คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 :: Kalo 's Dream
Chapter 1 :: Kalo 's dream
บทที่๑ :: ความฝันของคาโล
"ฉันต้องการนาย....คาโล วาเนบลี" เสียงหวานใสที่เรียกสีระเรื่อบนโหนกแก้มขาวของชายหนุ่มกระซิบอยู่ข้างหู ขณะที่มือเรียวซุกซนของคนกระทำการอุกอาจกำลังง่วนอยู่กับการปลดกระดุมเสื้อของเขาทีละเม็ด
บ้าที่สุด....
เสียงสบถอุบในใจ มือหนาแข็งแรงรีบคว้ามือของหล่อนเพื่อหยุดการกระทำ "เฟริน!"น้ำเสียงดุถูกสงมาพร้อมนัยน์ดุๆ แต่คนถูกเรียกหาได้สะทบสะท้านไม่ กลับส่งรอยยิ้มหวานให้แก่เขา
"ฉันพึ่งรู้ นายอยากถอดเอง งั้นต่างคนต่างถอดละกันนะ คาโล" คนพูดเองเออเองสรุปเสร็จ ก็สลัดมือที่ชายหนุ่มคว้าไว้ มือเรียวบางจัดการปลดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็ว เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ผิดกับขนาดตัวถูกโยนกองไปกับพื้น คงเหลือไว้แต่ยกทรงตัวน้อยเพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างเปลือยเปล่าท่อนบน หญิงสาวไม่รอช้า มือเรียวผลักร่างกำยำตรงหน้ากดลงกับเตียงนุ่มด้วยแรงทีไม่น่าเชื่อ
"เฟริน! นายกำลังเมา" น้ำเสียงดุๆที่ออกแววตื่นตระหนกกับการกระทำอุกอาจของหญิงสาว เนินอกอวบอิ่ม หน้าท้องแบนราบ และผิวกายขาวเนียนปรากฏตรงหน้าเขา ใช่ หล่อนกำลังคร่อมเขา!
นี่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่.....
หล่อนกำลังจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ หล่อนกำลังจะปลุกสันชาตญาณแห่งความเป็นชายของเขาให้ตื่นขึ้น คนเสียเปรียบไม่ใช่เขา แต่เป็นเธอ
"เมา?" เสียงหวานทวนคำ "นายดูยังไงฮึคาโล" หล่อนมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ นิ้วเรียวไล่ไปตามดวงหน้าคมคายของชายหนุ่ม แล้วไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากหนา หล่อนโน้มใบหน้าหวานลงไปข้างหูเขาและกระซิบเบาๆ "ฉันรักนายนะ คาโล"
"นายกำลังจะทำอะไร เฟริน" ใช่ เขาควรต้องหยุดเธอ หยุดเธอไว้เพียงเท่านี้
"ไร้เดียงสา...เจ้าชายน้ำแข็งผู้อ่อนแสนอ่อนต่อโลก" เสียงหวานทีเล่นทีจริง หล่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาตรงๆ "แต่...ฉันจะสอนนายเอง"
"เฟ..." ริมฝีปากอวบอิ่มประกบทาบทับลงบนริมผีปากของเขาอย่างถือสิทธิ์
แฮ่ก แฮ่ก
นัยน์ตาสีฟ้าเปิกโพลง หายใจหอบ
ฝัน....เขาฝันไป....โชคดีที่มันไม่ใช่ความจริง
เขาคิดในใจอย่างโล่งอก......
ชายหนุ่มยันตัวขึ้นนั่งบนเตียง นัยน์ตาสีฟ้ากวาดสายตาไปรอบๆห้อง และก็ต้องสะดุด...มีใครบางคนกำลังรื้อค้นโต๊ะเขียนหนังสือของเขาอยู่ แสงจันทร์ที่ส่องผ่านจากทางหน้าต่างที่เขาเปิดผ้าม่านไว้ทำให้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาผู้นั้นคือใคร
เฟริน....
ร่างบางที่เขาฝันถึงเมื่อครู่ตามมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง พลันภาพในความฝันเมื่อครู่ก็วาบเข้ามาในสมอง
ภาพของเธอที่กำลังคร่อมเขา ร่างบางเปลือยเปล่าท่อนบนที่กระทบกับแสงเหลืองนวลของแสงจันทร์ยามราตรี ยิ่งเสริมให้น่าสัมผัสมากขึ้น
ความคิดที่เรียกสีหน้าแดงระเรื่อบนดวงหน้าขาวจัด ชายหนุ่มรีบสลัดหน้า เพื่อไล่ความคิดนั้นออกไปโดยเร็ว
นี่เขาเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่...เอาเรื่องแบบนี้ไปฝันเป็นตุเป็นตะ
ร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการรื้อค้น ไม่ทันสังเกตว่าบัดนี้เจ้าของห้องตื่นแล้ว จึงรื้อค้นหาสิ่งของที่ต้องการต่อไปด้วยฝีไม้ลายมือที่เงียบกริบสมเป็นอดีตหัวขโมยมืออาชีพ
หัวขโมยยังไงก็เป็นหัวขโมย
ชายหนุ่มคิดอย่างเหนื่อยใจ พลางถอนหายใจเบาๆ
"นายกำลังหาอะไรอยู่" น้ำเสียงเย็นถูกส่งออกไปพลางพยุงตัวลุกจากเตียง แล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางที่ยังคงไม่ละทิ้งอาชีพเดิม
"หาของสิวะถามได้" คนตอบยังไม่รู้สึกตัว ตอบด้วยน้ำเสียงออกแววหงุดหงิดรำคาญใจ ขณะที่มือเรียวยังคงรื้อหาของต่อไป ก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวหันควับมาทางต้นเสียงแทบไม่ทัน และก็ต้องสะดุ้งเฮือกอีกรอบเมื่อสบเข้ากับนัยน์ต่อสีฟ้าเย็นเยือกที่แฝงแววไม่พอใจตรงหน้า
ซวย! มันตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่....
