คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 3 :: In Kalo 's Room
Chapter 3 :: In Kalo 's room
บทที่๓ :: ในห้องของคาโล
"ไอ้ก้อนน้ำแข็งหื่นกาม ปล่อยฉันลงนะโว้ย!" คำสบถด่าพุ่งพรวดออกจากเรียวปากงานอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่มือบางทุบกำบั้นประทุษร้ายลงบนแผงอกกว้างของเจ้าคนที่มันอุ้มเธออยู่ หากคนถูกประทุษร้ายกลับแย้มรอยยิ้มบาง
"ปล่อยลงบนเตียงงั้นหรือ?" คาโลแสร้งปั้นหน้าใสซื่อ หากแต่คำพูดแฝงความนัยของมันกลับไม่ใสซื่อตามหน้าที่มันแสร้งปั้น
"ไอ้บ้า!" เฟรินถลึงตาเขียวปั๊ดพร้อมแยกเขี้ยวงุดใส่บุรุษที่นับวันความเจ้าเล่ห์ของมันชักจะพูลเพิ่มขึ้นไปทุกที คงอาจสืบเนื่องมาจากผลงานหลอมน้ำแข็งเล่นของเธอที่ได้ผลชะงักนัก จากเจ้าชายผู้แสนอ่อนต่อโลกถึงได้กลายเป็นเจ้าชายผู้แสนหื่นกามไปได้ แล้วเช่นนี้เธอควรได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากคิงหน้าบากนั่นหรือไม่ ที่ทำให้พระโอรสเพียงหนึ่งเดียวของท่านเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
"คาโล! ฉันสั่งให้นายปล่อยฉันลงได้ยินไหม" เฟรินสั่งเสียงเข้ม
คาโลผ่อนลมหายใจเฮือกยาวเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าเริ่มไม่พอใจอย่างจริงจัง ก่อนยอมทำตามคำสั่งนั้นแต่โดยดี
โครม!
เจ้าชายน้ำแข็งปล่อยมือที่อุ้มร่างบางอยู่ลง จากทฤษฎีแรงโน้มถ่วงกล่าวไว้ว่า แรงดึงดูดทำให้วัตถุทุกชนิดไม่ว่าหนักหรือเบา ตกลงสู่พื้นดินโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น เฟรินเองก็เช่นเดียวกัน สะโพกงามๆของเธอจึงกระแทกโครมกับพื้นอย่างจัง
"โอ๊ย! เจ็บ" เฟรินโอดครวญพลางลูบสะโพกของเธอเบาๆ "คาโล! แกทำบ้าอะไร อยู่ดีๆก็ปล่อยลงมาเฉย เจ็บนะเฟ้ย ถ้าสะโพกงามๆของฉันเสียทรงขึ้นมาแกจะว่าอย่างไร"เฟรินแหววแวดใส่ไอ้คนที่เป็นต้นเหตุที่อาจทำให้สะโพกอันแสนได้รูปของเธอเสียทรงอย่างที่เจ้าตัวกล่าวหายาวเป็นชุด
"ก็ไม่ว่าอย่างไร นายเป็นคนสั่งให้ฉันปล่อยนายลงเอง" คาโลกล่าวเนิบๆ มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากอดอก นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างใสคู่สวยทอดมองร่างบางบนพื้นอย่างไร้แววแห่งการสำนึกผิดซักนิด
ท่าทางและน้ำพูดที่ร่างสูงกล่าวออกมาเรียกอารมณ์ฉุนให้บังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน นัยน์ตาสีน้ำตาลวาวโรจน์นึกอยากฆ่าไอ้คนที่มันยืนคร่อมหัวเธออยู่นี่เสียเหลือเกินหากแต่มันติดที่ว่า เธอลุกไม่ขึ้น
"ใช่ ฉันสั่งให้แกปล่อยฉันลง แต่แกจะปล่อยฉันลงดีๆไม่ได้หรือไง" เจ้าหญิงสองแผ่นดินยังคงเถียงต่อไม่ลดละ หากแต่คราวนี้ร่างสูงกลับเลือกเป็นฝ่ายเงียบด้วยเพราะไม่อยากต่อให้มันมากความ การเฉียงกับเจ้าหล่อนสำหรับเขานั้นยากนักที่จะชนะ
คาโลผายมือข้างหนึ่งออกไปข้างหน้าตัว ส่วนปากก็พึมพำอะไรบางอย่าง ซักพักซองเอกสารปึกใหญ่ก็ปรากฏมาอยู่ในมือหนานั้น ก่อนเจ้าตัวจะยื่นส่งซองเอกสารปึกใหญ่ให้ร่างบางที่หน้านิ่วคลำสะโพกอยู่บนพื้น
"เอาไปสิ"
"อะไร" เฟรินกล่าวถามเสียงห้วน พลางมือเรียวก็ยื่นไปกระชากซองเอกสารที่ร่างสูงหยิบยื่นมาให้มาดู เมื่อรู้ว่าของข้างในเป็นอะไรคิ้วเรียวบางได้รูปก็เริ่มขมวดมุ่น ดวงหน้างามฉายแววงุนงงอย่างเห็ดได้ชัด
"รายงานวิชาประวัติศาสตร์..." เฟรินเริ่มเกริ่น ก่อนเรียวปากงามจะเอ่ยคำพูดไม่สมหญิง "แล้วนายเอามาให้ฉันทำซากอะไร"
"นายจะเอาหรือไม่เอา" คาโลไม่ตอบคำถามแต่เสียงกลับโพล่งไปอีกเรื่อง คำพูดที่เรียกความสงสัยให้พุ่งปรี๊ดในใจของร่างบางยิ่งขึ้น
"หมายความว่ายังไง คาโล?" นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองเอกสารในมือสลับกับเจ้าของใบหน้าคมคายไร้อารมณ์ "อย่าบอกนะว่า รายงานชิ้นนี้นายใจดีทำให้ฉัน?"
