คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 :: Cold War
Chapter 2 :: Cold war
บทที่๒ :: สงครามเย็น
"นายว่าใครเป็นยัยโหด เฟริน" แองจี้แหววขึ้นด้วยน้ำเสียงแหลมสูงแสบแก้วหูพร้อมลุกขึ้นพรวดหันควับมองค้อนวงโตไปทางเจ้าหญิงปากเบา เรียกความสนใจจากหลายชีวิตในห้องอาหารดราก้อนได้ดีทีเดียว
"เปล่านี่" เฟรินว่าพลางยักไหล่เล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างเต็มร้อย "แต่ใครจะรับก็รับไป ฉันไม่ว่าอะไรหรอก"
โครม!
ราดน้ำมันบนกองเพลิงของแท้
ความคิดที่ปรากฏอยู่ในใจขณะนี้ของของเหล่าทโมนซึ่งนั่งมองการปะทะคารมระหว่างแม่มดสาวแห่งวิชกับอดีตหัวขโมยตัวแสบตาแป๋ว ไม่มีใครกล้าเอ่ยเอื้อนวจีใดๆ ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่า อีกไม่นานระเบิดขนาดมหึมาคงบอมลงกลางโต๊ะที่พวกเขาสุมหัวนั่งรับประทานอยู่เป็นแน่แท้
หากทว่าก่อนที่การปะทะคารมยกสองจะเริ่มขึ้น
"เฟริน" น้ำสียงเย็นเยียบเรียกเจ้าตัวดีจากทางด้านหลัง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร เฟรินจึงหันหลังไปหาเจ้าคนเรียกพร้อมส่งยิ้มหวานหยดย้อย
"ไง คาโล อรุณสวัสดิ์" เฟรินกล่าวทักทายเสียงใส ก่อนคิ้วเรียวจะเริ่มขมวดหมุนจะกลายเป็นโบขนาดย่อมๆเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตสบเข้ากับดวงหน้าของเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล "นั่น...นายไปทำอะไรมาฮึ คาโล ทำไมตานายถึงเหมือนหมีแพนด้าอย่างนั้นน่ะ" เฟรินว่าด้วยเสียงไม่เบานัก
เรียกความสนใจของชาวป้อมอัศวินผู้รักในการสอดรู้สอดเห็นให้หันไปสบกับดวงหน้าคมคายของเจ้าชายหัวหน้าป้อม ซึ่งบัดนี้ใต้ขอบตาล่างมีรอยดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัดเจน เหล่าทโมนบางคนผู้ยังไม่รู้จักกับคำว่าถูกแช่แข็งตายมันเป็นอย่างไรถึงกับหลุดเสียงหัวเราะคึกคัก แต่ครั้นเมื่อสบกับนัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบและสัมผัสถึงไอเย็นที่เริ่มแผ่ออกมาแช่แข็ง ไอ้พวกวอนตายตายทั้งหลายก็รีบหยุดเสียงหัวเราะฉับพลัน หันกลับไปปฏิบัติกิจกรรมรับประทานอาหารต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนคุณเจ้าชายหัวหน้าป้อมบ้าเลือดแห่งนี้ที่เมื่อครู่กลายเป็นตัวตลกจำเป็น ปรายสายตาหนาวสะท้านมองไปยังเจ้าหญิงหัวขโมยซึ่งเหลือแต่มันเพียงคนเดียวที่ยังอมยิ้มกลั้นหัวเราะท้องแข็ง
ตลกมากนักหรือ?
อย่างนี้มันน่าจับสำเร็จโทษนัก
คาโลคาดโทษแม่ตัวดีไว้ในใจ พยายามรักษาสีหน้าและอารมณ์กรุ่นๆที่บังเกิดขึ้นอย่างสุดความสามารถเท่าที่คนจุดเดือดต่ำอย่างเขาจะทำได้ แต่ครั้นสายตาไปสบกับบุคคลผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวมรกตพราวระยับ ซึ่งนั่งข้างๆเจ้าหญิงของเขาอยู่ตอนนี้ เจ้าอารมณ์ที่ใกล้จะขาดอยู่รอมร่อก็ตึงเปียะขึ้นอีกทันตา
"เฟริน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย"
"ก็ว่ามาสิ" เฟรินเอ่ยตอบเสียงหวานใสหลังจากระงับอาการหัวเราะท้องแข็งได้ซักพักถึงแม้ริมผีบางบางจะยังคงอมยิ้มกริ่มเล็กน้อย
"ไม่ใช่ที่นี่ ออกไปคุยกันที่อื่น" คำกล่าวของคาโลทำให้นัยน์คาสีน้ำตาลเปลือกไม้หรี่ลงเล็กน้อยบ่งบอกถึงความสงสัยอย่างชัดเจน
มันจะคุยเรื่องอะไร...จำเป็นต้องไปคุยที่อื่นด้วย?
