแล้วกับคนหน้ามึนที่แอบมองเธออยู่ทุกวัน ในบางครั้งเขาก็มาวนเวียนใกล้ๆ และหาบทสนทนามาคุยด้วย
“แม่หญิง”
“อะไรคะ”
“เจ้าลองวาดข้าบ้างสิ”
“ฉันวาดรูปห่วยค่ะ ขนาดวาดทะเลยังไม่สมจริงเลย”
“มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
“งานถนัดของฉันคือการแต่งนิยาย บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าคุณให้ฉันเอาคุณไปเป็นพระเอกในหนังสือ รับรองว่าขายดีแน่” หมายถึงขายดีในศตวรรษของตัวเอง อลิสาไม่มีความสามารถมากพอจะรังสรรค์ผลงานเป็นภาษาอังกฤษ การเขียนมันลึกซึ้งเกินไป เธอเรียนพอจะสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“แล้วใครคือเมียของข้าล่ะ เจ้าหรือ”
แก้มนุ่มขึ้นเลือดฝาดทันควัน อะไรๆ ก็วกเข้ามาที่ตัวเธอหมด นี่เขาไม่คิดจะนึกถึงสตรีคนอื่นบ้างเลยหรือไง
“คุณไม่ต้องมีหรอก ฉันอาจจะแต่งนิยายผจญภัยหรือการเดินทางก็ได้” ถึงแม้ว่าความจริงอลิสาจะถนัดแต่งแนวรักก็ตาม
“ได้อย่างไรเล่า ข้าอยากมีเมีย”
“งั้นฉันจะสมมติตัวละครขึ้นมา”
“ฟังดูยุ่งยาก ข้าเลือกเจ้าเป็นเมียข้า” เบนจามินกล่าวด้วยน้ำเสียงกึ่งออกคำสั่ง
ลูกเรือที่กำลังหิ้วเชือกสำหรับเปลี่ยนผ้าใบเดินผ่านหูผึ่งแทบจะปล่อยสิ่งของในมือตกลงบนพื้น ไม่น่าเชื่อว่ากัปตันที่เขาเคยรู้จักจะเปลี่ยนไปภายในไม่นานเพียงเพราะผู้หญิงประหลาดคนเดียว
“ฉันไม่แต่งแล้วค่ะ”
“ทำไม”
“ฉันเขียนเป็นภาษาไทย คุณอ่านไม่ออกหรอก แถมขายที่นี่ใครจะซื้อผลงานของฉัน”
“งั้นเจ้าก็เล่าให้ข้าฟัง ข้าจะซื้อหนังสือของเจ้าเอง”
“ไม่ใช่นิทานเด็กน้อยนะคะ ฉันคงอ่านจนเสียงแหบกว่าจะเล่าให้คุณฟังจบหน้านึง” อลิสาส่ายหัวเบาๆ แล้วกลับมามองถาดสีในมือซึ่งบางสีแห้งแข็งไปเรียบร้อย มือเรียวสวยก้มหยิบขวดน้ำหมายจะนำมาหยดทว่ามือแข็งกระด้างตะครุบลงบนเหนือก้อนเนื้อนุ่มเด้งของเธอเพียงแค่นิดเดียว
อะไร อะไรอีก!
