ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #25 : ( 18 x 25 ) - ยี่สิบสอง : ความจริง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 982
      7
      27 ส.ค. 59

    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun / Sehun x Kai By:ซรดจ.


     



     
    ยี่สิบสอง . ความจริง
    ______________________________

     








     
     
                        เซฮุนสะดุ้งตื่นหลายชั่วโมงหลังจากนั้นบนเตียงในห้องนอน ปวดเนื้อตัวไปหมดและเดาว่ามันคงช้ำและเต็มไปด้วยรอยฟันของชานยอล เข็มนาฬิกาติดผนังบอกเวลาเกือบจะสองทุ่ม และนั่นทำให้เซฮุนฝืนแรงที่มีอยู่ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ชานยอลกองไว้ให้บนโต๊ะทำงานของตัวเอง



                        สายไม่ได้รับที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอทำให้เซฮุนเจ็บจุกอีกครั้ง เมื่อมันปรากฏชื่อของจงอิน.. เขาทิ้งจงอินให้นอนอยู่คนเดียวที่หอพักกี่ชั่วโมงแล้วนะ ทำไมโอเซฮุนถึงเป็นแฟนที่สารเลวได้ถึงขนาดนี้..


                        เซฮุนหมุนข้อมือของตัวเองจนกระดูกลั่นดังกร็อบ และเริ่มกดโทรศัพท์ ตอนนี้เขาปวดไปทั้งตัวจนไม่รู้ว่าเริ่มมาจากที่ไหน ปวดข้อนิ้วทุกข้อ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกมัดอ่อนล้าตอนที่ฝืนก้าวแต่ละก้าวให้พ้นประตูห้องนอนของชานยอล



                        "ฮัลโหล มึงไปไหนเนี่ย โน๊ตก็ไม่ทิ้งไว้ กูตกใจหมด" ไม่ต้องรอนานเลย คนที่อยู่ปลายสายก็รับและส่งเสียงละล่ำละลักออกมาจนเซฮุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ.. เขากำลังทำให้แฟนเป็นห่วงสินะ



                        "วันนี้..กูนอนบ้านนะ"



                        "เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย เสียงมึงแปลกมาก"



                        "เปล่า" เซฮุนไม่อยากจะโกหกอีกแล้ว....ไม่อยากจะพูดว่าไม่เป็นไรเพราะแท้จริงแล้วมันเป็น--- เป็นมากๆเลยล่ะ.. แต่เขาไม่พร้อมจะพูดมันตอนนี้.. "กูเพิ่งตื่น..เลยแหบ"


                        "อ๋อ โอเค ดูแลตัวเองดีๆมึง"



                        "จงอิน" เซฮุนเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เกือบจะร้องไห้ออกมาตอนที่อีกฝ่ายส่งเสียงหืมในลำคอเป็นเชิงถาม


                        "ว่าไง"


                        "คิดถึงมึงนะ คิดถึงโคตรๆ.."



                        คิดถึงจริงๆ... ไม่ได้โกหกเลย.. เขาคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นของคิมจงอิน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คิดถึงน้ำเสียงสบายๆที่คอยบอกเขาว่าทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี ไม่เป็นไรหรอก มันจะไม่เป็นไร



                        "เออ มาแปลกนะเนี่ย คิดถึงมึงเหมือนกันอะ" เสียงของจงอินยังคงสะท้อนอยู่ในหูตอนที่เซฮุนยิ้มออกมาบางๆ มันเป็นรอยยิ้มที่สุขปนเศร้า เขาต้องกลับบ้านแล้วใช่ไหม.. ถึงเวลาต้องกลับบ้านเสียที



                        เซฮุนแสบแปลบตอนที่ขาทั้งสองข้างเสียดสีกันเมื่อก้าวเดิน เซฮุนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอจนแม้กระทั่งจะเดินด้วยสองขาของตัวเองก็ยังทำได้ยาก เขาเกลียดตัวเองที่อ่อนแอขนาดนี้



