คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 4 :: Gossip
Chapter 4 :: Gossip
บทที่๔ :: ซุบซิบ
ร่างสูงสง่างามของเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลกำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือที่พึ่งซื้อมาจากร้านหนังสือสดๆร้อนๆ ในมือข้างหนึ่งถือปากกาเตรียมพร้อมสำหรับการจดโน้ตย่อเนื้อหาที่สำคัญ
พลั่ก!
เสียงเปิดประตูดังโครมพร้อมปรากฏเรือนร่างบางตามแบบฉบับเจ้าหญิงหัวขโมย ทำให้คาโลต้องรีบปิดหนังสือดังพลับ
“ไง ทำอะไรอยู่” เฟรินฉีกยิ้มกว้าง พลางก้มตัวลงและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆดวงหน้าคมคาย “ท่าทางมีลับลมคมในอยู่นา” สาวเจ้าว่าต่อ นัยน์ตากลมโตหรี่ลงอย่างจะจับพิรุธ
“ทำไมไม่เคาะประตู” เสียงเย็นทุ้มต่ำเอ่ยเบี่ยงประเด็นความสนใจ พลางสายตาก็ดันบังเอิญไปมองลอดผ่านเข้าไปในคอเสื้อตัวหลวมโคร่งของสาวเจ้าเข้า (ขอเน้นว่าบังเอิญ!)
เนินเนื้ออวบอิ่มอย่างสาวแรกรุ่นปรากฏเต็มตา ก่อนดวงหน้าขาวๆจะเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออ่อนๆ
ทำไมไม่รู้จักเอามือปิดคอเสื้อเวลาก้มซะบ้าง...
คาโลอดตำหนิสาวเจ้าผู้ไม่ค่อยจะทำตัวสมหญิงในใจไว้ไม่อยู่ ก่อนรีบเบนสายตาออกจากอาหารตาชั้นเลิศ เขาเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ฉวยโอกาสลวนลามเธอด้วยสายตาถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
ฝ่ายเจ้าหญิงสองแผ่นดิน เจ้าหล่อนเริ่มจับพิรุธอย่างที่สองของบุรุษตรงหน้าได้ ปากมันก็คันยุบยิบจนอดโพล่งถามออกไปไว้ไม่อยู่
“เมื่อกี้นี้อยู่ๆแกก็หน้าแดง มันหมายความว่าไงหือ คาโล” เฟรินซักไซ้ “ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ตาฝาดหรอกนะ ถึงมันจะแค่แวบเดียวเท่านั้น”
แต่ทว่าคนถูกถามกลับไม่ตอบอะไร แต่กลับรีบเก็บหนังสือในมือเข้าใต้ลิ้นชักอย่างรวดเร็ว แต่มีหรือที่จะพ้นสายตาหัวขโมยของอดีตหัวขโมยอย่างนายเฟริน เดอเบอรโรว์
ถึงจะแค่แวบเดียวเท่านั้น แต่หล่อนก็เห็นชื่อหนังสือเล่มที่บุรุษตรงหน้าหล่อนเก็บเข้าลิ้นชักไปเมื่อครู่บางคำ
ชื่อหนังสือ หนึ่งร้อยวิธี...อะไรซักอย่าง บวกกับท่าทางมีพิรุธของมันถึงสองครั้งสองครา จะให้อดไม่สงสัยได้ยังไง
คาโลมันอ่านหนังสืออะไรกันแน่!
