ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) DISTANT | CHANHUN HUNKAI BAEKDO

    ลำดับตอนที่ #8 : ( 18 x 25 ) - เจ็ด : ชีวิตใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 59



    Distant ( 18-25)
    Chanyeol x Sehun By:ซรดจ.

    เจ็ด.


    ชีวิตใหม่



     

     




                       วันนี้อากาศร้อน นี่เป็นสิ่งเดียวที่คยองซูรู้ในตอนนี้  เพราะมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ส่งบะหมี่ให้แม่เป็นประจำสตาร์ทติดบ้างไม่ติดบ้าง คยองซูเลยใช้วิธีตื่นแต่เช้าและนั่งรถเมล์มามหาวิทยาลัยแทน  ซึ่งมันก็คงเป็นธรรมดาในช่วงเวลาเร่งด่วน ที่ระบบขนส่งสาธารณะจะมีแต่ผู้คนแย่งชิงจับจองพื้นที่  แต่นี่มันก็เกินไป


                      สภาพของคยองซูตอนนี้ดูไม่จืดเลย เสื้อนักศึกษาที่เปียกเหงื่อชุ่มโชกจนเห็นเสื้อกล้ามสีขาวที่ใส่ซ้อนไว้ข้างใน เหนอหนะแถมยังเหม็นโสโครกแบบไม่น่าสให้อภัยทั้งที่ยังเช้าอยู่แท้ๆ


                      "มาสายอีกแล้วนะ"


                      ภาพของ'เจ้าหนี้'ที่ยืนพิงรถเก๋งคันหรูกระดิกเท้ารอปรากฏแก่สายตา หลังจากคยองซูหอบสารร่างลงมาจากรถเมล์ปลากระป๋องได้ แบคฮยอนที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่ก็ปั้นปึงแล้วเดินนำเขาไปที่โรงอาหาร


                      "ไปซื้อข้าวมานั่งกินด้วยกันสิ ผมจะได้คุยเรื่องหน้าที่ของพี่ไปด้วย"


                      "หน้าที่.." คยองซูทวนคำ  แล้วเดี๋ยวนะ เมื่อกี้ไอ้หน้าเลือดเรียกเขาว่าพี่เรอะ


                      "ก็หน้าที่เบ๊ที่พี่ต้องรับผิดชอบไง"


                      "อ้อ นายกินเถอะ ฉันไม่กินหรอก" คยองซูโบกมือไล่ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะยาวตัวหนึ่งในโรงอาหารคณะแพทย์ที่แบคฮยอนเป็นคนนัดมา เขาเคยชินแล้วกับการไม่กินข้าวเช้า เพราะมันกินไม่ลง แถมยังเปลืองเงินด้วย


                      "ถ้าไม่กินจะเรียนรู้เรื่องได้ยังไงกันเล่า" แบคฮยอนบ่น แล้วมองหน้าคนแก่กว่าอย่างนึกได้ "อย่าบอกนะว่าไม่มีเงินซื้อข้าวกิน"


                      คยองซูน่าบึ้งทันทีที่ได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย "จะกินก็กินไปคนเดียว แล้วก็เงียบๆด้วย"


                      แบคฮยอนคงไม่รู้ตัวว่าพูดเสียงดัง และโรงอาหารของคณะแพทยศาสตร์ก็ไม่เหมือนที่อื่น  นักศึกษาแพทย์ต่างสาขามากหน้าหลายตาจะนั่งทานข้าวเช้ากันเป็นกลุ่มๆ พูดคุยถึงเรื่องเคสสตัดดี้ที่กำลังเรียน รวมถึงอ่านเท็กซ์บุ๊ค เรียกได้ว่ามันเงียบพอๆกับห้องเรียนห้องหนึ่งเลย


                      แบคฮยอนกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งพร้อมกับข้าวต้มปลาหอมๆของตัวเองและคยองซู คนอายุน้อยกว่าดันชามอคริลิคสีขาวลายดอกไม้ไปตรงหน้าคยองซูแล้วพูดเร็วๆ  "อะ เลี้ยง"


                      "ไม่กิน ฉันไม่ใช่ขอทานนะ" คยองซูหน้าบึ้ง อยากจะลุกไปจากที่ตรงนั้นแต่ก็ไปไม่ได้เพราะแบคฮยอนยังไม่อนุญาต คนอายุน้อยทำหน้าบึ้งกลับแล้วพูดเสียงแข็งชัดถ้อยชัดคำ


