ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) #จินฮวานพันทิป | JUNHOE x JINHWAN

    ลำดับตอนที่ #19 : 17 : เล่าเรื่องจินฮวาน (ตอนที่2) - รู้ไหมในวันนี้ไม่เหมือนเก่า รู้ไหมใครแอบเหงาคิดถึงเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 60


      
      CR.SQW



     17
    เล่าเรื่องจินฮวาน (ตอนที่2) 
    รู้ไหมในวันนี้ไม่เหมือนเก่า รู้ไหมใครแอบเหงาคิดถึงเธอ
                    

                        
             


    "มึงจะเดินไปเดินมาทำไมเนี๊ย รำค๊านนน" 

    เสียงแสบหูของดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งประจำโรงเรียนตวาดผมขึ้นมาจนผมสะดุ้งแรงมากเลยครับ รู้สึกเหมือนโดนแม่ดุ 

    คิมโดยอนก็คือดรัมเมเยอร์เสียงแสบแก้วหูคนนั้นครับ 

    เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่พยายามเข้าหาผมและต้องการสานต่อความสัมพันธ์ในแบบคนรัก แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอดีเกินไป เธอดีเกินกว่าที่ผมจะเริ่มต้นกับเธอในแบบคนรัก และสูญเสียความสัมพันธ์แบบเพื่อนดีๆไปเหมือนผู้หญิงหลายต่อหลายคนก่อนหน้านี้ที่เข้ามาคบกับผมอยู่แป็บนึงแล้วก็หายกันไปจากชีวิต

    เรียกได้ว่า ผมแทบจะดันเธอเข้าเฟรนด์โซนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ และหลังจากถูกดันเข้าเฟรนด์โซน เธอก็หยาบคายกับผมตลอดเลยครับ พูดกูมึง แล้วก็ด่าผมด้วย

    "เทอ เลาเครียดว่ะ วอนอูมันบอกว่าเดี๋ยวพี่จินฮวานกำลังจะกลับมา"

    ผมเป็นคนเพื่อนน้อยและไม่เก่งในเรื่องการเข้าสังคมเท่าไหร่ครับ 

    โดยอนเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่ผมกล้าแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เล่าความรู้สึกหรือเรื่องราวที่ทำให้ไม่สบายใจให้ฟัง เพราะผมรู้ว่าเธอจะรับฟังและไม่ตัดสินผม


    เธอได้รู้จักจินฮวานมาบ้างจากเรื่องที่ผมบอกเล่านี่แหละครับ


    โดยอนทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟเล็กๆแห่งนึง เป็นร้านกาแฟที่ไม่ใหญ่โตนัก เหมาะสำหรับซื้อกลับบ้านหรือเดินกิน มากกว่าจะมานั่งละเลียดเวลาทีละนานๆ ร้านจะถูกจัดเป็นบาร์นั่งเล็กๆที่มีเก้าอี้อยู่สองสามตัว และมีเครื่องชงกาแฟอยู่ด้านหลัง พร้อมๆกับบาริสต้า(โดยอน)ที่เดินไปเดินมานั่นแหละ

    จริงๆจะเรียกว่าทำงานพิเศษก็ไม่ถูกหรอก เพราะว่ามันเป็นร้านที่เธอเป็นเจ้าของครับ เธอขอพ่อแม่ว่าอยากจะทำร้านกาแฟสักร้าน และคนรวยก็ทำอะไรก็ได้แบบที่อยากทำ เพราะพ่อแม่เธอเปิดร้านให้โดยอนจริงๆ

    เธอบอกว่าความจริงอยากเปิดร้านใหญ่ๆ แต่ขี้เกียจดูแล ทุกวันนี้ทั้งร้านก็มีพนักงานแค่คนเดียว เฝ้าร้านสลับกันกับโดยอนตอนที่เธอไปเรียนหนังสือหรือซ้อมลีด

    ใช่แล้วล่ะ เธอเป็นลีดด้วย เป็นดรัมด้วย  
    เธอสวยและรวยมากครับ แถมดุอย่างกับหมาเลย

    "กลับมาเหรอ ก็ดีละไง แล้วจะเครียดอะไรอีกอ่ะ"

    โดยอนตะไบเล็บและถามผมโดยที่ไม่แม้แต่จะใส่ใจหันมามองหน้าด้วยซ้ำ ผมถอนหายใจและเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวสูงที่เป็นบาร์ใกล้กับเคาต์เตอร์และเครื่องชงกาแฟ เท้าคางแล้วถอนหายใจ เพราะโดยอนดูไม่ได้ใส่ใจกับบทสนทนาที่กำลังคุยกับผมเลยสักนิด

    นี่แม่คุณ ผมคุยกะเธออยู่นะเว้ย พับผ่าสิ


    "เครียดดิวะ ก็ตอนไป อยู่ๆเขาก็ไป ถามใครก็ไม่มีใครเล่าให้ฟังสักคน เลางงไปหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ"

    ผมพูดเปรยๆเหมือนเพียงแค่บ่นกับลมฟ้าอากาศ และดูเหมือนโดยอนก็เข้าใจดี เลยตอบผมกลับมาเรียบๆอย่างไม่ใส่ใจนัก

    "แล้วจะงงทำไม เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองอ่ะ"

     



    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   





    "จุนฮเว เดี๋ยวออกไปซื้อเนื้อให้แม่หน่อยได้ไหมลูก"

    แม่ส่งเสียงแหบแห้งเรียกผมจากในครัวจนผมต้องลุกไปดูและเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นแม่กำลังเตรียมผักสำหรับทำซุปหม้อโต

    "ว้าว วันนี้ถูกหวยเหรอแม่ ทำกับข้าวน่ากินเชียว"

    "วันนี้พี่จินฮีเค้าจะกลับมานอนที่บ้าน แม่ก็เลยอยากทำกับข้าวอร่อยๆไว้รอพี่เค้า จุนฮเวไปซื้อเนื้อให้แม่หน่อยนะลูก เดี๋ยวแม่เอาเงินให้" 

