ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #14 : ( 18 x 25 ) - สิบสาม : อยากรู้อยู่หรือเปล่า

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 59


    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun / Sehun x Kai By:ซรดจ.


     



     
    สิบสาม . อยากรู้อยู่หรือเปล่า
    ______________________________





     

                    เป็นครั้งแรกที่เซฮุนได้เข้ามาในพื้นที่ตึกเรียนและภาคของจงอิน


                    เขาเกือบลืมไปแล้วว่าแฟนของตัวเองเก่งแค่ไหน เกือบลืมไปแล้วว่าจงอินที่เขานอนกอดอยู่ทุกคืนเป็นนักเรียนที่สอบเข้ามาด้วยคะแนนเต็มทั้งปฏิบัติและข้อเขียนในด้านบัลเล่ต์


                    จงอินทำได้ดีมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และชอบอะไร
                    นั่นเป็นอีกหนึ่งข้อดีของจงอินที่เขานึกอิจฉามาตลอด


                    เซฮุนชอบเวลาที่ได้มองจงอินเต้น มันเป็นภาพที่มีสเน่ห์มากเกินจะเรียงร้อยถ้อยคำมาเปรียบเทียบ ยามที่เรือนร่างขยับเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติทั้งกลมกลืนและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับจังหวะ แต่ก็โดดเด่นในทุกๆอากัปกิริยา



                    "นั่งอยู่นี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวขอไปเปลี่ยนชุดแป็บนึง"


                   
                    เซฮุนพยักหน้า กวาดสายตาไปรอบๆห้อง



                    ห้องบัลเล่ต์ที่กรุด้วยกระจกทั้งสี่ทิศ พื้นทำด้วยไม้เรียบลื่นเกลี้ยงเกลา ที่ชิดกระจกด้านซ้ายและขวามีราวจับสำหรับฝึกและคลายกล้ามเนื้อร่างกาย ที่มุมของห้องด้านหนึ่งมีเก้าอี้ยาวที่ทำด้วยไม้สีน้ำตาลเข้ม เซฮุนทิ้งตัวลงนั่งตรงนั้น


                    พักใหญ่จงอินก็ออกมาจากห้องแต่งตัว เซฮุนมองช่วงขาขาวที่กางเกงขาสั้นปิดลงมาถึงหัวเข่า จงอินสวมรองเท้าบัลเล่ต์เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าจริงจังตอนที่สูดหายใจเข้าออกเป็นจังหวะและวอร์มร่างกายให้พร้อม ทำให้เซฮุนละสายตาไม่ได้



                    เซฮุนเท้าคางและคลี่ยิ้ม เมื่อจงอินเริ่มหมุนคว้าง  หมุนตัวคล้ายจะล่องลอย และมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้กับเขา



                    มันสวยงามเสียจนเซฮุนลืมเรื่องทุกข์ใจไปหมด


     





                    "เชิญด้านในครับ มีโต๊ะว่าง"



                    ในที่สุดร้านบะหมี่ก็เปิด  หลังจากรอเสียนาน แบคฮยอนก็ตัดสินใจลงจากรถและก้าวเท้าเข้าไปในร้าน เด็กชายวัยประมาณมัธยมปลายท่าทางทะมัดทะแมงเดินมาต้อนรับเชื้อเชิญเข้าไปนั่งแทบจะในทันทีที่โผล่หัวเข้าไปในร้านต  อันที่จริงความตั้งใจของเขาคือการมาหาคยองซูมากกว่า ไม่ได้อยากจะมากินอะไรซักเท่าไหร่หรอก



                    "รับไรดีเพ่" ถามด้วยน้ำเสียงแบบแว๊นคุมซอยเสียจนแบคฮยอนไม่กล้าปฏิเสธ
     


                    "อืม...ร้านนี้มีอะไรอร่อยบ้างครับ"


                    "อร่อยทุกอย่างลูกพี่ พี่ชอบแบบไหนละครับ"


                    "เอ่อ..."


                    "ถ้าเลือกไม่ได้ผมมีเมนูให้ดู" ไม่พูดเปล่า หยิบเอาเมนูสีสันสดใสมาวางแปะตรงหน้า แบคฮยอนยื่นหน้าไปมองใกล้ๆ แล้วนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเลือกจิ้มชี้รูปที่ใหญ่ที่สุดในเมนูแผ่นนั้น เจ้าเด็กม.ปลายยื่นหน้ามาดูแล้วจดยุกยิก


                    "บะหมี่จักรพรรดิพิเศษเพิ่มทุกอย่างนะครับ ลูกพี่กินน้ำอะไรดี"


                    "เอ่อ..."


