ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #20 : ( 18 x 25 ) - สิบเจ็ด : ไม่มีอะไร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      8
      27 ส.ค. 59




     
    สิบเจ็ด . ไม่มีอะไร
    ______________________________








                 วันนี้เป็นวันฝนตก ทั้งที่เป็นฤดูหนาวแท้ๆ แต่หลังจากฝนหยุดตก ท้องฟ้าที่เคยหม่นครึ้มตลอดทั้งวันก็สดใส ไม่ต่างอะไรกับแบคฮยอน  วันนี้แบคฮยอนกลับมาถึงห้องแต่หัววัน และก็ท่าทางอารมณ์ดีเสียจนจงอินสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนจนอดเอ่ยปากแซวไม่ได้


                 "มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย ตั้งแต่เมื่อเช้าละ"


                 "อะไรคือเป็นไร"


                 "มึงดูอารมณ์ดีแบบแปลกๆอะดิ"


                 จงอินตอบพลางก็ติดกระดาษโน๊ตไว้ที่บอร์ดช่วยจำบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ไม่ได้มองว่าแบคฮยอนทำสีหน้าแบบไหน  แบคฮยอนไหวไหล่แล้วหัวเราะนิดๆอย่างพอใจ


                 "แปลกยังไงวะ กูก็อารมณ์ดีของกูแบบนี้ปกติ"


                 "เอ้าไอ้เบื้อก ก่อนหน้านี้มึงเศร้าอะ นี่กูก็เพิ่งเห็นจะยิ้มได้จริงๆจังๆวันนี้เนี่ย"


                 "มีความรักมั้ง" แบคฮยอนยิ้มแฉ่งแล้วตอบกลับไปเขินๆ ท่าทางน่าหมั่นไส้จนจงอินอยากจะตบกะโหลกซักที หลังจากเขากลับมาก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน หนังสงหนังสือสอบตอนนี้คงไม่จำเป็นสำหรับนักศึกษาแพทย์บยอนซักเท่าไหร่แล้ว นอนพักก่อนละกัน แล้วพรุ่งนี้เช้าเขาจะตื่นมาอ่านแต่เช้ามืดเลย


                 "เออ มีก็ดีแล้วไอ้สัส เป็นห่วงเว้ย ไม่อยากให้เศร้า" จงอินบ่นๆแล้วเดินไปดับไฟ ท่าทางพอใจนิดๆที่แบคฮยอนรีบเข้านอนได้ซะบ้าง คงเพราะช่วงนี้แบคฮยอนทุ่มอ่านหนังสือหนักแทบทุกวัน


                 "เดี๋ยวไว้สอบเสร็จไปกินหมูกะทะกัน ชวนแฟนมึงด้วย"


                 "เออ"


                 จงอินตอบสั้นๆแค่นั้นและทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ไออุ่นและกอดหมอนข้างนิ่มข้างๆตัว จินตนาการว่าเป็นร่างกายของเซฮุนที่แบ่งปันไออุ่นให้กันเหมือนวันที่ยังอยู่ใกล้ชิด


                 อันที่จริงเขาก็เข้าใจนะที่เซฮุนตั้งใจอ่านหนังสือสอบ เด็กมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เรียนด้านศิลปะแบบเขา คงจะต้องอ่านหนังสือและทบทวนตำราเรียนมหาศาล เขาไม่อยากจะทำตัวงี่เง่า หรือคิดถึงจนวุ่นวายให้เซฮุนเสียสมาธิ


                 แต่ถ้าถามว่าคิดถึงไหม มันก็คิดถึงจริงๆนั่นแหละ..
                 คิดถึงอ้อมกอดนั้น.. คิดถึงครั้งแรกที่เราจูบกัน..