แต่จากการที่เธอคบกับมันมาเกือบเจ็ดปีก็ทำให้เธอรู้อะไรหลายๆอย่าง ถามมันตรงๆมันคงไม่ยอมตอบแน่ ก็ปากมันน่ะ แข็งจะตาย จะขูดรีดความลับอะไรทีไรเป็นอันต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวทุกที
“หนังสือเมื่อกี้นี้น่าสนใจดีนะ” เจ้าหล่อนเปลี่ยนเรื่องแล้วฉีกยิ้มหวาน ทำใจดีสู้เสือ “ขอฉันยืมอ่านหน่อยจะได้ไหมอ่า คาโล”
“นายสนใจหนังสือกับเขาด้วยหรือ” คาโลย้อนเรียบๆด้วยน้ำเสียงเย็นตามแบบฉบับ คำย้อนที่เหมือนการว่ากระแทกบางอย่าง พลางสบตากับเจ้าหล่อนตรงๆ ก่อนค่อยๆพยุงกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตรงไปยังชั้นวางหนังสี่สูงสี่ชั้นที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะเขียนหนังสือ เลือกหนังสือเล่มที่ต้องการอยู่สักพักแล้วจึงยื่นหนังสือเล่มนั้นให้หล่อน “ถ้านายอยากอ่านหนังสือ เอาเล่มนี้ไปอ่านสิ”
หนังสือสอนมารยาทขั้นพื้นฐานของการเป็นผู้ดีชั้นสูง
ชื่อหนังสือมันทำให้เฟรินแทบหน้าชา หล่อนละสายตาจากชื่อหนังสือเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงหน้าคมคาย เจ้าชายแห่งคาโนวาลกำลังเหยียดยิ้มแห่งชัยชนะบางประการเล็กน้อย พลันความโกรธก็แล่นพล่านไปทั่วเรือนร่างงาม ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงเหยียดยิ้มตอบ เฟรินตระหนักได้แล้วว่าวิชาหน้ากากฟาร์โรที่เรียนมาเกือบเจ็ดปีนั้นใช้ได้ดีทีเดียว
“มาทิวด้าให้ฉันมาตามนายไปหา รีบๆไปหาเธอล่ะ ไม่งั้นฉันโดนแม่นั่นเหยียบติดดินแน่” เธอพูดธุระที่เธอถ่อมาหาบุรุษตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแข็งกว่าปกติ “ขอบคุณนะสำหรับหนังสือ” เฟรินรับมันมาถือไว้ในมือ
การกระทำและคำพูดของเจ้าหล่อนทำให้ คาโลตกใจเล็กน้อยหากยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยไว้ดังเดิม แต่รอยยิ้มแห่งชัยชนะเมื่อครู่เริ่มค่อยๆจางหายไปจากใบหน้า
เฟรินก้มหน้ามองหนังสือในมือสักพัก มือสองข้างที่จับหนังสืออยู่สั่นเทาเล็กน้อยด้วยแรงโทสะ “ที่แท้นายก็ยังไม่โต คาโล มีแต่เด็กเท่านั้นที่ต้องการเอาชนะด้วยเรื่องไม่เข้าเรื่อง” เสียงเธอสั่นและเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เฟรินจะทำสิ่งที่เจ้าชายน้ำแข็งไม่ได้คาดคิดล่วงหน้า...
โคร่ม!
เฟรินโยนหนังสือในมือลงพื้นอย่างไม่ใยดี เธอหันหลังกลับ “ครั้งนี้ฉันไม่ใช่คนเริ่ม” เสียงหวานแต่เย็นจับขั้วหัวใจกล่าวทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนเจ้าของเสียงจะสาวเท้าก้าวออกนอกห้อง
มีแต่เด็กเท่านั้น ที่ต้องการเอาชนะด้วยเรื่องไม่เข้าเรื่อง...
ครั้งนี้ฉันไม่ใช่คนเริ่ม...
คำพูดสองประโยคนี้สะท้อนก้องอยู่ในหัวของเจ้าชายแห่งคาโนวาล คาโลยืนนิ่งงันอยู่ตรงที่เดิมประดุจวิญญาณในตัวของเขาได้หลุดล่องลอยออกจากร่างของเขาไปแล้ว
ใช่สิ ครั้งนี้เขาเป็นคนหาเรื่องเธอ...ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง...
เขาควรจะไปง้อเธอ...
