ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส [Baramos] The tale of happiness

    ลำดับตอนที่ #8 : Special Chapter 2 :: Wanebli 's Family

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 49



    Special Chapter 2 :: Wanebli 's Family




    ตอนพิเศษที่ ๒ :: ครอบครัววาเนบลี





     

    ยามรุ่งอรุณเช้านี้ตามความเชื่อของเหล่ามนุษย์บางคนผู้งมงาย ที่เชื่อกันว่าเทพเจ้าผู้สถิตอยู่บนสรวงสวรรค์เป็นผู้ดลบันดาลความชุ่มช่ำของหยาดน้ำฝนรำไรในเช้าวันนี้แก่มวลมนุษย์และผืนปฐพีเบื้องล่าง ท้องฟ้าสีครามสดใสอย่างที่มันควรจะเป็นในยามรุ่งอรุณของทุกๆวันจึงถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีมืดครึ้ม เสียงหยาดน้ำฝนตกกระทบพื้นดังเปาะแปะอย่างไม่ขาดสาย






    เด็กชายวัยประมาณสิบเอ็ดปีเศษ เจ้าของเรือนผมสีเงินยวงยาวสลวยไปจนถึงกลางหลังที่ถูกเจ้าตัวรวบไว้อย่างลวกๆด้วยริบบิ้นสีนิลกาฬเส้นบางสะท้อนแสงของสายฟ้าแลบจากภายนอกหน้าต่างบานโตเปล่งประกายวาววับ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เข้าชุดกับโต๊ะทรงอักษรไม้สักทองตัวใหญ่เกินตัว นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างคู่สวยคมเข้มไล่มองไปตามตัวอักษรของเนื้อหาภายในเอกสายหนาปึกที่อยู่ในมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างกำลังง่วนอยู่กับการดีดลูกคิดข้างตัวอย่างเชี่ยวชาญชำนาญยิ่ง






    เกินงบประมาณ...






    ห้วงคำนึงของเด็กชายก่อนคิ้วเรียวสีเงินยวงจะเริ่มขมวดมุ่นอย่างคนไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก เด็กชายวางเอกสารหนาปึกในมือลงบนโต๊ะ นัยน์ตาสีฟ้าละจากเอกสารตรงหน้าแล้วกวาดสายตาหากระดาษเปล่าและปากกาขนนกที่เจ้าตัวจำไม่ได้แม้แต่น้อยว่าไปวางไว้ตรงส่วนใดของโต๊ะทรงอักษรรกๆที่มีแต่กองอกสารวางระเกะระกะอยู่




    "พี่กำลังหาไอ้นี่อยู่รึเปล่าฮะ" เสียงจากอีกหนึ่งบุรุษซึ่งนั่งเงียบๆร่วมห้องมานานแล้วเอ่ยขึ้นพลางยกกระดาษเปล่าปึกหนาและปากกาขนนกพร้อมขวดน้ำหมึกขึ้นโชว์




    เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีเงินยาวสลวยพยักหน้าน้อยๆแต่ทว่าไร้เสียงใดๆเล็ดลอดออกจากริมฝีปากที่ยังคงปิดสนิท ผู้อาศัยอยู่ร่วมห้องอีกคนในขณะนี้จึงบริการยุรยาตรนำสิ่งของมาส่งให้ถึงโต๊ะแล้วเดินกลับไปนั่งที่ที่ตนจากมาตามเดิม




    กระจกพกบานเล็กกะทัดรัดกับหวีลายไม้ ถูกเด็กชายผู้มีเรือนผมสีนิลแซมด้วยสีม่วงเข้มหยิบออกมาส่องดวงหน้าคมของตนทันทีที่เจ้าตัวนั่งลงบนโซฟานุ่มนิ่มตรงข้ามโต๊ะทรงอักษรที่เพิ่งเดินไปส่งของเมื่อครู่ นิ้วมือหนาของมือข้างหนึ่งลูบไล้ปลายคางตนเองไปมา ขณะที่มืออีกข้างกำลังง่วนอยู่กับการหวีจัดทรงผมของตนให้เข้ารูปเข้าทรง นานสองนานกว่าเจ้าตัวจะยิ้มกริ่มแสดงความพอใจยิ่งเมื่อทรงผมนั้นเข้ารูปเท่สมตัวเจ้าของอย่างไม่มีที่ติตามความคิดของตน





    "พี่ว่าผมดูหล่อดีรึยังฮะ" เด็กชายผู้หลงตัวเองขนาดหนักหันไปถามเด็กชายผู้อาวุโสกว่าหนึ่งปีที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างยิกๆอยู่บนโต๊ะไม้สักทองราคาแพงลิบลิ่ว




    ผู้ถูกถามละสายตาจากงานตรงหน้าขึ้นมามองหน้าผู้ถามตามมารยาท ก่อนตอบคำถามนั้นด้วยเสียงราบเรียบสั้นๆดังเช่นบิดาของตนชอบทำ
    "ก็ดี"





    น้ำคำเรียกรอยยิ้มระรื่นกับนัยน์ตาสีม่วงฉายแววพราวระริกบนดวงหน้าคมของเด็กชายผู้หลงตัวเอง
    "นั่นสินะฮะ ผมนี่มันแย่จริงๆ ไม่รู้จะถามทำไมให้มันเปลืองน้ำลาย...คนมันจะหล่อซะอย่าง ทำผมทรงไหนมันก็หล่ออยู่วันยังค่ำ"





    คิ้วสีเงินยวงกระตุกน้อยๆ อารมณ์ความหมั่นไส้นายนักฆ่าเจ้าสำอางรุ่นเยาว์พุ่งปรี๊ดบังเกิดขึ้นอย่างเงียบงันภายในใจ ก่อนรอยยิ้มบางที่แฝงไปด้วยความน่ากลัวบางประการจะผุดขึ้นบนดวงหน้าคมคายติดหวานละม้ายคล้ายมารดา แต่ทว่านายนักฆ่าเจ้าสำอางมิทันจะสังเกตเห็นรอยยิ้มที่จะต้องทำให้ตัวเองนั้นระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าตัว คทาประจำกายถูกเรียกออกมาอย่างเงียบเชียบที่สุด กระชับอยู่ในมือเนียนนุ่มเยี่ยงคนไม่เคยทำงานแม้กระทั่งล้างจานข้างหนึ่งซึ่งซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ริมฝีปากบางขยับพึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนทรงผมของนายนักฆ่าเจ้าสำอางจะเรืองแสงสีเงินยวงแล้วค่อยๆจางหายไปโดยที่เจ้าตัวคนต้องเวทย์ไม่รู้ตัวแม้เพียงนิด