และเหมือนเจ้าชายคาโลจะรู้ความคิดแม่ยอดยุ่ง จึงกล่าวขึ้นก่อน "เดี๋ยวนายก็รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ถ้านายจะกินข้าวก่อนก็ได้ ฉันไม่รีบ"
เฟรินฟังแล้วรีบพยักหน้าหงึกหงักรับข้อเสนอ สำหรับเธอแล้วเรื่องกินต้องมาก่อนเหนือสิ่งอื่นใด หลังจากนั้นแม่ตัวดีก็กวักมือเรียกเจ้าชายหัวหน้าป้อมให้มานั่งตรงที่ว่างข้างๆ "มานั่งนี่สิ"
ร่างสูงยอมทำตามอย่างว่าง่ายพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนสาวเท้าเดินไปตรงที่นั่งว่างข้างๆเจ้าหล่อนและวางซองเอกสารสีน้ำตาลหนาปึกลงบนโต๊ะอาหาร "นายจะกินอะไร ฉันจะได้ซื้อมาเผื่อ"
เฟรินหันขวับเงยหน้าขึ้นจ้องมองดวงหน้าคมคายของร่างสูงผู้ยิงคำถามเมื่อครู่ที่ยืนค้ำหัวเธออยู่แทบไม่ทัน เมื่อประสาทหูของหล่อนได้ยินคำถามที่มันยิงส่งมา ก่อนถามให้แน่ใจอีกครั้งว่าที่หล่อนได้ยินนั้นเป็นความจริงหรือหล่อนหูผาดไปกันแน่ "อะไรนะ นายจะซื้อมาเผื่อฉัน"
"อือ" คาโรรับคำ เมื่อได้ยินดังนั้นเฟรินก็ถึงกับฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลหวานซึ้งจับจ้องร่างสูงตรงหน้าไม่วางตา
ทำไมวันนี้มันใจดีจัง...
"งั้นเอาสลัดผักชุดบีสองชุดนะ บอกเขาว่าราดน้ำสลัดเยอะๆ อ้อ แล้วก็อย่าลืมแอ็ปเปิ้ลอีกสองลูกด้วย" เจ้าตัวดีสั่งใหญ่อย่างไม่เกรงใจด้วยคิดว่าไอคนที่วันนี้มันใจดีจะออกเงินให้ ส่วนคนกลายเป็นพนักงานรับออเดอร์จำเป็นถึงกับปลงตก เขาซึ่งตัวใหญ่กว่าหล่อนตั้งเยอะยังกินเยอะไม่เท่าหล่อนเลย ไม่รู้กินแล้วเอาไปเก็บไว้ส่วนไหน
ร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นอันว่ารู้เรื่อง แต่ก็ยังยืนนิ่งไม่ไปไหนนานสองนาน จนเจ้าตัวดีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนเรียวปากงามจะเอ่ยเอื้อนคำพูดอย่างไม่สมหญิง "แล้วนายจะยืนบื้อทำไม รีบๆไปซื้อซะสิ ฉันหิวแล้วนะ"
"เงิน" คำพูดสั้นเรียบง่ายตามแบบฉบับ คาโล วาเนบลี แต่ได้ใจความ แถมด้วยการแบมือออกมาเบื้องหน้า ถึงกับทำให้ความคิดที่ว่าทำไมวันนี้มันใจดีจังและความดีใจทั้งหมดมลายหายไปสิ้นด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ความกรุ่นโกรธฉุนกึกเข้ามาแทนที่ เฟรินแสยะยิ้มเหยียดแล้วถามต่อ
"แกไม่ได้จะออกเงินให้หรอกรึ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะเครียดๆ นึกเสียดายสมองที่เคยคิดว่าวันนี้ทำไมมันใจดียิ่งนัก
"ฉันบอกนายรึยังว่าจะออกเงินให้ ฉันแค่พูดว่าจะซื้อมาเผื่อ" เสียงเย็นกล่าวเนิบๆ ไม่ได้ดูถึงอารมณ์ผู้รับสารเลย เท่านั้นกระเป๋าตังสีฟ้าสวยใบงามทั้งใบก็ลอยมาปะทะดวงตาที่บัดนี้มีรอยดำคล้ำใต้ขอบตาล่างข้างซ้ายของเจ้าของเสียงเย็นนั้นหวังเปลี่ยนสีดำคล้ำใต้ขอบตาล่างให้แปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงรอบดวงตาแทน และนั่นยังทำให้ผู้ถูกประทุษร้ายเซถอยหลังไปเล็กน้อย
