ลำดับตอนที่ #19
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ( 18 x 25 ) - สิบหก : ระแวง
______________________________
หลังจากที่แบคฮยอนและจงอินกลับไปได้สักพัก ทั้งเซฮุนและชานยอลก็เลิกเล่นบทครู-อาจารย์และกลับเข้าบ้านมาเตรียมมื้อเย็นกินกันสองคน อันที่จริงเซฮุนแค่เดินข้ามสวนแล้วกลับไปกินข้าวที่บ้านตัวเองมันก็จบแล้วล่ะ แต่ก็ทำไงได้ ตอนนี้เซฮุนอยากจะใช้เวลาอยู่กับชานยอลนานๆนี่นา
"เพื่อนๆน่ารักดีนี่"
"คนไหนล่ะครับ" เซฮุนที่กำลังเติมเกลือลงในหม้อต้มสปาเก็ตตี้ชะงักมือและหันไปมองชานยอลก่อนจะคลี่ยิ้มหวานแล้วถามต่อ "แบคฮยอน หรือ จงอิน"
แววตาขุ่นๆและคิ้วที่ขมวดนั่นเกือบทำให้เซฮุนหลุดหัวเราะออกมา ดูก็รู้แล้วว่าชานยอลหึงที่เขาเดินเข้าไปกอดจงอินแบบนั้น เพียงแต่ไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็นตรงๆก็เท่านั้นเอง
เซฮุนฮัมเพลงในลำคออย่างใจเย็นและล้างมืออย่างอารมณ์ดีตอนที่เปลี่ยนมาจัดการคั้นส้มที่ผ่าครึ่งไว้ด้วยเครื่องคั้นน้ำผลไม้ขนาดเหมาะมือ รอจนกระทั่งชานยอลเป็นคนพูดความไม่พอใจของตัวออกมาเอง
"แฟนเรานั่นแหละ"
เซฮุนหันไปมองชานยอลและเลิกคิ้วก่อนจะค่อยๆยิ้มกว้าง เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเสียหน่อยว่าจงอินไม่น่ารัก เซฮุนพยักหน้าให้คำชมของชานยอลและใช้ปลายนิ้วก้อยแตะน้ำส้มคั้นสดขึ้นชิม ก่อนจะเติมเกลือลงไปหยิบมือเล็กๆ และถามเสียงสูง
"ไม่หึงเหรอครับ"
"ควรถามฝ่ายนั้นมากกว่ามั้ง" เซฮุนอดไม่ได้ที่จะหันมามองว่าชานยอลทำสีหน้ายังไง ก็น้ำเสียงที่ติดจะเง้างอนประชดประชันแบบนั้นน่ะ ได้ยินจากชานยอลบ่อยๆเมื่อไหร่กัน เซฮุนรินน้ำส้มคั้นใส่แก้วและเดินอ้อมเคาเตอร์ครัวมาหาชานยอลอย่างใจเย็นและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคนอายุมากกว่า
"ไม่เอาน่า พี่ทำเสียงแบบนั้นอย่างกับกำลังหาเรื่องผม"
หาเรื่องจริงๆนะ แถมยังกรอกตา มองหน้าด้วยสายตาเหมือนจะฆ่าเขาให้ตายคามือแบบนั้นอีก เซฮุนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ และส่งน้ำส้มในมือแบ่งให้ชานยอลดื่มด้วยกันอย่างเอาใจ
"กินสิ ผมเติมเกลือไปนิดนึง รสแบบที่พี่ชอบ"
เอาเป็นว่าอย่างน้อยสีหน้าชานยอลก็ดีขึ้นนิดหนึ่งหลังจากกินน้ำส้มไปได้ครึ่งแก้ว
มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่ระหว่างเขาและชานยอลยังมีแต่ความปั้งปึงเฉยชาต่อกัน มันเฉยเสียจนเซฮุนเริ่มจะคิดตัดอกตัดใจและยอมรับชีวิตแบบมีความสุขตามอัตภาพได้แล้วเชียว
คิมจงอินอาจจะไม่ใช่คนที่เขาชอบมานานอย่างชานยอล แต่มันก็ดูแลเขาอย่างดีตลอด พยายามจะเอาใจเสียจนเซฮุนอดเอ็นดูไม่ได้
คิมจงอินเป็นแฟนที่ดี.. เป็นแฟนที่เซฮุนรัก ในขณะที่ชานยอลทำปั้นปึงเหมือนไม่เคยจะสนใจเขาเลย แต่สุดท้ายพอชานยอลแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแบบนั้นออกมา
ทั้งน้ำเสียง คำพูด และสายตา ---แค่นั้นแหละ โอเซฮุนก็กลับมาตายรัง
อันที่จริงมันก็เป็นอย่างนี้มาตลอด เซฮุนพยายามจะตัดใจมาเป็นร้อยรอบแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พูด