คนใจดีที่เฟรินว่าเบนหน้าไปทางอื่นก่อนพยักหน้าหงึกหงัก หากแต่นั่นกลับเรียกรอยยิ้มกว้างให้ผุดขึ้นบนดวงหน้าหวานของเจ้าหญิงคนงามแห่งสองแผ่นดิน "ง่ะ ไม่น่าเชื่อ นายไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า คาโล ทำไมอยู่ๆคนแล้งน้ำใจอย่างนายจะมีน้ำใจขึ้นมาได้"
"เฟริน!" คาโลเอ่ยเสียงดุ ดวงหน้าที่เบนไปทางอื่นเผลอหันมาสบกับเจ้าของรอยยิ้มกว้างที่มองมาก่อนแล้ว ส่งผลเฟรินเห็นดวงหน้าคมคายของเจ้าตัวที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อแดงก่ำอย่างหยุดไม่อยู่
อะไรวะ แค่นี้หน้าแดง แต่ก็...น่ารักดี...
เฟรินคิดในใจพลางหัวเราะคึกคัก
"หัวเราะอะไร เฟริน" น้ำเสียงดุๆถูกส่งออกมาพร้อมนัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบ แต่นั่นยิ่งทำให้ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวในสายตาของอดีตหัวขโมยแห่งบารามอสด้วยเพราะดวงหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อนั่น
"เปล่าๆ" เฟรินยิ้มระรื่น "ขอบใจนะ คาโล"
หลังจากที่ร่างบางกล่าวขอบคุณเสียงหวานหู เจ้าหล่อนก็ค่อยๆพยุงกายขึ้นอย่างทุลักทุเลโดยมีเจ้าชายน้ำแข็งช่วยอีกแรง เมื่อลุกขึ้นได้ ร่างบางก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องอย่างไม่รีรอ หากไม่มีเสียงทุ้มต่ำกล่าวขัดขึ้นมาก่อน
"นายจะไปไหน" คาโลเอ่ยถาม เมื่อเห็นสาวน้อยหนึ่งเดียวในห้องกำลังจะเดินออกจากห้องไป เสียงทุ้มที่ทำให้ร่างบางหยุดฝีเท้าลงหันกลับมามองต้นเสียง เจ้าหล่อนเอียงคอเล็กน้อยอย่างแคลงใจ
"ก็ออกจากห้องนายไง"
"แล้วค่าตอบแทนล่ะ"
"ค่าตอบแทน?" เสียงหวานทวนคำอย่างฉงนพร้อมๆกับคิ้วเรียวงามที่เริ่มขมวดมุ่นเป็นโบขนาดย่อมๆบนหน้าผากมน "ค่าตอบแทนอะไรรึ"
คำถามที่ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชวนขนลุกบนใบหน้าคมคายของเจ้าชายมาดน้ำแข็ง
มันยิ้มแบบนี้อีกแล้ว...บอกได้สองคำว่าเตรียมเผ่น!
เร็วเท่าความคิดสองขาเรียวงามค่อยๆสาวเท้าถอยหลังอย่างแช่มช้าเหมือนดูเชิง นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องเขม็งไอ้คนไม่น่าไว้ใจตรงหน้าไม่วางตา แม้ความกลัวว่ามันจะทำอะไรแผลงๆกับเธอจะพุ่งพล่านจับใจ หากแต่ปากหมาๆของเธอมันก็ยังมิหยุดทำงาน "แกเสือ-กยิ้มอะไร"
ร่างสูงไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา มือแข็งแกร่งตวัดรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมอกอย่างเชี่ยวชาญชำนาญยิ่ง เป็นที่แน่นอนว่าเจ้าคนฤทธิ์มากก็คือคนฤทธิ์มาก มือเรียวทุบแผงอกกว้างของเขาพร้อมๆกับปากหมาๆของมันที่สบถถ้อยคำด่าเขาสารพัด แต่ทว่า เขาก็มีวิธีสยบปากหมาๆของเจ้าหล่อนให้มันเงียบสงบลงอย่างง่ายดายปานปลอกกล้วยเข้าปาก
ร่างสูงแข็งแกร่งของเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลโน้มใบหน้าคมคายลงมาจนร่างบางสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆจรดรดใบหน้างามซึ่งเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อแลดูน่ารักน่าชัง ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดดุจกุหลาบงามยามแรกแย้มที่เมื่อครู่ขยับเผยอคำสบถด่าเขาเป็นชุดหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนร่างสูงจะใช้ริมฝีหนาของตนปิดประทับลิ้มรสความหวานละมุนละไมจากริมฝีปากอิ่มรัญจวนของหญิงสาวตรงหน้า
จุมพิษเร่าร้อนที่เขาจะมอบให้แด่เธอผู้เดียวเท่านั้น ตราบชั่วนิจนิรันดร์ ...