    เด็กชายเจ้าของมนตราเมื่อครู่ยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจกับผลงานชิ้นโบแดงชิ้นล่าสุด
    "งั้นหรือ ฉันเห็นด้วยกับพูดของนายนะ"






    "ใช่ไหมล่ะฮะก็คนมันเกิดมาหล่อ จะเอาอะไรมาฉุดมันก็หยุดความหล่อของผมไม่ได้หรอกฮะ ทรงผมทรงไหนก็เข้ากับหน้าตาอันหล่อเหลาเกินห้ามใจของผมทุกทรงแหละฮะ" นายนักฆ่าเจ้าสำอางโอ่ความหล่อเหลาของตัวเองเป็นการใหญ่พร้อมรอยยิ้มระรื่น






    "หรือแม้กระทั่งทรง...อะโฟรสินะ" นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างฉานฉาบไปด้วยความนัยอะไรบางอย่างระคนกับประกายระริกถูกอกถูกใจ สายตาที่นายนักฆ่ารุ่นเยาว์เหมือนมีลางสังหรณ์บางประการตงึดๆเกี่ยวกับตนเองเกิดขึ้นลางๆ






    "ทรงอะโฟร?" นายนักฆ่าเจ้าสำอางทวนคำอย่างงุนงง รอยยิ้มระรื่นเริ่มหุบฉับทีละน้อย






    "ใช่" คำสำทับจากเด็กชายผู้อาวุโสกว่าหนึ่งปี เรียกให้นายนักฆ่าผู้มีลางสังหรณ์อันเลวร้ายเกี่ยวกับตัวเองรีบควานคว้าหากระจกบานกะทัดรัดที่ตนพกติดตัวอยู่เป็นนิตย์ข้างตัวขึ้นมาส่องอย่างเร่งด่วน





    "ว๊ากกกก!!" นายนักฆ่าผู้หล่อเหลาอยู่เป็นนิตย์ร้องเสียงหลง เสียงร้องที่คล้ายกับเสียงโหยหวนครวญครางเมื่อเห็นสภาพศีรษะของตนที่ไม่เหลือเค้าทรงผมทรงเดิมแม้แต่น้อย มีเพียงทรงผมทรงอะโฟรฟูฟ่องหยิกหยอยสุดเท่บาดใจเข้ามาแทนที่ มือหนาของนายนักฆ่าสั่นระริกเป็นเจ้าเข้ากระจกบานน้อยค่อยๆร่วงหล่นลงสู่พื้นปฐพีเบื้องล่าง





    "ผ...ผม...ส...สุดรักของผ...ผม

     







     

    ตึง ตึง!!





    เสียงฝีเท้านางมารกับการสั่นสะเทือนของพื้นหินอ่อนดังมาแต่ไกลบ่งบอกอารมณ์ของผู้กำลังเสด็จมาเยือนได้เป็นอย่างดี ไม่นานนัก...






    โครม
    !!!






    เสียงเปิดประตูอย่างไร้มารยาทขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรงดังสนั่นลั่นวัง เรียกนัยน์สีฟ้ากระจ่างใสคู่สวยของเจ้าของห้องตวัดหันไปมองผู้มาเยือนซึ่งรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่าเขาคือผู้นั้นคือใคร...





    เด็กหญิงผู้สวมใส่อาภรณ์เยี่ยงบุรุษเพศสีดำสนิท ภายในมือขวากำกระชับดาบคู่กายไว้เยี่ยงพร้อมรบ เรือนผมสีทองยาวสลวยเงางามหยิกเป็นลอนอ่อนๆยาวไปจนถึงสะโพกขลับกับดวงหน้ารูปไข่ได้รูปน่ารักน่าชังกับผิวขาวบริสุทธิ์ไร้รอยตำหนิใดๆ ซึ่งบัดนี้นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเปลือกไม้ดังเช่นมารดาฉายประกายวาวโรจน์อย่างเห็นได้ชัดกับดวงหน้าหวานบูดบึ้งสนิทเหมือนกับพึ่งไปรับประทานรังแตนมาอย่างไรอย่างนั้น





    "ฟรานซิส!! นาย!!" เด็กหญิงผู้มาเยือนคนใหม่กล่าวเสียงลอดไรฟัน กระชับดาบใหญ่แหลมคมในมือชี้หน้าเด็กชายผู้ถูกเรียก นัยน์ตาสีน้ำตาลของเจ้าตัวแฝงแววอำมหิตพร้อมๆกับแผ่จิตสังหารดำมืดออกมาอย่างไม่ขาดสาย





    ในขณะนี้หากมีใครเดินผ่านมาหรือยืนอยู่ละแวกนี้คงต้องวิ่งหนีหางจุกก้นกันไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่าคนคนนั้นต้องมิใช่เด็กชายเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าซึ่งจ้องเขม่งดวงหน้าหวานอย่างท้าทายพลางกระตุกยิ้มบางหวังกระตุกหนวดเสือเล่น กับนายนักฆ่ารุ่นเยาว์ซึ่งบัดนี้เข้าอาการโคม่าช็อคค้างไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นเพียงเพราะทรงผมสุดเท่ห์เก๋ไก๋อย่าบอกใครที่เด็กชายผู้อาวุธโสกว่าหนึ่งปีเสกสรรมาให้โดยที่เจ้าตัวมิได้ร้องขอ





    "ทำไมนายถึงไปสั่งให้พวกนางกำนัลในครัวลดจำนวนอาหารว่างของฉัน!!" เด็กหญิงแหววเสียงแหลมสูง กระแทกบาทาปึงปังมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทรงอักษรไม้สักทอง






    ปึ้ง
    !!





    มือเรียวบางของเด็กหญิงทุบโต๊ะอย่างรุนแรงตามแรงโทสะ หากคู่กรณียังคงเหยียดยิ้มอย่างท้าทายแทนคำตอบ






    "ตอบมาเดี๋ยวนี้!!"