คนอายุน้อยกว่าเอนหลังพิงโซฟาและหลับตา เอนหัวซบบ่าชานยอลเพราะรู้สึกเครียดนิดๆกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นมา และดูท่าทางจะเป็นปัญหาใหญ่ด้วย
โอเซฮุนรู้ตัวว่าร้ายกาจและนิสัยไม่ดี แต่เขาก็เป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง เด็กที่ยังอ่อนแอเกินกว่าจะรับอะไรหนักๆคนเดียวได้ไหว และในบางเรื่องที่จงอินกับแบคฮยอนไม่สามารถรองรับได้ คนที่เซฮุนไว้ใจพอให้ช่วยแบ่งเบาเรื่องหนักๆอย่างนี้ก็มีแค่ ปาร์คชานยอลคนเดียวที่เป็นเหมือนทั้งครอบครัวและเพื่อน
ขอแค่มีชานยอล เขาคิดว่าต่อให้เจออะไรจากนี้ มันก็คงไม่ได้แย่สักเท่าไหร่
"เอาล่ะ พี่มีคำถาม" พอจู่ๆคนข้างตัวทำเสียงเครียดแบบนั้นขึ้นมาอีก เซฮุนที่ลืมตาขึ้นมองก็กลั้นยิ้มเสียจนปวดแก้มเมื่อเห็นท่าทีเคร่งขรึมของคนอายุมากกว่า ก็ชานยอลทำตัวน่าแกล้งน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ
"แล้วผมต้องตอบใช่ไหม" ตากลมๆและแผงคิ้วเข้มขมวดนิดๆ ดูเหมือนสนใจใคร่รู้ในสิ่งที่ชานยอลจะถามแบบสุดๆ แต่ชานยอลมองว่าการกระทำแบบนั้นน่ะ กวนตีน
"ก็ควรตอบ"
"เราเล่นเกมผลัดกันถามอยู่เหรอ"
"พี่เริ่มถามก่อน" ใช่แล้ว เซฮุนตั้งใจกวนตีน แต่ชานยอลยักไหล่และตัดบทแบบนั้น คงเพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดอีกแล้ว เซฮุนถึงตั้งใจฟังเงียบๆ เพราะเกรงว่าจะทำให้ชานยอลโมโหแล้วถีบเขากระเด็นเสียก่อน
ความประหม่าของชานยอลสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนทางแววตา ตอนที่ริมฝีปากแห้งแตกนั้นเผยอนิดๆและแว่วเสียงทุ้มที่เอ่ยถาม
"เคยรักคิมจงอินบ้างรึเปล่า"
"รักสิ ทำไมถามขึ้นมา" เซฮุนขมวดคิ้ว โอเค ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนุกแล้ว ทำไมจู่ๆถึงได้ถามแบบนั้นขึ้นมาล่ะ
"ก็ลองถามดูเฉยๆ" ชานยอลตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตา "คำถามต่อไป.."
"ต้องตาผมสิ"
"เราถามพี่ไปแล้ว"
"เมื่อกี้มัน...!!" เซฮุนแหวเสียงสูง เขาโดนชานยอลกวนตีนกลับซะแล้ว มวยถูกคู่จริงๆ "เอ้า ก็ได้ ถามมา"
"แล้วเคยรักพี่บ้างหรือเปล่า"
"ทำไมถามแบบนี้ละครับ" เซฮุนทำปากยื่นแล้วเบ้หน้างอแง
"ยังไม่ได้ตอบ จะถามซ้ำแล้วเหรอ" ชานยอลกระเซ้า แม้ว่าสีหน้าเคร่งขรึมประหม่าจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแหย่ๆ แต่เซฮุนก็ยังรู้สึกได้อยู่ดีถึงความหม่นหมองในตากลมๆคู่นั้นของชานยอลอยู่ดี คนอายุน้อยกว่าถูจมูกจนแดงแล้วโวยวาย
"พี่ชานยอล!! ผมไม่เล่นแล้ว"
"งั้นถามจริงจัง ตอบมา"
"อืมม รักสิ" มือเล็กๆลูบแก้มของชานยอลแล้วทอดสายตามองคนตรงหน้านิ่งนาน "ทำไมอยู่ๆถามแบบนั้น"
ชานยอลส่ายหัว ตอนที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเซฮุนจูบเบาๆที่ข้างแก้ม นิ้วเรียวเชยคางให้เขาหันไปมองหน้า และมีแต่ความเงียบเท่านั้นที่ดังกว่าสรรพเสียงใดๆ จนสุดท้ายริมฝีปากสีจัดของเซฮุนก็เริ่มมอบจูบให้ชานยอลอีกครั้ง รสหวานอมเปรี้ยวของน้ำส้มและกลิ่นบุหรี่มิ้นท์ของชานยอลเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อรสหวานล้ำของโอเซฮุนมาอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนเหตุหรือผลของคำตอบก็ไม่จำเป็นสำหรับชานยอลอีกแล้ว--แม้แต่น้ำส้มคั้นที่ว่าอร่อยก็ถูกวางทิ้งไว้จนเย็นชืดถึงเช้า
