ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #13 : ( 18 x 25 ) - สิบสอง : ลุ่มหลง

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 59


    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun / Sehun x Kai By:ซรดจ.


     



     
    สิบสอง . ลุ่มหลง
    ______________________________







     
     
                คยองซูนั่งหน้าคว่ำอยู่บนรถเมล์ เพราะโกรธที่ได้ยินคำพูดนั้นจากแบคฮยอน

               'จีบ'


               ริมฝีปากแดงเต่งช้ำเจ่อเพราะคยองซูขบกัดมันโดยไม่รู้ตัวด้วยอดกลั้นอารมณ์โกรธ เกือบนาทีหลังจากได้ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะรถเมล์คยองซูก็ถอนหายใจยาว เอนตัวพิงพนักเบาะและแลบลิ้นชืดเลียริมฝีปากที่แห้งผากนั้นคล้ายจะปลุกปลอบตัวเองให้สงบอารมณ์



               อีกนานทีเดียวกว่าจะถึงบ้าน คยองซูไม่ได้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมากนัก และการนั่งรถประจำทางที่จอดทุกป้ายโดยสารก็ทำให้ระยะเวลาการเดินทางยิ่งยืดยาวออกไป โดยปกติเขาจะไป-กลับโดยการใช้มอเตอร์ไซค์สำหรับส่งอาหารของที่บ้าน แต่หลังจากไปชนรถของแบคฮยอนและออกอาการเอ๋อสตาร์ทติดบ้างไม่ติดบ้าง คยองซูก็ได้แบคฮยอนคอยบังคับไปรับไปส่งอยู่ตลอด



               ทำนั่นทำนี่ให้ โดยที่ไม่เคยถามซักคำว่าต้องการหรือเปล่า




               มือเล็กลูบท้องแขนของตัวเองเพราะความแสบ และพบว่าตอนที่ปึงปังออกมานั้นไม่รู้ว่าแขนเขาไปข่วนกับอะไรมาเป็นทางยาว แม้จะไม่ลึกแต่ก็มีเลือดไหลซิบ


               คยองซูถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังเจออยู่ รู้สึกโกรธหน่วงๆในอกขึ้นมาอีก เหงื่อที่ไหลซึมจากไรผม ชื้นแม้กระทั่งที่ฝ่ามือ ทำให้คยองซูรู้ตัวว่าเผลอกำมือแน่นแค่ไหน






               "เพื่อนคนไข้เชิญด้านในได้แล้วนะคะ"


               พยาบาลสาวที่เดินออกมาจากห้องตรวจโค้งให้เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเซฮุนและจงอินนิดๆ ก่อนจะหันมามองและปรายยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ เธอคงไม่รู้ว่าจงอินและเซฮุนที่เพิ่งมาใหม่ก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของจุนฮงเช่นกัน แต่แม้ว่าเธอจะเดินไปแล้ว


               เซฮุนก็ยังคงจ้องหน้าเด็กม.ปลายที่นั่งอยู่ตรงหน้า


               "เพื่อนจุนฮงเหรอเรา"


               "เอ่อ...ครับ"


               "ชื่ออะไรล่ะ"


               เซฮุนถามตอนที่เปิดประตูเข้าไปหาน้องชายภายในห้องตรวจ เด็กผู้ชายรูปร่างเล็กโค้งและเดินนำหน้า เมื่อเซฮุนพยักหน้าให้คนอายุน้อยกว่าเข้าไปในห้องก่อน


               "แดฮยอนครับ"

               ตอนที่คนตรงหน้าอ้อมแอ้มตอบ แต่จงอินได้เห็นดาวที่ปักอยู่บนหน้าอกของแดฮยอน


               สามดาว..
               ก็เท่ากับม.ปลายปีสาม แต่จุนฮงอยู่ม.ปลายปีหนึ่ง แล้วจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไงวะ




               จงอินเก็บคำถามนั้นไว้ในใจ เพราะทั้งแดฮยอนและเซฮุนกำลังสนใจจุนฮงที่อยู่บนเตียงและเข้าเฝือกแข็งที่ขาข้างซ้ายเอาไว้ ยิ้มกว้างและยีผมแดฮยอน ใช้อีกมือตบไหล่พี่ชาย และพูดอย่างสดใสให้เชื่อว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ


               ว่าแต่เพื่อนที่ไหนจะยิ้มตาหวานเชื่อม แถมยังมียีผม ขยี้หัว หยิกแก้ม
               เพื่อนกันเค้าไม่ทำแบบนี้หรอก! ดูอย่างเขาและเซฮุนเป็นต้น..