                 วันนั้นเป็นตอนบ่ายวันเสาร์  แบคฮยอนออกไปข้างนอก ส่วนเขาและเซฮุนก็ขลุกอยู่ที่ห้อง เปิดแอร์และนอนดูซีรีย์ฝรั่งแนวสืบสวนด้วยกันที่ห้อง เพราะไม่อยากจะออกไปเตร็ดเตร่ที่ไหนในวันหยุดที่คนวุ่นวาย


                 จงอินนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี ข้างๆกันก็คือเซฮุนที่ดูจะไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉายอยู่บนจอโทรทัศน์สักเท่าไหร่ เซฮุนกดโทรศัพท์มือถือเล่นเกม และพูดกับจงอินโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง


                 "เบื่อปะ"


                 "เบื่อไร"


                 "เบื่อปะที่ต้องมารอกูแบบไม่มีสถานะ"


                 จงอินขมวดคิ้วแล้วหันมองคนข้างๆตัว เซฮุนเลิกกดเกมไปแล้วและกำลังจ้องมองเขาอย่างค้นหาคำตอบ จงอินส่ายหัว


                 "ไม่หรอก ทำไมละ"


                 "เปล่า.. ก็ลองถามดู"


                 "อ๋อ.."


                 พอจงอินเงียบไปหลังจากนั้น เซฮุนก็เงียบเช่นกัน มันเลยกลับกลายเป็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนแปลกๆ จนกระทั่งเซฮุนพูดขึ้นมาหลังจากไม่มีใครพูดอะไรเลยครู่ใหญ่



                 "เราสองคนมาลองจูบกันดูมั้ย"



                 จงอินร้อง 'หืมมมม' อยู่ในใจพอได้ยินคำถามนั้นจากเซฮุน เอาจริงๆจนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความสัมพันธ์นี้ เขาอยู่ในสถานะหรือโพสิชั่นแบบไหน ก็.... ถ้าผู้ชายกับผู้ชาย มันก็ต้องมีใครซักคนที่ต้องฝ่ายถูก'ทำ'


                 "มันจะไม่แปลกๆเหรอวะ.. มึงเองก็ยังไม่ชัวร์เลยว่าคิดไงกับกู"


                 แต่ถ้าถามว่าอยากจูบไหม.. โคตรเลย
                 โคตรเลยล่ะ จงอินจินตนาการถึงมันมาตลอด.. รสชาติหอมหวานของโอเซฮุน



                 "งั้นเรามาลองเป็นมากกว่าเพื่อนดูดีมั้ย"



                 เซฮุนวางมือถือไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ในตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจอีกแล้ว เซฮุนจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลของจงอิน ไม่มีแววของความประหม่าหรือไม่มั่นใจเลยสักนิด


                 ดูกล้า.. เสียจนจงอินเองที่เป็นฝ่ายกลัว



                 เขากลัวว่าถ้าวันนึงเขาและเซฮุนไปด้วยกันในสถานะที่ไกลจากนี้ออกไป นั่นเท่ากับว่ามันอาจจะไม่มีทางย้อนกลับมาอีกได้ถ้ามันไม่เวิร์ค เพราะถ้าสถานะมันเปลี่ยนไปแล้ว จะทำยังไงก็คงเหมือนเดิมได้ไม่สนิทใจ



                 "แล้วถ้าวันนึงเราไปกันไม่ได้ล่ะ"



                 จงอินถาม ตอนนี้ระยะห่างระหว่างเขาและเซฮุนเริ่มถดน้อยลงเรื่อยๆ.. น้อยลงเสียจนจงอินเริ่มกลัวใจตัวเอง


                 "ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย.. เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไง"



                 เซฮุนยืนยัน ตอนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และหลับตา ท่าทางแบบนั้นดูน่ารักมากในสายตาของจงอิน เขากลัวใจตัวเองจริงๆ...ว่าจะเผลอทำอะไรที่เซฮุนอาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ และก็โชคดีที่เซฮุนเป็นฝ่ายเริ่มมันเอง


                 นั่นเป็นครั้งแรกที่เราจูบกัน..