ร่างบางรีบละจากภารกิจตรงหน้าทันที "แหะๆ ตื่นแล้วหรอคาโล" คำทักทายพร้อมรอยยิ้มแห้งๆถูกส่งไปให้ สมองเริ่มทำงานหนักคิดหาข้อแก้ตัวเป็นพัลวัน ก่อนที่จะเฉไฉไปนู่น "เป็นไง หลับสบายดีไหมอ่า"
คนถูกทักไม่ตอบกลับ นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววดุยิ่งขึ้น "เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่" คำถามเรียบๆง่ายๆตามแบบฉบับที่ร่างบางได้แต่อ้ำอึ้ง คนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อยก็คราวนี้ ชายหนุ่มรู้สึกขำในใจยิ่งนักที่ได้ไล่ต้อนเจ้าหล่อนจนจนมุม ในความจริงแล้วเขาไม่ได้โกรธอะไรหล่อนมากนักที่บุกรุกเข้ามารื้อของในห้องเขายามวิกาลเช่นนี้ แต่เพียงแค่อยากแกล้งเจ้าหล่อนบ้างก็เท่านั้น เมื่อเห็นร่างบางไม่ตอบ ร่างสูงจึงถามต่อไปอย่างไม่ลดละ "ใครอนุญาตให้นายเข้ามา"
"ง่า....คาโล ฉันก็แค่เข้ามาดูว่านายหลับรึยังก็เท่านั้น" เสียงหวานพยายามหาข้ออ้างเอาตัวรอดเต็มที่ เมื่อเห็นร่างสูงเงียบรอฟัง ต่อ จึงเอ่ยต่อไป "และพอดีว่าฉันเห็นโต๊ะนายมันรก ฉันก็เลยช่วยจัดให้มันเข้าที่เข้าทาง ง่า...คาโล ฉันหวังดีกับนายนะเนี่ย"
ช่วยจัดโต๊ะ....
คิ้วหนากระตุกนิดๆกับคำโกหกน้ำขุ่นๆที่เจ้าหล่อนเพียรจะสรรหามาอ้าง ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะฉาบขึ้นบนใบหน้าคมคาย นัยน์ตาสีฟ้าฉายประกายระริก เมื่อมีความคิดดีๆแล่นเข้าสู่สมอง
มันยิ้ม....
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของร่างสูงที่ปรากฏขึ้นที่ทำให้ร่างบางเริ่มไม่ไว้ใจ และยิ่งไม่ไว้ใจมากขึ้นเมื่อเจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์สาวเท้าเข้ามาใกล้
"งั้นนายช่วยจัดเตียงให้ฉันด้วยได้ไหม" น้ำเสียงเย็นๆแต่แฝงความนัยบางอย่างที่ทำให้ร่างบางผู้ยังไม่รู้ชะตากรรมต่อไปของตัวเอง สาวเท้าถอยหลัง เตรียมติดเกียร์หม-าวิ่งหนีออกจากห้อง
"ก...แกก็จัดเองสิวะ" เสียงหวานกล่าวพร้อมสตาร์ทเกียร์หม-า เตรียมวิ่งไปทางประตู แต่มีหรือจะพ้นเงื้อมือยมทูตซึ่งคาดเดาเหตุการณ์นี้ไว้ก่อนแล้วง่ายๆ
ไม่มีทาง!
มือหนารวบตัวคว้าร่างบางที่กำลังจะออกวิ่งเข้ามาแนบชิดด้วยแรงที่มากกว่า ร่างบางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของชายหนุ่ม พร้อมเสียงโว้ยวายชวนหนวกหู ถึงแม้เจ้าตัวจะรู้ว่าดิ้นยังไงก็ไม่มีทางหลุดออกไปจากอ้อมแขนแข็งแกร่งนี้ ได้ และมันก็คงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ แต่คนฤทธิ์มากก็ยังเป็นคนฤทธิ์มากวันยังค่ำ....
"ปล่อยสิวะ ไอ้บ้า ปล่อยสิโว้ย ปล่อยช้าน ไอ้น้ำแข็งหื่นกาม ปล่อยสิวะ ปล่อยๆๆ" เสียงโวยวายชวนหนวกหูจนร่างสูงชักอยากจะหาอะไรมาปิดปากเจ้าหล่อนซะ
จูบ...เขาชักเริ่มเบื่อ...มันธรรมดาไป...