               "ซ่านักนะมึงอะ ขับอีท่าไหนไปชนวะ"


               "โหพี่ ผมอะมาทางหลัก แต่รถที่มันมาชน แม่งมาทางเบี่ยง มันควรชะลอแม่งก็ไม่ชะลอ พุ่งมาซะ หักหลบแทบไม่ทัน ผมนี่ยืนขึ้นเลย" ทำท่าจะยืนขึ้นอีกแต่ก็เจ็บขาทุลักทุเลจนแดฮยอนต้องช่วยประคองให้กลับไปนั่งที่เดิม


               เซฮุนลูบหน้าผากตัวเอง ใช้มืออีกข้างเท้าเอวแล้วมองสภาพน้องชาย แม่งนี่มันไม่ได้ต่างอะไรกับเขาเมื่อช่วงก่อนเปิดเทอมเลย จุนฮงนี่มันน้องชายโดยสายเลือดจริงๆ



               "ไม่เจียมสังขารนะมึง แล้วตกลงนี่ป๊าแม่โทรบอกมั้ยว่าเขาจะมาหรือเปล่า เพราะพี่ขี่มอไซค์มา"



               "ก็ไม่ได้บอกนะ พี่โทรหาแม่ดิ"



               จุนฮงส่ายหน้าวืดๆ ดูไร้เดียงสาและกวนส้นเท้าไปพร้อมๆกัน เซฮุนนึกภาพน้องชายซ้อนอยู่บนมอไซค์สี่สูบของตัวเองทั้งที่ขาเป๋แล้วส่ายหัว ปลีกตัวออกจากห้องตรวจไปคุยโทรศัพท์ เหลือไว้แต่ความเงียบแบบอิหลักอิเหลื่อ แดฮยอนนั่งตัวเกร็งตอนที่จุนฮงลูบแก้มแล้วทำเสียงออดอ้อน



               "พี่ไม่เป็นไรใช่ปะ เจ็บตรงไหนมั้ย เป็นห่วงนะ"


               "ห่วงตัวเองก่อนเหอะ"



               จงอินมองภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม เพื่อนที่ไหนเขาทำแบบนี้กัน







     


               "กลับมาแล้วครับ"


               คยองซูส่งเสียงพูดพอเป็นพิธี ตอนที่ก้มหัวผ่านป้ายผ้าสีแดงสดหน้าร้านที่สกรีนตัวอักษรแผ่นละตัววางเรียงกันจับใจความได้ว่าบะหมี่จักรพรรดิ  วันนี้ร้านปิดแล้ว คงเพราะขายของหมดไว


               บ้านของคยองซูเป็นตึกแถวขนาดสองคูหา ด้านหน้าเปิดเป็นร้านบะหมี่ มีโต๊ะไม้และเก้าอี้สแตนด์เลสแบบกลมวางเรียงไว้เป็นชุด เมื่อผ่านตัวร้านเข้าไปทางด้านหลังของบ้านด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำสำหรับลูกค้าที่สะอาดสะอ้านและดูโอ่โถงน่าให้นั่งปลดทุกข์  ตรงข้ามกันกับประตูห้องน้ำเป็นบันไดขึ้นสู่ชั้นบน สุดทางเดินจะเป็นห้องครัวที่พ่อใช้ทำบะหมี่


               ครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ได้อดอยากปากแห้ง


               "เฮียกลับมาแล้วเหรอ"


               อีซู น้องสาวคนสุดท้องที่ยังเรียนชั้นประถมทำตาหยีแล้วยิ้มให้พี่ชาย  ฮาอี น้องสาวคนรองก็ยิ้มให้คยองซูเช่นกัน


               "วันนี้ปิดร้านเร็วแหละค่ะเฮีย ป๊าม๊าเลยขึ้นไปนอนแล้ว"


               "อ๋อ อืม" คยองซูพยักหน้ารับและถอดรองเท้า เดินผ่านน้องสาวทั้งสองคนที่ใช้โต๊ะสำหรับลูกค้านั่งเป็นโต๊ะทำการบ้าน  ก่อนจะเก็บรองเท้าเข้าที่ตู้ข้างบันไดและเดินกลับมาเท้าแขนกับโต๊ะ ชะโงกหน้าไปดูสมุดการบ้านที่สองพี่น้องกำลังใจจดใจจ่อช่วยกันทำ


               "ทำการบ้านวิชาอะไรอยู่"


               "คณิตศาสตร์ค่ะ" อีซูตอบเสียงใส "เจ๊ฮาอีสอน"


               "งั้นถ้าหมวยมีตรงไหนไม่เข้าใจมาถามได้นะ เดี๋ยวเฮียขึ้นไปเขียนแผนการสอนบนห้องนอน"


