ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส [Baramos] The tale of happiness

    ลำดับตอนที่ #9 : Special Chapter 3 :: Kill

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 49




    ตอนพิเศษที่ 3






     




     

    กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณสวนแห่งพระราชฐานส่วนในแห่งคาโนวาล ชายชาตรีร่างกำยำของผู้บุกรุกยามวิกาลนอนหมอบหายใจรวบระรินสยบแทบเท้าเด็กหญิงร่างเล็กผู้ทรงทรงอาภรณ์สีดำสนิทภายใต้แสงจันทร์ยามราตรี นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตคู่สวยทอดมองผลงานชิ้นล่าสุดของตนด้วยความกึ่งเวทนากึ่งสะใจลึก ขณะที่เรียวปากบางกำลังลิ้มชิมรสเลือดสีแดงข้นที่เลอะตามดาบใหญ่ของตน






    "อร่อยหนิ" เสียงหวานใสเอ่ยชมก้องกังวานไปทั่วบริเวณขณะเรียวปากบางแย้มรอยยิ้มหวาน หากคำชมนั้นกลับสร้างความหวาดกลัวแก่บุรุษผู้บุกรุกยามวิกาลซึ่งนอนหายใจรวยระรินจมกองเลือดสีแดงฉานที่ไหลรินออกจากร่างกายของตนอย่างไม่ขาดสายจนตัวสั่นระริกเป็นเจ้าเข้า






    จากรอยยิ้มหวานแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเหยียดหยันสมเพชก้อนเนื้อขลาดกลัวที่สั่นระริกเบื้องล่าง
    "กลัวหรือ" เด็กหญิงว่าเสียงเย็นเยียบชวนขนลุกพลางโค้งตัวลงแล้วเอื้อมมือเรียวเล็กบีบตะปบเข้าที่แก้มหนาหยาบกร้านของผู้บุกรุกอย่างไร้ความปราณีปราศรัยก่อนบิดใบหน้านั้นให้เบือนมาสบด้วยด้วยความรุนแรง






    ไม่มีความปราณีสำหรับพวกที่กล้าเข้ามากระตุกหนวดเสือ...






    นัยน์ตาสีนิลกาฬของผู้บุกรุกเบิกโพลง ภาพตรงหน้าหาใช่เด็กหญิงที่ควรไร้เดียงสาไม่ หากเป็นเด็กหญิง...เด็กหญิงในคราบปีศาจ...ปีศาจแห่งรัตติกาล รอยยิ้มอันแสนน่ากลัวบนใบหน้างดงามนั้น เขาไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่เกิดมา...ไม่เคยเห็นใครที่มีรอยยิ้มน่ากลัวถึงขนาดนี้...






    ความน่ากลัวของทายาทแห่งธิดาแห่งความมืด...






    ความหวาดกลัวทั้งหมดถาโถมเข้าเกาะกุมจิตใจของชายร่างกำยำ ของเหลวเปียกชื้นถูกปลดปล่อยออกให้ไหลรินเปรอะเปื้อนเป้ากางเกงรดต้นหญ้าเบื้องล่าง






    ความกลัวตาย...ความตายที่อยู่แค่เอื้อม...น้อยคนนักที่จะไม่กลัวตาย ซึ่งเขาไม่ใช่หนึ่งในนั้น...ไม่ใช่เลย






    "ว...ไว้ชีวิตกระหม่อมเถิด...ว...ไว้ชีวิตหม..หม่อมฉัน...ด...ได้โปรดอ...องค์หญิง" ชายร่างกำยำทิ้งศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชายทั้งหมดร้องขอชีวิตจากเด็กหญิงตัวจ้อยด้วยน้ำเสียงสั่นระริก






    "นั่นเป็นคำสั่งหรือ" เสียงหวานกล่าวถาม คำถามที่ผู้บุกรุกส่ายหัวหวืดเป็นการใหญ่






    "งั้นนายสนใจจะเป็นเพื่อนเล่นกับฉันสักพักใหญ่ก่อนไหมล่ะ" เด็กหญิงยิ้มกริ่มหัวเราะคึกคักในลำคอ "หากนายทำให้ฉันพอใจ...ฉันอาจปล่อยนายไป"






    ปล่อยไปลงนรกน่ะนะ






    เด็กหญิงคิดในใจ...ไม่มีคำว่าปล่อยบัญญัติอยู่ในพจนานุกรมของเธอสำหรับพวกชั้นต่ำที่บังอาจเข้ามากระตุกหนวดเสือ ยกเว้นปล่อยไปลงนรกเท่านั้น






    ประกายความหวังแห่งความรอดจุดประกายริบหรี่ขึ้นอีกให้ชายร่างกำยำเริ่มใจชื้นกับคำพูดขององค์หญิงน้อย...






    เขาว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ...






    ชายผู้อาจหาญบุกรุกพระราชฐานพยักหน้าหงึกหงักรับข้อเสนอด้วยความหวังว่าจะรอดกลับออกไปที่ถึงแม้ว่าจะมีเพียงน้อยนิดแต่ก็ยังถือว่ายังมีให้ใจชื้น






    เด็กหญิงทอดมองอดีตบุรุษผู้อาจหาญต่อกรกับเธอด้วยความสมเพชระคนสะใจยิ่งนัก...ใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตมันแล้ว






    ลูกไก่ในกำมือเช่นนี้จะปล่อยก็รอดจะเค้นก็ตาย...