"เฟริน!" คาโลยกมือขึ้นคลำดวงตาที่โดนประทุษร้ายโดยกระเป๋าตังสีฟ้าใบสวยเบาๆ ดวงหน้าคมคายฉายแววดุจัดจนน่ากลัว แต่เจ้าของกระเป๋าตังใบนั้นกลับแสยะรอยยิ้มหวานซึ้ง
"ได้เงินแล้วก็เชิญเสด็จไปซื้อสิเพคะ เจ้าพี่คาโล" เฟรินกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานใส คำพูดสมฐานะครั้งแรกที่หล่อนพูดกับเขา ความจริงแล้วเขาควรดีใจเสียด้วยซ้ำที่หล่อนเอ่ยวาจาแสนหวานสมกับเป็นเจ้าหญิงและเรียกเขาว่าเจ้าพี่ แต่นี่เขากลับดีใจไม่ออก รอยยิ้มแสยะของเจ้าหล่อนช่างชวนเสียวสันหลังวาบ
ความน่ากลัวของธิดาแห่งความมืด....
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหญิงคนสำคัญแห่งสองแผ่นดินและเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล ณ โรงอาหารดราก้อนบริเวณโต๊ะอาหารที่เหล่าทโมนปีเจ็ดแห่งป้อมอัศวินนั่งสุมหัวกันอยู่และอีกหลายชีวิตในโรงอาหารดราก้อนนั่งมองตาแป๋วไปตามๆกันด้วยความอึ้งปนทึ้งเล็กน้อยกับคำถามที่ว่า 'มันรักกันได้อย่างไร'
ส่วนแม่มดสาวแห่งวิทช์ แองเจลีน่า โรมานอฟ ผู้ถูกลืมค่อยๆทรุดตัวลงนั่งและปฏิบัติกิจกรรมทานอาหารต่อไปหลังจากยืนมาเป็นระยะเวลาพอสมควร แต่อารมณ์กรุ่นฉุนกึกจากการปะทะคารมระหว่างเธอและเจ้าหญิงหัวขโมยปากเบาซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อการปะทะคารมที่ชื่อว่า 'ใครคือยัยโหด' ยังคงไม่มลายหายไปสิ้น สังเกตได้โดยง่ายจากการเฉือนเนื้อสเต็กหมูอย่างรุนแรงเหมือนมันคือศัตรูคู่อาฆาตแต่ชาติปางก่อนของเจ้าหล่อน
หลังจากที่พนักงานรับออเดอร์จำเป็นเสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะ เจ้าตัวดีก็จัดการคว้าไปเขมือบสวาปามอย่างไม่บันยะบันยัง ไม่มีแม้แต้คำขอบคุณหรือมองหน้าคนเสิร์ฟ เป็นอันรู้แน่ชัดว่ามันเข้าสู่โหมดสาวงามให้เขาตามง้ออีกตามเคย เรียบร้อยแล้ว ร่างสูงถอนหายใจเฮือกยาว ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆแม่ตัวดี
เหล่าทโมนปีเจ็ดแห่งป้อมอัศวินส่วนใหญ่หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็รีบเผ่นแผล็วกลับห้องไปทำรายงายวิชาประวัติศาสตร์ของวิชารุ่นพี่ลอเรนซ์กันแทบไม่ทัน รายงานที่จะเป็นเครื่องชี้ชะตาสำหรับนักเรียนปีเจ็ดของทุกหอว่าจะสามารถสอบผ่านวิชาประวัติศาสตร์ในการสอบที่จะถึงนี้ได้หรือไม่ และเนื่องมาจากนโยบายใหม่ของมหาปราชญ์เลโมธีที่ว่า หากนักเรียนคนใดสอบตกไม่ว่าจะวิชาใดก็ตาม ต้องเรียนซ้ำชั้นปีใหม่ และด้วยเหตุนี้ เหล่าทโมนทั้งหลายแห่งป้อมอัศวินจึงมีความรับผิดชอบสูงปรี๊ดขึ้นมาทันตาเห็น
ระหว่างรับประทานอาหารไปซักพัก ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะคอยแอบชำเลืองมองร่างบางข้างตัวที่กำลังง่วนอยู่กับการรับประทานอาหารตรงหน้า
มันยังโกรธเขาอยู่...
