คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Special Chapter 1 :: A Lonely Boy
Special Chapter 1 :: A Lonely Boy
ตอนพิเศษที่ ๑ :: เด็กชายผู้โดดเดี่ยว
ยามสุริยาลาลับขอบฟ้านภาลัย จันทราเคลื่อนคล้อยเข้ามาแทนที่ พร้อมๆกับความมืดมิดแห่งรัตติกาลที่ค่อยๆคืบคลานปกคลุมท้องฟ้าและเหล่าหมู่เมฆน้อยใหญ่ ซึ่งเหล่ามนุษย์ผู้งมงายบ้างก็เชื่อกันว่าเหนือก้อนเมฆเหล่านั้นคือวิมานสรวงสวรรค์อันเป็นที่สถิตของเหล่าเทพยดา นางฟ้าทั้งหลายทั้งปวง จะเหลือก็เพียงแต่เหล่าดาวดวงน้อยซึ่งฉาดฉายแสงสีเหลืองนวลแข่งกับแสงจันทร์อันแสนงดงามชวนให้ผู้เฝ้ามองได้หลงใหล
เด็กชายวัยประมาณสิบปีเศษ ยืนรับลมหนาวยามค่ำคืนอยู่บนระเบียงหน้าห้องนอนของตน แรงลมทำให้เส้นผมสีเงินวาววับภายใต้แสงสีนวลปลิวปกดวงหน้าไปมาแต่ทว่าเจ้าตัวไม่คิดจะสนใจปัดมันออก นัยน์ตาสีเทาทอประกายหม่นเศร้าทอดมองจับจ้องดวงจันทราบนฟากฟ้าแห่งรัตติกาลมิได้วางตา...
คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง สำหรับเขาแล้ว คืนพระจันทร์เต็มดวงช่างเป็นคืนที่งดงามที่สุด ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมักจะออกมายืนอยู่ที่ระเบียงนอกห้องนอนเพื่อเฝ้ามองมัน และคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามประสาเด็กวัยสิบปี...คืนนี้ก็เช่นกัน หากทว่าคืนนี้ช่างต่างจากทุกๆครั้งที่ผ่านมา ความเศร้าหมองในจิตใจของเขาได้บดบังความงดงามของคืนพระจันทร์เต็มดวงที่เขาแสนชื่นชอบให้มลายหายไปจนหมดสิ้น
อีกสองวันที่จะถึง เขาจะต้องกลับไปยังบ้านเกิดของเขา...คาโนวาล...กลับไปสู่อ้อมอกอันแสนอบอุ่นของท่านพ่อและท่านแม่ตามคำบอกกล่าวของท่านตา...ท่านพ่อและท่านแม่ที่เขาจำไม่ได้แม้แต่หน้าตาของพวกท่าน!...
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะจำหน้าตาของพวกท่านไม่ได้แม้แต่นิด เพราะตั้งแต่เขาจำความได้เขาก็อยู่กับท่านตามาโดยตลอด...ท่านตาผู้ยิ่งใหญ่และรักเขามาก...เจ้าปีศาจเอวิเดสแห่งเดมอส...และที่สำคัญพวกท่านพ่อและท่านแม่ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนเขาที่เดมอส เช่นเดียวกับเขาที่ไม่เคยกลับไปคาโนวาลเลยสักครั้ง นับตั้งแต่ท่านตาขอเขาจากพวกท่านมาเลี้ยงที่เดมอส
ทำไมพวกท่านพ่อและท่านแม่ถึงไม่เคยมาเยี่ยมเขาที่เดมอสเลยน่ะหรือ
เขาเคยถามคำถามนี้กับท่านตามาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ได้คำตอบจากปากของท่านกลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง
"พ่อเจ้ามันบ้างานจะตาย วันๆประชุมได้ทั้งวี่ทั้งวันจนไม่มีเวลามาเยี่ยมเจ้า ส่วนแม่เจ้าน่ะหรือ พ่อเจ้าคงไม่ปล่อยมาคนเดียวง่ายๆหรอก"
ส่วนตัวเขาเองนั้น เหตุผลที่ไม่เคยกลับไปคาโนวาลมันก็เป็นเหตุผลเดียวกับหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมท่านตาถึงขอเขามาเลี้ยงที่เดมอส และพวกท่านพ่อท่านแม่ก็อนุญาต...
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นัยน์ตาสีเทาคู่สวยก็ฉายแววหม่นหมองยิ่งขึ้นและละจากดวงจันทร์งดงามมาจับจ้องที่มือขาวซีดเซียวเหมือนไร้สีเลือดฝาดของตน พร้อมเยียดยิ้ม...รอยยิ้มที่เหมือนกับรอยยิ้มที่ยิ้มให้กับความน่าสมเพชในโชคชะตาของตนเอง...
เป็นความจริงที่ว่าท่านแม่คลอดเขาก่อนกำหนดถึงสองเดือน สุขภาพร่างกายของเขาจึงไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เกิด...ใช่ เขาเป็นคนขี้โรค ป่วยอยู่ตลอดเวลา จนมาถึงครั้งที่ร้ายแรงที่สุด ตอนเขาอายุประมาณสามปีได้ หมอมือหนึ่งทั่วทั้งเอเดนที่ท่านพ่อเรียกตัวมารักษาเขาไม่สามารถรักษาเขาได้แม้แต่คนเดียว หนำซ้ำนั่นยิ่งทำให้อาการป่วยของเขาทรุดหนักขึ้นและหนักขึ้น จนหมดทางเยียวยา
ข่าวการประชวรของเจ้าชายองค์เล็กแห่งคาโนวาลแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเอเดนอย่างรวดเร็ว องค์ชายองค์สำคัญที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งบารามอสที่จะต้องขึ้นครองราชย์สมบัติต่อจากคิงชามัล...คิงแห่งบารามอสองค์ปัจจุบัน รวมทั้งได้ล่วงรู้ไปถึงหูเจ้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งเดมอส...