ร่างสูงคิดในใจ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉาบกว้างขึ้นอีก พร้อมเหวี้ยงร่างบางในอ้อมแขนโยนโครมลงบนเตียงนุ่มของเขา เฟรินหวีดร้องเสียงหลง และโวยวายเป็นการใหญ่เมื่อร่างสูงขึ้นคร่อมเหนือตัวเธอ
"แก ไอ้บ้า อย่าทำอะไรบ้าๆนะเฟ้ย!" สัญชาตญาณแห่งความเป็นหญิงกำลังเตือนเธอว่า เธอกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เสียงมากๆเสียด้วย
คนถูกหาว่าบ้ายิ้มกริ่มในใจ นานๆทีเขาจะได้แกล้งร่างบางตรงหน้า ขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มหุบฉับ เมื่อนึกถึงของสิ่งนั้น สิ่งที่เขาเก็บไว้ในโต๊ะเขียนหนังสือ สิ่งที่เขาเตรียมไว้เพื่อมอบให้หญิงสาวอันเป็นที่รักเมื่อเขาพร้อม "ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง เฟริน นายเข้ามาหาอะไร" คาโลถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงหน้าคมคายแสดงถึงความจริงจัง
"ก็ได้ๆ ฉันยอมแพ้ก็ได้วะ" คนถูกคร่อมกล่าวอย่างยอมแพ้ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ซักเท่าไหร่ ดวงหน้างามเริ่มงอง้ำ
ไอ้คาโล! ฝากไว้ก่อนเถอะ
หญิงสาวคิดในใจ งวดนี้มันเป็นต่อ หากเธอไม่ยอมแพ้แต่โดยดี ก็มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น
"ฉันแค่เข้ามาหารายงานวิชาประวัติศาสตร์ของรุ่นพี่ลอเรนซ์" เสียงหวานงอง่ำถูกส่งออกไป เจ้าหล่อนส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลจะมองค้อนวงโตไปที่บุคคลเหนือตัวเธอ "เรื่องทั้งหมดก็เพราะแกนั่นแหละ" น้ำคำเชิงต่อว่าสร้างรอยงุนงงปรากฏชัดบนดวงหน้าคมคายของผู้ถูกโยนความผิด คิ้วได้รูปเริ่มขมวดหมุน ก่อนทวนคำอย่างไม่เชื่อหู
"เพราะฉัน?"
"เออ เพราะแกนั่นแหละ" เจ้าตัวดีสำทับ และว่าต่อไป "เพราะเดี๋ยวนี้แกมันแล้งน้ำใจ ทำเหมือนฉันเป็นคนอื่นคนไกล ขอลอกการบ้านดีๆแกก็ไม่ให้ ทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี่"
"นายควรหัดทำเองบ้าง" เสียงเย็นสวนควับ ใช่ เธอควรหัดทำด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่รอแต่จะมาลอกเขา
"เหอะ! ก็ฉันทำไม่ได้หนิ ใครจะไปเก่งเหมือนแก ไอ้นักเรียนดีเด่น!" ว่าเสร็จเจ้าตัวดีก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ใช้เท้างามๆประทานลูกถีบยันร่างสูงของคนที่เจ้าตัวยกย่องให้เป็นนักเรียนดีเด่นยันโครมลงจากเตียง ก่อนเจ้าตัวดีจะพยุงตัวลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว พลางเสยผมสีน้ำตาลยุ่งๆอย่างหงุดหงิดเต็มประดา
"สมน้ำหน้าโว้ย" น้ำคำเย้ยเยอะ พร้อมแลบลิ้นปริ้นตา กิริยาไม่สมหญิงของเจ้าหล่อนที่คาโลอยากจับมันมาสำเร็จโทษนัก ถ้าไม่ติดที่เขาลุกไม่ขึ้น ก็ลูกถีบของเจ้าหล่อนมันเบาเสียที่ไหนล่ะ
ต้องโทษตัวเอง ที่ดันไปหลงเสน่ห์ธิดาแห่งความมืด เจ้าหญิงสูงศักดิ์ผู้ไม่เจียมตัวถึงฐานะที่แท้จริง นี่ก็ผ่านมา 6 ปีแล้ว เจ้าหล่อนยังไม่เลิกทำตัวเหมือนหัวขโมย ทำให้เขาหนักใจอยู่เสมอๆ ร่างสูงถอยหายใจเฮือกยาว นัยน์ตาสีฟ้ามองตามแผ่นหลังของร่างบางที่วิ่งหายลับออกจากห้องไป
เมื่อยามเช้ามาถึง แสงตะวันสีนวลทอประกายอบอุ่นฉายฉาบส่องผ่านหน้าต่างบานเล็ก เข้ามายังภายในห้องนอนของหัวหน้าชั้นปีเจ็ดแห่งป้อมอัศวิน ปลุกคนตื่นง่ายที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา แพขนตาสีเงินกระพริบถี่ๆ ก่อนเจ้าตัวจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยค่อยๆกวาดมองไปรอบๆห้อง
เขาเผลอหลับไป...