               พอพูดจบ น้องสาวทั้งสองคนก็รับคำอย่างน่ารัก ยิ่งได้เห็นแล้วคยองซูก็ยิ่งอยากจะตั้งใจเรียนให้จบไวๆ ทำงานหาเงินมาส่งเสียให้น้องๆได้เรียนเยอะๆ และช่วยทำอะไรๆให้พ่อและแม่ได้สบายขึ้น



               เพราะถูกสอนให้ปากกัดตีนถีบ ขยันทำงานมาตั้งแต่เด็ก คยองซูถึงไม่ใช่คนเหลาะแหละเกี่ยงงาน เขาอยากจะทำทุกทางให้ครอบครัวสบาย



               มือเล็กเปิดตู้รองเท้าอีกครั้งตอนที่เดินผ่าน ตากลมของคยองซูทอดมองช่องเก็บรองเท้าที่ว่างเปล่าไปหนึ่งช่องแล้วถอนหายใจ  นอกจากฮาอีและอีซูแล้ว เขายังมีน้องชายอยู่อีกคน แต่หมอนั่นไม่ค่อยได้กลับบ้านนัก


               หลังจากขึ้นมาบนห้องนอน และจัดการเก็บข้าวของเข้าที่เรียบร้อย คยองซูก็ถึงได้รู้ตัวว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นปาหัวหมาของเขาแบตหมด แต่แม้ว่าจะพยายามชาร์ต มันก็ยังคงไม่ติดอยู่ดี



               คยองซูทิ้งตัวนอนกางแขนบนเตียงแล้วถอนหายใจ เตรียมบอกลาโทรศัพท์สัปปะรังเคที่คงใกล้จะหมดอายุไขของมัน นึกถึงแบคฮยอนที่คงต้องโทรตามล้างตามเช็ดและหาว่าเขาหนีหนี้เป็นแน่แท้ แต่คยองซูก็ไม่คิดจะสนใจอีกแล้ว

     


               แค่คยองซูนึกถึงรายจ่ายตอนที่อีซูต้องใช้ตอนเข้ามัธยมต้น คิดว่าจะต้องทำยังไงถึงจะหาเงินมาส่งน้องสาวคนเล็กเรียนได้เขาก็มีเรื่องเครียดมากพอจะลืมความน่ารำคาญใจของแบคฮยอนไปได้แบบไม่ต้องเสียเวลา





     

               เซฮุนเปิดประตูห้องและกลับเข้ามาภายในตอนที่คุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย เสียงของแม่ที่พูดผ่านโทรศัพท์ยังดังเหมือนก้องสะท้อนอยู่ในหัว


               "พ่อกับแม่ปลีกตัวไปไม่ได้จริงๆ ไม่แน่ใจเลยว่าคืนนี้จะได้กลับโซลไหม ถ้าน้องไม่เป็นอะไรมาก เซฮุนก็ช่วยกลับมาอยู่บ้านดูน้องซักระยะนะ แม่กำลังจะให้พี่ชานยอลเขาไปรับที่โรงพยาบาล"


               คำว่า พี่ชานยอล ของแม่ยิ่งทำให้เซฮุนรู้สึกเบื่อหน่าย


               "พี่ แม่ว่าไง"


               "เดี๋ยวแม่ให้พี่ชานยอลขับรถใหญ่มารับ"


               เซฮุนพึมพำตอบ และจุนฮงก็พยักหน้าหงึกหงัก ตอนที่เซฮุนหันมาพูดกับจงอินด้วยโทนเสียงที่เบาลงและอ่อนโยนอบอุ่นกว่าเก่า


               "เดี๋ยวแม่ให้คนข้างบ้านมารับจุนฮง มึงก็กลับกะกู เนอะ? เดี๋ยวกูไปส่งหอ"


               "ลำบากหรือเปล่า...มึงไปกะน้องมึงดิ"


               "กูต้องเอาสมรักษ์กลับไง" เซฮุนพูดถึงมอเตอร์ไซค์ลูกรักของตัวเอง จงอินขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด


               "แล้วมึงก็ต้องเทียวกลับมาบ้านหลังจากส่งกูเนี่ยนะ กูกลับเองได้เว้ย ไม่เป็นไรจริงๆ"


               "งั้นไปนอนบ้านกู"



               เซฮุนที่ตอนนี้นั่งอยู่ปลายเตียงผู้ป่วยพยักหน้าหงึกและวางมือแปะลงบนหัวจงอินเหมือนกำลังพูดกับลูกหมาตัวน้อย ไม่ต่างอะไรกับที่จุนฮงทำกับแดฮยอนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้  จงอินรู้สึกร้อนวูบที่หน้าเพราะความอายพอคิดว่ายังมีคนอื่นอยู่ในห้องนี้เช่นกัน