เข็มบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเกือบจะเช้า จงอินหลับไปพักใหญ่ๆแล้ว แต่แบคฮยอนยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่มีปากกาสารพัดสีกองกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ
ก็จากที่เคยอ่านผลวิจัยมา เขาบอกว่าการใช้ปากกาหลายๆสีจะช่วยให้สามารถจำได้ดีขึ้นและเยอะขึ้น แต่ตอนนี้นอกจากแบคฮยอนจะอ่านไม่จำ และ อ่านไม่ทันแล้ว เขายังรู้สึกไม่มีสมาธิแบบโคตรๆเลย
มันก็จริงอยู่หรอกที่แบคฮยอนพยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้สนใจคยองซูแล้ว แต่ปัญหาก็คือ..เขาอยากจะทำให้ได้แบบที่ว่า หรืออย่างน้อย ทำได้ซักครึ่งหนึ่งก็ยังดี
นักศึกษาแพทย์ควงปากกาสีในมือและถอนหายใจตอนที่นึกถึงเสียงกระท่อนกระแท่นเหมือนกำลังพยายามห้ามปรามอะไรสักอย่างของคยองซู นึกถึงสีหน้ากระอักกระอ่วนเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นึกถึงแววตาสั่นๆที่สบกันวูบหนึ่ง
ถึงอีกฝ่ายไม่อยากจะให้เขายุ่งเกี่ยวด้วยแล้วก็เถอะ แต่เขาก็ยังห่วงคยองซูอยู่ดี
"มึง กูออกไปซื้อกาแฟกินแป็บนะ"
แบคฮยอนลุกขึ้นหยิบเสื้อโค้ทมาสวมแล้วคว้ากุญแจรถใส่กระเป๋ากางเกง หันไปพูดกับจงอินที่นอนกรนอยู่ก่อนจะเดินออกมา
สำหรับคนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะอ่านหนังสือสอบ กาแฟเป็นตัวเลือกที่น่าสน แต่จุดหมายของแบคฮยอนไม่ใช่ร้านกาแฟอะไรทั้งนั้นแหละ.
"ขอโทษครับ หนังสือพิมพ์ฮันรยูฉบับเช้านี้เล่มนึงครับ"
อาจจะเพราะยังเป็นช่วงเช้า ลูกค้าในร้านถึงได้น้อย แบคฮยอนบอกความต้องการของตัวเองตอนที่เข้าไปในร้านและพบว่าคยองซูไม่ได้อยู่ที่เคาต์เตอร์ชำระเงิน ชายหนุ่มผอมกะหร่องวัยไม่น่าจะเกิน40บ่นอะไรงึมงำนิดหน่อย และหยิบหนังสือพิมพ์มาวางที่เคาต์เตอร์ทิ้งไว้ให้แบคฮยอน
นักศึกษาแพทย์เดินทอดน่อง แสร้งทำเป็นสำรวจภายในร้าน ที่ตู้หนังสือแถวแรก.. แถวที่สอง.. แถวที่สาม.. จนกระทั่งถึงตู้สุดท้าย เมื่อแบคฮยอนเดินกลับมาที่หน้าร้าน คนที่เขาตามหาก็ยืนประจำอยู่หลังเครื่องคิดเงินแล้ว
ร้านหนังสือแห่งนี้เปิดแต่เช้าและปิดร้านตอนเกือบจะสองทุ่ม แบคฮยอนถึงเดาเอาว่าคยองซูอาจจะมาทำงานในช่วงเปิดร้านก่อนจะไปฝึกสอน และก็โชคดีที่ข้อสันนิษฐานของแบคฮยอนถูกต้อง แถมยังมาพบคำตอบที่เขาสงสัยมาตลอดทั้งคืนอีก ว่าคยองซูกำลังพยายามปฏิเสธอะไร
"ค..คุณกวังซูค..ครับ...ผม....จะไปฝึก......สอน....แล้วนะครับ"
คนชื่อกวังซูส่งเสียงตอบรับตอนที่บีบก้นของคยองซู ก้นนุ่มๆเต็มไม้เต็มมือ... กวังซูกระซิบอะไรบางอย่างก่อนจะกดหยิบสตางค์ในเครื่องคิดเงินส่งให้ชายหนุ่มไปสองใบ แบคฮยอนขมวดคิ้วและกระแอมเสียงดังเหมือนต้องการจะให้คอโล่งก่อนจะเริ่มเปิดปากพูด
"ขอโทษนะครับ ผมหาหนังสือกฏหมายอยู่ รบกวนช่วยมาดูให้ที"
และก็เป็นชายหนุ่มผอมแห้งคนนั้นที่ผละจากคยองซูเดินนำไปที่ตู้หนังสือหนึ่งในร้าน โดยที่คยองซูยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางประหม่า ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ทั้งที่จำได้แม่นว่าเป็นเสียงของแบคฮยอน คนอายุน้อยกว่าปรายตามองใบหน้าซีดเผือดและเหงื่อที่ซึมจากไรผมของคยองซูแล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะเดินตามกวังซูไปที่ชั้นหนังสือ