“ปล่อยนะคะคนชั่ว!” สรรหาคำด่าพ่นออกมาจากปาก อย่างเบนจามินพูดดีด้วยคงไม่มีวันรู้เรื่องหรอก
“ข้าแค่ช่วยเจ้าจากสายตาลูกเรือ หรือแม่หญิงอลิซคิดจะอ่อยคนของข้า”
“แค่ก้มหยิบของเนี่ยนะ”
“ใช่ คอเสื้ออ้ากว้างแทบจะมองทะลุไปถึงไหน ข้าคงนิ่งเฉยให้เจ้าตกเป็นอาหารตาของคนอื่นนอกจากข้าไม่ได้” เบนจามินฉุนเฉียวเล็กน้อยเพราะสาวเจ้าไม่รอฟังเหตุผลเขาก่อนเสมอ มักจะขัดขืนและหวาดระแวงเป็นอย่างแรก
“คุณแค่เตือนฉันด้วยคำพูดก็ได้”
“มันไม่ทันใจข้า”
“คุณพูดเหมือนหึงหวงฉัน”
“ข้าคงเป็นเช่นนั้น” ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาหลังจากนอนคิดอยู่หลายคืน สตรีคนนี้มีอิทธิพลต่อหัวใจแห้งแล้งของเขา เปรียบเสมือนน้ำสะอาดรดลงบนต้นไม้ที่ใกล้เฉาตายให้ฟื้นกลับมาชูชันรับแสงอาทิตย์
ใบหน้าหวานนิ่งไป เธอไม่รู้จะตอบกลับโจรสลัดหนุ่มผู้นี้อย่างไร เธอไม่คิดว่าความสัมพันธ์ฉาบฉวยนี่จะมากพอสำหรับการเรียนรู้กันและกัน เบนจามินคงหลอนไปเองเพราะขาดผู้หญิงมานาน
หวังว่าคงไม่หลอนถึงขั้นขอเธอแต่งงานก็พอ ปากไวมือไว ลงมือปุบปับเป็นนิสัยของโจรสลัดอยู่แล้วนี่
“ข้าหลงเจ้าแล้วแม่หญิงคนสวย”
“หยุดความคิดไปเลยค่ะ คุณคงหลงกายนอกของผู้หญิงเป็นกิจวัตร ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าวิถีโจรกับเรือสุดที่รักของคุณหรอก” เธอหมายถึงโจรสลัดหลายคนจากที่ฟังจากปากลูกเรือ เขามักทิ้งหวานใจตัวเองแล้วเลือกหันกลับมาหาชีวิตประจำวันดังเดิม น้อยนักที่เลือกคู่ชีวิตของตนถึงขั้นยอมสละทุกอย่าง หรือไม่ก็ล้มเหลวในความรักเพราะถูกทางการจับแขวนคอซะก่อน
“ข้านอนคิดมาหลายคืน”
“กรนขนาดนั้นฉันคงเชื่อมั้งว่าไม่ได้นอน” เอาไปคิดในความฝันหรือไงกัน อยากจะรู้ชะมัด
อลิสาเมินเบนจามินเพื่อกลับมาจดจ่ออยู่กับงานศิลปะตรงหน้าต่อ แต่ท้องฟ้าเปลี่ยนไปและไม่สามารถทำงานเดิมต่อได้อีก เธอถอนหายใจและพับการดาษเป็นสี่เหลี่ยมทิ้งในถังขยะใกล้ครัวในเรือสำราญแฮปปี้ซิตี้ ป่านนี้ขยะคงกองเท่าภูเขา โชคดีเธอมีถุงดำหลายใบสำรองเอาไว้
“นอกจากล้วงหยิบของกับเก็บของจากม่านฟองสบู่นี่ เจ้าใช้เวทมนตร์อื่นไม่ได้จริงหรือ”
“คุณตามฉันอย่างกับเงา เห็นฉันทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละค่ะ” กว่าคนทั้งเรือจะเลิกเอาดาบชี้หน้าและเลิกว่าเธอเป็นแม่มดใช้เวลาพอสมควร นี่หากมีพลังอื่นมาอีกพวกเขาคงไม่เชื่อแล้วจับเธอเผาบูชายัญกลางเรือพอดี
เสียงถังล้มดังกึกก้องชวนให้หันขวับไปมอง ถังไม้เปล่าสำหรับเก็บไวน์กลิ้งหลุนมากระแทกขาอลิสาล้มลงโดยเบนจามินคว้าไว้ไม่ทัน เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเรือก็โยกเยกจากคลื่นสูง ท้องฟ้าสว่างมืดลงเรื่อยๆ
“กัปตัน! เราเข้าเขตเมฆฝน”
“หุบใบเรือ อีธานคอยคุมหางเสือไว้เดี๋ยวข้าจะคุมพังงา”
“รับทราบกัปตัน!”