                      "กินเข้าไป นี่คือคำสั่ง"


                      ท่าทางแข็งกระด้างของอีกคนทำให้คยองซูยอมทำตามแม้จะไม่เต็มใจและไม่ค่อยพอใจนัก หลังจากเสร็จสิ้นมื้อเช้า แบคฮยอนก็สร้างข้อตกลงว่า หลังจากนี้ทุกๆเช้า คยองซูจะต้องมารอที่โรงอาหารคณะแพทย์ เมื่อเขามาถึงคยองซูจะต้องเป็นคนไปซื้อและเตรียมอาหารมื้อเช้าพร้อมกาแฟไว้ให้ในตอนที่แบคฮยอนอ่านหนังสือ และในบางทีที่แบคฮยอนไปห้องสมุดก็จะตามตัวอีกฝ่ายมาช่วยหาหนังสือและช่วยยกหนังสือที่ยืมไปไว้ที่รถ


                      ฟังๆดูก็ไม่หนักหนาอะไรนัก แต่คยองซูกลับรู้สึกอึดอัดใจ ในหัวก็คิดแค่เพียงว่าขอให้มันจบลงให้เร็วที่สุดก็พอ




     



                      "ขอโทษนะที่ตื่นสาย วันนี้กูต้องทำมึงสายไปด้วยแน่เลย" หลังจากตื่นขึ้นมาและพบว่าเป็นเวลาเกือบจะแปดโมง จงอินก็ตาลีตาเหลือกรีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะไม่อยากจะไปเรียนสายทั้งที่เพิ่งจะเปิดเทอมวันแรก หลังจากปลุกให้เซฮุนตื่นเพื่อไปส่ง จงอินก็พูดน้ำเสียงติดจะงอแงปนง่วงงุนอยู่ข้างๆคนที่กำลังสตาร์ทรถ เซฮุนหัวเราะเบาๆแล้วจับไหล่ให้อีกคนหันมามองหน้าก่อนจะสวมหมวกกันน็อคและใส่สายรัดที่ใต้คางให้


                      "วันนี้เรียนสิบโมง ไม่รีบหรอกน่า" น้ำเสียงอบอุ่นติดจะสบายๆทำให้จงอินเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอใส่หมวกกันน็อคเรียบร้อยก็วาดขาคร่อมเจ้า'สมรักษ์'มอเตอร์ไซค์สี่สูบคู่บุญของเซฮุนแล้วพึมพำเสียงเบา  


                      "ขอบคุณนะ"


                      "ว่าไงนะ" คนที่กำลังง่วนกับการใส่หมวกกันน็อคของตัวเองหันมาถาม จงอินส่ายหัวดิก


                      เป็นเวลาเกือบอาทิตย์แล้วที่เซฮุนและจงอินย้ายมาอยู่หอเดียวกัน หอพักบรรยากาศอบอุ่นที่อยู่กันสามคนได้แบบสบายๆ มีห้องน้ำอยู่ในตัว มีที่สำหรับวางชั้นหนังสือและโทรทัศน์  ทั้งเซฮุน จงอิน และแบคฮยอนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากอยู่แล้ว ทำให้ไม่มีความรู้สึกว่าอึดอัดหรือไม่เป็นส่วนตัว


                      นอกจากสถานที่จะทำให้รู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น จงอินเองก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซฮุนเริ่มจะเดินออกไปไกลคำว่าเพื่อนทีละเล็กละน้อยเช่นกัน


                      เวลาที่กินมื้อเย็นด้วยกันพูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถามในสิ่งที่ไม่เคยถาม และเซฮุนก็ให้คำตอบตรงไปตรงมา


                      เวลาที่นั่งเบียดกันบนโซฟาเล็กๆตอนที่ดูหนังที่เช่ามาจากร้านใต้หอพัก แม้ว่าแบคฮยอนจะนั่งอยู่ด้วยแต่โซฟามันก็ไม่ได้แคบถึงขนาดที่จำเป็นต้องนั่งเบียดกันเสียเมื่อไร  เราไม่จำเป็นจะต้องนั่งเบียดกัน แต่จงอินก็รู้สึกว่าการอยู่แบบนั้นทำให้อุ่นขึ้นเล็กน้อย



                      จงอินชอบอยู่ใกล้ๆเซฮุน  รู้สึกว่าทุกอย่างลงตัวไปหมดเวลาที่เราอยู่ใกล้ๆกัน





     
     

