ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ( 18 x 25 ) - สิบห้า : ต่อเวลาพิเศษ
______________________________
เป็นความอึมครึมในแบบที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หลังจากพูดคุยกันต่อนิดหน่อย ชานยอลก็บอกให้เซฮุนไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะได้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมได้ทันก่อนเที่ยง
เราทานอาหารที่ห้องอาหารเช้าของโรงแรม ข้าวแกงกะหรี่ไก่และน้ำซุปปลาแห้งรสชาติดีกว่าที่เซฮุนคิด นั่นทำให้อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เซฮุนและชานยอลต่างคนก็ต่างทานมื้อเช้าของตัวเองเงียบๆโดยไม่พูดคุยกัน ครู่ใหญ่หลังจากมื้อเช้า ชานยอลก็จัดการเช็คเอาท์และดูเหมือนจะเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับการกลับโซล
สัมผัสอ่อนโยนที่ฝังลึกในความทรงจำเมื่อคืนช่างแตกต่างในตอนตื่นกับความรู้สึกห่างเหินระหว่างกันที่ชานยอลพยายามเว้นระยะ แม้มีหลายครั้งที่เซฮุนพยายามจะหาโอกาสพูดคุย แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่าชานยอลหลบสายตาไปเสียก่อนทุกที
สุดท้ายก็เลยมีแต่ความเงียบจนกระทั่งชานยอลขับรถพาเซฮุนมุ่งหน้ากลับบ้าน
ครู่ใหญ่ที่เงียบกันไปนาน จนกระทั่งชานยอลเอื้อมมือไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่นซีดีในรถยนต์ เพลงฮิปฮอปสไตล์เกาหลีที่ดังสะท้อนระหว่างคนสองคนทำให้เซฮุนเปิดปากถามขึ้นลอยๆ ไม่ได้หวังว่าจะได้คำตอบจากชานยอล
"พี่ยังเก็บซีดีแผ่นนี้ไว้อีกเหรอ"
"อืม...ก็มันฟังเรื่อยๆดี ชอบเปิดฟังตอนขับรถไกลๆ"
คนอายุน้อยกว่าพยักหน้า มือซนเปิดที่ลิ้นชักหน้ารถ รวมถึงหาซีดีแผ่นอื่นในช่องเก็บของที่คอนโซลรถจนชานยอลหันมามองพร้อมๆกันกับพยายามจะขับรถไปด้วย
"หาอะไร"
"แผ่นอื่นไง"
"ไม่มีแล้ว มีแค่แผ่นนี้กับแผ่นที่แต่ก่อนชอบฟังบ่อยๆ"
เซฮุนอมยิ้มนิดๆ นึกถึงวันเกิดปีที่ 24ของชานยอลเมื่อปีกลาย ภายในอดีตฉายชัดในความทรงจำ ก็ในตอนที่เขาซื้อมันเป็นของขวัญให้ชานยอล เจ้าตัวยังบ่นร่ำๆอยู่เลยว่าไม่ชอบ
จงอินส่งเสียงทักทายแบคฮยอนที่เพิ่งจะหอบสารร่างกลับมาจากห้องสมุด ยิ่งใกล้ถึงช่วงเวลาสอบไฟนอลเขายิ่งรู้สึกเหมือนกำลังจะตายด้วยการใช้เวลาทั้งหมดไปกับหนังสือและห้องสมุด
แบคฮยอนมีชีวิตในแต่ละวันวนเวียนอยู่แค่การเข้าแลปและขลุกตัวอยู่ในห้องสมุดกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน พักใหญ่แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าคยองซูเลย แต่แบคฮยอนก็ไม่สนใจอีกแล้ว แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ที่พักหลังมักจะติดต่อคยองซูไม่ค่อยได้ เขาก็ไม่ได้ลองโทรไปหา