    "งั้นเรามาเล่นเกมตอบคำถามกัน" นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่เล็กลง "ตอบให้ถูกใจฉันล่ะ" น้ำคำขู่กลายๆที่ผู้ถูกขู่ไม่ต้องรอฟังต่อก็รู้ว่าถ้าตอบไม่ถูกใจจะเกิดอะไรขึ้น






    "คำถามแรก..." เด็กหญิงเปรยพลางลิ้นเรียวเลียลิ้มชิมรสเลือดที่เปรอะดาบของเธอเล็กน้อย สร้างความหวาดผวาให้บังเกิดแก่ผู้ถูกถามยิ่งขึ้น "ใครเป็นคนส่งนายมา"






    หากคำตอบที่ได้กลับเป็นอาการอ้ำอึ้งจากคนถูกถาม
    "หม..หม่อมฉันไม่ทราบ"






    "ไม่ทราบ?" ร่างเล็กทวนคำ กลั้วหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มหวานแฝงกระแสเหี้-ยมผุดพรายขึ้นบนใบหน้างามพลางขยับมือเงื้อดาบขึ้นกรีดลงบนแก้มหยาบกร้านเรียกเลือดสีแดงข้นให้ซึมออกมาตามรอยกรีดทีละน้อย "นี่แค่กรีดหน้า...ต่อไปจะเป็นคอ" เสียงหวานกล่าวเรียบเหมือนไม่ใส่ใจ หากคำขู่นั่นทำให้ของเหลวเปียกชื้นจากคนถูกขู่เล็ดออกมาอีกเป็นอาหารเลี้ยงต้นหญ้า






    "หม...หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ พ...พวกกระหม่อมรับงานทางจดหมาย" ชายผู้บุกรุกตอบอย่างลนลาน ของเหลวเหนียวหนืดจุกอยู่ในลำคอจนแทบหายใจไม่ออก






    "หวังว่าที่นายพูดคงเป็นความจริงนะ" บัดนี้มือเรียวหยุดกรีดแล้วหากใบหน้าคนถูกกระทำกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเหม็นคาวคละคลุ้ง ศิลปะชิ้นโบว์แดงของเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล






    "จ...จริงทุกประการพะย่ะค่ะ" ความหวังแห่งความรอดสว่างขึ้นอีกนิดเมื่อองค์หญิงคนงามพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงเข้าใจ "กระหม่อมทำตามหน้าที่...กระหม่อมมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยง ปล่อยหม่อมฉันไปเถิด" เขาวิงวอน หากเด็กหญิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอย่างที่บอกไป ไม่มีคำว่าปล่อยบัญญัติอยู่ในพจนานุกรมของเธอสำหรับพวกชั้นต่ำที่บังอาจเข้ามากระตุกหนวดเสือ ยกเว้นปล่อยไปลงนรกเท่านั้น






    หลอกถามแล้วค่อยเชือดทิ้งก็ยังไม่สาย...






    "คำถามที่สองเขาสั่งให้นายมาฆ่าใครในนี้" ร่างเล็กซักถามต่อ หากคนถูกถามก็ยังอ้ำอึ้งเหมือนคราแรก






    ชักช้า
    !






    ฉัวะ
    !






    "อ๊าก!!"






    เสียงดาบใหญ่เชือดเฉือนข้อมือของผู้บุกรุกให้มือหยาบกร้านหลุดออกไปภายในดาบเดียว เลือดสีแดงเข้มข้นพุ่งกระฉูดไหลรินเหมือนสายน้ำไหล พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ตามมา






    ไม่ต้องกลัวทหารเวรรักษาการณ์ยามค่ำคืนในพระราชฐานส่วนในที่เดินกันขวักไขว่จะได้ยินเพราะเธอเป็นคนรอบคอบเสมอกางเขตอาคมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ภายในนี้เธอสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่มีใครเห็นและใครได้ยิน






    ต้องนับว่าเจ้าผู้ชายหน้ากร้านตรงหน้าเธอเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือยอดเยี่ยมเลยทีเดียวที่บุกเข้ามาถึงในนี้ได้โดยไม่มีใครเห็น ด้วยเหตุนี้จึงบังเกิดคำถามตามมาเป็นขบวน






    ใครเป็นคนจ้างนายนักฆ่าคนนี้มา
    ?






    แล้วมันมาเพื่อปองร้ายใคร
    ?






    หากคำถามที่สองนั้นคงได้คำตอบในเร็วๆนี้






    "ฉันจะขอถามซ้ำอีกครั้ง นายมาเพื่อฆ่าใคร" มือเรียวขวากระชับดาบในมือเตรียมพร้อมปฏิบัติการเช่นเดิม






    ชายผู้บุกรุกกลืนน้ำลายเอื๊อก นัยน์ตาสีนิลเบิกโพลง ณ ตอนนี้เขาได้ประจักษ์แล้วว่าเขากลัวเด็กหญิงตรงหน้านี้เหลือเกิน...
    "ค...คิงคาโล...คิงคาโล วาเนบลี เขาจ้างหม่อมฉันให้มาปลงพระชนม์คิงคาโลพะย่ะค่ะ"






    ปลงพระชนม์ท่านพ่อ...






    ใครกันมันบังอาจคิดปลงพระชนม์ท่านพ่อ
    !!






    เพื่อบัลลังก์อย่างนั้นหรือ...หรือเพื่ออะไรอีก







    นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยลุกโชนไปด้วยประกายไฟแห่งความโกรธา เป็นอันแน่ชัดว่าที่ระบายต้องเป็นลูกไก่ที่อยู่ในกำมือเธออย่างแน่นอน







    ฉัวะ
    !!