                "โอเค นอนบ้านกูครับคนดี" เซฮุนสรุปให้



                ไม่กี่สิบนาทีจากนั้นชานยอลก็มาถึง ปฏิเสธไม่ได้ว่าชานยอลดูคล่องแคล่วกับการกรอกเอกสารส่วนตัวที่เป็นข้อมูลของครอบครัวเขา ดูเชี่ยวชาญและรู้ไปเสียหมดทุกเรื่อง หลายครั้งที่ต้องพึ่งพาอาศัยชานยอลในหลายๆอย่าง



                เซฮุนมองภาพชานยอลที่พูดคุยกับหมอเจ้าของไข้ด้วยสีหน้าจริงจัง ทำไมคนๆนั้นต้องทำเดือดร้อนเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองด้วยนะ ทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับชานยอลซักนิด.. แล้วทำไมต้องเข้ามาช่วยเหลือทุกอย่างแบบนี้ด้วย..


                น่าเบื่อที่สุด...


                "คนนั้นเหรอ พี่ข้างบ้าน" จงอินถามขึ้นมาลอยๆและเซฮุนก็ไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่า 'อืม' เพียงคำเดียว


     






                "แดฮยอนเองก็จะไปลงที่บ้านใช่ไหม หรือจะให้พี่ไปส่งที่ไหน" ชานยอลมองแดฮยอนผ่านทางกระจกมองหลังตอนที่ขับรถออกจากลานจอดรถของโรงพยาบาลหลังจากที่เซฮุนเลือกจะแยกกลับเองเพราะขี่มอเตอร์ไซค์มา



                "สถานีรถไฟใต้ดินก็ได้ครับ สถานีไหนก็ได้" แดฮยอนตอบและพึมพำขอบคุณ แม้ว่าจุนฮงจะจิ๊ปากทำท่าไม่พอใจกับสิ่งที่แดฮยอนพูดออกมาก็ตาม



                ชานยอลขับรถไปเรื่อยๆ และชวนเด็กทั้งสองคนคุยเพราะไม่ต้องการจะให้เกิดบรรยากาศเงียบๆ ที่ทุกคนอึกอักไม่กล้าจะพูดอะไรต่อกัน จนกระทั่งถึงสถานีรถไฟใต้ดินอันเป็นที่หมายของแดฮยอน



                "ขอบคุณมากนะครับพี่" แดฮยอนก้มหัวอย่างสุภาพให้พี่ชายแปลกหน้าที่เป็นคนข้างบ้านจุนฮง และหันไปบอกคนที่นั่งขาเดี้ยงทำหน้าเป็นตูดอยู่ที่แดฮยอนไม่ยอมกลับบ้านด้วยกันก่อนจะลงจากรถ



                "เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรหา ห้ามงอน"



                จุนฮงมองแดฮยอนจนคนตัวเล็กเดินไปลับสายตา และชานยอลก็มองจุนฮงอยู่เช่นกัน  


                ด้วยความที่อยู่ข้างๆบ้านกันมาตั้งแต่เด็ก ไปมาหาสู่แวะเวียนและช่วยเหลือกันและกันตลอดระหว่างทั้งสองบ้าน แม้จะสนิทกับเซฮุนมากกว่าจุนฮง แต่ชานยอลก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองพี่น้องได้ด้วยความรู้สึกสบายๆ เหมือนคนคุ้นเคยกันดี


                "แฟนเหรอ" คนแก่กว่าถามขึ้นทั้งรอยยิ้มคล้ายจะแซว จุนฮงหัวเราะแล้วรับคำ


                "ใช่ครับ น่ารักปะ"


                "เรียนชั้นเดียวกันเหรอ" ชานยอลถามขึ้นโดยไม่มองหน้า แตะเบรคเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงและแกะกระดุมเสื้อที่ข้อมือเพื่อพับแขนเสื้อขึ้น จุนฮงสั่นหัว


                "รุ่นพี่ที่โรงเรียนครับ แก่กว่าผมสามปี"


                ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองจุนฮงแล้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทั้งอ่อนโยนและเอ็นดูน้องชายข้างบ้านคนนี้อยู่ในที


                "ชอบคนแก่กว่าเหรอ"


                จุนฮงส่ายหน้าดิกแล้วเอาศอกเท้ากับขอบหน้าต่างรถและใช้มือม้วนผมหน้าม้าของตัวเองเล่นก่อนจะหัวเราะออกมาเขินๆตอนที่อ้อมแอ้มตอบ


                "ไม่เกี่ยว ต่อให้เป็นเด็กอนุบาล ถ้าเป็นพี่แดฮยอนผมก็ชอบอยู่ดีอะ" จุนฮงพูดแล้วหัวเราะเปิดเผยจนดวงตากลมหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว และชานยอลก็ไม่ได้ตอบอะไรเพราะสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี


                หลังจากถึงที่หมายและส่งน้องชายข้างบ้านเสร็จเรียบร้อย ชานยอลก็พบว่าอี้ฟานเพื่อนรักมาจอดรถรออยู่หน้าบ้านครู่ใหญ่แล้ว กอรปกับเซฮุนถึงบ้านพอดี เขาจึงแยกกับจุนฮงตรงนั้น เพราะไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเซฮุนตรงๆ..