"กินอะไรมารึยัง ได้นอนมั่งปะเนี่ย"
"นอนแล้ว แต่ยังไม่ได้กินเลย หิวว่ะ ไปหาอะไรกินกัน" ถ้าจะมีใครที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างเวลาอยู่ด้วยก็คงจะเป็นจงอิน รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่อย่างน้อยเมื่อกลับมาที่หอพัก ก็ยังมีจงอินที่คอยถามไถ่ว่าเขาง่วงหรือเปล่า กินข้าวแล้วหรือยัง อย่างน้อยมันก็ดีที่มีใครพอจะรับฟังความรู้สึกนึกคิด หรือแม้แต่ความเป็นไปต่างๆในชีวิต
จงอินอยู่ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงขายาวสบายๆแบบที่ชอบใส่เสมอ หนังสือนิยายสอบสวนแปลที่ถูกคว่ำหน้าอยู่บนเตียงทำให้แบคฮยอนเดาเอาว่าก่อนหน้าเขาจะกลับมาจงอินคงกำลังอ่านมัน
"แล้วมึงกินยังอะ"
"ยังไม่ค่อยหิวว่ะ เมื่อคืนค้างที่โรงเรียน แล้วเช้าแทมินก็มาส่ง เลยแวะหาอะไรกินก่อนกลับเข้าหอน่ะ" แม้จะตอบกลับมาแบบนั้นแต่จงอินก็หยิบเอาเสื้อคลุมลายสก็อตที่พาดไว้กับเก้าอี้โต๊ะเขียนหนังสือมาสวม เตรียมพร้อมจะพาแบคฮยอนออกไปหาอะไรกินรองท้อง คนที่ยืนมองจงอินอยู่พอได้ยินว่าลีแทมินเป็นคนมาส่งก็ร้องอ้าว
"แล้วไอ้เซฮุนอะ ปกติไปรับมึงตลอดไม่ใช่เหรอ"
"เออ ก็กูบอกมันเองอ่ะว่าไม่ต้องมา มันก็คงวุ่นๆเรื่องสอบมั้ง ช่วงก่อนๆมันโดดเรียนบ่อยอีก ปล่อยมันตั้งใจสอบไปก่อนเหอะ"
แบคฮยอนพยักหน้าหลังจากฟังเหตุผลที่จงอินแจกแจง เขาเองก็ไม่ได้กลับหอเท่าไหร่ บางครั้งกลับมาก็ไม่ได้เจอหน้าเพื่อนทั้งสองคนเพราะเวลาไม่ค่อยได้ตรงกันกับใครเขา แบคฮยอนแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าจงอินผอมลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
"แล้วมึงอะ สอบเสร็จวันไหน ไว้ศุกร์นี้ไปนั่งรถเล่นกัน กูอยากขับรถไกลๆ" จงอินหลิ่วตามองเพื่อนตรงหน้าแล้วอมยิ้ม วันนี้แบคฮยอนมาแปลก ถ้าเป็นแบคฮยอนคนที่เขารู้จักดี คงเลือกจะพักผ่อนด้วยการจิบกาแฟและเสพบรรยากาศในร้านราคาแพงบรรยากาศดี มากกว่าการไปขับรถเล่น
"เอาดิ" จงอินพูดตอนที่เดินลงบันไดโดยมีแบคฮยอนเดินตาม ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปกินอะไรกันดี แต่ตอนนี้จะมีอะไรสำคัญไปกว่าคนที่นั่งกินด้วยอีก นึกไปแล้วก็คงดี ถ้าหากใครอีกคนที่กำลังวุ่นๆเรื่องของตัวเองมากินข้าวด้วยกัน เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันสามคนครบกลุ่มมาพักใหญ่
"กูปิดเทอมแล้วเนี่ย กูกะว่าจะไปหาซื้อมอไซค์มือสองมาลองขี่ จะได้ไม่ต้องกวนไอ้เซฮุนมันบ่อย"
พอกล่าวจบใบหน้าหล่อเหลาของจนอินสะท้อนรอยยิ้มเอียงอายขัดเขิน เมื่อแบคฮยอนส่งเสียงแซว ยกตำแหน่งแฟนดีเด่นให้