ด้วยเหตุนี้ ท่านตาจึงขอเขามาที่เดมอสโดยอ้างเหตุผลว่า เดมอสยังมีหมอฝีมือดีกว่าหมอชาวเอเดนอีกหลายเท่านักที่จะรักษาเขาให้หายป่วยได้ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ทรงอนุญาต
จริงดังที่เจ้าปีศาจพูดหลังจากที่เขามาอยู่ที่เดมอสได้ไม่นาน อาการป่วยที่หมอมือหนึ่งทั่วทั้งเอเดนต่างส่ายหน้าและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหมดทางเยียวยานั้นก็เริ่มทุเราลง จนหายเป็นปลิดทิ้ง ข่าวนี้ทำให้ท่านพ่อและท่านแม่เหมือนจะดีใจมากและจะมารับเขากลับคาโนวาลไปสู่อ้อมอกของพวกท่านโดยเร็ว
หากทว่าท่านตาก็ใช้เรื่องสุขภาพของเขาที่ป่วยออดๆแอดๆอยู่สม่ำเสมอเป็นข้ออ้างไม่ยอมส่งเขากลับคาโนวาล และขอเขามาชุบเลี้ยงอยู่ที่เดมอสเพื่อที่หมอหลวงจะได้รักษาและทำให้เขามีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าเก่า
ตอนแรกๆนั้นดูเหมือนท่านพ่อท่านแม่จะไม่ยินยอมรวมทั้งท่านปู่ของเขาด้วย ซึ่งเมื่อไม่นานเขาพึ่งจะมารับรู้จากเจ้าโกโดมองครักษ์คนสนิทของท่านตาว่า แท้จริงแล้ว ท่านตาและท่านปู่ของเขาไม่ค่อยกินเส้นกัน...ท่านปู่เป็นตัวตั้งตัวตีที่บอกให้ท่านตาส่งเขากลับคาโนวาลโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น และให้เหตุผลว่า เขาเป็นเจ้าชายแห่งคาโนวาล มิใช่เจ้าชายแห่งเดมอส เจ้าชายแห่งคาโนวาลก็จำต้องอยู่ที่คาโนวาล หาใช่เดมอสไม่!
เมื่อเจ้าปีศาจเอวิเดสได้ยินดังนั้นจึงประกาศก้องแต่งตั้งให้เขาเป็นเจ้าชายแห่งเดมอส
เหตุผลของท่านปู่จึงใช้ไม่ได้ไปโดนปริยาย
และเจ้าโกโดมก็เคยเล่าให้เขาฟังต่ออีกว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ท่านปู่ของเขาน็อตหลุด บังคับขู่เข็ญให้ท่านพ่อเตรียมจัดทัพทำสงครามกับเดมอส โดยพระราชทานนามว่า 'ศึกชิงพระราชนัดดา' หากแต่ท่านพ่อมิทรงยินยอม จึงตัดปัญหาโดยตอบตกลงข้อเสนอของท่านตา
เจ็ดปีแล้วที่เขาใช้ชิวิตอยู่ที่เดมอส จนเกือบกลายเป็นชาวเดมอสอย่างเต็มตัว ไม่เคยได้กลับไปเอเดนอีกเลย รวมทั้งสุขภาพของเขาที่ดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ จนเรียกได้ว่าเกือบหายสนิทเลยทีเดียว เมื่อเขาเริ่มแข็งแรงแล้วตามสัญญาที่ท่านตาเคยให้ไว้กับท่านพ่อ ... เขาก็จะต้องถูกส่งตัวกลับเอเดน
แค่ก แค่ก!!
ฉับพลันมือขาวซีดข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาปิดปากไว้โดยเร็ว ส่วนข้างที่เหลือจับกระชับเสื้อคลุมตัวหนาหวังเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกายยิ่งขึ้น สัญญาณที่บ่งบอกให้เด็กชายรู้ตัวว่าเขาควรกลับเข้าห้องได้แล้ว ร่างกายอันอ่อนแอของเขาเช่นนี้ไม่ควรออกมายืนตากน้ำค้างรับลมหนาวยามค่ำยืนนานจนเกินไป
เด็กชายค่อยๆสาวเท้ากลับเข้ามาในเขตห้องนอนของตน ก่อนหันหลังกลับไปปิดประตูระเบียงบานโต นัยน์ตาสีเทาหม่นเหลือบมองดวงจันทราที่สาดส่องแสงสีเหลืองนวลผ่านทางกระจกใสของประตูระเบียงบานโตนั้นอีกครั้ง...
อีกสองวัน...กับการกลับสู่เอเดน
อีกสองวัน...กับการจากลาดินแดนเดมอส...ดินแดนแห่งความมืดมิดที่มนุษย์ต่างกล่าวขาน...ดินแดนที่เขารักและผูกพันธุ์ยิ่ง
อีกสองวัน...กับการกลับสู่อ้อมอกของท่านพ่อและท่านแม่
ความจริงแล้วเขาควรดีใจถึงจะถูก...อีกสองวันเท่านั้น เขาจะได้กลับบ้าน...กลับไปสู่ครอบครัวของเขา แต่เหตุใดเล่า จิตใจของเขากลับเศร้าหมองได้ถึงเพียงนี้...