    "อ๊าก!!!"






    เสียงดาบใหญ่ลงดาบครั้งที่สองเชือดเฉือนข้อมืออีกข้างที่เหลือให้มือหยาบกร้านหลุดออกไป ดวงตาผู้ถูกกระทำเหลือกหลน ดวงหน้าขาวซีดลงจากการเสียเลือดมาก ลมหายใจรวยระริน หากแต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันคำเดิม






    "ว...ไว้ชีวิตหม่อมฉันเถิด...ได้โปรด"






    ไว้ชิวิตเรอะ
    ! ทีอย่างนี้แกมาทำร้องขอชีวิต แล้วถ้าท่านพ่อเกิดพลาดท่าแกแล้วท่านร้องขอชีวิตแกแกจะปล่อยท่านรึ!






    หากท่านพ่อไม่มีวันพลาดท่าใครเด็ดขาด ถึงกระนั้นเธอก็ไม่อยากให้เรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูของท่านพ่อ ตอนนี้ท่านก็มีงานล้นมือพออยู่แล้ว






    "คำถามที่สามแล้วฉันจะปล่อยนายไป" เสียงหวานที่พยายามเปล่งออกมาให้ปราศจากอารมณ์กรุ่นโกรธที่สุดเอ่ยขึ้น น้ำคำที่เรียกรอยยิ้มอิดโรยและความดีใจให้แก่ผู้บุกรุกยิ่งนัก






    "จริงๆนะกระหม่อม..." น้ำเสียงหอบรวยระรินด้วยความดีใจ...บัดนี้ความหวังของเขาเป็นจริงแล้ว...เขาจะได้กลับไปหาครอบครัว...กลับไปหาลูก...กลับไปหาภรรยาที่รัก...






    "จริงสิ" คำพูดสำทับพร้อมรอยยิ้มหวานที่พร้อมทำให้โลกทั้งใบสดใส






    ปล่อยไปลงนรกน่ะ...






    ฉันจะลดตัวลงไปเป็นคนสวดส่งวิญญาณชั้นต่ำของแกไปลงนรกเอง...






    "ขอบพระทัยองค์หญิง...ข...ขอบพระทัย" ลูกจ๋า...พ่อจะได้กลับไปหาลูกแล้ว ลูกที่พึ่งเกิดได้เพียงเจ็ดวันของเขา






    "คำถามสุดท้าย..." เด็กหญิงเกริ่นขณะที่ดวงหน้างามยังคงประดับด้วยรอยยิ้มสวย "นายชื่ออะไร นามสกุลด้วยนะ"






    ด้วยความดีใจนายนักฆ่ารับจ้างจึงไม่ทันฉุกคิดว่าองค์หญิงน้อยผู้นี้จะอยากรู้ชื่อและนามสกุลของเขาไปเพื่ออะไร นายนักฆ่าจึงเอ่ยตอบด้วยความรวดเร็ว
    "หม่อมฉันชื่อ สเว...อ๊าก!!"






    ฟิ้ว
    !





    ฉึก
    !!!






    เสียงมีดสั้นผ่าอากาศด้วยความเร็วจนนัยน์ตาไม่สามารถจับภาพได้ทันแทงทะลุกลางศีรษะของชายผู้บุรุกอย่างแม่นยำให้ตายในมีดเดียวก่อนที่จะเอ่ยชื่อและนามสกุลตัวเองจบ โลหิตแดงเข้มพุ่งกระฉูดกระเซ็นเปรอะเปื้อนดวงหน้าขาวนวลขององค์หญิงน้อยผู้ตกตะลึงชั่วครู่...ชั่วครู่เท่านั้น






    "บังอาจนัก" เด็กหญิงพูดเสียงรอดไรฟันขณะยืดตัวลุกขึ้นแล้วตวัดนัยน์ตาคู่คมมองไปทางต้นตอของมีดสั้นเมื่อครู่ "ไม่เสียแรงจริงๆที่ท่านพ่อส่งนายไปเรียนมีดสั้นกับท่านลุงลอเรนซ์ โมนาโรค ถึงแอเรียส" ว่าเสร็จเรียวปากงามก็แสยะรอยยิ้มหยัน "เพื่อใช้ในการณ์นี้โดยเฉพาะเลยสินะ ฟรานซิส วาเนบลี!"






    เฟี้ยว
    !!






    ร่างเล็กซึ่งบัดนี้นัยน์ตาสีน้ำตาลของเจ้าตัวลุกโชนดังเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เหวี่ยงดาบขนาดใหญ่ไม่สมรูปร่างผ่าอากาศออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง หมายจะให้ศาสตราของตนเรียกเลือดจากบุรุษในความมืด






    เช้ง
    !