แม้จะไม่ได้เจอกันแต่คิมจงอินก็คิดถึงโอเซฮุนแทบทุกเวลา
"จะเข้าบ้านเลยหรือเปล่า"
ในที่สุดก็กลับมาถึงโซล ชานยอลมองเด็กชายข้างๆตัวแล้วถามเนิบๆ เซฮุนที่งีบหลับระหว่างทางกลับบ้านทำท่าสะลึมสะลือแล้วส่ายหน้า เอียงหัวอิงกับพนักเบาะโดยสารมองชานยอลที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยด้วยแววตาและความรู้สึกที่หลากหลาย เหมือนจะออดอ้อน แต่ก็ท้าทาย คล้ายจะยั่วเย้า แต่ก็เหมือนกำลังกวนโทสะ
เซฮุนเลิกคิ้วเข้มแล้วบุ้ยใบ้ไปทางห้องนอนของชานยอล
"ขึ้นไปได้ไหม"
"ก็ถึงบ้านแล้ว ทำไมไม่เข้าไปหาแม่ซะก่อนล่ะครับ หืม" ชานยอลทอดน้ำเสียงอ่อนโยนจนแทบกลายเป็นอ่อนใจ มือหนาอดไม่ได้ที่จะยีผมคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู บทจะพยศก็ดื้อเหลือทน เขาเลี้ยงเซฮุนมายังไงให้เสียนิสัยได้ขนาดนี้นะ
"ก็ผมอยากอยู่กับพี่" เซฮุนพูดเสียงขึ้นจมูก แววตาขึงขังแสดงอาการไม่พอใจ เซฮุนเอาแต่ใจเท่าที่อยากทำเมื่อรู้ว่าอย่างไรซะชานยอลก็คงไม่กล้าขัดใจ
"ก็ได้..งั้นเดี๋ยวพี่บอกคุณแม่เราให้ เราขึ้นไปบนห้องก่อนก็ได้"
"ดีครับ" ใบหน้าง้ำงอเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสเหมือนกดสวิตช์ ชานยอลอดถอนหายใจไม่ได้ มองเซฮุนที่ถอดเข็มขัดนิรภัยแบบทุลักทุเลและหยิบกุญแจบ้านของคนตัวสูงใส่กระเป๋า
"ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"
"คนเท่ เค้าไม่เจ็บกันหรอก" เซฮุนหลิ่วตาแล้วยักคิ้วให้ น้ำเสียงนึกสนุกนั้นไม่ได้ทำให้ชานยอลหายห่วงเท่าไหร่ คนอายุมากกว่ามองเซฮุนเปิดประตูรถและเดินกะย่องกะแย่งไปหยุดหน้าประตู ดึงกางเกงขายาวที่หลุดจากเอวมาคาอยู่ที่บั้นท้าย ชานยอลเดาเอาว่าน้องคงเจ็บ แต่ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้น
มือยาวประสานกันและยืดแขนบิดขี้เกียจ ซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถครู่ใหญ่ก่อนจะดับเครื่อง ข้ามฝั่งไปยังหน้าประตูของบ้านอีกหลังที่ติดกันและคุยกับแม่ของเซฮุนให้ตามที่บอก
สุดจะอ้าง ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้โกหกเมื่อบอกว่าเซฮุนจะนอนค้างที่บ้านของตัวเองเพื่อติวหนังสือ จะด้วยใกล้สอบหรือเพราะบ้านของเซฮุนมีคนอยู่หลายคนต่างจากพ่อแม่ของชานยอลที่ไม่อยู่ติดบ้านเท่าไรนัก แต่คุณนายโอเห็นดีเห็นงามและเอ่ยฝากฝังลูกชายกับปาร์คชานยอล
ตอนที่ยิ้มสู้และเอ่ยปากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
ชานยอลรู้สึกเหมือนเมือกเหลวๆกลิ่นเหม็นฉุนพรั่งพรูออกจากปากในตอนที่พูดพ่นคำโกหกใส่คนที่ไว้อกไว้ใจตัวเอง ปาร์คชานยอลที่คุณนายโอไว้ใจเพิ่งจะนอนกับลูกชายของเธอไปหยกๆ...