    "เปลือง" ตำตอบสั้นๆง่ายๆได้ใจความ ก่อนเด็กชายจะก้มลงไปให้สนใจกับเอกสารหนาตัวอย่างใจจดใจจ่อ เรียกดีกรีอารมณ์โทสะของเด็กหญิงผู้มีเส้นอารมณ์ต่ำให้พุ่งสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว





    "เปลือง!! เปลืองอะไรของนาย" เสียงหวานใสตวาดลั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งแรงอารมณ์ที่พุ่งพล่านอย่างมิอาจหยุดยั้ง





    หากคู่กรณียังคงทำเป็นหูทวนลมใจจดใจจ่ออยู่กับการอ่านเอกสารในมือไม่คิดสนใจเด็กหญิงที่ยืนแวดๆใส่เบื้องหน้าสักนิดราวกับเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ
     




    เด็กหญิงผู้มีเส้นอารมณ์ต่ำอันใกล้ขาดอยู่รอมร่อ หายใจรัวแรง ริมฝีบางบางถูกเจ้าตัวเม้มแน่น ก่อนเจ้าตัวจะปิดเปลือกตาลงพลางนับหนึ่งถึงหนึ่งร้อยในใจอย่างคนพยายามข่มอารมณ์





    อารมณ์โทสะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น....กลับกัน มันยิ่งทำให้เลวร้ายลง





    คำรำพึงในห้วงคิดก่อนเด็กหญิงผ่อนลมหายใจยาวราวกับขับไล่อารมณ์โทสะให้ผ่อนออกไปพร้อมๆกับลมหายใจนั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ค่อยๆเหลือบขึ้นทอดสายตามองเด็กชายผมเงินที่ก้มหน้าก้มตาอยู่บนโต๊ะ ริมฝีปากบางรูปกระจับแสยะยิ้มเหยียดคล้ายดูแคลน เมื่อความคิดบางประการจุดประกายขึ้นในหัวสมอง ก่อนเอ่ยเอื้อนวาจา...






    "หรือนายกำลังดูถูกประเทศของตนเอง" เด็กหญิงเปรยน้ำเสียงราบเรียบอย่างคนสงบสติอารมณ์ได้แล้ว หากคำพูดนั้นกลับเรียกความสนใจจากเด็กชายผมเงินได้ชะงักนัก






    นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยละจากเอกสารขึ้นมาสบนัยน์ตาสีน้ำตาลเหยียดหยามที่เจ้าตัวมีอยู่เป็นนิตย์ซึ่งมองมาก่อนแล้ว...สายตาที่บุคคลผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องไม่ควรใช้สายตาเช่นนั้นมองพี่ชายแท้ๆของตน
    !





    "นายกำลังจะบอกว่า ประเทศของเรายากจนข้นแค้นถึงขนาดจำเป็นต้องลดจำนวนอาหารว่างของเชื้อพระวงศ์สักองค์สินะ" ดวงตาสีเปลือกไม้คู่สวยหรี่เล็กลง "แล้วทำไมต้องเจาะจงเป็นของฉันด้วย...ถ้าอยากประหยัดนักทำไมไม่สั่งลดของตัวเองเสียล่ะ" ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มหยันขึ้นบนดวงหน้างามขาวนวล ก่อนเรียวปากนั้นจะกล่าววาจาระคายหูคนฟังอย่างถึงที่สุดด้วยประโยคเนิบๆสั้นๆเป็นลำดับต่อไป "เห็นแก่ตัวจริงนะ"






    คำปรามาสที่เด็กหญิงกล่าวหาถึงกับทำให้คนฟังทนเงียบต่อไปไม่ได้ ด้วยอารมณ์โทสะที่เริ่มผุด






    "ฉันพูดอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่" เด็กชายกล่าวเสียงเรียบอย่างเคยนิสัย พร้อมกับดวงหน้าที่ยังคงสงบนิ่งไร้อารมณ์ หากนัยน์ตาคู่สวยนั้นซ้อนเร้นประกายแข็งกร้าวด้วยความไม่พอใจลึกๆในคำปรามาสที่เขาเกลียดแสนเกลียดไว้ภายใน






    "ถึงนายไม่พูด ฉันก็รู้อยู่เต็มอกว่านายคิดอย่างไร" คำพูดโอ่ความฉลาดรอบรู้ของตนเต็มที่พร้อมรอยยิ้มหยันซึ่งยังคงปรากฏอยู่บนดวงหน้างามมิแปรเปลี่ยน มือทั้งสองข้างถูกเจ้าตัวยกขึ้นมากอดอกอย่างวางภูมิ






    "มีคนเคยกล่าวเอาไว้…" ประโยคเกริ่นนำก่อนเด็กชายจะกล่าวต่อไป "คนฉลาดที่แท้จริงมักไม่แสดงความฉลาดของตนออกมาเมื่อไม่จำเป็น...มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มักแสดงความโง่เง่าที่ตนคิดว่าฉลาดแสนฉลาดออกมาทุกครั้งยามเมื่อมีโอกาส..." เด็กชายเปรยขึ้นไม่เบานักประสงค์ให้เด็กหญิงตรงหน้าได้ยิน และเด็กชายก็ต้องยิ้มกริ่มในใจเมื่อความประสงค์ของเขาได้บรรลุแล้ว






    "นาย!" เด็กหญิงกัดฟันกรอด ดวงหน้างามแดงก่ำด้วงแรงโทสะอีกครา นิ้วมือเรียวถูกเจ้าตัวกำจนขึ้นข้อขาว ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านกระแทกเท้าปึงปังอยู่กับที่ราวเด็กที่ถูกขัดใจ เมื่อโสตประสาทได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าที่เปรยขึ้นด่าสาดใส่เธอโดยเฉพาะ





    เธอแพ้คนตรงหน้าอีกแล้ว...แพ้อย่างราบคาบ...





    น่าโมโหที่สุด
    !!!






    คิดแล้วความอับอายก็เริ่มแทรกซึมเข้ามาในใจดวงน้อยพร้อมกับอารมณ์โทสะที่พุ่งขึ้นอีกเป็นเท่าตัว





    เธอควรกลับไปตั้งหลักใหม่...และเธอจะกลับมาใหม่พร้อมกับธงแห่งชัยชนะที่โบกพลิ้วไสวรอเธอ






    เด็กหญิงปฏิญาณอย่างแน่วแน่ต่อตนเอง หลุบนัยน์ตาลงต่ำพร้อมหันหลังกลับแล้วเอ่ยคำพูดทิ้งท้าย
    "ครั้งนี้นายชนะ หึ แต่อย่าทำเหลิงไปล่ะ วันพระไม่ได้มีเพียงหนเดียว ครั้งหน้าฉันจะต้องทำให้นายยอมมาศิโรราบต่อหน้าฉันให้ได้!!" เด็กหญิงกล่าวเสียงหนักแน่น ก่อนสาวเท้าเดินตรงไปยังประตูทางออกที่ตนเปิดพรวดเข้ามาเพื่อกลับห้องบรรทมของตน แต่ทว่าฝีเท้าของเธอก็ต้องหยุดกลางคันหันขวับกลับมาทางต้นเสียง เมื่อเด็กชายเอ่ยคำพูดไล่หลังตามมา...