อลิสายึดมือไว้กับพื้นไม้เมื่อไม่สามารถทรงตัวลุกขึ้นได้ มันไม่ใช่เมฆฝนธรรมดาแต่เรียกได้ว่าพายุ คลื่นสูงท่วมหัวซัดเข้ามาทำทุกคนเปียกก่อนน้ำจะไหลออกจากรูระบายรอบๆ ความกลัวเธอมากกว่าจะรู้สึกว่าเจ็บตรงไหนจากการถูกกระแทกเมื่อครู่
เธอไม่ได้โง่ เธอไม่ได้โลกสวยคิดในแง่ดีตลอดไป คลื่นสูงขนาดนี้…ระดับน้ำขึ้นลงต่างกันมากขนาดนี้…มากพอจะซัดเรือคว่ำจมลงใต้ท้องน้ำ
“แม่หญิง เจ้าวิ่งเข้าไปในห้องเดี๋ยวนี้”
คนถูกสั่งอยากจะขยับแต่หากลุกแล้วกลัวจะขาแข็งไปไหนไม่ไหว ลมกรรโชกแรงพัดเอาข้าวของด้านบนไหลไปมา แม้กระทั่งของมีน้ำหนักมากยังต้านแรงธรรมชาติไว้ไม่อยู่
“กัปตัน!”
เจ้าของเรือบลูทัลชาร์คไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งลูกเรือให้ลากอลิสาเข้าห้องส่วนตัวเองรีบขึ้นไปคุมทิศทางเรือ ใจของเขาเต้นรัวเร็วเมื่อมองดูด้านล่างแล้วพบว่าหญิงสาวยังไม่ยอมขยับไปไหน
อลิสาเอาเล็บจิกร่องซอกไม้ไว้แน่น เธอตัวเบาเกินกว่าจะต้านแรงลมไปหลบด้านใน แม้พยายามคลานทีละนิดแต่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ยิ่งพองลมเตรียมพาเธอพัดปลิวอยู่รอมร่อ จินตนาการถึงเวทมนตร์ที่ตนมีก็นึกไม่ออกว่าจะหยิบอะไรออกมาช่วย
“เราต้องผ่านเมฆก้อนนี้ไปให้ได้!”
“เฮ้!!!”
เสียงผู้นำเรือสร้างความฮึกเหิมให้เหล่าลูกเรือ ทุกคนออกแรงเต็มที่เพื่อควบคุมทิศทางและทำให้น้ำหนักเรือเท่ากันขณะโคลงเคลงบนคลื่นลูกใหญ่
มวลทะเลมหาศาลสาดซัดกระแทกทุกสิ่ง อลิสาสำลักน้ำจนหน้าแดงก่อนที่ปลายนิ้วจะหลุดออกจากแผ่นไม้เนื่องด้วยความลื่นของพื้น เธอไถลไปมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้อง จนในที่สุดก็กระแทกกับเสากระโดงเรือแล้วไหลไปใกล้กาบเรือ
“กรี๊ดดด” จังหวะนี้เองที่เสียงของเธอสามารถเปล่งออกมาจากลำคอ พายุลมหอบใหญ่พัดเธอลอยขึ้นเล็กน้อยจึงหาที่จับเอาไว้ แต่กลายเป็นว่าการยกแขนขึ้นช่วยให้ตนปลิวได้ง่ายดายกว่าเดิม
“แม่หญิง!” ลูกเรือคนหนึ่งตะโกนเรียกเสียงดัง ทว่าสายไปแล้ว…อลิสาพลัดตกลงไปในทะเล ด้านใต้นี่ช่างอบอุ่นและเงียบสงบ หากปาฏิหาริย์มีจริงอีกครั้งขอให้เธอรอดชีวิตและได้กลับไปยังที่ที่จากมาด้วยเถอะ
“แม่หญิงตกเรือ!”
“แม่หญิงตกเรือ!”