ชานยอลเกลียดตัวเองที่หน้าด้านยิ้มจนเกิดรอยบุ๋มของลักยิ้มที่ข้างแก้ม วางท่าเป็นคนดีทั้งที่รู้ตัวเองว่ากำลังโกหกคำโต
หลังจากจงอินพามาจัดการมื้อเช้าที่ร้านประจำหน้ามหาวิทยาลัย แบคฮยอนก็ดูเหมือนจะสบายอกสบายใจขึ้น นักศึกษาแพทย์บิดขี้เกียจและล้วงเอาไอแพ่ดในกระเป๋าขึ้นมาอ่านตำราที่ทำเป็นอีบุ๊คใส่แท็บเล็ทเอาไว้ อ่านรอเวลาตอนที่จงอินกำลังละเลียดไข่ลวกและขนมปังปิ้งแบบง่ายๆของตัวเอง
"เดี๋ยวนี้มึงดูเครียดๆเนอะ" จงอินงับขนมปังของตัวเองแล้วพูดขึ้นอย่างลองเชิงตอนที่มองแบคฮยอนซึงนั่งอยู่ตรงข้าม
"ทำไมว่างั้น" และแบคฮยอนถามทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากแท็บเล็ทเลยด้วยซ้ำ
"ก็มึงดูเงียบขึ้น"
"ก็....ไม่มั้ง คิดไปเองหรือเปล่า กูยังเป็นคนเดิม นี่ไง"
แบคฮยอนถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉีกยิ้ม รอยยิ้มแบบที่ฝืนทำก่อนจะก้มลงคร่ำเคร่งกับเท็กซ์บุ๊คต่ออันที่จริงเขารู้สึกว่าตัวเองเคร่งขรึมขึ้นหลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่หน้าร้านของคยองซู
แบคฮยอนไม่รู้ตัวว่าเผลอไปชอบผู้ชายนัยน์ตาเศร้าคนนั้นเพราะอะไร
คนที่ทำให้แบคฮยอนเป็นบ้าเป็นบอ ทำตัวจู้จี้จุกจิกไปเสียทุกเรื่อง
สั่งให้คยองซูทำตามใจตัวเองชอบ คิดแทนคยองซูว่าคยองซูจะซึ้งกับการคอยเทคแคร์ แต่มันกลับกลายเป็นว่าคยองซูอึดอัดและรู้สึกว่านั่นคือการยัดเยียด
แบคฮยอนรู้ตัวว่าเขาปากไม่ดี แต่ความรู้ใหม่ก็คือ เขาปากไวเกินไป
ปากไวเสียจนพอนึกอยากย้อนกลับไปเก็บเอาคำพูดที่พ่นไปกลืนลงคอ มันก็ไม่ทันเสียแล้ว
แม้คยองซูบอกว่าจะหาเงินมาคืนให้เร็วที่สุดก็เถอะ แต่แบคฮยอนไม่ได้นึกถึงเรื่องเงิน
มันไม่สำคัญอีกแล้ว
ในความจริงก็คือ ไม่มีอะไรสำคัญเลย
แบคฮยอนพยายามบอกตัวเองว่าคยองซูเป็นเพียงแค่คนๆนึงที่เข้ามาในชีวิตของเขาเพื่อที่จะเดินออกไป และถ้าคยองซูอยากจะเดินออกไปใครจะห้ามได้ สิ่งที่เขาจะทำได้ก็มีแค่การตัดใจเท่านั้น
นั่นทำให้เขาไม่คิดจะไปตามนัดของกูจุนฮเว น้องชายต่างมารดาของคยองซู แม้จะผ่านวันเสาร์มาไม่รู้กี่เสาร์แล้วก็ตาม
"มึงดูฝืนใจยังไงชอบกล" จงอินยกชามไข่ลวกขึ้นซดทีเดียวจนหมดและเช็ดปาก "บอกได้นะถ้ามีอะไรไม่โอเค"
และแบคฮยอนก็จบมื้อเช้าลงอย่างวิเศษด้วยการเก็บแท็บเล็ต ฉีกยิ้มกว้างจนตากลมๆหยีเป็นเส้น ยกจานเปล่าไปไว้ที่จุดคืนจาน และหันมาพูดกับจงอินด้วยน้ำเสียงที่ดูออกไม่ยากว่าจริงหรือโกหก
"เยี่ยมเลยเพื่อน ตอนนี้ทุกอย่างโอเค"
\
มันเป็นเวลา 2 ปีเศษที่เซฮุนไม่เคยได้เข้ามาเหยียบในห้องนอนของชานยอล นับตั้งแต่คืนนั้นหลังกลับมาจากแคมป์