หญิงสาวที่เขารักหมดหัวใจ...เฟลิโอน่า เกรเดเวล
เนิ่นนานกว่าร่างสูงจะยอมละริมฝีปากออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง และมันคงจะดำเนินต่อไปหากไม่ใช่ว่าร่างบางเริ่มขาดอากาศหายใจ
"ค่าตอบแทนเรื่องอะไร" ริมฝีปากแดงบวมเจ่อจากฝีมือของผู้บุกรุกเมื่อครู่เอ่ยเอื้อนถามขึ้นหลังจากที่ร่างสูงยอมละริมฝีปากออกไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก พลางหอบหายใจ
คาโลเผยรอยยิ้มละมุน นัยน์ตาสีฟ้าฉายประกายอ่อนโยนจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่บัดนี้ดวงหน้างามนั้นแดงก่ำปานลูกตำลึงสุกก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบ "ค่าตอบแทนเรื่องรายงานที่ฉันทำให้นาย"
น้ำคำเรียกอารมณ์กรุ่นให้ร่างบางหายเคลิ้มกับสัมผัสที่ร่างสูงมอบให้เมื่อครู่เป็นปิดทิ้ง "คาโล! แกนะแก แค่นี้ต้องมาเรียกค่าตอบแทนกันด้วย" เสียงหวานงอง้ำ ก่อนเจ้าตัวจะเบนหน้าไปทางอื่น
"นายเคยบอกไว้ ของฟรีไม่มีในโลกเฟริน" คาโลโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูลมหายใจอุ่นๆปะทะกับโหนกแก้มขาวเนียนก่อนลิ้นอุ่นๆของคนกระทำการอุกอาจจะไล้วงหูเล็กของร่างบางนั้นและเม้มเบาๆเรียกอาการสยิ้วกิ้วให้บังเกิดแก่ร่างบางได้เป็นอย่างดี
"ย...อย่า คาโล" เฟรินร้องเสียงหลงพลางหอบหายใจด้วยอารมณ์ที่เริ่มพุ่งพล่าน ขาเรียวงามเริ่มโอนอ่อนไปตามสัมผัสที่ร่างสูงมอบให้ เมื่อมือหนาแข็งแกร่งซุกซนเริ่มปลดกระดุมเสื้อเธอออกทีละเม็ดพร้อมๆกับริมฝีบางหนาที่เริ่มพรมจูบไปทั่ววงหน้าหวาน
ผลัก!
เสียงเปิดประตูผลักโดยภาระการของผู้ไร้มารยาทขั้นพื้นฐาน ให้สองร่างแผละออกจากกันราวแม่เหล็กขั้วเดียวกันแทบไม่ทัน
เฟรินรีบหันหลังควับ มือเรียวรีบติดกระดุมเสื้อตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนคาโลผู้กำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ค้าง นัยน์ตาสีฟ้าฉายประกายเย็นเยือกจ้องเขม็งผู้เข้ามาขัดจังหวะระหว่างเขาและเธอที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่อย่างมุ่งร้าย
"โร เซวาเรส" เสียงเย็นเยียบรอดไรฟันเอ่ยนามนายขอทานกำมะลอมือกอขอคอที่เข้ามาขัดจังหวะรัก
"ท..โทษทีนะ คาโล ฉันไม่รู้ว่านายกับเฟรินกำลัง...เอ่อ.." นายขอทานกำมะลอเอ่ยขอโทษขอโพยบุรุษเจ้าของเสียงเย็นเยียบเมื่อครู่เป็นการใหญ่ พลางแสร้งปั้นหน้าไร้เดียงสา แต่ทว่านัยน์ตาสีมรกตของเจ้าตัวกลับซ่อนเร้นประกายพราวระยับในนัยน์ตานั้นไว้ไม่อยู่...
"ทางเวนอลไม่เคยสอนมารยาทขั้นพื้นฐานเวลาเข้าห้องคนอื่นแก่นายเลยหรือ"น้ำเสียงทุ้มเย็นๆถูกเปล่งออกมาจากเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่บัดนี้ฉายแววเย็นยะเยือกอย่างชวนให้คนถูกมองขนลุกขนพอง หากทว่ากลับใช้กับบุคคลเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวพราวระริกที่ราวกับว่ากำลังท้าทายตรงหน้าไม่ได้ผล
"แล้วขอทานแห่งทริสทอร์อย่างฉันไปเกี่ยวอะไรกับเวนอล หรือว่า..." คนแสร้งทำไก๋ได้เยี่ยมยอดหยุดคำพูดไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยประโยคต่อมาที่หวังให้บุคคลตรงหน้าเต้นระส่ำเป็นกุ้งเต้นด้วยความเคืองแค้นลึก "เจ้าชายแห่งคาโนวาลผู้เก่งกาจจะจำอะไรผิดไป เฮ้อ...." นายขอทานผู้รับบทเสแสร้งยังคงทำตามบทบาทได้อย่างเยี่ยมยอดต่อไปโดยการแสร้งถอนหายใจหนักๆยาวๆ "ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากเชื่ออย่างนั้นเลยนะ คาโล" เจ้าตัวแกล้งทำสีหน้ากลัดกลุ้มใจสุดชีวิต
หากผิดคาดนายขอทานผู้แสนรอบรู้เมื่อคำพูดและการกระทำเหล่านั้นหาได้เรียกอาการเคืองแค้นจากร่างสูงของเจ้าชายแห่งคาโนวาลไม่ แต่กลับเรียกรอยยิ้มเหยียดอย่างดูแคลนให้ปรากฏหราอยู่บนดวงหน้าคมคายของเจ้าชายแห่งคาโนวาลแทน
"หากฉันเกรงว่านายจะจากบ้านเกิดมานานจนเกินไป โร"
นายขอทานฟังแล้วจึงหัวเราะหึหึอย่างเสียไม่ได้ ก่อนแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป "จริงอย่างที่นายว่า ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ฉันก็ไม่ได้กลับทริสทอร์อีกเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะลืมบ้านเกิดของตนเองหรอกนะ"