                    "ตามเมนูเลยครับ" ว่าจบก็พลิกแผ่นเมนูสีสดใบเดิมให้ได้ดูด้านหลัง แบคฮยอนมองหน้าเด็กชายที่น่าจะเป็นพนักงานของร้านแล้วนึกชื่นชมอยู่ในใจ อะไรมันจะฮาร์ดเซลล์ขนาดนี้วะเนี่ย ถ้าจ้างไปทำงานที่บริษัทของแม่นะ รับรองยอดขายคงพุ่งกระฉูดทุกไตรมาศ


                    "เอาน้ำเก็กฮวยแล้วกัน"


                    "เคครับ เก็กฮวยหนึ่ง บะหมี่จักรพรรดิพิเศษเพิ่มทุกอย่างอีกหนึ่งนะครับ รอแพ้บนะลูกพี่"


                    "เดี๋ยวๆ" แบคฮยอนคว้าแขนเด็กชายเอาไว้แล้วขมวดคิ้ว ถามออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ


                    "ที่นี่มีคนชื่อคยองซูหรือเปล่า"


                    "อ๋อ เฮียอะเหรอ ออกไปเรียนตั้งแต่เช้าแล่ว"


                    "...." แบคฮยอนชะงัก รู้สึกเหมือนโดนตบด้วยสันดิกชันนารี แบบนี้แสดงว่าที่เขาอุตส่าห์โดดแลปกรอสมานั่งรอร้านเปิดเพื่อจะได้เจอพี่คยองซู ก็เท่ากับเสียเวลาไปเปล่าๆปลี้ๆเลยสินะ


                    "ว่าแต่พี่เป็นใคร เสี่ยที่เลี้ยงเฮียอยู่เหรอ หรือคนที่เฮียขายตัวให้"


                    "ขาย..อะไรนะ" แบคฮยอนทวนคำ รู้สึกเหมือนหูอื้อ ไม่เข้าใจคำถามที่เด็กคนนั้นถาม


                    "ก็เป็นลูกค้าเฮียหรอ"


                    "ล..ลูกค้าอะไร....ล..แล้วนายเป็นใคร เป็นอะไรกับคยองซู"


                     ไอ้น้องเด็กเสิร์ฟฮาร์ดเซลเอาผ้าขนหนูสีขาวที่พาดอยู่บนไหล่ซับเหงื่อแล้วเอียงคอมองหน้าแบคฮยอน เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ทำสีหน้ากวนตีนระดับแปดสิบ


                    "เป็นน้องชายพี่คยองซู  กูจุนฮเว"


                    .........ถึงกับต้องขึ้นกูขึ้นมึงเลยเหรอวะ


                    "พูดดีๆก็ได้น้อง ไม่เห็นต้องกูมึงเลย คือแบบ พี่เป็นรุ่นน้องที่มหาลัยของคยองซูน่ะ"

                   
                   
    "อ๋อ ไม่กูมึงดิพี่ หมายถึงก็...ก็กูจุนฮเวอ่ะ มันไม่ใช่คำหยาบเลยนะ"


                    แบคฮยอนยังชะงักค้าง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์ที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งเด็กชายตรงหน้าทำท่ายกมือขึ้นทั้งสองข้างเหมือนยอมแพ้แล้วหัวเราะก๊ากออกมา


                    "ผมเป็นน้องชายคนละแม่กับพี่คยองซู ชื่อจุนฮเว แต่ไม่ได้นามสกุลโด"
     

                    เจ้าเด็กเสิร์ฟฮาร์ดเซลล์โบกใบออเดอร์ของแบคฮยอนในมือแล้วยิ้มมุมปาก

                   
                   
    "ไปส่งออเดอร์ก่อน เดี๋ยวกลับมาคุย"







     
     



                    "ไม่น่าลืมเอาร่มมาเลย แล้วดูดิ้"


                    เสียงฝนโปรยปรายหนักเม็ดดังอื้ออึงแข่งกับเสียงบ่นของจงอิน คิ้วเรียวขมวดจนแทบผูกกัน หยีตามองเม็ดฝนที่ตกกระแทกกับพื้นปูนกระเซ็นเป็นละออง ตอนที่จงอินเลิกคลาสเรียนเรียบร้อยฝนกำลังตกหนักเม็ด  ทั้งจงอินและเซฮุนยืนมองสายฝนนิ่งๆอยู่เกือบนาที ชั่งใจว่าควรจะฝ่าไปหรือรอจนฝนซากว่านี้


                    "ตกหนักอย่างกับสูบน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกมาปล่อย" เซฮุนบ่นร่ำๆ ตอนที่ยื่นมือออกไปรองน้ำฝนเล่น คิดว่าจะเอายังไงดี จนในที่สุดก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา


                    "นอนหอมั้ย"


                    "แล้วแต่" จงอินตอบแทบจะทันทีโดยไม่ต้องคิด "ลองโทรหาจุนฮงดูว่าน้องโอเคมั้ย"


                    "ถ้าไม่โอเคก็ไม่รู้จะกลับยังไงแล้วล่ะตอนนี้"


                    เซฮุนพูดทั้งหัวเราะแล้วเดินหายไปคุยโทรศัพท์พักใหญ่ และก็เดินกลับมา ถอดเสื้อคลุมกันหนาวลายตารางของตัวเองออกแล้วกางมันคลุมหัวแทนร่มก่อนจะหันมามองหน้าจงอินแล้วยิ้มกว้าง พยักหน้าให้เข้ามาอยู่ใต้ร่มเดียวกันจนจงอินส่งเสียงเอ็ด


