คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1: แม่มด [100%] -Complete-
ความโคลงเคลงเล็กน้อยของเตียงนอนทำให้อลิสาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเวียนหัวปนรำคาญ แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างไม้ทรงกลมทำให้รู้ว่าเป็นเช้าวันใหม่แล้วแต่เพราะอยากนอนต่อจึงตวัดผ้าห่มคลุมหัว
จะว่าไปแล้วห้องพักเธอมีหน้าต่างไม้ด้วยงั้นหรือ อีกทั้งความลื่นบางของผ้าห่มช่างไม่คุ้นเอาเสียเลย
ช่างเถอะ บางทีเธออาจยังไม่ตื่นจากฝันก็ได้
“ข้าไม่เคยเห็นสตรีขี้เกียจเหมือนเจ้ามาก่อน แม่หญิง” เสียงบุรุษเพศชายดังขึ้นทำให้อลิสาตกใจรีบผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกวาดสายตามองหาต้นตอของเสียง
ห้องนี้เป็นห้องนอนกึ่งห้องทำงานสร้างด้วยไม้ทั้งหมด เป็นสถานที่ดูไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นักทว่าดูเก่าแก่น่าถ่ายรูป เหนือสิ่งอื่นใดคือนี่ไม่ใช่ห้องของเธออย่างแน่นอน
และนอกจากตัวเองยังมีชายคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกลนัก เขามีใบหน้าหล่อเหลาสมชายชาตรีชาติตะวันตก ทรงผมสีน้ำตาลเข้มไม่รุงรังและหนวดถูกโกนให้สั้นพอดี ช่างเหมือนดารานายแบบอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าอยากถามตั้งแต่เจอเจ้าแล้ว ทำไมถึงใส่เพียงชุดชั้นในสตรีอยู่กลางทะเล” ภาษาอังกฤษสำเนียงเปรียบเสมือนเจ้าของภาษาเปล่งออกมาจากปาก อลิสาตกใจมากและรีบก้มมองตัวเองก่อนจะพบว่ายังใส่เดรสและข้างในมีบราอยู่
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“เจ้าฟังไม่รู้ความหรือแม่หญิง”
“ฉันยังใส่เดรสอยู่เลย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
“หือ” ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอพลางทำหน้าสงสัย หญิงสาวไม่รีรอให้เวลาผ่านไปนานรีบเอ่ยถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยทันที
“ที่นี่คือที่ไหนคะ”
“เจ้าควรแนะนำตัวก่อนจะถาม”
“ฉันชื่ออลิสา คะนึงนิรันดร์ เป็นคนไทยค่ะ” ระหว่างพูดชายหนุ่มเดินถอยหลังไปนั่งเก้าอี้ไม้รอฟัง เขาดูสง่างามยิ่งกว่าเทพบุตรมาจุติทุกย่างก้าว “เรียกฉันสั้นๆ ว่าอลิซก็ได้ค่ะ”
“ไทยคือที่ไหน”
“เป็นประเทศเล็กๆ ด้านล่างจีน อยู่ทวีปเอเชีย แล้วคุณล่ะคะชื่ออะไร” ถามกลับบ้างอย่างเท่าเทียม หญิงสาวแอบสังเกตเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่มันเหมือนชุดโจรสลัดในหนังหรือการ์ตูนหรือว่าเธอกำลังอยู่ในกองถ่ายหนังบนเรือสำราญงั้นเหรอ
“ข้าชื่อเบนจามิน ฟีลด์ เป็นกัปตันเรือบลูทัลชาร์คลำนี้”
“เราอยู่ที่ไหนกันคะ”
“บนเรือยังไงล่ะ ข้าพึ่งพูดไปเมื่อกี้เอง”
อลิสานิ่งเงียบพลางทบทวนความทรงจำของตัวเองแทนการถามเบนจามินอีกรอบ เมื่อคืนเธอจำได้ว่าตัวเองกำลังอาบน้ำอยู่ในอ่าง ในจังหวะที่จะลุกเกิดน้ำวนดึงตัวเองลงไป ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบกับความมืด สัมผัสจากมวลน้ำรอบตัวทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองจมอยู่ในมหาสมุทร
เมื่อคืนเธอเปลือยนี่...