ร่างสูงของเจ้าชายแห่งคาโนวาลครุ่นคิดเรื่องนี้วนไปเวียนมาอยู่หลายตลบ หลายวันมาแล้วนับแต่วันนั้น เขาก็โดนเฟรินเมินใส่ตลอด มันทำเหมือนเขาไร้ตัวตน มันหันไปให้ความสนใจนายขอทานกำมะลอแทนเขา วันๆก็เอาแต่คุยกับไอ้โร
คาโลคิดอย่างเดือดดาล ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่...
ยังไงซะ ครั้งนี้คนผิดคือเขา เพราะฉะนั้นเขาก็ควรไปตามง้อเธอ...
ชายหนุ่มคิดหาเหตุผล
แล้วเขาจะง้ออย่างไรดีล่ะ...
เจ้าชายหน้าตายถึงคราวคิดไม่ตก พลันนัยน์ตาสีฟ้าก็ไปสะดุดกับหนังสือเล่มหนาบนเตียง ชื่อหนังสือบนหน้าปกนั้นเด่นหรา
‘108กลยุทธ์หมั้นสาว โดย ร้อยเมีย’ นัยน์ตาสีฟ้าวาววับ ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปหยิบมันมานั่นอ่านบนเตียง
อย่างน้อยข้างในก็น่าจะมีวิธีง้อสาวบ้าง...
มือใหญ่เปิดหนังสือไปที่หน้าสารบัญ นิ้วขาวเรียวไล่ไปตามหัวข้อเรื่องตั้งแต่เรื่องแรก จนมาหยุดอยู่ที่หัวข้อเรื่องที่ห้า ข้อย่อยที่สอง
‘ปฏิบัติการง้อสาวงาม หน้า 141-189’
คาโลเปิดหนังสือไปที่หน้า 141 ตามที่สารบัญเขียนไว้ กลางหน้ากระดาษมีภาพวาดชายหนุ่มกำลังมอบดอกไม้ให้หญิงสาวที่เขินอายม้วน พลันคาโลก็คิดไปถึงสาวคนรัก ถ้าในภาพชายหนุ่มเป็นเขาแล้วหญิงสาวในภาพเป็นมัน มันคงซัดหมัดหนักๆให้เขาซักเปรี้ยงแทนอาการขัดเขิน
แค่คิดก็หนาว...
แต่แล้วเขาก็ทำใจเปิดไปหน้าถัดไป นัยน์ตาสีฟ้ากวาดตามตัวหนังสือผ่านๆ เท่าที่อ่านมาวิธีการเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ใช้กับเฟรินไม่ได้ ชายหนุ่มสรุปในใจ แล้วเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ถ้าเขาหลงรักผู้หญิงปกติๆก็คงไม่ต้องมานั่งปวดเศียรเวียนเกล้าแบบนี้...
ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังอดทนอ่านต่อ มีย่อหน้าหนึ่งที่เรียกความสนใจชายหนุ่มได้เป็นอย่างยิ่ง
‘ถ้าหากท่านต้องการจะง้อสาวก็ควรมีของติดไม้ติดมือ เช่น ดอกไม้ช่องาม เครื่องประดับ ตุ๊กตา...”
ตุ๊กตางั้นหรือ?
น่าสนใจดี ถ้าเฟรินกอดตุ๊กตาจะน่ารักแค่ไหนกันนะ...