เขาไม่อยากกลับคาโนวาลหรือ?
คำถามที่บังเกิดขึ้นในใจของเด็กชาย....คำถามที่ยากแก่การตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ...
ผ้าม่านสีขาวสะอาดตาถูกรูดปิดลงบดบังแสงจันทร์สีนวลมิให้รอดผ่าน ทำให้บัดนี้ภายในห้องนอนกว้างขวางตกอยู่ในความมืดมิดแห่งรัตติกาลทมิฬ เหลือเพียงแสงสว่างริบหรี่จากตะเกียงดวงเล็กข้างหัวเตียงนอนสี่เสา เด็กชายสาวเท้าไปยังตะเกียงดวงเล็กนั้นประสงค์จะดับมันลง หากฉับพลันนัยน์ตาคู่คมก็ปราดไปสะดุดกับอะไรบางอย่างข้างตะเกียงนั้น
รูปภาพของสตรีนางหนึ่ง...สตรีผู้มีเส้นผมสีน้ำตาลยาวสลวยดุจแพรไหมชั้นดีคลอเคลียลับกับดวงหน้ารูปไข่ได้รูปไปจนถึงกลางหลัง กับนัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้คู่โตทอประกายอ่อนโยนและอบอุ่นชวนให้ผู้มองได้หลงใหล...ร่างบอบบางอรชรอยู่ภายใต้อาภรณ์สีนิลขลับให้ผิวขาวผ่องภายใต้อาภรณ์นั้นเปล่งประกายยิ่งขึ้น...สตรีผู้กำลังประทับอยู่บนบังลังก์ทองสูงส่งคู่บารมีแห่งสมเด็จพระราชินีแห่งเดมอส...
อลิเซีย เกรเดเวล เดอะควีน ออฟเดมอส...ท่านยายของเขา
แต่ก่อนรูปภาพภาพสำคัญนี้เคยถูกตั้งไว้อยู่ภายในห้องบรรทมแห่งจ้าวปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ หากท่านตาของเขาสั่งให้นางกำนัลยกมาตั้งไว้ในห้องนอนของเขาแทน ด้วยเหตุผลที่ว่า...
"ยายหลานกับแม่ของหลานน่ะ เหมือนกันอย่างกับแกะ หากหลานนึกหน้าแม่ไม่ออกก็ดูรูปยายแทนแล้วกันนะ"ท่านตากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนระคนเอ็นดูเขายิ่ง ตามด้วยเสียงหัวเราะหึหึอย่างอารมณ์ดีเป็นเอกลักษณ์
เด็กชายจับจ้องรูปภาพนั้นแน่นิ่ง...หากท่านแม่เหมือนกับท่านยายของเขาในรูปอย่างที่ท่านตาว่าเช่นนี้ ท่านแม่ของเขาคงจะเป็นสตรีผู้เลอโฉมและเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติแห่งความเป็นกุลสตรีทั้งกริยา วาจา หาหญิงใดเปรียบมิได้เป็นแน่แท้ ความคิดที่ปรากฏอยู่ในใจของเด็กหนุ่มนับตั้งแต่ได้เห็นรูปของท่านยายของเขา
หากเด็กชายหารู้ไหมว่า อะไรๆมันอาจไม่เป็นอย่างที่เขาคิด...ความจริงเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
เปลวไฟของตะเกียงดวงน้อยดับลง พร้อมๆกับเด็กชายที่ล้มตัวลงนอนบนเตียงสี่เสาอันแสนนุ่มนิ่มและอบอุ่น แพรขนตายาวสีเงินค่อยๆปรือปิดลงทีละน้อยก่อน ปล่อยให้ห้วงความคิดทั้งหมดหยุดลงแต่เพียงเท่านั้น...
ร่างบอบบางในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตานั่งเหม่อมองดวงดาวพราวระยิบระยับผ่านทางกระจกใสของประตูระเบียงสีขาวบานโตจากภายในห้องนอนอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ภายในมือเรียวบางถือรูปภาพสีน้ำใส่กรอบทองอย่างดีของสตรีนางหนึ่งซึ่งกำลังโอบอุ้มเด็กชายตัวน้อยวัยประมาณสองปีเศษไว้อย่างรักใคร่อาทร...เด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารักผิวขาวจัดดุจหิมะแห่งดินแดนสโนแลนด์ ผมสีเงินยวงบนศีรษะเล็กๆถูกหวีไว้เรียบ กับรอยยิ้มอย่างเปี่ยมสุขบนใบหน้าน่ารักน่าชังขัดกับนัยน์ตาสีเทาหม่นโดยสิ้นเชิง...