                        ชุดนอนของชานยอลถูกสวมไว้ให้ตั้งแต่เขาลืมตาตื่นขึ้นมา เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวก็ไม่สามารถซ่อนรอยช้ำที่อีกคนฝากไว้ทั่วลำคอขาวได้ แต่ตอนนี้เซฮุนไม่สนใจอีกแล้ว ไม่สนใจว่าแม่กับพ่อจะคิดยังไงตอนที่เห็นมัน เซฮุนเดินออกจากห้องนอนห้องเก่า ห้องที่เคยมีแต่ความทรงจำระหว่างเขาและชานยอล ก้าวเท้าลงบันไดที่ลั่นเอี๊ยดทีละขั้น


                        และค่อยๆย้ายตัวเองอย่างยากเย็นผ่านห้องนั่งเล่นและเหยียบย่ำพื้นคอนกรีตที่หน้าบ้านเดินกลับไปยังบ้านของตัวเองด้วยเท้าเปล่าเปลือย ที่ๆอยู่ใกล้แค่นิดเดียวแต่เขากลับพยายามจะเดินหนีมันมาตลอด


                        ประตูหน้าล็อค เซฮุนจึงเคาะประตูและรอ.. บางทีพ่อกับแม่อาจจะขึ้นนอนไปแล้ว เขาเลยลองเคาะอีกครั้งหนึ่ง และอีกชั่วอึดใจประตูบ้านก็เปิดออก โชคดีคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเซฮุนคือจุนฮง


                        ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆของน้องชาย ร้องออกมามากเท่าที่อยากจะร้อง และกลับสู่บ้านอย่างแท้จริง



                        จุนฮงบ่นร่ำๆว่าพ่อง่วนอยู่กับสัญญาซื้อขายฉบับใหม่ของบริษัท ส่วนแม่ก็กำลังอาบน้ำอยู่  หลังจากที่แม่ลาออกจากงาน พ่อก็ต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่า แต่นั่นก็ทำให้แม่มีเวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น--พูดให้ถูกก็คือ อยู่ตลอดเวลาที่จุนฮงต้องการนั่นแหละ


                        เด็กชายวัยมัธยมตรงหน้าก็คงเหมือนกันกับเซฮุน ธรรมดาที่เด็กผู้ชายวัยนี้จะมีประสบการณ์อย่างว่าเหมือนที่ใครๆก็เคย เพราะงั้นมองปราดเดียวจุนฮงก็ดูออกแล้วว่าร่องรอยตามตัวของเซฮุนคืออะไร น้องชายไม่ได้ถามที่มาของมัน แต่ถามว่าเขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เซฮุนเดาว่าชานยอลคงจะทำแล้วจึงพยักหน้า


                        จุนฮงพาเซฮุนขึ้นไปที่ชั้นสองของตัวบ้านซึ่งเป็นห้องนอนของเซฮุนเอง ค้นเสื้อสเวตเตอร์แบบสวมหัวและมีฮูดสีชมพูหม่นๆออกมาและสวมมันทับให้กับพี่ชายโดยไม่ลืมที่จะใช้ส่วนที่เป็นฮูด ดึงขึ้นมาคลุมหัวของเซฮุนเอาไว้ ร่างกายเกือบทุกส่วนของเซฮุนจึงอยู่ใต้ร่มผ้า เว้นแต่มือเท้าและใบหน้าเสี้ยวเล็กๆที่สะท้อนแววตาเศร้าๆมองตอบกลับมา


                        จุนฮงอยู่เป็นเพื่อนเซฮุนอีกพักหนึ่งและก็ถามว่าเซฮุนอยากจะได้นมอุ่นๆซักแก้วก่อนนอนไหม  เมื่อเซฮุนพยักหน้า น้องชายก็ยิ้มและเดินหายออกไปที่ชั้นล่างของตัวบ้านแทบจะทันที


                        เซฮุนขดตัวในผ้าห่ม รู้สึกคลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนออกมา เขาอยากจะร้องไห้แต่เมื่อนึกได้ว่าอีกไม่กี่นาทีจุนฮงคงจะกลับมา เซฮุนถึงพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้