"งั้นเราคงมีเรื่องที่ต้องคุยกัน" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนดวงหน้าเจ้าชายแห่งคาโนวาลค่อยๆหุบฉับเข้าสู่โหมดหน้าตายอย่างที่ตนถนัด บรรยากาศมาคุกำลังมาเยือน นัยน์ตาสีฟ้าสบประสานกับนัยน์ตาสีมรกตพราวระริก ซึ่งไม่รู้ว่าเฟรินที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าตาแป๋วจะคิดไปเองหรือเปล่า เธอเห็นกระแสไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะๆระหว่างนัยน์ตาของสองหนุ่ม
เธอควรจะภูมิใจในเสน่ห์สาวน้อยของตัวเองไหมนี่ที่ถึงกับทำให้มีชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนมารุมแย่งเธอกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
เฟรินรำพึงในใจ อุณหภูมิภายในห้องเริ่มลดลงเรื่อยๆ สงครามเย็นกำลังจะเปิดตัวอีกครั้ง แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะต้องมาเสี่ยงแข็งตายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งประดับห้อง
"เอ่อ...คาโล ฉันขอตัวเอารายงานไปส่งก่อนนะ" โดยไม่รอคำตอบจากคนถูกถาม เฟรินก็ใช้วิชาตี-นเบาที่สืบทอดกันมาในตระกูลสุดยอดหัวขโมยเผ่นแผล็วออกจากห้อง
เมื่อร่างบางของเฟรินหายลับออกไปจากห้อง ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดพร้อมๆกับอุณหภูมิที่ลดหลั่นลงเรื่อยๆ นัยน์ตาของสองหนุ่มยังคงสบประสานกันแน่นิ่ง
"เมื่อไหร่นายจะเลิกยุ่งกับเฟริน" คาโลเป็นผู้ปริปากทำลายความเงียบด้วยประโยคเปิดประเด็นที่บ่งบอกความหึงหวงฉายชัด
โรสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางกาง กระตุกรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนพูดไพล่ไปอีกเรื่อง "นายพูดเก่งขึ้นนะ คาโล"
"ฉันไม่ว่างมาเล่นกับนายทั้งวัน" คาโลกล่าวเสียงเย็นอย่างจริงจังพร้อมใบหน้าดุจัด
นายขอทานไหวไหล่เล็กน้อย "เฟรินยังไม่มีเจ้าของ ฉันก็มีสิทธิ์" คำพูดที่เปรียบเสมือนคำประกาศศึกกลายๆ ก่อนคิ้วหนาได้รูปสีชาของเจ้าตัวจะเลิกขึ้นน้อยๆแล้วกล่าวต่อ "หรือนายคิดว่าฉันพูดผิด"
นายจะเลิกยุ่งกับเฟรินเมื่อมันมีเจ้าของแล้วอย่างนั้นสิ?
เห็นทีเขาต้องรีบเสียแล้ว...
คาโลกระตุกยิ้มบาง สาวเท้าเดินไปหยุดอยู่ระดับเดียวกับนายขอทาน "ทาสแห่งเดมอส" คาโลกล่าวเสียงเบาราวกระซิบโดยเน้นหนักกับคำว่า 'ทาส' เป็นพิเศษ ก่อนหายลับออกจากห้องไป
โรยืนตัวแข็งทื่อไม่ไหวติงอยู่ภายในห้องเงียบสงัดที่บัดนี้เจ้าของห้องหายลับออกไปแล้ว แต่คำพูดของสุดท้ายของคาโลยังคงฝังแน่นและทิ่มแทงลงไปกลางใจราวเข็มนับล้านๆเล่ม
คำพูดที่ตอกย้ำฐานะระหว่างเขาและเธอ...
ทาส...
เขาคงเป็นได้แค่ทาสสำหรับเธอ...
ทาสที่ไม่มีวันทรยศนาย...
โรแย้มรอยยิ้มเหยียด...อากาศเยือกเย็นภายในห้องกับความเงียบสงัดช่างเปรียบเสมือนหัวใจของเขาในตอนนี้เสียเหลือเกิน หัวใจอันแสนเปล่าเปลี่ยวและแห้งแล้งไร้ซึ่งคนปลอบประโลมและเติมเต็มความชุ่มช่ำ
แล้วเช่นนี้เขายังจะมีหวังอีกหรือ...
คำถามที่เขาเฝ้าถามตนเองตลอดเวลายามเมื่อเห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมสุขของเธอที่มีให้แก่เขาผู้นั้นผู้เดียว
แทบไม่มีช่องว่างให้เขาแทรกเข้าไปแม้แต่น้อย...
โรค่อยๆหลับตาลงพลางถอนหายใจแผ่ว ก่อนคำพูดปลอบใจจะแล่นวาบเข้ามาในหัว
'เฟรินยังไม่มีเจ้าของ ฉันก็มีสิทธิ์'
ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป...โรหัวเราะในลำคอเบาๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเป็นประกายลุกโชน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้อภิสิทธิ์การเป็นหัวหน้าป้อมอัศวินออกนอกโรงเรียนพระราชาเพียงเพราะเรื่องไร้สาระที่สุด!
คาโลมุ่งหน้าเดินตรงไปยังร้านขายหนังสือยักษ์ใหญ่ที่สุดประจำเอเดนเบิร์กที่เขามักจะมาอุดหนุนหนังสือตำราเวทมนต์เป็นประจำ หากครั้งนี้เขาไม่ได้มาเพราะซื้อหนังสือเวทมนต์เช่นเคย
เมื่อร่างสูงสง่าของเจ้าชายแห่งคนสำคัญคาโนวาลย่างกรายเข้ามาในร้าน เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าประชาชีในนั้นทันทีโดยเฉพาะสาวๆที่ให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ จนอดรู้สึกหงุดหงิดไว้ไม่อยู่ คาโลเปรยสายตาเย็นยะเยือกดุดันปราบสายตาอันแสนหิวโหยที่มองเขาตาเป็นมัน ได้ผล เมื่อเหล่าประชาชีรีบลุกลี้ลุกลนก้มหน้างุดเลือกหนังสือเหมือนตอนที่เขายังไม่เข้ามาในร้าน
คาโลเดินมุ่งหน้าไปทางหนังสือหมวดอื่นๆหาใช่หนังสือหมวดเวทมนต์เช่นเคยไม่ เมื่อมาถึง บริเวณนี้มีคนยืนเลือกหนังสืออยู่ก่อนแล้วพอควร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายชาตรีทั้งสิ้น
เขาคงมาถูกที่แล้ว...