ชายหนุ่มรำพึงในใจ พลางผ่อนลมหายใจ นิ้วมือหนานุ่มยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบปากกาขนนกข้างตัวจุ่มน้ำหมึกในขวดและลงมือขีดเขียนงานที่ทำคั้งค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนต่อไป
"เฮ้ คิล ไปกินข้าวกัน" เสียงหวานใสทักนักฆ่าปัญญาอ่อนเพื่อนซี้ที่กำลังง่วนอยู่กับการขีดเขียนการบ้านมือเป็นระวิงอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมของป้อมอัศวินคนเดียวด้วยลักษณะการพูดห้าวๆ เสียงที่ผู้ถูกเรียกไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าของเสียงผู้นั้นคือใคร
"แกไปกินก่อนเหอะ ฉันไม่ว่างโว้ย" นักฆ่าเพื่อนซี้ตอบอย่างปัดๆโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสาวคนชวนซักนิด แต่คนชวนก็ยังไม่วายที่จะเลิกชวนง่ายๆ
"อะไรกัน คิล ฉันอุตสาห์ถ่อมาชวนแกถึงห้องนั่งเล่นเชียวนะเฟ้ย" เฟรินกล่าวเหมือนเป็นพระคุณหนักหนากับการยุรยาตรมาชวนเพื่อนไปกินข้าว จนคนฟังอยากจะสาปส่งให้มันอันตรธานหายไปเสียเดี๋ยวนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า รำคาญ
"ปัดโธ่ ก็ฉันยังไม่ว่าง นู่นๆ แกไปชวนสุดที่รักแกนู่น ไปเลยไป ซิ่วๆ" คิลกล่าวขับไล่ไสส่งเพื่อนซี้สาวอย่างสุดจะทน เพราะเขากำลังต้องการสมาธิเป็นอย่างยิ่งกับการทำรายงานชิ้นสำคัญชิ้นนี้ที่มีกำหนดส่งช้าสุดคือวันนี้ตอนเที่ยง แต่มันก็ยังตื้อไปกินข้าวไปเลิก
สุดที่รัก
คำกล่าวของนายนักฆ่าที่ไพล่ไปถึงบุคคลที่สามซึ่งขณะนี้ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ถึงกับทำให้คนฟังหน้าร้อนฉ่าด้วยรู้ดีอยู่แก่ใจว่าบุคคลที่มันว่าว่าเป็นสุดที่รักของเธอนั้นคือใคร ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ดวงหน้างามก็เริ่มขึ้นสีแดงแป๊ดปรานลูกตำลึงสุก ก่อนเจ้าตัวจะรีบงัดวิชาหน้าฟาร์โรวิชาที่ตนแสนถนัดถนี่ขึ้นมาสวมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฟรินเริ่มหน้าระรื่นเมื่อคิดวิธีเอาคืนนักฆ่าต้นเหตุของอาการหน้าแดงเมื่อครู่ได้
" แหม ไม่ค่อยเลยนะ คิล" เฟรินลากเสียงยาว พลางกลั้วหัวเราะเล็กน้อย ก่อนกล่าวคำพูดที่ทำให้นักฆ่าผู้กำลังวุ่นอยู่กับงานละสายตาขึ้นมา "อย่างว่า ก็หัวขโมยเป็นคนชวนนี่เนอะ ถึงได้ดูเป็นการเซ้าซี้น่ารำคาญ คงมีแต่คำชวนจากเจ้าหญิงคนงามล่ะมั้งที่เป็นคำชวนเดทแสนหวานซึ้ง"
ได้แค่นั้นดวงหน้าของนักฆ่าหนุ่มน้อยก็พลันขึ้นสีระเรื่ออย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุกลับหัวเราะคึกคักชอบใจ
สะใจว่ะ คำพูดแบบที่ไอ้โรมันเคยพูดไว้นี่น็อคเอาท์คนฟังได้ทุกรายจริงๆโว้ย
เจ้าคนรักสนุกไปกับการแกล้งเพื่อนรัก เริ่มติดใจกับอาการหน้าแดงๆของนายนักฆ่าจึงปฏิบัติการแสดงตัวอย่างโดยที่คนดูไม่ต้องการ
เข้าข่ายยัดเยียด...
"เอ่อ...คุณคิลค่ะ คือ เรนอนอยากจะชวนคุณคิลไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ทราบว่าคุณคิลว่างรึเปล่าคะ" เฟรินทำสะดีดสะดิ้ง เลียนแบบกริยาท่าทางและการพูดจาของเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลมาเด๊ะๆ อย่างที่หากหลอกว่ามันเคยเป็นนักแสดงเก่า คงมีคนเชื่อพอดู แต่สำหรับนายนักฆ่าผู้กำลังถูกแกล้งกับชื่นชมมันไม่ออก ใกล้ขยอนของเก่าเติมทน หรือไม่ก็อยากแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด จึงรีบตัดบท ด้วยไม่อยากให้เจ้าเพื่อนตัวดีแสดงฝีไม้ลายมือในอาชีพนักแสดงให้ขยาดสายตาขนลุกซู่
"เออๆ ไปก็ได้วะ" คิลกล่าวพลางปิดเล่มรายงานที่กำลังทำอยู่ดังฉับ ในใจไพล่นึกสงสารเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลยิ่งนัก เพราะหญิงคนรักของมันแสบสันต์เหลือหลาย
สงสัยคาโลมันจะเป็นพวกชอบของแปลก...