                    "อย่ามาละครนะ คลุมแค่นั้นแม่งก็เปียกอยู่ดีปะวะ "  


                    "โห ไม่งั้นจะกลับไงล่ะ" พอโดนดุเท่านั้นแหละ เจ้าลูกแมวก็ทำหน้าจ๋อยแทบจะทันที เซฮุนโอดโอยแล้วพยักหน้าเรียก เพราะรู้ว่ายังไงซะจงอินก็ยอมตามใจอยู่แล้ว  "มาเร็ว จะได้รีบกลับไปอาบน้ำอาบท่า"



                    ยึกยักได้ไม่นานก็ยอมวิ่งฝ่าฝนไปด้วยกันจริงๆอย่างที่เดา จงอินรู้สึกเขินอายตอนที่ยอมสอดตัวเข้าไปอยู่ใต้อ้อมแขนของอีกฝ่ายเพราะมันเหมือนกับว่าตัวเขาเป็นนักแสดงเอกในหนังรักโรแมนติคที่พระนางของเรื่องวิ่งฝ่าฝนไปด้วยกัน หัวเราะอย่างมีความสุขทั้งเนื้อตัวเปียกปอน และจบเรื่องทุกอย่าง..บนเตียง



                    บ้าชิบ..


                    จงอินหน้าร้อนวูบเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังจินตนาการถึงอะไร แล้วก็ต้องหน้าร้อนกว่าเก่าหลังจากที่สะบัดหัวไล่ภาพลามก แล้วพบว่าเซฮุนกระซิบอยู่ใกล้ๆหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่าน่ากลัวเสียจนเขาสะดุ้งโหยง



                    "ไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามซ้อนไว้ข้างในเหรอ เสื้อเปียกจนเห็นหมดแล้วเนี่ย"



                    จงอินก้มลงมองสภาพตัวเอง เสื้อเปียกชุ่มจนมองเห็นยอดอกสีเข้มและคอดจนแนบเนื้อไปตามช่วงเอว  ท้องฟ้าที่ครึ้มเพราะเมฆฝน บรรยากาศหวิวๆ เย็นๆ เปียกๆ.. แถมพอเงยหน้าขึ้นมา เซฮุนยังทำตาเยิ้มใส่อีก...


                    "มองทำไมไอ้สัส รีบๆเดินไปเลย"


                    จงอินทำได้แค่ขู่ฟ่อนั่นแหละ และดูเหมือนเซฮุนก็ไม่ค่อยจะกลัวเท่าไหร่ เขาล่ะอยากจะตบมันให้หัวทิ่ม!!ไอ้ลามก!!

     
     





     

                    "อ๋ออ เป็นเจ้าหนี้นี่เอง แต่พี่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ น้ำหน้าอย่างเฮียไม่มีเงินใช้คืนหรอก"


                    หลังจากกูจุนฮเวไปส่งออเดอร์เรียบร้อย ก็กลับมานั่งคุยกับแบคฮยอนจริงๆตามที่บอกไว้ แถมแบคฮยอนยังใจดีสั่งน้ำเก็กฮวยมาให้จุนฮเวกินอีกแก้วเป็นค่าเปิดปาก


                    "แล้ว..เรื่องที่ว่าขายตัวอะไรนั่นล่ะ.."


                    "อ๋อออ ก็ไม่ได้ขายหรอก แต่เฮียชอบมีผู้ชายแก่ๆ กามๆมาเกาะแกะ บอกว่าจะเลี้ยงบ้างล่ะ จะปลดหนี้ที่บ้านให้บ้างล่ะ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเฮียแม่งไปทำสเน่ห์วัดไหนมา ถึงได้มีหนุ่มๆมาติดอย่างตรึม"


                    จุนฮเวร่ายยาวก่อนจะยกน้ำเก็กฮวยขึ้นจิบแก้กระหาย แบคฮยอนเกาต้นคอ นึกอยู่นานว่าควรพูดอะไรต่อ จะว่ายังไงดีล่ะ  เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ว่าทำไมคยองซูถึงได้โกรธนักตอนที่บอกว่าเขาจะจีบ


                    แม้แบคฮยอนจะอ้ำอึ้งไปครู่ใหญ่แต่คู่สนทนาผู้ดีแสนดีก็ไม่ปล่อยให้ต้องเงียบกันไปนาน จุนฮเวยิงคำถามใส่คนตรงหน้าบ้าง


                    "ว่าแต่ พี่มาจีบเฮียเหรอ"


                    "อาใช่" แบคฮยอนตอบรับ สงสัยนิดๆว่ารู้ได้ยังไง


                    "จีบไม่ติดหรอก เฮียแม่งหยิ่งมากนะบอกให้" จุนฮเวสวนกลับทันควัน เอามือป้องปากทำเป็นกระซิบ แม้จะเป็นท่าทางที่น่าตบกบาลอย่าบอกใครแต่แบคฮยอนก็ทำอะไรไปไมได้มากกว่าการร้องอุทานว่า


                    "อ้าว"