คาโลคำนึงในใจ นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองหาหนังสือเล่มที่ต้องการไปจนทั่ว และแล้วก็พบ...ปกหน้าของหนังสือเล่มนี้มีพื้นหนังสีขาวมีลายรูปหัวใจสีชมพูใสปิ๊งหราอยู่เต็มหน้าปกกับชื่อหนังสือตัวโตแดงฉานว่า '108กลยุทธ์หมั้นสาว โดย ร้อยเมีย'
คาโลใช้เวลาทำใจอยู่นานหลายนาที ทั้งลายหน้าปกและชื่อหนังสือโดยเฉพาะตรงชื่อผู้แต่ง มันทำให้เขาไม่กล้าหยิบมันขึ้นมา หลังจากจ้องอยู่นาน คาโลก็เริ่มผ่อนลมหายใจยาวแล้วตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาและเปิดอ่าน
เขาเคยแอบได้ยินนายนักรบตาเดียว ครี้ด ธันเดอร์ แนะนำหนังสือกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ที่แต่งโดย 'ร้อยเมีย' กับนายนักบวชหนุ่มหน้าหวาน ซีบิล เมื่อนานมาแล้ว ครี้ดรับรองนักรับรองหนาว่าคนแต่งคนนี้แต่งเก่ง อ่านแล้วเอาไปใช้ได้ผลชะงักนัก ซึ่งนาย ครี้ด เองก็อ่านเช่นกันและเคยเอาไปใช้แล้วด้วย แต่เขาฟังแล้วก็รู้สึกฉงนในใจยิ่ง ถ้านาย ครี้ด รับรองว่าอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเอาไปใช้จะได้ผลชะงักดังว่าจริง แล้วทำไมตัวนาย ครี้ด เองถึงยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาเสียที? ทำไมถึงยังโสดสนิทแห้งแล้งเช่นนี้
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะอย่างไรเสียเขาก็ต้องเอามันไปประยุกต์ใช้อยู่แล้วเนื่องว่าเฟรินหาได้เป็นแบบผู้หญิงธรรมดาไม่ ข้อนี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจ
คาโลปิดหนังสือลงและถือมันแนบเอวเดินผ่านระแวกหนังสือหมวดอื่นๆที่บริเวณนั้นมีแต่ผู้หญิง พลันสายตาก็ไปสะดุดกับหนังสือเล่มหนึ่ง
หน้าปกของหนังสือเล่มนั้นเป็นชมพูหวานแหววมีรูปหัวใจดวงใหญ่แดงฉานอยู่กลางหน้าปกกับชื่อหนังสือที่ว่า '101วิธีมัดใจหนุ่ม โดย เจ้าสาวพราวเสน่ห์'
มันทำให้เขาเกิดความคิดดีๆที่จะเอาหนังสือเล่มนี้และเล่มที่เขาถืออยู่ไปประยุกต์ใช้ด้วยกัน
อย่างน้อยเฟรินก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อนถึงสิบห้าปี...
คาโลหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาถือไว้และเปิดออกดูเพื่อตรวจสอบหน้ากระดาษก่อนซื้อ เขาขี้เกียจเอากลับมาเปลี่ยนถ้าหน้ามันขาดหายไปสักหน้าสองหน้า ระหว่างที่กำลังตรวจสอบอยู่ คาโลรู้สึกได้ว่าหญิงสาวที่ยืนเลือกหนังสือยู่ข้างๆเขามองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆอย่างไรชอบกล หล่อนอุทานอะไรบางอย่างซึ่งเขาไม่สนใจจะฟังก่อนรีบเดินอย่างรวดเร็วไปที่อื่น
เมื่อตรวจสอบหน้ากระดาษเสร็จคาโลจึงเดินไปจ่ายเงินกับหญิงวัยกลางคนเจ้าของร้าน ซึ่งเขาบอกกำชับให้เจ้าของร้านห่อหนังสืออันน่าอับอายในความคิดเขานั้นอย่างแน่นหนา ระหว่างคิดเงิน ครั้นเจ้าของร้านเห็นหนังสือ '101วิธีมัดใจหนุ่ม โดย เจ้าสาวพราวเสน่ห์' เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆก่อนรีบหลุบลงไปห่อหนังสือตามคำกำชับของเขาต่อไป
"แองจี้ เธอเห็นไอ้คาโลมันบ้างไหม" เสียงหวานดังจากแม่ยอมยุ่งประจำป้อมอัศวินที่กำลังเดินหน้าสล่อนมาแต่ไหลในชุดลำลองเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนตัวหลวมโครก คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าแม่เจ้าประคุณทูนหัวเอาชุดลำลองชุดนี้มาจากตู้เสื้อผ้าของเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล ว่าที่พระสวามีในอนาคตเป็นแน่แท้
อะไรจะไวไฟปานชะนี้ ยังไม่ทันจะได้แต่งงานกัน ใช้ของร่วมกันเสียแล้ว...
หาก แองเจลีน่า โรมานอฟ น้องนุชหนึ่งในสี่สาวป้อมอัศวินผู้ต้องรับเคราะห์เป็นผู้ตอบคำถามอดีตหัวขโมยตัวแสบกลับเชิดจมูกหน้ามุ่ยไปทางอื่น มือทั้งสองข้างยกขึ้นมากอดอก ไร้เสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้นจากเรียวปากงามได้รูป
สงสัยจะยังโกรธเรื่องเมื่อเช้าไม่หาย...