อลิสาตกใจเพราะรอบกายดูประหลาดน่าสับสนไปหมด ยังไม่ทันได้คิดไตร่ตรองความหวาดกลัวคนแปลกหน้าก็นำพาให้เธอชุกวิ่งพรวดออกไปข้างนอกปะทะแสงแดดและสายลม โดยเบนจามินคว้าไว้ไม่ทันเพราะไม่นึกว่าหล่อนจะวิ่งหนีไป
หญิงสาวเห็นว่ากำลังอยู่บนเรือไม้ทั้งลำ เป็นไม้ที่ดูไม่ใหม่ไม่เก่าจนเกินไป มองจากตรงไปไกลหน่อยเห็นน้ำสีฟ้าล้อมรอบสะท้อนแสงระยิบระยับ มันดูสวยงามจนอดตะลึงไม่ได้
“ข้าว่าเจ้าไม่ควรใส่ชุดชั้นในเดินเล่นนอกห้อง”
“เราอยู่ที่ไหนคะ กำลังถ่ายหนังกันอยู่เหรอ”
“เจ้าพูดอะไร”
“เรือสำราญแฮปปี้ซิตี้อยู่ที่ไหน ฉันมาจากเรือสีขาวลำนั้น” อธิบายไปด้วยขยับมือไปมาอยู่ไม่สุขไปด้วย อลิสาสงสัยเหลือเกินว่าทำไมรอบตัวถึงเปลี่ยนไปมากราวกับหลุดมาอยู่คนละยุค
อีกทั้งเรือทำจากไม้ทั้งลำยังกล้าเอามาล่องอีก หากโดนคลื่นลูกใหญ่ซัดมันจะทนทานสักแค่ไหนกันเชียว
“ข้าเจอเจ้าอยู่บนเรือลำเล็กเมื่อคืนเพียงคนเดียว” เบนจามินเก็บประโยคอื่นไว้ในปากไม่เปล่งออกมาเพราะไม่อยากโดนตบ
หญิงสาวผมดำขลับหน้าตาสวย ผิวขาวอมชมพูราวกับอาบน้ำนมมาทั้งชีวิตนอนเกยบนเรือสำหรับหนีลำเล็กใกล้เขตมหาสมุทรแอตแลนติก ที่สำคัญสวมเพียงชุดชั้นในกระโปรงสีขาว
หากไม่ใช่ทาสหรือโสเภณีที่หนีจากเรือโจรสลัดจะเป็นอะไรได้เล่า
“ข้าช่วยเจ้าขึ้นมา หากไม่ช่วยเจ้าคงกลายเป็นปลาตากแห้งเพราะขาดน้ำจืดอยู่ตรงนั้น”
“คุณเป็นโจรสลัดใช่ไหมคุณเบนจามิน” อลิสาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง มันประหลาดตั้งแต่ถูกอ่างน้ำดูดแล้วมาโผล่อยู่ที่อื่น ฉะนั้นหากนี่เป็นยุคอดีตเธอคงคิดว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้
“ใช่ ข้าเป็นกัปตันโจรสลัดและตอนนี้เจ้าเป็นแขกของข้าแม่หญิง เจ้าหนีมาจากเรือโจรสลัดลำอื่นใช่ไหมล่ะ ข้าสัญญาว่าเจ้าจะอยู่สบายกว่าการเป็นทาสจนกว่าเราจะขึ้นฝั่ง”
อลิสายกมือขึ้นจิกทึ้งหัวตัวเองก่อนจะก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
“นะ...นี่เป็นความฝันใช่ไหม กำลังถ่ายหนังกันอยู่ใช่ไหมคะ”
“ข้าว่าเจ้าดูสติไม่ค่อยดี”
“ผีหลอก ผีหลอกแน่ๆ” อลิสาพึมพำกับตัวเองก่อนจะยกมือไหว้อย่างหวาดกลัว เธอต้องการตื่นจากความฝันนี่เสียทีไม่ว่าด้วยวิธีใด แม้สายลมและเสียงคลื่นมันจะช่างสมจริงก็ตาม
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะ ข้าไม่พิสมัยชุดชั้นในเจ้าเอาเสียเลย” เบนจามินเอ่ยพลางตวัดตามองลูกเรือคนอื่นที่เริ่มรุมล้อมเงียบๆ ได้สักพักแล้ว เมื่อคืนเจ้าพวกนี้นี่แหละที่ช่วยหญิงสาวคนนี้ขึ้นเรือ
“พะ...พวกคุณเป็นผีใช่ไหม!”