ฉับพลันร่างบอบบางซึ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์ก็ต้องสะดุ้งน้อยๆเมื่อใครบางคนสวมกอดเข้าให้จากทางด้านหลังอย่างไม่ได้สุ่มให้เสียง
"ตกใจอะไร ฮึ" คนฉวยโอกาสเอ่ยถามเสียงนุ่มละมุนละไม ริมฝีปากหนาซุกซนฉกฉวยความความหวานจากแก้มเนียนนุ่มฟอดใหญ่ หากแต่คนถูกฉวยโอกาสยังคงนิ่งเงียบผิดนิสัยจนร่างสูงอดสงสัยมิได้ แต่แล้วข้อสงสัยนั้นก็ถูกไขกระจ่าง เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยเหลือมองเห็นรูปภาพที่ร่างบางถืออยู่ในมือเรียวสวย
"คิดถึงลูกหรือ เฟริน"
"บ้า! นายว่าใครคิดถึงลูก" ร่างบางแหววเสียงสูงหันควับกลับมาถลึงตาใส่ร่างสูงทันควัน เพียงเพราะคำถามของมันช่างแทงใจดำเธอเข้าอย่างจัง แต่เหตุไฉนเธอจะยอมรับง่ายๆเล่า เสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของทายาทสุดยอดหัวขโมยอย่างนาย เฟริน เดอเบอโรว์ คนนี้หมด
ปากแข็ง...
คาโลรำพึงในใจ...เขารู้ดีว่ามันเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ และเขาก็ยังรู้อีกว่า ตอนนี้ใจมันคงคิดถึงลูกใจจะขาด เพียงแต่มันไม่ยอมพูดออกมาเพราะกลัวเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายบ้าบอที่แทบจะไม่มีเหลืออีกแล้วของมัน
"ถ้าไม่ใช่เพราะคิดถึง แล้วนายจะถือรูปลูกไว้ทำไม" คาโลกล่าวเสียงเรียบ หวังไล่ตอนเจ้าหล่อนให้พูดความจริง
"วะ! ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน" ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างชักมีอารมณ์
เมื่อคาโลเห็นท่าว่าถ้าเขายังขืนถามคำถามแทงใจดำมันอย่างนี้ต่อไปคงได้ฤกษ์ทะเลาะกับมันเป็นแน่แท้ และเขาก็คงไม่อยากตามง้อมันให้เสียเวลาสักเท่าไหร่ ร่างสูงจึงถอนหายใจเฮือกยาวอย่างถอดใจ ก่อนเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบไม่ต่อความ
ร่างสูงของคาโลถอดถอนมือที่สวมกอดร่างบางในอ้อมอกไว้ออก ก่อนเจ้าตัวจะสาวเท้าเดินไปยังตู้เสื้อผ้าใบโต แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักหันกลับมาทางต้นเสียง เมื่อคนปากแข็งเมื่อครู่พึมพำเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่
"ฉันอยากให้วันเวลาเดินเร็วขึ้น อยากให้ถึงอีกสองวันเร็วๆ ฉัน...คิดถึงลูก..." ร่างบางเอ่ยคำพูดสุดท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลจะหันกลับมาสบตากับนัยน์ตาสีฟ้าคู่คมซึ่งมองมาก่อนแล้วพลางแย้มรอยยิ้มบาง
"เจ็ดปีแล้วที่ฉันไม่ได้เจอมัน ไม่เคยไปเยี่ยมมันสักครั้ง ฉันคงเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลยใช่ไหม คาโล..." คำถามที่ไร้คำตอบจากร่างสูง
เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนั้นอย่างไรดี เจ็ดปีที่ผ่านมา แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เคยไปเยี่ยมลูกที่เดมอสเลยสักครั้ง เพียงเพราะงาน...งาน และหน้าที่ หน้าที่ของบุคคลผู้เป็นใหญ่เหนือใครทั่วล่าในแผ่นดินแห่งคาโนวาล...ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ ประเทศสกอร์ปิโอภายใต้การปกครองของกษัตริย์พระองค์ใหม่รุกรานคาโนวาลเพื่อแย่งชิงแผ่นดินในส่วนที่เคยเป็นของสกอร์ปิโอเมื่อครั้งก่อนเกิดสงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างเอเดนและเดมอสที่ได้ชื่อว่า 'ศึกชิงราชบุตรเขย'คืนมาโดยตลอด อีกทั้งยังเกิดกบฏกลุ่มย่อยๆในคาโนวาลที่ไม่พอใจธิดาแห่งความมืด บ้างก็เชื่อกันว่าการได้ธิดาแห่งความมืดมาเป็นราชินีจะนำความหายนะมาสู่คาโนวาลดินแดนอันทรงเกียรติแห่งนักรบผู้ยิ่งใหญ่นี้ และเรื่องวุ่นวายอื่นๆอีกมากมาย เขาจึงจำเป็นต้องเข้าประชุมเกือบทุกวัน และไม่อาจละทิ้งงานไปเยี่ยมลูกได้ ทั้งๆที่ในใจนั้นคิดถึงลูกใจจะขาด ส่วนเฟริน เขาห้ามไม่ให้มันไปเยี่ยมลูกโดยปราศจากเขา เพียงเพราะมันเป็นธิดาแห่งความมืด ซึ่งบัดนี้ค่าหัวของมันก็ยังคงแพงลิบลิ่ว
มีพ่อแม่คนไหนไม่รักและคิดถึงลูกในไส้ของตนเองบ้าง...