เจ้าตัวดีสรุปในใจเมื่อเห็นอิริยาบถแง่งอนสมหญิงของเจ้าแม่คทาพิฆาต "อั่นแน่...หรือว่าต้องให้ฉันแปลงเป็นหนุ่มน้อยรูปงามนาม เฟริน เดอเบอโรว์ มาถามถึงจะยอมตัวใช่ไหมล่า..." ปากคันๆของเฟรินกระเซ้าเข้าให้เมื่อเดินมาถึงตัวแองจี้ พลางยักคิ้วหลิ่วตาหวานกวนบาทาเป็นของแถม
โป๊ก!!
แต่ทว่าส่งตาหวานกวนบาทาได้ไม่นานเจ้าตัวดีก็ต้องหน้านิ่วร้องโอดครวญเสียงหลงเมื่อเจ้าแม่คทาพิฆาตประเคนคทาอาญาสิทธิ์ลงกลางกระหม่อมเต็มรัก สยบคนปากเบาให้อยู่หมัดภายในคทาเดียว "โอ้ย! เจ็นนะ ยัยเองจี้ ล้อนิดล้อหน่อยก็ไม่ได้ หัวคนนะเฟ้ยไม่ใช่ตอไม้ ทุบเอาทุบเอาอยู่ได้"
"ถึงจะล้อเล่นก็ไม่ได้ย่ะ ถ้าคราวหน้านายพูดแบบนี้อีก ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคาโล" แองจี้เหยียดยิ้มอย่างเป็นต่อ เดาะไม้คทาในมือเล่นเบาๆ
คาโล เมื่อคำประกาศิต ที่คนถูกขู่ฟังแล้วขนลุกซู่ ยิ่งขึ้นถึงเรื่องที่มันลากเธอเข้าไปในห้องแล้วยิ่ง....ปรื๋อ...
ไม่ได้! จะได้ไอ้คาโลมันรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ถ้ามันรู้...เวอร์จิ้นของร่างสาวน้อยของเธอคงถูกมันพรากไปเป็นแน่แท้ ใครจะยอมเล่า!
"โถโถ แองจี้คนสวยจ๋า อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกคาโลมันเลยนะ เธอก็รู้หนิน่า ฉันมันก็เป็นคนปากเบาอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร" เฟรินผู้หมดฤทธิ์ซ่าได้ไม่นานวิงออนออดอ้อนแองจี้ผู้กุมชะตาเวอร์จิ้นของเธอไว้ในกำมือเป็นการใหญ่ พลางทำตาใสปิ๊งเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆอ้อนเจ้านาย
ครั้นแองจี้หยุดเหมือนรอฟังต่อ เฟรินจึงพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าสรรหาเหตุผลมาอ้างให้เจ้าหล่อนคนงามเลิกล้มความคิดอันแสนบรรเจิด
"และอีกอย่างนะ แองจี้ เธอลองคิดดูสิว่า ไอ้คาโลน่ะตอนนี้มันก็มีงานล้นมือพออยู่แล้ว เธออย่าเอาเรื่องน่าปวดไปยัดใส่สมองมันอีกเลยนะ ฉันล่ะ เห็นใจมันจริงๆ"
"อ้อ..."แองจี้ลากเสียงยาว "เธอช่างเป็นคนดีจริงนะ เฟริน"
"ใช่ไหมล่ะ" เฟรินเออออตามไปด้วย เจ้าหล่อนยังคงไม่รู้ว่าตัวเองนั้นถูกประชดเข้าให้ ก่อนว่าต่อ "เพราะงั้นเธออย่าเอาไปบอกคาโลมันเลยนะ"
"ถ้าไม่อยากให้ฉันบอกคาโล นายก็อย่าให้มีอีกครั้งสิ" คำพูดเหมือนไม่ใส่ใจ ก่อนเจ้าตัวจะสะบัดหน้าเดินเดาะคทาจากไป
โอ้ว!!
เฟรินกรีดร้องในใจ...เรื่องมันเลวร้ายยิ่งกว่าถูกสาวงามหักอก มันเกี่ยวข้องกับเวอร์จิ้นสุดรักที่เธอเพียรรักษาอย่างยากลำบากมาตลอดห้าปี สังสัยยัยแองจี้คงกลายเป็นบุคคลต้องห้ามที่เธอไม่ควรเข้าใกล้ตลอดหนึ่งเดือนนับจากนี้ รอให้เจ้าหล่อนลืมๆเรื่องนี้ไม่ซะก่อน ไม่เช่นนั้นเกิดอาการปากเบาของเธอเกิดกำเริบขึ้นมาให้แม่เจ้าประคุณทูนหัวขุ่นเคืองใจ มันจะยุ่ง
เฟรินถอดหายใจแผ่วตบปากขอบเธอเบาๆ ก่อนหันหลังกลับเดินย้อนไปทางเดิมเสาะหาเหยื่อตอบคำถามรายต่อไป เจ้าตัวเดินไปพลางคอตกไปพลางเหมือนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต และแล้วไม่นานเหยื่อรายใหม่ก็เดินสวนทางมา
นายนักรบตาเดียวแห่งไนท์ ครี้ด ธันเดอร์ เดินย่างบาทาอย่างสง่าผ่าเผยพลางฮัมเพลงเบาๆมาแต่ไกล มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างเสยผมทำเท่ห์ หวานเสน่ห์ ทั้งๆที่ไม่มีหมาตัวไหนเดินผ่านมาซักตัว ยกเว้นเธอซึ่งเป็นคนไว้คนหนึ่ง
มันจะทำท่าหว่านเสน่ห์ตอนนี้ทำเตี่ยไรวะ...