คาโลสรุปในใจ ทั้งๆที่เขาคิดว่าอาหารจะทำให้มันอารมณ์ดีขึ้นเสียอีก ก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นชวนคุย
"นายทำรายงานวิชาประวัติศาสตร์เสร็จรึยัง" คาโลถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆหวังให้มันตอบคำถามเขาสั้นๆหรือพนักหน้าให้เขาใจชื้นหน่อยก็ยังดีว่าอย่างไรซะมันก็ยอมคุยกับเขา หากทว่าไร้เสียงตอบรับจากสวรรค์ มันทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามที่เขาถามมัน ทำเอาร่างสูงเริ่มใจแป้ว
รู้อย่างนี้ไม่น่าทำให้มันโกรธ...
ร่างสูงถอนหายใจเถือกยาวอีกเฮือก แล้วลงมือรับประทานอาหารต่อไป
"เฟริน ถ้าเย็นนี้นายว่าง สนใจเล่นหมากรุกกับฉันซักตาไหม" เมื่อโอกาสทองในการทำคะแนนมาถึง นายขอทานกำมะลอก็ต้องรีบไขว่คว้าไว้เป็นธรรมดา
"เออ ฉันมันคนไม่มีงานทำอยู่แล้ว เล่นก็เล่นสิ" เสียงหวานเจื้อยแจ้วเอ่ยตอยพลางหันไปส่งยิ้มหวานให้นายขอทานกำมะลอ เรียกอารมณ์ฉุนกึกให้แก่คุณเจ้าชายหัวหน้าป้อมที่แอบเอี้ยวหูฟังบทสนทนาของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
มันไม่ยอมคุยกับเขาแต่ยอมคุยกับนายขอทานนั่น!
เมื่อความหึงหวงแม่ตัวดีเริ่มถาโถมเข้ามาในใจของเจ้าชายแห่งคาโนวาล สิ่งที่ตามมาก็คืออารมณ์กรุ่นๆที่เจ้าตัวเพียรจะระงับอดกลั้นโทสะทั้งมวลที่จะมาหล่อหลอมมาดน้ำแข็งของเจ้าตัวให้พังทลายลง
หาว...
เสียงหาววอดของเจ้าหญิงสองแผ่นดินผู้ทำตัวไม่สมหญิงเป็นสัญญาณอย่างดีที่จะบอกว่ากระเพาะอาหารขนาดใหญ่เกินตัวของแม่เจ้าประคุณทูลหัวขยายตัวถึงขีดสุดแล้ว
"ฉันเก็บจานให้นะ เฟริน" นายขอทานกำมะลอผู้รอเวลานี้มานานแสนนานเอ่ยขึ้น หวังทำคะแนนพิชิตใจเจ้าหญิงสองแผ่นดิน
เฟรินหันดวงหน้าหวานซึ้งมองร่างนายขอทานข้างตัว พร้อมรอยยิ้มที่พร้อมจะทำให้โลกทั้งใบสว่างไสว "เอาสิ" เฟรินเอ่ยพลางยื่นจานอาหารใบโตส่งให้นายของทานซึ่งรอรับอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งช้อนขึ้นสบนัยน์ตาสีมรกต "ขอบใจนะ โร นายช่างมีน้ำใจกับฉันจริงๆ ไม่เหมือนใครบางคน!" เจ้าตัวดีพยายามเน้นหนักประโยคสุดท้ายเป็นพิเศษพูดด้วยน้ำเสียงเดือนดัดประชดประชัดเสียดสีอย่างเต็มประดา เรียกให้ใครบางคนที่ว่าซึ่งแอบเหลือบมองเหตุการณ์ข้างตัวชนิดทุกย่างก้าวอยู่สะดุ้งนิดๆ
"ไม่เป็นไรหรอก พอดีว่าฉันจะไปเก็บจานของฉันด้วยพอดี" โรกล่าวยิ้มๆนัยน์ตาสีมรกตจับจ้องดวงหน้าหวานไม่วางตา เนินนานจนผู้แอบมองเริ่มฉุดอารมณ์ไว้ไม่อยู่
ปึ้ง!