    พอได้ยินชื่อพี่จินฮี ผมก็เข้าใจเหตุผลที่แม่ตั้งใจทำอาหารมื้อใหญ่

    เธอทำท่าจะหยิบเงินให้ผมจริงๆ ทั้งที่ตัวแม่ก็ไม่ค่อยมีเงินใช้นั่นแหละ ทุกวันนี้ตั้งแต่พ่อเสียไป รายรับของแม่ก็มีแต่เบี้ยยังชีพที่ไม่ได้มากมายสักเท่าไหร่ 

    ผมฉีกยิ้มกว้างให้แม่และคว้ากุญแจรถ พลางก็บอกกับแม่เสียงใสว่าจะเป็นคนไปซื้อให้เอง 
     
    ผมได้เงินจากการทำงานก็มากพอสมควร แม้จะพยายามเอาเงินค่าจ้างพวกนั้นให้แม่บ้าง แต่แม่ก็บ่ายเบี่ยงตลอดครับ บอกว่าแค่อยู่บ้าน ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากขนาดนั้น ให้ผมเก็บไว้ใช้เองดีกว่า 


    ผมเลยใช้วิธีซื้อของใช้ในบ้านและอะไรเล็กๆน้อยๆตามแต่ที่แม่จะอยากได้ให้ท่านแทน

     
    นานๆครั้งที่พี่จินฮีจะกลับมาที่บ้าน ผมผิวปากอย่างอารมณ์ดีและเข็นเอามอเตอร์ไซค์สี่สูบคันใหญ่ของตัวเองในโรงรถออกมา เตรียมจะขี่ไปตลาด แต่เสียงพูดคุยจอแจที่ห่างไปแค่ไม่กี่สิบเมตรก็ทำให้ผมไม่สามารถละสายตาได้

    เพราะจินฮวานอยู่ตรงนั้น

    เขาอยู่ตรงหน้าผมและมองมา ทั้งพี่เฮรยอง พี่อูจี พี่มินโฮ และไอ้บยองก็อยู่ตรงนั้นด้วย.. ทั้งที่รู้ว่าผมอยากเจอจินฮวานมาตลอด แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้รู้

    ผมร้องตะโกนอยู่ในใจ ว่าทำไมผมถึงรู้ไม่ได้

    ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นที่จินฮวานมองเห็นผม แต่ไม่ได้เอ่ยปากทัก ผมเลยทำเป็นไม่เห็นและขี่มอไซค์ออกมาจากตรงนั้นแม่งเลย

    นั้นที่พูดคุยกับโดยอน ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอออกไป แต่ก็แอบเถียงอยู่ในใจว่าผมก็รอให้มันถึงเวลามาเกือบสามปีแล้ว แต่ไม่เห็นจะมีใครให้คำตอบผมได้สักคน

    ไม่มีใครที่จะมีแก่ใจจะอธิบาย ว่าเรื่องทั้งหมดคืออะไร อยู่ๆจินฮวานก็หายไป ติดต่อไม่ได้เลย

    โดยอนบอกว่าเมื่อถึงเวลาผมก็จะรู้เอง แต่น่าขำชะมัด ที่พอถึงเวลา ผมกลับปอดแหกและไม่กล้าพอจะเผชิญหน้ากับคำตอบจากจินฮวานตรงๆ

    ผมซื้อของให้แม่และเตร็ดเตร่อยู่แถวตลาดครู่ใหญ่ กะเวลาเอาว่าพวกเพื่อนๆของจินฮวานคงกลับไปกันหมดถึงเข้าบ้านบ้าง

    แม่ทำมื้อเย็นรอจนค่ำ
    แต่พี่จินฮีก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านครับ


    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   



    "พี่ ตกลงวันนี้ไม่กลับเหรอ"

    สุดท้ายแม่ก็รอจนหลับฟุบไปที่โต๊ะกินข้าว ซุปก็ชืดจนกินไม่ได้แล้ว แม่หลับลึกเพราะเหนื่อยกับการทำความสะอาดบ้าน จัดเตรียมห้องนอนไว้ให้พี่จินฮี แต่สุดท้ายพี่จินฮีก็ไม่มา ผมอุ้มแม่ไปนอนหลับที่เตียง และกินซุปชืดๆนั้นมากที่สุดเท่าที่จะกินได้ แสร้งว่ามันถูกรับประทานโดยลูกสาวและลูกชายที่นั่งกินข้าวร่วมกันตอนที่แม้หลับอยู่ 

    ผมเก็บกวาดล้างจานให้เรียบร้อยก่อนจะออกมานั่งที่ม้าหินอ่อนเก่าๆหน้าบ้านและโทรหาพี่

    "โทษทีนะ พี่ยุ่งๆเรื่องที่มหาลัย วันนี้คงไม่ได้กลับแล้วล่ะ"

    "แม่ทำกับข้าวรอพี่นะ"

    "กินกันไปก่อนเลย" น้ำเสียงของพี่ดูไม่ทุกข์ร้อนเหมือนทุกครั้งจนผมได้แต่ถอนใจ

    "พี่ก็รู้ว่าแม่อยากจะกินข้าวกับพี่"

    "ขอโทษทีจุนฮเว พี่ไปอ่านหนังสือต่อก่อนนะ บาย"

    "แต่พี่..."


    ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อสายก็ตัดไปเหมือนทุกครั้ง เหมือนทุกครั้งที่ผมพยายามหาเหตุผลว่าทำไมพี่จินฮีถึงเอาแต่ผิดสัญญาอยู่ได้ ผมถอนใจและตัดสินใจต่อสายไปหาใครอีกคนหนึ่งแทน 

    มีหลายเรื่องที่ผมอยากจะสะสาง และถ้าสะสางเร่ืองพี่จินฮีไม่ได้ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องต่อไปที่ผมอยากจะทำ


    "บยอง มึงมาหากูที่บ้านหน่อยได้ไหม"

    ..