    "เฟรนเซล เธอควรให้ความเกรงใจฉันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอบ้าง" บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือกระแสอ่อนโยน ทอดสายตานุ่มนวลไร้อารมณ์โกรธหรือไม่พอใจกับคำพูดเมื่อครู่มองน้องสาวของตน





    เด็กหญิงกลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ แสยะรอยยิ้มหยันส่งไปให้
    "แค่ออกมาลืมตาดูโลกก่อนฉันสิบห้านาทีทำวางกล้ามซะใหญ่โตเชียวนะ"     แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ก็ค่อยๆหรี่ลงมองเด็กชายผมเงินอย่างเพ่งพิศ "ทั้งๆที่เราสองคนก็ปฏิสนธิในท้องของท่านแม่พร้อมๆกันแท้ๆ...หรือไม่จริง"





    เรือนผมสีทองยาวสลวยพลิ้วสะบัดตามมุมหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ดาบเล่มโตถูกไขว้เอาไว้ด้านหลังก่อนเด็กหญิงจะสาวเท้าจากไปพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลงดังโครม





    เสียงถอนหายใจยาวเหยียดราวยกภูเขาทั้งลูกออกจากอกจากเจ้าชายองค์โต ฟรานซิส วาเนบลี แห่งคาโนวาล หลังจากที่เด็กหญิงออกไปสักครู่ พร้อมๆกับกับเสียงสายฝนที่เริ่มซาลง หมู่เมฆมืดครึ้มน้อยใหญ่เริ่มเคลื่อนคล้อยจากไป แสงอาทิตย์ยามเที่ยงจึงสาดส่องลงสู่พื้นปฐพี หมู่มวลวิหคส่งเสียงร้องขับขานและทยอยบินออกจากรังเพื่อหาอาหารประทังชีวิตอีกครา เช่นเดียวกับมนุษย์ที่เริ่มทยอยกันออกมาตั้งร้านรวงทำมาหากินตามประสา





    "น่ากลัวเป็นบ้า" นายนักฆ่าผมทรงอะโฟรผู้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเอ่ยขึ้นอย่างหวาดๆ เรียกนัยน์ตาสีฟ้าคมกริบของเด็กชายเจ้าของห้องปราดมาสบ พร้อมกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก






    "ดูอยู่ด้วยหรือ ฉันคิดว่านายช็อคค้างกับทรงผมสุดเท่ห์จนไม่รู้อะไรทั้งสิ้นแล้วเสียอีก" เด็กชายกล่าวเรียบๆพลางยกมือเรียวสวยเสยผมสีเงินยวงนุ่มสลวยที่ร่วงลงมาปรกหน้าปรกตา ก่อนดึงริบบิ้นสีดำสนิทเส้นบางที่รัดผมยาวๆด้านหลังไว้อย่างลวกๆออกแล้วจัดการผูกมันใหม่






    "โธ่! พี่ฮะ ก็พวกพี่น่ะฟาดฝีปากกันดังสนั่นลั่นห้องอย่างนั้น ผมคงช็อคค้างไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวได้ไม่นานหรอกฮะ" นายนักฆ่ากล่าวน้ำเสียงระรื่นตามเคยอยู่เป็นนิตย์ นัยน์สีม่วงฉายประกายระริกเริงร่า ก่อนดวงหน้าของนายนักฆ่าอารมณ์ดีจะเริ่มมุ่ยลง เมื่อมือหนาของตนหยิบกระจกขึ้นมาส่อง ส่วนมืออีกข้างลูบผมตัวเองปรอยๆ









    "แล้วนี่พี่มีวิธีทำให้ทรงผมสุดเท่ที่พี่พระราชทานให้ผมกลับเป็นเหมือนเดิมไหมฮะ" นัยน์ตาสีม่วงละจากกระจกบานกะทัดรัดขึ้นมาสบเด็กชายผู้พระราชทานทรงผมให้เขาโดยที่เขาไม่ต้องการแม้แต่น้อยซึ่งบัดนี้คิ้วเรียวสีเงินยวงได้รูปเลิกขึ้นน้อยๆ





    "ไหนนายบอกกับฉันเองว่าคนอย่างนาย เรฟ ฟิลมัส ทำผมทรงไหนก็ขึ้นไงล่ะ" เด็กชายกระเซ้าเนิบๆ





    "มีคนบอกพี่บ้างไหมฮะ ว่าพักนี้พี่พูดเก่งขึ้น" นายนักฆ่ารุ่นเยาว์ว่ายิ้มๆ พลางเอนกายราบไปกับโซฟานุ่มนิ่ม มือทั้งสองข้างยกขึ้นพาดศีรษะไว้ ส่วนคนที่ถูกหาว่าพูดเก่งขึ้นไหวไหล่เล็กน้อย





    "จริงอยู่ฮะ ว่าคนรูปหล่ออย่างผมทำผมทรงอะไรก็ขึ้น แต่อย่างไรเสียผมก็ชอบทรงผมทรงเก่านั้นมากกว่า" ว่าแล้วนายนักฆ่าก็ถอนหายใจเฮือก เกาท้ายทอยแกรกๆ



     


    "เวทย์มนต์ของฉันอยู่ได้สามสิบวัน" เสียงเรียบเอ่ยเปรย ก่อนนัยน์ตาสีฟ้าใสหลุบต่ำลงไปสนใจกับเอกสารตรงหน้าตามเดิม มือข้างขวาหยิบปากกาขนนกขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างยิกๆ ส่วนมืออีกข้างดีดลูกคิดข้างตัวอย่างชำนาญ






    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงลูกคิดกระทบกันที่คนบนโต๊ะทรงอักษรดีดไปดีดมาเพื่อคำนวญบัญชีตัวเลข ส่วนนายนักฆ่ารุ่นเยาว์เพ่งพิศใบหน้าอันหล่อหลาของตนหันซ้ายทีขวาทีแล้วเขาก็เริ่มหลงเสน่ห์ทรงผมทรงอะโฟรสุดเท่ห์เข้าอย่างจัง






    ไม่เลว...เท่ห์ใช้ได้หนิ...





    ก็คนมันหล่อซะอย่าง...เรฟสรุปในใจพร้อมยิ้มระรื่น







    "รุก!"





    เสียงทุ้มเสียงหนึ่งประกาศก้องยามเมื่อโยกม้าไปข้างหน้า ดวงหน้าหยาบกร้านของคู่ตัวสู้เบื้องหน้าเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันทีที่คิงของเขากำลังจะจนมุม ที่ทำได้ในเวลานี้ก็มีเพียงโยกคิงหนีเท่านั้น





    "รุก!"





    เสียงทุ้มเสียงนั้นประกาศก้องขึ้นอีกขณะขยับบิชอปไปกั้นทางหนีคิงของฝ่ายตรงข้าม เมื่อเริ่มเห็นชัยชนะที่เริ่มแจ่มชัดขึ้น รอยยิ้มบนริมฝีปากหนาก็เหยียดขึ้นอย่างระรื่น ผิดกับคู่สู้ที่คิ้วสีนิลกาฬขมวดกันเป็นโบขนวดย่อมๆ





    "รุกฆาต!!"