                        อย่างน้อยก็ยังดี เขารู้สึกปลอดภัยเพราะที่นี่คือบ้าน




     
     


                        จุนฮงหายไปเกือบห้านาที และเมื่อเขาเริ่มสงสัยว่าน้อยชายทำไมถึงหายไปนานเหลือเกิน ประตูก็เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของคุณนายโอ เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าจุนฮงคงได้เจอกับแม่ก่อนที่จะขึ้นมาบนห้องนี้ คุณนายโอถึงขึ้นมาแทนโดยที่ถือนมอุ่นในแก้วมัคสีน้ำเงินและยิ้มบางๆอย่างคนขี้เกรงใจ



                        "แม่เข้าไปได้ไหมจ๊ะ"



                        "ฮะ" สิ้นเสียงตอบรับคุณนายโอถึงแง้มประตูออกอีกเล็กน้อยและเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมจะปิดประตูไว้อย่างเดิมพร้อมทั้งพูดแจกแจง



                        "เมื่อกี้แม่เจอจุนฮงข้างล่างน่ะจ้ะ เห็นน้องบอกว่าลูกไม่ค่อยสบาย อยากจะนอนพัก แม่เลยแวะมาดูหน่อย"



                        "อ๋อ..ครับ"



                        เซฮุนพยายามหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่เจ็บสะโพกรวมถึงร่างกายช่วงล่างแต่ก็ฝืนทนเพื่อไม่ให้ดูมีพิรุจก่อนจะรับแก้วนมจากผู้เป็นแม่ขึ้นมาถือและยกขึ้นจิบ นมอุ่นๆที่มีรสหวานหอมติดปลายลิ้นจากน้ำผึ้ง เป็นรสชาติแบบที่เขาชอบมากมาตั้งแต่สมัยเด็ก..



                        "สอบเป็นยังไงบ้างจ๊ะ"


                        "ก็น่าจะโอเคฮะ ทำได้"


                        "ดีจัง" หญิงสาวพูดโดยที่ไม่มองหน้า มือขาวๆของคุณนายโอลูบที่ผ้าห่มเหมือนทำมันเพื่อแก้เก้อ "แล้วรู้สึกว่าคณะที่เรียนตรงกับที่ลูกชอบหรือเปล่า"


                        "ก็..ตรงครับ"



                        "พ่อเค้าเครียดมากนะ..เรื่องที่เซฮุนโดดเรียน.." ในตอนนี้คุณนายโอสบตาเซฮุนแล้ว และเซฮุนก็จ้องกลับไปเพราะมั่นใจว่าคุณนายโอคงไม่สามารถเห็นความหม่นหมองข้างในของเขาตอนนี้ได้ ผู้เป็นแม่จริตยิ้มบาง และเริ่มพูดต่อ "พ่อกับแม่กลัวว่าลูกจะไม่ชอบหรือเปล่า ก็เลยไม่เข้าเรียน หรือกำลังเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า ตอนที่ไปอยู่ที่หอคนเดียว.."



                        "อ๋อฮะ" เซฮุนตอบเสียงขึ้นจมูก เขาอยากจะเถียงว่าแบคฮยอนและจงอินก็อยู่ด้วย แต่ก็รู้ว่าไม่ควรทำ



                        "เกรดออกวันไหนจ๊ะ"



                        "สัปดาห์หน้าครับ"



                        "สัปดาห์หน้าวันเกิดเซฮุนนี่นา อยากจะทำอะไรก็บอกแม่ได้นะ" หญิงสาวยิ้มและกระแอมนิดๆเมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะคุย "แม่คงกวนเวลานอนของเราอยู่ หลับฝันดีนะจ๊ะ.. ถ้ามีอะไรเรียกแม่ได้นะ"



                        เซฮุนมองหญิงสาวตรงหน้าลุกขึ้นจากเตียงและหันหลังให้กับเขา ภาพของคนที่กำลังจะเดินคล้อยหลังออกจากห้องไปทำให้ความรู้สึกผิดตีขึ้นมาในอก เซฮุนจึงเอ่ยปากเรียกออกไป


                        "แม่ครับ.."