                      "ชานยอล ไม่ดีขึ้นเลยเหรอลูก ไปทำงานไหวไหม" สัมผัสเย็นชืดจากมือของคุณแม่แตะที่หน้าผาก ชานยอลกระถดตัวเองหนี ไม่รู้ว่ามือของแม่เย็นหรือเป็นร่างกายของเขาเองกันแน่ที่ร้อนเพราะพิษไข้


                      "ลุกมาทานข้าวทานยาก่อนมา"


                      "ไม่กินยาได้ไหมครับ เดี๋ยวผมนอนพักก็หายนะแม่"  คนตัวใหญ่ดื้อดึงจะทิ้งตัวลงนอน ตลบผ้าห่มคลุมตัวแล้วพลิกหันหลังให้คนเป็นแม่จนคุณนายปาร์คได้แต่ส่ายหน้าให้ความรั้นของลูกชาย ตบผ้าห่มเบาๆแล้วปล่อยให้ชานยอลนอนพัก



                      ทันทีที่ประตูปิดไล่หลังไป ชานยอลก็ลืมตาขึ้น ห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินเข้ม ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แก้วใส่ปากกาทำจากกระเบื้องโมเสกเล็กๆที่เซฮุนให้เป็นของขวัญวันปีใหม่ตอนเจ็ดขวบ รูปถ่ายของเซฮุนและเขาเมื่อปีที่แล้วตอนไปตกปลาด้วยกัน ในมือชานยอลอุ้มปลาตัวใหญ่เท่าแขน ส่วนเซฮุนจับตะขอที่เกี่ยวปากมันไว้ด้วยสีหน้าภูมิใจ 



                     ทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องยังเหมือนเดิม ภายนอกมันเหมือนเดิม แต่ร่องรอยความทรงจำที่อยู่ในนั้นเตือนให้ชานยอลรู้ว่ามันกำลังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว



                      หลายวันแล้วที่ชานยอลไม่ได้เห็นหน้าเซฮุน นับตั้งแต่วันที่ทะเลาะกันครั้งสุดท้าย เดาเอาว่าน้องคงจะย้ายไปอยู่หอพักกับเพื่อนๆตามที่บอกไว้  รู้สึกอยากจะร้องไห้พอนึกถึงใบหน้าและน้ำเสียงเคืองขุ่นของน้องตอนที่เอาแต่ตอบโต้อย่างแข็งกระด้างเพียงเพราะเขาไม่สามารถให้ความรักตอบได้



                      เมื่อสองปีก่อน ตอนที่เซฮุนปิดเทอมใหญ่ช่วงม.5  เป็นช่วงที่ชานยอลลาออกจากงานเก่าและเตรียมไปทำงานในบริษัทใหม่ ช่วงที่อยู่ว่างๆนั้น เขาและเซฮุนไปเที่ยวด้วยกันในหลายๆที่ ทำอะไรด้วยกันหลายๆอย่าง และชานยอลก็มีความสุขกับช่วงเวลาเหล่านั้น



                     นึกย้อนกลับไป ชานยอลเสียดาย เสียดายที่เมื่อสองปีก่อน ในคืนนั้นเซฮุนไม่น่าพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา มันคงง่ายกว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันไปโดยที่ไม่ต้องมีสถานะอะไรมาเป็นกรอบกั้น ชานยอลนึกเสียดายที่ความรู้สึกดีๆทำให้เซฮุนเจ็บปวดเพียงเพราะเขาไม่สามารถแสดงออกได้ในสถานะที่เซฮุนต้องการ



                      ชานยอลหลับตาและปล่อยให้ความร้อนรุมที่หัวตาพาให้สติค่อยๆวูบไหวเหมือนเปลวเทียนที่ดับลงในท้ายที่สุด ชานยอลน้อยใจ เขาหวังอยู่ลึกๆในใจว่าเซฮุนจะเข้าใจในการกระทำของตัวเองบ้าง แต่ก็รู้ว่ามันเป็นแค่หวังลมๆ ก็ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงเด็กนัก วุฒิภาวะเอย ความคิดความอ่านเอย อย่างไรซะเด็กก็ยังคงเป็นเด็ก



                      ชานยอลเคยหวาดกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะต้องเสียเซฮุนไป จะมองหน้ากันไม่ได้อีกถ้าหากเริ่มต้นความสัมพันธ์ในแบบนั้นกับน้องชายที่เขาเอ็นดูในฐานะน้องคนหนึ่งมาตลอด กลัวว่าด้วยวัยวุฒิและสังคมที่แตกต่างกันมากมายจะทำให้ประคองความสัมพันธ์ไปได้ไม่รอด



                      แต่ในตอนนี้ชานยอลก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เมื่อระหว่างเขาและเซฮุนไม่มีแม้แต่ความรู้สึกดีๆเหลือให้รักษา เซฮุนคงเกลียดชานยอลจับใจ ในขณะที่ปาร์คชานยอลยังคงอยู่ที่เดิม




     
    [ 11 - 18 ]





                      "น้องคนนั้นใครวะ" ลู่หานปรายตามองไปทางเซฮุนแล้วกระซิบถามเพื่อนรักที่กำลังจัดการย่างบาร์บีคิวในมือ  ชานยอลมองตามสายตาของลู่หานแล้วร้องอ้อ


                      "น้องข้างบ้านน่ะ"


                      "มีของแรร์ไม่แชร์เพื่อนเลยนี่หว่า" ว่าที่นักศึกษารัฐศาสตร์ยิ้มแต้ ล้อเลียนชานยอลที่ทำหน้ามึนใส่ย่างบาร์บีคิวต่อไปเงียบๆ


                      "แชร์บ้าอะไรวะ นั่นเพิ่งขึ้นม.หนึ่ง ตอนมึงสอบติดรัฐศาสตร์เค้าไม่มีสอบกฏหมายพื้นฐานเหรอวะ"


                      "มีดิ"  ลู่หานขมวดคิ้วตอนที่ชานยอลถามขึ้นมาแบบนั้น  "ทำไมวะ"


                      "พรากผู้เยาว์อะรู้จักมั้ย"


                      ลู่หานหัวเราะ ท่าทางขบขันน่าดูตอนที่ชานยอลพูดออกมาแบบนั้น เขารู้อยู่แล้วแหละว่าชานยอลคงไม่สนใจเด็กวัยขนาดนั้นแน่ๆ แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีก "กูแซวเล่นน่า"


                      "น้องคนนั้นใครน่ะ" คราวนี้เป็นอี้ฟานที่กระซิบถามขึ้นมาบ้าง ชานยอลอยากจะเอาที่คีบบาร์บีคิวฟาดหัวเพื่อนรักเรียงตัวทีละคน


                      "น้องข้างบ้าน มึงนี่ก็อีกคนอี้ฟาน เสี้ยนข้าวแดง อยากติดคุกกันมากใช่มั้ย"


                      พูดเชิงๆบ่นจนอี้ฟานที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เลิกคิ้ว "คุกอะไรวะ กูแค่ถามเพราะเห็นน้องเค้ามองมึงน่ะ"


                      "มองกู?" ชานยอลทวนคำแล้วหันไปทางที่เซฮุนนั่งอยู่ และพบว่าน้องชายข้างบ้านกำลังมองเขาอยู่จริงๆ ชั่ววินาทีที่สบตากันเซฮุนก็หลบสายตาไป และทำให้ชานยอลไม่เข้าใจในท่าที


                      "น้องเค้าน่ารักดีนะ" ลู่หานพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อนี้ของอี้ฟานทันที


                      "ไม่ใช่ว่าเค้าชอบมึงเหรอวะ"


                      "ไม่หรอกมั้ง" ชานยอลเดา "กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"


                      นั่นเป็นครั้งแรกที่ชานยอลเริ่มสงสัยในสายตาที่เซฮุนใช้มองมา สายตาแบบที่เซฮุนใช้จ้องมองเขา ความเติบโตที่ซึมซับเอาวันเวลาตั้งแต่เพิ่งจำความได้จนกระทั่งปัจจุบัน ชานยอลแค่คิดว่าบางทีเซฮุนอาจจะเพียงแค่อยากสนิทกันเหมือนที่เราเล่นด้วยกันเสมอตอนเด็กๆ


                      แต่ไม่เคยนึกฉุกคิดในคำของอี้ฟานและลู่หานเลยว่านั่นคือความรู้สึกที่รอวันปะทุของเซฮุน







    - ติ ด ต า ม ต่ อ ต อ น ห น้ า  -
    _________________________


    ขอบคุณที่ยังติดตามและรอฟิคเรื่องนี้เสมอนะคะ

    แท็ก : #พิชาน25น้องฮุน18


     


        O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×