                    "เฮียมันไม่เคยมีแฟนเลย มีแต่คนมาตามจีบ ถ้ายอมๆให้เค้าเลี้ยงไปซะป่านนี้บ้านเราก็รวยแล้ว ไม่ต้องมาทำงานใช้หนี้กันงกๆอยู่แบบนี้หรอก"


                    "อ๋อ" แบคฮยอนได้แต่เป็นผู้ฟังที่ดี


                    ทำไมนะ ก่อนหน้านี้เขาถึงไม่เคยมองอะไรผ่านแง่มุมของคยองซูบ้าง  บางทีคยองซูอาจจะโกรธเพราะคิดว่าเขาจะเป็นเหมือนไอ้พวกเฒ่าหัวงูพรรค์นั้นก็ได้


                    มาถึงตรงนี้แบคฮยอนก็รู้สึกสับสนเสียจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จนกระทั่งจุนฮเวยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้เขาต้องเงยหน้ามอง ใบหน้ายียวนกวนส้นเท้าซึ่งไมได้มีส่วนไหนใกล้เคียงกับโดคยองซูคนเป็นพี่ชายเลยสักกะติ๊ด



                    "ถ้าพี่อยากชนะใจเฮียได้ ผมมีวิธี สนปะ"



                    นี่มันเหมือนบังคับอยู่กลายๆเลยนะ ว่าให้ตอบตกลง  แบคฮยอนแก้เก้อด้วยการยกแก้วน้ำเก็กฮวยขึ้นมาดูดและหลบสายตาขณะที่ใช้ความคิด  พอจุนฮเวเห็นท่าทางลังเลแบบนั้น ก็หัวเราะเปิดเผยออกมา แล้วใช้ผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนไหล่ซับเหงื่อก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและยักคิ้วให้แบคฮยอน



                    "เอาเป็นว่าถ้าอยากมา ก็มาเจอผมที่ร้านนี่วันเสาร์ตอนแปดโมงแล้วกัน"



                    "วันเสาร์?" เสาร์พ่อง........ วันหยุดสุดสัปดาห์น่ะ มันคือสวรรค์ของเด็กมหาวิทยาลัยเลยนะ จะให้ตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็บ้าแล้ว



                    "ถ้าจะไม่มาก็ตามใจนะ" จุนฮเวเลิกคิ้วแล้วเบ้ปากนิดๆ ไหวไหล่ใส่แบคฮยอนเหมือนจะบอกว่า ถึงอีกฝ่ายตัดสินใจอย่างไร เขาก็ไม่แคร์อยู่ดี



                    "แล้วจะรู้ได้ไงว่าแผนจะสำเร็จ"


                    "โว้ะ ถ้าป็อดก็ไม่ต้องมา จบปะวะ ถ้าจะยึกยักก็กลับไปนอนเกาไข่อยู่บ้านเหอะ ไม่ต้องมาจีบเฮียแม่งหรอก  เสียเวลา" พูดจบก็ทำท่าเหมือนจะล้มโต๊ะจนแบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กเหลือตัวเท่าหัวแม่โป้งของเด็กตรงหน้า
    แบคฮยอนใช้ตะเกียบคีบลูกชิ้นใส่ปากแล้วอึกอักถามเสียงเบาจนแทบกลายเป็นกระซิบตอนที่กำลังเคี้ยวลูกชิ้นในปากไปด้วย


                    "ที่บอกวันเสาร์นี่..กี่โมงนะ"

     






                    เพราะฝนตกหนักมาก สุดท้ายเซฮุนก็เลยไม่สามารถจะขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าฝนกลับไปจนถึงบ้านได้  หลังจากโทรไปหาจุนฮงและได้ความว่าน้องชายจะให้แดฮยอนมาค้างที่บ้านเป็นเพื่อน    คนเป็นพี่ชายก็เบาใจและตัดสินใจว่าตัวเองและจงอินจะนอนที่หอพักแทน
     


                    ทุลักทุเลอยู่เกือบชั่วโมงในที่สุดเขาและจงอินก็กลับมาถึงหอพักจนได้ พอไขประตูห้องเสร็จเรียบร้อยจงอินก็ตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอนและกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่ เอาผ้าคลุมหัวแล้วยีๆผมพร้อมกับบ่นเขาไปด้วย การกระทำเหมือนคุณแม่ไม่มีผิด


                    "อาบน้ำก่อนเลย เมื่อเช้ากูเห็นมึงทำท่าฟุดฟิดๆเหมือนจะไม่สบาย"


                    "มึงก็เสียงเปลี่ยนเหมือนกันนั่นแหละ" เซฮุนเถียงแล้วทอดสายตาเอ็นดู มองคนที่ตัวเล็กกว่าเช็ดผมให้เขาไปก็บ่นไปด้วย


                    "ไม่เอามึงอาบก่อน มึงตัวเปียก ถ้าไม่สบายแล้วเดือดร้อนใคร"