"ต้องการหนังสือกฏหมายแบบไหน" เสียงแหบต่ำติดจะกระชากหงุดหงิดทำให้แบคฮยอนคลี่ยิ้มและตอบอย่างใจเย็น
"กฏหมายแรงงานครับ" ดวงตาเล็กๆของกวังซูจ้องมองแบคฮยอนด้วยท่าทางโกรธขึงไม่สบอารมณ์ แบคฮยอนจึงพูดต่อจนจบ รู้สึกเหมือนแววตาขลาดกลัวลนลานของคนตรงหน้าสะท้อนสู่สายตา "ผมอยากจะรู้ว่า ถ้าล่วงละเมิดทางเพศ หรือทำอนาจารลูกจ้างในปกครอง.. จะต้องไปกินข้าวแดงในซังเตสักกี่ปี"
วินาทีนั้นที่แบคฮยอนกะพริบตา เขารู้สึกเหมือนว่ากำปั้นที่เหวี่ยงมาโดยไม่รู้ทิศทางกระทบเข้าที่ปลายคางทำให้กรามลั่นดังกร็อบ
[ 13 - 20 ]
"โอ๊ยๆๆๆๆ จงอิน เบามึงเบาาา" แบคฮยอนจิกขาตัวเองตอนที่จงอินทำหน้าไร้อารมณ์และยังคงใช้สำลีซับที่หางคิ้วด้วยน้ำหนักมือที่ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด
"ซ่ามากไงมึง ไปต่อยกับคนอื่น พาเพื่อนซวยไปด้วย" จงอินมองเซฮุนที่นั่งทำหน้าหงิกอยู่ข้างๆกัน แม้สืบสาวราวเรื่องแล้วมันจะไม่ใช่ความผิดของแบคฮยอนก็เถอะ แต่จงอินก็แอบเคืองอยู่ดีที่เซฮุนต้องมาพาลโดนกระทืบไปด้วย "สำหรับคนห้าวเป้งแบบมึง นี่ก็ถือว่าเบาที่สุดแล้วที่จะได้รับจากกู"
จงอินขู่ฟ่อตอนที่โยนสำลีใช้แล้วทิ้งถังขยะ และส่งเสียงไล่แบคฮยอนเบาๆให้เซฮุนมานั่งแทนที่เพื่อทำแผล
จงอินสนิทกับแบคฮยอนอยู่แล้วก็พอจะรู้หรอกว่าไอ้หมอนี่มันกวนส้นตีน แถมยังฉลาดแกมโกง เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น เรื่องจะไปทำตัวเปรี้ยวตีนให้โดนกระทืบน่ะไม่ค่อยน่าแปลกใจสักเท่าไหร่ แต่เซฮุนที่เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยวอแวสุงสิงกับใครนี่สิ จู่ๆก็หน้าเยินมาพร้อมไอ้แบคฮยอน แถมนั่งจ๋องห่อไหล่ไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้ มันอดสงสัยไม่ได้
"แล้วนี่ไปต่อยกับเขามาด้วยเหรอ ไหนบอกว่าไม่สนิทกับมัน"
"อืม..." เซฮุนฮึมฮัมในลำคอแล้วตอบเสียงอ่อยเหมือนเด็กถูกดุ "ก็ไอ้เตี้ยหมาตื่นมันโดนรุมตื้บนี่หว่า"
"คนดีนักนะมึงอะ" น้ำเสียงออกจะประชดประชันหน่อยๆ ของจงอินทำให้เซฮุนบึนปากหน้าคว่ำ ยอมเงียบ ไม่โต้เถียง เพราะรู้สึกว่าจงอินเมตตาเขามากที่ทำแผลให้อย่างเบามือ(อย่างน้อยก็เบากว่าตอนที่ทำให้แบคฮยอน)
หลังจากที่เซฮุนไปเจอเพื่อนร่วมชั้นเรียนกำลังโดนเด็กพาณิชย์รุมไถตัง และยอมโดนกระทืบเป็นเพื่อนแบคฮยอนแล้ว สุดท้ายทั้งสองก็หอบสารร่างกลับมาที่บ้านของแบคฮยอน และจากที่ประเมินเอาด้วยรูปแบบขนาดบ้านและเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งแบบเรียบหรู เซฮุนคิดว่าครอบครัวของแบคฮยอนแม่งดูมีอันจะกินอย่างแรง
ส่วนจงอินก็คงจะอยู่ไม่ห่างกันมาก เพราะแค่แบคฮยอนโทรกริ๊กเดียว ไม่ถึงสิบห้านาที จงอินก็โผล่มาที่บ้านแล้ว
"มึง จงอิน วันนี้เชลซีมึงเตะกับแมนยูนะเว้ย นอนบ้านกูปะ" แบคฮยอนที่ตอนนี้แปะผ้ากอซที่ข้างแก้มหันมาถาม ท่าทางไม่สลดซักนิด