    "นะ คิดซะว่ากูขอร้อง"


      
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   


     

    "ทำไมมึงไม่บอกวะ ว่าพี่เค้าจะกลับมาวันนี้"

    ทันทีที่มันมาถึงและนั่งลงที่ม้าหินอ่อนอีกตัวใกล้กัน ผมก็ยิงคำถามที่ตรงไปตรงมาโดยไม่มีการเกริ่นอะไรนำก่อน และบยองก็เข้าใจดีว่าผมกำลังพูดถึงอะไร

    "พี่มินโฮไม่ให้กูบอกมึง"

    ผมขมวดคิ้วพอได้ยินแบบนั้น มินโฮที่ว่า ก็คือเพื่อนพี่เขาที่เป็นประธานสีครับ จำได้ว่าตอนอยู่ม.สาม หลายครั้งที่จินฮวานไม่กลับบ้านพร้อมผม แล้วก็มีไอ้พี่มินโฮอะไรนี่เป็นคนไปส่งที่บ้านด้วย

    หรือมันจีบจินฮวานอยู่วะ นี่มันน่าสงสัยและน่าหงุดหงิดมากครับ

    "ทำไมกูถึงรู้ไม่ได้"

    "ทุกคนห่วงความรู้สึกพี่จินฮวาน ไม่อยากให้มึงทำเขาเสียใจอีก"

    ผมเงียบพอได้ฟังเหตุผลจากบยอง
    เราพูดตรงๆกันอย่างนี้เสมอครับ เราถึงเป็นเพื่อนรักกันมาได้ตลอด จนถึงวันหนึ่งที่มันไม่พูดกับผมเหมือนเคย มิตรภาพที่เคยเหนียวแน่นก็เริ่มคลายครา

    ทุกคนห่วงความรู้สึกจินฮวาน แต่ความรู้สึกผมล่ะ มีคนสนไหมครับว่าผมรู้สึกยังไง มีคนสนใจไหมว่าผมต้องเจอกับอะไรบ้างในวันที่จินฮวานไม่อยู่ 


    ผมหลับตาและขมวดคิ้วแน่น ทบทวนทุกอย่าง นึกหาคำพูดดีๆและเอ่ยมันออกมาอย่างจนหนทาง

    "นี่กูทำผิดอะไรมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ"

    "นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอ"

    ผมถอนหายใจอย่างอึดอัดพอบยองย้อนกลับมาแบบนั้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีเลยมั้งที่ผมกับมันกลับมาคุยกันอีก แต่ทำไมผมจะต้องโดนมันค่อนขอดอยู่ตลอดเวลา

    ทำไมทุกคนกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะให้ผมตรัสรู้ได้เองนักล่ะครับ ทั้งที่ไม่มีใครให้คำตอบผมตรงๆสักคน

    "ก็ถ้ากูรู้ กูจะมาถามมึงอยู่นี่ป่ะ ขอร้องอ่ะ มีอะไรก็บอกกูที กูโง่ กูตรัสรู้เองไม่ได้หรอกนะ"

    บยองมองหน้าผม เป็นครั้งแรกในรอบสามปีตั้งแต่เราทะเลาะกันแรงๆครั้งนั้นที่มันกับผมได้พูดคุยกันตรงๆแบบเปิดใจ มันเงียบไปอึดใจนึงและพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก

    "พรุ่งนี้พี่เค้าจะไปโรงเรียน แม่พี่เค้ากับผอ.ฝากให้กูดูแลพี่จินฮวาน" 

    ...
    "พรุ่งนี้เช้าพี่เค้าจะต้องเข้าไปหาผอ.ตอนเช้า แล้วพี่เค้าก็จะมาเรียนห้องเดียวกะพวกเรา.. เท่านี้แหละที่กูรู้ตอนนี้ เรื่องโรงเรียน"

    ผมรู้สึกได้ว่าใจมันเต้นผิดจังหวะไปตอนที่ได้ยินเรื่องราวของจินฮวาน แต่วูบต่อมา ความน้อยใจก็ตีรวนขึ้นมาในอก

    จากคนที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจินฮวาน
    ไม่รู้ว่าผมกลายเป็น'คนอื่น'ที่ต้องรับรู้เรื่องเขาเป็นคนสุดท้ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


    "แล้วพรุ่งนี้หมวยไปเรียนยังไง.."

    นานแล้วเหมือนกันครับที่ผมไม่ได้เรียกเขาด้วยสรรพนามนี้ แปลกดีที่คนรอบตัวของผมเรียกเขาว่าพี่กันหมด 

    ไอ้บยองส่ายหัวเหม่ง

    "รถเมล์มั้ง"

    ผมอ้ำอึ้งพอได้ยินคำตอบของบยอง เป็นกังวลขึ้นมาเพราะจินฮวานชอบบ่นบ่อยๆเรื่องอ้วนและขี้เกียจเดิน 


    สมัยที่ผมเรียนม.ต้น จินฮวานกับผมจะเดินไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าหมู่บ้านด้วยกัน ผมต้องเดินฟังจินฮวานบ่นเหนื่อยจนแทบจะกลิ้งไปขึ้นรถเมล์ทุกวี่ทุกวันเลยครับ


    "มึงไปรับเขาหน่อยได้มั้ยอ่ะ.." บยองทำท่าจะเถียงแต่ผมยกมือห้ามและดักคอไว้ก่อน "เดี๋ยว ฟังกูก่อน คือปกติเค้าไปกะกูตลอด มึงดูขาพี่เค้าสิ สั้นขนาดนั้น เดินไปขึ้นรถเมล์ก็เหนื่อยตายห่าอะ"

    "อ้อ" พอผมพูดจบมันก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ "พี่เขาก็คงไม่ยอมไปกะมึงเหมือนเดิม งั้นเดี๋ยวกูไปรับพี่เค้าละกัน จะได้พาเขาไปหาผอ.ด้วย"

    "เออ.. ขอบใจ"
     