                        "จ๊ะ"


                        "ขอบคุณนะครับ"


                        แม่หันมายิ้มและพยักหน้าให้กับเขา เป็นรอยยิ้มแบบที่เซฮุนจำไม่ได้แล้วว่าเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ รอยยิ้มที่มีความสุขจากข้างใน..รอยยิ้มของผู้หญิงใจดี..ก่อนที่ลูกชายของเธอจะดื้อและสร้างเรื่องปวดหัวให้ไม่เว้นแต่ละวัน



                        และก่อนที่แม่จะปิดประตู เซฮุนก็รั้งหญิงสาวไว้ด้วยเสียงเรียกอีกครั้ง



                        "แม่ครับ.."


                        "จ้ะ"


                        "ตอนที่แม่รู้ว่าผมโดดเรียน แม่โกรธผมมั้ยครับ"


                        เหมือนสรรพสีบนใบหน้าของผู้เป็นแม่หายไปชั่ววินาที เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามนั้นจึงทำสีหน้าประหลาดใจก่อนจะตอบออกมาทั้งที่ยังยืนอยู่ที่เดิม


                        "ก็โกรธจ้ะ..แต่แม่กับพ่อห่วงเรามากกว่า" และเมื่อเซฮุนส่งเสียงอ้อเบาๆเป็นเชิงรับรู้ คุณนายโอก็พูดซ้ำอีกครั้ง "ฝันดีจ้ะเซฮุน"



     

     
     
     




                        ตลอดทั้งคืนเซฮุนแทบไม่ฝันเลย และเมื่อเขาตื่นขึ้นในตอนเช้า จุนฮงก็กำลังใช้เท้าปิดประตูห้องโดยที่ในมือมีถาดอาหารเช้าอันประกอบด้วยไข่ดาว ไส้กรอก แฮมแผ่น และขนมปังปิ้งแบบง่ายๆ  น้องชายทักทายเขาอย่างอารมณ์ดีจนเซฮุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม



                        "หวัดดีตอนเช้าพี่"


                        "อื้อ"


                        "พี่หลับสบายมั้ย"


                        "อื้มม" เซฮุนยิ้มบางๆ "ไม่ออกไปไหนหรอวันนี้"


                        "จริงๆนัดพี่แดฮยอนไว้ แต่ว่าไม่ได้ไปแล้วอะ"


                        "ทำไมละ"


                        "อืม.......อากาศมันร้อนน่ะ" จุนฮงตอบแค่นั้นตอนที่เปิดม่านหน้าต่างให้แสงส่องเข้ามาในห้องนอน และก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงของพี่ชาย ตอนนี้เซฮุนรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมาก อาการปวดเนื้อเมื่อยตัวก็เริ่มค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ



                        จุนฮงเริ่มต้นกินขนมปังปิ้งในถาดที่ยกมาให้เซฮุนไปด้วยพร้อมกับนั่งมองหน้าเซฮุนเงียบๆจนคนพี่ต้องเอ็ดถาม


                        "มองอย่างนั้นทำไม"


                        เซฮุนยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงและเริ่มต้นกินอาหารเช้าโดยมีจุนฮงนั่งไขว่ห้างและส่ายหัวดุกดิก



                        "เผื่อพี่อยากจะพูดอะไร"



                        "ตอนนี้ยัง" เซฮุนตอบ และสุดท้ายก็จบด้วยการแค่เพียงนั่งทานมื้อเช้ากันเงียบๆจนหมด พอจุนฮงเอาจานไปเก็บที่ชั้นล่าง ก็กลับเข้ามาในห้องอีกรอบ พร้อมกับเกมเศรษฐีแบบกระดาษชุดใหญ่ และรบเร้าขอให้เล่นเป็นเพื่อน ที่จริงการเล่นเกมกระดานอยู่ในห้องนอน กินข้าว และนอนพักผ่อน ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เท่าไหร่นัก เขาและจุนฮงจึงเล่นเกมกระดานกันจนถึงช่วงบ่าย เมื่อเซฮุนบอกน้องชายว่าเขาอยากจะกินอาหารญี่ปุ่นเป็นมื้อเที่ยง จุนฮงจึงหายไปที่ชั้นล่างและกลับขึ้นมาบอกว่าแม่จะเป็นคนทำอาหารให้ แต่จุนฮงจะต้องไปตลาดซักพักนึง