ความคิดของเจ้าชายคาโลเริ่มร่องลอยไปไกล ริมฝีปากได้รูปยักยิ้มน้อยๆยามจินตนาการภาพหญิงสาวคนรักในชุดเจ้าหญิงแสนงามกำลังกอดตุ๊กตาขนปุกปุยที่เขาให้... ก่อนชายหนุ่มจะรีบส่ายหัวไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกไป
ของอย่างนี้แค่คิดไม่ได้ ต้องให้มันทำจริง
คาโลแย้มยิ้มในใจ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลใช้อภิสิทธิ์การเป็นหัวหน้าป้อมอัศวินออกนอกโรงเรียนพระราชาด้วยเรื่องไร้สาระอีกแล้ว
คาโลเคยได้ยินมาว่าใจกลางย่านค้าขายของเอเดนเบิร์กมีร้านขายตุ๊กตาร้านใหญ่อยู่ร้านหนึ่ง แต่เขาไม่ทราบที่อยู่แน่ชัด ชายหนุ่มจึงแวะถามแม่ค้าพ่อค้าแถวนั้นไปเรื่อย จนในที่สุดก็พบร้านขายตุ๊กตาร้านนั้น
เป็นร้านขายตุ๊กตาที่ใหญ่โตสมคำร่ำลือ กระจกหน้าร้านโชว์ตุ๊กตาน่ารักๆหลากหลายขนาด เสียแต่ว่าวันนี้เขาคงมาเสียเที่ยว เพราะมันปิดบริการ
เจ้าชายน้ำแข็งหงุดหงิดนิดๆเพราะจุดมุ่งหมายที่จะทำไม่บรรลุผลสำเร็จ ขากลับเจ้าชายหนุ่มจึงเดินอย่างเอ้อระเหยดูนั่นดูนี่(แต่ไม่ซื้อ)ของเพราะยังไม่หมดเวลาที่เขาขออนุญาตออกมา
และที่พลาดไม่ได้คือร้านหนังสือ คาโลเดินตรงเข้าไปเมื่อเห็นทางเข้าร้านโดยไม่รีรอ เขาอยากได้หนังสือใหม่ๆอ่านเต็มที ไม่กี่นาทีถัดมา คาโลก็เดินออกจากร้านพร้อมหนังสือติดไม้ติดมือสองสามเล่ม
เมือได้หนังสือตามใจอยาก เจ้าชายหัวหน้าป้อมอัศซวินจึงตัดสินใจกลับโรงเรียนพระราชาแต่ระหว่างทาง ร้านไอศกรีมเล็กๆข้างทางกลับดึงดูดความสนใจชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ไอศกรีมงั้นหรือ...ไม่ได้กินนานเท่าไหร่แล้วนะ
ร้านไอศกรีมร้านนี้เป็นห้องแถวไม้เล็กๆค่อนข้างเก่า มีป้ายเขียนชื่อร้านว่า ‘Love Love Ice-cream’ เจ้าชายคาโลผลักประตูไม้ฝืดๆเข้าไป ภายในร้านเต็มไปด้วยลูกค้า ที่นั่งโต๊ะกันเป็นคู่ๆ บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นไปรัก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ สมชื่อร้าน คาโลเลือกนั่งโต๊ะไม้ริมประตู สักพักพนักงานสาวร่างบางก็ถือเมนูมาบริการ เจ้าหล่อนหน้าขึ้นสีระเรื่อตั้งแต่ยามแรกเห็นใบหน้าคมคายของเจ้าชายคาโล และประหม่าจนทำอะไรตะกุกตะกักไปหมด แต่ถึงกระนั้นการรับออร์เดอร์ของเจ้าหล่อนก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
ระหว่างนั่งรอไอศกรีม ประตูไม้ก็ถูกผลักเข้ามาปรากฏร่างเล็กๆของเด็กชายวัยประมาณหกถึงเจ็ดขวบที่เนื้อตัวมอมแมมหอบหิ้วถุงผ้าใบใหญ่เกินหัวอยู่ข้างหลัง เด็กชายเหลียวซ้ายแลขวาก่อนตัดสินใจเดินตรงเข้ามาหาเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่โต๊ะริมประตู