                เขาดูออก..ว่าเซฮุนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาเท่าไหร่



                อี้ฟานดับเครื่องและลงจากรถตอนที่ชานยอลกำลังเดินมาหา ยื่นซองจดหมายให้ชานยอลรับไปอ่านแล้วพูดเสียงเรียบ



                "เรื่องพี่บยองฮี" ชานยอลถอนหายใจพอได้ยินว่าเป็นเรื่องอะไร รับจดหมายจากเพื่อนรักมาและเดินนำเข้าบ้านไป


                "เข้าไปคุยข้างในแล้วกัน"  






                "พี่บยองฮีเขาจะกลับเกาหลีเดือนหน้า ทีนี้เขาเลยกลัวว่าถ้าเขาออกข้อสอบเอง มันจะลำบากตอนตรวจ เพราะมึงเป็นคนสอน" อี้ฟานแจกแจงให้ฟัง ตอนที่เข้ามานั่งอยู่ในห้องรับแขกและรับน้ำผลไม้จากชานยอลมาดื่ม


                เจ้าของบ้านแกะจดหมายจากรุ่นพี่ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในคณะของเซฮุน ข้อความที่อยู่ในจดหมายเป็นคำมอบหมายและฝากฝังให้ช่วยออกข้อสอบปลายภาควิชาที่เขาไปเป็นอาจารย์พิเศษ



                แรกเริ่มเดิมที ชานยอลไมได้ตั้งใจจะอาสาไปเป็นอาจารย์สอนที่คณะนิเทศในระยะยาว แต่เพราะบยองฮี รุ่นพี่ที่เคยเรียนวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เรียกให้ไปช่วยงานในวันแรกวันนั้น พอได้เห็นหน้าเซฮุน... เซฮุนที่หลบหน้ากันมาแทบจะตลอดเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชานยอลก็แทบจะคุกเข่าขอให้ได้สอนต่อในวิชาที่เซฮุนลงเรียนเสียเดี๋ยวนั้น



                ด้วยโชคดีและอะไรหลายๆอย่างที่เหมาะเจาะ หลังจากนั้นไม่กี่วันบยองฮีก็ต้องไปสัมมนาหลักสูตรของคณะที่ต่างประเทศ เขาจึงถูกเรียกตัวให้มาสอนแทนในฐานะอาจารย์พิเศษ..



                "คือพี่บยองฮีเขาเกรงใจ ว่ามึงจะโอเคมั้ย เพราะว่ามันก็ค่อนข้างหนักอยู่น่ะ ปลายภาค"



                "ไหวดิ กูอยากทำ"


                ชานยอลที่เงียบไปนาน พออี้ฟานถามแบบนั้นก็ตอบทันควันและเงียบไปอีก แม้จะหลบสายตา แต่อี้ฟานก็เข้าใจสิ่งที่คนข้างๆตัวแสดงออก


                คงคิดถึงเด็กคนนั้นมากสินะ


                "ชานยอล ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมมึงไม่บอกเขาไปวะ"


                อี้ฟานอดไม่ได้ที่จะถาม เขาไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างชานยอลและเซฮุนมันไปสะดุดเพราะอะไรที่ตรงไหน ทำไมจู่ๆชานยอลที่เป็นฝ่ายคอยดูแลและใส่ใจในทุกๆเรื่องของเซฮุนมาตลอด จู่ๆถึงปฏิเสธแข็งขันแบบนั้น ทั้งที่ปากพูดว่าไม่ได้รักเซฮุน ไม่สามารถจะคบเซฮุนด้วยความสัมพันธ์แบบชู้สาวได้ แต่การกระทำและความรู้สึกข้างในกลับสวนทางกัน



                "กูรู้ ว่าแต่ก่อนมึงอาจจะคิดกับเขาแค่น้อง แต่หลังจากนั้นน่ะ มันไม่ได้แค่นั้นไม่ใช่เหรอวะ"



                แต่ชานยอลก็ยังคงเงียบ..