                        "พี่จะใช้เวลาตอนที่ผมไม่อยู่นอนพักก็ได้นะ"


                        "โอเค พี่จะทำแบบนั้นแหละ"


                        จุนฮงยิ้มเผล่และหายออกจากห้องไป



                        จุนฮงไม่ถามถึงรอยจูบพวกนั้นเลย รอยข่วน.. รอยฟัน.. แม้แต่รอยแดงรอบๆข้อมือ.. ไม่ถามแม้แต่มันมาจากไหนหรือใครที่เป็นคนทำ แต่เซฮุนเดาว่าน้องชายรู้ว่ามันคือรอยอะไร ถึงอย่างนั้นมันก็น่าอายเกินกว่าจะพูดคุยกันตรงๆ และเซฮุนคิดว่าจุนฮงไม่น่าเดาออกว่าพวกนี้มาจากชานยอล


                        พอนึกถึงชานยอล เซฮุนก็รู้สึกว่าตัวเองสั่น ไม่รู้เพราะโกรธหรือกลัวกันแน่ แต่ในตอนนี้เขาไม่อยากจะพบหน้าชานยอล ไม่อยากแม้แต่จะมองภาพถ่ายของชานยอลสมัยมัธยมที่ถ่ายคู่กัน รอยยิ้มสดใสของชานยอลสะท้อนจากภาพถ่าย ข้างๆกันคือตัวของเขาที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน



                        วันชื่นคืนสุข--เซฮุนนึกถึงวันคืนพวกนั้นและเจ็บปวดที่ต้องยอมรับว่ามันอาจจะไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว



                        คำถามที่เอ่ยปากถามแม่ไปเมื่อคืนยังคงค้างอยู่ในใจ พักหลังมานี้ไม่ใช่ไม่รู้ว้่าทุกคนพยายามจะทำทุกอย่างให้เขารู้สึกดีขึ้น ทุกคนรู้สึกผิดกับหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นทั้งที่เรื่องทั้งหมดมีเขาเป็นต้นเหตุเพียงแค่คนเดียว



                        เซฮุนนึกสงสัยว่าหากวันนั้นเขาไม่พยายามจะโกหกจนถึงที่สุด แม่กับพ่อจะโกรธถึงขนาดนี้หรือเปล่า.. แล้วกับจงอินล่ะ.. มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาบอกเรื่องทั้งหมดกับคิมจงอินออกไปตรงๆ



                        จงอินอาจจะเกลียดเขาและไม่สามารถมองหน้ากันได้อีก อีกไม่นานหลังจากนั้นจงอินอาจจะมีใครใหม่ อาจจะลืมเขาไป--- จงอินอาจจะเสียใจ แตกสลาย และความรู้สึกที่เสียไปก็คงไม่สามารถกู้คืนให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก



                        คิมจงอินเปรียบเสมือนกระจกบางใสที่กำลังร้าว และรอความจริงจากโอเซฮุนอยู่ ความจริงอาจจะทำให้กระจกบานนั้นแตกไม่เหลือชิ้นดี หรืออาจจะทำให้เกิดรอยร้าวเพิ่มขึ้น..มันอาจจะไม่ได้แตก...แต่แม้ซ่อมแซมและสร้างมันขึ้นมาใหม่ก็คงไม่ใช่กระจกบานเดิมอีก



                        แต่เซฮุนไม่อาจทนให้กระจกของเขามีรอยร้าวเพิ่มอีกแล้ว เขาต้องเลือกสักทาง.. ซ่อมมันให้ทันเวลา หรือยอมให้ความจริงทำให้กระจกบานนั้นแตกสลายไปพร้อมๆกันกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและจงอิน 