"เอาเหอะ เดี๋ยวกูตามสกอร์เอา อีกแป็บจะกลับล่ะ" จงอินตอบทั้งที่ไม่หันหน้าไปมองแบคฮยอนเพราะมัวแต่ง่วนกับการแกะพลาสเตอร์ปิดแผลในมือ เซฮุนจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย อยากจะรู้จักเพื่อนตรงหน้าให้มากกว่านี้ อยากจะรู้ว่าในแววตาหม่นๆของคนตรงหน้าซ่อนอะไรไว้
จงอินไม่เหมือนเพื่อนคนไหนในห้อง ทั้งใจเย็น โอภาปราศรัย เข้าได้กับทุกคน แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าจงอินเลือกแค่บางคนเท่านั้นที่ให้ความสนิทสนมอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างเช่น แบคฮยอน และ
เขาเอง
"มองส้นตีนอะไรละครับ หันมาดีๆ จะติดพลาสเตอร์ให้"
[ 18 - 25 ]
"อะ...ฉันไม่มีผ้าเช็ดหน้าห่อน้ำแข็งให้ประคบ เอานี่ไปแทบก่อนแล้วกัน"
คยองซูพูดอุบอิบตอนที่ยื่นกาแฟกระป๋องให้ ตอนนี้ฟ้าเริ่มสางแล้ว คยองซูเลยยิ่งเห็นรอยแตกที่หางคิ้วและรอยช้ำที่ข้างแก้มของแบคฮยอนได้ชัดเจนกว่าเก่า
ไม่รู้ว่าไปพูดกวนตีนอีท่าไหน กวังซูที่เป็นลูกชายของลุงเจ้าของร้านถึงทำท่าทางโกรธจัด แล้วไล่ตะเพิดทั้งแบคฮยอนและคยองซูออกจากร้าน
อันที่จริงคยองซูไม่อยากจะออกมาหรอก แต่ถ้าไม่รีบลากคอแบคฮยอนออกมา เขากลัวว่าไอ้เด็กบ้าพลังนี่จะฆ่ากวังซูตายซะก่อน
เขาไม่เคยเห็นแบคฮยอนโกรธจัดขนาดนี้มาก่อนตอนที่ต่อยกวังซูกลับไป แม้แต่ตอนที่เขาขับรถชนหรือตอนตกลงกันเรื่องค่าเสียหาย แบคฮยอนก็แค่ทำเป็นวางท่าอวดเก่ง ไม่ใช่แบคฮยอนที่เดือดดาลพร้อมจะฆ่าคนให้ตายคามือได้แบบวันนี้
หลังจากวิ่งไปกดกาแฟกระป๋องจากตู้กดในสถานีรถไฟมาให้ ตอนนี้คยองซูและแบคฮยอนก็นั่งเงียบๆอยู่ข้างกันในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
คนอายุน้อยกว่าแลบลิ้นเลียที่มุมปากนิดๆ ก่อนจะใช้ข้อนิ้วแตะที่ปากแผลเพื่อดูว่าเลือดยังไหลอยู่หรือเปล่า
อันที่จริงมันไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก.. เทียบกับการที่คยองซูมานั่งอยู่ข้างๆและมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงแบบนั้น มันไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว
"ทำไมเจอแบบนั้นแล้วยังไปทนทำอยู่อีก"
"ก็..." คยองซูอึกอัก เหมือนคำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายลงท้องไปเลยพอเห็นท่าทางจริงจังของแบคฮยอน
"ก็อะไร"
"ก็ร้านนั้นเงินค่าจ้างจ่ายวันต่อวัน..แถมค่าจ้างรายชั่วโมงก็เยอะด้วย..แล้ว.."
"จนแม้แต่โดนลวนลามก็ยอมเนี่ยนะ" แบคฮยอนขมวดคิ้วและเสยผม ท่าทางหัวเสียกับรอยช้ำที่ใต้ตาของคนไม่ได้นอนทำให้คยองซูรู้สึกเหมือนกำลังถูกดุ และครั้งนี้คยองซูก็ไม่กล้าเถียงแบคฮยอนด้วย ไม่กล้าแม้แต่จะคิดโกรธที่แบคฮยอนเข้ามายุ่งจนทำให้เขาอาจจะเสียงานพิเศษไป
คยองซูรู้สึกว่าควรจะขอบคุณแบคฮยอนมากกว่า
"เอาเป็นว่าผมไม่อยากให้พี่กลับไปทำงานที่ร้านนั่นแล้ว" พอพูดจบคยองซูก็ถอนหายใจแรงจนแบคฮยอนต้องถามกลับเสียงอ่อน เพราะไม่อยากทำตัวจู้จี้กับคยองซูมากเกินไปให้โดนด่าแบบที่ผ่านๆมา
"พี่พยายามหาเงินเพื่ออะไร ถ้าใช้หนี้ผมน่ะ ไม่ต้องพยายามขนาดนี้ก็ได้ ผมไม่เอาแล้ว" แบคฮยอนพูดสิ่งที่รู้สึกอยู่ออกมาจนหมดทุกคำ และเมื่อคยองซูนิ่งฟังเขาก็สบตาคนตรงหน้า และถามกำชับด้วยความรู้สึกจริงจังจนคยองซูพยักหน้ารับ
"สัญญาได้มั้ย.."