ประโยคถูกกล่าวต่อกันมาเป็นทอดๆ แข่งกับเสียงสายฝนโหมกระหน่ำ อีธานรับหน้าที่แทนเบนจามินเมื่อเห็นกัปตันหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดอีกทั้งยังเงียบไม่เอ่ยกล่าวใดๆ เขามองตามหลังคนที่ตนเคารพวิ่งเข้าไปในห้องแล้วกลับออกมาพร้อมบางอย่างสีส้ม มันคือสิ่งที่แม่หญิงเคยสวมตอนพวกเขาพบนางครั้งแรกใกล้มหาสมุทรแอตแลนติก
“ส่งเชือกมาให้ข้า!” เบนจามินออกคำสั่ง เขาคว้าเอาเชือกมาผูกเอวตัวเองไว้และนำปลายอีกด้านผูกกับกาบเรือ มันมีความยาวรวมถึงความแข็งแรงมากพอจะทนต่อกระแสน้ำเบื้องล่าง
“ท่านจะลงไปช่วยนางหรือ”
“คลื่นลมสงบกว่าเมื่อครู่ เราใกล้ออกเขตเมฆฝนแล้ว”
“หากนางว่ายน้ำไม่เป็นจริงอย่างที่เราเคยคาด ข้าว่านางคงจมลงไปลึกแล้ว มันเสี่ยงเกินไปกัปตัน”
“ข้ายังเห็นนางถูกพัดอยู่เหนือผิวทะเล ยังมีลมหายใจ” มิใช่การโกหกตัวเองแต่อย่างใด คลื่นกำลังช่วยพัดเรือไปด้านหน้าและพัดอลิสาไปพร้อมกัน แม้หญิงสาวจะจมบ้างโผล่บ้างทว่าเขาเชื่อว่านางกำลังรอความหวัง
เสื้อสีขาวคือสีที่อลิสาชอบใส่ มันช่วยให้สามารถมองเห็นว่านางกำลังอยู่ตรงไหน กอปรกับเป็นเมฆฝนในเวลากลางวัน ยังพอมีแสงช่วยส่องสว่างไม่ให้เขาคลาดสายตา
“ท่านต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!” เมื่อไม่อาจห้าม สิ่งที่ดีที่สุดคือการอวยพร
“ข้าจะไม่ทิ้งบลูทัลชาร์ค”
ตู้มมม
เสียงน้ำแตกกระจายเป็นวงอยู่เบื้องล่าง อีธานเฝ้ามองแล้วบังคับทิศทางเรือไปใกล้อลิสามากที่สุด เขารู้ดีว่าเบนจามินมีวิธีหลบเลี่ยงไม่ให้ตนถูกเรือชนแม้จะลอยตัวอยู่ใกล้มัน
เสื้อชูชีพสีเด่นสะดุดตาใกล้เข้ามาทีละนิดอย่างเชื่องช้า อลิสาร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา เธอทรมานกับการสำลักน้ำและเหนื่อยกับการพยายามว่ายท่าผิดๆ ถูกๆ แถมในสมองตอนนี้มีหลายสิ่งประเดประดังเข้ามาตามประสาคนรู้ตัวว่าใกล้ตาย
เธอจมลงไปก่อนจะถูกตีกลับขึ้นมาวนซ้ำซากอยู่หลายนาที เคยอ่านเจอในหนังสือว่าคนไม่สามารถจมน้ำทะเลได้เพราะมันมีเกลือมาก แล้วตอนเธอจมลงในมหาสมุทรล่ะคืออะไร แต่อย่างน้อยสถานการณ์คับขันนี้ช่วยให้เธอได้ความรู้แบบฉับพลันอย่างหนึ่งมาคือการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ให้ปอดพอง จะช่วยให้สามารถลอยตัวได้ดีกว่าหายใจปกติหรือกลั้นหายใจเลยโดยไม่เก็บลม
“แม่หญิง!” เสียงแว่วตามสายลมชวนให้อลิสาท้อแท้หนักกว่าเดิม เพราะนอกจากตนเองจะเป็นภาระในช่วงวิกฤตยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนร่วมด้วยไปอีก “เจ้าทนไว้ก่อน!”