ในที่สุด เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เรื่องทั้งหมดก็ถูกสะสางลงด้วยดี...กษัตริย์แห่งสกอร์ปิโอส่งราชทูตมาขอทำสัญญาสงบศึกระหว่างชายแดนสกอร์ปิโอและคาโนวาล แน่นอนเขายอมรับข้อเสนอ ส่วนพวกกบฏกลุ่มย่อยๆนั้นถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น แน่นอน เขาสั่งฆ่าไม่เว้น รวมทั้งเรื่องวุ่นวายอื่นๆที่จบลงด้วยดี
ห้องทั้งห้องเงียบลงสักครู่หนึ่ง ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งห้วงแห่งความคิด ไม่มีใครเอ่ยเอื้อนวจีใดๆ จนหากมีเข็มเล่มเล็กตกลงบนพื้นพรมก็คงเกิดเสียงให้ได้ยินชัดเจน
"นายว่าป่านนี้ออลเฟย์จะโตขึ้นขนาดไหน" เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบอีกครา เรียกร่างสูงให้ตื่นจากภวังค์ได้ชะงัก
"ไม่รู้สิ อีกสองวันคงรู้เอง" คาโลกล่าวเสียงเรียบเหมือนไม่ใส่ใจกับคำถามนี้เท่าไรนัก ขณะที่สองขาสาวเท้าไปยังตู้เสื้อผ้าใบโตจุดมุ่งหมายเดิม ปล่อยให้ร่างบางตกอยู่ในภวังค์แห่งห้วงความคิดเช่นเดิม นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ก้มต่ำลงมองรูปภาพในมือเรียวของตน...
ออลเฟย์...พ่อเทวดาตัวน้อยๆของแม่...
เมื่อยามรุ่งอรุณแห่งเช้าวันใหม่มาถึง แสงตะวันสีเหลืองนวลสาดส่องผืนปฐพีปลุกหลายชีวิตให้ตื่นจากห้วงนิทราของยามรัตติกาลอันแสนยาวนาน
เสียงเปียโนไพเราะเสนาะหูยามรุ่งอรุณดังก้องกังกาลไปทั่วห้องบรรทมกว้างใหญ่ของผู้มีอารมณ์สุนทรียามเช้า หากแต่ท้วงทำนองอันแสนไพเราะนั้นกลับแฝงไปด้วยความวังเวง เงียบเหงา และเปล่าเปลี่ยว สะท้อนอารมณ์ภายในใจของผู้บรรเลงได้เป็นอย่างดี
นิ้วเรียวขาวซีดเซียวพรมดีดไปตามคีย์บอร์ดของเปียโนสีงาช้างหลังใหญ่ตามท้วงทำนองที่กลั้นออกมาจากดวงหฤทัยของผู้บรรเลง ขณะที่นัยน์ตาสีเทาหม่นเหม่อเลื่อนลอยไปตามนิ้วเรียวของตน สักพักเสียงเพลงบรรเลงก็ค่อยๆเงียบลง ตามด้วยเสียงถอนหายใจอันหนักหน่วงเฮือกยาว
เด็กชายยันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้เข้าชุดกับเปียโนสีงาช้าง ก่อนสาวเท้ามุ่งหน้าไปยังประตูระเบียงที่ถูกปิดไว้ โดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะชะลอฝีเท้าเพื่อหยุดเปิดประตูระเบียงแม้แต่น้อย เรียวปากสีซีดพึมพำอะไรบางอย่าง ฉับพลันบานประตูก็เรืองแสงสีทองอร่ามพร้อมเปิดออกให้เด็กชายเดินผ่านไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งมนตรา...
ท้องฟ้ายามรุ่งอรุณช่างสดใส...เด็กชายหยุดอยู่ที่ราวระเบียงนอกห้องนอนเพื่อสูดอากาศยามเช้า ขณะที่นัยน์ตาทอดมองออกไปยังท้องนภาอันกว้างใหญ่ไพศาล เสียงหมู่มวลวิหคขับขานดังก้องอยู่ในใบหู นิ้วเรียวถูกยื่นออกไปเบื้องหน้า สักพักเจ้านกน้อยขนสีน้ำตาลไหม้ตัวหนึ่งก็บินมาเกาะยังนิ้วเรียวนั้น เด็กชายค่อยๆชักมือกลับอย่างนิ่มนวลเพื่อไม่ให้เจ้านกน้อยนั้นตื่นตกใจจนบินหนีไปเสียก่อน...
"ไง" เด็กชายทักทายเจ้านกน้อย รอยยิ้มบางเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าซีดเซียว นัยน์ตาสีเทาหม่นทอดมองมันอย่างอ่อนโยน...
ตุ๊บ!!
ทันใดนั้นเสียงของอะไรบางอย่างก็หล่นตุ๊บลงมายังระเบียงหน้าห้องนอนบริเวณด้านหลังที่เขายืนอยู่ ส่งผลทำให้เจ้านกน้อยตื่นตกใจจนบินหนีจากไป นัยน์ตาสีเทาหม่นฉายแวววาวโรจน์ตวัดขวับหันกลับไปยังต้นเสียงทันควัน...
"โอ๊ย! เจ็บๆๆ เจ็บจังเลยเพคะองค์ชาย" เสียงหวานแหลมเล็กของเจ้าโคมุสตัวจ้อยโอดครวญเป็นการใหญ่ มือน้อยๆของมันลูบศีรษะตัวเองปรอยๆ
โซซินดร้า...
เมื่อเด็กชายรู้ว่าเจ้าของเสียงหล่นตุ๊บที่ทำให้เจ้านกน้อยเมื่อครู่หนีไป เป็นเจ้าโคมุสตัวจ้อย ทายาทเพียงคนเดียวขององครักษ์ผู้แสนจงรักภักดีต่อท่านตาของเขา...โกโดม โคมุส...อารมณ์กรุ่นโกรธเมื่อครู่ก็มลายหายไปจนหมดสิ้น เด็กชายเพียงยิ้มบาง ก่อนสาวเท้าตรงไปยังเจ้าโคมุสตัวจ้อยนั้น และจัดการคีบมันขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาของเขา...