                 และทำให้จงอินเข้าใจคำว่า'อย่าคบเพื่อนเป็นแฟน เพราะจะเสียเพื่อน' ขึ้นมานิดหน่อย
                 มันอาจจะหมายถึงเสียเพื่อนไปเพราะได้แฟนมาแทนล่ะมั้ง







     





                 แบคฮยอนผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ คงเพราะเหนื่อยจากการอ่านหนังสือสอบติดกันมาหลายคืน  แต่จงอินนอนไม่หลับ


                 แม้จะพยายามข่มตาอยู่นานสองนาน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทนสิ่งที่หัวใจและความรู้สึกข้างในรบเร้าไม่ไหว จงอินลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์มือถือและเดินออกไปนั่งที่นอกระเบียงห้องเพื่อจะได้ไม่รบกวนแบคฮยอน ต่อสายถึงคนที่เขาจำเบอร์ได้ขึ้นใจ



                 เขารู้ว่าเซฮุนคงอ่านหนังสือหนัก.. แต่ตอนนี้ ขอแค่ได้ยินเสียงก็พอแล้ว


                 "ฮัลโหล"


                 แค่เพียงได้ยินเสียงคนที่พูดอยู่ที่ปลายสาย จงอินก็ยิ้มกว้างออกมา


                 "ฮัลโหล มึงทำไรอยู่ ว่างรึเปล่า"


                 "มีอะไรรึเปล่า" เซฮุนไม่ได้ตอบ แต่เพียงแค่ถามกลับสั้นๆด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จนจงอินแทบพูดประโยคถัดไปไม่ออก



                 ไม่มีอะไรหรอก.. แค่คิดถึง


     
                 "เปล่าเว้ย คือมะรืนนี้แบคมันสอบเสร็จ มันจะชวนไปกินหมูทะ มึงไปด้วยกันดิ แบคมันฝากมาชวน" เสียงที่แกล้งทำสดชื่นฟังดูสดใสอย่างแนบเนียน บางทีเซฮุนอาจจะกำลังเครียดกับการสอบมากจริงๆ มากเกินกว่าจะสังเกตเห็นสิ่งที่แฝงอยู่ในประโยคดาษดื่นเหล่านั้น


                 แล้วเขาจะชวนคุยทำไมให้รบกวนเวลาอ่านหนังสือของเซฮุนมันวะเนี่ย โธ่คิมจงอิน


                 "มึงว่างคุยปะเนี่ย อ่านหนังสือต่อเหอะ กูไม่กวนละๆ"


                 "อืม.. เดี๋ยวไว้ดูก่อนนะว่าว่างไหม" เซฮุนตอบกลับมาเสียงเรียบจนจงอินไม่สามารถเดาสีหน้าและอารมณ์คนที่กำลังพูดได้ออก "มีอะไรอีกหรือเปล่า"


                 "ไม่มีแล้วเว้ย โทรมาชวนกินเฉยๆ มึงอ่านหนังสือต่อเหอะ เดี๋ยวกูไปนอนละ"


                 "โอเค บายมึง"


                 "อือ บาย" จงอินตอบไม่เต็มเสียงนัก ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกโหวงแปลกๆในอก เหมือนมันจะเหงา แต่ก็ไม่ใช่  เหมือนจะน้อยใจ ก็ไม่เชิง


                 เสียงสัญญาณโทรศัพท์บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว แต่จงอินยังถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่แบบนั้นนานสองนาน ก่อนจะค่อยๆลดมือลง และวางโทรศัพท์ลงบนพื้นข้างๆตัว ทอดสายตามองไปไกลที่วิวนอกระเบียง นั่งกอดเข่าและสูดหายใจลึก ก่อนจะพรูลมหายใจออกมายาวๆ


                 เซฮุนเคยแซวเขาเมื่อนานมาแล้ว ว่าคนที่ถอนหายใจบ่อยๆจะอายุสั้น
                 พอคิดแบบนั้น เขาถึงได้ปรายยิ้มน้อยๆตอนที่นั่งกอดเข่าซบหน้าลงกับหน้าขาของตัวเอง