                    "มึงก็เปียก มึงอาบก่อนดิ" ใครเริ่มงอแงก่อนชนะ


                    "ไม่เอา มึงอาบก่อนดิ" พอเซฮุนเริ่มใช้สุ้มเสียงเถียงเอาชนะ จงอินก็เลยเริ่มงอแงบ้าง ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเง้างอนแบบที่รู้ว่าถ้าทำแล้วเซฮุนจะต้องยอมตามใจ แต่คนตัวสูงกว่าก็ยังคงทำท่าฮึดฮัดไม่ยอมฟัง เพราะกลัวเช่นกันว่าจงอินจะไม่สบาย


                    "ถ้ามึงไม่อาบก่อน งั้นก็เข้าไปอาบด้วยกันนี่แหละ" เซฮุนทำหน้ายุ่ง ดึงข้อมือจงอินเข้าห้องน้ำ แล้วกล่าวสรุปจบให้  ทั้งที่คนโดนลากน่ะทั้งส่ายหน้าไหวๆ แถมยังขืนตัวสุดฤทธิ์ไม่ยอมตามแรงดึง ส่งเสียงโอดโอยโวยวาย


                    "พอๆๆ ไอ้เชี่ย อย่าแกล้งกู กูยอมแล้วๆ" สุดท้ายจงอินก็ยอมให้ความดื้อของเซฮุน ยกมือสองข้างเป็นสัญญาณขอสงบศึก และเดินเข้าไปอาบน้ำก่อนโดยดุษฏี



                    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน คิมจงอินก็ใจอ่อนยอมตามได้เรื่อยนั่นแหละ



                    จงอินไขว้แขนและถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองออกทางหัวโดยไม่แกะกระดุม บิดน้ำฝนที่เปียกเกือบจะชุ่มออกและพาดเสื้อเชิ้ตที่บัดนี้ยับยู่ กางไว้ที่ราวแขวนผ้าเช็ดตัว


                    เขามองเข้าไปในกระจก และมองเห็นเงาของตัวเองสะท้อนกลับมา
                    คิมจงอินที่ตอนนี้ดูมีความสุขเหลือเกิน


                    เขานึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับโอเซฮุน ตอนนั้นอีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายผอมบาง  ผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก  เพราะไม่ได้คาดคิดว่าจะพบกันอีก ภาพจำในตอนนั้นเลือนรางเสียจนเขาแทบนึกไม่ออก
     

                    กลับกันกับในตอนนี้ ที่เซฮุนกลายมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา และเช่นกันที่เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับจงอิน



                    ร่างกำยำสมส่วนแบบผู้ชายที่ตอนนี้เกือบจะเปลือยเปิดน้ำจากอ่างล้างหน้าและวักน้ำสะอาดขึ้นลูบแก้มตัวเองตอนที่ครุ่นคิดถึงใบหน้า สัมผัส และจินตนาการเมื่อชั่วครู่ตอนที่วิ่งฝ่าฝนมาด้วยกัน  ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเบาๆ เพราะรู้สึกขัดเขินที่จินตนาการอะไรเรื่อยเปื่อยถึงเซฮุน



                    คิมจงอินชักจะหมกมุ่นมากไปแล้วมั้งเนี่ย!




     


                    "ใครเป็นเพื่อนสนิทคุณโอเซฮุน รบกวนมาพบผมหลังเลิกคลาสด้วยนะครับ เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้"


                    หลังจากนักศึกษาทะยอยส่งข้อสอบควิซเรียบร้อยจนครบ ชานยอลก็ปล่อยคลาสเรียน และยังคงง่วนอยู่กับเอกสารการสอน จนกระทั่งจื่อเทา นักศึกษาคนหนึ่งในชั้นเรียนเดินมาหยุดตรงหน้าและก้มหัวให้นิดๆ


                    "ผมเป็นเพื่อนเซฮุนครับ"


                    ชานยอลละสายตาจากแผนการสอน และเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา เด็กชาวจีนคนนี้คือคนที่มักจะไปไหนมาไหนกับเซฮุนอยู่ตลอด แต่นี่มันก็เกือบ 3 สัปดาห์แล้วที่เซฮุนไม่ยอมมาเข้าเรียนเลย เขาอยากรู้เหตุผลว่าทำไม แต่ถ้าไปถามจากเซฮุน  ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบ


                    "เพื่อนคุณเค้าเป็นอะไรครับ ทำไมถึงขาดเรียน"


                    "ผม--ไม่ทราบครับ" เทาตอบเสียงอ่อย


                    "ได้แจ้งเขาหรือเปล่าว่าผมจะมีควิซท้ายคาบ"


                    "แจ้งแล้วครับ ผมเองก็ติดต่อเขาไม่ได้เลยครับอาจารย์" เทาก้มหัวปล่กๆพร้อมกับตอบ ดูท่าทางเหมือนกลัวเขามากเสียจนควบคุมอาการไม่ได้


                    "บอกเพื่อนคุณติดต่อผมด้วยนะครับ ตอนนี้เค้าติดเอฟเรียบร้อยแล้ว หรือถ้าจะไม่มา ก็ไปถอนรายวิชานี้ซะ ปลายเทอมจะได้ไม่มีปัญหา"  ชานยอลได้แต่ถอนหายใจและตอบเทาไปเรียบๆ ก่อนจะพยักหน้าอนุญาตให้เทาไปได้