"อรุณสวัสดิ์ โซซินดร้า" เด็กชายทักทายเจ้าโคมุสซึ่งกำลังหน้านิ่วเพราะความเจ็บปวด "เป็นอะไรมากรึเปล่า" น้ำเสียงนุ่มนวลฉายแววเป็นห่วงฉายชัดในน้ำเสียง
นัยน์ตาสีอำพันใสแจ๋วของเจ้าโคมุสตัวจ้อยจับจ้องสบตาเขาแน่นิ่ง พลันน้ำตาของมันก็ค่อยๆเอ่อล้นคลอเต็มเป้าตา ก่อนที่เจ้าตัวจะปล่อยโฮเสียงดังสนั่นหวั่นไหวลั่นระเบียงออกมา เด็กชายส่วยหน้าน้อยๆ ขณะที่วางเจ้าโคมุสขี้แงลงบนราวระเบียง และเริ่มทำการรักษา
ลำแสงอุ่นๆสีทองนวลตาถูกแผ่ออกมาจากผ่ามือขาวซีดของเด็กชายที่วางอยู่เหนือเส้นผมสีทองหยักศกของเจ้าโคมุสขี้แง ซึ่งบัดนี้สะอื้นน้อยๆ ขณะที่เรียวปากของเด็กหนุ่มกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง
"อะ เสร็จแล้ว หายเจ็บรึยัง" เด็กชายแย้มรอยยิ้มบาง รอยยิ้มอันอบอุ่นผิดกันนัยน์ตาสีเทาซึ่งหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา
โซซินดร้าพยักหน้าหงึกหงัก สองมือน้อยๆปาดน้ำตาของตนออกเบาๆ "ขอบพระทัยเพคะ องค์ชาย"
"ท่านตาให้มาตามฉันไปรับประทานอาหารหรือ"
"แม่นแล้วเพคะ และที่สำคัญนะเพคะองค์ชาย องค์ราชินีจัทราก็จะเสด็จมาร่วมโต๊ะเสวยเช้านี้กับองค์ชายด้วยนะเพคะ" โซซินดร้ารายงานยาวเหยียดเป็นชุดด้วยน้ำเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูเป็นเอกลักษณ์
"แล้วท่านยายลูน่ามาถึงรึยังล่ะ" เด็กชายเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย...ท่านตาไม่เห็นบอกเขาก่อนว่าวันนี้ท่านยายลูน่าจะเสด็จมาร่วมโต๊ะเสวยด้วยเช้านี้ และการปล่อยให้ผู้ใหญ่ต้องเป็นฝ่ายมารอมันออกจะเป็นการเสียมารยาทมากเสียด้วย
"ยังเพคะ" เจ้าโคมุสตัวจ้อยส่ายหัวหวืดโบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่ "องค์ชายยังมีเวลาถ่วงอีกหนึ่งชั่วโมงเพคะ" หลังจบรายงานรอบสอง เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกจากบุคคลที่มีเวลาถ่วงอีกหนึ่งชั่วโมงก็ดังขึ้น
นัยน์ตาสีเทาหม่นทอดมองออกไปยังท้องนภากว้างใหญ่อีกครา พร้อมๆกับความเงียบที่ค่อยๆโปรยตัวลงมาปกคลุมทั่วทั้งบริเวณระเบียงกว้าง เจ้าโคมุสตัวจ้อยมององค์ชายผู้แสนดีของตนอย่างอดสงสัยมิได้...ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าพักนี้องค์ชายออลเฟย์ดูซึมเศร้าผิดปกติ...หากก่อนที่เธอจะได้ถามอะไรออกไปนั้น องค์ชายผู้แสนดีของเธอก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน
"โซซินดร้า...ลุงโกโดมเคยเล่าอะไรให้เกี่ยวกับพ่อฉันให้เธอฟังบ้างไหม" ออลเฟย์กล่าวถาม นัยน์ตาสีเทาเจือปนไปด้วยความเศร้าหมอง
"คิงคาโลหรือเพคะ เอ..." เจ้าโคมุสตัวจ้อยทำท่าครุ่นคิด คิ้วน้อยๆขมวดมุ่นเข้าหากัน ก่อนเจ้าตัวจะแย้มรอยยิ้มกว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
"เห็นท่านพ่อของหม่อมฉันเคยเล่าให้หม่อมฉันฟังเพคะ ว่าคิงคาโลน่ะหน้าตาหล่อเหลาไม่ได้ครึ่งหนึ่งของท่านเจ้าเลยแหละเพคะ" โซซินดร้ารายงานเสียงใส นัยน์ตาสีอำพันฉายแววปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้เมื่อกล่าวถึงท่านเจ้าที่ตนเคารพรักยิ่ง...
สงสัยจะได้เชื้อลุงโกโดมมาแรง...