     

     

     
     




                        "กลับบ้านดีๆล่ะ ขอบใจมากที่มาส่ง"



                        ยิ้มแย้มแจ่มใส.. บรรยากาศระหว่างแบคฮยอนและคยองซูกลายเป็นความรู้สึกสบายๆต่อกันตั้งแต่เปลี่ยนสถานะขึ้นมาเป็น'แฟน' เอาเป็นว่าตอนนี้คยองซูก็ไม่ทำหน้าบึ้งตาเขียวแยกเขี้ยวใส่แบคฮยอนอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าแบคฮยอนจะยังคงบังคับกึ่งรบเร้าให้คยองซูทานข้าวเช้าทุกวันก็ตาม



                        "พี่"


                        "อื้ม?" คยองซูที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัย ตั้งท่าจะเปิดประตูลงจากรถหันมามองและนั่งนิ่งเมื่อคนข้างๆตัวเรียก แบคฮยอนกระพริบตา ทำท่าเหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะถามออกไปดีหรือเปล่าจนคยองซูต้องเป็นคนเริ่ม


                        "มีอะไรก็พูดมาเลย"


                        "ผมอยากรู้จักคนในครอบครัวพี่บ้าง" แบคฮยอนนิ่วหน้า "ได้หรือเปล่าครับ"


                        คยองซูเงียบไปหลายวินาทีและยิ้มละไมออกมาอย่างใจดี "ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ"


                        "ดีครับ" คำตอบจากคยองซูทำให้คนอายุน้อยกว่ายิ้มกว้าง และดับเครื่องเตรียมจะลงจากรถเพื่อเข้าไปที่ร้านกับคยองซู แต่มือของคนรักที่เลื่อนมาแตะเบาๆที่มือของแบคฮยอนเป็นเชิงปรามทำให้แบคฮยอนต้องมองตามสายตาของคยองซู



                        กูจุนฮเวนั่นเอง.. น้องเด็กเสิร์ฟบะหมี่ฮาร์ดเซลล์คนนั้น



                        จุนฮเวลำเลียงถ้วยบะหมี่แบบ take home ใส่รถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ของร้าน หลังจากที่ไปทำงานให้บริษัทแม่ของแบคฮยอน คยองซูก็พอมีเงินเก็บและดาวน์มอเตอร์ไซค์คันใหม่ไว้สำหรับส่งของ ท่าทางทะมัดทะแมงขยันขันแข็งของจุนฮเวทำให้แบคฮยอนยิ้ม



                        "ขยันดีนะ หมอนี่"



                        "รู้จักเหรอ" คยองซูขมวดคิ้ว และก็ทำให้แบคฮยอนนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เคยเล่าถึงเรื่องของเขาและจุนฮเว ตอนที่แวะมาดักรอคยองซูที่ร้านสมัยตามจีบอีกฝ่ายใหม่ๆ



                        "ครั้งนึงครับ เคยมากินบะหมี่ที่ร้านพี่ แต่วันนั้นพี่ไปเรียนน่ะ"


                        แบคฮยอนพูดรวดเดียวด้วยน้ำเสียงราบเรียบและยังคงไม่ลงจากรถ คิดว่าเขาและคยองซูก็คงหวังอย่างเดียวกันคือให้จุนฮเวขับรถผ่านไปส่งอาหารโดยที่ไม่ต้องเห็นว่าเขาดูแลคยองซูยังไงด้วยการขับรถมาส่งถึงหน้าบ้านทุกวัน แต่ในทุกๆความหวังก็มีสิทธิ์จะผิดหวัง เช่นครั้งนี้เป็นต้น



                        "อ้าว พี่แบคฮยอนนี่ ใช่มั้ย จีบเฮียติดแล้วเหรอ"



                        แบคฮยอนได้แต่ยิ้มแหยและหันไปหัวเราะแหะๆให้คยองซูที่กำลังจ้องเขาเขม็ง พี่คยองซูน่ะ ต่อให้ไม่ต้องทำหน้าโกรธ ก็น่ากลัวจะแย่ เหมือนพร้อมจะเงื้อมือมาตบกบาลเขาให้หัวทิ่มได้ทุกเมื่อ