ภายในห้องไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักนับจากครั้งสุดท้ายที่เข้ามา แม้แต่ผ้าปูเตียง ที่นอน และปลอกหมอนก็ยังคงเป็นสีสันและสัมผัสที่เซฮุนโปรดปราน
เซฮุนมองรอบๆห้องอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นภาพของตัวเองและชานยอลที่ถูกอัดใส่กรอบรูปอย่างดีก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อหยิบมันมาเชยชม
แบบนี้..ที่พูดว่า'รัก'ก็ไม่ได้โกหกสินะ
"ค่อยไปเอารถที่คณะตอนเย็นแล้วกันนะ"
คนที่จู่ๆก็เปิดประตูพรวดเข้ามาทำให้เซฮุนตกใจจนแทบทำกรอบรูปนั้นหล่นจากมือ เขารีบวางมันกลับคืนที่เก่าแล้วหันมาเอ็ดเจ้าของห้องเสียงดัง
"ผมตกใจ! ก่อนเข้าห้องหัดเคาะประตูก่อนสิ"
ชานยอลเลิกคิ้วและพยักหน้าโดยไม่ได้เอ่ยปากเถียง เขาผิดสินะที่ไม่ยอมเคาะห้องนอนตัวเอง ทั้งที่นี่มันเป็นบ้านของเขาเองแท้ๆ
เซฮุนหรี่ตามองและเดินมายืนอยู่ตรงหน้า ยิ้มกว้างก่อนจะกางแขนกอดรอบคอของชานยอล รั้งร่างตรงหน้าเข้ามาชิดและเอียงแก้มใสซบกับกกหูของคนตัวสูง
"พี่ทำผมเสียขวัญนะรู้ไหม"
"ขอโทษ.." ชานยอลตอบเสียงเบา หากแต่ฟังดูหนักแน่น ลูบผมสีสว่างอย่างเบามือ อ่อนโยนราวกับว่ากลัวเซฮุนจะแหลกสลายคามือ ทั้งที่เซฮุนแข็งแกร่งและร้ายกาจกว่าที่เขาประเมินไว้นัก
คนที่อ่อนแอคือปาร์คชานยอลต่างหาก
"พี่รู้ไหม....เมื่อคืนผมมีความสุขมากๆเลยนะ" เซฮุนเอียงริมฝีปากมากระซิบและจูบเบาๆที่ใบหู สันกราม ไล่เรื่อยมาจนถึงพวงแก้ม ริมฝีปาก
มือของชานยอลสั่นเทา แต่เซฮุนก็กุมมันไว้ กระชับให้ชานยอลมั่นใจและทาบมือหนาทั้งสองข้างที่เอวของตัวเอง เอียงคอและโน้มใบหน้าของชานยอลมารับจูบ จูบที่เปลี่ยนจากช้าเนิบเป็นแนบชิด ร้อนแรง และเต็มไปด้วยความสเน่หา
"พี่กอดผมอีกได้ไหม....กอดผมแบบเมื่อคืน"
..
"นะครับ.."
ภายใต้ความดื้อดึงและเปราะบางของเด็กโยเยไม่รู้ฟัง เซฮุนรู้วิธีที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอ ถึงแม้ส่วนหนึ่งมันจะมาจากความอ่อนแอของชานยอลก็ตาม
อ่อนแอจนแม้แต่จะต่อสู้กับความคิดและจุดยืนของตัวเอง ก็ยังทำไม่ได้
"จ่ายเงินหน่อยครับ"
หลังจากจัดการอาหารเช้าและออกจากร้านอาหารเดินเล่นเตร็ดเตร่มาพักใหญ่ จงอินและแบคฮยอนก็ตกลงกันว่าจะไปขับรถเล่นกัน แต่แบคฮยอนขอแวะซื้อหนังสือพิมพ์ก่อน
ร้านหนังสือเล็กๆของคุณตาผมสีดอกเลาและท่าทางใจดีวันนี้ดูเหมือนจะมีพนักงานใหม่ที่แบคฮยอนเห็นแต่เงาไหวๆ จัดหนังสือกุกกักอยู่ที่ชั้นหนังสือด้านในสุดของร้าน แต่กลับไม่ยอมมายืนประจำที่เคาเตอร์จ่ายเงิน แบคฮยอนขมวดคิ้วหลังจากยืนรออยู่เกือบครึ่งนาที
"หยะ....อย่า...ครับ.."