“พี่ชายฮะ สนใจซื้อตุ๊กตาไหมฮะ” เสียงเล็กๆน่ารักเอ่ยถาม พร้อมวางถุงผ้าลงบนพื้นแล้วควานหาสินค้าในถุง
คำว่า ตุ๊กตา ทำให้คาโลค่อนข้างสนใจ ชายหนุ่มนั่งมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังเลือกตุ๊กตาในถุงเงียบๆ
“นี่ฮะ ตัวนี้ล่ะฮะ พี่ชายน่าจะชอบ” เด็กชายยิ้มหวานยื่นตุ๊กตาผ้าสีน้ำตาลรูปจิงโจ้ให้คาโล ตอนแรกเจ้าชายคาโลกะจะออกปากไล่เด็กชายตรงหน้าตั้งแต่เห็นสภาพตุ๊กตาที่เสนอขาย มันเป็นตุ๊กตาผ้าที่ทำจากผ้าเนื้อธรรมดา การเย็บก็ทำอย่างหยาบๆ บูดๆเบี้ยวๆ ดูไม่ค่อยเป็นรูปร่าง แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่เหมือนนัยน์ตาของใครบางคน ซึ่งมองหน้าเขาอย่างมีความหวัง มือใหญ่เอื้อมไปรับตุ๊กตามาพิจารณา
“ตัวละสิบห้าคราวน์เท่านั้นฮะ ถ้าพี่ชายไม่ถูกใจตัวนี้ ผมมีให้เลือกอีกเยอะแยะเลยนะฮะ” เด็กชายตัวน้อยยังเสนอขายสินค้าด้วยเสียงเล็กน่ารักต่ออย่างมีความหวัง นัยน์ตาสีน้ำตาลวิววับจับจ้องชายร่างสูงที่หมุนตุ๊กตาในมือไปมา ก่อนชายร่างสูงจะทำลายความหวังอันน้อยนิดด้วยการส่งตุ๊กตาคืนพร้อมคำพูด
“ฉันไม่เอา” คาโลมองหน้าเด็กชายที่รับตุ๊กตาคืนไปด้วยแววตาที่สงบนิ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลของเด็กชายหม่นแสงลง ใบหน้าแปลเปลี่ยนจากสดใสร่าเริงเป็นเศร้าสร้อย
“ผมลดให้เหลือตัวละสิบคราวน์ก็ได้ฮะ” หากร่างสูงยังไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง “ห้าคราวน์ก็ได้ฮะ” เด็กชายอ้อนวอน ร่างสูงสังเกตเห็นว่าดวงตาของเด็กน้อยเริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้นมา
“ซื้อหน่อยเถอะนะฮะ ผมเดินขายมาหลายวันแล้ว ยังขายไม่ได้ซักตัว” เสียงเล็กๆเริ่มสั่นเครือ “ถ้า...ถ้าผมยังขายไม่ได้อีก น้องๆของผมก็จะไม่มีข้าวกิน”
เพล้ง!
น้ำแข็งในใจของเจ้าชายแห่งคาโนวาลแตกร้าว ใจของชายหนุ่มอ่อนยวบลงทันทีที่ได้ยินประโยคท้าย ความสงสารเข้าเกาะกุม ยิ่งกับนัยน์ตาสีน้ำตาลของเด็กน้อยที่เหมือนใครบางคนของเขาใจของเขาก็ยิ้งอ่อนยวบ
“สิบห้าคราวน์ใช่ไหม” คาโลถาม พลางหยิบเงินในถุงเงินส่งให้เด็กน้อย
“อ๊ะ ขอบคุณฮะ” เด็กชายพูดด้วยความดีใจพร้อมส่งตุ๊กตาให้ชายหนุ่ม “พี่ชายใจดีจังเลย”
พอดีกับพนักงานหญิงคนเดิมเอาไอศกรีมมาเสิร์ฟ นัยน์ตาสีน้ำตาลมองไอศกรีมถ้วยที่ร่างสูงกำลังจะลงมือกินตาละห้อย เด็กชายกลืนน้ำลายอึกใหญ่
โครก คราก!
