ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) #จินฮวานพันทิป | JUNHOE x JINHWAN

    ลำดับตอนที่ #9 : 08 : โลกมันโหด ไม่แจ้นิงนี่อยู่ไม่ได้เลย

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 59



      



     08
           โลกมันโหด ถ้าไม่แจ้นิงนี่อยู่ไม่ได้เลย





                   จินฮวานนอนแผ่อยู่บนเตียงและหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดเล่น อ่านบทสนทนาที่คุยกับจุนฮเวในไลน์ ย้อนอ่านซ้ำไปซ้ำมาแล้วขมวดคิ้วเพราะข้อความที่เขาส่งไปเมื่อเช้า จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ขึ้นว่าถูกกดอ่านแล้วสักที

                   ระดับจุนฮเวแล้ว ไม่มีการอ่านไม่ตอบใดๆทั้งนั้นอ่ะ
                   แม่งมีแต่ความไม่อ่านเลย



                   “ถามไปตรงๆ ถามไปตรงๆ” จินฮวานพึมพำกับตัวเอง โยนโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วลุกไปที่โต๊ะอ่านหนังสือซึ่งจะตั้งอยู่อีกฝั่งแยกกับโต๊ะที่ใช้เล่นคอมพิวเตอร์ เขาเปิดลิ้นชักและหยิบเอาไดอารี่เล่มใหญ่ที่ใช้มานานหลายปี เขาไม่ใช่พวกชอบเขียนไดอารี่มากนัก เขียนยังไงก็สมุดไม่หมดเล่มเสียที 


                   จินฮวานพลิกเปิดดูตั๋วละครเวทีเกี่ยวกับมาสก์ไรเดอร์ที่จุนฮเวชอบมากสมัยสิบขวบ และแม้จะอ้อนวอนพี่สาวยังไง เธอก็ไม่ยอมไปเป็นเพื่อนจุนฮเวเลย สุดท้ายแล้วจินฮวานก้เลยอาสาพาน้องไปแทน 


                   เขาเห็นตั๋วแล้วก็หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอนึกถึงจุนฮเววัยสิบขวบที่หลงกับเขาตอนละครเวทีจบ จินฮวานไปเข้าห้องน้ำและกลับมาเจอว่าจุนฮเวยืนตาแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้อยู่ที่หน้าโรง พอเห็นเขา จุนฮเวก็เดินเข้ามาหาแล้วจับมือเขาแน่นโดยไม่ยอมพูดอะไร 

                   คิดแล้วก็ขำออกมาในความขี้เก็กของจุนฮเว คือแม่งเก็กมากมาแต่ไหนแต่ไร


                   เขาพลิกสมุดไปเรื่อยๆ และอมยิ้มกับการ์ดคริสมาสต์ใบเล็กๆ และลายมือไก่เขี่ยของจุนฮเวที่บอกว่าขอให้เขามีความสุขมากๆ พร้อมกับลายมือคุดคู้เป็นชื่อเขาและจุนฮเวโดยมีหัวใจคั่นกลาง




                   Line!




                   จินฮวานสะดุ้งแรงมากด้วยเสียงโนติฟิเคชั่นจากโปรแกรมแชทสีเขียว เขาลุกพรวดและถลาไปที่เตียง คว้ามือถือขึ้นมากดดูข้อความ




                   Line TV เตรียมมอบประสบการณ์ไลฟ์สุดฟิน



                   ...ส้ส
                   เขินฟรีเลย




                   จินฮวานจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดแล้วทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้บนเตียงก่อนจะกลับไปนั่งหน้าโต๊ะทำงานอีกครั้ง แล้วคว้าเอากล่องเค้กที่เก็บกลับขึ้นมาบนห้องเมื่อเช้า ตัดลายมือไก่เขี่ยของจุนฮเวแล้วบรรจงใช้มาสก์กิ้งเทปแปะมันเอาไว้กับสมุด








                   น่าตลกดีที่เขามัวแต่ลังเลและไปถามคนอื่นอยู่ได้ ถามแม้แต่กับคนที่ไม่รู้จักในพันทิป แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากถามจุนฮเวออกไปตรงๆ ว่าจริงๆแล้วจุนฮเวรู้สึกยังไงกับเขากันแน่




                   Line!