    แม้จะถูกมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจจากบยองแต่ผมก็อ้อมแอ้มตอบมันไปแบบนั้น หวังในใจว่าเราคงได้คุยอะไรกันบ้างในวันพรุ่งนี้ ตอนที่เราเจอหน้ากันในห้องเรียน


    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   

    เช้านี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติมากครับ จะว่าเครียดก็ไม่ใช่ ดีใจก็ไม่เชิง 

    ตอนนี้ความคิดข้างในหัวของผมตีกันวุ่นวายไปหมดเลยครับ กลัวการเผชิญหน้ากับจินฮวานตรงๆ กลัวมากเลยครับว่าจะไม่สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว ก็จินฮวานเล่นหายเข้าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าตามตัวไม่ได้ตั้งสามปี ผมกังวลมากเลยครับว่าความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอดระหว่างผมกับเขาจะไม่เหมือนเดิม


    ปกติแล้วเวลาเรียนผมจะนั่งอยู่เกือบหลังสุดของห้องครับ ซึ่งนักเรียนมีไม่ครบคนมันก็จะมีเก้าอี้ว่างๆบ้าง แต่ข้างหลังมีแต่พวกเด็กเกเรทั้งนั้นเลยครับ 

    ผมคิดอยู่แป็บนึงก็เลยใช้วิธีไปขอแลกที่นั่งกับเพื่อนในชั้นเรียน เป็นการขอแลกแบบกึ่งบีบบังคับนิดๆครับ ด้วยความน่าเกรงขาม เพื่อนๆก็จำใจยอมยกที่นั่งแถวสามติดหน้าต่างให้ผม โดยที่นั่งข้างๆกันก็จะยังว่างอยู่ครับ ผมเตรียมที่ตรงนั้นไว้ให้จินฮวานและนั่งรอเวลาให้บยองโผล่เข้ามาในห้องพร้อมๆกับจินฮวานครับ

    น้าทึก น้าแถวบ้านสมัยเด็กๆที่ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน aka ผอ.เป็นคนพาจินฮวานมาส่งที่ห้องเรียนและเลือกที่นั่งให้เสร็จสรรพ ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นที่นั่งข้างผมนี่แหละครับ 

    ผมเตรียมการมาแล้วครับทุกคน


    ตอนที่จินฮวานแนะนำตัวหน้าห้อง ผมได้ยินเสียงผิวปากและฮือฮาจากพวกเด็กผู้ชายแก๊งหลังห้องครับ ส่วนมากพวกนั้นจะเป็นพวกที่พึ่งมาต่อม.ปลายที่โรงเรียนนี้ก็เลยยังไม่เคยเจอจินฮวาน พอเห็นจินฮวานตัวเล็กน่ารักเข้าหน่อยก็แซวใหญ่เลยครับ ผมอยากลุกไปต่อยหน้ามันเรียงตัวมากๆเลยแต่ว่าก็ต้องอดทนไว้ครับในสถานการณ์แบบนี้

    บางทีผมก็รำคาญความน่ารักของจินฮวานนะครับ ที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นคนนี้ชอบไปทั่ว

    "พี่หวัดดี พี่ชื่อไรนะ เค้าชื่อแชฮยองวอน เรียกน้องแชก็ได้"

    เพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่หน้าผมหันมาพูดกับจินฮวาน เป็นคนขี้โม้มากเลยครับ ผมไม่ค่อยเรียกเขาว่าแชหรือฮยองวอน แต่จะเรียกว่าแหลมซะมากกว่า เพราะหน้าเขาแหลมน่ะครับ

    "ชื่อจินฮวานอะ"

    "งั้นเรียกพี่จินนะ เนี่ย เดี๋ยวเทอมนี้ต้องเจอกันจนเหม็นขี้หน้าไปเลยแหละ ถ้าถามว่าทำไมเหม็นขี้หน้าอะหรอ ก็เพราะน้องแชพูดมากไง"

    ผมถอนหายใจเบาๆให้กับมุกนั้นของแหลมครับ บางทีเขาก็พูดมากจนทำให้ผมรู้สึกรำคาญ ส่วนจินฮวานนี่หัวเราะร่วนยิ่งกว่าดูเดี่ยวไมโครโฟนอีกครับ 

    หัวเราะไปหัวเราะมาก็หันมามองหน้าผมครับ เราไม่ได้จ้องตากันใกล้ๆอย่างนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดทักทาย จินฮวานก็โพล่งขึ้นมาก่อน

    "หวัดดี ชื่อไรอะ พี่ชื่อจินฮวานนะ"

    รอยยิ้มกึ่งจริงกึ่งเล่นและน้ำเสียงสดใสเหมือนคนทำความรู้จักกันครั้งแรกของจินฮวานทำให้ผมชะงักไปครับ

    รู้สึกเซ็งมากๆและไม่มีอารมณ์อยากจะล้อเล่นกับเขาที่อยู่ๆเขาก็ทำเป็นไม่รู้จักผม ผมก็เลยลุกออกมาจากห้องเรียนเลย กะว่าถ้าได้ดูดบุหรี่สักตัวคงรู้สึกดีขึ้น

    ผมหลบเข้าห้องน้ำชายที่สุดระเบียงทางเดินและหลบมุมที่ใกล้กับโถฉี่ในสุด เอนหลังพิงกำแพงและจุดบุหรี่สูบครับ 

    เป็นเวลาหลายปีแล้วเหมือนกันที่ผมเริ่มติดบุหรี่ ช่วงที่พ่อเสีย ผมต้องทำงานหลายๆอย่างเพื่อมาสะสางเรื่องบ้านและปัญหาเก่าๆที่พ่อก่อไว้ ตั้งแต่งานเล็กน้อยอย่างการขับรถส่งของ ร้องเพลงตามผับ หรือเถื่อนๆเช่นว่าคุมบ่อนหรือทวงหนี้ การทำงานหนักและมีรายได้เข้ามามากมันก็ดีครับ ผมเองก็ซื้อบิ๊กไบค์ลูกรักได้หลังจากนั้นไม่นานนัก แต่มันก็ทำให้ผมค่อนข้างเครียดมากเหมือนกัน


    ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสูบบุหรี่ก็ช่วยให้หายเครียดได้เยอะ ผมก็เลยติดบุหรี่มาตั้งแต่ตอนนั้นแหละครับ



    "ฮึก.."เสียงสะอื้นและบุคคลที่สองที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องน้ำชายทำให้ผมสะดุ้งครับเพราะนึกว่าอาจารย์ แต่ปรากฏว่าเป็นจินฮวานที่กำลังร้องไห้และใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาอยู่ น้ำตาท่วมหน้าเลยครับ ทำหน้าเหยเกดูไม่จืดเลย

    ผมอึ้งไปหลายวินาทีเลยครับตอนที่มองจินฮวานร้องไห้แบบนั้น รู้สึกว่าหัวใจมันแกว่ง เจ็บแปล๊บๆยังไงก็ไม่รู้

    แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมครับ สะบัดหน้าใส่แล้วก็หันไปล้างหน้าล้างตาที่หน้าอ่างล้างมือ ผมดับบุหรี่ไว้แถวโถฉี่และเดินเข้าไปบีบแขนเขาแล้วพูดกับเขาเสียงดังด้วยความโมโห

    "เป็นไรวะ!!" 

    เป็นคำถามที่แม้จะไม่ใช่กล้วยแต่ก็คลุมเครือมากครับ 

    ผมกระชากเสียงถามด้วยความฉุนเฉียวถึงหลายๆอย่างในตอนนี้ 

    เป็นอะไรถึงหายไป
    เป็นอะไรถึงร้องไห้
    เป็นอะไรถึงต้องทำเป็นทักทายกันใหม่เหมือนไม่เคยรู้จักกันด้วย

    เป็นอะไรวะ


    "เจ็บ!!อย่ามาจับ!!" ผมตกใจนิดหน่อยตอนที่จินฮวานตะคอกกลับมาแบบนั้น "ใครเป็นอะไร แกสิเป็นบ้าอะไร!! ทำไมเราคุยด้วยแล้วแกไม่คุย!!!"

    จินฮวานโวยวายเสียงดังเลยครับทั้งที่มือผมยังบีบแขนเขาอยู่นั่นแหละ ก็ใช่อยู่ครับที่เขาชวนคุยแล้วผมไม่คุยด้วย แต่ไอ้ที่แย่กว่านั้น ไม่ใช่การหายไปสามปีโดยไม่บอกอะไรผมเลยหรอกเหรอครับ

    "ทำไมไปไหนไม่บอกวะ ยังสำคัญอยู่ป้ะ ไหนบอกมีอะไรจะบอกกันทุกเรื่องไง!!" ผมโกรธมากครับ และยิ่งคิดถึงคำพูดที่บยองมันบอกว่าพี่มินโฮไม่ต้องการให้ผมรู้เรื่องจินฮวานแล้ว ผมยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

    นี่ผมไม่มีสิทธิ์รู้อะไรเลยใช่ไหมครับ

    "ก็เราไปกะทันหันปะวะ!! แกจะให้เราต้องมานั่งรายงานแกทุกอย่างเหรอ เราไม่ใช่เมียแกนะ!!!!"

    จินฮวานตะคอกผมสุดเสียงและทำให้ผมชะงักไป มันก็จริงของเขาอะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย แค่เป็นน้องข้างบ้านเอง ..แต่ว่าเราก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเลยนะครับ สำหรับจินฮวานไม่มีความหมายเลยรึไง!!


    "เออ ไม่ใช่!! ล้วทำไมไลน์ไปไม่ตอบ คือบอกทางไหนก็ได้ป้ะ มันมีช่องทางตั้งเยอะที่จะติดต่อ" ผมขมวดคิ้วและตะโกนเถียงจินฮวานหน้าดำหน้าแดง 

    "ก็แค่ไม่อยากบอกเท่านั้นเองอะ ขอโทษนะที่ไม่ใช่มินโฮ"

    ผมนึกถึงคำพูดที่ไอ้บยองมันบอกว่าทุกคนห่วงความรู้สึกของจินฮวานเลยไม่อยากจะให้ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับจินฮวานเลย พอนึกถึงหน้าตากวนตีนของไอ้พี่มินโฮนั่น ผมก็เลยตะคอกใส่อารมณ์กับจินฮวานไปแบบนั้นแต่จินฮวานเองก็ตะโกนกลับมาแรงพอกันครับ

    "บ้านมึงดิจุนฮเว ประเทศจีนมันเล่นเน็ตไม่ได้ ซิงเกิ้ลเกทเวย์อะรู้จักป้ะ!!!" สีหน้าของจินฮวานเหมือนกำลังด่าผมในใจว่าอีโง่เลยครับ

    ระหว่างที่เรากำลังปะทะคารมและอารมณ์กันอยู่นั้นเอง ก็มีคนโผล่เข้ามาในห้องน้ำและถามคำถามที่คลิเช่ที่สุดในชีวิต 

    "พวกเธอทำอะไรกันน่ะ!!"

    ไม่รู้จะถามทำซากอะไร ในเมื่อก็เห็นอยู่ตำตาแล้วน่ะครับว่าผมกับจินฮวานกำลังทะเลาะกัน
    สรุปผมกับจินฮวานก็เลยโดนพาตัวไปที่ห้องฝ่ายปกครองครับ 



    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   



    สุดท้ายแล้วพวกเราก็โดนทำโทษด้วยการทำรายงานเกี่ยวกับสัตว์น้ำจืดแล้วก็ถ่ายรูปมาส่งอย่างละเอียด แถมต้องเขียนด้วยลายมือ และต้องมีรูปคู่ระหว่างผมกับจินฮวานด้วยครับ 