เสียงวางแก้วน้ำอย่างแรงโดยฝีมือเจ้าชายแห่งคาโนวาล ขัดบรรยากาศเข้าด้ายเข้าเข็มระหว่างนายขอทานและอดีตหัวขโมยได้เป็นอย่างดี นายขอทานละสายตาจากดวงหน้าหวานของหญิงสาวไปสบดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกของท่านเจ้าชายซึ่งมองมาก่อนแล้ว นัยน์ตาสีเขียวฉายประกายระริก
"ฉันไม่เคยคิดว่าเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลจะไม่เคยได้รับการอบรมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารนะ"
เจ้าชายผู้ถูกหาว่าไร้การอบรมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารเหยียด ยิ้ม "พอดีมันหลุดมือน่ะ" เสียงเย็นกล่าวเนิบๆ นัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบเริ่มฉายประกายระริก "เมื่อกี้นี้..." คาโลเกริ่น ก่อนกล่าวประโยคถัดไป"ฉันได้ยินนายบอกว่าจะไปเก็บจานพอดีใช่ไหม"
"นายก็เลยจะฝากฉันไปเก็บด้วยงั้นสิ" โรกล่าวขึ้นอย่างรู้ทัน และไม่ทันที่คาโลจะได้ตอบอะไร นายขอทานก็ลุกขึ้นพรวดสาวเท้าไปหยิบจานอาหารของเจ้าชายแห่งคาโนวาลขึ้นมา "ฉันมันคนมีน้ำใจอยู่แล้ว" เจ้าตัวกล่าวถ้อยคำประชดประชัดพร้อมยักคิ้วหนาได้รูป ก่อนเดินจากไป
แซ่กๆ
เสียงฝีเท้าสองคู่เหยียบย่ำลงบนพื้นหญ้าเขียวขจีหนานุ่มบริเวณหลังป้อมอัศวินอย่างรีบร้อน
"เรนอน รอผมด้วยสิครับ"ชายหนุ่มร่างสูงผมดำตัดสินใจร้องเรียกร่างบอบบางซึ่งเดินอย่างไม่คิดชีวิตข้างหน้าตนเอง หลังจากเป็นฝ่ายตามอยู่นาน
เมื่อได้ยินเสียงเรียกคุ้นหูร่างบางหยุดเดินชะงักก่อนหันกลับมามองตามเสียงเรียกอย่างรวดเร็ว ดวงหน้าหวานซึ่งยังคงมีรอบระเรื่อจางๆมีแววตื่นตระหนกเมื่อพึ่งรับรู้ว่ามีคนเดินตามหล่อนมาด้วย "คุณคิล..." เ รนอนเอ่ยนามบุคคลที่เดินตามเธอมาอย่างไม่เชื่อสายตา นัยน์ตาสีม่วงสวยฉายแววประหลาดใจยิ่ง "ตามมานานรึยังคะเนี่ย"
นี่เธอไม่รู้ตัวเลยหรือว่ามีคนตามเธอต้อยๆมาตลอดทางน่ะ...
คำถามที่ร่างสูงเพรียวของนายนักฆ่าแห่งซาเรสค้างคาอยู่ในใจหากทว่าเจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะถามออกไป คิลเดินจ้ำอ้าวตรงเข้ามาหาเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล และหยุดลงหอบหายใจเล็กน้อยในระยะห่างระหว่างเขาและเธอที่เหมาะสม
การรักษาระยะห่างระหว่างหญิงและชายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง หญิงชายไม่ควรคุยกันหรืออยู่ใกล้กันในระยะที่ใกล้กันจนเกินงาม
"ก็ตั้งแต่โรงอาหารแล้วล่ะครับ" นายนักฆ่าหนุ่มว่าพลางหอบน้อยๆ แขนเสื้อแขนยาวถูกเจ้าตัวยกขึ้นมาซับเม็ดเหงื่อตามไรผมและใบหน้าคม
"หรือคะ" เรนอนเอ่ยอย่างงุนงง ก็เธอพึ่งจะมารับรู้ว่ามีคนตามเธอมาตลอดทางตั้งแต่ที่โรงอาหาร สงสัยเธอคงจะมัวคิดอะไรบ้าบอเกี่ยวกับเรื่องในโรงอาหารเมื่อครู่เพลินจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนตามมา ยิ่งคิดถึงเรื่องนั้น ดวงหน้างามๆก็พาลขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นไปอีก เรนอนรีบสลัดหน้าเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
นายนักฆ่ามองอาการของเจ้าหญิงคนงามตรงหน้าอย่างงงๆ "เรนอนเป็นอะไรรึเปล่าครับ" นายนักฆ่าถามอย่างเป็นห่วง
"ป...เปล่าค่ะ" เรนอนเอ่ยตอบตะกุกตะกัก ยิ่งนัยน์ตาสีม่วงของตนสบประสานกันนัยน์ตาสีม่วงของนายนักฆ่า หัวใจเจ้ากรรมก็พาลเต้นผิดจังหวะขึ้นมาเสียดื้อๆ จนอดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่ปรากฏขึ้นในใจตั้งแต่รู้ว่านายนักฆ่าหนุ่มเดินตามเธอมาด้วย "ล...แล้วคุณคิดตามเรนอนมามีเรื่องอะไรหรือคะ"
"เอ่อ..." นายนักฆ่าหนุ่มเกาครางแกรกๆ สมองพยายามค้นหาคำตอบที่คิดว่าเหมาะที่สุด
จะบอกว่าอยากตามมางั้นหรือ....อายโว้ย ไม่เอา!