“กัปตัน ข้าว่านางอาจโดนทำร้ายก่อนจะมาเจอเรา” ลูกเรือคนหนึ่งพูดขึ้น
“ใช่ นางพูดไม่รู้ความ” อีธานพูดสนับสนุนอีกคน เขาเป็นคนสนิทของกัปตันเบนจามิน ฟีลด์และเป็นคนเห็นอลิสาลอยกลางทะเลคนแรก
“สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อะเวรา โหนตุ”
“เงียบ!” เสียงกัมปนาททำเอาอลิสาสะดุ้งตัวโยน เธอหยุดแผ่เมตตาทันทีและนึกได้ว่าชาวต่างชาติพวกนี้คงนับถือศาสนาคริสต์ ในฐานะที่เคยเป็นคอหนังผีก็พอจำบทสวดจากในหนังได้บ้าง “ข้าบอกให้เจ้าเข้าห้องอลิซ จะเดินหนีข้าไปถึงไหน”
“กะ...ก็พวกคุณเป็นผี”
“ข้าไม่ใช่ผีและลูกเรือของข้าก็ไม่ใช่ผี!”
“เดชะพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะคำเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ผู้นิรมล” ไม่เพียงว่าเปล่าแต่ยกมือขึ้นมากุมไว้ใจกลางอก ทว่าพอคนน่ากลัวก้าวเข้าใกล้เลยเปลี่ยนเป็นยกแขนขึ้นมาทำท่าคล้ายไม้กางเขน ถึงแม้เธอจะคิดว่าตัวเองเหมือนอุลตร้าแมนกำลังปล่อยพลังมากกว่าก็เถอะ
“ถ้าเจ้ายังไม่หยุดข้าจะโยนเจ้ากลับลงทะเล!”
หญิงสาวยอมหยุดแต่โดยดีเพราะเสียงตวาดน่าเกรงขาม เธอหันหน้ามองผู้คนรอบข้างพลางหมดหวังในใจริบหรี่ ไม่ว่าเสียง แสง และสัมผัสล้วนรู้สึกได้จริงทั้งสิ้น มันอาจเป็นความจริงมากกว่าความฝัน
“ฉันอยากกลับห้อง ยังไม่ได้ให้อาหารเช้าแมวเลย” ขมุบขมิบปากว่าคนเดียวก่อนจะมีลมแรงหอบเอาร่างกายตัวเองเซไปข้างหน้า มือข้างซ้ายเกิดความรู้สึกประหลาดราวกับกำลังล้วงเข้าไปในอะไรบางอย่าง
ปลายนิ้วทั้งห้าแตะโดนขนนุ่มแสนคุ้นเคย อลิสาจับมันออกมาก่อนจะพบว่าแมวสุดที่รักอย่างจูดี้กำลังออกมาจากม่านฟองสบู่ จากนั้นแครอทแมวขาสั้นก็กระโดดตามออกมาอีกตัว
“จะ...เจ้า เจ้าเป็นแม่มดงั้นเหรอ” เบนจามินว่าเสียงสั่นพร้อมมองม่านฟองสบู่หายไปตาค้าง
“นางเป็นแม่มด!”
“แม่หญิงเป็นแม่มด นางมีแมวด้วย!”
“แมวเป็นสัญลักษณ์ของแม่มด!”
“แม่หญิงคนนั้นเป็นแม่มด เราต้องฆ่านางแล้วจับโยนลงทะเล!”
ลูกเรือหลายคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายจนอลิสาถอยกรูดเมื่อพวกเขาชักดาบออกมาชี้หน้าเธอ หญิงสาวไม่สามารถหนีไปทางไหนได้เลยเพราะกำลังโดนล้อมอยู่ หากขยับหนีแม้เพียงก้าวเดียวดาบพวกนั้นคงพุ่งมาแทงเธอกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก
“หยุด! หากข้าไม่ได้สั่งห้ามทำอะไรทั้งสิ้น ข้าจะสอบสวนนางตามลำพัง”
เสียงลูกเรือเงียบลงตามคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
“อีธานจับนางไปไว้ในห้องตามเดิม”
“แต่กัปตัน นางอาจทำเรือเราล่มหรือฆ่าพวกเราหากมีโอกาส” คนสนิทพูดค้านแต่ก็ยอมขยับเข้าไปใกล้อลิสาแล้วคว้าข้อมือขาวไว้แน่น
“ข้าประเมินได้ว่านางเป็นยังไง ทำตามที่ข้าบอก”
อลิสาถูกพาเข้าห้องเดิมที่ออกมาโดยมีเบนจามินและอีธานเดินคุม เธอไม่กล้าขัดคำสั่งหรือตุกติกเพราะโจรสลัดพวกนี้มีดาบ อีกทั้งผู้เป็นกัปตันยังพกปืนเหน็บเอวไว้ด้วย
หลังจากถูกเหวี่ยงขึ้นบนเตียงนอนสีขาวเบนจามินก็หยิบกริชสีเงินมาจ่อใบหน้าหวานซีดเผือก อลิสาผงะหัวไปชิดผนังเรือตามสัญชาตญาณ
“อีธาน เอาโซ่มาล่ามเท้านาง”
ไม่นานนักโซ่ก็อยู่บนข้อเท้าเรียบร้อย ลูกกุญแจถูกเบนจามินเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ในเวลานี้หญิงสาวจำเป็นต้องคิดหาทางเอาตัวรอดให้ตัวเองและสัตว์เลี้ยงแทนการรอความตายอยู่เฉยๆ
“ฉัน...ฉันขอต่อรอง”
กัปตันเรือโจรสลัดหรี่ตามองหาเล่ห์กลบนใบหน้าเกลี้ยงเกลา พอไม่พบอะไรก็ยอมเปิดปากรับข้อเสนอ
“ลองว่ามา”
“ฉันขอให้พวกคุณเอาอาหารแมวให้แมวของฉันทั้งสองตัวและนำมันเข้ามาในห้องนี้ แลกกับการตอบคำถาม ท่านคงอยากถามใช่ไหมล่ะ”
“ถึงข้าไม่ทำตามก็มีวิธีเค้นคำตอบอยู่แล้ว”
“ฉันจะไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นถ้าไม่ทำตามที่ขอ”
“ก็ได้แม่หญิงอลิซ อีธานไปเอาแมวและหาปลาบดใส่ชามเล็กๆ เข้ามาในห้องนี้” เจ้าของเรือบลูทัลชาร์คหันไปสั่งก่อนจะหันขวับกลับมามองแม่มดสาวเพราะกลัวเธอใช้เวทมนตร์โจมตีในช่วงเผลอ
“ครับกัปตัน”
เบนจามินยืนค้ำหัวอลิสาและกวาดมองทั่วร่างเป็นการสำรวจ นอกจากความงามแปลกตาแบบสาวเอเชียแล้วดูไม่มีพิษภัยแต่อย่างใด ทว่าพลังแม่มดที่เธอแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ล่ะมันคืออะไร
“ฉันมาจากศตวรรษที่ 21 ชุดที่ฉันใส่อยู่เรียกว่าเดรส...มันไม่ใช่ชุดชั้นในค่ะ ไม่ต้องมองขนาดนี้ก็ได้”
“งั้นเหรอ มันช่างเหมือนชั้นในสตรีของผู้หญิงแต่หนากว่าเล็กน้อย เนื้อผ้าก็แตกต่าง” แม้ไม่อยากเชื่อแต่เบนจามินก็อยากลองคุยดูก่อน “เมื่อคืนบนเรือลำเล็กนอกจากเจ้ายังมีเสื้ออัดลมสีส้มวางด้านข้างเจ้า”
เป็นครั้งแรกที่อลิสาเห็นเสื้อชูชีพตรงมุมห้อง ที่ผ่านมาไม่ได้สังเกตให้ดีเลยมองข้ามมันไป
“มันคือเสื้อชูชีพค่ะ ใส่แล้วจะไม่จมน้ำ”
“งั้นทำไมเจ้าไม่ใส่” กัปตันโจรสลัดถาม
“เมื่อคืนฉันไม่รู้ตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง” เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาพลางเอามือลูบข้อเท้าแผ่วเบา หากไม่ลงน้ำหนักกดทับมากเกินไปผิวคงจะไม่เป็นรอยโซ่ให้เห็น
“งั้นเจ้ามาจากเมืองไหนล่ะแม่มดสาว”
“เรียกฉันว่าอลิซ ถ้าเรียกแม่มดอีกจะไม่คุยด้วย”
“หึ ช่างต่อปากต่อคำเก่งเสียจริง ข้ารู้วิธีฆ่าแม่มดหลายวิธีเชียวล่ะ เผื่อเจ้าอยากลองโดนบ้าง” น้ำเสียงเย็นเยียบติดเล่นชวนให้ขนลุก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่อีธานจะเข้ามาพร้อมจูดี้และแครอท ในมือของเขาสองข้างถือชามปลาบดกลิ่นหอมฉุย
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมกัปตัน”
“เรียบร้อยดี เจ้าเอาวางไว้บนพื้นแล้วออกไปซะ”
เบนจามินมองแมวของอลิสาและหันกลับมาเผชิญหน้าเจ้าของแมว เธอเองก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องในเช้าวันนี้เช่นกัน เสียงท้องร้องน้อยๆ ไม่อาจเล็ดรอดหูโจรสลัดหนุ่มไปได้
“แม่มดไม่เลี้ยงแมวดำงั้นรึ”
“ฉันไม่ใช่แม่มด!”