    เสียงโลหะสองชิ้นกระทบกัน ก่อนดาบใหญ่จะถูกบัดออกมาโดยศาสตราวุธของบุรุษในความมืดซึ่งเด็กหญิงคาดว่าน่าจะเป็นมีดสั้นแล้วสะท้อนกลับมาบัดลงตรงหน้าเธอ






    ดวงหน้างามบึ้งตึงฉับพลัน เด็กหญิงสบถอะไรบางอย่างอย่างหัวเสีย
    "เมื่อไหร่นายจะเลิกยุ่งกับเหยื่อของฉันสักที ฟรานซิส"






    เด็กชายก้าวออกมาจากความมืด เผยให้เห็นร่างสง่าแม้วัยเพียงสิบเอ็ดปีภายใต้แสงจันทร์สีนวล ดวงหน้าคมคายหากติดหวานดูสงบนิ่งไร้อารมณ์ มือข้างขวาถือมีดสั้นสีเงินคมกริบท่าทางมีราคาแนบลำตัว






    "จนกว่าเธอจะเลิกทรมานสัตว์"






    "ฉันทรมานสัตว์ก็เพื่อล้วงความลับ เมื่อมันคายความลับหมดแล้วค่อยปล่อยมันไปลงนรกก็ไม่สายหนิ" เฟรนเซลว่าพร้อมกระตุกรอยยิ้มเหี้ยม นิ้วมือเรียวข้างซ้ายยกขึ้นเสยเรือนผมสีทองยาวสลวย "และอีกอย่างมันจะได้จำหน้าฉันได้แล้วเอาไปบอกยมบาลถูกยังไงล่ะ...ว่าใครเป็นคนส่งมันลงไป" เสียงหัวเราะหวานใสดังกึกก้องไปทั่วบริเวณอันเงียบสงัด ชั่วอึดใส เสียงหัวเราะก็ค่อยๆจางหายไป






    เด็กชายมาภาพตรงหน้าด้วยแววตาไร้อารมณ์ หากภายในกลับแฝงสงสารเหยื่อของน้องสาวฝาแฝดของตนในค่ำคืนนี้อยู่ลึกๆ...เหยื่อที่เขาต้องรีบปลิดชีวิตก่อนที่คำพูดของมันจะทำให้ผู้บริสุทธิ์ใกล้ตัวมันถูกสังเวยแก่ความโหดเหี้ยมของเจ้าหญิงแห่งคาโนวาล...






    "เรฟ ฟีลมัส...ฉันรู้ว่านายอยู่ตรงนั้น" นัยน์ตาสีน้ำตาลตวัดขวับไปทางมุมมืดที่เดียวกับที่พี่ชายฝาแฝดของเธออยู่เมื่อครู่ "ออกมาซะ ก่อนที่นายจะตามไอ้เดียรฉานนี้ไปนรกด้วยอีกคน"






    ดังคำประกาศิตที่คนถูกขู่กลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนรีบตาลีตาเหลือกโผล่ออกจากมุมมืดแทบไม่ทัน นายนักฆ่ารุ่นเยาว์เกาหัวแล้วหัวเราะแหะๆ
    "โธ่! พี่ไม่เห็นต้องขู่ผมซะน่ากลัวขนาดนั้นเลยนี่น่า" น้ำเสียงขี้เล่นพลางทำท่าขนลุกขนพอง






    "ฉันไปเป็นพี่นายตั้งแต่เมื่อไหร่" น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างถือตัวเต็มอัตรา







    "ง่า...อภัยให้หม่อมฉันด้วยพะย่ะค่ะ องค์หญิง" เรฟแสร้งทำหน้าสงบเสงี่ยมผิดกับนัยน์ตาสีม่วงพราวระริก "ว่าแต่องค์หญิงมีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือกระหม่อม"







    เฟรนเซลยกด้วยขึ้นขนานกับพื้น มือข้างซ้ายลูบไล่เหนือดาบใหญ่ เธอกำลังใช้สมาธิในการร่างคาถาอะไรบางอย่างเบาๆ ลำแสงสีเงินยวงถูกเปล่งออกมาจากผ่ามือที่ลูบไล่ไปตามเนื้อดาบ เลือดสีแดงฉานซึ่งติดตามเนื้อดาบที่มือเรียวลูบผ่านไปรวมตัวกันเป็นทรงกลมรูปร่างคล้ายลูกแก้วสีแดงสวยเม็ดพอประมาณ เด็กหญิงมองมันอย่างพึงพอใจ ก่อนลูกแก้วโลหิตนั้นจะถูกดูดเข้าไปในอัญมณีสีแดงฉานซึ่งประดับไว้บนดาบ ฉับพลันตัวดาบใหญ่ก็เรืองแสงสีแดงสดแล้วค่อยๆจางหายไป







    "สเวนสัน เบอร์ดอส เดอะ คิลเลอร์ ออฟ ซาเรส" เฟรนเซลพูดเหมือนกล่าวลอยๆ







    ถึงไม่ต้องฟังชื่อให้จบ รู้แค่สองพยางค์หน้าสำหรับเธอก็เพียงพอให้เธอพอเดาถูกแล้วว่าร่างไร้ชีวิตอันน่าสมเพชนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร ยิ่งเป็นนักฆ่าฝีมือระดับลอบเข้ามาในเขตพระราชฐานชั้นในได้ ก็แสดงให้เห็นได้อย่างดีว่าต้องป็นนักฆ่าระดับแนวหน้าในเอเดนคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน และนักฆ่าระดับแนวหน้าที่มีชื่อพยางค์ต้นว่า สเวน ก็มีเพียงคนเดียว







    เด็กหญิงเบนสายตาไปยังศพชายผู้นอนไร้ลมหายใจบนพื้นหญ้า ซึ่งนายนักฆ่ารุ่นเยาว์มองตามแล้วทำหน้าเบ้ๆ






    "ศพไม่สวยเลยนะกระหม่อม"