"ครี้ด" เสียงหวานเอ่ยเรียกให้ร่างมาดแมนเต็มตัวของนายนักรบตาเดียวหยุดชะงัก แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
"นายเห็นไอ้ก้อนน้ำแข็งเดินได้บ้างไหม" เฟรินถามตรงๆ เธอหมดอารมณ์กวนบาทาคนอื่นเสียแล้ว ไม่อยากเสี่ยงให้มีชนักปักหลังเพิ่มอีก
"แกก็ส่งกระแสใจไปถามมันเองซะสิ" ครี้ดตอบพลางยิ้มแป้นได้อย่างน่าถีบสุดๆ มันช่างเป็นการกวนบาทาได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี
ส่งกระแสใจ...
คิ้วสีน้ำตาลไหม้กระตุกน้อยๆ ก่อนแหววเสียงสูง "กระแสใจ กระแสบ้านไหนของแกวะ ไอ้ครี้ด"
"อ้าว!" ครี้ดอุทานแล้วเลิกคิ้ว "นายไม่เคยได้ยินรึไง เฟริน"
คำถามที่คนถูกถามส่ายหัวหวืด เธอไม่เคยได้ยินกระสงกระแสอะไรที่มันว่ามาก่อนตั้งแต่เกิดมา เพิ่งได้ยินตะกี้สดๆร้อนๆ อยากรู้นักว่าไอ้หมอนี่มันจะมาไม้ไหน
ส่วนนายครี้ดที่เห็ดท่าทางสงสัยของเพื่อนสาวในคราบชายแล้วถึงกับถอนหายใจยาว ก่อนสวมวิญญาณปรมาจารย์พูดเสียงขรึม "เอาล่ะ เฟริน ฉันจะยอมสละเวลาอันมีค่าของฉัน อธิบายให้นายฟังเอง"
"เป็นพระคุณอย่างสูงบรมเลย เพื่อนเอ๋ย" เฟรินประชดพลางแสยะยิ้มหวานหยดย้อย ปรมาจารย์ครี้ดพยักหน้านิดๆแล้วเริ่มอธิบาย
"ก็นะ เวลาคนสองคนรักกันมากๆใช่ไหม มันก็เหมือนมีสายสัมพันธ์มาเชื่อมทั้งสองคนไว้ด้วยกัน นายว่าจริงป่ะ" นายครี๊ดถามความเห็น ที่เจ้าตัวคนถูกถามส่ายหัว
"ไม่อะ" เฟรินตอบ แต่นายครี้ดท่าทางจะไม่สนพล่ามต่อไป
"แล้วทีนี้หากเกิดเหตุร้ายกับคนหนึ่ง พอคนนั้นนึกขอความช่วยเหลือถึงคนรักของตน นายสังเกตสิ คนรักของเขาก็จะมาช่วยเหมือนมีตาทิพย์เลย นั่นล่ะที่ฉันจะบอกว่า คนคนนั้นอะส่งกระแสใจขอความช่วยเหลือไปถึงคนรักของไง มันก็ประมาณนี้ ไม่รู้สิ ฉันก็อธิบายไม่ค่อยถูก"
ประสาท...มันคิดออกมาได้ หัวสมองมันช่างบรรเจิดจริงๆ
คำสรุปในใจของเฟรินหลังจากฟังเจ้าเพื่อนมันพล่ามจนเสร็จสรรพ พลางทำหน้าเบ้ราวกับคนเบื่อโลก
"ครี้ด...." เฟรินเรียกนายคนยิ้มแป้นเสียงแผ่ว
"หืม?" ครี้ดส่งเสียงในลำคอ
"ฉันสงสัยว่าแกจะอ่านนิยายน้ำเน่ามากไปเปล่าวะ" เสียงหวานถามอย่างเคลือบแคลงใจ
"เปล่า" เจ้าตัวคนถามแบมือทั้งสองข้างออกกว้างแล้วยักไหล่น้อยๆ "ของอย่างนี้มันต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริงว่ะ เฟริน" ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มที่มีความหมายประมาณว่า ข้านี้เก่งไม่มีใครเทียบ ปรากฏหราอยู่บนดวงหน้ากร้านของนายนักรบตาเดียว
"เออ เอาเถอะ" เฟรินตัดบท "แล้วตกลงนายเห็นไอ้คาโลมันบ้างไหม"
"เห็น" ครี้ดพยักหน้า ก่อนทำท่าครุ่นคิด "รู้สึก...มันจะเดินเข้าห้องมันไปแล้วมั้ง ฉันเจอมันหน้าประตูห้องพอดิบพอดี"
จบ...มันพูดมากแค่นี้แต่แรกก็จบ เธอจะได้ไม่ต้องฟังมันพล่ามให้เปลืองหู
"อือ ขอบใจ ฉันไปก่อนนะ" ว่าแล้วสองขาก็เตรียมก้าวจากไป หากนายนักรบตาเดียวเรียกขัดขึ้นมาก่อน
"เดี๋ยวๆ เฟริน"
"หือ?" เฟรินพลิ้วกายหันกลับมาเลิกคิ้วสูงปั้นหน้าเหรอหรา "มีอะไรอีก"
"นายว่าไอ้นี่สวยไหม" ครี้ดว่าขณะล้วงอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง
สร้อยคอเส้นบางสีเงินยวงสวยกันจี้ห้อยคอเล็กๆกะทัดรัดรูปหัวใจฝังเพชร ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพชรปลอมชัวร์ เฟรินประเมินราคาของสร้อยคอเส้นนี้อย่างรวดเร็วด้วยสายตาอันคมกริบตามแบบฉบับหัวขโมยเก่า...มันคงมีราคาพอควร
"นายว่าสวยไหม" นายนักรบตาเดียวถามซ้ำ
"อือ ก็สวยดี ทำไมรึ" คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นจนกลายเป็นโบขนาดย่อมๆ...มันจะมาไม้ไหนอีก
"แล้วนายว่าผู้หญิงจะชอบไหม" ครี้ดซักต่อ...มันช่างเลือกถามได้ถูกคนจริงๆ (ประชด)
"คงชอบมั้ง...แกมาถามอะไรฉันเล่า แกก็รู้ๆอยู่ว่าฉันมันผู้หญิงแต่เปลือก" เธอเป็นคนยอมรับความจริงเสมอ "มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีฉันจะได้รีบไปหาไอ้คาโลมัน ขืนชักช้าเดี๋ยวฉันโดนมาทิวด้าเหยียบตายดินแน่" เฟรินทำหน้าสยดสยอง
"แล้วนายเห็นแองจี้ไหม" คำถามที่เรียกอาการบางอ้อให้เกิดกับแม่ยอดยุ่ง เฟรินเหมือนจะเข้าใจอะไรได้รางๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนดวงหน้าหวาน
"นายก็ส่งกระแสใจไปหาเธอเองซะสิ"
.......................................................................................................