"มันต้องอย่างงี้ซิวะ ไปกันเถอะ ฉันหิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้ว" เฟรินว่าด้วยน้ำเสียงระรื่น กระโดดกอดคอนักฆ่าเพื่อนรัก และลากหายลับออกจากห้องนั่งเล่นรวม
และแล้วนายนักฆ่าก็ต้องพ่ายแพ้แก่ทายาทสุดยอดหัวขโมยอย่างหมดเปลือก
"เฟริน คาโลไม่ได้มากับนายด้วยหรือ" เจ้าแม่ประจำป้อม มาทิลด้า ซิลเวอร์ ร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นเจ้าตัวยุ่งประจำป้อมเดินกอดคอมากับนักฆ่าเพื่อนซี้
อิริยาบถที่สนิทสนมกันจนเกินควรเรียกอาการไม่พอใจตงิดๆอย่างไม่รู้สาเหตุขึ้นในใจของเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลได้เป็นอย่างดี "สนิทสนมกันจังนะคะ คุณคิล" เรนอนเผลอหลุดปากพูดโพล่งเอ่ยออกไปจนต้องรีบปิดปากแทบไม่ทัน เสียแต่ทำพูดที่หลุดออกไปแล้ว ยังไงก็ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
น้ำคำที่เรียกสายตานับสิบคู่ของชาวป้อมอัศวินปีเจ็ดซึ่งนั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกันอยู่หันมามองสลับไปมาระหว่างเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล และทายาทนักฆ่าอันดับหนึ่งเหมือนรอดูปฏิกิริยา เรนอนเริ่มหน้าขึ้นสีระเรื่อแลดูน่ารักก้มหน้างุด ส่วนนายนักฆ่าก็ไม่ด้อยกว่าหน้าแดงก่ำรีบแผละจากอดีตหัวขโมยเหมือนโดนของร้อนทันควัน พร้อมด้วยเสียงผิวปากวีดวิ้วถูกอกถูกใจซึ่งนำโดยหัวโจกอย่างนายนักรบตาเดียวแห่งไนท์ ครี้ด ธันเดอร์
น่าอายที่สุด!
เสียงกรีดร้องในใจที่เรนอนอยากจะตะโกนให้ก้องโลก อยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก่อนที่จะโดนเหล่าทโมนตัวแสบแห่งป้อมอัศวินล้อมากไปกว่านี้ เธอจึงพูดตัดบท "เรนอนขอตัวก่อนนะคะ" เรนอนเอ่ยขึ้นแม้ยังก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อและรวบช้อนพร้อมลุกขึ้นพรวดแล้วสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
"ไม่ตามไปล่ะคิล" น้ำคำกระเซ้าจากนายนักรบตาเดียวได้ผลชะงัก เมื่อคนถูกกระเซ้าเข้าให้สะดุ้งเล็กน้อย เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงใบหน้าคมมากกว่าเก่า ส่วนอดีตหัวขโมยอย่างนายเฟริน เดอเบอโรว์ กลั้นหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย ตบไหล่เพื่อนซี้ป้าบๆ ก่อนสวมบทเป็นปรมาจารย์ผู้โชกโชนประสบการณ์ เข้ากระซิบกระซาบกับนายนักฆ่าซึ่งบัดนี้ตัวแข็งทื่อ
"ตามไปเลย คิล บรรยากาศยิ่งเป็นๆใจอยู่ ถ้านายปล่อยโอกาสดีๆอย่างงี้หลุดมือนะ นายจะเสียใจ เชอะ แล้วอย่ามาหาว่าฉันไม่เตือน" เฟรินแนะเพื่อนชายผู้อ่อนต่อเรื่องรักๆใคร่ๆ แต่มันก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เจ้าตัวยุ่งจึงว่าต่อไป
"นี่คิล ฉันว่า เจ้าหญิงคนงามนั่นเริ่มสนใจนายขึ้นมาบ้างแล้วแหละว่ะ" คำพูดคราวนี้ได้ผลชะงัก เมื่อนายนักฆ่าเริ่มสนอกสนใจขึ้นมาทันตา
"นายแน่ใจได้ไง เฟริน"
"อ่าว! พูดงี้ก็สวยดิ นายไม่เชื่อใจสายตาอันเฉียบแหลมมองปราดเดียวรู้ปั๊บของท่านเฟริน เดอเบอโรว์ ผู้มากประสบการณ์คนนี้หรือไง" เฟรินโอ่ตัวเองเต็มที่ จนคนฟังแทบกระดาก
"ฉันพูดหรือยังว่าไม่เชื่อสายตานาย ฉันแค่อยากรู้ว่านายมองยังไงก็เท่านั้น"
เฟรินพยักหน้าเนิบๆ ก่อนสาธยาย "ก็แกดูนะ ตอนที่ฉันกอดคอแกเดินมา แล้วเจ้าหญิงคนงามนั้นโพล่งขึ้นว่า สนิทสนมกันจังนะคะ เนี่ย แสดงว่าเจ้าหล่อนกำลังหึง ดูแค่นี้ไม่รู้อีกรึ นายนี่มันโง่บรม" เฟรินว่าพลางส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอ
"แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงต่อ" คนถูกหาว่าโง่บรมถามคำถามที่โง่แสนโง่ในความคิดของเฟรินต่อ
"ช่างเป็นคำถามที่ฉลาดมาก คิล" เจ้าตัวดีประชดเข้าให้ แสยะยิ้มหวานซึ้ง ก่อนตะหวาดเสียงลั่น "ก็ตามไปสิวะ!"