เสียงกระท่อนกระแท่นของใครสักคนที่ฟังดูอ่อนวัยเกินจะเป็นคุณตาเจ้าของร้านกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของแบคฮยอนเป็นอย่างดี เขาส่งเสียงเรียกซ้ำอีกครั้งคล้ายจะลองเชิง
"เอ่อ.. โทษนะครับ คิดเงินด้วยครับ"
เงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนที่ร่างเล็กคุ้นตาจะพรวดพราดออกมาจากหลังตู้หนังสือ และตอนนั้นแบคฮยอนก็ถึงได้เห็นว่าเป็นคยองซู
ใบหน้าอิ่มเอิบของคยองซูยังคงน่ารักไม่เปลี่ยน มันยังคงดูเศร้าสร้อยและเย้ายวนอยู่ในที คยองซูสบตาแบคฮยอนแวบนึงและแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ตอนที่รับเอาหนังสือไปสแกนบาร์โค้ดและขานราคา
"3,200วอนครับ"
"ไม่ต้องใส่ถุง" แบคฮยอนรู้สึกเหมือนริมฝีปากแข็งชาจนไม่สามารถขยับได้ เขาพูดลอดไรฟัน รับหนังสือพิมพ์และเดินออกจากร้านมาเงียบๆโดยไม่แสดงท่าทีหรือสีหน้าว่าสนใจ
แม้เสียงที่ได้ยินก่อนหน้าจะยังทำให้แบคฮยอนฉงนสงสัย แต่ความรู้สึกที่อึดอัดคับข้องอยู่ในใจไม่น้อยไปกว่ากันคือการได้พบหน้ากันอีกครั้งกับโดคยองซู
เซฮุนนอนคว่ำซบใบหน้ากับหมอนยัดนุ่นใบโตหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆตัวตอนที่ชานยอลยันตัวขึ้นนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง ร่างกายเปลือยเปล่าในเดือนพฤศจิกายน แม้จะอยู่ในห้องที่มีเครื่องทำความร้อน แต่ก็ยังหนาวจนบาดผิว
ชานยอลมองคนข้างๆตัว มองเสี้ยวของใบหน้าไร้พิษสงที่กำลังผ่อนลมหายใจเข้าออก ริมฝีปากสีชมพูสด ที่พูดพ่น ด่าทอ ออดอ้อน จุมพิต หรือแม้แต่ทำให้เขา 'เสร็จ'.. ก็ด้วยริมฝีปากนี้เช่นกัน
ลาดไหล่ขาวเนียนเป็นรอยจ้ำจางซับสีเลือดเพราะผิวขาวจัดทำให้ร่องรอยที่ชานยอลฝังไว้ยิ่งโดดเด่นกว่าเก่า ยังไม่นับรวมที่ซอกขาและแผ่นหลังที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้านวมหนานุ่มสีน้ำเงิน
"พี่ถอนหายใจบ่อยจัง.." เสียงพูดงึมงำยานคางเอ่ยเบาๆ เซฮุนงีบไปได้สักครู่หนึ่งแล้ว และตอนนี้ก็มีแรงมากพอจะต่อล้อต่อเถียง
"พี่กังวลเหรอ...เรื่องเราสองคน"
"พี่นึกว่าเราหลับแล้วซะอีก" ชานยอลลูบผมสีอ่อนและเกลี่ยแก้มนิ่มของคนที่ยังนอนอยู่ในท่าเดิม พึมพำตอบประท้วงชานยอลทั้งที่ยังหลับตา
"พี่ไม่ยอมตอบ เปลี่ยนเรื่องทำไม"
"เซฮุน...พี่จริงจังนะ.."