      ใจนึงผมก็นึกสาปแช่งอาจารย์ที่สั่งงานยุ่งยากวุ่นวาย แต่อีกใจนึงก็รู้สึกว่าโชคดีครับที่เราโดนตักเตือนโทษฐานที่ทะเลาะกัน ผมกับจินฮวานก็เลยได้กลับมานั่งเรียนต่อ เพราะถ้าโดนเรื่องที่ผมสูบบุหรี่ในโรงเรียนล่ะก็ มีหวังผมโดนเรียกผู้ปกครองมาแน่ๆเลยครับ

    ผมไม่ได้กลัวแม่นะ แต่ไม่อยากให้แม่ต้องไม่สบายใจเฉยๆ


    "เอาล่ะ นายกูจุนฮเว ตอบ"

    อยู่ๆอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ก็เกิดจะนึกชื่อผมออกขึ้นมากะทันหันครับ เลยเรียกให้ผมลุกขึ้นตอบ แต่คิดว่าผมจะตอบได้เหรอครับ แม้แต่คำถามผมยังไม่ทันได้ฟังเลยครับว่าอาจารย์เขาถามว่าอะไร

    "ว่าไงนายจุนฮเว"

    "คำถาม...อาจารย์ถามว่าไงนะครับ"

    ผมพูดงึมงำอยู่ในลำคอ พอถามอาจารย์กลับไปแบบนั้นเพื่อนๆในห้องก็พากันหัวเราะหมดเลยครับ โดยเฉพาะยัยหมวยที่นั่งอยู่ข้างผมเนี่ย ขำดังที่สุดเลย จนผมชักจะยั๊วะแล้วนะครับ

    ปกติผมโดนคนอื่นดูถูกจนชินแล้วครับ มีแต่หมวยนี่แหละที่เข้าข้างผมตลอด แต่นี่เขากลับเป็นคนหัวเราะเยาะผมซะเอง ทำให้ผมเสียความมั่นใจมากเลยครับ และเสียความรู้สึกด้วย

    อาจารย์เรียกให้หมวยตอบคำถามแทนครับ และแน่นอนว่าเคยเรียนมาแล้วก็ต้องตอบได้ เพื่อนๆชื่นชมจินฮวานกันยกใหญ่ครับ ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเก่งจริงๆ แต่จินฮวานหันมายิ้มหยันๆใส่ผมเหมือนจะเยาะเย้ยครับ 

    ผมเลยยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ 

    ระหว่างผมกับจินฮวานเคยดีกว่านี้อะครับ แต่สิ่งที่ผมกำลังเจอตอนนี้มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่ก็ไม่รู้ จินฮวานกำลังทำนิสัยแบบที่ผมไม่ชอบเลยครับ

    "หมวย" 

    ผมทำเสียงแข็งแล้วลุกขึ้นยืนค้ำหัวเขาครับ รู้สึกว่าเขาแปลกไปมากจริงๆ และผมอยากเคลียร์ 

    ไม่ชอบอะครับเวลาที่เขาทำท่าทำทางพูดจาเหมือนเสแสร้งและประชดประชันผมอยู่ตลอดเวลา ถึงผมจะไม่ค่อยฉลาดแต่ผมก็ดูออกนะครับว่ามันเสแสร้งและไม่ใช่ของจริง


    "จะเอางี้ใช่ปะ" ผมขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนครับ 

    "อะไร!!"

    "นี่จะกวนตีนใช่ป่ะ" ผมเริ่มไม่ไหวแล้วอ่ะกะการที่มีอะไรก็ไม่พูดตรงๆ แซะอ้อมโลกอ้อมหน้าอ้อมหลัง ทำมาฝืนยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ได้

    "ใครกันแน่วะที่กวนตีน พูดไรหัดดูตัวเองบ้าง!!"

    นั่นไง ผมไปกวนตีนอะไรพี่เขาตอนไหนละครับ ตอนนี้ผมทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปหมด เพราะผมไม่ใช่คนโปรดของหมวยเหมือนเดิมแล้วแบบนั้นมากกว่า

    "เป็นบ้าอะไรนัก ที่เป็นอย่างงี้ ก็เพราะไอ้เหี้ยมินโฮใช่ไหม" พอพูดจบจินฮวานก็อึ้งไปเหมือนผมพูดแทงใจดำ 

    สายตาของจินฮวานที่กำลังมองผมอยู่ตอนนี้ทั้งผิดหวัง ทั้งดูถูกดูแคลน ทั้งขยะแขยง..

    เป็นแววตาแบบที่ผมไม่เคยเห็นจากจินฮวานมาก่อน และมันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยครับ.. มันเจ็บไปหมด


    "ไปให้พ้นเลย"

    "อะไรนะ"

    ผมขยับริมฝีปากถามเขาอย่างไม่เชื่อหูเพราะไม่คิดว่าคำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากของจินฮวาน  

    "บอกว่าให้ไปให้พ้น กูเป็นเพื่อนเล่นเหรอ คิดว่าเป็นแค่เด็กข้างบ้านจะทำตัวยังไงก็ได้ต้องให้คอยตามใจตลอดเหรอ.. ที่ผ่านมากูทำอะไรดีๆให้ตลอด ใจดีด้วยตลอด พูดเพราะๆด้วยตลอด ถ้านั่นมันทำให้มึงเข้าใจผิดว่ากูใจดีจนจะทำตัวยังไงกับกูก็ได้อะ มึงคิดผิดแล้วนะจุนฮเว"

    ผมหน้าชา รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่น้ำตาก็ไม่ไหลออกมาตอนที่จินฮวานพ่นคำผรุสวาทใส่ผมแบบนั้น ผมไม่ได้เจ็บปวดกับคำด่าทอดูถูก แต่ผมเจ็บปวดเพราะคนที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาคือจินฮวาน

    "ถ้าอยากจะฉลาด อยากจะตอบคำถามที่อาจารย์ถามได้ ก็หัดเรียนหนังสือซะบ้าง อย่าโง่แล้วขี้อิจฉา!!"