เสียงท้องน้อยๆร้อง เด็กชายเอามือเล็กๆของตนลูบท้องด้วยความหิว เจ้าชายแห่งคาโนวาลที่เห็นภาพนั้นทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะสนใจ แต่มันดันอยู่ในระยะสายตาพอดี หยุดชะงักช้อน ยิ่งเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลที่มองมาตาละห้อย ยิ่งเห็นผมยุ่งๆที่ดันสีน้ำตาลโทนเดียวกับใครบางคนอีก ความอดทนใจแข็งของเขาก็หมดสิ้น
“อยากกินก็ปีนขึ้นมานั่ง” คำพูดเย็นๆนั้นทำให้เด็กชายเอียงหัวงงเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ พร้อมจิ้มช้อนลงไปในไอศกรีมลูกบน “อยากกินไม่ใช่หรือ”
หัวยุ่งๆสีน้ำตาลพยักหน้าหงักหงัก เจ้าตัวน้อยลนลานปีนขึ้นมานั่งบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว คาโลเลื่อนถ้วยไอศกรีมไปตรงหน้าเด็กน้อยที่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
มือเล็กๆหยิบช้อนขึ้นทันทีที่ถ้วยไอศกรีมมาถึง แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงชะงักไว้ “แล้วพี่ชายไม่กินหรอฮะ”
“ฉันสั่งผิด” คาโลตอบเรียบๆ
“ง...งั้นหรอฮะ แต่จะหรือหรอฮะที่ให้ผมกินแบบนี้ เอ่อ...ผมไม่มีเงินจ่ายหรอกนะฮะ” เด็กชายกล่าวอย่างเกรงๆนิ้วชี้ป้อมๆจิ้มๆชนกัน
“ฉันสั่งผิด ฉันก็ต้องเป็นคนจ่าย” คาโลตอบอย่างชักหงุดหงิด
“อ๊ะ งั้นผมไม่เกรงใจนะฮะ” เด็กชายลงมือหม่ำอย่างเอร็ดอร่อยทันที ถึงแม้จะดูตะกละไปบ้าง แต่เขาก็เข้าใจ คาโลเรียกพนักงานหญิงคนเดิมมารับออร์เดอร์ใหม่ ซักพักไอศกรีมถ้วยใหม่ของเขาก็มาเสิร์ฟ คาโลกินไอศกรีมไปก็มองเด็กชายตรงข้ามที่กินไอศกรีมอย่าเอร็ดอร่อยเหมือนไม่เคยกินของอะไรอย่างนี้มาก่อนในชีวิต พลางหวนคิดไปถึงร่างบางที่เขารักหมดใจ
ตอนเด็กๆเฟรินจะเป็นอย่างนี้ไหมนะ...
ก็คงจะคลายๆอย่างนี้ คาโลสรุป เพราะเขาก็เคยได้ยินมันเล่าบ้าง ว่าชีวิตในวัยเด็กของมันแล้งแค้นแค่ขนาดไหน
สามวันแล้วนับตั้งแต่วันนั้น...
เฟรินแอบลอบสังเกตพฤติกรรมของร่างสูงในดวงใจมาตลอดทั้งสามวัน ที่สังเกตได้ก็คือ พฤติกรรมแทบจะเป็นปกติทุกอย่าง ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า ดูเหมือนมันจะคอยหลบหน้าเธอ
อ่าว! ไหวกลายเป็นอย่างนี้ไป อย่างนี้มันพลิกล็อคชัดๆ เธอไม่ใช่หรือที่เป็นฝ่ายโกรธ และตามหลักแล้วมันก็ต้องมาคอยตามง้อเธอสิ ไม่ใช่คอยหลบหน้าแบบนี้
นี่มันอะไรกัน!!
เฟรินกรีดร้องในใจ
จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรมันจริงจังหรอก เธอแค่ไม่พอใจกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะของมันที่พักนี้มีให้เธอบ่อยๆเท่านั้นเอง
ไม่คิดจะง้อกันเลยใช่ไหม!!