                        "เดี๋ยวผมไปส่งบะหมี่แพ้บ โชคดีมีบุตรหลานนะพี่ บาย" จุนฮเวยกมือขึ้นนิดหน่อยเป็นเชิงบอกลาก่อนจะแว๊นมอเตอร์ไซค์จากไปด้วยความรวดเร็ว เหลือเอาไว้แต่ความเงียบและเสียงชะตาของบยอนแบคฮยอนที่ขาดดังผึง







                        "จุนฮเวน่ะเคยพยายามจะเป็นพ่อสื่อให้พี่กับอาจารย์ประจำชั้นสมัยม.ต้นของตัวเอง"


                        "แล้วพออาจารย์ของพี่จุนฮเวจะปล้ำพี่คยองซู พี่จุนฮเวก็ตามไปกระทืบซะเละเลย" เด็กหญิงแก้มกลมผมม้าพูดอย่างสดใส แบคฮยอนหัวเราะกับคำบอกเล่าจากอีซู น้องสาวคนสุดท้องของคยองซูที่กำลังง่วนอยู่กับการห่อเกี๊ยวที่หลังร้าน


                        แบคฮยอนเพิ่งเคยเข้ามาด้านในของตัวร้าน ห้องครัวที่มีโต๊ะตัวยาวสำหรับนั่งทานข้าว บัดนี้ถูกปูไว้ด้วยผ้าขาว มีถาดเงินขนาดใหญ่สำหรับใช้วางเกี๊ยวที่ห่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีซูจะใช้ปลายตะเกียบข้างเดียวตักเอาหมูสับปรุงรสที่อยู่ในชามขึ้นมา และปาดมันลงแผ่นเกี๊ยวก่อนจะห่ออย่างคล่องแคล่ว


                        ฮาอีซึ่งเป็นน้องสาวคนรองกลับมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวของคยองซูมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน แต่มีเพียงจุนฮเวคนเดียวเท่านั้นที่เป้นน้องชายต่างมารดา หลังจากมีเรื่องชกต่อยกับอาจารย์ที่มาเกาะแกะและพยายามจะล่วงเกินพี่ชาย จุนฮเวก็ปฏิเสธที่จะไปเรียนอีกโดยให้เหตุผลว่าตัวเองเกเรและโง่เกินกว่าจะเรียนหนังสือต่อ


                        แบคฮยอนมองคยองซูและฮาอีที่ช่วยกันห่อเกี๊ยวไปพลางก็พูดคุยกัน และนึกสงสัยว่าวันนึงเขาและคยองซูจะเป็นยังไง จะเลิกรากันไปตามทาง หรือแก่เฒ่าไปด้วยกัน



                        แต่แบคฮยอนจินตนาการไม่ออกเลยว่าเขาจะเอาชนะใจพ่อแม่ของครอบครัวที่มีลูกชายคนโตเป็นความหวังใหญ่ของบ้าน เขาจะเอาชนะใจพ่อกับแม่ของคยองซูได้อย่างไร ถ้าสุดท้ายแล้วพ่อและแม่ของอีกฝ่ายพบว่าลูกของตัวเองกำลังคบหากับผู้ชายด้วยกัน


                       
     

     

     
     


                        "แขนอย่าตก เรนะ ควบคุมจังหวะการหายใจด้วย"


                        จงอินเดินวนไปกลับรอบแล้วรอบเล่า ตบมือเป็นจังหวะเพื่อให้สัญญาณแก่นักเรียนชายหญิงที่วาดแขนไปในอากาศด้วยองศาพอเหมาะพอเจาะราวกับผีเสื้อที่สะบัดปีกเลื่อมลายและคล้ายจะโผบินในอากาศโดยมีแสงสว่างที่ทอดผ่านหน้าต่าง กระทบกระจกใสบานใหญ่ ทอดมายังเรือนร่างงดงามที่กำลังเคลื่อนที่พริ้วไหว