"อื้ม"
"ผมจะช่วยพี่หางานพิเศษ แต่พี่ต้องสัญญาว่าจะไม่ไปทำงานมั่วๆซั่วๆให้โดนพวกบ้ากามมันมาทำรุ่มร่ามเอาอีก"
"อื้อ รู้แล้ว"
"ผมเป็นห่วงนะ" ตอนนี้คยองซูรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะปั้นหน้าไม่ถูกเพราะอายขึ้นมา
บรรยากาศมันไม่ได้น่าเขินอายสักนิด แบคฮยอนที่โดนต่อยจนปากเจ่อคิ้วแตก ส่วนเขาก็สวมชุดนักศึกษาฝึกสอนทับด้วยเสื้อคลุมกันเปื้อนที่มีชื่อร้านหนังสือสกรีนไว้ นั่งกันอยู่ในสวนสาธารณะที่คนเริ่มพลุกพล่าน เด็กอนุบาลสวมหมวกสีเหลืองสะพายกระเป๋าเป้และกระติกน้ำเดินผ่านหน้าคยองซูและแบคฮยอนไปสามคน จนในที่สุดแบคฮยอนก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
"เดี๋ยวผมวนรถไปส่งพี่ที่โรงเรียนแล้วกัน"
"โรงเรียนอยู่แค่นี้เอง.. พ..พี่ไปเองได้"
ด้วยสรรพนามที่แตกต่างออกไป คยองซูปฏิเสธเสียงอ่อย ทั้งเกรงใจไม่อยากรบกวนแบคฮยอนด้วย ทั้งเขินด้วย พอคนอายุมากกว่าทำท่าทางขัดเขินอึกอักแบบนั้นแบคฮยอนจึงกล่าวสรุปให้เองเรียบๆ ทั้งที่ข้างในกลั้นยิ้มแทบตายเพราะดีใจที่คยองซูใช้สรรพนามแทนตัวแบบนั้น.. 'พี่'
"งั้นผมเดินไปส่งพี่แล้วกันครับ"
เซฮุนงัวเงียและตื่นขึ้นเพราะกลิ่นอาฟเตอร์เชฟที่ให้ความรู้สึกสดชื่นของชานยอล ครางอืออย่างพอใจเมื่อคนอายุมากกว่าหอมแก้มเขาหนักๆและกระซิบข้างๆหูอย่างอ่อนโยน มันเหมือนกับความฝันเลยที่ชานยอลปลุกเขาให้ตื่นในตอนเช้าด้วยวิธีแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ สัมผัส..แบบนี้
"สายแล้วครับ วันนี้้ต้องไปเรียนนะ"
"ผมง่วงจัง"
"ไม่เอาคนเก่ง ห้ามงอแง เดี๋ยวต้องแวะไปหาคุณแม่ก่อน เมื่อเช้าคุณแม่มาบอกพี่ว่าคุณพ่ออยากจะคุยกับเรา"
พอชานยอลพูดจบประโยค คนที่ตั้งท่าจะดื้อแพ่งตีรวนก็ยอมลืมตาขึ้นแต่โดยดี แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งจนแตกก่อนจะถอนหายใจยาวๆและลุกขึ้นมานั่งบนเตียงของชานยอล ตอนนี้เจ้าของบ้านอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีที่ถูกรีดจนกลีบโง้งพร้อมจะไปสวมหัวโขน ทำตัวดุๆเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่---ท่อนล่างนี่ดูไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าไหร่
กางเกงชั้นในสีขาว---กับเสื้อเชิ้ต เป็นภาพที่เซฮุนไม่เคยเห็นมาก่อน และก็ขำจนทำให้ลืมเรื่องพ่อและแม่ไปชั่วขณะ
"หัวเราะอะไรไอ้แสบ ไปอาบน้ำเลย"
"กางเกงไปไหนซะละครับ" สุดท้ายเซฮุนยอมลุกจากเตียงและหยิบผ้าเช็ดตัวจากมือชานยอลพาดบ่า แต่ก็ไม่วายหันมายิ้มกว้างแล้วพูดแซวแล้วรีบเผ่นเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน เมื่อชานยอลทำท่าจะเดินมาฆ่าเค้าให้ตายคามือ
สุดท้ายหลังจากเซฮุนทำภารกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยและออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ได้คำตอบ
เสื้อและสแล็กชุดนักศึกษาถูกรีดจนเรียบและจัดเข้าชุดอย่างดี ส่วนชานยอลก็ยังคงอยู่ในชุดเดิม รีดกางเกงของตัวเองเป็นชิ้นสุดท้าย เซฮุนอมยิ้มในความน่ารักของชานยอล และหยิบชุดนักศึกษาของตัวเองไปแต่งตัวเงียบๆ
จะว่ายังไงดีล่ะ
มันเป็นเช้าที่สมบูรณ์แบบเลยนะ เหมือนกับชีวิตของคู่แต่งงานใหม่ ที่อะไรๆก็ดู'ใช่'ไปหมด
"พี่จะไปหาป๊าแม่กับผมไหมครับ"
"เราจะให้พี่ไปด้วยหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมไปคนเดียวก็ได้ แล้วจะรีบกลับมานะ" เซฮุนยิ้มกว้างและตอบอย่างสดใส
หลังจากชานยอลทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากๆ เซฮุนก็รู้สึกว่าหมดความจำเป็นที่จะต้องพยศหรือทำตัวเกเรให้เหนื่อยใจเล่นอีกแล้ว เขารู้สึกเหมือนตัวเองคือเสือที่ถูกเลี้ยงให้เชื่องเสียจนกลายเป็นลูกแมว นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจตอนเดินลัดสนามไปที่บ้านของตัวเอง ตั้งใจจะทักทายพ่อและแม่ด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่สดชื่น