14/05/49
มาอัพให้แล้วนะคะ อัพส่งท้ายปิดเทอมค่ะ เศร้า T^T ไม่อยากเปิดเทอมเลย จริงๆนี่มันมากกว่า 25% นะเนี่ย มัน 40 % ชัดๆ
แล้วจะรีบมาอัพต่อให้นะคะ แต่เปิดเทอมแล้วกว่าจะมาอัพคงช้ามากๆ งานเยอะค่ะ แต่จะพยายามมาอัพนะคะ
ขอคอมเม้นเหมือนเดิมนะคะ เม้นๆกันหน่อยสิ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ โดยเฉพาะท่านที่เม้นให้เราประจำ ขอบคุณมากๆ
Yurikagarin
5/05/49
มาอัพให้แล้วนะคะ ตามสัญญาค่า ขอโทษด้วยนะคะที่อัพช้าไปหน่อย
เอ่อ...รู้สึกได้ว่าสำนวนตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย มันเกิดอะไรขึ้น= =a
ดีใจมากๆค่า อัพงวดที่แล้วเม้นเยอะมากๆ ดีใจสุดๆค่า งวดนี้ไม่รู้จะมีคนเม้นให้รึเปล่า หวังว่าคงจะมีนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ และขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ
yurikagarin
1/05/49
โอ้ นี่เราดองมาหนึ่งเดือนเต็มเลยหรือนี่ ฮาๆ มาอัพแล้วน้า ถึงแม้จะแค่ 5% แต่ยังไงก็มาอัพแล้วแหละ เดี๋ยวค่อยมาอัพต่อนะคะ เร็วๆนี้แหละ ไม่งั้นการฟาดฝีปากจะขาดตอน
วันนี้อัพทั้งภาคธรรมดาแล้วก็ภาคพิเศษแล้วแฮะ อารมณ์ดี ฮาๆ ขอเม้นนะค้า
yurikagarin
30/03/49
มาอัพแล้วค่า เราเป็นคนชอบอัพตอนเย็นๆถึงดึกๆค่า เช้าๆไม่ค่อยอัพหรอก
อัพงวดนี้เป็นไงบ้างคะ หวังว่าพอจะหื่นบ้าง เล็กๆน้อยๆค่า พึ่งเคยแต่งหื่นๆครั้งแรก(?)
ขอคอมเม้นเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณนะคะสำหรับทุกคอมเม้น อยากให้แก้ไขตรงไหนก็บอกนะคะ
yurikagarin
27/03/49
มาอัพให้แล้วนะคะ ถึงแม้จะช้าไปหน่อยค่ะ กรุณาอ่านแล้วเม้นด้วยนะคะ
นักเขียนทุกคนส่วนใหญ่ย่อมอยากได้คอมเม้นของนักอ่านที่เข้ามาอ่านฟิคของเขาทุกคนแหละค่ะ ถึงนักเขียนบางคนอาจไม่เคยจะมาเรียกร้องให้เม้นให้เขาด้วยนะ แต่ลึกๆในใจเขาแล้วเขาก็ต้องอยากได้คอมเม้นจากนักอ่านเพื่อจะได้มีกำลังใจ หรือเพื่อที่จะได้นำข้อเสนอแนะเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขฟิคของเขาทั้งนั้นแหละค่ะ
อัพครั้งหน้าอาจมีเหตุการณ์หื่นๆบ้างเล็กน้อย และอาจมีการปะทะคารมฟาดฝีปากระหว่างนายเจ้าชายน้ำแข็งกับนายขอทานกำมะลอด้วย!! ตามที่นักอ่านบางคนอยากอ่าน (อาจจะนะเพราะยังไม่ได้แต่งเหมือนกัน แต่plotไว้ในหัวสมองแล้ว)
ไว้เจอกันค่ะ เราเปิดซัมเมอร์แล้ว มีเวลาว่างไม่มากนัก แต่จะพยายามมาอัพให้ไวที่สุด และเราก็กำลังคิดอยู่ว่า จะเอาอย่างไรดี จะแต่งต่อถึงตอนรุ่นลูกที่plotไว้ในหัวสมองเลยไหม = =a ทั้งนี้ก็ต้องดูก่อนว่า ฟิคเรายิ่งแต่มันยิ่งรุ่งหรือรุ่งริ่ง ถ้ารุ่งริ่งนักก็จบถึงตอนๆหนึ่งพอ
อ่านะ ฮาๆ มาพูดเรื่องอื่นดีกว่า คราวนี้คงรู้กันแล้วน้าว่าสาเหตุที่คาโลขอบตาดำเพราะอะไร ลองๆไปอ่านตั้งแต่แรกแล้วคิดๆดูเองละกันนะ ว่าคาโลทำอะไรถึงนอนไม่พอแล้วขอบตาดำ555+
yurikagarin
ความคิดเห็น