    "อีกสามวันให้หลังจะไม่มีคนตระกูลเบอร์ดอสอยู่ในผืนปฐพีเอเดนแม้แต่คนเดียว" เด็กหญิงกล่าวคำขาดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วเบนนัยน์ตาสีน้ำตาลมาสบนัยน์ตาสีม่วงพราวระริก "นายคงเข้าใจที่ฉันพูดนะ เรฟ ฟีลมัส"






    "นายไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เรฟ" ฟรานซิลเอ่ยขัดก่อนที่นายนักฆ่าจะตอบรับคำ "ต่อไปนี้จะไม่มีการสังเวยชีวิตผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป" คำประกาศิตจากเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลเปรียบเสมือนรถไฟที่พุ่งเข้ามาในหัวของนายนักฆ่ารุ่นเยาว์แล้วชนตูมกับรถไฟคำประกาศิตจากเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลเข้าอย่างจังให้สับสนไปหมด






    จะฟังคำใครดีล่ะวะทีนี้...






    "ไม่มีการสังเวยชีวิตผู้บริสุทธิ์อีกต่อไปงั้นหรือ...น่าขันสิ้นดี" เธอกลั้วหัวเราะในลำคอ ก่อนน้ำเสียงหวานจะเอ่ยอย่างจริงจัง "เราไม่ฆ่ามัน มันก็ต้องฆ่าเรา เราสู้ฆ่ามันก่อนไม่ดีกว่าหรือ..." รอยยิ้มเหี้-ยมกระตุกขึ้น "นายเคยได้ยินไหม ตัดไฟแต่ต้นลม น่ะ จะได้ไม่ต้องมีการล้างแค้นให้เกะกะสายตาในอนาคตไงล่ะ"






    "เฟรนเซล!" ฟางเส้นสุดท้ายของเจ้าชายแห่งคาโนวาลขาดสะบั้นลง กำมือจนขึ้นข้อขาวและสั่นเทา "เธอคิดว่าฆ่าแล้วเรื่องมันจะจบหรืออย่างไร" เสียงเย็นกล่าวเบาๆราวเสียงกระซิบหากสั่นเทาเล็กน้อย นัยน์ตาสีฟ้าแน่วแน่ช้อนขึ้นสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอมหิตของน้อยสาวฝาแฝด






    เด็กหญิงเหมือนถูกนัยน์ตาสีฟ้าของผู้เป็นพี่ตรึงตราอยู่อย่างนั้นกับคำพูดที่วนเวียนอยู่ในหัว






    เธอคิดว่าฆ่าแล้วเรื่องมันจะจบหรืออย่างไร...






    จิตใต้สำนึกในส่วนดีลึกๆของเธอกำลังร่ำร้องให้ยุติการฆ่า หากจิตใต้สำนึกอีกส่วนกำลังสรรหาเหตุผลต่างๆให้ฆ่าต่อไป ทั้งสองอย่างกำลังตีกันในหัวของเธอ






    มือเรียวถูกยกขึ้นมาขยุ้มเรียนผมสีทองสลวยอย่างรุนแรง นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลง หายใจหอบถี่...






    ไม่ฆ่ามัน มันก็ต้องฆ่าเจ้า...






    เจ้าเกิดมามีศักดิ์สูง...เป็นถึงเจ้าหญิง....ชีวิตเจ้าย่อมมีฆ่ามากกว่าไอ้พวกชั้นต่ำนั่นอย่างแน่นอน






    ใช่...ชีวิตเธอมีฆ่ามากกว่าพวกมัน เธอจะไม่ยอมถูกฆ่า...ไม่ยอม
    !....ไม่ยอมเด็ดขาด!!!






    "ไม่ยอมเด็ดขาด!!!" เธอตะโกนสุดเสียงพลางทรุดกายลงบนพื้นหญ้า พร้อมๆกับฟรานซิสที่วิ่งเข้ามาหาเธออย่างเป็นห่วง เด็กชายพยายามจะเข้าไปประคองเธอให้ลุกขึ้น แต่ทว่ากลับถูกมือเรียวปัดไสความห่วงใยของผู้เป็นพี่ออกไปอย่างไม่ใยดี






    "อย่ามายุ่งกับฉัน!!" เธอตวาด...ใกล้เสียงสติเข้าไปทุกที






    "เฟรนเซล…"






    "ทำไม...ทำไม...ทำไมฉันจะฆ่าพวกสัตว์ชั้นต่ำพวกนั้นไม่ได้!!" เธอตวาดอีก นัยน์ตาเริ่มเอ่อร้นไปด้วยหยาดน้ำใส "มันจะฆ่าเรา! มันจะฆ่าครอบครัวของเรา! นายได้ยินไหม! ครอบครัวของเราไปทำอะไรผิด! ไปทำอะไรผิด! ตอบ!! ตอบฉันสิ!!"





     



     

    ร่างสูงย่างกรายเข้ามาภายในห้องบรรทม ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องรูปภาพภายในมือเสียจนไม่รู้ว่าบัดนี้พระสวามีของเธอเข้ามาแล้ว คาโลมองอิริยาบถของร่างบางด้วยสายตาอ่อนโยนกับภาพที่เห็นจนชินตา..






    เธอเป็นอย่างนี้มาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่รู้ว่าออลเฟรย์กำลังจะกลับมา...