จากนี้ไปเขาจะเริ่มต้นใหม่..สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
[ 13 - 20 ]
"จงอิน ออกไปไหนมาลูก"
"แวะไปบ้านแบคฮยอนน่ะครับ"
หลังจากทำแผลให้เซฮุนเสร็จเรียบร้อยจงอินก็กลับบ้านอย่างที่บอก ต่อให้แบคฮยอนจะมีครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์และร่ำรวย แต่พ่อแม่ของแบคฮยอนก็มักจะง่วนอยู่กับงานของท่านจนมองข้ามการชกต่อยเล็กๆน้อยๆของลูกชายเสมอ ตราบใดที่มันไม่ได้ทำให้แบคฮยอนต้องสาหัสปางตาย พวกท่านก็คิดว่ามันเป็นการเกเรไปตามวัยเท่านั้น
เพราะอย่างนั้นจงอินถึงเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็นและจำยอมที่ต้องคอยเป็นคนทำแผลใส่ยาให้เพื่อนรักแทบทุกครั้ง เขาเคยตะเพิดให้มันไปหาแฟนซักคน แต่แบคฮยอนก็วอแวจะให้เขาเป็นคนทำอยู่นั่นแหละ
จงอินล็อคประตูบ้านแล้วเดินมาหาแม่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาบุนวมตัวใหญ่ แต่ทันทีที่เห็นหน้าแม่ จงอินก็รีบเดินเข้าไปหา และประคองใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นแม่ขึ้นมามอง ลูบแก้มซีดที่มีรอยแผลเป็นทางยาวเหมือนถูกอะไรตวัดข่วน แม้แผลจะไม่ลึก แต่จงอินก็อดห่วงแม่ไม่ได้
"แม่เลือดออก" นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มของหญิงสาว ตอนนี้คราบเลือดมันแห้งเสียแล้ว "เขาทำแม่อีกแล้วเหรอ"
"แม่ไม่เป็นไรซักหน่อย" หญิงสาวยิ้มจนเห็นริ้วรอยของวัย "แม่ไม่เป็นไร ไม่เจ็บเลย"
"แม่ ผมขอโทษนะ" จงอินพึมพำตอนที่ดึงหญิงสาวมากอดไว้แน่น "ขอโทษที่จงอินดูแลแม่ไม่ได้เลย"
แม้ว่าแม่จะยิ้มตอบกลับมาแบบนั้นก็เถอะ แต่จงอินก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักชายหนุ่มพาคุณแม่เข้านอน และจูบหน้าผากหญิงสาวเบาๆก่อนจะดับไฟให้ ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นคงกินเหล้าอยู่ที่บาร์แถวๆนี้ และไม่กลับมาจนกระทั่งเช้า
จงอินตบที่นอนเบาๆ มองเงารางๆของหญิงสาวผู้เป็นแม่ค่อยๆผล็อยหลับ และเริ่มต้นร้องไห้ออกมาเงียบๆในความมืด
"เพราะงี้แหละ จงอินมันก็เลยไม่อยากทิ้งแม่ไว้ที่บ้านคนเดียวนานๆ"
แบคฮยอนสรุปให้ฟังตอนที่นอนกระดิกเท้าดูฟุตบอล ถ้าจงอินอยู่ด้วยกันคงดูสนุกกว่านี้ แต่เพราะเซฮุนก็ดูบอลไม่เป็น เขาก็เลยไม่ได้สนใจเกมที่กำลังเตะกันอยู่สักเท่าไหร่ เซฮุนร้องอ้อแล้วนึกถึงดวงตาหม่นๆของจงอิน นึกครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะขอบคุณที่จงอินมาทำแผลให้
"แล้วแม่พ่อมึงไม่อยู่บ้านเลยเหรอ"
"ก็ไม่ค่อยอะ"
"เหมือนพ่อแม่กูเลย ไม่ค่อยสนใจกู" เซฮุนบ่นแล้วถูจมูก ไม่รู้สินะ บางครั้งเซฮุนก็คิดว่าพ่อแม่ปล่อยปละละเลยเขาในเรื่องที่เขาอยากจะให้แคร์ แต่กลับเข้มงวดกวดขันในสิ่งที่เซฮุนคิดว่าควรจะปล่อยๆซะบ้าง ก็ดันไม่ปล่อยซะงั้น แต่แบคฮยอนส่ายหน้า
"ก็ไม่นะ เขาสนแหละ แต่แบบกูดูแลตัวเองได้มั้ง เขาก็เลยไม่ค่อยมีอะไรต้องห่วง"
"ดีว่ะ พ่อแม่กูชอบยุ่งแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง อึดอัดชิบหาย"
[ 18 - 25 ]
"มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นพี่ชานยอลบอกว่าแม่กับพ่อจะคุยกับผม"
"นั่งสิลูก คุณพ่อเขาอยากจะคุยด้วย" แม่ตอบเสียงอ่อน กระชับมือที่วางอยู่บนบ่าของลูกชายคนโตแล้วยิ้มอย่างใจดี ผู้เป็นพ่อพับหนังสือพิมพ์วางลงข้างๆตัวและเริ่มจัดการอาหารเช้าไปพร้อมๆกับการพูดคุย
"จากนี้แม่เขาจะออกจากงานมาอยู่บ้านนะ"
"ครับ?"