                 ถ้าการถอนหายใจทำให้อายุสั้น และความคิดถึงสามารถฆ่าคนได้ คิมจงอินคงตายวันละไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยรอบ เพราะความคิดถึงที่สะท้อนอยู่ภายในใจแต่คงไม่เคยส่งไปถึงปลายทาง



                 จงอินนึกถึงมือขาวๆ แก้มใสๆ และริมฝีปากสีชมพูของโอเซฮุน นึกถึงรอยยิ้ม และตาที่หยีจนเป็นเส้นโค้ง ท่าทางร่าเริง ว่านอนสอนง่ายในบางครั้ง และดื้อรั้นดึงดันในบางหน


                 นึกถึงถ้อยคำที่เซฮุนชอบใช้พูดบ่น นึกถึงแผ่นหลังบางๆ และตัวผอมๆของคนที่คอยขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งเขาที่นั่นที่นี่



                 มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนนะ ที่ความคิดถึงแม่ง.. ทรมานได้ขนาดนี้









     




                 "เป็นอะไร เห็นเงียบไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว" ชานยอลเงยหน้าจากหนังสือปรัชญาอังกฤษและขมวดคิ้วนิดๆตอนที่เอ่ยปากถาม คนอายุน้อยกว่าที่นอนอยู่บนเตียงส่ายหัวดิก และดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าไว้เพื่อแอบเช็ดน้ำใสที่รื้นมาเอ่อจนเกือบล้นขอบตา  เซฮุนไม่อยากให้ชานยอลเห็นว่ากำลังร้องไห้


                 "เปล่า ง่วงแล้ว"


                 "งั้นนอนพักซะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียนจะได้ตื่นมาท่องหนังสือ"


                 ชานยอลคั่นหน้าหนังสือเล่มหนา วางมันทิ้งไว้ที่โต๊ะทำงาน ดับไฟ และเดินมาเลิกผ้าห่มขึ้นสอดตัวเข้าไปนอนข้างๆ ก่อนจะอ้าแขนรับกอดจากคนตัวบางด้วยความเคยชิน


                 เซฮุนซุกหน้ากับอกของเขา น่าเอ็นดูจนอดไม่ได้ที่จะจูบกลุ่มผมนิ่มนั้นหนักๆ


                 "งอแงอะไรหืม"


                 "เมื่อเช้าคุยกับป๊ามา ป๊าแม่อนุญาตให้กลับหอแล้วนะ" เสียงของเซฮุนฟังดูเศร้าเสียจนชานยอลอดไม่ได้ที่จะลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ ที่น้องซึมเนี่ย เพราะอยากกลับหรือไม่อยากกลับกันแน่ล่ะ


                 "แล้วเราอยากกลับหรือเปล่า"


                 "อือ ครับ"


                 "อือคือ..." ชานยอลเว้นเสียงถาม


                 "อยากกลับครับ" เซฮุนอ้อมแอ้มตอบ "แต่ก็อยากอยู่กับพี่"


                 "เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนั้น"   


                 เซฮุนไม่ได้ตอบ และชานยอลก็เดาออกได้ไม่ยาก


                 "จงอินโทรมาเหรอ"


                 "ครับ" เซฮุนรับคำ รู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ พูดกระซิบทั้งเสียงแหบแห้ง "หลังจากวันศุกร์..พอผมสอบวิชาพี่เสร็จ ผมขอกลับไปอยู่ที่หอนะ"


                 "ครับคนเก่ง.. นอนเถอะ ไม่ต้องคิดมาก"


                 เงียบเสียงไปครู่ใหญ่ก่อนที่ชานยอลจะพึมพำตอบรับในลำคอและลูบหัวคนอายุน้อยกว่าให้หลับสบาย คิดแทนเอาว่าเซฮุนเองก็คงรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้และเขาเองในตอนนี้ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดหรือแสดงความเห็นอะไรได้มาก..