    "เฟริน" คาโลส่งเสียงเรียกให้ร่างเหม่อลอยหลุดจากภวังค์






    "อ้าว! นายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" เฟรินวางรูปลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วลุกขึ้นสาวเท้าไปในห้องน้ำเพื่อต้มน้ำอุ่นสำหรับให้เจ้าคนมาดมากอาบ...เป็นงานอย่างเดียวที่เธอปฏิบัติได้อย่างสมเป็นภรรยาที่เพิ่งจะเริ่มทำได้ไม่นานมานี้ "รอแป็บน้า นั่งรอก่อนก็ได้ น้ำอุ่นเมื่อไหร่ฉันจะเรียก"






    คาโลมองตามร่างบางที่วิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรีบเร่งแล้วถึงกับอมยิ้ม เขาคาดว่า อีกไม่นานมันจะออกมาในสภาพลูกหมาตกน้ำ...






    จริงดังคาด...เฟรินออกมาในสภาพเปียกโชนเหมือนพึ่งเข้าไปอาบน้ำมากกว่าเข้าไปต้มน้ำ คาโลส่ายหน้าน้อยๆอย่างเอือมๆ






    "เสร็จละ เชิญเจ้าพี่ได้แล้วเพคะ" เสียงหวานกล่าวพลางยิ้มหวานจนแก้มแทบปริ ก่อนถอนสายบัวงามๆหนึ่งที การกระทำที่คาโลนึกขันในใจ






    มันทำตัวน่ารักอีกแล้ว...






    คาโลลุกขึ้นจากเก้าอี้ สองเท้าทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับรวบตัวร่างบางข้างประตูเข้ามาไว้ในอ้อมอกแล้วช้อนขึ้นอุ้มในอ้อมแข็งอย่างรวดเร็วและชำนาญจนเฟรินได้แต่ตะลึงงัน ก่อนโวยเสียงสูง พลางทุบแฝงอกแข็งแกร่งของคาโลเป็นการใหญ่






    "เฮ้ย! จะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะ ไอ้บ้า"





    "ไม่เรียกฉันว่าเจ้าพี่แล้วหรือ" คาโลแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์บางๆ






    "ไม่! ถ้าอยากให้เรียกก็ปล่อยฉันลงสิวะ" เฟรินพยายามต่อลองอย่างสุดความสามารถ หากมันหาได้ผลไม่ คาโลสาวเท้าเข้าไปในห้องน้ำพร้อมร่างบางที่ดิ้นขลุกขลักโวยวายเสียงหนวกหูในอ้อมแขน






    ปึ้ง
    !






    เสียงปิดประตูห้องน้ำเบาๆ พร้อมร่างทั้งสองที่หายลับเข้าไปในห้อง...






    ภายในห้องน้ำสีขาวสะอาดเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้นานาพันธุ์กับไออุ่นๆจากน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำขนาดคิงไซส์ ร่างสูงของคาโลก้าวตรงไปยังอ่างอาบน้ำ






    "ปล่อย หูหนวกรึไงวะ บอกให้ปล่อยไงเล่า! ไอ้บ้า" มองค้อนก็แล้ว ทุบก็แล้ว ดิ้นเสียจนไม่รู้จะดิ้นอย่างไรก็แล้ว แต่ดูเหมือนคนไอ้คนที่ถือสิทธ์อุ้มเธออยู่จะไม่สะทบสะท้อนสักนิด มันยังคงเดินต่อไปและหยุดลงข้างอ่างอาบน้ำขนาดคิงไซส์ต้นตอของไออุ่นๆ






    มันจะทำอะ...






    ตูม
    !! ซ่า






    ความคิดของแม่ยอดยุ่งก็ต้องหยุดชะงักลงเพียงแค่นั้นเมื่อร่างสูงของคาโลปล่อยร่างบางในอ้อมแขนโยนโครมลงในอ่างอาบน้ำขนาดคิงไซส์ให้ตัวเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำก็ไม่ปาน






    "คาโล ไอ้บ้า! แกแกล้งฉัน" เฟรินถลึงตาเขียวปั๊ดใส่เจ้าคนร่างสูงที่ยืนหน้าตายข้างขอบอ่าง หลังจากที่ตะเกียดตะกายลุกขึ้นยืนในอ่างได้ ชุดนอนสีเหลืองอ่อนของเจ้าตัวบัดนี้เปียกโชกแนบกายทำให้เห็นเรือนร่างงดงามได้รูปภายใต้ผ้าเนื้อบางเบาเด่นชัด






    เธอรู้ ป่านนี้ในใจไอ้คาโลมันคงขำเธอแทบกลิ้ง มันทำเหมือนเธอเป็นตัวตลก






    "แกทำเหมือนฉันเป็นตัวตลกหรือไง" เฟรินแหววเสียงห้วนส่อถึงความไม่พอใจ ก่อนทำท่าจะจ้ำอ้าวออกจากอ่าง หากต้องหยุดชะงักกับน้ำเสียงเย็นๆจากร่างสูง






    "นายเป็นคนบอกให้ฉันปล่อยเอง"






    "ง่ะ นายก็เลยโยนฉันลงในอ่างงั้นสิ ตกลงนี่ฉันเป็นคนผิดใช่ไหมเนี่ย" นิ้วมือเรียวชี้ข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาชี้หน้าตัวเองที่ขณะนี้ดวงหน้างามงอง่ำ ก่อนสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น มือทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก หากยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม






    เข้าโหมตสาวงาม...






    การกระทำที่คาโลยิ้มกริ่มในใจ หากใบหน้ายังคงรักษามาดน้ำแข็งหน้าตายเหมือนเคย





     



     

    คงอยากให้เขาไปง้อ...






    จ๋อม
    !!