คำสรุปในใจของคนที่ถูกหาว่าพ่อหล่อน้อย จนเจ้าตัวอดขำในใจไว้ไม่อยู่ ก่อนเอ่ยประโยคแย้งขึ้น "แต่มีคนเคยบอกฉันว่าฉันหน้าเหมือนพ่อนะ"
"โอ้ย! มิได้เพคะ องค์ชายของหม่อมฉันน่ะ หล่อเลิศยิ่งกว่าใครๆในผืนปฐพี หาใครเปรียบมิมี๊มิมีเพคะ" เจ้าตัวส่วยหัวหวืดปฏิเสธเสียงแข็ง กริยาท่าทางแบบเด็กๆทั้งที่อายุมากกว่าเขาถึงหกปี
"ช่างเถอะ แล้วไงต่อล่ะ" ออลเฟย์เริ่มไม่อยากที่จะต่อความเรื่องการจัดอันดับความหล่อ เพราะตอนนี้เขารายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของเขาที่ไม่เคยแม้แต่จะมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้งนั้นเสียมากกว่าสิ่งอื่นใด
"เอ..." โซซินดร้าลากเสียงยาว คิ้วเรียวเล็กขมวกมุ่นเขาหากันอีกครั้ง นิ้วมือเล็กๆลูบคางตัวเองไปมาอย่างใช้ความคิด สนองน้อยๆของตนกำลังทำงานหนักเพื่อรื้อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ คิงคาโล วานบลี จากข้อมูลที่พ่อของตนเคยพูดให้ฟังกรอกหูหลายร้อยเรื่องอยู่นาน หากแต่...ไม่พบข้อมูล
"ว่าไง" ออลเฟย์เริ่มซักไซ้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"เอ่อ...เท่าที่หม่อมฉันจำได้ ท่านพ่อของหม่อมฉันไม่เคยพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับคิงคาโลมากไปกว่านี้เลยนะเพคะ" นัยน์ตาสีอำพันเหลือบมององค์ชายผู้แสนดีของตนซึ่งบัดนี้ถอดหายใจยาว นัยน์ตาสีเทาหม่นลงอีกครั้ง ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในใจดวงน้อยๆอย่างเต็มเปี่ยม
ออลเฟย์สาวเท้าไปหยุดยืนกอดอกพิงระเบียงข้างเจ้าโคมุสตัวจ้อย มือข้างหนึ่งถูกเจ้าตัวยื่นออกมาข้างหน้าวาดนิ้วเรียวเป็นรูปครึ่งวงกลมไปบนธาตุอากาศ ฉับพลันแสงสีเหลืองนวลตาก็บังเกิดขึ้น ก่อนแสงนั้นจะค่อยๆเลือนหายไปเหลือเพียงชุดน้ำชาชุดเล็กลอยละลิ่วอยู่บนอากาศธาตุ มือขาวซีดเอื้อมไปรับชุดน้ำชาชุดเล็กนั้นมาก่อนที่มันจะตกลงสู่พื้นระเบียงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
"กินไหม" ออลเฟย์ยื่นคุกกี้ช็อกโกแลตชิพพีแคนชิ้นเล็กส่งไปให้โซซินดร้า พร้อมแย้มรอยยิ้มบาง เจ้าโคมุสตัวจ้อยรับมาก่อนเอ่ยขอบคุณเบาๆ
"แล้วท่านแม่ล่ะ ลุงโกโดมเคยเล่าอะไรให้เธอฟังบ้างไหม" ออลเฟย์เอ่ยถามขณะยกถ้วยชากระเบื้องขลิบทองซึ่งบรรจุของชาร้อนหอมกรุ่นจรดริมผีปาก
"มีๆๆเพคะ เรื่องขององค์หญิงเฟลิโอน่าท่านพ่อเล่ากรอกหูให้หม่อมฉันฟังตั้งแต่ยังหม่อมฉันยังเด็กเลยเพคะ" โซซินดร้าพยักหน้าหงึกหงักเป็นการใหญ่จนเส้นผมสีทองหยักศกที่ปล่อยยาวไว้ของเธอร่วงหล่นลงมาปรกหน้าปรกตา
ประโยคอันแสนน่าสนใจที่เรียกออลเฟย์ให้ละจากถ้วยชาตรงหน้ามาให้ความสนใจเจ้าของคำพูดประโยคเมื่อครู่ทันควัน "งั้นก็เล่ามาสิ"
"เอ่อ จะเอาตรงไหนก่อนดี อ้อ ท่านพ่อของหม่อมฉันเคยเล่าให้หม่อมฉันฟังว่าองค์หญิงเฟลิโอน่ามารดาขององค์ชายน่ะนะเพคะ เป็นสตรีที่งามเลิศที่สุดในผืนปฐพี หาหญิงใดเปรียบมิมี๊มิมีเพคะ องค์หญิงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั่วทั้งเอเดนและเดมอสเลยแหละเพคะ" โซซินดร้าเริ่มพล่ามถึงท่านแม่ของเขาน้ำลายฟูมปาก
"อือๆ แล้วไงต่อล่ะ" ออลเฟย์พยักหน้าเนิบๆเป็นเชิงเข้าใจ ถึงแม้ในใจจะคิดว่าสิ่งที่เจ้าโคมุสตัวจ้อยเล่าให้ฟังมันออกจะเกินความจริงไปหน่อยรึเปล่า แต่ก็อดภูมิใจเล็กๆไม่ได้ที่ตนมีแม่เป็นสตรีผู้เลอโฉมขนาดนั้น
"องค์หญิงเฟลิโอน่าเป็นเจ้าหญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยความเป็นกุลสตรีทั้งกริยาและวาจาเลยทีเดียวเพคะ เสน่ห์ปลายจวักนั้นหาใครเปรียบมิมี๊มิมีเพคะ เย็บปักถักร้อยก็เป็นที่หนึ่ง จิตใจก็สุดแสนงดงามเพคะ องค์หญิงเฟลิโอน่าทรงมีน้ำพระทัยกว้างขวางดุจดั่งแม่น้ำทะเลมหาสมุทรเลยแหละเพคะ หม่อนฉันล่ะ อยากพบองค์หญิงเฟลิโอน่าสักครั้งจริงๆนะเพคะ" เจ้าโคมุสตัวจ้อยทำท่าปลาบปลื้มท่านแม่ของเขาเป็นอย่างมาก จนตัวเขาเองนั้นชักเริ่มสงสัย...