ฉับพลัน หัวสมองอันน้อยนิดของนายนักฆ่าขี้อายก็ปิ้งคำตอบที่คาดว่าเหมาะสมสุดๆแล้วในความคิดปัญญาอ่อนของตน จึงเอ่อออกไป "เอ่อ...ไอ้เฟรินมันบอกให้ตามมาอะครับ"
"แค่นั้นเองหรือคะ" เจ้าหญิงคนงามแห่งแดนนักรบสบดวงตาสีม่วงขี้เล่นตรงหน้าอย่างจริงจัง ทำเอานักฆ่าปัญญาอ่อนเริ่มพูดไม่ออกด้วยเพราะความอายมันอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และความอายนี่แหละ ที่ทำให้เขาพลาดโอกาสดีๆกับเจ้าหญิงคนงามไปหลายต่อหลายครั้ง
"เอ่อ...ก็แค่นี้น่ะสิครับ จะมีอะไ...." ยังไม่ทันที่คิลซึ่งเกาครางแกรกๆจะพูดจบประโยค เสียงถอนหายใจหนักๆเฮือกยาวจากเจ้าหญิงคนงามก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
"นั่นสินะคะ จะมีอะไรอีก" รอยยิ้มจางๆเริ่มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางของเจ้าหญิงคนงาม รอยยิ้มจางๆที่เหมือนรอยยิ้มเหยียดให้แก่ตัวเองเสียมากกว่า
หรือว่าเธอจะคิดไปเอง...
นัยน์ตาสีม่วงคู่สวยของเจ้าหญิงแห่งแดนนักรบฉายประกายหม่นลงชั่วครู่ก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิม แต่นั่นก็ไม่อาจหลุดรอดพ้นสายตาคมกริบดุจเหยี่ยวของนายทายาทนักฆ่าอันดับหนึ่งซึ่งจ้องมองดวงหน้างามนั้นมาตลอดไปได้
"งั้นเรนอนขอตัวก่อนนะคะ" หญิงสาวยิ้มบางก่อนจะหันหลังกลับและสาวเท้าจากไป ทิ้งไว้เพียงนายนักฆ่าจอมเหนียมอายไว้ทางด้านหลัง
ส่วนนายนักฆ่าก็ได้แต่ยืนนิ่งจ้องมองแผ่นหลังของเจ้าหญิงคนงามที่เริ่มเล็กลงเรื่อยๆตามระยะห่างที่ก้าวเดินออกไป ฉับพลันคำพูดของอดีตหัวขโมยเพื่อนซี้ก็วาบเข้ามาในสมองอันน้อยนิดของนายนักฆ่าผู้ไม่ชอบใช้สมองอีกครั้ง 'ถ้านายปล่อยโอกาสดีๆอย่างงี้หลุดมือนะ นายจะเสียใจ เชอะ แล้วอย่ามาหาฉันไม่เตือน'
ใช่ เขาจะต้องเสียใจแน่ๆ
แล้วเขาจะมัวอายไปทำไม ดูอย่างไอ้สองเพื่อนซี้ของเขามันยังสวีทกันอย่างไม่อายสายตาประชาชีอยู่บ่อยๆ คิดแล้วนายนักฆ่าผู้ตัดสินใจจะเอาแบบอย่างความหนาหน้าของสองเพื่อนซี้ก็ใช้ความรวดเร็วระดับนักฆ่ามืออาชีพวิ่งแซงโค้งขึ้นไปดักหน้าเจ้าหญิงคนงาม ทำให้หล่อนหยุดเดินชะงัก
"เดี๋ยวครับเรนอน"
เจ้าหญิงคนงามตระหนกนิดๆ เธอไม่คิดว่านายนักฆ่าจะวิ่งตามเธอมาอีก แต่ในใจลึกๆก็อดดีใจไม่ได้ "มีอะไรหรือคะ"
"คือ จริงๆแล้วผมอยากตามเรนอนมาเองแหละครับ ไม่เกี่ยวกับไอ้เฟรินมัน ผมแค่ใช้มันเป็นข้ออ้าง...เอ่อ....จริงๆแล้ว....เอ่อ..." ยิ่งพูดดวงหน้าของนายนักฆ่าก็ยิ่งแดงก่ำ เจ้าตัวเกาครางแกรกๆตามความเคยชิน ส่วยสมองน้อยๆกำลังทำงานอย่างหนักเมื่อคิดหาคำพูดต่อไม่ออก
กิริยาที่เรียกให้เจ้าหญิงคนงามหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้ "ค่ะๆ เรนอนเข้าใจแล้ว" รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนดวงหน้างามด้วยความเปี่ยมสุข "เรนอนว่า เราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนดีไหมคะ" เรนอนยื่นข้อเสนอส่งไปให้นายนักฆ่า ซึ่งนายนักฆ่าขี้อายก็พยักดวงหน้าแดงก่ำนั้นตกลงรับข้อเสนอโดยดี