สัญชาตญาณเอาตัวรอดขัดแย้งกับความคิดภายในหัว ในเมื่อหมดหนทางจะกลับไปยังศตวรรษที่ 21 ทำไมเธอไม่กลั้นใจตายไปเสียตอนนี้ จะยังดิ้นรนอยู่เพื่ออะไร
…ใช่ อย่างน้อยก็เพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักหรืออาจเพื่อไอ้คนบ้าที่ยอมทิ้งลูกเรือหลายชีวิตแล้วกระโดดลงมาหาทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าอาจไม่รอดทั้งคู่
เบนจามินตีขาเพิ่มความเร็วโดยมีเสื้อชูชีพกับกระแสน้ำช่วยพัดพาเข้าใกล้เป้าหมายจนในที่สุดก็คว้าตัวหญิงสาวไว้ได้อย่างปลอดภัย
“คนบ้า”
“เจ้าสวมมันไว้ซะ” กอดคนตัวเล็กไว้พร้อมลูบหัวปลอบโยนแผ่วเบา อลิสาไม่ดื้อดึงเพราะความเหนื่อยล้ารวมถึงรู้สึกแน่นหน้าอกจากการถูกมวลทะเลโอบรัดมาตลอด เธอกะพริบตาไล่ความขุ่นมัวก่อนจะมองเห็นลูกเรือหลายคนกำลังรวมกลุ่มกันเป็นแถวยาวจากไกลๆ
กัปตันที่สวมกอดเธออยู่มัดเชือกไว้กับร่างกาย พวกเขาจะใช้วิธีดึงเรากลับไปให้ใกล้เรือที่สุดสินะ
“คุณ! ไม่!” ทว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น ปมเชือกที่ถูกน้ำช่วยเพิ่มความลื่นทำให้ปมคลาย กอปรกับกระแสน้ำที่ยังไหลจึงเสียสิ่งสำคัญสุดท้ายไป
“อย่าปล่อยข้าเด็ดขาด ข้าจะไม่คลาดกับเจ้าอีก”
“เราจะไม่รอด”
“ต้องรอด” กล่าวจบก็ปล่อยให้ตนและสตรีเพียงคนเดียวไหลไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดว่ายต้าน เบนจามินรู้จักแถวนี้ดีแม้รอบข้างจะยังเป็นเพียงท้องฟ้ากับผืนน้ำกว้างใหญ่ ทิศทางที่กำลังมุ่งไปมีเกาะหินเล็กๆ กระจายอยู่ทั่ว เขาเชื่อว่าเราต้องไปเกยที่นั่นแน่นอนและโชคดีมากที่อีธานคู่หูของเขารู้เรื่องนี้เช่นกัน
อีธานกับลูกเรือลดกล้องส่องทางไกลลง ท้องฟ้ากลับมาสว่างจ้าดังเดิมแต่ยังมีลมเหลืออยู่ ทั้งตัวเขาและคนอื่นต่างเคร่งเครียดเมื่อเหลือเพียงเชือกเปล่าถูกดึงกลับมา
“กัปตันกับแม่หญิงหายไปแล้ว จะทำยังไงดี”
“ไปตามทิศทางของน้ำแต่เราจะไม่นำบลูทัลชาร์คเข้าใกล้เกาะหิน ข้าไม่อยากเสี่ยงให้ท้องเรือเรารั่วหรือติดกับหินใต้ทะเล” อีธานเอ่ยขึ้นพร้อมตวัดสายตาไปมองเตียน ลูกเรือที่อยู่ใกล้เขาที่สุด “ไปเตรียมเรือบดให้ข้า”
“รับทราบ!”