"ผมก็จริงจัง" ริมฝีปากช่างฉอเลาะนั้นว่า ตอนนี้เซฮุนลุกขึ้นมานั่ง ไม่สนใจว่าสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาชานยอลแผ่นอกขาวที่เรื่อรอยแดงเป็นจ้ำและยอดอกสีแทนที่ตั้งชันเพราะอากาศหนาว
"แต่ระหว่างเรา....มัน....." ชานยอลลูบหน้าและเอนหลังพิงหมอน ตอนนี้เขาอยากจะได้บุหรี่ซักตัว หรือจะให้ดีกว่านั้น... ก็ยาแอสไพรินสักกำมือ
ท่าทีกระอักกระอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของชานยอลทำให้เซฮุนทอดเสียงตัดพ้อกึ่งกระชากคาดคั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กอวดเก่งเอาแต่ใจที่กำลังเริ่มงี่เง่างอแง
"พี่อยากไล่ผมไปไกลๆใช่มั้ย....เกลียดผมมากใช่ไหมถึงได้เอาแต่ไล่ผมแบบนี้"
"ไม่ใช่นะเซฮุน" ชานยอลครวญตอนที่เซฮุนเริ่มเบ้หน้าทำเหมือนจะร้องไห้ ถ้าเซฮุนร้องไห้ขึ้นมา เขาต้องเป็นบ้าตายกับสถานการณ์ตรงหน้าแน่ๆ
"พี่ทำเหมือนผมเป็นขยะที่พี่จะเขวี้ยงผมทิ้งไปไกลๆตัวเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าอยากจะทำ"
เซฮุนมองชานยอล จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่วูบไหวของคนตรงหน้า ขยับปากพูดทั้งที่เสียงสั่น ฝืนยิ้มให้ชานยอลตอนที่ขยับตัวเข้าไปใกล้และประคองใบหน้าชานยอลมารับจูบ ปีนขึ้นไปนั่งบนตักและกระซิบทั้งที่มือคู่เล็กยังสาละวนอยู่กับการลูบเปะปะไปทั่วร่างกายของชานยอล
"มันจะไม่เป็นไรหรอก" ริมฝีปากสีจัดกระซิบ จูบหนักๆที่ข้างแก้ม ปลายคาง ซอกคอ และบรรจงปลุกปั่นให้ชานยอล'ตื่น'ด้วยสองมือ
"พี่ครับ...ตราบใดที่เรามีกัน" เซฮุนกระซิบ ตอนที่แตะลิ้นลงที่ยอดอกของชานยอล พยายามทำให้เขารู้สึกดี น่ารักน่าชังเสียจนคนที่นอนทอดกายอยู่อดไม่ได้ที่จะจูบขมับชื้นหนักๆ
"พี่กำลังกลัวใช่ไหม" เซฮุนกลั้นหายใจและยิ้มตอนที่ทิ้งตัวลงทาบทับร่างกายของปาร์คชานยอล และฉุดรั้งให้ชายหนุ่มจมดิ่ง ลึกลงในห้วงอารมณ์ อีกครั้ง.. และอีกครั้ง...
"อย่ากลัวเลย ผมอยู่นี่" เสียงกระซิบที่ข้างหูยังดังสะท้อนอยู่ในหัวของชานยอล
เขาอยากจะเข้าใจ...ว่าเซฮุนรู้สึกยังไงอยู่ .. อยากจะรู้...ว่าเซฮุนกำลังคิดอะไร
ก็ในเมื่อดวงตาใสๆคู่นั้นที่จ้องมองเขาเสมอ ไม่มีวี่แววของความขลาดกลัวในสิ่งที่กำลังกระทำ มันเด็ดเดี่ยวเสียจนชานยอลขนลุกเมื่อนึกถึง
มันน่ากลัว...เมื่อคิดว่าเซฮุนทำทุกๆอย่างโดยไม่มีความสับสนหรือลังเลเลยสักนิด ทำทุกอย่างโดยไม่รู้สึกเลยว่านั่นเป็นสิ่งที่ผิด
ไม่เลยสักนิด แม้มันจะหมายถึงการ'นอกใจ'
เช้าจรดเย็น รอบแล้วรอบเล่า เหมือนระเบิดเวลาที่รอคอยวันจะปะทุ ในห้องเล็กๆที่เต็มไปด้วยความทรงจำของชานยอลและเซฮุนตั้งแต่เล็กจนโต ที่เตียงหลังเดิม ผ้าปูเตียงสีน้ำเงินเข้ม และเพดานห้องสีไข่ ความทรงจำดีๆที่แสนสดใส กลับกลายเป็นความรู้สึกที่บิดเบี้ยวด้วยความวิปลาศจากกามารมณ์
"ผมมีความสุขจังเวลาอยู่กับพี่.." เซฮุนกระซิบและกดจูบที่ต้นคอของพี่ชาย กอดชานยอลจากด้านหลังและซบหน้าลงกับแผงไหล่กว้าง "รู้สึกปลอดภัย..แล้วก็อบอุ่น.."