เพราะมันพยายามหลบหน้า แต่เธอพยายามจะผลักดันให้มันมาง้อให้ได้ ดังนั้น เธอจึงพยายามเฉียดกายเข้าไปใกล้มันบ่อยๆ เผื่อมันจะนึกขึ้นได้ว่าควรมาง้อเธอซะที
เฟรินนั่งถอนหายใจหลายเฮือกแล้ว จนคิลที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆต้องถามอย่างอดใจไม่อยู่ “มีเรื่องกลุ้มใจอะไรอีกล่ะ” ถามแล้วพร่ามต่อ “จริงๆแล้วคนอย่างนายก็ไม่น่ามีเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรเลยนะ ฉันว่า”
คำตอบคือการถอนหายใจอีกสองเฮือก
“นี่ เฟริน” คิลหยุดมือจากจานข้าวตรงหน้าชั่วคราว “แกคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ฉันแปลภาษาถอนหายใจไม่ออกหรอกนะ”
เฟรินเหลือบตาลอยๆมามองเพื่อนซี้หน้าแวบหนึ่ง แล้วเบือนหน้ากลับไปจ้องจานข้าวของตน ก่อนถอนหายใจอีกเฮือก
“นี่คิล ปกติฝ่ายชายต้องเป็นฝ่ายง้อใช่มะ”
“หา?” คิลงงกับคำถาม
“ของมันแน่อยู่แล้วเนอะ ฝ่ายชายต้องเป็นฝ่ายตามง้อสิ” เฟรินถามเองตอบเอง ทำเอาคิลงงหนักกว่าเก่า แต่สักพักหลังจากหัวสมองที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเริ่มคิดอะไรออก ก็ตบโต๊ะเบาๆหนึ่งที
“อ้อ คิดออกแล้ว”
เฟรินเบื้อนหน้าเพื่อนซี้ คราวนี้เธอเป็นฝ่ายถูกทำให้งงบ้าง “นายคิดอะไรออก”
“ฮั่นแน่ เฟริน แกกำลังงอนคาโลมันอยู่ล่ะสิ” คิลเริ่มสาธยายข้อสันนิษฐาน “แล้วจนป่านนี้มันก็ยังหายเงียบ ไม่มาง้อนาย ฉันพูดถูกมะ”
“ถูกเผงเลยล่ะ”
คิลออกจะปลาบปลื้มที่ตัวเองเดาถูกจึงยิ้นหน้าบาน
“ไงคิล เฟริน” ครี้ดถือจานข้าวมานั่งลงตรงข้าม
“อือ หวัดดี” เฟรินทักกลับเสียงเนือยๆ น้ำเสียงแบบนี้ทำเอาครี้ดประหลาดใจ
“นายดูเซงชอบกล” นายตาเดียวบอกข้อสังเกต “เอาเถอะ พอนายฟังข่าวนี้นายก็หายเซงเองแหละ”
“หือ? ข่าวอะไรอ่ะ” คำพูดนั้นเรียกความสนใจจากนายนักฆ่าหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ครี้ดหันมองช้ามองขวาแล้วยื่นหน้าเข้ามากลางวง เอ่ยเสียงกระซิบที่ไม่ค่อยเบานัก “นายเคยรู้ใช่ไหมว่าอาชูราคบหาอยู่กับโรมีอา โอดิซซี่”
คิลขมวดคิ้ว เกาคางแกร๊กๆ “เอ... โรมีอา โอดิซซี่ ใครนะ ขอคิดก่อน”
“โธ่ คิล ก็น้องสาวเจ้าชาย โรม โอดิซซี่ อดีตหัวหน้าแผ่นดินประชาชนผู้เลื่องลือยังไงล่า” เฟรินแถลงไข
กำมือทุบลงบนฝ่ามืออีกข้างพร้อมร้อง “อ้อ” อย่างพึ่งนึกออก “แล้วไงต่อล่ะ”
“แต่ไม่รู้ทำไมใครๆก็สังเกตว่าพักนี้อาชูรามันไปกระหนุงกระหนิงอี๋อ๋อกับโดราธี ลูกพี่ลูกน้องของนิกส์น่ะ”