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ความเหนื่อยล้าของคนลอยคอกลางทะเลย่อมทวีคูณมากเท่านั้น ลำพังกัปตันของเขาเอาตัวรอดได้แน่นอนเพราะทั้งชีวิตเป็นโจรสลัดมาตลอดทว่าหากแม่หญิงคนนั้นเป็นอะไรไปแล้วกัปตันของเขาเสียสละเกินตัวล่ะ
ยอมรับว่าไม่ชอบนางนักเพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์กับเรือยังทำให้ผู้นำแสนสุขุมของลูกเรือไขว้เขว แต่ข้อดีคือนางทำให้บรรยากาศแสนน่าเบื่อบนเรือเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
อีธานขึ้นไปบนจุดคุมพังงาพร้อมไวน์หนึ่งขวด เขากำลังรอให้ใกล้ถึงจุดหมายจะได้สั่งหุบใบเรือได้ทัน ซึ่งน่าหงุดหงิดนักที่ลมกรรโชกแรงเมื่อครู่สงบกว่าเดิมได้ผิดช่วงเสียจริง
กระดกเครื่องดื่มเข้าปากพลางจ้องมองดูใครหลายคนช่วยกันซ่อมแซมส่วนที่เสียหายรวมถึงกวาดเอาน้ำขังออก เงยหน้ามองนกหนึ่งฝูงบินเกาะกลุ่มกันเป็นรูปหัวลูกศรบินผ่าน ท่าทางเขาดูไม่รีบร้อนก็จริงแต่ในใจยังคงเดือดปุดๆ เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าเรือลำนี้เร่งความเร็วได้ดั่งใจนึกคงดี
เบนจามินกับอลิสาปีนขึ้นไปนั่งบนโขดหินแบนกว้างขนาดใหญ่ ทั้งสองต่างหอบหายใจสลับกับไอจนหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ อลิสาแทบไม่เชื่อว่าจะรอดมาเกยตรงนี้ได้แม่นยำเพราะเกาะนี้เล็กมาก อาจจะถูกกระแสน้ำพัดพาอ้อมไปหรือคลาดไปก็ยังได้
“เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
“แฮ่ก แค่เหนื่อยมากมากค่ะ ฉันพยายามไม่กลืนน้ำเลยสำลัก”
“พักหายใจนิ่งๆ ก่อน อย่าพึ่งกังวลเรื่องอื่นตอนนี้ ถึงแม้แดดจะร้อนแต่ลมเย็นคงช่วยให้เจ้าดีขึ้น”
จะเป็นหวัดสิไม่ว่า เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวร่างกายมนุษย์ปรับตัวทันเสียที่ไหน คงมีแต่โจรสลัดอย่างเขาที่แข็งแรงผิดมนุษย์ไปแล้ว
“แค่กๆ”
“ไปหลบแดดตรงนั้นกันเถอะ” ชี้มือไปยังแท่งหินยักษ์ ต้องปีนขึ้นไปอีกเล็กน้อยแต่มันคงดีกว่าปล่อยหญิงสาวสุขภาพอ่อนแอไว้สภาพนี้ “คลื่นลมเช่นนี้คงอีกสักพักกว่าอีธานจะมารับเราได้”
“มันจะร่วงลงมาทับไหมคะ”
“เท่าที่ข้าเดินเรือมามันยังอยู่สภาพนี้ตลอด เจ้าไว้ใจมันเถอะ” เขาเคยขึ้นไปเดินสำรวจตอนจอดเรือซ่อมแซมฉุกเฉิน มันมีฐานถ่วงยึดแน่นลงไปใต้น้ำและรับน้ำหนักได้มากโข บริเวณนี้โดยรอบจะมีแผ่นหินหลายทรงด้านใต้ ไม่ตื้นพอให้เดินลุยแต่นำเรือบดพายเข้ามาได้สบาย โจรสลัดหนุ่มจึงมั่นใจพอตัวว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะไม่ทำให้เราพัดเบี่ยงออกไป ในเมื่อมีเนินหินมากมายชะลอกระแสน้ำ
อลิสาแทบจะร้องไห้โฮทว่ากลั้นใจไว้เพราะไม่อยากฟูมฟายต่อหน้าเบนจามินอีก ผิวของเธอแสบร้อนกอปรกับมีรอยแดงช้ำตามเนื้อตัวตั้งแต่โดนกระแทกบนเรือ เธอกลั้นใจปีนขึ้นมาบนหินได้สำเร็จแล้วเอนตัวพิงอย่างหมดแรง