                    รอบนี้ไม่ได้แดกเค้าหรอกบอกเลย จินฮวานเอนเก้าอี้ชะโงกหน้าไปดูมือถือเพราะคิดว่าเป็นไลน์จากพวกแอคเค้าท์ออฟฟิเชียลอีก แต่เขาก็เกือบตกเก้าอี้หัวทิ่ม เมื่อเจ้าของไลน์มันไม่ใช่ไลน์ทีวีหรือเคเอฟซีอะไรทั้งนั้น




                   มาว่ะ


                   ฮอยคนเดิมเพิ่มเติมเดี๋ยวบอก: ได้ส่งรูปภาพแล้ว



                   จินฮวานถลาไปคว้าโทรศัพท์มือถือและเปิดดูรูปที่อีกฝ่ายส่งมา








                   ฮเวฐามาเอง...เรื่องแอคติ้งนี่ไม่มีใครเกินอ่ะเขาคนเนี้ย
                             




                   KJH: ส้มอะไรอ่ะ


                   ฮอยคนเดิมเพิ่มเติมเดี๋ยวบอก: วันนี้ไปเที่ยวมา เดี๋ยวมะรืนจะกลับแล้ว เอาส้มปะ เดี๋ยวเอาไปฝาก


                   KJH: ไม่เป็นไรอะ5555555

                   

                   เขาหัวเราะคิกๆกับตัวเองเหมือนคนเสียสติพลางก็นึกค่อนขอดคู่สนทนาอยู่ในใจ แค่จุนฮเวตอบไลน์ไวๆก็พอละ ส้มอะไรเขาก็ไม่อยากได้ทั้งนั้นแหละ


                   KJH: ซ้อมเป็นไงบ้าง หนุกบ่

                   ฮอยคนเดิมเพิ่มเติมเดี๋ยวบอก: ค่ดเหนื่อย 55555


                   ยังไม่ทันที่จะกดออกจากหน้าแชท จุนฮเวก็มีความตอบกลับมาทันที พอจินฮวานอ่านที่น้องพิมพ์ตอบกลับมาแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้



                   KJH: ไม่ต้องตั้งใจซ้อมมากหรอก เดี๋ยวชนะสีฟ้า 5555555

                   ฮอยคนเดิมเพิ่มเติมเดี๋ยวบอก:  หุย สีฟ้ากากๆนะ ไม่ได้แดกเค้าหรอกบอกเลย


                    จินฮวานหัวเราะกับความขี้โม้ของจุนฮเวแล้วพิมพ์ยุกยิกตอบกลับไปอย่างไว วันพุธนี้สีเขียวของจุนฮเวจะแข่งกับบาสสีฟ้าของจินฮวาน เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันนั่นแหละว่าจุนฮเวมันจะเก่งจริงอย่างปากว่าแค่ไหน

                   KJH: เดี๋ยวพุธนี้เจอกัน แล้วจะดูน้ำหน้านะ

                   ฮอยคนเดิมเพิ่มเติมเดี๋ยวบอก: รอเจอได้เล้ย ไม่เคยกลัวอ่ะ 

                   'รอเจอได้เลย' งั้นเหรอ
                   หึ...

                   จินฮวานพ่นลมหายใจพรืดออกทางจมูกแล้วเบ้หน้ามองจอด้วยความหมั่นไส้ 
                   จ้างให้ก็ไม่บอกหรอก จินฮวานน่ะรอจะเจอมันมาตั้งแต่วันแรกที่มันไปต่างจังหวัดแล้ว ไอ้เด็กเด๋อ




    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   



                   "นี่มึงยิ้มไรอ่ะ"

                   "อารมณ์ดีเนอะ" 

                   จินฮวานยิ้มค้างและหุบยิ้มแทบจะทันทีพอรู้ตัวว่าเพื่อนทั้งสองคนกำลังนั่งเท้าคางจ้องหน้าเขาอย่างจับผิด หลังจากตีกันไปหนึ่งยกเรื่องที่เพื่อนรักเสียตัวให้ไอ้เหยินจีวอนไปแล้ว สุดท้ายเขาและฮันบินก็กลับมาคืนดีกันตามปกติด้วยการไกล่เกลี่ยของยุนฮยอง แล้วคือ นี่จะมานั่งจ้องอะไรวะ เขาส่ายหัวดิกๆและบอกว่ามันไม่ได้มีอะไร