"เฟริน นายกระซิบอะไรกับคิลมันเหรอ" คำถามพร้อมนัยน์ตาอยากรู้อยากเห็นส่งมาจากนายโคลว์ เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อประจำป้อมอัศวิน ซึ่งเป็นคำถามที่ปรากฏอยู่ในใจของเหล่าทโมนทั้งหลายที่มาสุมหัวนั่งรับประทานเช้ากันอยู่ ทุกคนจึงเริ่มเปลี่ยนเป้าสายตาจากนายนักฆ่าหัวหน้าชั้นปีที่บัดนี้วิ่งโลดตามเจ้าหญิงคนงามไปนู่นมายังเจ้าหญิงหัวขโมย เฟรินยักไหล่เล็กน้อยพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม หย่อนก้นลงนั่งตรงที่ว่างข้างๆนายห้องสมุดเคลื่อนที่ ฉายาที่เจ้าตัวตั้งให้ ก่อนตอบด้วยเสียงหวานใส
"ไม่มีไรมาก แค่บอกให้มันตามเรนอนไป" เฟรินตอบพลางมือเรียวบางก็เอื้อมไปจิ๊กขนมปังกระเทียมในชุดอาหารของโร ซึ่งตัวนายขอทานเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับยื่นขนมปังกระเทียมอีกชิ้นให้เสียด้วยซ้ำ อดีตหัวขโมยรับมันมาพร้อมกล่าวคำขอบคุณเบาๆแล้วเขมือบเข้าปากอย่างรวดเร็วโดยไม่อายสายตาประชาชี
เป็นความจริงที่ว่านายขอทานกำมะลอกำลังเร่งทำคะแนนเพื่อเอาชนะใจเจ้าหญิงสองแผ่นดินอย่างลับๆแข่งกับเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลมาโดยตลอด แน่นอนว่าตัวเจ้าชายคาโลนั้นก็ดูออก การกีดกันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมเกิดขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วคาโลมักพยายามกีดกันไม่ให้นายขอทานกำมะลอได้เข้าใกล้อดีตหัวขโมยตัวแสบ สงครามเย็นขนาดย่อมๆระหว่างเจ้าชายและนายขอทานจึงมักเกิดขึ้น เป็นที่รู้ๆกันอยู่ในใจของเหล่าทโมนปีเจ็ดแห่งป้อมอัศวินยกเว้นเจ้าคนที่ชอบอ้างตัวเป็นปรมจารย์ผู้โชกโชนเรื่องความรักเท่านั้นที่ไม่รู้ เมื่อโอกาสทองที่จะทำคะแนนอย่างเมื่อครู่มาถึงนายขอทานกำมะลอจึงต้องรีบไขว่คว้าไว้
"พึ่งรู้นะครับเนี่ย ว่าคุณคิลกับคุณเรนอนที่จริงก็แอบชอบกันอยู่" คำพูดที่อยู่ดีๆก็โพล่งออกมาจากนักบวชหนุ่มหน้าหวานแสนสุภาพอย่างนายซีบิล ซึ่งอาจเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคอะไรบางอย่างตอนคัดเลือกหอถึงทำให้เจ้าตัวได้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกป้อมอัศวิน ป้อมบ้าเลือดแห่งนี้ น้ำคำที่เรียกความสนใจจากเพื่อนร่วมป้อมได้มากพอดู
"นั่นน่ะสิ" คำกล่าวเสริมจากคนพูดน้อยอย่างกัส บุคคลผู้มีเบื้องหลังเป็นปริศนา
"ว้า แย่จัง"ครี๊ดพูดอ่อยๆแล้วถอยหายใจยาว
"แย่ยังไงครี๊ด ฉันไม่เห็ดว่าการที่สองคนนั่นแอบชอบกันอยู่มันจะแย่ตรงไหน" หนึ่งในสามนางฟ้าแห่งป้องอัศวิน แองแจลีน่า โรมานอฟ ถามขึ้น คิ้วของหล่อนกำลังเริ่มผูกกันเป็นโบ คทาอาญาสิทธิ์ประจำกายของหล่อนพร้อมสรรพประจำที่อยู่ในมือเรียวบาง มันพร้อมที่จะสัมผัสลงบนกลางกระหม่อมของนายนักรบตาเดียวนั่นทุกเมื่อ หากตอบคำถามเจ้าหล่อนไม่ถูกหู
ถึงกระนั้นตานักรบตาเดียวก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สา ตอบหน้าตาเฉย "จะไม่ให้แย่ได้ยังไง เรนอนคนงามมีเจ้าของไปเสียละ แล้วคราวนี้ฉันจะจีบใครละทีนี้"คำตอบของนายนักรบตาเดียวถึงกับเรียกอารมณ์เดือดปุดๆของหญิงสาวผู้มีเส้นอารมณ์ต่ำให้เริ่มปรากฏ แต่เธอยังไม่ต้องการแผลงฤทธิ์ให้ประจักษ์แก่สายตาประชาชีเพื่อนร่วมป้อมตอนนี้เท่าไหร่นัก
มาทิลด้ามองอาการของเพื่อนสาวข้างตัวอย่างหวาดๆ หล่อนรู้ว่าเส้นอารมณ์ของแองจี้เส้นสุดท้ายกำลังตึงเปียะใกล้ขาดเต็มทน สังเกตได้จากมือเรียวที่กำคทาประจำกายจนเป็นข้อขาว เปลือกตาที่หลุบต่ำปิดแน่เพื่อข่มอารมณ์
ไม่นาน มันก็ขาดจริงๆเพราะคำเสริมจากปากห-มาๆของเจ้าหญิงหัวขโมย
"ฉันล่ะสงสารนายจริงๆ ครี๊ด ชั้นปีเรายิ่งมีผู้หญิงน้อยๆอยู่ด้วย ที่เหลือก็มีแต่ยัยโหด" เฟรินว่าขึ้น ซ้ำยังยักคิ้วยิ้มแป้นไปยังยัยโหดที่เจ้าตัวพูดถึง ขณะนี้เพื่อนร่วมป้อมได้ประจักษ์ชัดกันถ้วนหน้าแล้วว่า ถ้ามีรางวัลความกล้าหาญ ต้องยกให้มันแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ปึ้ง!