                 จะให้เขาพูดอะไรล่ะ?  บอกว่าเจ็บ ก็ดูเป็นความเจ็บปวดที่เห็นแก่ตัว


                 เขาเสียใจนิดหน่อยกับการตัดสินใจนั้นของเซฮุน แต่เมื่อนิ่งและนึกทบทวนกับตัวเองแล้วชานยอลรู้ตัวว่าเขาเองก็ผิด ที่ทั้งรู้ว่าเซฮุนในตอนนี้มีเจ้าของอยู่แล้ว


                 ผิดที่ไม่รู้จักหักห้ามใจ ผิดที่รู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าหากเขาแสดงความรู้สึกออกไปตรงๆ ยังไงเสียเซฮุนก็คงเลือกจะกลับมาหาเขา มากกว่าจะเลือกคนที่เข้ามาใหม่ และในตอนนี้มันก็เป็นสิทธิ์ของเซฮุนเช่นกันที่จะเดินกลับไปหาตัวจริงเมื่อใดก็ได้ที่อยากจะทำ


                 ชานยอลหลับไม่ลง ถึงหลับก็ไม่สามารถจะหลับได้สนิท มันคงดีต่อจิตใจของเขามากกว่านี้ ถ้าเซฮุนเลือกจะมองเห็นและเข้าใจในสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกไปบ้าง


                 หากเซฮุนรับรู้และมองเห็นในสิ่งที่เขาพยายามบ้าง และรู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไรและเพื่อใคร ทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้


                 ความสัมพันธ์ที่พยายามจะทำให้มันดีขึ้น ตอนนี้รุ่งริ่งขาดวิ่นจนไม่รู้จะเริ่มซ่อมแซมจากตรงไหนก่อนดี  

                 เขาอยากจะรักเซฮุน อยากจะอยู่ข้างๆ เฝ้ามองน้องเติบโตและมีความสุขเหมือนที่ทำตลอดมา
                 แต่เซฮุนไม่ใช่ของเขา


     



     



                 "ไอ้เชี่ย ข้อสอบไรเนี่ย บางคำนี่กูเคยเห็นในข้อสอบเป็นที่แรก"



                 ในที่สุดวันคืนแห่งการท่องหนังสืออย่างหนักก็เกือบจะสิ้นสุดลง เมื่อฤดูกาลสอบดำเนินมาถึงวันสุดท้าย วันนี้เป็นวันศุกร์ที่อากาศแจ่มใส ตรงกันข้ามกับนักศึกษาภาควิชานิเทศศาสตร์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องสอบ จินฮวานบ่นโดยมีจื่อเทาคอยพยักหน้าสนับสนุน ในขณะที่เซฮุนได้แต่ยืนอมยิ้มเงียบๆ



                 ก็ข้อสอบพวกนั้นน่ะ... ชานยอลเก็งให้เขาเกือบทั้งหมด แถมยังบังคับให้อ่านหนังสือเป็นกระตั้ก แม้จะไม่ได้บอกข้อสอบตรงๆ แต่เขาก็ท่องหนังสือหนักมากพอจะทำข้อสอบได้อย่างมั่นใจเกือบทั้งหมด


                 "ไรวะเซฮุน ไม่ต้องมาทำหน้าแป๊ะยิ้มใส่กูเลย"


                 "มึงอย่าบอกนะว่ามึงทำได้"


                 "ซุ่มนี่หว่า"


                 เซฮุนได้แต่หัวเราะเขินๆตอนที่เพื่อนๆในชั้นเรียนส่งเสียงโห่ฮา


                 เขารู้สึกว่ามันอุ่นใจเล็กๆ ที่ต่อให้เขาหายจากคลาสเรียนไปเกือบทั้งเทอม แต่เมื่อเขากลับมา เพื่อนๆก็ยังคงต้อนรับและปฏิบัติกับเขาอย่างอบอุ่น อย่างน้อยการที่ทุกคนดูเหมือนจะเข้าอกเข้าใจก็ทำให้เซฮุนคลายความกังวลเรื่องจงอินไปจากสมองได้บ้าง