                   "ไม่มีไรทั้งนั้นอ่ะ กูก็แค่นึกถึงละครที่ดูเมื่อคืน"

                   "ละครเรื่องไรของมึง" ยุนฮยองสวนทันควันจนจินฮวานเบะหน้าใส่ อย่าสวนไว กูคิดคำตอบไม่ทันโว้ย

                   "นาคี พิษสวาท เมียน้อยร้อยล้าน" ฮันบินไล่ชื่อละครมาทีละเรื่องแล้วยิ้มเผล่อย่างคนรู้ทัน "หรือที่จินฮวานยิ้มเพราะคิดถึงใครอยู่กันแน่"

                   "แน๊ๆๆๆ หลอกพวกกูไม่ได้หรอกนะเพื่อนรัก"
                  
                   "วันนี้พวกนักบาสสีเขียวกลับมาละหนิ"

                   แหม่ คนพวกนี้มันน่ากลัวจริงๆเลยนะครับ มากันเป็นขบวนการ

                         "เออ พึ่งนึกได้ว่าวันนี้บาสเขียวฟ้าแข่งนี่หว่า เดี๋ยวไปหาอีจี้ก่อนนะ วันนี้ลีดต้องลงไปคุมน้องเชียร์ด้วย" จินฮวานคิดว่าคงเป็นสิ่งที่ดีกว่าถ้าเขาเลือกจะชิ่งไม่ตอบคำถามแล้วหนีไปจากสถานการณ์น่าอายแบบนี้ซะ


             ก็นั่นแหละ เขายิ้มก็เพราะวันนี้เป็นวันพุธ เป็นวันที่พวกบาสสีเขียวจะกลับมาจากต่างจังหวัด บาสสีเขียวและสีฟ้าจะแข่งกัน ส่วนจินฮวานและชาวลีดก็ต้องไปคุมน้องให้เชียร์บาส นั่นก็แปลว่าเขาจะได้มีข้ออ้างดีๆในการดูจุนฮเวเล่นบาสได้โดยไม่โดนใครแซวอีก     


              และจริงๆแล้ว วันนี้แหละเป็นวันที่เขาตั้งใจจะถามจุนฮเวสักที ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนที่มันค้างๆคาๆ ยักแย่ยักยันไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่     

                   
                         แค่คิดจินฮวานก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาแล้วเนี่ย
     

    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป  



                         "หน้าตูมมาแต่ไกลเชียวนะอีเตี้ย"


                         จ้ะ
                         มึงไม่เตี้ยเล้ย


                         นี่หรือคือคำทักทายจากอีจี้เพื่อนรัก จินฮวานยิ้มแป้นแล้นต่อไปแม้จะโดนด่า เอ่ยปากถามนังจี้อย่างดีเรื่องจะคุมน้องไปเชียร์บาสวันนี้ พวกสต๊าฟกีฬาสีจะต้องไปรับน้องๆจากห้องเรียนเพื่อนเตรียมตัวเดินตั้งแถวจากตึกเรียนของน้องๆ ไปยังโรงยิมซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบาสเก็ตบอลในร่ม ส่วนคนที่มีหน้าที่อื่นเช่น นักกีฬา(อย่างฮันบิน) หรือพวกกรรมการนักเรียน(อย่างยุนฮยอง) ก็จะแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง


                         "เดี๋ยวใครไปรับน้องที่ห้องอ่ามึง"

                         จีจี้ส่ายหัวด็อกแด็กและบุ้ยใบ้ไปทางมินโฮที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนอยู่อีกมุมนึงของห้อง
                         "น่าจะอีประธานนะ แต่ตอนนี้อีประธานอ่านโคนันอยู่ บอกว่าอย่าพึ่งไปกวน"

                         เอ่อะ
                         เดี๋ยวนะ

                         จินฮวานกลอกตามองพัดลมเพดานแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายพอได้ยินชื่อของเด็กแว่น  นี่นอกจากจุนฮเวที่คลั่งใคล้อีเด็กแว่นโคนันคลุงแล้ว ประธานแม่งก็เป็นไปกะเขาด้วย


                         ปัง!!
                         "มึง ลุก!"
                     