                ชานยอลกับเซฮุนรู้จักกันมาแทบจะตั้งแต่ยังเด็กด้วยสถานะพี่ชายและน้องชาย จากความเอ็นดู และผูกพัน แน่นอนว่ารวมถึงความรักด้วย แต่มันก็อยู่ในขอบเขตความสัมพันธ์แบบที่พี่และน้องพึงมีต่อกัน


                แต่ช่วงเวลาหลังจากนั้น ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นจนแทบจะใช้ชีวิตอยู่โดยมีกันและกันเป็นชีวิตประจำวัน ชานยอลก็เริ่มสับสนว่าความรู้สึกที่มีต่อเซฮุนมันจะมากกว่านั้น


                และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาชอบเซฮุนมากขึ้นเรื่อยๆ มากจนดูเหมือนจะกลายเป็นควบคุมไม่ได้ มากเสียจนอะไรๆมันเริ่มจะเกินเลยไปไกลกว่าที่ชานยอลคิดไว้
     


                "มันยังจะทันอยู่ไหมวะ.." เสียงแหบแห้งเอ่ยตอบคำถามของอี้ฟานด้วยคำถาม ท่าทางเหนื่อยล้าและน้ำเสียงของคนที่เหมือนใจจะสลายอยู่ตรงหน้าทำให้อี้ฟานเม้มปากและมองเพื่อนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง


                สิ้นคำถามก็กลายกลับเป็นความเงียบชวนอึดอัดที่ไร้เสียงสนทนา อี้ฟานไม่ได้ตอบ และชานยอลหลับตาแน่น ข่มใจไม่ให้ร้องไห้ออกมา


                เพราะเขากลัว... กลัวจริงๆว่ามันจะไม่ทัน..
                 "มึงว่ามันจะยังบอกน้องทันไหม...ว่ากูรักน้อง"









     
     
    hztao: พรุ่งนี้มึงมาเรียนวิชาอ.ชานยอลด้วยนะ
    hztao: เดี๋ยวเขามีควิซท้ายคาบ
    hztao: คาบที่แล้วมึงก็ขาด ห่า




                เซฮุนนั่งมองข้อความที่ถูกส่งมาทางไลน์อยู่นานเกือบครึ่งนาทีโดยไม่ได้พิมพ์อะไรตอบกลับไป อันที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะตอบหรอก แต่คิดไม่ออกมากกว่าว่าควรจะตอบยังไงดี


                เซฮุนมองค้างอยู่แบบนั้นจนกระทั่งจงอินเปิดประตูห้องเข้ามาหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย มือเรียวกดปิดเสียงโทรศัพท์และวางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะหันมาถามจงอิน


                "ปิดไฟห้องน้ำหรือยัง"


                "อื้ม ปิดแล้ว"


                เซฮุนเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้สวมเสื้อยืดและกางเกงบอลของเขา กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม และทำหน้าง่วงนอนเสียเต็มแก่  เจ้าของห้องที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงยิ้มกว้างแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะตบที่นอนเรียกให้คนรักเดินมาหา


                "มา เช็ดผมให้"


                จงอินนิ่งไปนิดหน่อย และเดินมาทิ้งตัวลงนั่งพิงขอบเตียงโดยหันหลังให้อีกฝ่าย เซฮุนอมยิ้มนิดๆ ไม่รู้ว่าทำไมจงอินถึงไม่ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกันดีๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร รับผ้าขนหนูสีชมพูอ่อนมาเช็ดผมให้อีกคนแรงๆ จนจงอินหัวสั่นหัวคลอนไปหมด โวยวายเอ็ดขึ้นมา


                "เฮ้ย จะเช็ดผมหรือจะฆ่ากูวะเซฮุน"


                "เช็ดผมดิ ไม่งั้นไม่แห้งไง"


                พูดทั้งรอยยิ้ม ดวงตาที่หยีโค้งจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ดูก็รู้ว่ามันเป็นรอยยิ้มกวนส้นตีนของโอเซฮุนชัดๆ จงอินล่ะอยากจะใช้ผ้าขนหนูเปียกฟาดมันจนกว่าผ้าจะแห้งจริงๆ


                "แกล้งกู"


                "โอ๋ๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้"


                จงอินบ่นเสียงเง้าจนเซฮุนต้องหัวเราะออกมาและเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก ควานหาไดร์เป่าผมมาเสียบปลั๊ก และค่อยๆเป่าผมให้คนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าอย่างเบามือ เสียงไดร์เป่าผมและลมอุ่นๆทำให้จงอินตาปรือคล้ายจะเคลิ้มหลับ
     