ชานยอลหันหน้ากลับมาและลูบผมนิ่มเบาๆ ริมฝีปากชื้นที่บดเบียดกำลังจะดึงดูดเข้าหากันอีกครั้งหากไม่ถูกขัดด้วยเสียงออดที่หน้าประตูบ้าน อึดใจหนึ่งที่สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน ชานยอลจูบปลายจมูกของเซฮุนและหยัดตัวขึ้น ลุกจากเตียง ลอบมองผู้มาเยือนจากริมหน้าต่างชั้นสองก่อนจะกระซิบ
"เพื่อนมาหาแน่ะ.."
เซฮุนเก็บอาการเก่งเสียจนชานยอลไม่อยากจะเชื่อ สีหน้าประหลาดใจแต่ในแววตาก็ระคนดีใจเมื่อเห็นจงอินยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของชานยอล และมีแบคฮยอนที่จ้องเขาเขม็งจากด้านหลัง
"แบคฮยอนมันขับรถเล่น ผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาหา แม่บอกมึงติวหนังสือ"
"เป็นไรวะ ทำไมทำหน้างั้นอะ" แบคฮยอนถามเสียงขึ้นจมูกเมื่อเซฮูนยิ้มค้างไปวูบหนึ่ง
"เปล่านี่.. คิดถึงมึงสองคนว่ะ เหมือนไม่เจอตั้งนาน" เซฮุนกางแขนกอดจงอินและโยกตัวคนในอ้อมกอดไปมา จงอินยิ้มและกอดรัดคนตรงหน้าตอบ
แต่จงอินและแบคฮยอนไม่มีวันจะเห็นสีหน้าของโอเซฮุน สายตาของผู้ชนะที่มองข้ามไหล่ของคิมจงอินส่งไปยังคนตัวสูงที่ยืนอยู่หลังธรณีประตู
แม้อยากจะหึง ก็คงไม่มีสิทธิ์ แต่พนันได้เลยว่า ณ ตอนนี้ ในวินาทีนี้คนที่กำลังจ้องมองตอบกลับมาคงอยากจะเต้งผางเรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเองแทบขาดใจ
เซฮุนเกยคางกับไหล่ของจงอินและฉีกยิ้มกว้าง รอยยิ้มเย้ยหยันท้าทายคล้ายจะกวนโทสะ ของขวัญสุดพิเศษที่มอบให้แด่ปาร์คชานยอล
รอยยิ้มที่เหมือนจะตั้งคำถาม
' คิดออกหรือยัง ว่าจะเอายังไงกับความสัมพันธ์ของเรา '
จบครึ่งแรก.
________________________________________________
ไม่มีใครหรืออะไรบนโลกนี้หยุดความละโมบได้ นอกจากการรู้จักที่จะพอ
น่าสงสารมนุษย์ผู้เดียวดาย อยากได้ทั้งหมดแต่กลับไม่ได้อะไรเลย
โ ป ร ด ติ ด ต า ม ต่ อ ต อ น ห น้ า
แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18 / #ฮุนไคDistant
TALK
ครึ่งแรก= EP1-15
ครึ่งหลัง=EP16-30
เริ่มอัพ EP16 อีกทีปีหน้า(2558)นะ 5555555555
(พูดเหมือนนานความจริงก็คืออีก 3วันก็ปีใหม่แล้ว)
เมอรี่คริสมาสแอนด์อะแฮปปี้นิวเยียร์ทุกคล
O W E N TM.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น