    ไม่พูดเปล่าครับ..จินฮวานปาสมุดเลคเชอร์แบบส่งๆ จนสันของสมุดกระแทกเข้าที่จมูกผมเต็มๆ ผมเจ็บแปลบๆครับ ลองเอานิ้วแตะดูก็มีเลือดออก

    แต่ที่เจ็บกว่า คือน้ำเสียงของจินฮวานตอนที่กำลังตะคอกใส่ผมต่างหาก


    "ไม่ต้องมายุ่งกันอีกแล้ว พอสักที!!"


     
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   



    ผมโดดเรียนคาบบ่ายมามุดหัวอยู่ในห้องชมรมดนตรี ปกติแล้วผม วอนอู มินกยู และซึงชอลมีวงดนตรีเล็กๆที่เล่นกัน 4 คน ชื่อวง PSYCHOSIS (อ่านว่า ไซโคซิส)ครับ เราไปประกวดตามงานชิงรางวัลต่างๆ และได้เงินบ้าง ได้ถ้วยรางวัลบ้าง นับว่าสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนพอสมควร และในฐานะที่ไอ้ซึงชอลเป็นประธานชมรมดนตรี พวกเราก็เลยจะมายึดห้องชมรมใช้กบดานเวลาโดดเรียนกันบ่อยๆครับ

    ผมนั่งหลบมุมอยู่ในสุดของห้อง รู้สึกเหมือนจะบ้าตายเลยครับ ผมไม่เคยรู้สึกสับสนขนาดนี้มาก่อน นั่งๆอยู่น้ำตามันก็เหมือนจะไหลออกมาตลอดเลยครับ 


    ที่จริงผมชินแล้วล่ะกับการโดนคนอื่นด่า โดนดูถูก แต่ผมไม่เคยสนใจใยดีคำด่าทอพวกนั้นเลยสักนิด เพราะคนพวกนั้นเป็นแค่ใครก็ไม่รู้ แค่ใครก็ไม่รู้ที่ไม่ได้สำคัญอะไรกับผมเลย  แต่จินฮวานไม่ใช่


    จินฮวานคือคนเดียวในโลกที่ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกไร้ค่า แต่วันนี้ สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจินฮวานจะทำ เขาก็ทำมันทั้งหมดเลยครับ


    เคยมีคนบอกว่าเวลาที่เรารักใครสักคน เราจะรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลง 

    ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองตัวลีบเล็กลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยในชีวิตครับ เรียกได้ว่าเล็กยิ่งกว่ายางลบซะอีก น่าจะเหลือตัวเท่าประมาณขี้ยางลบเท่านั้นเองครับ


    ผมนึกถึงหลายๆครั้งที่จินฮวานระเบิดอารมณ์ใส่ผม นึกถึงตอนที่จินฮวานพูดว่าทำไมจะต้องมานั่งรายงานผมทุกอย่าง ในเมื่อไม่ใช่เมียผม หรือไม่ก็ที่บอกว่า เป็นแค่น้องข้างบ้าน อย่าคิดว่าจะต้องใจดีด้วยตลอด

    พอนึกมาถึงตรงนี้ผมก็หดหู่เลยครับ

    มันก็ใช่อยู่หรอกครับว่าผมเป็นแค่น้องข้างบ้าน แต่เมื่อก่อน ตอนที่ผมก็เป็นน้อง ทำไมเขาถึงใจดีกับผมตลอดละครับถ้าไม่ใช่เพราะเขามีคนโปรดคนใหม่แล้ว

    ทั้งที่ผมเคยเป็นที่หนึ่งในทุกๆเรื่องของเขาอะครับ 

    การที่ต้องมารู้ว่าตัวเองถูกลดความสำคัญ มันเจ็บปวดมากๆเลยนะครับ 


    "อยู่นี่นี่เอง"


    เสียงแสบหูที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางหน้าประตูครับ ผมก็เลยโงหัวขึ้นไปมองนิดนึง และก็เป็นโดยอนอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อหน้าโดยอนผมไม่ต้องทำเข้มแข็งก็ได้ครับ ผมเลยนั่งกอดเข่าหงอยๆอยู่ที่เดิมจนเธอเดินมาวางมือแปะบนหัวผม

    "หงอยเป็นหมาเลยนะ"

    "อือ เลารู้สึกไม่ดีอะเทอ"

    "ก็ไปตะคอกพี่เขาหยาบๆคายๆแบบนั้นก็สมควรล่ะนะที่จะโดนโกรธอะ" โดยอนถอนหายใจและขยี้ผมของผมเบาๆ เธอก็อยู่ในห้องเรียนด้วยครับตอนที่ผมกับจินฮวานทะเลาะกัน

    เธอเป็นเหมือนเซฟโซนของผมเลยครับ เป็นเพื่อนผู้หญิงที่สามารถรับฟังเรื่องหนักๆของผมได้ และมองปัญหาทุกอย่างอย่างละเอียดอ่อน เธอถึงมีค่ามากจนผมไม่อยากจะคบเธอแบบคนรัก

    แวบนึงผมก็รู้สึกว่าเธอเหมือนจินฮวานมากเลยครับ และเพราะคิดถึงจินฮวานมากๆ ผมก็เลยอ้าแขนทำท่าจะกอดเธอ แต่โดยอนจิ้มหน้าผากผมไว้

    "น้อยๆหน่อยย่ะ"

    นั่นหละครับ 

    "ขอโทษ เลาแค่คิดถึงจินฮวาน บางทีเทอก็เหมือนจินฮวานมากเลย"

    โดยอนถอนหายใจพรืดพอผมพูดแบบนั้นก่อนที่ริมฝีปากบางเฉียบเคลือบด้วยลิปสติกสีสดจะเหยียดตรงและเบ้นิดๆราวกับจะด่าผมว่าน่าสมเพช


    "นี่"

    "หืม"

    "ถามจริง--ถ้าวันนึงมีโอกาส นายจะคบกะชั้นป้ะ"

    อยู่ๆโดยอนก็ถามผมขึ้นมาอย่างนั้นครับ สรรพนามที่สุภาพเกินเหตุทำให้ผมขมวดคิ้วและส่ายหน้าอย่างไว

    "ก็เทอเป็นเพื่อนปะ"