“จะให้ข้าเชื่อง่ายๆ ได้ยังไงกันในเมื่อเจ้าใช้เวทมนตร์ได้”
อลิสาถอนหายใจพรืด
“ตัวสีขาวน้ำตาลชื่อจูดี้ค่ะ เป็นแมวพันธุ์แร็กดอลล์ ส่วนตัวสีส้มขาสั้นกว่าแมวปกตินี่ชื่อแครอท พันธุ์มันช์กิน”
“ข้าว่าชื่อจูดี้เหมาะกับเลดี้สักคนมากกว่าจะเอามาตั้งให้สัตว์” เบนจามินวิจารณ์แมวขนปุยที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานปลาอย่างเอร็ดอร่อย
“ถึงมันจะเป็นแมวแต่คุณดูสิ ทั้งสวยทั้งสง่างามเหมาะกับชื่อที่สุด”
“เจ้าใช้เวทมนตร์แบบไหนถึงเสกสัตว์เลี้ยงออกมาได้ บอกข้าบ้างสิเผื่อจะใจดีกับเจ้ามากกว่านี้” ว่าพร้อมปรายตามองโซ่บนข้อเท้าขาว เขาไม่เห็นอลิสาสวมรองเท้าตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือบลูทัลชาร์ค
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่รู้ มันพึ่งเคยเกิดขึ้นกับฉันเป็นครั้งแรกเหมือนกันเข้าใจไหมคุณโจรสลัด”
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้ามากมายวิ่งกระทบพื้นไม้ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงตะโกนดังเข้ามาถึงในห้องพัก
“กัปตัน! เราเจอเรือสินค้า”
เบนจามินรีบลุกไปที่ประตู หันกลับมาทิ้งท้ายว่า ‘จะเข้ามาหาเจ้าอีกรอบ หากเจ้าแผลงฤทธิ์อีกข้าจะตัดหัวโยนลงทะเลให้ปลาแทะ’ ก่อนจะปิดประตูเสียงดังและวิ่งไปบนดาดฟ้าตรงส่วนควบคุมเรือ
กัปตันโจรสลัดหมุนพังงาเพื่อนำบลูทัลชาร์คไปขนาบข้างเรือสินค้าลำเล็กกว่า ลูกเรือของตนพอได้จังหวะก็ถือดาบกระโดดลงไปปล้นสินค้า เสียงร้องของสตรีและเสียงดาบกระทบกันดังระงมอย่างรวดเร็ว
“อย่าทำข้าเลย”
ลูกเรือของเขาจะไม่ทำร้ายใครหากคนนั้นไม่คิดสู้ เราเพียงปล้นทอง ผัก ผลไม้ น้ำจืด เหล้า และหีบเสื้อผ้าเท่านั้น
“กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องดังระงมด้านนอกสร้างความหวาดกลัวก่อขึ้นในจิตใจอลิสา หากมีศัตรูกระชากประตูเข้ามาทำร้ายเธอจะทำเช่นไรเล่า
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
“สักวันพวกโจรสลัดต้องโดนแขวนคอ!”