                 เซฮุนเคยตั้งใจว่าจะขอเปลี่ยนความสัมพันธ์กลับไปเป็นเพื่อนกัน แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างตั้งใจ



                 เขาชอบใจเสมอที่จงอินรับฟังและเข้าใจอะไรง่ายๆ  เซฮุนคิดว่าจงอินก็คงจะยอมรับได้ หากเขาลองพูดอ้อมๆ ว่าให้เราลองห่างกันดูบ้างและกลับไปเป็นเพื่อนกันแบบเดิม  เซฮุนตั้งใจจะอ้างแบบนั้นเพราะอย่างน้อยการเป็นเพื่อนไม่มีคำว่าเลิกรา



                 แม้จะฟังดูใจร้ายแต่เขาก็คิดว่าจงอินคงเข้าใจ จนวันที่จงอินโทรมาหา เขาถึงรู้ว่ากำลังประเมินจงอินผิดไปถนัด น้ำเสียงที่แสร้งทำสดใส คำว่าไม่มีอะไรที่ฟังก็รู้ว่าโกหก


                 เขากำลังจะทำให้จงอินเสียใจ และเซฮุนก็ไม่อาจคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่าจงอินจะไม่เป็นไร



                 "เฮ้ย พวกมึง เดี๋ยวกูไปดูดบุหรี่แป็บนะ"  เสียงพูดที่ติดสำเนียงจีนแปร่งๆของเทาเอ่ยบอกเพื่อนๆ และนั่นก็ทำให้เซฮุนหยุดคิดถึงเรื่องที่แวบเข้ามาในหัวได้


                 "เทา"  เซฮุนเอ่ยเรียกเพื่อนร่วมชั้นและเดินตามหลังคนที่ยืนคอยอยู่  "กูไปด้วย"







     


                 "ขอตัวนึงดิ"


                 เซฮุนกระซิบ รู้สึกว่าลำคอแห้งผากตอนที่เทาเลิกคิ้วและยื่นซองบุหรี่ยี่ห้อคล้ายกันกับของชานยอลแต่คนละสีมาให้ เซฮุนหยิบมาคาบไว้ ตอนที่จื่อเทาล้วงเอาไฟแช็คขึ้นมาจุดให้และถามอย่างแปลกใจ



                 "มึงดูดด้วยเหรอวะ"เทาขมวดคิ้วตอนที่พับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นมาถึงข้อศอก เอ่ยปากถามทั้งที่ยังคาบบุหรี่ไว้ในปาก



                 "ก็มีบ้าง เวลาเครียดๆ" เซฮุนสูดควันบุหรี่เข้าปอดและค่อยๆเผยอริมฝีปากนิดๆและพรูลมหายใจออกเป็นควันขาว เขาเคยแอบสูบบุหรี่ของชานยอลครั้งนึงและก็พบว่าความเย็นจากเมนทอลและรสชาติหวานหอมของบุหรี่ทำให้ผ่อนคลายจริงๆในเวลาที่มีเรื่องกังวลใจ



                 "มึงเป็นไรปะเนี่ย เล่าได้นะ"


                 "เปล่าอะ ไม่มีไรหรอก" เซฮุนไม่ได้ตอบ แค่เพียงละเลียดรสชาติที่สงบนิ่งจากมวนบุหรี่ที่อยุ่ในมือ จื่อเทามองคนตรงหน้าและพูดเปรยๆขึ้นมาเหมือนเอ่ยแซว


                 "แฟนมึงนี่ก็ใช่เล่นเหมือนกันนะ"