                    มือเรียวรวบกระดาษในมือทั้งหมดขึ้นกระทุ้งแล้วเก็บมันใส่ในกระเป๋าเอกสาร ก่อนจะถอดแว่นตากรอบดำใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต


                     อันที่จริงการมาเป็นอาจารย์พิเศษในคณะนี้มันไม่ได้เหนื่อยหรอก ไม่เลยซักนิด



                    แต่สิ่งที่มันทำให้ชานยอลล้าจนแทบหมดแรง คือการที่เซฮุนพยายามจะหลบหน้าต่างหาก  ถ้าแค่ที่บ้าน เขายังพอเข้าใจได้ แต่นี่มันมหาวิทยาลัย ถ้าเซฮุนจะเกลียดหน้าเขาถึงขนาดยอมเสียการเรียนแบบนี้ เขายังควรจะเป็นอาจารย์สอนรายวิชานี้ต่อไปอยู่หรือเปล่า



                    "ฮัลโหล อี้ฟาน อยู่ไหนวะ--- อืม---โทรเรียกไอ้ลู่หานมาด้วย"







                    "เช็ดผมให้แห้งด้วย"


                    เสียงเนือยๆของจงอินเอ่ยเหมือนสั่ง แต่เซฮุนก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน ร่างสูงโปร่งเดินไปแง้มม่านหน้าต่างนิดๆ และก็เดินกลับมานั่งที่ปลายเตียง เมื่อเห็นว่าฝนยังคงตกหนักโดยไม่มีทีท่าจะเบาแรงลง


                    เกือบสามทุ่มแล้ว แบคฮยอนที่หลับอยู่อีกเตียงตั้งแต่กลับเข้ามาในห้อง ป่านนี้คงจะหลับฝันไปได้เป็นสิบเรื่อง และเซฮุนก็คิดว่าอากาศแบบนี้มันเหมาะเจาะที่สุด กับการนอนขี้เกียจสันหลังยาว กอดแฟนอยู่ใต้ผ้าห่ม



                    "ง่วงแล้วอะ"


                    "เช็ดผมก่อน เดี๋ยวป่วย"


                    "ไม่เอา ง่วงแล้ว"


                    คนคิ้วเข้มเอนตัวลงนอนตามขวางและหันมายิ้มแฉ่งให้จงอิน จนคนที่นั่งอยู่อีกมุมของเตียงอดไม่ได้ที่จะตีต้นแขนขาวๆของคนที่นอนอยู่เบาๆ



                    "ลุกขึ้นมาเช็ดผม"


                    "ไม่เอาาาา..." ยังคงงอแงแม้จงอินจะตะกายที่นอน ขยับตัวมาดึงแขนให้ลุกขึ้นนั่ง ที่จริงก็พอรู้ล่ะว่าบังคับให้เช็ดผมเพราะเป็นห่วง แต่เซฮุนสนุกจริงๆกับการได้งอแงใส่แฟนแบบนี้



                    "มาเร็ว เดี๋ยวเช็ดให้"  ก็เพราะไม่ว่าจะอะไร จงอินก็ยอมตามใจเขาทั้งนั้น เซฮุนรู้ว่าที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะจงอินกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจ และพาลไม่ชอบ ไม่อยากคบกับตัวเองเป็นแฟน



                    "จูบหน่อยดิ"



                    แม้จะไม่ตอบตกลงหรือปฏิเสธ แต่จงอินก็เลิกพยายามดึงแขนเขาไปแล้ว เพราะในตอนนี้เซฮุนเป็นฝ่ายลุกขึ้นมานั่งเสียเอง และโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่อยู่ตรงกันข้าม หลับตาลงตอนที่ริมฝีปากบางเฉียบแนบจูบหวานละมุนมอบให้กับจงอิน



                    นิ้วเรียวเกลี่ยเบาๆที่แก้มนิ่ม เชยคางคนตรงหน้าให้เงยขึ้นรับสัมผัสลึกซึ้ง จงอินเผยอริมฝีปากเหมือนกับรู้หน้าที่ ตอนที่เซฮุนสอดลิ้นเข้ามาชิมรสหวานล้ำ ช่วงหลังๆมันมาถึงขั้นนี้แทบทุกครั้งที่เราจูบกัน และเซฮุนก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอีกแล้วที่จูบกับเพื่อนตัวเอง



                    ในครั้งแรกที่จูบกัน.. เซฮุนแค่อยากจะลองจูบดู และเมื่อจงอินอ้างถึงความสัมพันธ์ เขาก็ไม่ลังเลสักนิดที่จะขออีกฝ่ายคบ



                    "งั้นมาลองเป็นมากกว่าเพื่อนกันดูดีมั้ย"



                    คำพูดที่เรียบง่ายแต่ทั้งหนักแน่นและอ่อนโยนในคราวเดียว มันทำให้จงอินใจอ่อนยวบตอนที่ได้ยิน เหมือนในเวลานี้ที่ร่างกายสั่นสะท้านไปหมดยามที่อีกคนแบ่งปันสัมผัสอ่อนโยนมาให้