    เสียงประกาศิตแห่งชัยชนะในเกมหมากรุกกระดานตรงหน้า เมื่อเจ้าตัวขยับเรือเข้าไปกินคิงของฝ่ายตรงข้ามที่จนมุม ก่อนเสียงถอนหายใจเถือกยาวของผู้แพ้จะดังขึ้นตามมา









    "ข้าแพ้ท่านอีกแล้ว ให้ตายสิ" เสียงของบุรุษวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีดำขลับกับเรือนผมสีเดียวกับนัยน์ตาเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย จนผู้ฟังถึงกับกลั้วหัวเราะในลำคอ





    "ตาหน้าข้าอาจจะแพ้ท่านก็เป็นได้ ท่านสนใจจะเล่นเป็นเพื่อนข้าอีกสักตาไหมล่ะ" บุรุษวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ผิวสีคล้ำเยี่ยงชาวคาโนวาลทั่วไป นัยน์ตาสีฟ้าเข้มกับเรือนผมสีดำขลับเอ่ยชวนเล่นหมากรุกอีกตา หากคนถูกชวนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ






    "ไม่ล่ะ ท่านว่าธุระของท่านที่เรียกตัวข้ามาถึงบ้านของท่านจะดีกว่า" คำกล่าวที่ทำให้บุรุษเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเข้มกระตุกริมฝีปากที่เหนือขึ้นไปนั้นเต็มไปด้วยหนวดหนายิ้ม ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง ดุดัน น่ากลัว จนคนมองเริ่มขนลุก เพียงแค่นั้นห้องทั้งห้องตกก็อยู่ในความเงียบสงัดที่แสนน่าอึดอัด สักพักก่อนเสียงกล่าวอย่างจริงจังจากชายผิวคล้ำจะเริ่มเปิดประเด็น






    "เรื่องที่ข้าสั่งให้ท่านเตรียม ท่านเตรียมเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" คนถูกถามพยักหน้าเนิบๆแทนคำตอบอย่างที่คนได้รับยิ้มกริ่มอย่างพอใจ









    "ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่มีอะไรผิดพลาดในวันพรุ่งนี้"





    "ไม่ผิดพลาดแน่นอน ท่านมิเห็นจะต้องกังวลกับสิ่งใด" ชายผิวสีน้ำตาลแดงว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก "หากมันผิดพลาดจริง ท่านก็เตรียมแผนสองไว้แล้วหนิ"





    "นั่นสินะ ข้ามิเห็นต้องกังวลอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ในเมื่อทุกอย่างมันพร้อมแล้ว" ว่าเสร็จชายผิวคล้ำกลั้วหัวเราะในลำคออีกครั้ง





    "หากท่านก็อย่าได้ประมาทไป ทุกอย่างมันอาจไม่ง่ายอย่างที่ท่านคิด" บุรุษนัยน์สีนิลเอ่ยเตือนซึ่งบัดนี้ดวงหน้าหยาบกร้านเคร่งเครียดขึ้นทันตา





    แต่ทว่าคนถูกเตือนกลับขยับรอยยิ้มเหี้ยมจนน่าขนลุกพร้อมประกาศก้องความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม
    "ไม่มีสิ่งใดที่ข้าผู้นี้อยากได้และจะไม่ได้ เช่นเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดที่ข้าผู้นี้จะทำไม่สำเร็จ"






    ใบหน้าหยาบกร้านของผู้ฟังเริ่มคลายเครียดลง รอยยิ้มน้อยๆกระตุกขึ้นพลางเอ่ยประโยคเตือนความจำ "แล้วท่านก็อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้เสียล่ะ"






    "ท่านอย่าได้กังวล ข้ามิเคยผิดคำที่ให้สัตย์ไว้ มิเช่นนั้นต่อไปข้าจะปกครองคนทั่วล้าได้งั้นหรือ" คำกล่าวที่จบลงพร้อมเสียงประสานหัวเราะดังสนั่น









    แสงอาทิตย์ยามเย็นทอแสงรำไร อีกไม่นานดวงสุริยาคงลาลับขอบฟ้า หากภายในเขตพระราชฐานส่วนในแห่งพระบรมมหาราชวังคาโนวาล นางกำนัลทั้งหลายต่างวิ่งวุ่นกันให้อลหม่านตั้งแต่เช้ามืดมิได้หยุดพัก เพื่อจัดเตรียมห้องบรรทมขององค์ชายพระองค์เล็กในกษัตริย์คาโล วาเนบลี โดยงานจัดห้องบรรทมทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์ราชินีเฟลิโอน่า






    สตรีร่างแบบบางอยู่ภายใต้อาภรณ์รัดกุมเยี่ยงบุรุษเพศกำลังยืนพักขาอยู่ใจกลางห้องขนาดใหญ่ ท่ามกลางนางกำนัลที่ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เสื้อเชิ้ตบางเบาสีฟ้าอ่อนยับยู่ยี่บ่งบอกการใช้งานที่เจ้าตัวใส่มาตั้งแต่รุ่งเช้าได้เป็นอย่างดี เรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยที่เคยคลอเคลียอยู่บริเวณกลางหลังถูกรวบเป็นทรงหางม้าด้วยริบบิ้นสีครามเพื่อไม่ให้ร่วงหล่นลงมาเกะกะการทำงาน คิ้วเรียวบางกำลังขมวดมุ่นเป็นปมขณะที่นัยน์ตากวาดมองเอกสารใบรายการเครื่องใช้ภายในห้องบรรทมจนทั่ว ก่อนที่คิ้วเรียวจะค่อยๆคลายปมออก เรียวปากงามคลี่ยิ้มอย่างพอใจ






    "พี่ดาร์เลนฮะ" สตรีร่างบางละจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมาร้องเรียกนางกำนัลคนสนิทซึ่งกำลังจัดแจกันดอกไม้อยู่ไม่ไกลให้วางมือจากงานตรงตรงหน้าแล้วเดินตรงเข้ามาหาผู้เรียกทันที






    "มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ" หญิงวัยกลางคนในชุดนางกำนัลกล่าวอย่างนอบน้อม







    เฟรินฉีกยิ้มกว้างพลางยื่นเอกสารในมือส่งให้หญิงสาววัยกลางคนซึ่งรับมาอย่างงุนงง
    "ง่า...ไม่ต้องงงฮะ" ร่างบางดักคอก่อนกล่าวไขข้อข้องใจ "ผมแค่จะฝากพี่คุมงานต่อเท่านั้นล่ะฮะ ผมว่าอีกไม่นานคงเสร็จแล้วแหละ"