เสียงฝีเท้าหนักๆกระแทกปึงปังเดินฟาดหัวฟาดหางออกจากโรงอาหารดราก้อนของแม่หญิงคนงาม ซึ่งบัดนี้ดวงหน้าหวานบูดเบี้ยวงอง้ำบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของใบหน้างามนั้นได้เป็นอย่างดี ยิ่งบวกเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ฉายประกายวาวโรจน์ และรังสีอำมหิตที่เจ้าตัวแผ่ออกมาอย่างไม่ขาดสายด้วยแล้ว ทำให้บรรดาหลายชีวิตในป้อมอัศวินผู้ไม่อยากกลายเป็นซากก่อนวัยอันควรที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องแหวกทางชิดมุมให้เจ้าหญิงแห่งแดนปีศาจเสด็จผ่านไปโดยอัตโนมัติ
ส่วนตัวต้นเหตุน่ะหรือ
ก็มันไงเล่า ไอ้เจ้าก้อนน้ำแข็งเดินได้หน้าตายนั่น มันเดินตามเธอมาตั้งแต่มาตั้งแต่ออกจากโรงอาหารแล้ว ตามอยู่ได้จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเมื่อปิดเทอมงวดที่ผ่านมามันคงไปติดนิสัยเจ้าลาบาดอร์ เดอะเกรทที่สี่สุดรักของมันเข้า!
ยิ่งคิดเส้นเลือดดำบนใบหน้างามของเจ้าหล่อนก็ยิ่งปูดโปนขึ้นมา จนกระทั่งเมื่อเท้าหนักๆของเจ้าหญิงผู้หัวเสียกระแทกพื้นมาจนถึงหน้าห้องหัวหน้าชั้นปีของหล่อน เจ้าตัวดีก็หยุดเดินกึก ตวัดสายตาเกรียวกราวหันควับไปหาคนตัวต้นเหตุหน้าตายที่หยุดเดินตามเธอทางด้านหลัง
"ฉันหวังว่านายคงไม่ตามตู-ดฉันเข้าไปถึงในห้องหรอกนะ" เฟรินกระแทกเสียงหวานห้วนพลางเสยผมสีน้ำตาลยุ่งๆของหล่อนที่ร่วงหล่นลงมาปรกหน้าอย่าหัวเสีย
"มันก็ไม่แน่" เสียงเรียบตอบสั้นๆง่ายๆแต่เพิ่มดีกรีอารมณ์ของแม่ตัวดีให้พุ่งสูงกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี
"แต่ฉันไม่อนุญาตให้นายเข้า" เฟรินกล่าวเสียงห้วนพลางถลึงตาใส่คนตรงหน้า แต่ทว่าคนโดนถลึงตาใส่กลับแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ถึงกับทำให้แม่ตัวดีเริ่มหวาดๆ สมองเริ่มสั่งการให้เพิ่มการระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ เพราะเมื่อไหร่ที่มีรอยยิ้มนี้ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคมคายของมันเมื่อไหร่เธอเป็นอันต้องเสียเปรียบมันทุกที
"แต่ฉันอนุญาตให้นายเข้าห้องของฉันนะ เฟริน" ว่าแล้วร่างสูงเพรียวของเจ้าชายหัวหน้าป้อมก็สาวเท้าเข้าหาแม่ตัวดี จนเจ้าตัวดีต้องรีบสาวเท้าถอยหลัง
"อ...อย่าเข้ามะนะโว้ย!" สาวเจ้ารีบโวย
หากคนถูกโวยกลับเลิกคิ้วขึ้นท้าทาย มือหนาแข็งแกร่งรวบร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนอย่ารวดเร็วจนเจ้าตัวดีดิ้นพรวดพราดพยศโวยวายเป็นการใหญ่
"ปล่อยโว้ย ไอ้ประสาท ไอ้บ้า ไอ้ฉวยโอกาส ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อยไงวะ ปล่อย!"