                    "แล้วถ้าวันนึงเราไปกันไม่ได้ล่ะ"



                    "ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไง"



                    แววตาและท่าทางมุ่งมั่นของเซฮุนแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดสนใจสิ่งที่จงอินถามเท่าไหร่ ก็ถ้าหากคบกันแล้ว ใครก็อยากจะคบไปตลอดทั้งนั้น คงไม่มัวมานั่งคิดว่าตอนจากกันจะเป็นอย่างไร


                    และอีกอย่าง.. ก็เพราะคิดว่าสนิทกันมาก เข้าใจกันในแทบจะทุกเรื่อง ทั้งหมดนั้นมันก็มากพอให้มั่นใจว่าต่อให้วันหนึ่งไปกันไม่ได้ไกลในสถานะอื่น ความเป็นเพื่อนก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิม




                    ริมฝีปากที่บดเบียดกันสะท้อนเสียงหยาบโลน แทบไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แผ่นหลังถูกดันราบไปกับที่นอน จงอินอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายยังไม่ด้เป่าผมให้แห้ง แต่ตอนนี้เซฮุนเดาว่าคนตรงหน้าคงไม่สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว




                    มือเรียวลูบแผ่นอกของคนที่นอนราบ กดเน้นน้ำหนักมือผ่านเนื้อผ้า เสียดสีจนส่วนไวสัมผัสแข็งเป็นไตนูนจนเห็นเด่นชัด จงอินหอบหายใจ อ้าปากรับอากาศเข้าไปในปอด รู้สึกเหมือนหัวสมองโล่งไปหมด ตอนที่อีกฝ่ายหอมแก้มนิ่มหนักๆ และจูบเม้มตั้งแต่สันกรามลงมาถึงลำคอ



                    จงอินส่งเสียงคำรามอยู่ในลำคอ มันไม่ใช่เสียงครางหวานๆ หรือออดอ้อนเหมือนลูกแมว เป็นแค่เสียงอื้ออึงอยู่ในลำคอเพราะรู้สึกดี เสียงที่เซฮุนได้ยินชัดเจน ตอนที่ก้มลงลากลิ้นผ่านเสื้อนอน ให้สัมผัสที่ทั้งชื้นและสากกดลงที่ยอดอกของอีกฝ่าย  เซฮุนรู้สึกเหมือนหูตาอื้ออึงพร่ามัวไปหมดเมื่อแผ่นอกของจงอินสะท้อนขึ้นลงอยู่ตรงหน้าด้วยหอบหายใจแรง



                    มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ



                    "จงอิน.. กูขอนะ"



                    เสียงพูดของเซฮุนติดจะสั่นอยู่หน่อยๆ แต่สภาพของจงอินตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน แค่เพียงจูบเล็กๆน้อยๆที่คนตรงหน้าป้อนให้ เขาก็รู้สึกไปไกลเสียแล้ว ไหนจะจินตนาการก่อนหน้าอีก มันยิ่งขับให้ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของจงอินซับซีแดงเรื่อ ตอนที่แววตาคมกริบสะท้อนความรู้สึกแทบทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา



                    เซฮุนใช้มือข้างหนึ่งจับมือของคนที่นอนทอดกายอยู่ข้างใต้ สอดนิ้วประสาน ให้ความมั่นใจกับจงอินว่ามันจะไม่เป็นอะไร ตอนที่เขาพยายามจะตระเตรียมอะไรๆให้พร้อมเพื่อจงอินจะได้ไม่เจ็บมาก ป้อนจูบไปพลางก็เกลี่ยคลึงให้ช่องทางที่บีบรัดได้ผ่อนคลาย จวบจนตอนที่ควบเคล้าสอดใส่ตัวตนของตัวเองเข้าไปในร่างกายของจงอิน


                    ริมฝีปากเต่งที่เคยเรื่อสีสดตลอดเวลาตอนนี้กลับซีดจนไร้สี เซฮุนป้อนจูบอย่างเอาใจ ตอนที่เสือกกายเข้าไปจนสุดความยาวและค้างร่างกายไว้อย่างนั้นครูใหญ่เพื่อให้จงอินพักหายใจ


                    จนอินหอบหายใจขาดช่วง พรูลมหายใจร้อนระอุออกมาทั้งทางจมูกและปาก รู้สึกเหมือนดวงตากลมร้อนผ่าวตอนที่น้ำอุ่นๆไหลมาปริ่มที่ขอบตา



                    แม้จะเคยจินตนาการถึงอะไรแบบนี้มาบ้าง และก็เคยได้ดูจากหนังโป๊ชายหญิง แต่จงอินก็พบว่าประสบการณ์เชิงทฤษฏีพวกนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ชายซื่อใสในเรื่องพรรค์นี้แต่พอได้มาลองจริงๆ... จงอินก็พบว่า นอกจากจะเจ็บชิบหายแล้ว.. มันก็น่าอายไม่ใช่น้อย


                    การยอมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับใครซักคน  ตอนที่ยินยอมให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในร่างกาย  มันไม่ใช่แค่ความกลัว หรือความเจ็บเพราะไม่เคยทำ แต่สำหรับจงอิน เขารู้สึกอะไรมากมายกว่านั้น