                         จินฮวานเดินไปตบโต๊ะแล้วทำหน้าเซ็งโลกขั้นสุดท้ายใส่ซงมินโฮ เพื่อนซกมกผู้ไม่น่าเชื่อว่าเป็นถึงประธานสีเขียว


                         "ขออ่านโคนันก่อนไม่ได้เหรอ" มินโฮขยับที่คาดผมของตัวเองเล็กน้อยแล้วมองจินฮวานสลับกับหนังสือการ์ตูนในมืออย่างขอความเห็นใจ

                         "ไม่ได้!! ลุก! เดี๋ยวไปถึงสนามบาสสาย" จินฮวานทำสียงแข็ง  อีกสิบนาทีจะถึงเวลาพักกลางวันอันเป็นเวลาเริ่มแข่งบาสเก็ตบอลแมทช์แรกของสีฟ้าพอดี จินฮวานเร่งเร้าโดยมีอีจี้และเพื่อนรองประธานสีซึ่งจินฮวานจำชื่อไม่ได้อีกคนยืนกดดัน อีประธานก็เลยยอมเก็บโคนันคลุงใส่กระเป๋าแล้วฮึดฮัดเดินไปกับอีจี้และรองประธาน รวมทั้งจินฮวานแต่โดยดี


                         "เออมึง อีจิน พวกชะนีลีดมันไปแดกส้มตำหลังโรงเรียนนะ เดี๋ยวตามไป"

                         "เค มึงไลน์ตามมันเลย"

                         ตอนนี้จินฮวานเดินนำหน้าด้วยท่าทีมุ่งมั่นอินเนอร์ติช่าเดอะเฟสเบอร์แรงสุด ตรงสู่ห้องน้องๆม.1 เพื่อไปพาน้องๆมาขึ้นสแตนด์ โดยมีอีจี้ที่ไลน์คุยกับแก๊งลีดคนอื่นๆ รองประธานที่ดูเอาการเอางานพอๆกัน และอีประธานที่ทำหน้าเป็นตีนเพราะโดนรบกวนเวลาอ่านการ์ตูน
                         "เอาล่ะครับ เดี๋ยวน้องๆเดินตามพี่จี้ไปเลยน้า วันนี้มีเช็คชื่อด้วยนะครับ ไปเชียร์บาสกันเนอะ"

                         "คร๊าบบบ/ค่าาาาา" เด็กๆตอบพร้อมเพรียงกันและเดินตามอีนังจี้ไปอย่างว่าง่าย เขาว่ากันว่าเด็กเป็นอนาคตของชาติ จินฮวานเชื่อว่าน้องๆรุ่นนี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้แน่นอน

                         "ทำไมน้องมันเชื่อฟังมึงจังวะ ไม่เห็นเชื่อฟังกูแบบมึงมั่งเลย" มินโฮบ่นงึมงำและก็เดินรั้งท้ายน้องๆไปพร้อมกับเขา จินฮวานยักไหล่แล้วส่งยิ้มอย่างเหนือชั้น

                         "ก็มึงทำตัวน่าเชื่อถือตายอ่ะ" พูดไปก็ต้องกลั้นหัวเราะไปด้วยเมื่อนึกถึงชุดซ้อมเชียร์ของมัน "มึงทำผมให้มันดีๆดิ ตัดให้มันเรียบร้อย" 

                         ว่าจบปั้บมินโฮก็จับที่คาดผมสุดที่รักของตัวเองหมับทันที ราวกับจะพูดว่า ไม่นะห์ นี่ของรักของข้า

                         "แต่ว่าถ้าไม่เอาผมขึ้น มันจะทิ่มตา"

                         "มันเป็นเรื่องของลุคไง คือมึงต้องดูแลบุคลิคภาพตัวเอง วางตัวดี จะได้ดูน่าเชื่อถือ" จินฮวานสาธยาย ดูจากสภาพของมินโฮก็พอจะเดาได้ว่าเป็นพวกไม่ค่อยจะดูแลตัวเอง หน้ามันย่อง คล้ำแดด แถมมีสิวที่คางกับไรหนวดเขียวๆที่โกนแบบไม่พิถีพิถันอีก 