"จะได้มีเวลาดูแลแกสองคนเยอะๆ ส่วนเรื่องหาเงินน่ะ พ่อจะจัดการเอง" พูดจบก็จิ้มไส้กรอกทอดใส่ปากแล้วยิ้มบางๆ "ดีมั้ย"
"ครับ" เซฮุนไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร น่าขนลุกที่จู่ๆพ่อกับแม่ก็วางท่าใจดีแบบนั้น มันเป็นอะไรที่เขาไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
"พ่อกับแม่คุยกันแล้ว ถ้าแกอยากจะกลับไปอยู่หอกับเพื่อนๆ พ่อก็ไม่ว่าอะไร"
"ครับ"
"ส่วนคณะที่เรียนอยู่ ถ้าเรียนแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ ก็ค่อยมาว่ากันอีกที ไม่ต้องเครียดไปล่ะ" ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มของพ่อถึงทำให้เซฮุนจุกอยู่ในอกพิกล
"แบบนี้...ผมกลับไปนอนหอได้แล้วใช่มั้ยครับ"
แม่ยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้า ตอนที่ตักโจ๊กหมูแบบที่เซฮุนชอบใส่ชามให้เป็นอาหารเช้า แต่วันนี้รสชาติของมันกลับแย่เหลือเกินในความรู้สึกเซฮุน ทั้งที่เขาควรจะดีใจที่จะได้กลับไปอยู่หอพักอีกครั้ง แล้วความรู้สึกหวาดระแวงและวิตกกังวลที่ส่งเสียงดังอยู่ในหัวมันคืออะไรกันแน่
"กลับมาละ"
"มึงไปไหนมาเนี้ยย โน๊ตอะไรก็ไม่เขียนทิ้งไว้ กูนึกว่ามึงอ่านหนังสือจนเป็นบ้า หนีไปโดดตึกตายแล้ว"
"โดดตึกบ้านมึงดิ"
ทันทีที่แบคฮยอนกลับมาถึงห้อง จงอินก็อ้าปากอวยพรแต่เช้าเลย แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้แบคฮยอนกำลังอารมณ์ดีแบบโคตรๆ ดีมากซะจนไม่มีกะใจจะต่อล้อต่อเถียง เพียงแค่ตอบโต้กลับไปแบบขำๆ ถอดเสื้อโค้ทตัวยาวแขวนและทิ้งตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเองอย่างสบายใจ
"สรุปมึงไปไหนมาเนี่ย ทำหน้าอย่างกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง"
"เดินเล่น" ตอบเสียงสูงปรี้ด จงอินมองเพื่อนรักด้วยหางตาแล้วเงียบ... น่าเชื่อตายล่ะ
"เดี๋ยวอาทิตย์หน้ากูจะไปซื้อรถละนะ"
โบร์ชัวร์ร้านรถมอเตอร์ไซค์มือสองถูกโยนเหมือนเครื่องร่อนลอยหวือข้ามห้องมาตกที่พื้นใกล้ๆตัว แบคฮยอนก้มลงหยิบมาดูและเห็นรอยปากกาสีน้ำเงินวงรอบรถมอไซค์สกู๊ปปี้ไอสภาพดี ตกแต่งสีสันน่ารักมุมิ ไม่ได้เข้ากับหน้าคนจะขับเลยซักนิด
"มึงขี่มอไซค์แข็งแล้วเหรอวะ"
"วันเดียวก็เป็นแล้วสัส แทมินหัดให้กู" ยิ้มภาคภูมิใจ
"คำก็แทมิน สองคำก็แทมิน กูจะฟ้องเซฮุน"
"โอ้ยยย มึงอะ แทมินเป็นเพื่อนเฉยๆ" จงอินโอดครวญ "เดี๋ยวมันปิดเทอมกูก็ขี่มอไซค์แข็งพอดีแหละ กูจะขี่พาเซฮุนไปเที่ยวทะเล"
จงอินอมยิ้มและทิ้งตัวลงนอนกลิ้งบนเตียง สูดกลิ่นหอมที่ใครอีกคนฝากทิ้งไว้แล้วนึกฝันถึงสิ่งที่อยากจะทำร่วมกันกับโอเซฮุนในอนาคต อยากจะไปเที่ยวหลายๆที่ ทำอะไรหลายๆอย่างร่วมกัน
อยากจะให้ถึงเวลาที่ได้เจอกันอีกครั้งเร็วๆ เพราะถ้าไม่มีเซฮุน ไม่ว่าจะแผนไปเที่ยว หรือการฝึกขี่มอเตอร์ไซค์ก็คงไร้ความหมาย เซฮุนเป็นคนที่ทำให้เขายิ้มได้ และก็อยากจะทำให้ยิ้ม
ตอนนี้จงอินแทบอดใจรอไม่ได้แล้วที่จะได้เจอกับเหตุผลของรอยยิ้มทั้งหมดคนนั้น.. โอเซฮุน
.
ติดตามต่อตอนหน้า
____________________________________
แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18 / #ฮุนไคDistant
เวลาอ่านเม้นแล้วชื่นใจจัง ขอบคุณจ้ะที่ยังรอฟิคเรื่องนี้อยู่ :>
O W E N TM.
____________________________________
แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18 / #ฮุนไคDistant
เวลาอ่านเม้นแล้วชื่นใจจัง ขอบคุณจ้ะที่ยังรอฟิคเรื่องนี้อยู่ :>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น