                    แล้วก็เป็นเสียงพร่าที่กระซิบอยู่ข้างๆหู.. ที่ทำให้จงอินยอมหลับตาลงและปล่อยให้มันดำเนินต่อไป ทิ้งจังหวะเนิบนาบควบเคล้าจนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง


                    เหตุผลเดียวที่มีอยู่จะเพราะอะไรถ้าไม่ใช่สิ่งเดียวกัน  สิ่งเดียวที่คิมจงอินรู้สึกถึงมันมาตลอด และวันนี้ก็ได้มันตอบรับกลับมาจากโอเซฮุน



                    คำว่า 'รัก'



     



     


                    "มึงว่า.. น้องหลบหน้ากูอยู่หรือเปล่า"


                    ชานยอลคิดว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวมาตลอดนั่นหละ เพียงแต่ไม่เคยจะเอามาปรึกษาเพื่อน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าสองหัวก็คงไม่พอ เลยใช้ให้อี้ฟานเรียกลู่หานมารวมด้วยเป็นสามหัว เผื่อจะช่วยให้อะไรๆมันดีขึ้นกว่าเดิม
     


                    ทั้งที่นัดเพื่อนๆมาแฮงเอาท์ในร้านเหล้าที่บรรยากาศโคตรจะดี แต่อารมณ์ของชานยอลไม่ได้สุนทรีย์ตามเสียเท่าไหร่ แม้จะได้ระบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าปัญหาที่ทำให้ร้อนใจ ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมากนัก



                    "หลบนั่นแหละถูกแล้ว" อี้ฟานสรุปให้ และลู่หานก็พยักหน้ารับ

     


                    "กูว่าจริงๆแล้ว ในฐานะอาจารย์ประจำวิชา มึงควรจะเรียกตัวน้องมาคุย ไม่เกี่ยวกับว่ามึงกะน้องรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า แต่เล่นโดดเรียนแบบนี้ มันไม่ใช่แล้วนะกูว่า" ลู่หานตอบหลังจากฟังปัญหาของเพือนรักจบ เคาะก้นกรองบุหรี่ด้วยปลายนิ้วเรียวแล้วสูดเอานิโคตินเข้าปอดอีกครั้ง  พอเห็นท่าทีเหนื่อยอกเหนื่อยใจของเพื่อน ลู่หานก็อดถอนหายใจไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าชานยอลชอบเด็กคนนั้นก็เถอะ



                    "มึงอย่าไปตามเกมมันมากดิ โตจนอายุครึ่งห้าสิบแล้วยังให้เด็กมหาลัยปั่นหัวอยู่ได้"



                    "ก็กูรู้สึกว่าส่วนนึงมันก็เป็นความผิดกูนี่" ชานยอลเถียงแล้วยกบรั่นดีขึ้นจิบ เอนหลังพิงโซฟาที่มีสูทตัวนอกของเขาเองพาดเอาไว้ "ไม่อยากคิดมากแล้วว่ะ"



                    "ไม่อยากคิดมากแล้วจะคิดทำไมวะ"



                    "ก็บอกแล้วว่ากูรู้สึกว่ามันเป็นความผิดกูด้วย"



                    "ใช่ไง ความผิดมึงนั่นแหละถูกต้องแล้ว" ลู่หานเป็นคนที่เก่งมากเรื่องซ้ำเติมเพื่อน บอกไว้เผื่อจะยังไม่รู้ และคำซ้ำเติมของลู่หานก็เจ็บแสบถึงไส้ ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการกรีดเนื้อควักหัวใจแล้วใช้เกลือทาไปที่แผลเลย



                    "ตอนที่มึงมีโอกาสจะพูด มึงไม่ยอมพูด มัวแต่ทำตัวเป็นคนดี อ้างเหตุอ้างผล อ้างความเหมาะสมส้นตีนอะไรตั้งมากมาย แล้วตอนนี้เป็นไง มึงแทบจะยอมทิ้งเหตุผลทุกอย่าง ขอแค่ได้พูดกับน้อง ทำเหมือนจะเป็นจะตาย พอรู้ว่าน้องมันไม่อยากจะฟังอีกแล้ว"

     

                    ชานยอลทำหน้าเหยเกแล้วหลับตา ทำท่าเหมือนไม่อยากจะฟังต่อ แต่ก็เพราะมันแทงใจเสียจนทนฟังแทบไม่ได้น่ะสิ เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาหลับตานิ่งอยู่นาน นึกถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว..เรื่องที่เขาพยายามจะลืมมาโดยตลอด แต่ไม่เคยจะทำได้เลย..


                    ตอนนี้ชานยอลไม่แน่ใจแล้ว.. ว่าเซฮุนจะยังอยากรู้เหตุผลของเรื่องราวในวันนั้นอยู่หรือเปล่า





    ติ ด ต า ม ต่ อ ต อ น ห น้ า

    _____________________________________________
     
    #พิชาน25น้องฮุน18  #ฮุนไคDistant
     
    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×