“เอ๋!” พอได้ฟังอย่างนั้น เฟรินก็ร้องด้วยความประหลาดใจ “แล้วใครๆที่นายว่าเนี่ย รวมโรมีอาด้วยรึเปล่า”
“ก็ใช่น่ะสิ” คราวนี้คิลลดเสียงเบากว่าเดิม แต่ก็ยังถือว่าดังอยู่ดี “เมื่อวานนี้น่ะ สดๆร้อนๆ ฉันแอบไปเห็นเจ้าหล่อนมีปากเสียงกับอาชูร่ามันที่หลังป้อมนี่เอง”
“นายแน่ใจนะว่านายแค่แอบไปเห็นไม่ใช่ตั้งใจไปแอบดูน่ะ”
“เฮ้ย เฟริน แกอย่างพึ่งขัดมันเล่าสิวะ กำลังตื่นเต้น” คิลต่อว่า ก่อนหันไปถามครี้ดต่อ “แล้วผลล่ะผล”
“หล่อนร้องไห้ด้วยแหละ แล้วขอเลิกกับอาชูร่าตอนนั้นเลย”
คราวนี้คิลกับเฟรินทำสีหน้าตกใจพร้อมกันทั้งคู่ กล่าวออกเป็นเสียงเดียวกัน “ร้าวฉาน”
“ใช่ ร้าวฉาน ทำเอาอาชูร่ามันอึ้งไปเลย เพราะโรมีอาบอกว่าหล่อนเกลียดผู้ชายที่แอบนอกใจเธอไปจีบสาวอื่นที่สุด” ครี้ดเล่าจบก็ต่อด้วยความคิดเห็นของตน “โธ่ เอาจริงว่าฉันเข้าใจอาชูรามันนะ นับวันมันก็ยิ่งเจ้าชู้ มันคงอยากลองไปจีบสาวอื่นเล่นๆดูบ้างล่ะน้า แต่มันคงไม่จริงจังอะไรนักหรอก”
คำว่า แอบนอกใจ กับ จีบสาวอื่น ที่ผ่านเข้าหูวนเวียนอยู่ในสมองของเฟริน
หรือว่า...
คาโลมันกำลังแอบนอกใจเธออยู่!
ถ้าเป็นงั้นแล้วที่เธอโกรธมันอยู่ก็ลงล็อคมันพอดีเลยน่ะสิ
“ทำไปทำมา ฉันก็ไปสืบต้นสายปลายเหตุว่าข้อสัญนิษฐานของฉันถูกไหม” ครี้ดพร่ามต่อ งวดนี้สีหน้าแสดงความภาคภูมิใจ “ปรากฏว่าอาชูร่ามันกำลังทำภาคปฏิบัติตามหนังสือ ‘108กลยุทธ์จีบสาวให้รุมทึ้ง’ อยู่ล่ะ”
“ชื่อหนังสือน่ากลัวจัง” คิลวิจารณ์
“ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย คิล เห็นชื่อน่ากลัวๆแบบนี้ หนังสือชุดนี้น่ะ คิดอันดับท็อปเท็นของหนังสือขายดีประจำสัปดาห์เลยนะ” ครี้ดเริ่มโฆษณา
ชื่อหนังสือนี้เฟรินรู้สึกคุ้นนัก พลันภาพชื่อหนังสือที่เธอเห็นแวบๆในมือคาโลวันนั้นก็ผุดขึ้นในหัว
“ฉันต้องสืบ!” อารมณ์ฉุนกึก เฟรินกระเด้งตัวลุกขึ้น
คิลและครี้ดงงกับประโยคที่อยู่ๆเจ้าหญิงหัวขโมยก็โพล่งขึ้นกลางวง แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เฟรินก็หยิบจานข้าวแล้วเดินจากโต๊ะอาหารไปโดยไม่บอกกล่าว
คิลและครี้ดหันมามองหน้ากัน “งงว่ะ”
16/10/50
อ่านะ อัพแล้ว
yurikagarin
17/08/49
หายหน้าหายตาไปนานเลยหนอเรา
มีคนถามว่า ข้าพเจ้าหายไปไหน อิอิ บอกก็ได้ ข้าพเจ้าไปโรงเรียนเซกาคุมา ~~ ไปดูท่านเอจิเซ็น เรียวมะแข่งเทนนิส ว้าว~~ (บ้าเข้าขั้น = =)
ความคิดเห็น