    คาโลก้าวขาลงไปในอ่างอาบน้ำ...






    ปฏิบัติการง้อสาวงามแม่ลูกสามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น






    "หือ?" เฟรินส่งเสียงในลำคอ พร้อมเบนหน้ากลับมายังร่างสูงโปร่งของคาโลที่ก้าวเข้ามาในอ่างอาบน้ำทั้งเสื้อผ้า "คาโล นายลงมาได้ยังไงทั้งเสื้อผ้าน่ะฮะ" คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นกึ่งไม่สบอารมณ์ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าสะเอว "นายใส่ชุดนั้นมาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่หรือ นายกำลังทำให้น้ำสกปรกหมดนะเข้าใจไหม ลงไปจากอ่างซะ " แล้วเฟรินก็ละมือข้างหนึ่งจากเอวมาชี้นิ้วสั่งประกอบคำพูด






    ผีแม่ศรีเรือนกำลังเข้าสิงเธอ...ชัวร์






    หากร่างสูงของคาโลไม่ค่อยถนัดทำตามคำสั่งใครเท่าไหร่ไรนัก คำสั่งของเฟรินจึงเปรียบเสมือนกระแสลมพัดผ่าน...คาโลสาวเท้าเข้าไปประชิดแม่ยอดยุ่ง การกระทำที่สาวเจ้ารีบถอยหลังกรูด






    ขามันไปของมันเองโดยอัตโนมัติเมื่อสันชาตญาณของเธอร้องเตือนอันตรายจากบุรุษหื่นกามตรงหน้า






    มันไม่เบื่อบ้างหรือไงวะ... เธอคงคิดผิดที่แต่งงานกับมัน






    เฟรินคำนึงในใจ ขณะนัยน์ตาสีน้ำตาลพยายามเสาะหาทางหนีทีไล่ ขาทั้งสองข้างถอยหลังไปเรื่อยๆ จน...






    หลังติดกำแพง...






    ซวย วุ๊ย
    !!






    วันนี้มันวันอภิมหาซวยเลยว่ะ






    เฟรินอยากเกาผมสีน้ำตาลยุ่งๆของเธอแรงๆให้หายหงุดหงิดเสียจริง เมื่อเธอถอยหลังมาจนหลังติดกำแพงฝั่งหนึ่งของห้องอาบน้ำ






    "หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะเฟ้ย ถ้าแกขืนเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันจะต่อยแกจริงๆด้วย" เฟรินขู่ฟอดเมื่อเจ้าตัวเข้าข่ายจนตรอกหมดทางหนี







    ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก...






     
    "แน่ะ! ยังไม่หยุดอีก แกคิดว่าฉันล้อเล่นรึไง คาโล ฉันจะต่อยแกให้หน้าหงายเลยคอยดูสิ" เฟรินหักนิ้วมือดังเป๊าะๆเป็นเชิงเตรียมพร้อมแกมขู่ไปในตัว หากเจ้าคนหน้าตายก็ยังคงไม่หยุดเดิน


    พลั่ก!!

    ตูม!! ซ่า!!

    เฟรินออกหมัดเสยคางมนของคิงแห่งคาโนวาลพระสวามีของเจ้าตัวเข้าไปเต็มรัก จนคนถูกประทุษร้ายหงายเก๋งล้มลงไปนอนแน่นิ่งล้มหน้าคว่ำข้างขอบอ่าง

    ต่อยออกไปแล้ว...

    คิ้วเรียวบางดังคันศรข้างหนึ่งกระตุกนิดๆกับริมฝีปากบางที่แสยะแย้มแหยๆ จ้องมองมือของตนข้างที่ปล่อยหมัดออกไปสลับกับร่างของคนที่เธอประทุษร้ายไปเมื่อครู่ไปมา

    แปลก...ทำไมงวดนี้มันไม่หลบวะ...

    “ฉ...ฉันเตือนแกแล้วนะ คาโล ล..แล้วแกก็ดันไม่หลบเอง ก...แกผิดเองนะ” เสียงหวานกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมเหลือบมองร่างของคาโลที่แน่นิ่งอยู่ข้างขอบอ่างอย่างหวาดๆ “น...นายเป็นอะไรรึเปล่าอ่ะ คาโล”

    ฟิ้ว~

    เงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงลมที่พัดเข้ามาจากทางหน้าต่างขอบทองภายในห้องน้ำหรูหราโอ่อ่า หากร่างสูงของคาโลยังคงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ทำเอาร่างบางเริ่มใจเสีย

    มันเป็นอะไรรึเปล่า? แต่นี่ก็แค่หมัดเบาๆเองนะ เบาจริงๆ ไม่ได้โกหก...หรือว่า จะไปโดนจุดสำคัญเข้า...

    เฟรินขยับตัวเดินเข้าไปใกล้คาโลอย่างระมัดระวังตัวเต็มที่ แล้วจัดการเอา....เท้าเขี่ย....

    “เฮ่ๆ คาโล นายไม่เป็นอะไรนะ” น้ำเสียงหวานส่อแววความเป็นห่วงฉายชัดในน้ำเสียง ขณะที่เท้าข้างหนึ่งก็ยังคงดำเนินหน้าที่เขี่ยต่อไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังไร้วี่แววปฏิกิริยาตอบสนองจากร่างสูง เฟรินจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ก้มตัวลงไป แล้วจัดการเอานิ้วจิ้มๆที่หัวไหล่ของคาโล “คาโล...นายไม่เป็นไรใช่ไ...”