"นายว่าใครเป็นยัยโหด เฟริน"
.........................................................................................................................................
12/03/49
ฮาๆ มาอัพแล้วนะค้า เฮ้อ...กว่าจะมาอัพได้น้าเรา นานจริงๆ
ในที่สุดก็จบตอนที่หนึ่งด้วยอารมณ์สุดโกรธของแม่สาวแองจี้ จริงๆกะจะเอายาวกว่านี้หน่อย แต่เผอิญ มันมีปัญญาแต่งได้แค่นี้ในวันนี้อ่าค่า
อ่านะ อยากจะสารภาพค่า จริงๆแล้วตอนนี้ทั้งตอนไม่ได้อยู่ในplotที่คิดไว้ตอนแรกเลยจริงๆ สงสัยคงอีกนานกว่าจะได้แต่งที่plotไว้ในสมองเสียที
ปล. จะรีบมาอัพให้นะคะ สุดท้ายนี้ขอคอมเม้นค่ะ เม้นให้ด้วยนะคะ
yurikagarin
08/03/49
อ่านให้สนุกนะคะ
yurikagarin
5/03/49
ก่อนอื่นก็ต้องบอกเลยว่า อย่าลืมเม้น
มาอัพแล้วค่ะ เมื่อวานนี้ไม่ได้อัพ พอดีไม่มีเวลาอ่าค่ะ วันนี้เลยอัพมากหน่อย
ดีใจจังค่ะ ใกล้จบตอนที่หนึ่งเต็มที่แล้ว มีไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ขอบคุณผู้อ่านนะคะที่ติดตามผลงานของเรา และก็อยากให้ติดตามต่อไปค่ะ
สุดท้ายนี้ รอความคิดเห็นที่27อยู่นะคะ รอมานานมากๆแล้วแหละค่ะ รอจนไม่อยากรอ รอเหมือนอย่างที่นักอ่านทุกคนรอคนแต่งอัพฟิคแหละค่ะ แต่ยังไม่มีผู้กรุณาเม้นให้ซักที.... ยังคิดๆอยู่ว่า คอมเม้นสุดท้ายของฟิคเราจะเป็นความคิดเห็นที่26หรือไม่....แต่คงไม่หรอกค่ะ เพราะมันคงยังอีกนานกว่าจะจบ คิด plot ไปถึงกลางเรื่องแล้ว แต่ไม่รู้วาจะแต่งได้ถึงตามที่คิดไว้รึเปล่า^^
รอคอมเม้นของนักอ่านผู้น่ารักอยู่นะคะ ยิ่งเม้นมากๆ ก็จะอัพมากๆค่ะ จิ้มไม่กี่ประโยคก็ได้ค่ะ เราก็ชื่นใจแล้ว
yurikagarin
3/02/09
เย็นนี้ไม่ค่อยว่างค่ะ เลยแต่งต่อได้แค่นี้
พรุ่งนี้คิดว่าจะอัพค่ะ
พักนี้เราไม่ค่อยมีเวลา
yurikagarin
1/03/49
มาอัพให้ค่ะ ตามสัญญา (เอ๊ะ!ไปสัญญาตอนไหน) ไม่ขอพูดมากอะไรทั้งนั้น เพราะบ่นไปหมดแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าบ่นเรื่องอะไร ก็เชิญไปอ่านที่หัวข้อ "คำบ่นของข้าน๋อย กับความเห็นแก่ตัว"
ขอคอมเม้นเหมือนเดิมค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณนะคะที่ติดตามผลงานของเรา และขอบคุณสำหรับคอมเม้นทุกคอมเม้น พรุ่งนี้ไม่แน่ว่าจะอัพ หากเราแอบอู้ค่า
yurikagarin
28/02/49
วันนี้คงไม่อัพค่า คนกรุณาเม้นน้อยเหลือเกิน ข้าน๋อยเลยยังไม่อยากจะอัพซักเท่าไหร่ ขออู้ไปเล่น Maple story ก่อนนะคะ พรุ่งนี้คิดว่าจะมาอัพ แต่ต้องดูเม้นอีกที ขอความกรุณาเม้นมากๆหน่อยนะคะ
อย่างที่บอกไป ถ้าผู้อ่านกรุณาเม้นมาก ผู้แต่งก็อัพมากเช่นกัน
yurikagarin
27/02/49
วันนี้คงไม่มีอะไรจะพูดมากค่ะ เนื่องจากวันนี้มีเรื่องที่ทำให้เราเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก อารมณ์เลยไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่
เฮ้อ...ไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นละ
เอ่อ..วันนี้มาอัพเยอะหน่อยนะคะ เพราะเมื่อวานไม่ได้อัพ
ส่วนเรื่องคอมเม้น แล้วแต่ผู้อ่านจะกรุณา แต่ถ้าความกรุณาของผู้อ่านมีมาก ผู้แต่งก็จะกรุณาอัพมากเช่นกัน...