                เซฮุนมองใบหน้าของจงอินผ่านเงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่ที่ใช้ส่องเวลาแต่งตัว  ใบหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนง่วงงุนอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ประสา แต่ก็เข้าอกเข้าใจและรับฟังในทุกๆอย่างตั้งแต่ได้รู้จักกันมา ในบางครั้งก็เป็นเหมือนเพื่อน และในบางครั้งก็เป็นเหมือนครอบครัวในเวลาที่เซฮุนรู้สึกโดดเดี่ยว


                "เสร็จแล้ว" ส่งเสียงบอกตอนที่กดปิดไดร์เป่าผมและดึงปลั๊กออกเพื่อเก็บเข้าลิ้นชักตามเดิม


                "อื้อ จะนอนละ"  จงอินงึมงำแล้วก็ตะกายลุกขึ้นจากพื้นขึ้นมานอนบนเตียง


                อันที่จริงเขาชินตั้งแต่ยังไม่คบกันเป็นแฟนแล้วล่ะกับการนอนร่วมเตียงกับจงอิน ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยพิศวาสมันเลยแท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้พอเห็นปากเจ่อๆ แก้มใสๆ ตาปรือๆเหมือนคนง่วงนอน เขาล่ะอยากจะแกล้ง อยากจะฟัดมันด้วยความหมั่นเขี้ยว


                "ง่วงแล้วเหรอวะ หืม" ยีผมคนที่ทำตาปรือใส่แล้วทิ้งตัวลงหนุนหมอนนุ่นใบใหญ่พึมพำตอบรับอยู่ในลำคอ ใช้หัวแม่โป้งเกลี่ยลูบหน้าผากของจงอินอยู่พักนึง เซฮุนเดินไปปิดไฟและทิ้งตัวลงบนที่นอนว่างข้างๆกันแล้วรั้งเอวจงอินมากอดและซุกหน้ากับกลุ่มผมนิ่ม รู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่มีจงอินอยู่ข้างๆตอนนี้


                "ฝันดีนะ"

     
                "เซฮุน"


                "หืม"


                "ถามอะไรหน่อยดิ.." คนที่นอนหันหลังให้ในตอนแรกพลิกตัวนอนตะแคงและหันหน้าคุยกับเจ้าของเตียง ยิ่งนอนเอียงตะแคงข้างแบบนี้ ยิ่งทำให้เซฮุนเห็นเงาเว้าโค้งรางๆของเอวเล็กและสะโพกได้ชัดเจน


                "อืมม ว่าไง"


                "..เริ่มรักกูบ้างหรือยัง" จงอินพูดอุบอิบไม่เต็มคำ เสียงสั่นเสียจนเซฮุนต้องกางแขนกอดแล้วถามกลับ


                "กูกลัว..ว่าถ้าแบบ...มีอะไรที่มันไม่โอเค..ถ้ากูทำไรไม่โอเค บอกกูได้ตลอดเลยนะ"


                "ทำไมถามแบบนี้" อยากจะถามต่ออีกด้วยว่าทำไมคิดมากอะไรแล้วชอบเงียบ ทำไมคิดมากอะไรแล้วต้องเก็บไว้คนเดียวด้วย


                "เปล่า..กูแค่อยากรู้อ่ะ ไม่ตอบก็ได้นะ" จงอินพูดจบก็ทำท่าจะนอนหันหลังให้อีกจนเซฮุนต้องจับไหล่เล็กไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบเบาๆที่ริมฝีปากเจ่อ มันไม่ใช่จูบที่รุกเร้าร้อนแรง เป็นเพียงการแนบริมฝีปากแตะริมฝีปากและผละออก และกระซิบเบาๆ


                "รักดิ ถ้าไม่รัก ไม่คบหรอก"


                "อื้อ.." จงอินไม่ได้เขินอายหรือหลบสายตา "กูก็รักมึง"


                คำพูดตรงไปตรงมาจากคนที่นอนอยู่ตรงหน้าทำให้เซฮุนยิ้มด้วยความเอ็นดูและเลื่อนริมฝีปากไปจูบเบาๆที่แก้มของจงอินแล้วพูดเสียงพร่า ฟังดูหื่นแบบสุดๆ!!


                "เดี๋ยวเหอะ อ่อยเหรอน้อง"


                "อ่อยบ้านมึงดิ ใครจะไปอ่อยคนแบบมึง" มือคู่เล็กของจงอินผลักหน้าเซฮุนเสียแรงจนคนที่โดนร้องโอ้ยแล้วหัวเราะร่วน รวบตัวจงอินมากอดจนแผ่นหลังแนบกับอกของตัวเอง


                "เขินเหรอ ไม่ต้องเขินแล้วมั้ง" น้ำเสียงเย้าแหย่กลายเป็นโทนเสียงทุ้มเรียบจนแทบกลายเป็นกระซิบ "ฝันดีนะ"



     



     

               แบคฮยอนโทรหาคยองซูไม่ติดเลย......