“งั้นเจ้าก็โดนตัดหัวก่อนแล้วกัน” ลูกเรือตะโกนตอบพ่อค้า
“ทางโล่งแล้ว ช่วยกันขนเสบียง!” อีธานในฐานะผู้นำถัดลงมาจากกัปตันตะโกนบอกลูกเรือคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ร่วมต่อสู้
“ช่วยกันขนเสบียง!” เสียงบอกต่อกันเป็นทอดๆ พวกเขารีบจัดการก่อนที่เรือลำอื่นซึ่งอาจเป็นเรือราชนาวีจะมาเจอเข้า
“พอได้แล้ว! กลับมาให้หมด” เบนจามินตะโกนบอกทุกคนพลางบังคับพังงาออกห่างจากเรือสินค้า เหล่าลูกเรือที่ยังไม่ข้ามกาบเรือรีบโหนเชือกทันทีเพื่อไม่ให้กัปตันอารมณ์เสีย
เมื่อบนท้องทะเลในตอนนี้มีเพียงบลูทัลชาร์คลำเดียวไม่เห็นเรือลำอื่น กัปตันเบนจามินจึงเดินกลับมายังด้านล่าง เขาหยิบเอากล้วยหนึ่งผลและไปหาอาหารมื้อเช้าจากในครัวมาให้แม่มดสาวกินประทังชีวิตก่อนจะหิวตาย
อีธานที่ผ่านมาเห็นพอดีส่งเสียงเรียกไว้
“กัปตัน ทำไมท่านไม่ให้นางอดข้าวเสีย”
“นางอ้างว่าไม่ใช่แม่มดแต่มาจากศตวรรษที่ 21 นางบอกว่าใช้เวทมนตร์ครั้งแรกโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ในศตวรรษนี้ได้”
“ท่านเชื่อนางเหรอ”
“ข้าไม่เชื่อ แต่นางประหลาด ข้าอยากดูท่าทีว่านางใช้งานอะไรได้บ้าง”
“ท่านจะเก็บแม่หญิงคนนั้นไว้ไหม หากนางทำเรือเราวิบัติล่ะ” ลูกเรือคนหนึ่งพูดแทรกด้วยความสงสัย โจรสลัดบางกลุ่มมีความเชื่อว่าหากมีหญิงบนเรือ เรือลำนั้นจะเจอแต่หายนะ แต่กลุ่มโจรสลัดบนเรือบลูทัลชาร์คลำนี้ไม่มีความเชื่อนั้น
“ถ้าเราควบคุมนางได้เราจะสามารถใช้ประโยชน์จากแม่มด จากท่าทางของนางตอนถูกต้อนดูหวาดกลัวทะเลและไม่กล้าเข้าใกล้กาบเรือ ข้าว่านางคงว่ายน้ำไม่เป็นหรือว่ายน้ำไม่แข็ง” กัปตันโจรสลัดกล่าวอย่างมั่นใจในการมองคนออก ลูกเรือหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าว่าคงใช่”
“ข้าก็ว่านางว่ายน้ำไม่เป็นเช่นกัน”
“เราเจอจุดอ่อนของนางแล้ว”
เบนจามินเลิกสนใจตรงนี้แต่เดินไปเปิดประตูห้องพัก อลิสาสะดุ้งรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบของวัน ผู้ชายคนนี้เปิดประตูพรวดเข้ามาไม่คิดจะรักษามารยาทด้วยการเคาะประตูเลย
“คุณควรเคาะประตู”
“นี่ห้องข้า เรือของข้า”
อลิสาเหม่อได้ไม่เกินสิบวินาทีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังใส่เสื้อผ้าตัวเก่าหลังอาบน้ำสระผมเสร็จ สภาพในตอนนี้จึงไม่เรียบร้อยนัก
กัปตันโจรสลัดกลืนน้ำลายลงคอดังอึกให้ได้ยิน แผ่นหลังขาวเนียนปรากฏแก่สายตา เขาใช้เท้าดันประตูปิดลงจากนั้นย่างเท้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก
“เจ้าสวยดีนะ”
“อย่ามามอง!” กอดอกพร้อมถอยกรูดไปหาแมวสองตัวที่เล่นกันบริเวณมุมห้อง สายตาลามเลียของโจรสลัดช่างไม่น่าไว้ใจที่สุด มันดูเจ้าเล่ห์และเปี่ยมไปด้วยแววตาไม่ซื่อสัตย์ของโจร
“ข้าเอาอาหารมาให้เจ้า เดี๋ยวจะหาเสื้อผ้าให้ด้วยเพราะคงไม่ดีนักหากคนสวยอย่างเจ้าใส่ชุดเช่นนี้บนเรือที่มีแต่บุรุษ”
“งั้นคุณออกไปเลย ฉันจะกินอาหารตามลำพัง”
“ย่อมได้ ข้าจะไปหาหีบเสื้อผ้าพอดี” เบนจามินมองตามสายตาอลิสาไปยังประตูไม้ “ห้ามขัดดาล[1] อย่าให้ข้าต้องพังมัน”
คนวางแผนในหัวขมวดคิ้วเมื่อโดนรู้ทันความคิด เธอจะเปลี่ยนตัวเองยังไงดีไม่ให้โดนมองออกง่าย อย่างน้อยแค่ช่วงที่ติดอยู่ในศตวรรษนี้ก็ยังดี
[1]ดาล คือกลอนประตูที่ทําด้วยไม้สําหรับขัดบานประตูอย่างประตูโบสถ์ เช่น ลงดาล ลั่นดาล ขัดดาล
ความคิดเห็น