                 "ใช่เล่น? ใช่เล่นอะไรวะ" เซฮุนถามกลับเสียงเขียว และคนตรงหน้าก็หัวเราะอยู่ในลำคอ ยังไม่ทันที่จื่อเทาจะตอบ สายตาที่มองมาที่เขาก็เบนไปทางด้านหลังแทน จื่อเทาขมวดคิ้วก่อนจะอ้อมแอ้มถามออกมา


                 "เซฮุน นั่นจงอินปะวะ"







                 "ตอนเดินไปหานั่นทำอะไรอยู่" ตอนนี้เขาและจงอินนั่งกันอยู่บนรถประจำทางที่มุ่งหน้ากลับหอ จงอินอ้วนขึ้นหรือเปล่านะ... แล้วก็ไม่ได้โกนหนวดด้วย.. คนปิดเทอมแล้วมันน่าอิจฉาอย่างนี้นี่เอง


                 เขาและจงอินไม่เจอกันนานจริงๆ นานขนาดที่ว่าแม้แต่นั่งอยู่ข้างกันก็ยังรู้สึกห่างเหิน


                 "ก็ พึ่งสอบเสร็จ เลยไปดูดบุหรี่"


                 "เดี๋ยวนี้สูบด้วยเหรอ"


                 "อืมม..นิดหน่อย" เซฮุนมองจงอิน.. จงอินที่ดูเหมือนแทบจะไม่มองหน้าเขาเลยตั้งแต่เจอกั บรรยากาศอิหลักอิเหลื่อแบบนี้ทำให้เซฮุนคิดว่าเขาควรจะชวนอีกฝ่ายคุย อย่างน้อย..มันก็คงดีกว่านี้ถ้าเขาได้รู้ว่าทำไมวันนี้จงอินถึงแปลกไป


                 "แล้วทำไมไปที่คณะได้อะเนี่ย ตกใจหมดเลยตอนเห็นมึง"


                 "ทำไม มีความลับอะไรซ่อนไว้ที่คณะหรือไง" จงอินสวนขึ้นและก็ต่างคนต่างเงียบไปอีก เซฮุนตกใจนิดหน่อย เพราะจู่ๆจงอินก็เสียงดัง คนที่มีชนักติดหลังอย่างเขาก็เลยไม่กล้าจะถามอะไรต่อ จนผ่านไปเกือบนาที จงอินก็ถอนหายใจ


                 "ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะเสียงดังใส่"



                 "ไม่เป็นไร.. อารมณ์ไม่ดีเรื่องไรเนี่ย" เซฮุนยิ้มเอาใจ พยายามจะกระเซ้าคนข้างๆตัว ถามแหย่ให้ยิ้ม แต่จงอินก็ยังไม่ยิ้มอยู่ดีนั่นแหละ


                 "คนที่ดูดบุหรี่กับมึง คือจื่อเทาที่เรียนรร.เก่ากะพวกเราใช่มั้ย"


                 "อื้มม ใช่ ไอ้เทา เรียนคณะเดียวกะกูอะ" จงอินเงียบไปนาน นานจนอดไม่ได้ที่จะถามต่อ "ทำไมอะ.. เป็นอะไรหรือเปล่า"


                 "ถามอะไรอย่างดิ"


                 "อืม"


                 "แต่ห้ามโกหกกูนะ"


                 "อาฮะ" เซฮุนรู้สึกเหมือนปากตัวเองกำลังสั่น และลำคอก็แห้งผาก เมื่อสายตาของจงอินแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็น นิ้วเรียวแตะที่ไหปลาร้าตอนที่ใบหน้าคมของจงอินเลื่อนเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหนาเผยอออกและพูดถ้อยคำที่เซฮุนหวาดกลัวว่าจะได้ยิน



                 "รอยที่คอนี่.. ของใครเหรอ"







     





     




    ติดตามต่อตอนหน้าจ้ะ

    ____________________________________
    แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18 / #ฮุนไคDistant


    กลัวใจจงอิน

     
    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×