    "เพคะ" ดาร์เลนรับคำ






    "งั้นผมไปก่อนนะฮะ" เฟรินว่า ก่อนเจ้าตัวจะหายลับออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วและตามมาด้วยเสียงโครมของประตูที่ถูกปิดลง






    ไม่นานนักประตูบานนั้นก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง ก่อนร่างของสตรีที่ออกจากห้องไปเมื่อครู่จะโผล่พรวดเข้ามา เรียกความฉงนงุนงงให้บังเกิดในใจของนางกำนัลภายในห้องได้เป็นอย่างดี





    "พี่ดาร์เลนรู้บ้างรึเปล่าฮะว่าไอ้คาโลมันอยู่ส่วนไหนของวัง"





    คำขึ้นต้นพระนามของคิงคาโล วาเนบลี ที่ร่างบางเอ่ยออกมานั้น ถึงกับทำให้นางกำนัลหลายๆคนในห้องต้องอมยิ้มไปตามๆกันรวมทั้งนางกำนัลคนสนิทที่ถูกถามโดยตรง แต่เจ้าตัวก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันควัน





    "คิงคาโลประทับอยู่ในห้องทรงอักษรเพคะ"





    "ง่ะ ขอบคุณฮะ" ว่าเสร็จประตูก็ถูกปิดลงอีกครั้งพร้อมกับร่างบางที่หายลับออกจากห้อง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆจากนางกำนัลผู้อยู่ในห้องหลุดออกมากับความน่ารักขององค์ราชินีองค์ปัจจุบัน






    ก๊อก ก๊อก ก๊อก
    !!




    โครม
    !!




    เสียงเคาะประตูสามครั้งก่อนสตรีในชุดรัดกุมจะเปิดพรวดเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้องแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างใสคู่สวยของเจ้าของห้องละสายตาเอกสารตรงหน้าปราดมองผู้บุกรุกซึ่งกำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้เล็กน้อยก่อนหันกลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าตามเดิม





    "คาโล ไปดูห้องนอนออลเฟย์ฝีมือฉันกันนะ" ร่างบางเอ่ยชวนเสียงใส ก้มตัวลงเท้าคางกับโต๊ะทรงอักษรไม้สักทองตัวโตฝั่งตรงข้ามกับคู่สนทนาร่างสูงซึ่งยังคงง่วนอยู่กับการอ่านเอกสารหนาปึกไร้เสียงตอบรับใดๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสแจ๋วไร้เดียงสาจ้องมองใบหน้าคมคายไม่วางตา





    "นะ นะ ไปกัน ห้องกำลังจะเสร็จแล้ว" ร่างบางยังคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆหากไม่ได้ดั่งใจปรารถนาว่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเสียจนน่ารักน่าฟัง ถึงกระนั้นผู้ถูกชวนก็ยังคงทำเป็นใจแข็งนิ่งเงียบทำงานของตนต่อไป





    เมื่อหญิงสาวรู้ว่าน้ำเสียงออดอ้อนใช้กับร่างสูงของคิงน้ำแข็งพระสวามีไม่ได้ผลเสียแล้ว ดวงหน้างามๆจึงมุ่ยลงทันตาก่อนตัดสินใจงัดกลยุทธ์สุดท้ายที่แสนเสี่ยงจากอันตรายจากบุรุษเบื้องหน้าซึ่งหากไม่จำเป็นจริงๆเธอคงไม่อยากใช้เท่าไรนักขึ้นมาใช้




    ร่างบางเดินวนวกเข้าไปเบียดเสียดแย่งเนื้อที่เก้าอี้ที่ร่างสูงนั่งอยู่แล้วสวมกอดหมับจากทางด้านข้างของคิงน้ำแข็ง เกยคางมนลงบนช่วงไหล่แข็งแกร่ง มันเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลเสมอ และคาดว่าครั้งนี้ก็คงได้ผลเช่นกัน





    "นะ คาโล อ่านฎีกามาทั้งวันแล้วพักซะหน่อยเถอะ" น้ำเสียงหวานใสทอดละมุน ช้อนนัยน์ขึ้นมองดวงหน้าด้านข้างของบุรุษใจแข็งที่ยังคงทำเป็นไม่สนใจ





    ไอ้ก้อนน้ำแข็งงี่เง่า ฉันอุตสาห์ลงทุนขนาดนี้แล้วนะเฟ้ย
    !!





    เฟรินคิดอย่างขุ่นเคือง หากภายภายนอกนั้นเจ้าตัวได้งัดวิชาหน้ากากฟาโรว์ที่ตกแสนถนัดถนี่ขึ้นมาสวมตีหน้าแย้มรอยยิ้มหวานหยดย้อยอย่างเอาอกเอาใจ





    "โถโธ่ คาโล นายก็รู้นะว่าฉันรักนายมากขนาดไหน..." เฟรินว่าพลางนิ้วมือเรียวหมุนเรือนผมสีเงินยวงนุ่มสลวยเล่น คำพูดที่เรียกความสนใจและสงสัยจากร่างสูงได้ชะงักนัก คาโลวางเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา เบือนนัยน์สีฟ้าคู่สวยมาสบนัยน์ตาคู่โตซึ่งมองมาก่อนแล้ว





    "ขนาดไหนล่ะ" เสียงเย็นๆเปรยถาม





    มันไม่รู้จริงๆ หรือมันแกล้งโง่
    ?




    เฟรินคิด แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สำหรับเธอถ้ามันโง่นักก็ไม่ใช่กงการอะไรของเธอที่จะไปสั่งสอนให้มันฉลาดขึ้น หรือถ้ามันไม่รู้จริงๆก็ปล่อยให้มันไม่รู้ต่อไป






    "ฉันจำเป็นต้องพูดด้วยหรือ คาโล ในเมื่อนายรู้อยู่แก่ใจดี" คำตอบทำนองให้คิดเอาเอง ก่อนเฟรินจะกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก ซบดวงหน้างามลงบนไหล่แข็งแกร่งอย่างออดอ้อนเอาใจจนร่างสูงแอบยิ้มกริ่มในใจ "นี่ คาโล นายรู้ไหมที่ฉันชวนนายไปดูห้องลูกก็เพราะฉันเป็นห่วงนายนะเนี่ย"





    "เป็นห่วง?" คาโลทวนคำฉงน





    ทำไมเขาจะไม่รู้ ทายาทสุดยอดนักต้มอย่างมันเสแสร้งแกล้งทำเก่งสุดแสนจะพรรณนา ลื่นไหลเอาตัวรอดไปได้เรื่อยๆ รวมทั้งกลยุทธ์กอดหมับเอาใจเขาของมันที่ใช้อยู่นี้เขาก็สุดแสนจะชอบเหลือเกิน เพราะมันจะตามมาด้วยกำไรที่เขามีแต่ได้กับได้





    "ช่าย...ขืนนายโหมงานหนักอย่างนี้เกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง หือ" การกระทำสุดแสนน่ารักจองเจ้าตัวดีเริ่มทำให้ร่างสูงอดใจไว้ไม่อยู่ สองมือแข็งแกร่งตวัดรวบรัดร่างเข้ามาเบียดชิดกับแผงอกอบอุ่น





    ไม่ได้การ
    !! ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยอีกครั้ง!