    โดยอนยิ้มนิดๆและเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามต่อ

    "แล้วถ้าวันนึงมีโอกาส ชั้นให้นายคบกับพี่จินฮวาน จะคบป้ะ"

    "อืม" ผมนึกถึงอะไรหลายๆอย่างและตอบออกมาเบาๆเหมือนชื่อเพลงของพี่ซิน-ซิงกุล่าร์ครับ "ก็..คงคบดิ ทำไมจะไม่ล่ะ"

    เท่านั้นแหละครับโดยอนก็หัวเราะแล้วลุกขึ้นยืน เดินหันหลังกลับทำท่าจะเดินออกจากห้องดนตรีไป แต่ผมนึกอะไรขึ้นได้และลุกขึ้นยืน แหกปากตะโกนตามหลังเธอไปครับ 

    "เทอ เราว่าเรารักจินฮวาน"

    โดยอนหันมามองหน้าผมแล้วเลิกคิ้ว ริมฝีปากสีสดของเธอเหยียดเป็นเส้นตรงจนเหมือนกับจะยกยิ้ม

    "เราว่าเรารักจินฮวานแบบคนรัก"

    "เรื่องนั้นน่ะ ฉันรู้ตั้งชาตินึงแล้วย่ะ มีแต่แกนั่นแหละ ที่ไม่รู้"

    โดยอนยักคิ้วและทำหน้าเหมือนหลอกด่าผมว่าไอ้โง่อีกแล้วครับ แต่รอบนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่จริง และเป็นคนโง่ที่อยู่ๆก็พบทางสว่างเพราะทุกอย่างที่ผมขบคิดมาตลอดก็ดูจะได้รับคำตอบไปเสียทุกคำถาม




    สรุปแล้วที่ผ่านมาตลอดระยะเวลายาวนานนั่น ก็เพราะจินฮวานเองก็เป็นเซฟโซนของผมเหมือนกันครับ


              ถึงผมจะโง่ภาษาอังกฤษ แต่ก็ขอจบอีพีนี้ด้วยคำว่า Only Love Can Hurt Like This ครับ 
              ตอนนี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว ว่าที่ผมเจ็บอยู่ตอนนี้ 


              ก็เป็นเพราะผมรักจินฮวานนี่เอง

            

             
               

        
     

     

    เฮ้อ ขอถอนหายใจให้ความโง่ของลูกชาย 
    หลังจากหายไปเมื่ออาทิตย์ก่อนๆหน้านี้ ตอนนี้ก็กลับมาอัพเดตตามเดิมแล้วค่ะ
    ตัดสินใจแล้วว่า คงอัพตามตารางเวลาเดิมที่เคยแปะไว้ไม่ได้แล้ว เพราะ
    1. อัพตามตารางไม่ได้แล้วเพราะอ่านแล้วไม่เม้นกันเลย เหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงเดี๋ยววันศุกร์ก็มาอัพ เลยไม่เม้น บอกเลยว่าผ้มน้อยใจมากๆครับ 55555555 ฮือ การคอมเม้นว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไงมันก็ทำให้เรารู้ฟีดแบคว่าเขียนดีหรือยัง ภาษาdropไหม เศร้าไปหรือเปล่า ต่างๆนานา เพื่อจะได้นำไปพัฒนาตัวเองและเขียนออกมาให้ดีขึ้นไง /meร้องไห้ซบตักโดยอนขอความเห้นใจ ไม่อยากงอแงเรื่องนี้เลย แต่ก็เสียใจเป็นเด้อ 
    2. อัพตามตารางไม่ได้แล้วเพราะที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยค่ะ คือไฟไหม้บ้านอ่ะค่ะ.. ใครได้อ่านทวิตแอคหลักของเราน่าจะเห็นบ้างแล้ว ก็ไม่ถึงกับวอดวายทั้งหลัง แต่ก็ไม่สามารถใช้บ้านหลังที่ไหม้พักอาศัยได้สักระยะนึง ต้องค่อยๆขยับขยายซ่อมบำรุงบ้านไป ช่วงนี้ก็เลยวุ่นวายมากๆค่ะ ถ้าสัปดาห์ไหนหายไปไม่มาอัพฟิค ก็อยากให้เอาใจช่วยเราเยอะๆนะ เพราะเราอาจจะกำลังเหนื่อยหรือ suffering มากๆกับปัญหาอะไรสักอย่างที่ชีวิตกำลังเจออยู่ก็ได้

    เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาและโอกาส ก็จะพยายามรีบอัพให้ได้อ่านกันนะ เพราะว่าเรื่องกำลังเข้มข้นเลย เฮ้อ 


    จากฟายเด คนพังๆคนนึง
    23/2/2560 15.37น.

    ปล. ตอนแรกจะอัพวันศุกร์ แต่ไม่มีเน็ตจ้า นี่ก็มานั่ง co-working space ระหว่างที่รอช่างซ่อมบ้าน 555 ก็เลยอัพให้วันพฤหัสมันเลยก็แล้วกัน ใจดีปะละ
    ปล2. อีพีหน้า (18) ก็ยังเป็นเน่เล่าเรื่องอยู่ แล้วเดี๋ยวEp19 ก็จะกลับมาเป็นจินฮวานเล่าเรื่องเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความสดใส การเถียงกับเสียงเล็กๆในหัวของตัวเอง ชานอู (นัง)เจนนี่ ชีโดยอน และกระทู้พันทิปที่ทุกคนรอคอยก็จะกลับมา.......
     





    พื้นที่โฆษณา: ใครสั่ง #ทางสายเปย์ ไป อย่าลืมไปอัพเดตที่อยู่กันในนี้ด้วยเด้อ ใครมีความประสงค์เปลี่ยนที่อยู่ขอให้ DM มาแจ้งความประสงค์ครับจ้า  https://docs.google.com/spreadsheets/d/17bRddXoInZwDaRlSM_TIAgEAYP3W4ATfgdE7S5-rUM0/edit?usp=sharing
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×