                         เฮ้อ เห็นละกุเหนื่อยใจ

                         "จริงเหรอวะ" มินโฮทำเสียงสงสัยใคร่รู้จริงๆจนจินฮวานกลอกตาเป็นรูปตีน 
                         "ไม่เชื่อก็เรื่องของมึงเหอะ" พูดมาก น่ามคาน "มึง กูว่าวันนี้ กูจะไปถามจุนฮเวละ"

                         "ถามไรหง่ะ" มินโฮยังคงสนใจที่คาดผมและไรหนวดเขียวๆของตัวเองอยู่ถามแบบไม่ใส่ใจนัก "ว่าน้องชอบมึงไหมอ่ะนะ"

                         "อื้ม" จินฮวานพยักหน้าหงึกๆ รู้สึกตุ้มๆต่อมๆแบบพิกล แต่ก็ต้องมุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อมินโฮพูดกลับมาด้วยเสียงกึ่งแซวกึ่งให้กำลังใจซึ่งสัมผัสได้ว่ามันค่อนไปทางแซวซะมากกว่า

                         "นี่มึงยังต้องถามอีกหรา มองจากดวงจันทร์ยังรู้เลย ว่ามึงกะน้องชอบกัน"

                         "ชอบกันอะไร!! กูไม่ได้..." ยังไม่ทันจะได้ถียง เสียงที่ลอยตามลมมาก็ทำให้จินฮวานต้องชะงัก

                         "หมวยยย!!!" 

                         เสียงแบบนี้..

                         "หมวยยยยยยยย" 


                         สรรพนามแบบนี้

                         จินฮวานหันขวับไปหาต้นเสียง และพบว่าเจ้าลูกหมาที่เค้าไม่เจอหน้าซะหลายวันโดดเหย็งๆโบกมือหยอยๆมาให้เขาอยู่จากอีกฟากหนึ่งของสนามฟุตบอลข้างโรงยิม จุนฮเวขยับปากจับใจความได้ว่า 'คิดถึง' และโบกไม้โบกมือให้เขาก่อนจะโดนเรียกไปซ้อมต่อ จินฮวานเลยพยักหน้าหงึกๆให้แล้วชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางโรงยิมคล้ายจะสื่อว่าเดี๋ยวเข้าไปรอเชียร์ข้างใน


                         นี่ไง" ทันทีที่ลับตาจากจุนฮเวและเข้ามาในโรงยิม มินโฮก็ส่งเสียงแซวเขาออกมาอีกและหัวเราะเอิ้กๆอย่างพอใจ  "กูบอกละว่ามองจากดวงจันทร์ยังรู้เลย"

                         จินฮวานอยากเถียงก็เถียงไม่ออก ได้แต่ยิ้มเขินๆอย่างพอใจ 
                                    มันต้องอย่างนี้เลยนะ 



                                    "ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร สีฟ้า อ๊ายยยยยยยยยยยยย"

                                    เสียงเด็กๆบนสแตนด์แผดดังระหว่างที่เชียร์ลีดเดอร์สีฟ้าก็เต้นลีดมือประกอบเพลงเชียร์นั้น ตอนนี้นักกีฬาทั้งสองฝั่งกำลังเตรียมตัวอยู่ข้างสนาม และถ้ามองไม่ผิดล่ะก็ จินฮวานรู้สึกว่าจุนฮเวกำลังจ้องมองเขาอยู่ จากอีกด้านหนึ่งของสนามบาส จุนฮเวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวที่มีกระติกน้ำแข็งสีเขียวอื๋อน่าเกลียดวางอยู่ข้างๆ และมองมาที่เขาพลางก็อมยิ้มชอบอกชอบใจ


                                    เขินโว้ย เลิกทำตัวแบบนี้สักที

                                    "จินฮวาน" ระหว่างที่อีจี้กำลังสั่งสเต็ปเก็บมือ เตนล์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันมากก็หันมากระซิบอย่างสนใจใคร่รู้ "ทำไมต้องยิ้มเขินๆแบบนั้นด้วยล่ะครับ"

                                    เตนล์ก็คือเตนล์ น่ารัก พูดเพราะ นางฟ้าแห่งวงการนักเรียนแลกเปลี่ยน

                                    เขาและเตนล์เก็บมือตามสเต็ปการตบมือของน้องบนสแตนพลางก็กระซิบคุยกันไปด้วย

                                    "ไม่ได้ยิ้มเขินเลยนะ"