    เสียงกรีดร้องในใจเฟรินกำลังเตือนหล่อนให้เผ่นหนีออกจากบุคคลอันตราย





    "นายเป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยหรือ" น้ำเสียงเย็นทอดละมุน ไม่ว่าเปล่ามือหนาก็เอื้อมมาสัมผัสคางมน พลางเชยรั้งใบหน้านั้นขึ้นมาสบ




    "ช...ช่าย เพราะงั้นไปดูห้องลูกกันเถอะนะ ตอนนี้เลย" เฟรินพยายามทำใจดีสู้เสื้อหิวหื่นกามที่ตอนนี้ประกายลึกๆในนัยน์ตาของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการที่พร้อมกลืนกินเธอได้ทุกเมื่อ





    ลูกสามแล้วนะโว้ย มันไม่เบื่อบ้างรึไง
    !





    ขืนมันยังเป็นอย่างนี้มีหวังเธอคงต้องผลิตรัชทายาทให้คาโนวาลอีกไม่ต่ำกว่าครึ่งโหลเป็นแน่แท้




    "อือ" คาโลพยักหน้าน้อยทำให้ร่างบางถึงกับใจชื้น หากแต่คำพูดต่อมาก็ทำให้ร่างบางหน้าเจื่อน "แต่ต้องหลังจากที่เราทำกิจกรรมร่วมกันเสร็จ"





    "กิจกรรมร่วมกัน…." เฟรินพึมพำคิ้วเรียวขมวดมุ่นใช้ความคิด ก่อนนัยน์ตาจะเบิกกว้างเมื่อรู้ความหมายของมันแล้วแหววเสียงสูง





    "ไอ้ทะลึ่ง! ไอ้ก้อนน้ำแข็งหื่นกาม ลูกสามแล้วแกยังไม่พอใจอีกรึ อย...อย่าเชียวนะแก เลิกล้มความคิดจะทำกิจกรรมอะไรของแกนั่นซะ ก่อนที่ฉันจะ....เอ่อ...ฉันจะ..." เฟรินอ้ำอึ้งอย่างนึกหาคำพูดมาร่ายต่อ





    "นายจะทำไมรึ" คิ้วได้รูปสีเงินยวงเลิกขึ้นน้อยๆก่อนเจ้าตัวจะสรุปเอาเอง "นายจะรักฉันมากขึ้นงั้นสิ" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนดวงหน้าคมคายให้คนมองมองอย่างหวาดๆ





    เสร็จแน่ วันนี้ไม่รอดแน่โว้ย คิดผิดแท้ๆที่แต่งงานกับมัน





    ไม่
    ! ไม่ได้ ศักดิ์ศรีทายาทสุดยอดหัวขโมยนายเฟริน เดอเบอรฺโรว์ ที่เหลืออีกน้อยนิดจะให้มันย้ำยีอีกไม่ได้





    "บ้า! ไม่โว้ย ปล่อยนะแก ไอ้หื่นกาม"







    สตรีร่างบางเปลือยเปล่านอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาผ้าขนสัตว์หนานุ่มตัวโตโดยมีเสื้อเชิ้ตบางเบาสีฟ้าห่มต่างผ้าห่ม
    ความรู้สึกเจ็บระบมพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งเรือนร่างงาม ขณะที่ร่างสูงตัวต้นเหตุกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาเม็ดสุดท้าย นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองผลงานชิ้นล่าสุดของตนอย่างพึงพอใจลึกๆพร้อมเดินเข้าไปใกล้






    "ลุกไม่ขึ้นหรือ" เสียงนุ่มละมุนอย่างหาฟังได้ยากนักจากร่างสูง ก่อนเจ้าตัวจะโน้มใบหน้าสลักเข้าไปใกล้แล้วพรมจูบไปทั่วดวงหน้างามอย่างถือสิทธิ์





    "อื้อ" เฟรินครางแผ่วเบาในลำคอ "พอแล้วน่า คาโล" ร่างบางกล่าวปรามพร้อมใช้สองมือเรียวดันแผงอกกว้างให้ออกห่าง





    คนถูกดันยอมละจากดวงหน้างามอย่างว่าง่าย ก่อนสาวเท้าไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกกองทิ้งไว้บนพื้นพร้อมเอ่ยออกคำสั่งสาวเจ้าที่ยังคงนอนหลับตาพริ้ม
    "ลุกได้แล้ว เฟริน"
     




    "เดี๋ยวก่อนก็ได้น่า" เฟรินพึมพำเบาๆด้วยความเกียจคร้านเสียเต็มประดา ก่อนพลิกตัวเป็นท่านอนตะแคงขวา การกระทำที่คาโลได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆอย่างเอือมระอา





    "แล้วนายจะไม่ไปดูห้องลูกกับฉันรึไง" เสียงทุ้มเอ่ยถามเรียบๆ พลางสาวเท้าเข้าไปใกล้แม่ยอดยุ่งจอมเกียจคร้านพร้อมด้วยเสื้อผ้าเสื้อหล่อนในมือ





    คำพูดที่ส่งผลให้คนความจำสั้นนึกขึ้นได้ถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงที่เธอถ่อสังขารมาหามันถึงที่นี่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลงทันควันก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นพรวดพราดจากโซฟา





    เสื้อเชิ้ตสีฟ้าบางเบาที่ร่างบางห่มต่างผ้าห่มเมื่อครู่ร่วงหล่นลงสู่พื้นตามการลุกขึ้นยืนของร่างบาง เผยเรือนร่างงามเปลือยเปล่าให้ประจักษ์แก่นัยน์ตาสีฟ้าเต็มตา





    "จ้องอะไร? ไม่เคยเห็นคนเรอะ" คิ้วสีน้ำตาลของเจ้าตัวขมวดมุ่นน้อยๆด้วยความฉงนขณะเรียวปากบางเอ่ยถามเสียงห้าว





    ส่วนเจ้าคนถูกถามกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ รอยยิ้มที่เฟรินชักหวาดๆ





    หรือมันจะเอาอีก...ทำไมมันไฟแรงนักวะ





    "ฉันพึ่งรู้ว่านายเป็นพวกชอบโชว์" เสียงเย็นกล่าวเรียบๆแต่แฝงความนัยลึก





    โชว์
    ? โชว์อะไรที่มันว่า...