               ไม่ค่อยจะเข้าใจซักเท่าไหร่ ว่าเพราะอะไรคยองซูถึงได้โกรธมากขนาดนั้นเพียงแค่เขาบอกว่าอยากจะจีบ  หรือจะว่าเขาเป็นผู้ชายโปรไฟล์ห่วยก็ไม่น่าจะใช่  


              บยอนแบคฮยอนไม่ใช่ขี้ๆนะครับ  เรียนคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยโซล ที่บ้านก็ฐานะจัดว่าดี หน้าตาน่ะเหรอ..แน่นอนว่าก็ต้องดีอยู่แล้ว อาจจะตัวเตี้ยไปบ้าง แต่ยังไงก็สูงกว่าคยองซูก็แล้วกัน-_-!


               เขาดูแลคยองซูดีแทบจะในทุกๆเรื่อง ทั้งไปรับไปส่ง พาไปกินอาหารอร่อยๆ เรียกได้ว่าเปไม่อั้น ไม่เคยจะให้คยองซูต้องจ่ายซักแดง แม้จะใช้เหตุผลเรื่องค่าเสียหายมาเป็นข้ออ้างจะเจอคยองซูก็เถอะ


               หรือจะเพราะคยองซูชอบผู้หญิง..
               ก็ไม่น่าใช่ แบคฮยอนคิดว่าเรด้าห์ของเขาไม่น่าจะผิด


               จากที่ตั้งใจขับรถมารับคยองซูที่หน้าบ้านแต่เช้า กลายเป็นว่าจนแล้วจนรอด คยองซูก็ไม่ออกมาจากบ้านเสียที  กระทั่งใกล้จะถึงเวลาร้านเปิดและเลยเวลาเข้าเรียนมาแล้วก็ตาม..


               วันนี้เขาต้องเข้าแลปผ่ากรอส.. แต่ดูสิ่งที่นักศึกษาแพทย์บยอนแบคฮยอนทำสิ..


                ปกติแล้วหน้าร้านของคยองซูจะเป็นกระจกทั้งหมด และแปะสติ๊กเกอร์สีแดงที่เป็นตัวอักษรชื่อเมนู และเวลาเปิดร้าน  ถ้าจำไม่ผิดเหล็กม้วนที่ถูกดึงปิดคงยังไม่เปิดจนกว่าจะสิบโมงเช้านั่นแหละ


            แบคฮยอนถอนหายใจ  ลดกระจกหน้าต่างลงก่อนจะดับเครื่องและยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นจิบเพื่อรอเวลา


               ยังไงซะวันนี้เขาก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าพี่คยองซูหลบหน้าเขาทำไม







     

               "เมื่อเช้าจุนฮงไปเรียนยังไงน่ะ"


               "เพื่อนมารับ" เซฮุนทาเนยที่ขนมปังปิ้งแล้วยื่นมันให้จงอินที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษา(ของเซฮุน)เรียบร้อย  โชคดีที่ในล็อคเกอร์ที่มหาลัยมีชุดบัลเล่ต์และรองเท้าสำรองเอาไว้ เลยไม่ต้องลำบากย้อนไปย้อนมาระหว่างบ้านกับหอ


               "แล้ววันนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมใส่ชุดนี้อะ"


               จงอินถามโดยไม่มองหน้า เคี้ยวขนมปังไปพร้อมๆกับอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว ยกขาข้างนึงขั้นชันบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่และใช้คางเกย


               เซฮุนมองคนตรงหน้าแล้วยิ้มกว้าง ถามคล้ายจะลองเชิง อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไปเรียน.. ไปเจอหน้าชานยอล



              "อืม วันนี้ว่าจะไม่ไป ไปนั่งดูมึงซ้อมบัลเล่ต์แทนได้ไหม"

     

              "แล้วไม่ต้องไปเรียนเหรอ"



              "ก็..วันนี้ไม่ต้อง" เซฮุนยกคลาสให้ตัวเองในใจแทบจะเดี๋ยวนั้น "อาจารย์ยกคลาสน่ะ"



              แม้จะอึกอักแต่จงอินก็ร้องอ้อแล้วพยักหน้าเชิงอนุญาต ไม่ได้เอ่ยถามซักไซ้อะไรต่อให้เซฮุนต้องรำคาญใจ


     
    ติ ด ต า ม ต่ อ ต อ น ห น้ า
    _____________________________
     
    #พิชาน25น้องฮุน18  #ฮุนไคDistant

     


      O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×