เสื้อผ้าเปียกโชกไม่สบายตัวอีกทั้งยังแผ่ความเย็น สิ่งที่ต้องการในชั่วยามนี้คือความอบอุ่น
“ข้าเสียใจที่เจ้าต้องเผชิญมัน”
“คุณเจอบ่อยไหมคะ”
“ทั้งชีวิต”
“คุณเป็นโจรสลัดตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ข้าเกิดเลยล่ะแม่หญิง พ่อของข้าเป็นโจรสลัดกลุ่มหมวกสีเลือดนกส่วนแม่ของข้าเป็นหญิงทอผ้าในหมู่บ้านแห่งหนึ่งห่างไกลจากเมืองที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง นางช่วยพ่อข้าหลบหนีจากทหารโดยไม่รู้ความ พ่อปิดบังว่าตัวเองเป็นใครจากนางและหลบหนีการตามล่าอยู่นานจนกระทั่งตั้งท้องข้า พอข้าพอคลานได้พวกทหารเจอเรา แม่ข้าไม่ฟังคำสั่งพ่อเรื่องหนีขึ้นเรือแต่เผชิญหน้ากับทางการเพื่อปกป้องครอบครัว”
เบนจามินมองหน้าอลิสาชั่วขณะ จดจ้องดวงตากลมกับใบหน้าสนใจในเรื่องราว ริมฝีปากอิ่มปิดสนิทเริ่มมีสีสันกว่าหลายนาทีก่อนขึ้น
“แม่ข้ากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด นั่นเป็นครั้งแรกที่นางได้รู้ว่าพ่อข้าคือโจรสลัดจากปากทหาร นางเสียใจมากและถูกยิง ข้าถูกพาไปขึ้นเรือที่ขโมยมาได้กับพรรคพวกบางส่วนของพ่อ สองปีให้หลังก็มีข่าวว่าหมู่บ้านนั้นมีไฟไหม้”
“ฉันเสียใจด้วย”
“มันผ่านมานานเกินกว่าข้าจะรู้สึกถึงมัน ข้าใช้ชีวิตเป็นโจรสลัดมาเรื่อยๆ กระทั่งย่างเข้าอายุสิบเจ็ดปี เรือของเราเจอเรือราชนาวีกลางน่านน้ำอังกฤษ”
“คุณถูกจับไหมคะ”
โจรสลัดหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ
“ตอนนั้นเรากำลังยึดเรือสินค้าลำเล็กอยู่พอดี ข้าถูกสั่งให้ปกปิดตัวตนแล้วลักลอบเข้าไปในเรือลำนั้นจึงหนีรอดมาได้ พ่อของข้าถูกยิงก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะถูกจับไปแขวนคอในภายหลัง”
“ทำไมคุณยังเลือกกลับมาในวงจรนี้อีก” หากหลุดพ้นไปและเลือกตั้งตัวใหม่ในอาชีพอื่นชีวิตของเขาจะได้ไม่ต้องมาแขวนบนเส้นด้าย ไม่เจอเรื่องโหดร้าย ไม่ถูกประนามจากผู้คน
“ชีวิตบนบกไม่ได้สุขสบาย ข้าประทังชีวิตด้วยการขโมยของ พอมันมากขึ้นบ่อยขึ้นทางหลบหนีเดียวคือขึ้นเรือไปหาแหล่งใหม่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการขึ้นเป็นกัปตันโจรสลัดในวัยยี่สิบ เรือลำแรกของข้าคือเดอะดิปสกาย”
“คุณตั้งเองเหรอคะ”
“เปล่า เป็นชื่อเรือที่ยึดมาได้ โจรสลัดโดยทั่วไปจะไม่เปลี่ยนชื่อเรือที่มีชื่ออยู่แล้วเพราะเมื่อถูกล่าจะได้ไม่สับสน เว้นแต่ปรับปรุงหรือสร้างใหม่ต่างจากเค้าโครงเดิม” พูดจบบทสนาทนาก็เงียบลง มีเพียงเสียงนกและเสียงธรรมชาติดังแผ่วตลอดเวลา ไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะได้กลับไปอาบน้ำแล้วนอนพัก
TALK: เกลแต่งช้าเหมือนเต่าเลยค่ะ 555 สงสัยคงไม่ปิดต้นฉบับง่ายๆ กัปตันกับแม่หญิงของเขายังลอยอยู่ในทะเลอยู่เลยจ้า
TALK 2: ในที่สุดกัปตันของเราก็ยอมรับว่าชอบแม่หญิงของเขา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น