    คิดแล้วก็ก้มหน้าลงไปมองร่างกายของตนเองสลับกับไอ้คนที่มันจ้องเธอเขม็งสองสามทีก่อนแหววเสียงสูงแทบไม่ทัน นิ้วมือเรียวงามชี้หน้าร่างสูงของคาโลอย่างเอาเรื่องแบบที่ไม่มีใครในคาโนวาลกล้าทำ




    "ไอ้ ไอ้ ไอ้ลามก ไอ้หื่นกาม ไอ้ก้อนน้ำแข็งบ้า!!" ดวงหน้างามแดงระเรื่อด้วยความอายระคนขุ่นเคืองปะปนกันไป ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มตัวลงหยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่กองหล่นอยู่กับพื้นมาห่อตัวไว้แก้ขัดอย่างรวดเร็ว ขณะที่มืออีกข้างยังคงชี้หน้าร่างสูงที่บัดนี้ดวงหน้าคมคายเข้าโหมดหน้าตาย





    จนป่านนี้มันยังจะอาย...





    คาโลคำนึงในใจพลางถอนหายใจแผ่ว ก่อนสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้สาวเจ้าจอมเหนียมอาย





    "อย...อย่าเข้ามานะโว้ย เข้ามาฉันโกรธแกจริงๆด้วย" เฟรินแยกเขี้ยวขู่ฟอด สาวเท้าถอยหลังจนติดโซฟา หากคำขู่นั้นได้ผลชะงัก เมื่อร่างสูงหยุดเดินชะงักแล้ววางเสื้อผ้าของเฟรินลงบนพื้น ก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับไปยังโต๊ะทรงอักษรไม้สักแล้วสั่งเสียงเรียบอย่างเคยชิน




    "ใส่เสื้อผ้าซะ"




    …………………………………………………………………..

    01/04/49

    ทำไมยิ่งแต่งคาโลมันยิ่งหื่น? = =a ฮาๆ เอาเถอะ ตอนต่อไปอาจไม่มีหื่นแล้วก็ได้โดนลูกๆแย่งบท 55+


    แปลกจังเลยงับ ทำไมยิ่งดองเม้นมันจะยิ่งเยอะ พอไม่ดองก็ไม่ค่อยมีคนเม้น วันหลังต้องดองนานๆเสียแล้ว
    = =


    งวดนี้ขอเม้นเยอะๆนะงับจะได้ไม่ดองเค็ม ไม่แน่ว่าวันนี้ถ้าอารมณ์ดีแต่งเสร็จจะมาอัพภาคธรรมดาด้วย


    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ โดยเฉพาะผู้ที่มาเม้นให้เราประจำ ขอบคุณจริงๆนะคะ


                                                                                                    
    yurikagarin


    28/07/49


    หลังจากสอบเสร็จก็มาอัพให้แล้วนะคะตามที่บอกไว้ จะมีคนมาอ่านไหมนี่ยังไม่แน่ใจ เพราะห่างหายไปกว่าอาทิตย์ ติดสอบ ขอโทษทีนะคะ


    ขอเม้นเหมือนเดิมค่ะ อัพงวดนี้เพิ่มอีก30.5
    % บางคนอาจสงสัยทำไมไม่40%ไปเลย คือว่าจริงๆมันยังไม่ถึงตอนที่กำหนดว่าจะจบตอนอ่าค่ะ แต่งไม่ทัน


    มีเรื่องอยากจะถามผู้อ่านอ่ะค่ะ ฟิคภาคธรรมดากับฟิคภาคพิเศษ ผู้อ่านชอบอันไหนมากกว่ากันหรอคะ แล้วคิดว่าอันไหนสนุกกว่า อยากให้อัพอันไหน ก็เม้นบอกด้วยนะคะ ข้าพเจ้ากำลังเกิดการลังเลอย่างรุนแรง และเกิดความรู้สึกว่ายิ่งแต่งยิ่งสนุกน้อยลง ขอเม้นนะคะ จะได้มีกำลังใจ


    อัพงวดนี้ออลเฟย์ไม่ออกเลย เอาเฟรินกับคาโลมาแทรก
    = =a ไว้เจอกันละกัน จะรีบมาอัพต่อให้นะคะ


                                                                                        
    Yurikagarin


    19/04/49

    มาอัพแล้วนะคะ ตามที่ประกาศไว้ค่ะ แต่อัพเกินให้20%เป็นการขอบคุณที่มีคนคอมเม้นให้เรานะคะ

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นค่ะ อัพงวดนี้ก็ขอเม้นเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    เอิ๊ก!ไปห้างกลับมาแล้วไปซื้อนาคราชากลับมาโดยเฉพาะ ฮาๆ เดี๋ยวจะรีบไปอ่านแย้วงับ

    ส่วนอัพงวดต่อไปไม่แน่ใจว่าวันไหนนะคะถ้าเม้นเยอะก็อัพเร็ว แต่จะพยายามรีบมาอัพงับ กำลังจะได้เข้าplotที่เราอยากแต่งพอดี

    อ้อ เกือบลืม ชื่อลูกนายคิลออกแล้วนะงับ เรฟ ฟิลมัส เรฟ(Ref)ที่เป็นคำแสลงแปลว่าผู้ตัดสินอ่างับ

                                                                                              yurikagarin

    15/04/49

    โฮะ โฮะ โฮะ เสียงหัวเราะดุจนางมารร้ายของข้าพเจ้าเอง...มาอัพแล้วน้า ถึงแม้จะน้อยไปหน่อยก็เถอะ และก็ต้องขอโทษนะคะที่งวดนี้มาอัพช้า พอดีมัวไปเที่ยวสงกรานต์มาค่า อีกอย่าง เม้นน้อยจังนะพักนี้ T_T


    ฮาๆ คราวนี้ลูกคาโลก็ออกครบสามคนแล้วนะงับ แถมลูกนายคิลอีกหนึ่งคน
    = = ฮือ! แต่อัพงวดนี้ออลเฟย์ไม่มีบทเลย อยู่เดมอสต่อไปนะเอย


    จะเป็นยังไงต่อไปก็ติดตามกันต่อละกันนะคะ จะพยายามรีบมาอัพให้ค่ะ ขอเม้นเหมือนเดิมนะค้า อ่านเสร็จไม่ใช่ปิดหน้าต่างเลยนะคะ กด
    Backค่ะ จากนั้นเลื่อยลงไปล่างๆ แล้วเม้นด้วยนะคะ ขอเม้นค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าและขอบคุณสำหรับคอมเม้นทุกคอมเม้น รักนักอ่านที่อ่านแล้วเม้นมากๆค่ะ


                                                                                          yurikagain

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×