มีมนุษย์คนใดในโลกจะเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างจริงๆน่ะหรือ...ไม่น่าเป็นไปได้...
"แล้วพวกท่านพี่ล่ะ" ออลเฟย์ถามต่อ
"องค์ชายฟรานซิสกับองค์หญิงเฟรนเซลหรือเพคะ ท่านพ่อของหม่อมฉันไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับทั้งสองพระองค์ให้หม่อมฉันฟังนะเพคะ" โซซินดร้าเริ่มขมวดมุ่นคิ้วของตนเป็นรอบที่สามของวัน ขณะที่ออลเฟย์เริ่มถอนหายใจก่อนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่ตนสวมใส่อยู่
"ไปกันเถอะ จะได้เวลาแล้ว" ออลเฟย์ว่าพลางยิ้มละไม นิ้วมือสีซีดคีบเจ้าโคมุสตัวจ้อยขึ้นมานั่งบนไหล่ขวาก่อนสาวเท้าออกนอกห้อง
................................................................................
12/04/49
เหอๆ จริงๆกะจะมาอัพให้พรุ่งนี้ แต่เผอิญว่าดันแต่งเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนเลยเอามาลงเช้านี้ละกันน้า
ดีใจจังเลยค่า ในที่สุดก็ถึง100เม้นแล้ว ดีใจมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ข้าพเจ้าซึ้งใจจริงๆ
หึหึ ในที่สุดนางเอกของตอนพิเศษนี้ก็ปรากฏตัวแล้วคร้าบบบ โซซินดร้า ค่า...ว๊ากกก ล้อเล่นๆ ขืนให้โซซินดร้าเป็นนางเอกคงได้เกิดตำนานรักข้ามเผ่าพันธุ์เป็นแน่แท้ = =a
ฮาๆ ไม่มีใครทายความหมายชื่อออลเฟย์เลยหรองับ งั้นเฉลยแล้วน้า แต่จะอธิบายไงดีหว่า = =a เอาเป็นว่า ชื่อออลเฟย์ภาษาอังกฤษเขียนว่า Alfay มาจากคำว่า All กับคำว่า Fay รวมกันน่ะงับ ส่วนความหมายรวมๆเอาไปแปลกันเองนะงับ ข้าพเจ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ โฮ T_T
สุดท้ายนี้ขอเม้นนะงับ ขอเม้นค่า อยากได้มากๆเลย
yurikagarin
9/04/49
โอ้ อัพวันนี้วันที่สวยแฮะ วันที่เก้า เลขดีๆ
แหะๆ วันนี้มาอัพดึกได้ใจ ฮาๆ
เข้าเรื่องงับ แหะๆ อัพงวดนี้ในที่สุดชื่อลูกชายคาโลก็โผล่มาซักทีนะงับ ชื่อว่าอะไรนั้นหาเองแล้วกัน ถ้าหาเจอแล้วก็ลองทายๆดูละกันนะงับว่าชื่อนั้นหมายความว่าอะไร ใครทายถูก...ไม่มีรางวัลงับ แต่จะมาอัพไวขึ้นละกัน (ไม่สัญญา แต่จะพยายาม)
แต่ก่อนอื่นก็ต้องบอกก่อนว่าชื่อลูกชายคาโลคนนี้ข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือในการตั้งชื่อจากท่าน pigxy.plump งับ เพราะฉะนั้น ถ้าจะทายความหมาย ท่านผู้นี้ห้ามทายนะงับ = = แต่ก็ต้องขอบคุณท่านมากๆเลย
สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น ขอเม้นหมือนเดิมนะ เราอยากให้ถึง100เม้นไวๆจังT_T
yurikagarin
7/04/49
บางคนอาจสงสัยว่าข้าน้อยหายหัวไปไหนว่าไยจึงไม่ยอมมาอัพฟิคสักทีเล่า
ข้าพเจ้าจะขอบอกเลยว่า ข้าพเจ้าแอบอู้ไปงานหนังสือมาค่า และก็ได้หนังสือติดไม้ติดมือมาพอควรจนไม่มีเวลามาอัพแต่งฟิคเจ้าค่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังอ่านดิโมเมนเล่ม2อยู่งับ สนุกดีงับ
แหะๆ เข้าเรื่องดีกว่า ที่อัพนี่เป็นตอนพิเศษ จริงๆมันก็ไม่ใช่ตอนพิเศษหรอกนะ มันเป็นตอนที่ข้าพเจ้าplotมาก่อนจะมาแต่งฟิคหลักนั่นอีกงับ จริงๆควรเรียกตอนพิเศษนี้ว่าฟิคหลักด้วยซ้ำงับ = =a
ส่วนฟิคหลักนั้น ข้าพเจ้าเดี๋ยวค่อยมาอัพนะเจ้าคะ ขออัพตอนพิเศษก่อน ใครอยากจะอ่านการฟาดฝีปากระหว่างคาโลกับนายขอทานก็รอไปก่อนนะเจ้าคะ
อ่า ถ้าสนุกก็ขอเม้นนะงับ ถ้าไม่เม้นข้าน้อยอาจจะลืมฟิคนี้และไม่มาอัพอีกเลยก็ได้นะงับ ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย
yurikagarin
ความคิดเห็น