    หมับ!!

    มือตุ๊กแกขาวๆจากไอ้คนมากเล่ห์คว้าหมับไปยังต้นแขนเรียวบางของแม่ยอดยุ่งแล้วจัดการดึงลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว พร้อมทำการขึ้นคร่อมทาบทับบนตัวของเจ้าหล่อน ข้อมือบางทั้งสองข้างถูกจับกดล็อคไว้กับขอบอ่าง

    “นายหลอกฉัน!!”


    พลั่ก!!

    ตูม!! ซ่า!!

    เฟรินออกหมัดเสยคางมนของคิงแห่งคาโนวาลพระสวามีของเจ้าตัวเข้าไปเต็มรัก จนคนถูกประทุษร้ายหงายเก๋งล้มลงไปนอนแน่นิ่งล้มหน้าคว่ำข้างขอบอ่าง

    ต่อยออกไปแล้ว...

    คิ้วเรียวบางดังคันศรข้างหนึ่งกระตุกนิดๆกับริมฝีปากบางที่แสยะแย้มแหยๆ จ้องมองมือของตนข้างที่ปล่อยหมัดออกไปสลับกับร่างของคนที่เธอประทุษร้ายไปเมื่อครู่ไปมา

    แปลก...ทำไมงวดนี้มันไม่หลบวะ...

    “ฉ...ฉันเตือนแกแล้วนะ คาโล ล..แล้วแกก็ดันไม่หลบเอง ก...แกผิดเองนะ” เสียงหวานกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมเหลือบมองร่างของคาโลที่แน่นิ่งอยู่ข้างขอบอ่างอย่างหวาดๆ “น...นายเป็นอะไรรึเปล่าอ่ะ คาโล”

    ฟิ้ว~

    เงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงลมที่พัดเข้ามาจากทางหน้าต่างขอบทองภายในห้องน้ำหรูหราโอ่อ่า หากร่างสูงของคาโลยังคงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ทำเอาร่างบางเริ่มใจเสีย

    มันเป็นอะไรรึเปล่า? แต่นี่ก็แค่หมัดเบาๆเองนะ เบาจริงๆ ไม่ได้โกหก...หรือว่า จะไปโดนจุดสำคัญเข้า...

    เฟรินขยับตัวเดินเข้าไปใกล้คาโลอย่างระมัดระวังตัวเต็มที่ แล้วจัดการเอา....เท้าเขี่ย....

    “เฮ่ๆ คาโล นายไม่เป็นอะไรนะ” น้ำเสียงหวานส่อแววความเป็นห่วงฉายชัดในน้ำเสียง ขณะที่เท้าข้างหนึ่งก็ยังคงดำเนินหน้าที่เขี่ยต่อไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังไร้วี่แววปฏิกิริยาตอบสนองจากร่างสูง เฟรินจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ก้มตัวลงไป แล้วจัดการเอานิ้วจิ้มๆที่หัวไหล่ของคาโล “คาโล...นายไม่เป็นไรใช่ไ...”

    หมับ!!

    มือตุ๊กแกขาวๆจากไอ้คนมากเล่ห์คว้าหมับไปยังต้นแขนเรียวบางของแม่ยอดยุ่งแล้วจัดการดึงลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว พร้อมทำการขึ้นคร่อมทาบทับบนตัวของเจ้าหล่อน ข้อมือบางทั้งสองข้างถูกจับกดล็อคไว้กับขอบอ่าง

    “นายหลอกฉัน!!”



    .........................................................................................................
    6/06/49

    ........

     
    3/06/49

    มาอัพแล้วนะคะ (กว่าจะมาอัพได้ชาติเศษ = =)

    ขออภัยด้วยนะคะที่ปล่อยให้รอนาน ไม่มีเวลาจริงๆค่ะ

    จะพยายามมาอัพต่อให้นะคะ

    เมื่อไหร่ออลเฟรย์จะได้ออกหว่าเนี่ย = =

    ขอเม้นเหมือนเดิมค่ะ

                                                                                                    yurikagarin

    18/05/49

    เม้นน้อยจังนะคะ...

    ตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลย จะพยายามมาอัพให้

    ขอเม้นหน่อยสิ ถ้าอยากอ่านต่อก็กรุณาเม้น หรือจะให้ทิ้งกลายเป็นฟิคร้าง!!

    โมโหแล้ว!!

                                                                                               yurikagarin

    11/05/49

    มาอัพให้แล้วนะคะ ผิดคาดค่ะมาอัพให้ตอนเที่ยงตอนแรกคิดว่าจะอัพให้เย็นๆ แล้วก็ต้องขออภัยที่ดองนานค่ะ จะรีบมาอัพต่อให้นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆ

    เอ่อ...ตอนนี้คนแต่งค่อนข้างโรคจิต เนื่องมาจากสงสัยว่าข้าพเจ้าจะอ่านนิยายฆาตกรรมมากเกินไป =[]=  ตอนนี้มันเลยออกมาเป็นเช่นนี้อย่างที่เห็นอ่าค่ะ....ใครรับไม่ได้ก็รออ่านตอนหน้าแล้วกันนะคะ (แต่คงอ่านไม่รู้เรื่องถ้าไม่อ่านตอนนี้)

    ส่วนภาคธรรมดาก็จะรีบมาอัพให้ ถ้าข้าพเจ้าไม่โดนแย่งเล่นคอมบ่อยอย่างปัจจุบัน

                                                                                            yurikagarin (ยูริคะกะริน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×