"เสียใจ เฟริน ฉันคงทำตามที่นายบอกไม่ได้" เจ้าชายน้ำแข็งแย้มรอยยิ้มบาง ก่อนช้อนร่างบางซึ่งพยศหนักขึ้นทุกทีขึ้นมาบนอ้อมอกหนา หากการกระทำนั้นยิ่งทำให้เจ้าตัวดีโวยวายหนักขึ้นไปอีก แต่เจ้าเจ้าชายน้ำแข็งไม่คิดจะสนใจ
"ปล่อยโว้ย ปล่อยฉันลง ถ้าแกไม่ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่าแก คาโล!"
"นายฆ่าฉันไม่ได้หรอก เฟริน" คาโลก้มลงกระซิบข้างหูของเจ้าหญิงหัวขโมย ลมหายใจอุ่นๆของร่างสูงที่ปะทะข้างโหนกแก้มของหล่อนเรียกสีแดงระเรื่อบนใบหน้าหวานได้ในฉับพลัน
หลังจากนั้นร่างสูงเพรียวของเจ้าชายแห่งคาโนวาลก็อุ้มร่างบอบบางของเจ้าหญิงหัวขโมยที่ดิ้นพรวดพราดในอ้อมอกเข้าไปในห้องของตนซึ่งอยู่ข้างๆห้องของเจ้าหล่อนไปอย่างยากลำบากเล็กน้อยด้วยเหตุว่า เจ้าหล่อนฤทธิ์เยอะเสียเหลือเกิน
ปึง!
เสียงประตูห้องของเจ้าชายหัวหน้าป้อมที่ปิดลงพร้อมๆกับเสียงโวยลั่นของผู้ได้รับอนุญาตเข้าห้องที่เงียบกริบลง...
.......................................................................................................
24/03/49
เม้นเยอะจังเลยค่า ดีใจจังเลย ซึ้งใจมากๆเลย คราวนี้ก็เอาเยอะๆอีกน้าค้า ขอบคุณผู้เม้นมากๆค่า
มาอัพแล้วนะคะ บางคนก็บอกว่าข้าพเจ้าอัพน้อย งวดนี้เลยมาอัพเยอะหน่อย
อยากจะสารภาพค่า ข้าพเจ้ามันเป็นพวกขอบอัพวันที่เป็นเลขคู่ 555+ เหตุผลอ่ะหรอ ชอบอะไรเป็นคู่ๆค่า (เกี่ยวไหม = =a)
อ้อ เอาเป็นว่านี่คือจบตอนแล้วนะคะ เพราะเราเห็นว่ามันยาวแล้ว ต่อไปก็จะขึ้นตอน3เลย
ขอคอมเม้นเยอะๆหน่อยนะคะ ขอเถอะค่ะ
yurikagarin
22/03/49
โฮๆ T_T ซึ้งใจมากเลยค่า มีคนเม้นให้เราเยอะจาง ดีใจมากๆๆเลยค่า ขอบคุณนักอ่านที่เม้นให้เรานะคะ จุ๊บๆ ^^
มาอัพให้แล้วน้าค้า อาจจะน้อยไปหน่อยอ่าน้า = =
หึหึ งวดนี้มาอัพโดยให้บทคู่คิลกับเรนอนอย่างเต็มที่ ส่วนคู่คาโลกะเฟรินโดนเขี่ยไปหลังจอชั่วคราวเนื่องจากหมั่นไส้ค่า เด่นเกิน 55+
อ่าน้า อาจจะช้าไปหน่อยที่จะบอกว่ายินดีมที่ได้รู้จักนักอ่านทุกคนนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้าค้า
แหะๆ วันนี้มาอัพเย็นๆเพราะไปบ้านอาม่ามาค่า เฮๆ จะเล่าอะไรให้ฟัง เราโดนอาม่าบ่นเรื่องปลอกกล้วยผิดวิธีมาอ่า = =a อาม่าบอกว่า เราโง่กว่าล%D
ความคิดเห็น