yurikagarin
25/02/49
ค่อยๆคลืบคลานเข้ามาอัพทีละน้อย...ทีละน้อย....
เฮ้อ...นั่งพิมพ์ไปตั้งเยอะคอมดันแฮงค์ หายหมดเลย ไม่เป็นไร เรายอมพิมพ์ใหม่
อ่าน้า ขอโทษด้วยน้าค้าที่อัพน้อย ไม่มีเวลาเลยค่ะ เรากำลังสงสัยอยู่ว่า หากเราอัพทีละน้อยเช่นนี้....เมื่อไหร่เล่าจะถึงตอนที่อยาดแต่งซะที...เมื่อไหร่เล่าจะถึงตอนจบตอนที่หนึ่งซะที
เรามันคนมีงานรัดตัวค่า พักนี้ไม่ค่อยว่างเลย คงต้องรอให้หลังงานรับเสด็จก่อนเราถึงจะว่างอ่าน้าค้า แล้วเมื่อถึงตอนนั้นคงลงทีได้เยอะๆ
อย่าพึ่งทิ้งกันไปน้าค้า...เราจะค่อยๆอัพค่า ทีละนิดๆ (เรามันคนใจเย็น > <) ผู้อ่านก็ใจเย็นๆตามข้าน๋อยน้าค้า
โปรดติดตามต่อไป...
เฟริน....นายกำลังหาอะไรอยู่?
เฟริน....นายจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปได้ถึงขนาดไหน
เฟริน...นายจะโดนสำเร็จโทษหรือไม่
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...
สิ่งเหล่านี้จะเป็นปริศนา หากท่านทิ้งข้าน๋อยไป
สิ่งเหล่านี้จะเป็นปริศนา หากข้าน๋อยยังไม่มีเวลาจิ้มแป้นพิมพ์
โอ้ ในเรื่องของคอมเม้น ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ และก็อย่างที่บอกไป ถ้าอ่านแล้วเม้นก็จะดีมาก แต่ถ้าไม่เม้น ไม่เป็นไรค่ะ ยอดผู้เข้าชมยังไงก็เพิ่ม เรากดีใจค่ะ จะมีการตอบเม้นนะคะเมื่อขึ้นตอนที่สอง
ปล.พรุ่งนี้ไม่แน่ว่าจะมาอัพได้รึเปล่า คงต้องเร่งปักผ้าค่ะ แล้วนี่ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมในวันพรุ่งนี้เลย มีสอบคันจิ~~~ ว๊ากกก! ตายๆ ตายแน่ๆ
yurikagarin
24/02/49
มาอัพแล้วนะคะ ได้อ่านเม้นแล้วมีกำลังใจอัพต่อเยอะเลย
ในความจริงแล้ว เม้นก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ผู้แต่งมีกำลังใจอัพต่อ แต่ถ้านักอ่านบางคนที่เป็นนักอ่านเงา อ่านแล้วไม่เม้น ก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะจำนวนยอดผู้เข้าชมก็เพิ่ม เราก็ดีใจแล้วนะคะ แต่ถ้าจะให้ดี เม้นๆหน่อยละกัน ไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรมากก็ได้ หากคุณไม่มีเวลานัก
แรกๆบางคนอาจบอกว่าหื่น...แต่มันก็แค่ช่วงแรกๆเองค่ะ หลังๆคงไม่มีแล้วนะคะ หรือมี แต่ก็น้อยค่ะ
เฮ้อ.... ถ้ามันซ้ำไม่ใช่ความผิดของเราน้า เด็กดีระบบใหม่มันซ้ำให้เองอ่า แก้ไป6รอบแล้ว(ขอเวลาไปกินยาทำใจ = =a)
ปล. พรุ่งนี้ไม่รู้จะมาอัพได้รึเปล่านะคะ พักนี้ถึงแม้จะปิดเทอมแล้ว แต่งานก็รัดตัวมากค่ะ ต้องเร่งปักผ้าให้เสร็จค่ะ อาจารย์เร่งมาแล้ว แงงงง T_T ยังไงก็ติดตามชมกันต่อไปแล้วกันน้า
yurikagarin
ความคิดเห็น