                                    "ยิ้มสิครับ เตนล์เห็น จินฮวานไม่รู้ตัว"

                                    "จริงเหรอ" จินฮวานถอนหายใจ เอาเข้าจริงพักนี้เขาก็โดนทักบ่อยนั่นแหละว่ายิ้มอยู่คนเดียว หรือไม่ก็อารมณ์ดีผิดปกติ ซึ่งทั้งหมดนี่ก็จะมีต้นเหตุจากอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องจุนฮเว

                                    "แต่มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกนะครับ จินฮวานมีความสุข ก็ดีแล้วแหละ"

                                    เตนล์ยักคิ้วขณะที่เสียงกรี๊ดของเด็กๆบนสแตนด์ยังดังเซ็งแซ่เมื่อนักกีฬาที่เริ่มเข้าประจำที่ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอันดีที่จะไม่ร้องเพลงเชียร์ระหว่างที่มีการแข่งขัน จินฮวานจึงนั่งอยู่ข้างสนามในฐานะกองเชียร์คนหนึ่ง 

                                    จุนฮเวเก่งจริงสมกับที่โอ้อวดไว้ ดูดีมากเวลาสวมเสื้อกล้ามบาสตัวโคร่งเข้าคู่กันกับกางเกง เลี้ยงลูกบาสด้วยฝ่ามือใหญ่โตและโยนส่งมันให้กับเพื่อนในทีมเพื่อนชู้ตทำคะแนน

                                    มันน่าตื่นเต้นมากตอนที่จุนฮเวหลบหลีกผู้เข้าแข่งขันทีมตรงกันข้าม และพาเอาลูกหนังสีส้มสดตะกายลงห่วง

                                    จินฮวานเผลอกลั้นหายใจตอนที่นักบาสจากทีมสีฟ้าแย่งลูกมาจากมือของน้องบยองและเป็นฝ่ายครองบอล เริ่มเลี้ยงลูกกลับไปที่อีกฝั่งของสนามเพื่อทำแต้ม

                                    "นี่มึง" อีจี้ที่นั่งอยู่ข้างๆแตะไหล่จินฮวานเบาๆ "อืม ว่าไง"

                                    "เผื่อมึงลืม มึงอยู่สีฟ้านะอีหนู"

                                    อ่าวเหรอ ไม่ได้เหรอ

                                    "เออว่ะ แหะๆ"

                                    เขาหัวเราะกับตัวเองนิดๆแบบคนไม่เต็มพอโดนจับได้ว่ากำลังเอาใจช่วยจุนฮเวแบบออกหน้าออกตาอยู่ แต่ก็เอาเหอะ ตอนนี้มันคงรู้กันทั้งโลกแล้วมั้งว่าเขาชอบจุนฮเว และอีกไม่กี่สิบนาทีหลังเกมจบ จุนฮเวก็จะได้รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน คิดแล้วจินฮวานก็อดยิ้มเขินไม่ได้ แต่ก็ใช้ฝ่ามือลูบหน้าลูบตา ทำเป็นกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเองซะแล้วเชียร์บาสต่อ

                                    หลังจากที่จินฮวานปรึกษาตัวเองมาประมาณแปดแสนสามหมื่นรอบ เขาก็สรุปในใจได้ว่า ทุกๆความสัมพันธ์มันจะไปถึงจุดเปลี่ยนได้ ไม่เกี่ยวกับความคิดเห็นหรือประสบการณ์จากใครคนอื่นเลย ถามเพื่อน ถามพ่อแม่ หรือแม้แต่การถามพันทิปก็คงช่วยอะไรได้ไม่มาก

                                    เพราะคนที่รู้ดีที่สุด มันก็คงมีแต่เขากับจุนฮเวนี่แหละ


                                    ความเขินอายและไม่มั่นใจอาจจะทำให้จินฮวานเคยขี้ขลาด แต่เดชะบุญที่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนาน พอคิดมาถึงตรงนี้เสียงดนตรีเพลงเธอเป็นแฟนฉันแล้วรู้ตัวบ้างไหมก็บรรเลงขึ้นในหัวทันที


                                    เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาครึ่งแรกรวบรวมสติของจินฮวานกลับมาอีกครั้ง เขามองจุนฮเวที่แท็กมือกับเพื่อนๆในทีม และตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายหันมามองเขา

                                    คือก็เคยกันใช่ไหม แบบว่าแอบมองคนที่ชอบอยู่ แล้วเขาก็หันกลับมา แล้วก็สบตากันเพราะเจอว่าเราแอบมองเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว

                                    มันเป็นความรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย

                                    แต่จุนฮเวไม่ได้ตกใจหรือหลบตาไป พอจุนฮเวเห็นเขา จุนฮเวก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วโบกไม้โบกมือหยอยๆ จนไอ้พวกเด็กๆบนสแตนด์ส่งเสียงกรี๊ดกับความหล่อของอีเน่กันยกใหญ่

                                    "เธอออออออออออ พี่จุนฮเวมองมาทางนี้ด้วยอ่า"

                                    "ค่ดหล่อ ไม่อยากเชียร์สีตัวเองแล้วอ่ะ"

                                    "พี่เค้าโบกมือให้กูด้วยนะ"

                                    "อีเด๋ออย่ามโน เค้าโบกมือให้กูตังหากค่ะ"

    ....


                                    จินฮวานอยากจะตบกะโหลกแต่ก็กลัวพ่อแม่ผู้ปกครองของน้องๆตามมาเอาเรื่องที่โรงเรียน คืออย่าหาว่าเจ้สอนเลยนะคะน้องๆ แต่ที่น้องๆพูดมาอะ ก็เด๋อทั้งหมดโว้ย เพราะคนที่ไอ้เน่มันโบกมือให้ คือพี่จินนี่ขยี้ใจที่นั่งโด่เป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงหน้าน้องๆนี่ไงคะซิส


                                    "กรี๊ดดดด แกกกก พี่จุนฮเวเขาวิ่งมาทางนี้ด้วยอ่ามึงงงง"

                                    "มาแล้วๆๆๆๆๆ เขามาหาฉันๆๆๆๆ"


                                    และเพราะเสียงของชะนีน้อยเหล่านั้นนั่นเองทำให้จินฮวานรู้ว่าจุนฮเวแม่งวิ่งข้ามสนามบาสมาหาเขา เท้าแขนกับขอบล่างสุดของอัศจรรย์เชียร์และเงยหน้าขึ้นมาคุยกับจินฮวานที่นั่งอยู่บนอัศจรรย์ประมาณขั้นบันไดที่สาม


                                    "หมวย วันนี้กลับบ้านด้วยกันปะ"


                                    "เอ้าแก นกเลย เค้ามาหาพี่จินฮวาน"

                                    "เค้าเป็นแฟนกันหรอ"

                                    "บ้าาาพี่จุนฮเวชอบผู้หญิงหนิ"

                                    ความมโนหยุดได้ด้วยการตอบคำถาม จินฮวานจะแสดงให้น้องๆเห็นเองว่าความจริงมันคืออะไร

                                    "กลับ แต่เราอยากกินผัดไทท้ายตลาด"

                                    จุนฮเวนิ่งฟังแล้วพยักหน้าหงึกทันที

                                    "ได้ดิ เดี๋ยวพาไป"

                                    "อยากไปซื้อหนมปังข้างๆสถานีรถไฟด้วย" จินฮวานพูดถึงร้านขนมปังเล็กๆ ที่ราคาไม่แพงมากนัก ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียน และอร่อยด้วย

                                    "ได้ เดี๋ยวพาไป"

                                    "ดีมาก!" ไอ้อยากจะอวดมันก็อยากอวดหรอก แต่ตอนนี้จินฮวานดีใจมากกว่าที่จุนฮเวมันมายิ้มแฮ่ๆอยู่ตรงหน้าหลังจากหายหัวไปตั้งหลายวัน และจุนฮเวก็พูดตบท้ายด้วยคำพูดที่สมเป็นจุนฮเวแบบสุดๆออกมา


                                    "ทำข้าวผัดให้เค้ากินด้วยนะ"


                                    จินฮวานหุบยิ้มไม่ได้เลย
                                    โลกมันโหด ถ้าไม่แจ้นิงนี่อยู่ไม่ได้เลย


          

     

     talk
    อีพีหน้าอยากให้ทุกท่านเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ 
    รักทุกท่าน จากฟายเด
    27/11/59 19:58น.
    ปล. แจ้นิง = แน่จริง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×