                        เสียงทำนองจากเปียโนแกรนด์หลังใหญ่ที่มีแทมินเป็นผู้ควบคุมถูกร้อยเรียงท่วงทำนองอย่างมีจังหวะจะโคน ราวกับตัวโน๊ตคือเสียงของลมที่สอดประสานกับจังหวะการโบยบินของเหล่าผีเสื้อตัวน้อย



                        "เยริ มีสมาธิหน่อย แขนอย่าตก"


                        จงอินจำชื่อนักเรียนในคลาสได้ทุกคน รู้ทุกจุดอ่อนของลูกศิษย์ว่าใครมักจะพลาดที่ตรงไหน ตอนนี้เขาและแทมินมีหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องนั้น เพื่อให้เหล่าผีเสื้อได้โบยบินอย่างสง่างามสู่โลกอันกว้างใหญ่



                        "ซึลกี ลองวาดแขนให้พี่ดูใหม่ซิ แบบเมื่อกี้พี่ว่ามันยังดูแปลก"



                        หญิงสาวเจ้าของชื่อเหงื่อตก แต่ก็เหมือนใครสักคนที่อยู่ห่างออกไปคงอยากจะให้เธอรอดพ้นจากการโดนจงอินตำหนิ เสียงโทรศัพท์มือถือของจงอินดังขึ้น ในตอนที่ดนตรีบรรเลงของแทมินดำเนินมาเกือบจะถึงจังหวะสิ้นสุด ซึลกีลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก จงอินจึงได้แต่ชี้เด็กสาวอย่างคาดโทษตอนที่เดินข้ามห้องโถงใหญ่และหลบออกนอกห้องไปรับสายจากเซฮุน


                        "ฮัลโหล ว่าไงเซฮุน"


                        "อื้อ มึงอยู่ไหน"


                        "โรงเรียนสอนบัลเล่ต์ วันนี้มีสอน แต่กำลังจะเลิกแล้ว"


                        จงอินเอนหลังพิงกำแพงและอมยิ้มตอนที่ฟังเพลงสดชื่นจากคนปลายสาย เซฮุนน่ะพักนี้นับวันยิ่งจะขี้อ้อนขึ้นทุกที จงอินล้วงมืออีกข้างเข้าไปในกางเกงวอร์มขายาว ล้วงเอาลูกอมรสพีชขึ้นมาแกะทาน พลางก็คุยกับเซฮุนไปด้วย.. ลูกอมที่ว่าหวาน มันยังน้อยกว่าความรู้สึกของเขาตอนคุยกับเซฮุนเสียอีก


                        "ว่าไง มีอะไรหรือเปล่า"


                        "อยากเจอ กินข้าวกันไหม ร้านเดิม"


                        "ไงก็ได้ จะมาที่โรงเรียนหรือจะให้ไปเจอที่ร้านเลย"


                        "เจอกันที่ร้านก็ได้"


                        "โอเค" จงอินยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพื่อดูเวลาและแนบมันกับหูอีกครั้งเพื่อพูดต่อ "งั้นซัก6โมงนะ"


                        "โอเค.. คิดถึงมึงนะ"


                        "รู้แล้วน่า" เสียงเซฮุนที่ติดจะงอแงทำให้จงอินยิ้มกว้างออกมา ยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่านั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยิ้มอย่างมีความสุขจากใจที่แท้จริง



                        "คิดถึงเหมือนกัน"
     





     
    ติดตามต่อตอนหน้าจ้ะ
    ____________________________________
    แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18 / #ฮุนไคDistant



    เดาได้ใช่มั้ยว่าเซฮุนกำลังจะบอกอะไรจงอิน
    ปล. เอาเพลงในห้องบัลเล่ต์ของจงอินมาฝาก (:
    กว่าจะอัพโหลดขึ้นยูทูปเสร็จ ตีสองครึ่ง555555
    http://youtu.be/_s0cjRLPvEY








     
     



     
    O W E N TM.
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×